Saturday, March 31, 2007

ตอนที่ 23

หลังจากที่ผมกับชัชเค้นถาม จนถึงขนาดลงไม้ลงมือกับมัน คือรุมซ้อมมัน แต่ซ้อมเล่นๆนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งมันจริงๆ ก็ปกติไอ้นัยมันน่าแกล้งอยู่แล้ว ใครจะไปอดได้ ก็ขึ้นเข่าลงศอกกันพอสมควร มันก็ยังไม่ยอมบอก สรุปแล้วก็เลยต้องยอมปล่อยให้มันอุบเอาไว้ก่อน ที่สำคัญคือไอ้นัยมันบอกเสียด้วยว่ารู้กันเฉพาะเราสามคน แสดงว่ามันไม่ได้บอกเพื่อนคนอื่นๆเลย คันหัวใจเหมือนกันนะครับไอ้ความอยากรู้เนี่ย ไอ้ชัชยิ่งออกอาการมากกว่า มันโวยวายว่าถ้าเกิดมันไม่ได้ไป แล้วมันจะดูของดีได้ยังไง

“ยังงั้นก็ต้องอด” ไอ้นัยพูดแล้วยิ้มแบบเยาะเย้ย “กูก็รู้กับไอ้อูสองคน”

“ดีละนะมึง ถ้ากูไม่ได้ไปด้วยละก็มึงจำไว้เลย” ไอ้ชัชฝากคำอาฆาต

“ขี้เกียจจำโว้ย มึงก็หาทางมาให้ได้ก็แล้วกัน เอ้อ ยังงี้ก็ได้ มึงก็หนีออกมาแล้วออกอุบายว่าถูกจับไปเรียกค่าไถ่ ดีมั้ย กูช่วยเขียนจดหมายเรียกค่าไถ่ให้ก็ได้ นอกจากได้เที่ยวแล้วยังได้เงินใช้อีกต่างหาก ฮ่าฮ่า” ไอ้นัยพูดหน้าตาย ดูมันคิดสิครับ คิดได้ไงเนี่ย สงสัยจำมาจากทีวีแน่ๆเลย

“เฮ้ย อย่าไปเล่นยังงั้น” ผมห้าม “ลายมือมึงดูก็รู้ว่าเด็กเขียน ใครจะเชื่อวะ อีกอย่าง ถ้าเกิดพ่อมันไม่ยอมไถ่ แล้วไอ้ชัชมันจะทำยังไง”

“มันจ่ายค่าเทอมแล้วนี่ ยังไงเทอมนี้ก็ไม่อดละ เทอมหน้าค่อยคิดกัน” ไอ้นัยก็เอาสีข้างถูไถไปเรื่อย เวลาผมเล่านี่อาจไม่ค่อยตลก ต้องดูหน้ามันด้วยครับถึงจะตลก ขนาดไอ้ชัชฟังก็ยังต้องหัวเราะ

หลังจากจัดการเรื่องจ่ายเงิน ซื้อหนังสือเสร็จ ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องแยกย้ายกันกลับ ก่อนแยกจากกัน ผมกระซิบถามมันเบาๆด้วยความทะลึ่ง

“วันนี้มึงใส่กางเกงในมาหรือเปล่าวะ”

“ไม่ใส่ เอ๊ย ใส่ ทำไมเหรอ” ไอ้นัยถาม

“เปล่า แค่อยากรู้” ผมตอบ คืออันนี้เป็นมุขน่ะครับ เล่นกันเฉพาะพวกเราสามคนเท่านั้น เป็นมุขเวลาจะจับไอ้นัยแก้ผ้า ปกติไม่ได้ถามอย่างเดียวหรอกครับ ต้องจับดอมันแล้วก็ถามด้วย ส่วนไอ้นัยก็จะตอบมั่วไปเรื่อย บางทีใส่ก็บอกว่าไม่ใส่ บางทีไม่ใส่ก็บอกว่าใส่ แล้วมันก็จะถามกลับว่าถามทำไม จากนั้นก็จะถูกจับแก้ผ้า อิอิ แต่ว่าวันนี้คนเยอะ ไม่กล้าจับแก้ผ้า ได้แต่ถามเอาอย่างเดียว

