Wednesday, June 27, 2007

ตอนที่ 42

วันนั้นผมนึกถึงแต่ไอ้นัย อยากมีอะไรกับมันมาก แข็งตั้งแต่เช้าเลย เทอมหนึ่งใช้เวลาเรียนประมาณ ๔ เดือนกว่าๆ นี่ปาเข้าไปปลายเทอมแล้ว คิดแล้วก็ไม่ได้มีอะไรกับไอ้นัยมาตั้งหลายเดือนแล้ว ส่วนใหญ่มีแต่กับไอ้ชัช

“คิดถึงมึงว่ะ” ผมกระซิบบอกมันที่ข้างหู ก็อย่างที่เคยบอกว่าผมเป็นคนปากแข็ง วันนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมบอกความรู้สึกในใจเกี่ยวกับตัวมันออกมา เสียดายครับ มีโอกาสบอกกับมันน้อยไปหน่อย

“เจอกันอยู่ทุกวัน” ไอ้นัยกระซิบตอบ แต่ผมรู้ว่ามันเข้าใจความหมายของผมดี

ผมกอดมันแน่น รั้งก้นมันเข้ามา เป้ากางเกงของเราสองคนบดบี้กัน หอมแก้มมันไปทีหนึ่งแรงๆ

“กับไอ้ชัชยังไม่พออีกเหรอ” ไอ้นัยกระซิบอีก มันกำลังกัดผมว่าจะหื่นอะไรหนักหนา แต่ขณะเดียวกัน เป้ากางเกงของมันก็โป่งออกมา และไอ้นัยน้อยข้างในแข็งเป็นลำ

ผมไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง ในใจรู้สึกผิดต่อไอ้ชัชอยู่เหมือนกัน ผมทำอะไรผิดต่อมันก็ยังไม่รู้เลย แต่ว่าความรู้สึกมันบอก

ผมปลดกระดุมเสื้อท่อนบนของมันออก และไซร้หัวนมมันเล่น ไอ้นัยเสียวจนร้องคราง นมแข็งเป็นเม็ดเลย ผมเองก็เสียวอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

ผมแก้เข็มขัดและปลดตะขอกางเกงออก แล้วพยักเพยิดกับไอ้นัยเป็นทีให้มันถอดกางเกงออก ไอ้นัยก็ว่าง่าย เพียงพริบตาเราทั้งสองก็อยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่าง ใส่แต่เสื้อ ถุงเท้า กับรองเท้า ก็ดูตลกดีเหมือนกัน

ไม่เห็นมันแก้ผ้ามาหลายเดือน พงหญ้าของไอ้นัยก็ยิ่งดกดำขึ้น ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ ท้องน้อยและดอของเราบดบี้เสียดสีกันไปมา เพียงแค่เสียดสีกันครู่เดียวเท่านั้น มือยังไม่ทันจะโดนเลย ผมก็รู้สึกว่าเสียวจนน้ำใกล้จะแตก ทำไมวันนี้น้ำจะแตกเร็วขนาดนี้ก็ไม่รู้ (ปกติก็แตกเร็วอยู่แล้ว แหะๆ)

“จะแตกยัง” ผมกระซิบถามไอ้นัย มันพยักหน้า แสดงว่าคงเสียวใกล้ได้ที่แล้วเหมือนกัน ผมเลยจับดอทั้งของมันและของผมกำไว้ด้วยกัน แล้วชักเข้าออก คงนึกภาพออกนะครับ เราหันหน้าชนกัน ดอคู่อยู่ในมือ เวลาผมชักเข้า ของมันก็เป็นชักออก ก็เจ็บนิดหน่อยเหมือนกันครับ เพราะดอแห้งๆมันเสียดสีกัน แต่ก็ให้ความรู้สึกที่เสียวซ่านมาก มันคล้ายเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ผมแสบปนเสียวได้เพียงครู่เดียวก็น้ำแตกออกมาเลอะท้องน้อยไอ้นัยไปหมด ส่วนไอ้นัยเองก็น้ำแตกตามมาติดๆ น้ำว่าวของมันเลอะท้องน้อยไหลย้อยไปตามขาของผม เพราะน้ำของไอ้นัยมันเยอะ ส่วนน้ำว่าวของผมก็เลอะเทอะอยู่บนพงหญ้าของมัน ยิ่งดูยิ่งดูเป็นภาพที่แปลกตากระตุ้นอารมณ์ ส่วนมือของผมนั้นไม่ต้องพูดถึง เลอะทั้งน้ำว่าวของผมและของมันปนกันไปหมด

“เลอะหมดเลย” ไอ้นัยบ่นอุบอิบ “มีอะไรเช็ดป่าว”

“อยู่ในกระเป๋า หยิบให้ทีดิ” ผมบอกให้ไอ้นัยหยิบให้เพราะมือของมันไม่เลอะ

หลังจากนั้นเราก็เช็ดทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว พงหญ้าของมันเช็ดอย่างไรก็ไม่แห้ง มันจับกันเหนอะๆ ไอ้นัยเลยบ่นผมว่าทำมันเลอะ เสียดายครับวันนี้น้ำแตกเร็วไปหน่อย อยากมีเวลาสนุกกับมันนานกว่านี้ แต่ก็ต้องรีบๆทำ เพราะว่ากลัวคนจะรู้ อีกอย่าง กังวลว่าอาของไอ้นัยจะมารับและรออยู่ด้วย

หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เราก็เดินออกจากห้องน้ำทีละคน ไอ้นัยมันออกมาก่อน ทิ้งจังหวะรอสักครู่ เมื่อเห็นปลอดคนไม่มีใครสังเกตเรา มันก็เรียกให้ผมเดินตามออกมา หลังจากนั้นเราก็ทำไก๋เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เป็นวันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขมาก ความสุขที่ได้จากไอ้นัยเป็นอะไรที่ไอ้ชัชให้ผมไม่ได้ ที่จริงก็แปลกนะครับ น้ำแตกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกัน เทอมนั้นเป็นเทอมที่ผมเริ่มมีความสับสนในชีวิต เพราะมีอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจ อย่างเช่นความรู้สึกที่ผมมีต่อไอ้ชัชกับไอ้นัย

ชีวิตของพวกเราในช่วงท้ายของ ป. ๖ เทอมหนึ่ง ก็คงดำเนินไปในลักษณะนี้ ไอ้พงษ์ก็ยังชอบโชว์ในห้องตามเดิม แก๊งล้วงควักหลังห้องของไอ้เชียรก็ยังล้วงควักกันตามปกติ เพียงแต่ปลายเทอมแล้วทุกอย่างก็เพลาๆลงไปหน่อยเพราะว่าใกล้สอบก็ต้องเคร่งเครียดกันหน่อยเป็นธรรมดา

ส่วนชีวิตในหอก็คงเป็นเช่นเดิม ผมกับไอ้ชัชไม่ค่อยกล้าไปทำอะไรกันกลางดึกแล้วเพราะกลัว ส่วนการการชักว่าวหมู่ในห้องน้ำก็ยังมีตามเดิม นำทีมโดยไอ้พงษ์ แต่ผมก้าวหน้าขึ้นอีกนิดหน่อย คือบางทีมีอารมณ์ขึ้นมาแม้ไอ้พงษ์ไม่อยู่ก็ชักว่าวกับไอ้ชัชตอนอาบน้ำนั่นแหละ พูดง่ายๆคือบางทีผมก็ก้าวขึ้นมานำทีมชักว่าวเสียเองน่ะครับ แล้วก็จะมีคนอื่นๆชักตามบ้าง แต่ผมกับไอ้ชัชนั้นต่างคนต่างชักนะครับ ไม่กล้าทำให้กัน

คู่ขาของไอ้พงษ์นั้นก็ยังเป็นเด็กชายลึกลับอยู่ ผมกับไอ้ชัชก็ยังเดาไม่ออกว่าเป็นใคร ส่วนไอ้คู่นั้นมันจะมีอะไรกันในห้องน้ำอีกหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เพราะตั้งแต่ผมกับไอ้ชัชไม่กล้าไปทำอะไรกันตอนดึกก็ไม่รู้เรื่องของมันอีกเลย

ชีวิตของของแก๊งสามช่าเราสามคนในช่วง ป.๖ เทอมหนึ่งก็คงมีเพียงเท่านี้ครับ หลังจากนั้นก็จะเป็นปิดเทอมกับเทอมปลายแล้ว ขนาดเทอมต้นผมว่าชีวิตเริ่มสับสนแล้วนะครับ ตอนปิดเทอมและเทอมปลายยิ่งสับสนหนักเข้าไปใหญ่ จะสับสนอย่างไรและเพียงไหนต้องช่วยกันลุ้นครับ

Friday, June 22, 2007

ตอนที่ 41

หลังจากที่ปล่อยให้ไอ้นัยงงอยู่เป็นนานว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนพักเที่ยงเราสามคนก็ไปนั่งกินข้าวกันตามปกติ จากนั้นผมก็เล่าความจริงให้มันฟัง

“มิน่าล่ะ เมื่อเช้าไอ้ชัชเล่ากูยังไม่อยากเชื่อ เพราะปกติมันขี้อำ” ไอ้นัยพูด ไอ้ชัชมันขี้เล่นชอบอำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นเวลามันพูดอะไรต้องหาอะไรมาหารไว้ก่อนเสมอ ไอ้นัยก็รู้ข้อนี้ดี “แล้วไอ้คนที่โม้คให้ไอ้พงษ์นี่ใครอ่ะ” ไอ้นัยถาม

“นั่นน่ะดิ ยังไม่รู้เลย” ผมตอบ

หลังจากนั้นพวกเราก็ลองวิเคราะห์กันดูว่าใครคือคู่ขาลึกลับของไอ้พงษ์ ผู้ต้องสงสัยมีหลายคนครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ชักว่าวหมู่กันตอนอาบน้ำนั่นแหละ แต่คนที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือไอ้อรรถซึ่งเรียนอีกห้องหนึ่ง เพราะนอนเตียงติดกันกับไอ้พงษ์และดูสนิทสนมกันดี ส่วนนักเรียนประจำในห้องของผมไม่น่าใช่เพราะพวกเรานอนห้องเดียวกันหมด มีแต่ไอ้พงษ์ที่เรียนห้องเดียวกันกับพวกเราแต่ต้องนอนอีกห้องหนึ่งเพราะมันมาทีหลัง

ใครจะเป็นคู่ขาของไอ้พงษ์มันก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไรหรอกครับในตอนนั้น ที่สำคัญก็คือหลังจากวันนั้น ผมกับไอ้ชัชไม่กล้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำสองคนอีกเลย เพราะว่ากลัวเจอไอ้พงษ์ กลางดึกอีก กลัวความลับแตกครับ เลยได้แต่ชักว่าวหมู่ตอนอาบน้ำเท่านั้น ไม่อยากจะบอกเลยว่าช่วงนั้นอดอยากปากแห้งมาก ปกติได้สนุกกับไอ้ชัชก็ต้องเลิกไป เหลือแต่ใช้มือมัน คงพอนึกออกนะครับว่าพอเราเรียนรู้อะไรที่มันดีกว่าใช้มือแล้ว พอต้องกลับไปใช้มืออีก มันรู้สึกไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร

นอกจากนี้ ตอน ป. ๖ เทอมหนึ่ง เป็นช่วงวัยที่ผมเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ของตนเอง คือผมรู้สึกอยากมีเซ็กซ์กับไอ้นัยครับ กลางวันก็เจอมันทั้งวันแต่ก็ยังอดคิดถึงมันไม่ได้ เพราะแค่เจอกันเฉยๆมันไม่พอ อยากมีอะไรกับมันเหมือนตอนที่เราอยู่กันที่คูน้ำส่วนตัวที่ท้ายสวนบ้านผมอีก ความรู้สึกนี้แม้ไอ้ชัชก็ไม่อาจทดแทนได้ คือมีอะไรกับไอ้ชัชก็ดีอยู่หรอก แต่ก็ยังอยากมีกับไอ้นัย มันมีความรู้สึกอะไรที่ลึกๆอยู่ในใจมากกว่าการมีเซ็กซ์ แต่ตอนนั้นผมยังอธิบายกับตัวเองไม่ถูกครับว่ามันคืออะไร บางทีตอนกลางวันนึกถึงไอ้นัยตอนที่เราอยู่ท้ายสวนกันก็แข็งเป็นชั่วโมงเลย

ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับไอ้ชัช คือปกติผมกับไอ้ชัชจะไม่มีอะไรปิดบังกัน มีอะไรผมก็เล่าให้มันฟังหมด มันมีอะไรมันก็เล่าให้ผมฟังหมดเช่นกัน มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ผมไม่ได้เล่า ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คือบางอย่างไม่อาจตัดสินได้ด้วยเหตุผลครับ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ควรเล่า หรือจะเป็นความอายก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจ แต่สรุปแล้วผมก็เลยเก็บเรื่องนี้เงียบไว้ในใจแต่เพียงคนเดียว

จนมาวันหนึ่ง ตอนนั้นปลายเทอมหนึ่งแล้วครับ หลังจากที่ผมกับไอ้ชัชไม่ได้ไถก้นกันมานานเหมือนกันเนื่องจากกลัวใครมาเห็นเข้า ความรู้สึกที่ว่าอยากมีอะไรกับไอ้นัยก็ทวีมากขึ้นทุกวันๆ จนในที่สุด วันหนึ่งผมอดรนทนไม่ได้ ผมเลยแอบกระซิบกับไอ้นัย

“ไอ้นัย เย็นนี้เลิกเรียนแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ สี่โมงไปรอกูที่ร้านขนมในโรงอาหารหน่อย” โรงอาหารนี่ก็คือโรงที่เรากินข้าวกลางวันกันนั่นแหละครับ ปกติตอนเย็นหลังเลิกเรียนแล้วจะไม่ค่อยมีคน เพราะร้านอาหารส่วนมากเก็บร้านไปหมดแล้ว ส่วนร้านขนมนั้นเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงร้านไหน เพราะเป็นเจ้าประจำของพวกเราสามคน

“อย่าบอกไอ้ชัชนะ” ผมย้ำ ไอ้นัยทำหน้าเอ๋อ สีหน้าบ่งบอกว่าสงสัยทำไมบอกไม่ได้ ผมเลยย้ำไปอีก “น่า ขอร้องล่ะ อย่าบอกนะ”

ไม่รู้ว่าพอจะเดากันออกไหมว่าผมนัดไอ้นัยเจอกันตอนเย็นเพื่ออะไรลองอ่านต่อละกันครับ ว่าเดากันถูกหรือเปล่า

หลังเลิกเรียนวันนั้น สมัยนั้นเลิกเรียนบ่ายสามโมงครึ่ง บ่ายสี่โมงก็ยังบ่ายอยู่ ไม่ถึงกับเย็น แต่บางทีพวกเราก็เรียกกันว่าตอนเย็น จะเอาอะไรกับเด็กละครับ ปกติหลังเลิกเรียนแล้วไอ้นัยก็จะกลับบ้าน ผมกับไอ้ชัชก็จะกลายเป็นแฝดตัวติดกัน มักไปไหนด้วยกันเสมอ ถ้ามีการเล่นบอลกันก็จะเล่นด้วยกัน หรือไม่ก็นั่งทำการบ้านด้วยกันในห้องเรียน บางทีไอ้นัยก็จะอยู่ด้วย ขึ้นกับว่าอามันมารับตอนไหน แต่ส่วนใหญ่อามันมักมารับเร็ว หลังจากนั้นผมกับไอ้ชัชก็จะเข้าหอด้วยกัน พอเข้าหอแล้วส่วนใหญ่ก็อยู่ด้วยกันอีกละครับ จะมีบ้างที่แยกกันก็ตอนช่วงค่ำ เพราะบางทีผมอยากอ่านหนังสือก็หลบมุมไป ส่วนไอ้ชัชไม่ค่อยชอบอ่านเท่าไร ก็นั่งดูทีวีไป

แม้เราจะสนิทกัน แต่รสนิยมก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน ผมชอบอ่านหนังสือ ไอ้ชัชไม่ค่อยชอบ ไอ้นัยก็กลางๆ อ่านมั่งไม่อ่านมั่ง ผมชอบฟังเพลงโฟล์ค ไอ้ชัชชอบฟังเพลงป๊อปไทย ส่วนไอ้นัยก็ดูเหมือนจะกลางๆตามเคย มีก็ฟังไม่มีก็ไม่ฟัง ใครเปิดอะไรก็ฟัง ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าไอ้นัยเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยมีตัวตน หรือไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไร อะไรก็ได้ เรื่อยๆ ตามคนอื่นได้ทั้งนั้น แต่ที่จริงผมรู้ว่ามันชอบเพลงป๊อปกับป๊อปร็อคของฝรั่ง ดูตลับเทปในห้องมันก็รู้

ผมหาโอกาสโยกโย้กับไอ้ชัชด้วยการนั่งอู้อยู่ในห้องเรียน ทำการบ้านบ้าง ถามการบ้านเพื่อนบ้าง จนวันนั้นช้าเป็นพิเศษ จนไอ้ชัชทนรอผมไม่ไหว เลยเข้าหอไปก่อน ผมก็บอกว่าจะรีบตามไป

หลังจากนั้นก็เดินไปทางด้านหลังของโรงเรียน ณ ที่นั้น ไอ้นัยนั่งตีหน้าตายรอผมอยู่ที่โรงอาหารอยู่แล้ว

“วันนี้เล่นอารายวะอู นัดมาทำไม” ไอ้นัยตั้งคำถามทันทีที่เจอหน้า โชคดีมากๆที่อามันยังไม่มา ถ้าอามันมาผมก็ไม่ได้เจอมัน

ผมอึ้ง พูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มต้นกับมันว่ายังไงดี

“ตามมานี่ดิ” ผมบอกไอ้นัย แล้วคว้ากระเป๋าเรียนยัดใส่มือมันแล้วลากมันออกมาจากโรงอาหาร

เราเดินออกจากโรงอาหารเลียบกำแพงหลังโรงเรียน พอเดินไปได้หน่อยก็เจอห้องส้วมประถมต้น ส้วมประถมต้นนี่ก็สำหรับเด็กประถมต้นครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ลักษณะพิเศษของมันก็คือ อะไรๆเล็กไปหมดให้สอดคล้องกับร่างกายของเด็กประถมต้น โถฉี่ก็เล็ก ส้วมก็ห้องเล็กๆ ทำเลของส้วมประถมต้นนั้นถ้าเป็นตอนเย็นจะปลอดคน เพราะมันอยู่หลังโรงเรียน ไม่ค่อยมีเด็กผ่านไป

“มึงเข้าไปรอในส้วม อย่าล็อคนะ” ผมบอกไอ้นัย เพียงแค่นี้ไอ้นัยก็รู้แล้วว่าผมพามันมาทำอะไร มันมองหน้าผมไม่พูดอะไร แต่ทำเสียงหัวเราฮุฮุแบบกวนประสาทอยู่ในลำคอ แล้วก็เดินหายลับเข้าไปในส้วมพร้อมทั้งปิดประตู ไอ้นัยมันก็ดีอย่างนี้ละครับ มันไม่เคยขัดใจเพื่อนฝูงเลย ถ้าสมมติว่าเปลี่ยนจากไอ้นัยเป็นไอ้ชัช มันจะต้องต่อปากต่อคำจนหนำใจก่อนจะยอมเดินเข้าไปในห้องส้วม

ความรู้สึกของผมในตอนนั้นบอกไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่เหมือนกับรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยปิดอะไรไอ้ชัชเลย แต่เรื่องในวันนี้ผมต้องแอบทำโดยไม่ให้มันรู้ ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าทำไมไม่บอกให้มันรู้ ทั้งๆที่เรื่องเซ็กซ์นั้นปกติมีอะไรกันทั้งสามคนก็ไม่ได้อายกันอยู่แล้ว

ผมรอสักพัก จนแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต ที่จริงตอนนั้นในระยะใกล้ก็ไม่มีใครอยู่แล้วละครับ แต่ในระยะไกลๆยังเห็นเด็กเล่นกันอยู่ในสนาม ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยผมจึงรอสักระยะ จากนั้นก็เดินตามเข้าส้วมห้องที่ไอ้นัยเข้า แล้วก็ปิดประตูล็อคกลอน

พอเข้าส้วม วางกระเป๋านักเรียนเสร็จเท่านั้นแหละครับ ผมก็จับไอ้นัยมากอดและซุกไซร้ซอกคอมันทันที

Sunday, June 17, 2007

ตอนที่ 40

ไอ้ชัชกดควยของมันทิ่มลงมาในรูก้นของผม ตอนควยของมันชำแรกเข้ามา ผมเจ็บแปลบ แต่ก็ต้องจำทน

ไอ้ชัชเห็นควยของมันชำแรกเข้ามาได้แล้วก็พยายามดันต่ออีก มันชำแรกเข้าไปได้อีกช่วงหนึ่ง ผมก็รู้สึกแสบร้อนที่ก้นจนทนไม่ไหวตามเคย ก็เลยกระเถิบตูดหนี

ทันใดนั้นเอง มีเสียงคนเดินเข้าห้องน้ำมาอีก วันนี้มันเป็นอะไรของมันวะ ทำไมคนเข้าห้องน้ำบ่อยจัง ผมกับไอ้ชัชยืนตัวแข็งอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้โชคดีที่ไอ้คนที่มามันเข้ามาฉี่เฉยๆ ฉี่เสร็จมันก็รีบออกไป แต่มันก็ทำให้เราเกิดความกลัวขึ้นมาอีก

“ชัช รีบๆเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ผมเร่งมัน

ไอ้ชัชก็คงเห็นท่าไม่ได้การ เลยได้แต่เพียงไถร่องก้นของผม มันไถได้ไม่นานน้ำก็แตก คราวนี้รู้สึกว่าน้ำของมันเยอะเป็นพิเศษเหมือนกัน เพราะก้นของผมเลอะไปหมดเลย ดังนั้นจนแล้วจนรอด เราก็ยังเสียบกันไม่สำเร็จ

“ตายห่า” ไอ้ชัชอุทานเบาๆหลังจากน้ำแตกเรียบร้อยแล้ว “ลืมเอาทิชชู่มา”

คือตามปกติ เวลาเราจะมาสนุกกันในห้องน้ำ เราจะติดเอาทิชชู่มาด้วย เวลาน้ำแตกแล้วก็ใช้ทิชชู่เช็ดเอา เพราะถ้าล้างน้ำก็จะวุ่นวายและมีเสียงดังด้วย แต่คราวนี้ด้วยความที่มัวนึกถึงแต่เรื่องที่จะได้เสียบตูดกัน เลยลืมเอาทิชชู่มาเสียสนิท แล้วคราวนี้มันก็เลอะสุดๆเสียด้วย เพราะไม่ได้เลอะแต่น้ำว่าว แต่ว่ามันเลอะออยล์ด้วย

เมื่อไม่มีอะไรเช็ด ก็ไม่รู้จะทำยังไง อาบน้ำใหม่ก็ไม่ได้เอาอุปกรณ์อะไรมาเลย แต่ถึงจะอาบก็ไม่ได้เพรราะเสียงอาบน้ำจะทำให้เด็กในหอตื่นขึ้นมา

ทำไปทำมาก็เลยต้องตัดสินใจกลับห้องทั้งๆที่เลอะเทอะแบบนั้น ใส่กางเกงในเข้า แล้วก็ใส่กางเกงนอนกับเสื้อนอน ตอนใส่กางเกงในนี่ก็ กึ๋ยยย์ ก็ทั้งก้นและท้อง ท้องน้อย เลอะด้วยน้ำว่าวกลิ่นคาวเหมือนคาวปลาคลุ้งไปหมด บรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน การเล่นเสียวกับไอ้ชัชครั้งนี้นับว่าทุลักทุเลสุดๆ ไอ้ชัชก็ทุลักทุเลพอกัน ยังดีนะครับที่วันนี้ใส่กางเกงในมาด้วย คือปกติเด็กนักเรียนประจำมักจะใส่กางเกงในนอนด้วย ไม่มีใครสอนหรอกครับ แต่เห็นคนอื่นทำก็เลยทำบ้าง เหมือนกับเป็นธรรมเนียมที่รู้กัน แต่ทว่าตั้งแต่ ป.๕ เป็นต้นมา ผมก็ได้ซึมซับเอานิสัยไม่ใส่กางเกงในจากไอ้นัยมาบ้าง ดังนั้นบางคืนก็ไม่ได้ใส่กางเกงในนอน ตื่นเช้าก็ควยโด่ตุงเกางเกงนอนเลย แต่ก็ไม่อายอะไร เพราะเพื่อนๆในห้องนอนขนาดอาบน้ำยังแก้ผ้าอาบด้วยกัน เรื่องควยโด่ในกางเกงแค่นี้ไม่เห็นจะเป็นไร

นี่ถ้าไม่ได้ใส่กางเกงในมา ชุดนอนของผมคงต้องเปรอะไปด้วยน้ำว่าวไปหมดแน่เลย

พอแต่งตัวเสร็จ เราสองคนก็ค่อยๆชะแง้ออกมาจากห้องส้วม หลังจากนั้นพอเห็นปลอดคนก็รีบย่องกลับไปที่ห้องนอนทันที แต่เวลานอนนี่นอนไม่ค่อยหลับเลยครับ มันรู้สึกแหยะๆในกางเกงอย่างไรก็ไม่รู้

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ผลอยหลับไป หลับรวดตื่นขึ้นมาอีกทีก็กริ่งปลุกตอนเช้าเลย

ผมนอนดิ้นอย่างสบายใจอยู่บนเตียงเพราะเพิ่งตื่นกำลังงัวเงีย เลยลืมไปว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา

“เฮ้ย กลิ่นอะไรวะ คาวชิปเป๋งเลย” เสียงไอ้อั้นคนที่อยู่เตียงถัดจากผมเอะอะเอ็ดตะโร “ใครเอาปลาแห้งมาไว้ในห้องวะ”

“นั่นดิ กลิ่นตุๆ ใครเอามาวะ” อีกคนหนึ่งก็บ่น ทำจมูกฟุดฟิด

ส่วนผมนั้นตอนนั้นไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่ก็ยังไม่ได้เฉลียวใจว่ากลิ่นนั้นมาจากที่ไหนเพราะเพิ่งตื่นนอน สมองยังไม่แล่น

“กลิ่นไรฟะ ไม่เห็นได้กลิ่นเลย” ผมบอก ตัวก็ยังนอนเกลือกลิ้งอยู่บนเตียง

ไอ้อั้นทำจมูกฟุดฟิดไล่มาจนถึงเตียงผม “กูว่ากลิ่นมาจากเตียงมึงนะไอ้อู” ไอ้อั้นพูด

“กลิ่นอะไรวะ ไม่เห็นมี มึงได้กลิ่นมั้ยไอ้ชัช” ผมไม่ได้กลิ่นก็เลยหันไปถามไอ้ชัช เห็นมันนอนทำหน้าตูมอยู่บนเตียง ไม่พูดอะไร

“มาจากมึงนี่แหละไอ้อู” ไอ้อั้นสรุปแบบฟันธงหลังจากมันเอาจมูกมาดมตามเตียงและตามตัวผม “หูย กางเกงกลิ่นคาวฉุยเลย ไปทำอะไรมาวะ” มันแหกปาก

ฉิบหาย นึกได้แล้ว กลิ่นน้ำว่าวที่มันเลอะตัวผมอยู่นั่นเอง ถ้ายังงั้นตัวไอ้ชัชก็คงมีกลิ่นเหมือนกัน มิน่าล่ะมันนอนทำหน้าตูมไม่กล้าพูดอะไร กลัวไอ้อั้นสืบมาถึงตัวมันนั่นเอง

ไอ้อั้นไม่พูดเปล่า มันถือวิสาสะรั้งเป้ากางเกงผมขึ้นมาพิจารณา เห็นที่เป้ามีคราบแข็งจับเป็นปื้นเลย มันดึงกางเกงนอนของผมลง แล้วสำรวจกางเกงในที่ผมใส่อยู่ เห็นคราบน้ำว่าวแห้งกรังเต็มไปหมด ก็กางเกงในแอ๊ปเปิ้ลบางๆนี่ครับ พอมันซับคราวน้ำว่าวจากลำตัวของผมก็จับเป็นคราบแห้งกรังบนกางเกงใน

“ไอ้ห่านี่ฝันเปียกนี่เอง ฮ่าๆๆ” ไอ้อั้นสรุปแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก พวกเพื่อนๆในห้องก็พากันล้อเลียนที่ผมฝันเปียกกันสนุก “มึงชักว่าวบ่อยๆแล้วยังฝันเปียกอีก ขี้เงี่ยนฉิบหายเลยนะมึง” เรื่องพฤติกรรมการชักว่าวของผมนั้นพวกเพื่อนๆจะรู้กันเพราะไปชักว่าวหมู่กับไอ้พงษ์

“เมื่อคืนมึงฝันว่าอะไรวะไอ้อู ได้ไปตีหม้อเหรอ” อีกคนหนึ่งแซว

รอดตัวไป ให้พวกเพื่อนมันคิดว่าผมฝันเปียกก็ยังดี ดีกว่ารู้ความจริงว่าผมไปเล่นเสียวกับไอ้ชัชมา ส่วนไอ้ชัชยังไม่กล้าลุกจากเตียง สงสัยกลัวคนได้กลิ่นจากตัวมันมั้งครับ เพราะถ้าผมมีกลิ่นติดตัว ไอ้ชัชก็คงมีด้วย แต่บังเอิญไอ้อั้นมัวมาสนใจผมเสียก่อน เลยไม่ได้สังเกตว่าที่จริงแล้วคนที่ส่งกลิ่นมีอยู่สองคน

- - - - -

เช้าวันนั้น ในห้องเรียนก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ ขณะที่ผมกับไอ้ชัชมาถึงห้องเรียน ก็พบว่าไอ้นัยนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆอยู่แล้ว ปกติไอ้นัยมักจะมาก่อนครับ พอไอ้นัยมันเห็นผม มันก็หลิ่วตาให้อย่างมีเลศนัย ซึ่งมีแต่เราสามคนเท่านั้นที่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

ไอ้ชัชเดินเข้าไปตบหัวไอ้นัยเล่น

“อรุณสวัสดิ์ นี่แน่ะ ขอเบิร์ดกะโหลกสักที”

ไอ้นัยทำหน้าทะเล้น แล้วมองไปที่บั้นท้ายไอ้ชัช“เป็นไงชัช วันนี้สบายดี ฮุฮุ”

ไอ้ชัชรู้ทันว่าไอ้นัยคิดอะไร “มึงถามไอ้อูเอาเองก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็โน้มหน้าไปพูดข้างๆหูไอ้นัย “เมื่อคืนมันฝันเปียก เพื่อนในห้องนอนรู้กันหมด”

ไอ้นัยอ้าปากหวอ ทำหน้าเหวอๆ นึกไม่ถึงว่าผมจะฝันเปียกทั้งๆที่อุตว่าห์เอาเบบี้ออยล์ไปให้ส่วนไอ้ชัชนั้นแม้พูดข้างๆหูไอ้นัย แต่เสียงมันไม่ได้เบาเอาเลย เพื่อนๆในห้องที่กำลังจับกลุ่มคุยกับไอ้นัยอยู่ได้ยินกันหมด (ก็ที่จริงมันจงใจพูดให้คนได้ยิน)

“ไอ้อูฝันเปียกเหรอ ฮ่าๆๆๆ”

พวกมันฮากันลั่น ช่วยกันล้อเลียนผมใหญ่ ไอ้ชัชนะไอ้ชัช ทำกันได้ รู้ว่าเรื่องไม่จริงแล้วยังเอามาป่าวประกาศ แต่ที่จริงก็สนุกดีครับ ไม่ได้โกรธมันหรอก เรื่องแค่นี้ไม่อายอยู่แล้ว หน้าชักจะหนา อิอิ

Friday, June 15, 2007

ตอนที่ 39

แล้วก็เป็นไปตามคาด สักพักประตูห้องส้วมที่ผมอยู่ก็ถูกดันให้เปิดออก แต่โชคดีที่ว่าไอ้คนดันนั้นมันแค่จะเช็คว่าห้องส้วมล็อคอยู่หรือเปล่า ดังนั้นพอมันแง้มประตูนิดเดียวก็รู้ว่าห้องส้วมไม่ได้ล็อคกลอน ก็เลยเข้าใจว่าไม่มีคน มันก็ผ่านเลยไปดันห้องถัดไปแทน บานประตูห้องส้วมก็ปิดกลับมาอย่างเก่า หารู้ไม่ว่าห้องส้วมไม่ได้ล็อคแต่ข้างในมีคนอยู่ นี่ถ้ามันดันบานให้เปิดเยอะหน่อยก็คงเห็นผมกับไอ้ชัชยืนแก้ผ้าอยู่ นับว่าเป็นโชคดีนะครับที่ผมลืมล็อคกลอน ถ้าเกิดล็อคขึ้นมาละก็... โอย ไม่อยากนึกครับ

ถ้าใครมาเจอผมกับไอ้ชัชเข้านี่เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เบบี้ออยล์เลอะควยเลอะตูดกันทั้งคู่ มันต้องกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั้งชั้น ป.๖ หรือไม่อย่างนั้นอาจอื้อฉาวไปทั้งโรงเรียนเลยก็ได้ เพราะอย่างที่บอก พฤติกรรมการรับประทานถั่วดำในยุคนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับกัน แม้แต่ในหอพักชายซึ่งปกติมันก็มีมั่วๆเรื่องเซ็กซ์กันอยู่บ้าง แต่เต็มที่ก็แค่ชักว่าวหมู่ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะพอยอมรับได้กระมังครับ

ไอ้คนลึกลับที่ไม่รู้ว่าเป็นใครนั้นมันดันประตูทุกบานจนถึงส้วมห้องสุดท้าย

“เอาห้องนี้ละกัน” มันพูดเบาๆ ยังแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร อ้าว พูดแบบนี้ก็แสดงว่าไม่ได้มาคนเดียวสิ มันต้องมีอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกันเป็นแน่ มันมาทำอะไรกันวะ

ว่าแล้วมันก็เข้าไปในห้องส้วมห้องสุดท้าย ก็ถัดจากผมไปโดยเว้นห้องหนึ่ง ของผมเข้าส้วมที่สามนับจากห้องสุดท้าย

แล้วก็มีเสียงสวบสาบๆแบบคนกำลังถอดเสื้อผ้าออก ยังงี้ก็สวยสิครับท่านผู้ชม ผมกับไอ้ชัชมองหน้ากัน แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว ทั้งผมและไอ้ชัชต่างก็กำลังคิดว่ามีเด็กนักเรียนอีกคู่หนึ่งกำลังมาเล่นเซ็กซ์กันนั่นเอง ว่าแต่มันเป็นคู่ไหนล่ะ

“อมหน่อย เร้ว” เสียงดังมาจากห้องท้ายสุด ไอ้คู่นี้มันไม่ค่อยระวังตัวเลย พอคิดว่าไม่มีคนอยู่ก็พูดเสียงธรรมดา ต่างจากผมกับไอ้ชัชที่ค่อนข้างระวังตัว ใช้กระซิบกันเสมอ

“โม้คเร็วๆเข้าดิ” เสียงนั้นดังขึ้น ผมรู้แล้วว่าใคร หันไปมองหน้าไอ้ชัช มันก็พยักหน้า แสดงว่ารู้เช่นกันว่าใคร จะลองทายกันหน่อยไหมครับว่าใคร

ไอ้พงษ์นั่นเอง...

ไอ้พงษ์นี่ก็คงจะเบี่ยงเบนเหมือนกัน ถึงกับชวนกันมาโม้คในห้องส้วม ว่าแต่ไอ้คู่ขาของมันนี่คือใคร อยากรู้จริงๆ เพราะตั้งแต่เข้ามา มันเงียบเชียบไม่ได้พูดอะไรเลย มีแต่เสียงของไอ้พงษ์พูดอยู่คนเดียว

สักพักก็มีเสียงจ๊วบจ๊าบผลุบผลับดังเบาๆ ก็เสียงคนกำลังอมกันนั่นแหละครับ ผมกับไอ้ชัชฟังจนเกิดอารมณ์ควยแข็งขึ้นมาอีกรอบ นี่ขนาดได้ยินเสียงยังเร้าอารมณ์ขนาดนี้ ถ้าได้เห็นของของจริงจะขนาดไหน

สักพักก็มีเสียงไอ้พงษ์ครางออกมา ผมกับไอ้ชัชอารมณ์ก็กระเจิงสิครับ ผมจับไอ้ชัชมากอด ต้องค่อยๆขยับตัวครับ เดี่ยวไอ้พงษ์ได้ยิน แล้วเอาควยนาบเข้าไปในร่องก้นของมัน มือก็เอื้อมไปชักควยไอ้ชัชเล่นเบาๆ แต่ผมไม่กล้าไถก้นไอ้ชัชเพราะมันจะมีเสียงดัง

เสียงไอ้พงษ์ครางโอยๆเป็นจังหวะ สักพักก็เงียบไป... แล้วก็มีเสียงคนขากบ้วนน้ำลายเบาๆ สงสัยไอ้อีกคนนั่นคงซดน้ำไอ้พงษ์เข้าไปเต็มปาก น้ำว่าวมันโคตรคาวเลยครับ ขนาดชักว่าวกับมันยืนห่างๆยังได้กลิ่นคาว ไอ้นี่น้ำแตกในปากมันเต็มๆ ไม่อ้วกจะทนไหวหรือครับ

หลังจากขากถุยกันสักครู่ ก็มีเสียงสวบสาบดังเบาอีก สงสัยไอ้พงษ์กำลังโม้คให้อีกคนหนึ่งอยู่เป็นการตอบแทน แต่ไอ้อีกคนนี่ก็เงียบจริงๆ ไม่มีเสียงครางอะไรลอดออกมาเลย

- - - -

เพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าการฟังนั้นก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้สุดๆเหมือนกัน ผมกับไอ้ชัชยืนฟังเงียบกริบ ควยแข็งของผมนาบอยู่ในร่องก้นไอ้ชัช ส่วนมือของผมก็ชักว่าวให้ไอ้ชัชเบาๆ

เสียงสวบสาบดังต่อไปอีกชั่วครู่ก็เงียบลง จากนั้นก็มีเสียงขากและถ่มน้ำลายตามมา สักพักก็มีเสียงตักน้ำราดส้วมและเสียงปลดกลอนประตูห้องน้ำ ไอ้สองคนนั่นคงเสร็จกิจเรียบร้อยแล้วและกำลังจะจากไป

“น้ำมึงแม่งหวานฉิบหายเลยว่ะ” เสียงไอ้พงษ์ลอยเข้ามาขณะที่มันเดินผ่านหน้าห้องส้วมห้องที่ผมแอบอยู่ น้ำว่าวของใครวะ มีรสหวานด้วย ผมคันที่หัวใจ อยากโผล่ออกไปดูเหลือเกินว่าคู่ขาของไอ้พงษ์เป็นใครแต่ก็กลัวจะถูกไอ้พงษ์มันฆ่าปิดปากเอา เลยต้องปล่อยให้มันเดินจากห้องน้ำไปโดยไม่ได้แอบดู

หลังจากไอ้พงษ์และคู่ขาออกไปสักพัก คะเนว่าไม่กลับมาแน่แล้ว ผมกับไอ้ชัชก็เริ่มสนุกกันต่อ แต่ตอนนี้เป็นความสนุกที่ไม่ค่อยจะสนุก เพราะแม้เมื่อกี้ได้ฟังหนังสดปลุกอารมณ์มาก็ตาม แต่การที่ไอ้พงษ์โผล่เข้ามาในห้องน้ำก็ทำให้ผมกับชัชตกใจไม่น้อย มันทำให้เรารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี กลัวว่าจะมีใครโผล่มาอีก จะเลิกเพียงแค่นี้ก็อารมณ์ค้างตายเลย แต่ถ้าจะทำกันต่อก็ใจไม่ดี

“ต่อกันนะ ชัช” ผมกระซิบที่ข้างหูมันเบาๆ ไอ้ชัชพยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบ เห็นหูมันจ่อปากอยู่แค่นี้เอง เลยขบติ่งหูและไซร้ซอกคอมันอีกรอบ พอได้ไซร้ซอกคอมันเท่านั้น อารมณ์ก็หยุดไม่อยู่อีกต่อไป ใครจะเข้ามาอีกก็ไม่สนแล้ว ขอจัดการไอ้ชัชก่อน

ผมจับไอ้ชัชก้มโก้งโค้งลงไปอีกครั้ง พร้อมเอาควยจ่อที่ปากถ้ำของมันและลองดันเข้าไปอีกที แต่มันก็ยังไม่เข้าอีกเหมือนเดิม ถึงตอนนี้ออยล์ที่ทาไว้แห้งไปเยอะแล้ว ยิ่งฝืดและเอาไม่เข้าใหญ่ ผมเอื้อมมือไปคว้าขวดออยล์จะมาทาเพิ่ม แต่ออยล์ก็ดันเหลือแค่ติดก้นขวดเสียนี่ ไอ้นัยนะไอ้นัย เตรียมมาให้น้อยเกินไป

เมื่อไม่มีออยล์ ผมก็เลยเสียบก้นไอ้ชัชไม่สำเร็จ เลยได้แต่ไถร่องก้นมันเหมือนเคย แต่คราวนี้ผมไม่ไถเฉยๆ แต่เอามือช่วยเค้นแก้มก้นของไอ้ชัชให้มันหนีบควยผมแน่นยิ่งขึ้น แล้วไถอย่างรุนแรง ยิ่งแน่นก็ยิ่งเสียว

เพียงครู่เดียว น้ำของผมก็แตกออกมาเต็มร่องก้นของไอ้ชัช พอน้ำแตกละคราวนี้ไถได้ลื่นเชียว ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันฉีดออกมามากเป็นพิเศษ มันเยอะๆอย่างไรก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะฟังหนังสดกระตุ้นอารมณ์มานั่นเอง แม้น้ำแตกแล้วผมก็ยังไม่หยุด ผมยังไถก้นไอ้ชัชต่อไป แต่ว่าลีลาการไถช้าลง พร้อมทั้งปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอย เวลาน้ำแตกแล้วผมไม่ชอบหยุดเลยครับ รู้สึกว่าอารมณ์มันขาดช่วง ชอบไถถ่อไปอีกหน่อย ตอนน้ำแตกแล้วก้นไอ้ชัชลื่นๆนี่ไถแล้วรู้สึกสบายมากมีความสุขมากเลยครับ

“พอได้แล้วไอ้อู” ไอ้ชัชหันหน้ามากระซิบกับผมเมื่อเห็นผมไถจนเพลิน ไม่ยอมเสร็จเสียที “ให้กูมั่ง”

ผมถอนดุ้นออกมาจากร่องก้นอย่างเสียดาย พอน้ำแตกหมด ความหื่นก็หมดไป คราวนี้ความกลัวคนเข้ามาเห็นก็กลับเข้ามาอีกครั้ง

“เร็วนะชัช เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมกระซิบบอกมัน ไอ้ชัชหันมาแล้วเอามือเบิร์ดกระโหลกผมเบาๆ

“ไอ้หอก ทีเมื่อกี้ละไม่เห็นเร่งเลยนะ พอทีกูมั่งเสือกจะเร่ง”

ผมเห็นร่องก้นไอ้ชัชเปรอะไปหมด ส่วนควยและท้องน้อยของผมก็เลอะไม่แพ้กัน มันเป็นคราบน้ำว่าวผสมออยล์ เหนอะๆ ลื่นๆ

“คราวนี้กูได้เสียบตูดมึงแน่ไอ้อู” ไอ้ชัชกระซิบเบาๆด้วยท่าทีกระหยิ่ม

“ออยล์หมดแล้ว ไม่สำเร็จหรอก” ผมบอกมัน

ไอ้ชัชไม่ตอบ แต่เอามือไปป้ายก้นที่เลอะออยล์กับน้ำว่าวของมันเอง แล้วเอามาชโลมที่ควยของมัน เออ ไอ้นี่หัวดัดแปลงมันก็ร้ายไม่เบา มันพยายามหาทางเอาผมจนได้

“ก้มลง หันตูดมา” ไอ้ชัชสั่ง ผมหมดทางที่จะอิดออด เลยต้องหันก้นให้มันแต่โดยดี

Monday, June 11, 2007

ตอนที่ 38

ขณะที่กระซิบคุยกันอยู่นั้นผมยืนกอดมันจากด้านหลังอยู่ เวลาคุยก็เอาปากไปจ่อใกล้ๆหูมัน กลิ่นตัวผสมกลิ่นสบู่หอมของมันยิ่งทำให้ผมเกิดอารมณ์ จนผมอดไม่ได้ต้องงับติ่งหูมันและไซร้ซอกคอมันเล่น ยิ่งไซร้ก็ยิ่งรู้สึกว่าอารมณ์ของผมยิ่งคุโชน ไอ้ชัชเองก็ดูจะเสียวเช่นกัน เพราะมันครางเบาๆเวลาโดนผมงับติ่งหู (ไม่รู้ว่าเสียวหรือจั๊กกระจี้กันแน่) ตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ยกเว้นแต่แท่งกลางลำตัวเท่านั้นที่แข็งเด่ชูชันออกมา

ผมผลักไอ้ชัชออกแล้วพยักหน้าให้มัน มันก็ถอดเสื้อและกางเกงนอนออกอย่างรู้งาน ส่วนของผมก็ถอดเสื้อผ้าออกเช่นกัน

เมื่อร่างของเราทั้งสองเปลือยเปล่า ผมประกบร่างกับมัน ดอของเราสองคนประกบกันอยู่บนท้องน้อยและเสียดสีกันไปมา เสียวเหลือเกินครับท่านี้

บี้กันได้สักครู่ ผมก็จับไอ้ชัชหันหลังโก้งโค้ง จากนั้นเอาเบบี้ออยล์มาละเลงใส่มือและชโลมลงไปบนควยของตัวเอง อือม์ มันลื่นดีแฮะ ตอนเอามือชโลมนี่มันก็เหมือนกับชักว่าวนั่นแหละครับ พอมีออยล์แล้วรู้สึกลื่นๆ เสียวๆ สนุกดี

พอชโลมจนลื่นแล้ว ผมก็พยายามหารู้ก้นของไอ้ชัช เนื่องจากในห้องน้ำแสงน้อย จึงมองไม่ค่อยเห็น เลยต้องเอานิ้วช่วยคลำๆเอาด้วย

“เบาๆนะโว้ยไอ้อู” ไอ้ชัชกระซิบอีก สงสัยจะเข็ดจากครั้งก่อนเลยไม่ค่อยจะวางใจผมนัก

พอผมเอานิ้วคลำจนเจอรูก้นของไอ้ชัช ผมก็เอาลำควยจ่อเข้าไปทันที พร้อมกับดันเข้าไป คราวนี้ได้ผลแฮะ จากที่ครั้งก่อนไม่เข้าเลยสักนิด ครั้งนี้ส่วนหัวของผมมุดเข้าไปได้นิดหน่อยแล้ว แต่ก็เข้าไปได้น้อยมาก ยังไม่ถึงครึ่งของส่วนหัวเลย

“โอ๊ย เจ็บ” ไอ้ชัชบ่นอีก แล้วเอาตูดหนี

“ก็กูชโลมเบบี้ออยล์แล้วนี่นา” ผมกระซิบตอบมัน

“นั่นแหละ ก็ยังเจ็บอยู่” มันบอก

ผมเลยชโลมออยล์เข้าไปใหม่ คราวนี้เอาเสียหัวโชกเลย แล้วก็เสียบเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น หัวมุดเข้าไปในก้นไอ้ชัชได้ประมาณครึ่งหัวแล้ว ผมรู้สึกรัดที่หัวควยมาก ทั้งรัด ทั้งเสียว เออ ไอ้รูตูดนี่มันดียังงี้เอง

ผมพยายามดันต่อไปอีก ดันจนหัวเข้าไปได้หมดเท่านั้น ไอ้ชัชก็ทนไม่ไหว ร้องว่าเจ็บแล้วถอยตูดหนีอีก ควยของผมก็หลุดออกจากก้นมัน

“ยังเจ็บอยู่ว่ะ ไม่ไหวแล้วอู ทั้งเจ็บ ทั้งคับ เหมือนอะไรมายัดอยู่ในตูด” ไอ้ชัชบ่นเสียงกระซิบ

“ก็ควยของกูยัดอยู่ยังไงล่ะ หัวมันเข้าไปได้แล้วนะโว้ย” ผมกระซิบบอกมัน “ขออีกทีไม่ได้เหรอ เสียวชิบหาย โคตรมันเลย” ผมอ้อนวอน

ไอ้ชัชส่ายหัว ไม่ยอมท่าเดียว นอกจากจะไม่ยอมแล้วยังเอื้อมมือไปหยิบขวดเบบี้ออยล์มาชโลมควยตัวเองอีกด้วย

“มึงจะทำไรวะชัช” ผมถาม แกล้งถามไปยังงั้นแหละ ที่จริงรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“มึงไม่ต้องมาทำไก๋ โก้งโค้งเข้าไอ้อู ตากูแล้ว” มันสั่ง

ผมโก้งโค้งให้มันแต่โดยดี มันยอมผม ผมก็ต้องยอมมัน เพื่อนกันจะเอาเปรียบกันได้อย่างไร

“เบาๆนะโว้ย” ผมกระซิบ พอจะทิ่มคนอื่นละหื่นเชียว พอถึงคราวตัวเองโดนทิ่ม ผมก็ชักขยาดกลัวเจ็บตูดเหมือนกัน

ไอ้ชัชไม่พูดอะไร เอามือมาคลำที่ร่องก้นเพื่อหารูก้นผม เมื่อเจอแล้วก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เสียบเข้าไปทันที

“โอ๊ย เบาๆหน่อยสิโว้ย” ผมโวยเบาๆ ตอนควยมันแทรกเข้ามาในก้นผม รู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งหน่วง เป็นความรู้สึกที่แปลก ตอนก่อนหน้านั้นมันเข้ามาไม่ได้ เลยรู้สึกแสบแค่ปากประตู แต่ตอนนี้ควยไอ้ชัชมันชำแรกเข้ามาได้นิดหน่อยแล้ว แม้จะมีเบบี้ออยล์ช่วยแต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมเข้าใจแล้วว่าไอ้ชัชมันรู้สึกอย่างไรตอนโดนผมเสียบ

“เข้าได้แค่ไหนแล้ว แสบฉิบหาย” ผมถาม แม้จะรู้สึกแสบ แต่ก็ไม่ถอยตูดหนี เพราะเมื่อเข้าใจว่ามันเจ็บอย่างไร ผมก็รู้สึกอยากตอบแทนมันบ้าง ที่จริงมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกแสบเสียทีเดียวหรอกครับ มันทั้งแสบทั้งร้อน เหมือนกับใครเอาเหล็กร้อนๆมานาบ เป็นความรู้สึกที่ทรมานมากในตอนต้น

“หัวเข้าได้เกือบหมดแล้ว กูเสียบเข้าไปต่อละนะ” ไอ้ชัชบอกให้ผมเตรียมตัว

“เฮ้ยๆไม่ไหว เอาออกก่อน” ผมบอกมัน

ไอ้ชัชไม่ยอมเอาออก สงสัยคงจะหน้ามืด มันยึดตะโพกผมไว้ พยายามจะเสียบต่อไปให้ได้โดยไม่ฟังคำทัดทาน มันไม่ได้จะแกล้งผมหรอกครับ แต่คงอารมณ์พาไปมากกว่า ส่วนผมก็ไม่ยอม เลยดิ้นกันขลุกขลักอยู่ในห้องส้วมนั่นเอง

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมตกใจมาก โก้งโค้งตัวแข็งอยู่ในท่านั้นเลย ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวคนได้ยิน ส่วนไอ้ชัชก็ตกใจตัวแข็งไม่กล้าขยับเช่นกัน ดังนั้นทุกอย่างจึงหยุดนิ่งเหมือนจับภาพนิ่งเอาไว้ โดยควยไอ้ชัชยังคาอยู่ในก้นผม เวรกรรมจริงๆ จะค้างท่าไหนก็ไม่ค้าง ดันมาค้างตอนควยไอ้ชัชคาอยู่

แต่ผมตุงที่ก้นได้ไม่นานหรอกครับ เพราะเราทั้งสองคนต่างก็ตกใจจนจู๋หดหมดเลย จู๋ไอ้ชัชก็เลยหลุดออกมาเองโดยปริยาย

ซวยจริงๆ ดันมีคนเข้าห้องน้ำมาเสียได้ ตอนนั้นห้องส้วมที่ผมกับไอ้ชัชอยู่นั้นไม่ได้ล็อคกลอนด้วย แค่ปิดประตูไว้เฉยๆ เพราะลืม มัวแต่วุ่นเตรียมจะเอาตูดกัน มาตอนนี้จะล็อคก็ไม่ทันแล้ว เพราะถ้าขยับกลอน คนที่เข้ามาต้องได้ยินเสียงแน่นอน

ไอ้คนเข้าห้องน้ำมานี่ก็แปลก พอเข้ามาแล้วไม่ไปที่โถฉี่ กลับเดินไปเดินมาหน้าห้องส้วม อยากรู้จังว่าเป็นใคร

สักพักมันก็เดินไปห้องส้วมริมนอกสุด แล้วผลักประตูเบาๆ เสียงประตูแง้มแล้วปิดเอาดังปึงเบาๆ ต้องขออธิบายหน่อยครับว่าประตูห้องส้วมในห้องน้ำนี้มันตั้งบานไว้ไม่ค่อยจะดี หรือจะจงใจก็ไม่รู้ แต่ว่าตัวบานประตูจะอยู่ในลักษณะปิดอยู่เสมอ คือประตูจะอยู่ในสภาพเปิดแง้มๆไม่ได้ ดังนั้นเวลาคนจะเข้าห้องส้วมจะไม่รู้ว่าห้องไหนมีคนอยู่ ต้องเอามือดันประตูส้วมทีละบาน ถ้าเปิดได้ก็แปลว่าไม่มีคน

ไอ้คนที่เข้าห้องน้ำมานี้เอามือดันประตูส้วมเรียงตั้งแต่ห้องนอกเข้ามาเลย เหมือนกับว่ามันกำลังเช็คว่าห้องน้ำมีคนอยู่หรือเปล่า

ตายล่ะสิ เดี๋ยวมันก็ต้องมาเปิดห้องนี้ด้วย ผมกับไอ้ชัชค่อยๆขยับตัวให้เบาที่สุด แล้วค่อยๆขยับตัวไปอยู่ที่ตำแหน่งหลังบานประตู ยืนแก้ผ้าตัวแข็งอยู่อย่างนั้น

Friday, June 8, 2007

ตอนที่ 37

ช่วงหลังๆผมกับไอ้ชัชแอบทำอะไรกันสองคนตอนดึกๆน้อยลง เพราะว่ามักจะร่วมวงชักว่าวกับไอ้พงษ์ ชักกันหลายๆคนก็มันดีครับ ตื่นเต้นดี อีกสาเหตุหนึ่งก็คือกลัวว่าจะมีใครเห็น คือสมัยนั้นการที่เด็กหอจะชักว่าวด้วยกันตอนอาบน้ำไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้ามีอะไรกันมากกว่านั้นเช่นการไถร่องก้นกันมันก็ยังเป็นเรื่องที่แปลกอยู่ คิดว่าสังคมของเด็กหอก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก เพราะไม่มีใครเขาทำกัน ดังนั้นผมกับไอ้ชัชก็เลยต้องแอบๆทำ เวลาจะมีอะไรกันทีก็ต้องระวังและรีบทำให้เสร็จเร็วๆเพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า ดังนั้นพอได้ร่วมชักว่าวหมู่กับไอ้พงษ์ซึ่งมันก็พอทดแทนกันได้เรื่องไถก้นกันก็เลยห่างๆไป

ตอนดึกวันนั้น ผมบอกไอ้ชัชหลังดูทีวีเสร็จและกำลังจะเข้านอนว่าอย่าเพิ่งรีบหลับ ซึ่งมันก็เข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไร

“เดี๋ยวดึกๆขอยืมตูดหน่อยนะ” ผมกระซิบบอกมันที่เตียงนอน

ไอ้ชัชตบหัวผมเบาๆ “เกิดเงี่ยนอะไรขึ้นมาวะวันนี้”

“เดี๋ยวมึงก็รู้ วันนี้มีของดี” ผมแค่พูดเป็นนัยๆ ยังไม่บอกว่ามีอะไร เพราะว่าไอ้ชัชมันมีนิสัยอยากรู้ ถ้าทำให้มันอยากรู้เข้าไว้มันจะได้ตั้งใจคอยไม่หลับ ไม่อย่างนั้นหัวถึงหมอนไม่นานก็คร่อกฟี้แล้ว

“ของดีไรฟะ แหกตาป่าว” ไอ้ชัชยังไม่ค่อยเชื่อ

“เถอะน่า บอกว่ามีก็มีสิ กูเคยหลอกมึงเหรอ”

“บ่อยเลยว่ะ อย่าให้พูดเลย” อ้าว เป็นงั้นไป ไปหลอกมันตอนไหนวะเนี่ย อิอิ ที่จริงผมอำมันบ่อยๆครับท่านผู้ชม

ตอนเข้านอนนี่สามทุ่ม ถ้าจะรอให้ดึกจริงๆต้องสี่ห้าทุ่มโน่น ถ่างตารอไม่ไหวหรอกครับ ผมก็เผลอหลับไปเหมือนกัน เรื่องลำบากอีกอย่างของการแอบทำอะไรกับไอ้ชัชก็คือต้องรอดึกมากๆซึ่งบางทีเราสองคนก็รอไม่ไหว เผลอหลับไปเสียก่อน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว บางทีก็ได้ทำ บางทีก็ไม่ได้ทำ แต่ว่าวันนี้โชคดีครับ เพราะว่าพอดีผมก่อนนอนไม่ได้ฉี่ ดึกๆเลยได้ตื่นเพราะว่าปวดฉี่

ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมหยิบขวดเบบี้ออยล์ แล้วปลุกไอ้ชัช โอย ตื่นเต้น วันนี้จะได้ทดลองทะลวงตูดไอ้ชัชอีกครั้งหนึ่ง แค่คิดก็แข็งเด่แล้ว

ไอ้ชัชก็ปลุกยากเหลือเกิน เด็กๆก็ยังงี้แหละครับ พอหลับทีก็หลับเป็นตายเลย แต่วันนี้ผมไม่ยอมให้มันนอนหรอก ก็เขย่ามันจนมันตื่น

“โฮ้ย ปลุกทำไมวะ อุ๊บ...” ไอ้ชัชตื่นขึ้นมาแล้วโวยวายด้วยความงัวเงีย ผมเอามืออุดปากมันแทบไม่ทัน

“เบาๆสิโว้ย เดี๋ยวตื่นกันหมดทั้งหอหรอก” ผมกระซิบดุมัน

ไอ้ชัชเอาหัวมุดไปใต้หมอนเพื่อนอนต่อ เอาหมอนปิดหน้าปิดตาไว้ ไม่สนใจผมแม้แต่น้อย คงลืมไปแล้วว่าเรามีนัดกัน

ผมเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงมันแล้วจับมันชักว่าวทันที เป็นวิธีปลุกกันครับ คือถ้าไม่ยอมตื่นเนี่ย จับชักว่าวซะเดี๋ยวพอมีอารมณ์ก็ไม่อยากนอนต่อแล้ว เวลาไอ้ชัชมันอยากจะจัดการกับผมขึ้นมา มันก็ปลุกผมและชักว่าวให้ผมเช่นกัน แต่ต้องระวังนิดหนึ่ง อย่าให้เพื่อนๆที่นอนอยู่ด้วยรู้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นเรื่องอื้อฉาวได้

ชักว่าวไปสักครู่ ไอ้ชัชก็ควยแข็ง ผมก็เขย่าๆตัวมันอีก จนในที่สุดมันก็นอนต่อไม่ลง

“ไปห้องน้ำกันเร็ว” ผมสั่งมัน ไอ้ชัชตอนนี้เริ่มมีอารมณ์แล้ว ก็เลยไปห้องน้ำกับผมแต่โดยดี เดินควยเด่ตุงกางเกงกันทั้งคู่

พอไปถึงห้องน้ำ ผมก็รีบลากมันเข้าไปในห้องส้วมแล้วปิดประตูทันที

“ทำไมวันนี้เข้าห้องส้วมวะ” ไอ้ชัชถามอย่างงงๆ เพราะปกติเวลาเราไถก้นกัน เราจะไม่ค่อยชอบเข้าไปทำกันในห้องส้วม แต่จะไถกันตรงที่ว่างข้างห้องส้วมที่มองจากด้านนอกแล้วไม่เห็น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว สาเหตุหนึ่งคือกลิ่นและบรรยากาศในห้องส้วมไม่ค่อยดีเท่าข้างนอก อีกอย่างก็คือแสงค่อนข้างน้อย อิอิ ผมชอบสว่างๆครับ เห็นอะไรๆชัดดี อิอิ อันนี้เป็นรสนิยมส่วนตัว

“วันนี้มีของดี” ผมกระซิบพลางชูขวดเบบี้ออยล์ให้มันดู

“ขวดไรวะ” มันถาม

“เบบี้ออยล์ไง” ผมบอก “วันนี้ขอลองเอาก้นมึงอีกทีนะ” ผมพูดพลางถอดกางเกงของตัวเองออก ไม่ต้องมามัวเขินเพราะไส้พุงผมมีอยู่กี่ขดไอ้ชัชมันก็รู้อยู่แล้ว

“ไม่เอา เจ็บ” ไอ้ชัชรีบกระซิบปฏิเสธแล้วรีบเปิดประตูจะเดินออกจากห้องน้ำ

ผมรีบเอามือยันประตูไวไม่ให้มันเปิด แล้วกระซิบอ้อนมัน (ต้องพูดกันเบาๆครับ เพราะดึกๆเงียบมาก พูดดังเดี๋ยวอาจมีใครเข้ามาแล้วได้ยินเข้า)

“น่า ขอลองอีกทีนะ ไอ้นัยมันอุตส่าห์หาเบบี้ออยล์มาให้” ผมอ้างไอ้นัยไป ไม่รู้จะอ้างไปทำไมเหมือนกัน

“อ้อ ไอ้นัยแอบเอาเบบี้ออยล์มาให้มึง มันให้มึงตอนไหน ทำไมกูไม่รู้วะ” ไอ้ชัชชักสงสัยว่าผมมีความลับกับไอ้นัยกันสองคนโดยไม่บอกมัน น้ำเสียงบอกว่ามันกำลังจะน้อยใจแล้ว ฉิบหายละสิตู ปากพาจนจนได้

ผมเลยดึงมันเข้ามากอดทางด้านหลัง เอาดอแนบเข้าไปที่ร่องก้นมัน แล้วมือก็ล้วงเข้าไปในกางเกงชักว่าวให้มันเบาๆ กระซิบอ้อนที่ข้างหูมันว่า “กูกะจะให้มึงแปลกใจเล่น เลยไม่ได้บอกมึง ไม่ได้ตั้งใจจะปิดมึงหรอก อย่าโกรธดิ นะ นะ ขอโทษก็ได้อ่ะ”

เจอลูกอ้อนชนิดปากว่ามือถึงแบบนี้เข้าไอ้ชัชก็อ่อนเป็นขี้ผึ้ง เวลาหวานผมก็หวานเป็นนะครับ ถึงปกติจะทะลึ่งห่ามๆก็ตาม ไอ้ชัชเนี่ยมันขี้ใจน้อยนิดหน่อย บางทีเรื่องนิดหน่อยก็เก็บเอาไปคิดน้อยใจ เห็นมันทะเล้นชอบต่อปากต่อคำแบบคนนิสัยร่าเริงยังงี้ ส่วนลึกมันก็ช่างคิดและใจน้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมกับไอ้นัย คือหมายถึงว่ากับเพื่อนคนอื่นมันไม่อาจไม่ค่อยเซ็นซิทีฟเท่าไร แต่กับไอ้นัยและผมรู้สึกว่ามันจะค่อนข้างอ่อนไหว นิสัยนี้ตอนเด็กยังไม่ชัดครับ ดูไม่ค่อยออก แต่พอโตขึ้นมาหน่อย โดยเฉพาะตอน ป.๖ นี่นิสัยใจน้อยของมันจะเริ่มชัดยิ่งขึ้น

ไอ้ชัชนิ่งเฉย ท่าทางชักจะใจอ่อนแล้ว

“เดี๋ยวกูให้มึงเอาตูดกูบ้าง มึงก็อยากลองไม่ใช่เหรอ กูไม่เอาเปรียบมึงหรอก เอางี้ กูให้มึงลองก่อนก็ได้” ผมใจป้ำ ให้มันได้ใช้เบบี้ออยเปิดซิงผมก่อนก็ได้ ดูดิ แสดงความจริงใจขนาดนี้ ไม่ใจอ่อนก็แย่แล้ว ไอ้ชัชเงียบไปชั่วขณะ

“เบาๆนะมึง” ไอ้ชัชว่า อิอิ ใจอ่อนแล้ว ชัชเอ๋ย วันนี้เสร็จไอ้อูแน่

Tuesday, June 5, 2007

ตอนที่ 36

“เอ้อ... ไม่รู้ดิ ...” ไอ้นัยเอ้อๆอ้าๆ

“เอาแต่ไม่รู้ดิอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่มึงจะรู้เสียทีฟะ” ไอ้ชัชแทรกขึ้นมา ท่าทางอยากรู้เต็มแก่ไม่แพ้ผม

“ใจนึงอยากไปเรียน เพราะอยากทำให้อาดีใจน่ะ อาหวังเอาไว้มาก แต่อีกใจที่ไม่อยากไป...ก็เพราะ...ก็เพราะ...พวกมึงนั่นแหละ” เฮ้อ ในที่สุดไอ้นัยก็พูดออกมาเสียที ว่ามันก็แคร์ผมกับไอ้ชัชอยู่ ถึงแม้จะไม่พูดตรงๆ แต่แค่นี้ก็เข้าใจกันแล้ว

“ก็แค่นี้แหละ ทำไมถึงได้พูดยากพูดเย็นนักวะ” ไอ้ชัชยังไม่วายบ่นใส่ไอ้นัย

“กูไม่เห็นมึงพูดอะไรออกมาเลย ดูๆไปยังกับว่ามึงอยากไปยังงั้นแหละ” ผมพูดออกไปตรงๆ

“ก็มันยังคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า จะให้พูดอะไรล่ะ” ไอ้นัยว่า มันคงไม่ได้แก้ตัวหรอกครับ คงจะคิดอะไรไม่ออกจริงๆ เลยทำเฉยๆเอาไว้ก่อน

“นี่ถ้าไม่ได้เรียนพิเศษ สงสัยสอบเข้าไม่ได้แน่เลย” ไอ้ชัชพูดอย่างท้อๆ

เด็กส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็คิดกันแบบนี้แหละครับ ถ้าได้เรียนพิเศษก็มีความมั่นใจมากขึ้น ใครที่ไม่ได้เรียนจะรู้สึกเสียเปรียบมาก ดังนั้นทุกคนที่อยากย้ายโรงเรียนจึงพยายามดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้เรียนพิเศษ

ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไง เพราะถ้าพ่อไม่ให้เงินก็ไม่มีทางจะได้เรียน ตกลงคงมีไอ้นัยเพียงคนเดียวที่ได้เรียน ถ้าเป็นยังงั้น โอกาสที่พวกเราจะได้เรียน ม.๑ ร่วมกันก็คงมีน้อยลง ยกเว้นสอบกันไม่ติดทั้งสามคน

“เอางี้ดิ ไอ้นัย มึงก็แกล้งสอบให้มันไม่ติดสิวะ สอบติดน่ะมันยาก สอบให้มันไม่ติดน่ะมันง่ายจะตาย เท่านี้มึงก็ได้เรียนที่เดิม ไม่ต้องย้ายไปไหน” ไอ้ชัชออกความคิด ที่จริงผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ทันได้พูด ใจจริงถ้าเลือกได้ อยากให้สอบติดทั้งสามคนและได้ไปเรียนที่ใหม่มากกว่า ดูมันจะมีความหมายมากกว่าสอบไม่ติดแล้วต้องมาแป้กอยู่ที่เดิม

“ไม่รู้ดิ” ไอ้นัยพูดประโยคเดิมอีก วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร พูดแต่ไม่รู้ดิอยู่นั่นแหละ “กูไม่อยากทำให้อาผิดหวังน่ะ”

เฮ้อ หนักใจครับ เพิ่ง ป.๖ เอง เริ่มหนักใจกับชีวิตเสียแล้ว แต่ยุคนั้นเป็นยังงี้จริงๆ ช่วง ป.๖ เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเลยทีเดียว

หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งกินกันเงียบๆ ไอ้นัยเห็นผมกับไอ้ชัชเซ็งๆ มันก็เลยหาเรื่องชวนคุย

“เออนี่ กูมีอะไรจะบอก” ไอ้นัยพูด แล้วทำสีหน้าลึกลับ มันทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว ต้องมีอะไรดีๆแน่เลย

“อะไรล่ะ” ไอ้ชัชพูด ปกติถ้าเป็นสถานการณ์แบบนี้ มันต้องต่อปากต่อคำ แต่วันนี้มันเพียงแค่ถามแบบเนือยๆ เพราะอารมณ์ยังบ่จอยอยู่

- - - -

แหม ไอ้นัยมันเล่นพูดแบบนี้ผมก็สนใจสิครับ

“อะไรล่ะ” ผมถาม

“เดี๋ยว ขอกินข้าวก่อน หิว” ไอ้นัยมามุขเดิมๆอีก แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากผมกับไอ้ชัชได้ เรารู้ดีว่ามันกำลังพยายามทำให้ผมกับไอ้ชัชอารมณ์ดีขึ้น คราวนี้เลยไม่มีใครเขกหัวมัน ไม่อย่างนั้นมันคงบ่นอีกว่าฉี่รดที่นอน

“เล่ามาเถอะ เดี๋ยวค่อยกิน” ไอ้ชัชพูดเสียงดุด้วยความอยากรู้

“คือว่าเมื่อวันหยุด กูไปแอบค้นตู้ในห้องน้ำอาอ่ะ แล้วก็หยิบโน่นหยิบนี่มาลองใช้หล่อลื่นดู ฮุฮุ” ไอ้นัยเล่าไปหัวเราะไป คล้ายกำลังภูมิใจที่ได้ประกอบวีรกรรมอันยิ่งใหญ่โดยการแอบค้นตู้ของอา

“เจออะไรบ้างล่ะ” ผมถาม

“โอ๊ย หลายอย่าง มีทั้งโลชั่น วาสลิน ครีม”

“แล้วมึงเอามาลองชักว่าวดูหมดทุกอย่างเลย” ไอ้ชัชต่อให้

“ฮื่อ” ไอ้นัยพยักหน้า รู้สึกว่าแววนักวิทยาศาสตร์ของมันจะฉายตั้งแต่ยังเด็กเลยครับ ชอบค้นคว้าทดลอง แต่ว่าดูจะทำในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่องเท่าไร

“ซี้ซั้วลองเดี๋ยวควยก็พังหรอกมึง” ผมเตือนมัน

“จะพังได้ไง ถ้าใช้แล้วพัง หน้าอากูก็ต้องพังก่อนแล้ว ฮุฮุ” พูดไปมันก็หัวเราะชอบอกชอบใจ

“แล้วจารบีล่ะ มึงได้ลองหรือเปล่า” ไอ้ชัชเริ่มกวน การที่มันเริ่มต่อล้อต่อเถียงนี่แสดงว่ามันอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เด็กๆก็ยังงี้แหละครับ จะทุกข์จะเศร้าก็ไม่นาน

“ไม่ได้ลองว้อย อาไม่ได้เก็บจารบีไว้ในห้องน้ำ มึงเอาไว้ใช้เองละกัน ถามกวนนัก” ไอ้นัยตอบ ว่าแล้วก็ยกมือเขกหัวชัชไปหนึ่งที ไอ้ชัชไม่ทันตั้งตัวเลยหลบไม่ทัน เลยต้องกินมะเหงกไปหนึ่งลูก

“แล้วไงต่อ” ผมถามอีก

“กูว่าเบบี้ออยล์ดีที่สุดว่ะ” ไอ้นัยสรุป “ใช้แล้วลื่นสบายที่สุด”

“โธ่เอ๊ย หลงฟังอยู่ตั้งนาน นึกว่ามีอะไรใหม่ แล้วมึงเอามาด้วยหรือเปล่าวะนัย” ผมถาม อิอิ อยากได้เอาไปลองใช้บ้างน่ะ ตั้งแต่วันก่อนว่าจะออกไปซื้อก็ยังไม่ได้ไปซื้อเสียที

“เปล่าอ่ะ อยู่ดีๆจะพกมาโรงเรียนทำไม” ไอ้นัยมันก็รู้หรอกว่าผมจะขอมันไปทำอะไร

“โด่เอ๊ย ไม่ได้เอามาแล้วจะเล่าทำไม” ไอ้ชัชบ่นบ้าง

พอได้หยอกล้อกันบ้างก็รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นครับ แต่ไอ้นัยมันเด็ดกว่านั้นอีก เพราะว่าตอนบ่ายหลังเลิกเรียน ก่อนที่เราจะแยกย้ายจากกัน พอไอ้นัยเห็นไอ้ชัชไม่อยู่ (ตอนนั้นชัชหายไปไหนก็ไม่รู้) มันก็เรียกผมไปที่โต๊ะของมัน

“อู มาเอาของหน่อยดิ” ไอ้นัยเรียก

ผมก็เดินไปที่โต๊ะมัน มันเปิดกระเป๋านักเรียน หยิบเอาขวดพลาสติกเล็กๆออกมาส่งให้

“อ่ะ ให้” ไอ้นัยพูด

“ไรฟะ” ผมถาม

“เบบี้ออยล์” ไอ้นัยกระซิบ “เอามาไม่เยอะ เพราะกลัวอารู้ กูรู้ว่ามึงอยากได้มาก”

โห ไอ้นัยมันน่ารักมาก รู้ใจผมจริงๆ แต่พอรับของจากมันแล้วก็รู้สึกผิดในใจนิดๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ คล้ายๆกับว่าผมไม่ยุติธรรมกับมัน กำลังเอาเปรียบมันอยู่ เลยกระซิบบอกมันไปว่า

“ที่จริงกูอยากใช้กับมึงนะ แต่ไม่มีโอกาส เอาไว้ปิดเทอมละกัน”

“ฝากมึงจัดการไอ้ชัชแทนกูด้วยละกัน” ไอ้นัยตอบเสไปเรื่องอื่น ว่าแล้วทำหน้าตาย แต่ในเมื่อมันไม่ปฏิเสธก็แสดงว่ามันเห็นด้วย ผมว่างั้นนะ ถ้างั้นปิดเทอมมีลุ้น

ผมนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ที่ไอ้นัยมันเอามาให้ผมตอนนี้แสดงว่ามันคงกะจะเซอร์ไพรส์ผมก่อนกลับบ้าน หรือไม่ก็กะจะเซอร์ไพรส์ไอ้ชัชก็ได้ เพราะมันเลือกให้ตอนไอ้ชัชไม่อยู่ ผมก็เลยเก็บเบบี้ออยล์ไว้ในกระเป๋านักเรียนโดยยังไม่บอกไอ้ชัช กะจะให้มันแปลกใจเล่น

Sunday, June 3, 2007

ตอนที่ 35

พอผมกับไอ้ชัชรู้เรื่องไอ้นัยเข้าก็ใบ้กิน พูดไม่ออกเลย แต่ในที่สุดก็คุยซักถามกันจนได้ความว่า อาผู้ชายมันเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนดังที่อยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง (ตอนนั้นลาดพร้าวยังจัดเป็นชานเมือง เลยเรียกส่วนกรุงเทพฯชั้นในว่าในเมือง) พอไอ้นัยถึงวัยจะเข้า ม.๑ อาก็เลยอยากให้ไอ้นัยได้เรียนที่นั่นด้วย ก็ตามประสาเลือดโรงเรียนเก่าเข้มข้นนั่นแหละครับ แล้วก็อีกอย่าง ลูกหลานศิษย์เก่าสมัครสอบมีคะแนนพิเศษเพิ่มให้ด้วย ได้บวกอีก ๕ คะแนนอะไรประมาณนี้แหละ พูดง่ายๆก็คือได้เปรียบเด็กทั่วไปอีกหน่อยนึง ได้ยินมาว่ายังงั้นนะครับ เท็จจริงไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะจริง ไอ้นัยเลยซวย โดนจัดการกับชีวิตให้เสร็จสรรพ

โรงเรียนนี้อยู่ไหนผมยังไม่รู้เลยครับ คือรู้จักแต่ชื่อเท่านั้น แต่ไอ้นัยบอกว่าโคตรไกลเลย ยิ่งถ้านับจากบ้านมันด้วยต้องนั่งรถเมล์เป็นชั่วโมง แต่ถึงไกลเท่าไกล อามันก็ยังอยากให้มันเรียนที่นั่นอยู่ดี

“เอายังงี้ก็แล้วกัน” ผมเสนอความคิด “ยังงั้นพวกเราก็ไปสมัครสอบบ้าง สอบเสียด้วยกันทั้งสามคน ไม่แน่นะ อาจจะได้เรียนด้วยกันอีก”

“เออ ใช่ ดีๆๆ” ไอ้ชัชรีบเห็นด้วย “ถ้าพวกมึงสอบไม่ติดพวกเราก็จะได้เรียนด้วยกันที่นี่อีก”

“ไอ้เปรต” ไอ้นัยด่า “นี่แปลว่ามึงแช่งให้กูสอบไม่ติดใช่ไหม”

“เปล๊า” ไอ้ชัชแกล้งพูดเสียงแหลม “กูพูดเผื่อไว้ต่างหาก พระท่านว่า อ้า...ว่าอะไรวะ”

“เออ มึงนึกไม่ออกก็ช่างเถอะ โห เดี๋ยวนี้ยกคำพระเลยนะมึง” ผมขัดคอมัน ไอ้ชัชมันก็กวนๆแบบนี้แหละครับ มันสนุกแบบหนึ่ง ไอ้นัยก็สนุกอีกแบบหนึ่ง มีมันสองคนเป็นเพื่อน ชีวิตในวัยเด็กของผมดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว แต่แล้วในที่สุดผมก็อาจจะต้องเผชิญกับความจริงของโลกอันโหดร้ายใบนี้ ที่ว่าทุกสิ่งไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

ก็เป็นอันว่า ในที่สุดพวกเราก็ตกลงกันได้ว่าจะลองไปสมัครสอบโรงเรียนเดียวกับไอ้นัยดู จากทีแรกที่พวกเราทั้งสามคนรู้สึกเศร้าเสียใจที่เราอาจจะต้องพรากจากกัน พอมาตอนท้ายก็เริ่มยิ้มได้บ้าง เพราะอย่างน้อย พวกเราก็มีความหวังว่าอาจจะได้เรียนด้วยกันต่อไปอีก มันทำให้ผมเริ่มเรียนรู้แล้วว่า การมีความหวังมันก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้เรามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้

แต่แล้วไอ้ชัชก็ทำหน้าเศร้าห่อเหี่ยวอีก

“ถึงกูสอบได้ พ่อกูก็ไม่ให้ย้ายไปไหนอยู่ดี” ไอ้ชัชพึมพำ ท่าทางท้อแท้

“ทำไมล่ะ” ผมถาม

“เค้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก อีกอย่าง ถ้าไปเรียนโรงเรียนแบบนั้น กูจะไปพักที่ไหน โรงเรียนประจำก็ไม่มี”

“นอนป้ายรถเมล์ดิ กูเคยเห็นคนนอน” ไอ้นัยพูดแทรกขึ้นเบาๆ

ไอ้ชัชได้ยินเข้าก็อดยิ้มไม่ได้ ยกมือเขกหัวไอ้นัยไปหนึ่งป๊อก แต่คราวนี้ไอ้นัยหลบทัน “กูจำได้ ประโยคนี้มึงเคยบอกกูแล้ว มึงจะให้กูนอนที่ป้ายรถเมล์ตลอดทั้งปีเลยเหรอ” ผมเองก็จำได้เหมือนกัน ไอ้นัยเคยพูดประโยคนี้ตอนอยู่ ป.๕

“เออ นั่นดิ จริงด้วย ไหนจะต้องอาบน้ำอีก จะไปอาบที่ไหน” ไอ้นัยพูด แล้วมันก็ชะโงกหน้ามาพูดเบาๆพอได้ยินกันสามคน “ไหนยังต้องชักว่าวอีก ฮุฮุ”

พอได้แหย่กันบ้าง สถานการณ์ที่เคร่งเครียดก็เริ่มดีขึ้นอีกครั้ง นี่ถ้าไม่ได้ไอ้นัยช่วยแหย่ ไอ้ชัชคงยังไม่หายซึม ที่จริงผมเองก็คงมีปัญหาเช่นเดียวกับไอ้ชัช คือถ้าสอบได้แล้วพ่อก็คงไม่ให้เรียน ปัญหาหลักก็คือเรื่องที่พักนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม แผนการขั้นแรกของพวกเราก็คือ สมัครสอบโรงเรียนเดียวกับไอ้นัย ส่วนแผนการขั้นที่สองที่ต้องคิดถัดมาก็คือ ถ้าอยากสอบให้ได้ก็คงจะต้องหาที่เรียนพิเศษ
- - - -

หลังจากที่ไอ้นัยบอกเรื่องการสอบเข้า ม.๑ และพวกเราตัดสินใจว่าจะลองไปสอบกันทั้งสามคน ในตอนหัวค่ำวันนั้นเอง ผมก็รีบโทรไปหาเอ๊ดผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งพักอยู่บ้านเพื่อนพ่อในถนนลาดพร้าวเหมือนกัน และบอกว่าผมอยากสอบเข้า ม.๑ โรงเรียน... รวมทั้งอยากเรียนพิเศษด้วย เพื่อให้ช่วยพูดกับพ่อให้ที

ผมใช้โทรศัพท์หยอดเหรียญซึ่งอยู่ในหอ หยอดทีละ ๕ บาท คุยได้นาน ๕ นาที

“เอ็งจะมาบอกข้าทำไมวะ” เอ๊ดถาม ดูสิครับ อุตส่าห์โทรมาขอความช่วยเหลือ ยังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจอีก ปกติเวลาคุยกันเอ๊ดจะไม่พูดกูมึงกับผม แต่จะใช้เอ็งๆข้าๆแบบนี้แหละ

“ก็อยากให้เอ๊ดช่วยพูดกับพ่อให้หน่อย เรียนพิเศษต้องใช้ตังค์อ่ะ นะ นะ พูดให้อูหน่อย” ผมใส่ลูกอ้อนเข้าไปเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

“ข้าว่ายากนะ เอ็งก็รู้ว่าพ่ออยากให้เอ็งเรียนที่นี่ต่อ” เอ๊ดว่า มันก็จริงหรอก แต่ผมไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ

“ก็นี่ไง ถึงได้อยากให้ช่วยคุยให้อูหน่อย ถ้าเอ๊ดช่วยพูดให้ มันก็พอมีโอกาสแหละ ช่วยหน่อยดิ” ผมคาดคั้นให้เอ๊ดช่วยพูดให้ได้

ก็สรุปว่า ทั้งผมและไอ้ชัช ต่างก็พากันไปติดต่ออ้อนพ่อแม่เพื่อขอตังค์มาเรียนพิเศษ หลังจากที่ผมโทรไปหาเอ๊ด ไอ้ชัชก็โทรบ้าง มันโทรทางไกลไปคุยกับพ่อโดยตรงเลยครับ ผลเป็นยังไงน่ะเหรอ พ่อมันทั้งไม่อนุญาตและไม่ให้เงิน เพราะไม่อยากให้มันย้ายโรงเรียน อยากให้มันเรียนอยู่ที่นี่ต่อไป

ส่วนของผมนั้น วันรุ่งขึ้นผมก็โทรไปหาเอ๊ดอีก เพื่อเอาคำตอบ เอ๊ดนี่เห็นพูดกวนๆ แต่ที่จริงแล้วก็ช่วยดีครับ รีบโทรไปคุยกับพ่อให้เลย ผลก็เป็นเช่นเดียวกับไอ้ชัช คือพ่อไม่สนับสนุน ดังนั้นจึงไม่ให้เงินมาเรียนพิเศษ

หลังจากวันนั้นเป็นมา ผมรู้สึกเซ็งๆอย่างไรชอบกล บอกตามตรงว่าไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เลย อันที่จริงเรื่องการสอบเข้า ม.๑ โรงเรียนรัฐบาลนั้นตามปกติเป็นเรื่องที่สร้างความกระตือรือร้นให้แก่เด็กชั้น ป.๖ เพราะมันเป็นเรื่องของการแข่งขัน เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เนื่องจากเราไม่ได้แข่งขันกันอยู่เพียงเฉพาะเพื่อนในห้องหรือในโรงเรียนเดียวกัน แต่มันเป็นการแข่งขันระหว่างเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนกันด้วย แต่สำหรับกับผมแล้ว ผมไม่ชอบมันเลย

ช่วงนี้เองที่ผมเริ่มรู้สึกกลัวอนาคตขึ้นมา ทั้งๆที่แต่ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องของอนาคตเท่าไร ชีวิตในวัย ป.๕ ของผมส่วนใหญ่มีแต่ปัจจุบัน ... ปัจจุบันอันสนุกสนาน เต็มไปด้วยความสุขและมิตรภาพ แต่พอมาอยู่ชั้น ป.๖ ผมเริ่มคิดถึงอนาคตบ้างแล้ว ... มันไม่ใช่เป็นความสุขกับอนาคตนะครับ แต่เป็นความกังวลกับอนาคต ไอ้ชัชเองก็ดูจะเงียบๆ เซ็งๆไปบ้างเหมือนกัน

แปลกนะครับ กับเพื่อนคนอื่นๆ มันจะไปสอบที่ไหนก็ช่าง ผมไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย แต่พอกับไอ้นัยเท่านั้นแหละ มันทำให้ผมถึงกับซึมไป เพิ่งจะรู้ตัวเองเหมือนกันว่าในส่วนลึกแล้วผมรู้สึกผูกพันกับไอ้นัยมากเพียงใด

ส่วนไอ้นัยน่ะเหรอครับ ผมดูมันไม่ออกจริงๆ ไอ้นี่มันหน้าตายอยู่ตลอด เดาใจมันจากสีหน้าไม่ค่อยจะถูก ไม่รู้ว่าตัวมันเองอยากไปเรียนที่ใหม่หรือเปล่า และยิ่งดูไม่ออกว่ามันแคร์ผมกับไอ้ชัชแค่ไหน จนในที่สุด ผมอดรนทนไม่ไหว ก็เลยถามมันไปตรงๆ

“ไอ้นัย มึงเองอยากได้เรียนที่โรงเรียน...หรือเปล่าวะ” ผมถามไอ้นัยขณะที่เรากินอาหารเที่ยงด้วยกันในวันหนึ่งหลังจากวันที่พูดกันเรื่องสอบเข้า ม.๑ เป็นครั้งแรกเพียงไม่กี่วัน

ไอ้นัยเงียบไปสักพัก...พักใหญ่เลย จึงค่อยตอบว่า “ไม่รู้ดิ ใจนึงก็อยาก อีกใจก็ไม่อยาก”

“อยากไปเพราะอะไร ไม่อยากไปเพราะอะไร ไหนว่ามาซิ” ผมรุกถามต่อ โดยมีไอ้ชัชนั่งเคี้ยวข้าวเอียงหูฟังอยู่ข้างๆ มันก็อยากรู้เหมือนกัน