ว่าจะไม่เล่าแล้วนะ เรื่องมุข เพราะคิดว่าจะเก็บเอาไว้เป็นความลับสมัยเด็กสักหน่อย แต่ไหนๆก็เล่ามาเยอะแล้ว ไม่รู้จะหวงไปทำไมอีก ก็เล่าให้หมดเปลือกละกันครับ

หลังจากวันนั้น ผมก็กลับบ้านไปอีก พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะได้เจอกับไอ้ชัชไอ้นัยอีกครั้ง ตอนนั้นหยุดเขียนจดหมายแล้วครับ เพราะว่าใกล้เปิดเทอมแล้ว เขียนไปก็ไม่มีประโยชน์ คิดถึงไอ้นัยทุกวันเลย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อยากเร่งให้วันคืนมันผ่านไปเร็วๆเสียเหลือเกิน จนแม้แต่พ่อแม่ผมก็ยังรู้สึกผิดสังเกตว่าช่วงหลังๆนี่ผมดูอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก จะอ่านหนังสือก็อ่านไม่ได้นาน เดี่ยวผุดลุกผุดนั่ง แต่ใครจะกล้าไปบอกละครับว่าคิดถึงไอ้นัย ตอนนั้นปากแดงๆ จมูกรั้นๆ ผมหยักศก ใบหน้าของมันลอยอยู่ข้างหน้าผมทั้งวันทั้งคืน ใครจะไปมีสมาธิได้ ส่วนไอ้ชัชนั้นก็คิดถึงบ้างเหมือนกันแหละครับ แต่ไม่มากเท่าไอ้นัย (ชัช มึงอย่าน้อยใจนะที่กูพูดความจริงแบบนี้) ตอนนั้นแยกแยะอารมณ์ตัวเองไม่ออกเหมือนกันครับว่าคิดถึงไอ้นัยแบบไหน และความรู้สึกที่ผมมีต่อมันเป็นแบบใด

และแล้ว วันที่รอคอยอย่างทุรนทุรายก็มาถึง ในที่สุด พ่อก็หอบหิ้วพาผมมาส่งที่บ้านของอาไอ้นัยเลย เพราะอาไอ้นัยอุตส่าห์วาดแผนที่ไว้ให้ตั้งแต่วันที่ไปชำระค่าเทอม กว่าจะไปถึงก็เกือบเที่ยงแล้ว เพราะพ่ออกช้า วันนั้นจำได้ว่าผมไม่พอใจบ่นพ่อใหญ่เลย เพราะว่าพ่อออกสายนี่แหละ ทำให้เวลาที่ผมจะเล่นอยู่บ้านไอ้นัยมีน้อยลง บ่นจนพ่อโมโหเกือบจะเตะผมและไม่พาผมมาแล้ว ดีที่ผมหยุดบ่นเสียก่อน

พอมาถึง ผมก็ต้องดีใจมาก เพราะนอกจากจะเจอไอ้นัยแล้ว ยังเจอไอ้ชัชยืนตีหน้าทะเล้นอยู่ข้างๆด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้หวังเอาไว้เท่าไรเหมือนกันเรื่องไอ้ชัช เพราะพ่อมันธุระเยอะ แต่ในที่สุดมันก็มาได้จริงๆ

หลังจากเด็กๆทำความเคารพผู้ใหญ่ และพวกผู้ใหญ่ทักทายกันแล้ว พ่อของผมก็ลากลับ คราวนี้แมวไม่อยู่ หนูๆอย่างพวกเราก็ระเริงได้ แต่ยังก่อนครับ เพราะว่าคุณอาของไอ้นัย ทั้งอาผู้ชายและอาผู้หญิงยังอยู่บ้านกันทั้งคู่เลย เลยไม่ค่อยกล้าซนมากนัก ต้องวางฟอร์มสุภาพเคร่งขรึมเอาไว้ก่อน เด็กๆก็หน้าไหว้หลังหลอกกันยังงี้แหละครับ

หลังจากถามไถ่ไอ้ชัช ก็ได้ความว่าป๋ามันพามันมาส่งตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้งนี้ไอ้ชัชมันตื๊อสุดชีวิต ดังนั้นแม้มีธุระแต่ก็ไม่อาจขัดลูกบังเกิดเกล้าได้ เลยรีบเอามาทิ้งไว้ที่บ้านไอ้นัยตั้งแต่เช้า แล้วป๋าหรือว่าพ่อก็ไปทำธุระต่อ

“ไหนวะนัย อะไรที่จะอวด” ผมไม่พูดพล่ามทำเพลง พอได้โอกาสที่อยู่กันเพียงสามคนก็ถามไอ้นัยทันที

“ฮึ ยังไม่บอก” ไอ้นัยส่ายหัวดิก

ไอ้ชัชมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าอาไอ้นัยไม่อยู่แถวนั้น ก็เตะตูดไอ้นัยไปหนึ่งป้าบ

“แม่งไม่บอกเสียที กูเบื่อชิบหาย” ไอ้ชัชบ่น

ไอ้นัยมีสีหน้าโกรธขึ้นมาทันที “มึงอย่าพูดแม่งได้ไหมวะ”

คือปกติไอ้ชัชไม่ค่อยพูดคำว่า “แม่ง” สักเท่าไร ผมก็ไม่ค่อยพูดครับ คือพูดเหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะติดปากเหมือนเด็กบางคนที่อ้าปากก็แม่ง หุบปากก็แม่ง และปกติแล้วไอ้นัยจะไม่ค่อยพูดคำหยาบหรือคำสบถ พูดน้อยแทบจะนับครั้งได้เลย ดังนั้นผมกับไอ้ชัชจะเกรงใจมัน ไม่ค่อยพูดหยาบคายหรือสบถ หรือใช้ภาษาแรงๆกับมัน แต่วันนี้สงสัยไอ้ชัชจะหงุดหงิดเล็กน้อยเลยหลุดปากออกมา

ไอ้ชัชกับผมก็ตกใจสิครับ เพราะไม่เคยเห็นไอ้นัยโกรธใคร นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นจริงๆ ผมก็แปลกใจนะครับ ว่าทำไมคำว่าแม่งถึงทำให้ไอ้นัยโกรธได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีเรื่องอื่นๆที่เราแกล้งมัน มันน่าโกรธกว่านี้อีกมันยังไม่โกรธเลย งงจริงๆครับท่านผู้ชม

“ไอ้นัย มึงเป็นไรไปว้า กูไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ไอ้ชัชพูดกับมัน น้ำเสียงอ่อนโยนเลยละครับทีนี้ ไอ้นัยเงียบ ไม่ตอบ แต่หน้ายังบึ้งตึงอยู่

“ขอโทษมันหน่อยเถอะชัช” ผมพูด เพราะเห็นอาการไอ้นัยไม่ค่อยจะดี ไอ้ชัชมันก็ดีครับ ไม่ถือทิษฐิอะไร พอได้ฟังรีบงอนง้อขอโทษไอ้นัยทันที

“อ่า อ่า อ่า กูขอโทษนะ ตะหลังไม่พูดคำนี้กับมึงแล้ว” ไอ้ชัชพูดตะกุกตะกัก ท่าทางตอนนั้นก็น่าขำดี เพราะมันอึกๆอักๆ วางสีหน้าไม่ค่อยจะถูก

เรื่องในวันนั้นเป็นเรื่องที่ผมและไอ้ชัชต้องจำไว้เลยครับ ว่าไอ้นัยไม่ชอบให้ใครพูดคำว่าแม่งกับมัน ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันครับว่าทำไม ถามมันมันก็ไม่พูด

ที่จริงเจ้าบ้านต้องเอาใจแขกนะครับ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้แขกสองคน คือผมกับชัช ต้องเอาใจเจ้าบ้าน คือไอ้นัย เพื่อให้มันหายหน้าบึ้ง ต้องแกล้งทำลิงทำค่างหยอกล้อมัน ในที่สุดไอ้นัยก็กลับมาอารมณ์ดีตีหน้าตายตามเคย

เมื่อมันอารมณ์ดีแล้ว ผมก็วกกลับมาที่เรื่องเก่าอีก

“ไหนวะนัย ไอ้อะไรที่จะให้ดูน่ะ” ผมถาม

“เดี๋ยวดิ รอก่อน คืนนี้ค่อยดู” ดูมันสิครับ ตอนแรกบอกให้มา ไม่มาแล้วจะเสียใจ พอมาแล้วบอกให้รอคืนนี้ก่อน ไอ้ชัชฮึดฮัดไม่พอใจอีก แต่ไอ้นัยไม่สนใจ

บ่ายวันนั้นไม่ค่อยมีสีสันเท่าไร เพราะว่าอาทั้งสองของไอ้นัยอยู่บ้าน พวกเราเลยไม่กล้าเล่นกันเสียงดัง ก็เล่นกับแบบเซ็งๆ เวลาผู้ใหญ่อยู่ด้วยนี่ไม่สนุกเอาเลย แต่ว่ายังโชคดีหน่อย ที่ตอนบ่ายแก่ๆ อาทั้งสองของไอ้นัยก็ออกจากบ้านไปเห็นบอกกับไอ้นัยว่าจะไปตรวจงานตกแต่งที่บ้านลูกค้า

เอาละครับ คราวนี้ได้เวลาหนูระเริงกันจริงๆแล้ว เพราะพวกผู้ใหญ่ไปกันหมด ตอนที่อาไอ้นัยอยู่นี่เงียบๆ พอออกจากบ้านไปเท่านั้นแหละครับ ไอ้ชัชแหกปากหัวเราะไล่หลังไปเลยทีเดียว (โธ่ ไอ้ลิงหลอกเจ้า) และแล้ว บ้านอันเงียบเหงาก็กลับกลายเป็นบ้านอันครึกครื้นเพราะมีแต่เด็กแก่นๆ ๓ คนอยู่ในบ้าน แหกปากกันได้ตามสบายเพราะเพื่อนบ้านอยู่ห่างตั้งโยชน์

พอปิดประตูบ้านเท่านั้นแหละครับ ผมก็พยักหน้ากับไอ้ชัช เป็นอันรู้กัน

“ไอ้นัย วันนี้มึงใส่กางเกงในหรือเปล่าวะ” ผมก็ถามคำถามเดิมอีก แต่คราวนี้ไม่ถามเฉยๆ และไม่รอคำตอบด้วย เอามือกระตุกกางเกงของมันออกมาเลย ตอนนั้นมันใส่กางเกงบอลอยู่ พอกางเกงบอลหลุดก็เห็นกางเกงใน

“อ้อ วันนี้ใส่แฮะ” ไอ้ชัชเสริม ว่าแล้วก็เตรียมจะลงมือถอดกางเกงในของไอ้นัย เรื่องแกล้งไอ้นัยนี่เราสองคนเข้าขากันดีครับ

“เฮ้ย เดี๋ยว ไม่อยากรู้เหรอว่ากูมีอะไรจะอวด” ไอ้นัยพูด

“มึงอวดจู๋มึงก่อนละกัน แล้วค่อยอวดอย่างอื่น” ไอ้ชัชไม่ยอมหยุดมือ สงสัยมันคงอยากล้างแค้นเรื่องเมื่อเที่ยงด้วยแหละ ผมก็ไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อไอ้ชัชถอดกางเกงใน ผมก็ลงมือถอดเสื้อไอ้นัย

“โทษทีนะนัย ไอ้ชัชมันบังคับให้ทำ” ผมพูดไปยังงั้นแหละ อิอิ แก้เก้อ

พอกางเกงนัยหลุด ผมต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกเลยละครับ เพราะว่าตรงเป้าของไอ้นัยเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ เพราะไม่เจอกันสองเดือน ตอนนี้พงหญ้าอ่อนสีเทาของมันดกดำหนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อิจฉาจัง ของผมยังไม่มีเลย

“หมอยดกจังวุ้ย” ไอ้ชัชแซวแบบเข้าเป้าไม่อ้อมค้อมเลย ไอ้นัยกระเดาะปากดังกึ๊กกั๊กแบบภูมิใจ

“มึงไม่ต้องอิจฉา เด็กๆ” ไอ้นัยว่า เลยโดนไอ้ชัชตบหัวเบาๆไปหนึ่งที

“พูดยังกับมึงไม่ใช่เด็กแน่ะ หมอยดกแค่นี้ทำคุย”

หลังจากต่อปากต่อคำกันพอสนุก ไอ้นัยก็พาพวกเราขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูของที่มันต้องการจะอวด

No comments: