Sunday, April 29, 2007

ตอนที่ 26

“ไอ้เปรต” ผมด่ามัน “จะแตกทำไมไม่บอก เลอะมือหมดเลย” น้ำว่าวของมันฉีดกระจายเลอะทั้งมือ เลอะทั้งพื้น กลิ่นคาวคลุ้ง เดี๋ยวต้องมาเช็ดพื้นกันอีก

“บอกไม่ทันอ่ะ มันเสียว” ไอ้นัยพูดทำตาปรือยังกับคนจะหลับ สงสัยจะสบายจัด

“ไอ้อู มั่งฮี่” เสียงไอ้ชัชเรียก เห็นมันนั่งเหยียดขาควยโด่อยู่ รอให้ผมไปไซร้มั่ง คงเห็นไอ้นัยโดนเข้าแล้วเลยอยาก

“เดี๋ยวกูก็เก็บตังค์ค่าบริการเสียเลย” ผมว่า แล้วก็ขยับตัวเข้าไปใกล้มัน

“เฮ่ยๆ เช็ดมือก่อน กูรู้ว่ามึงคิดจะทำอะไร” ไอ้ชัชว่า

“ไอ้นี่รู้ทัน” สิ่งที่ผมคิดจะทำก็คือเอาน้ำว่าวของไอ้นัยไปป้ายตัวมัน พอมันรู้ทันก็เลยแกล้งไม่ได้ ต้องเอาทิชชู่มาเช็ดมือ

หลังจากนั้นผมก็ลองไซร้ไอ้ชัชดูบ้าง ปากก็ไซร้ไป มือก็ชักว่าวให้มันไป ไอ้ชัชดิ้นกระแด่วด้วยความจั๊กกระจี้ เพียงครู่เดียว น้ำว่าวของมันก็เอ่อล้นที่ปลายดอ

“เสียวแฮะ มึงนี่เก่งจัง ไอ้อู” ไอ้ชัชชมผม

แต่ผมไม่สนใจคำชมของมันหรอกครับ เพราะมันสองคนเสร็จไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังอารมณ์ค้างอยู่ ผมจึงเริ่มบทเรียนบทใหม่ที่ที่ประยุกต์จากในหนังสือ ในเมื่อตอนนี้ไม่มีรูของหญิงให้เสียบ ผู้ชายก็พอจะมีรูอยู่รูหนึ่งเหมือนกัน น่าจะใช้แทนกันได้ ที่จริงเรื่องการอัดถั่วดำนั้นพวกผมก็เคยได้ยินเพื่อนและรุ่นพี่คุยกัน ก็พอรู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ว่ายังไม่เคยคิดลองมาก่อน อารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการดูหนังสือปกขาวและต้องการหาทางระบายออกทำให้ผมรู้สึกอยากลองในวันนี้เอง

“เฮ้ย ไอ้อู มึงจะทำไร” ไอ้ชัชแหกปากร้องเมื่อผมจับมันนอนโก้งโค้ง คือปกติผมจะจับมันแค่นอนหงายหรือไม่ก็นอนคว่ำ แล้วก็ไถ หรือบางทีถ้าแอบทำที่ห้องน้ำหอตอนดึกๆ ก็จะไถทั้งๆท่ายืน แต่วันนี้ผมจับมันนอนโก้งโค้ง ไอ้ชัชคงพอเดาออกว่าผมจะทำอะไร จึงชิงแหกปากร้องขึ้นมาเสียก่อน

“เดี่ยวมึงก็รู้” ผมพูด ว่าแล้วก็ลุกขึ้นนั่งคุกเข่า หันหน้าเข้าหาตูดของมัน เอ้อ ไม่ถนัดแฮะ ตูดมันสูงกว่าหว่างขาผม ผมเลยเปลี่ยนไปยืนแทน หว่างขาผมก็กลายเป็นสูงกว่าตูดมันอีก ผมเลยต้องย่อตัวลง ยงโย่ยงหยก ไม่ค่อยถนัดเท่าไร แต่ก็ทำให้ความสูงพอดีกัน

ไอ้ชัชดิ้น แต่ก็ดิ้นแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น เพราะพอผมดุให้มันอยู่นิ่งๆ มันก็หยุดนิ่งแต่โดยดี สงสัยคงอยากลองเหมือนกัน

ผมเริ่มสำรวจตูดของมัน เออ แปลกดีแฮะ เพราะปกติไม่เคยสำรวจ ไม่ว่าตูดใคร แม้แต่ตูดของตัวเอง แต่ตอนนี้ต้องมาพินิจพิจารณา เห็นร่องก้นของมันเป็นสีคล้ำ ส่วนรูก้นของมันเป็นสีชมพู รูเล็กมาก เห็นเพียงแค่เป็นรอยแยกเท่านั้น แปลกดีเหมือนกันว่าขี้แท่งใหญ่ๆมันออกมาทางรูนี้ได้อย่างไรในเมื่อรูมันเล็กนิดเดียว ตอนนั้นจำได้ว่ายังไม่รู้เลยครับว่าเด็กคลอดออกมาทางไหน ถ้ารู้คงไม่แปลกใจกับขนาดรูก้นของไอ้ชัช

ผมเอาควยที่แข็งเด่เต็มที่จ่อไปที่รูก้นมัน แล้วก็ค่อยๆดันเข้าไป ... ไม่เข้าแฮะ!

ผมลองดันอีกที ก็ไม่เข้า คราวนี้เลยทิ่มเข้าไปแรงๆเลย ปรากฏว่าไอ้ชัชร้องจ๊ากเพราะเจ็บก้น ส่วนผมก็เจ็บหัวเช่นกัน แต่ก็ยังไม่เข้าอยู่ดี

ว่าแล้วก็ลองดันเข้าไปอีกหลายที จนไอ้ชัชทนไม่ไหวต้องเลื้อยหนีไปจากหว่างขาของผม

เมื่อลองกับไอ้ชัชไม่สำเร็จ ผมก็เลยหันไปลองกับไอ้นัยบ้าง

“นัย ขอลองหน่อยนะ” ผมอ้อนมัน เห็นไหมครับว่าผมลำเอียง ทีกับไอ้ชัชละก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ทีกับไอ้นัยต้องพูดหวานๆ ที่จริงก็ไม่เชิงลำเอียงหรอก แต่ไอ้ชัชมันเจ็บจนร้องจ๊าก ผมกลัวว่าไอ้นัยจะไม่ยอม เลยต้องพูดหวานๆกับมัน เจ้าเล่ห์ไหมละครับ

“ม่ายอาว” ไอ้นัยสั่นหัว

“น่าๆ หน่อยนะ” แล้วผมก็จับตัวไอ้นัยให้นอนโก้งโค้ง ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร ยอมโก้งโค้งแต่โดยดี ไอ้นัยนี่มันดีจริงๆ ไม่เคยขัดเพื่อนสักที ผมบอกหลายทีแล้วว่ามันดิ้นไม่เป็น

“อย่าทำเจ็บๆนะว้อย” มันกำชับ

ผมย่อตัว แล้วลองเอาควยดันเข้าไปในรูก้นไอ้นัย ผลก็เป็นอย่างเดิม ดันจนมันร้องเจ็บ ผมเองก็เจ็บ แต่ก็ยังไม่เข้า จนในที่สุดก็ต้องเลิก

“มานี่ ไอ้อู มึงอย่าเพิ่งเลิก กูลองมั่ง” ไอ้ชัชว่า “ถึงเวลากูเอาคืนมึงมั่งแล้ว โก้งโค้งเดี่ยวนี้” มันสั่ง

“แหะๆ น้ำมึงเพิ่งแตกไป จะเอาอีกเหรอ” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะคิดว่าถ้าผมโดนก็คงเจ็บตูดเหมือนกัน

“กูจะแตกกี่หนก็ช่างกู แต่ตอนนี้มึงลงไปโก้งโค้งเลย” มันทำเสียงดุ ไม่ยอมประนีประนอมแม้แต่น้อย

โดนไม้นี้เข้าผมก็ต้องยอม ทำมันไปแล้วไม่ยอมให้มันทำบ้างก็เอาเปรียบกันเกินไป เพื่อนกันไม่ควรเอาเปรียบกัน ผมเลยยอมนอนโก้งโค้งแต่โดยดี

“เบาๆนะโว้ย อย่าแกล้งกู”

ว่าแล้วไอ้ชัชก็ลองเอาดุ้นของมันทิ่มใส่ก้นของผมบ้าง ขนาดของมันไม่ใหญ่ก็ยังมันฝืดจนไม่เข้าเหมือนกัน ผมรู้สึกแสบตูดมากเวลามันพยายามออกแรงดันเข้ามา เพิ่งรู้ว่าเมื่อกี้ไอ้ชัชกับไอ้นัยรู้สึกอย่างไร

“ไม่ไหวโว้ยชัช เจ็บว่ะ” ผมบอก พยายามส่ายตูดหนีดุ้นของมัน

ไอ้ชัชเห็นไม่ไหวจริงๆ ก็เลยยอมเลิก

“มา มา ไอ้นัย มึงมาลองดูบ้าง” ไอ้ชัชว่า อ้าว ดันชวนไอ้นัยให้มาลองเสียอีก

ไอ้นัยไม่ขัดศรัทธา พอมีคนเรียกมาก็เดินควยแข็งมายืนจ่อที่ก้นผมทันที แสดงว่าแข็งรออยู่นานแล้ว

“ทำใจดีๆนะอู ฮุฮุ” ไอ้นัยว่า เออ ฟังมันหัวเราะเข้า

ว่าแล้วไอ้นัยก็เอาควยทิ่มพรวดเข้ามาแล้วดันอย่างแรง กะว่าให้ทีเดียวเข้าไปเลยยังงั้นแหละ รู้สึกว่ามันเข้ามาได้นิดหน่อยเหมือนกันนะครับ แสบมากเลย ผมร้องจ๊ากบ้าง ดิ้นพล่าน

“โอย ไม่ไหว เลิกเถอะ” ผมขอร้องไอ้นัย มันเลยเลิก

สรุปแล้ว วันนั้นเราก็ต้องกลับไปใช้วิธีชักว่าวกับถูไถกันอย่างเดิม เพราะการพยายามเอาก้นนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ ที่จริงตอนนั้นก็ไม่ได้หื่นอะไรมากมายนักหรอกครับ ความรู้สึกในการพยายามกินถั่วดำในครั้งนั้นเป็นเพียงแค่อยากรู้อยากลองมากกว่า เมื่อไม่สำเร็จก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ... ถ้าเพียงแต่รู้สึกนิดว่ามันสนุกกว่าการใช้มือมากมายเพียงใด พวกเราคงไม่ยอมเลิกกันง่ายๆแบบนี้หรอกครับ หุหุ

เราอ่านหนังสือกันจนถึงเย็น คุณอาของไอ้นัยก็กลับมา จึงต้องเลิกอ่านและเอาหนังสือไปซ่อน ทีแรกก็ลืมกระดาษทิชชู่ที่เช็ดน้ำว่าวไว้ในตะกร้าผงในห้อง แต่พอเดินผ่านไปใกล้ๆแล้วได้กลิ่นคาว ก็เลยนึกได้ว่ายังไม่ได้ทำลายหลักฐานกระดาษชิชชู่ จึงเอากระดาษไปทิ้งไว้ในถังขยะใหญ่หลังบ้าน นี่ถ้าลืมทิ้งไว้ในตะกร้าผง ถ้าคุณอาไอ้นัยเข้าห้องมามีหวังต้องจับได้แน่เลยว่าพวกเราแอบเล่นว่าวกัน เพราะว่ากลิ่นคาวน้ำว่าวคลุ้งไปหมด

คืนนั้น หลังจากที่พวกเรากินอาหารเย็นเสร็จ และแยกย้ายกันเข้านอน เราก็แอบเอาหนังสือออกมาอ่านกันอีก ผมตั้งใจว่าจะอ่านให้หมดทุกเล่มเพราะอ่านแล้วติดใจ และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสมาอ่านอีก

คืนนั้นผมตาแข็งอ่านนิตยสารจนจบทั้งสามเล่ม (อย่างอื่นก็แข็งด้วย) บทรักในหนังสือ มันช่างเร้าอารมณ์และชวนให้ตื่นเต้น อยากลองบ้าง วันนั้นพวกเราน้ำแตกกันไปคนละหลายรอบ เพราะอ่านไปก็เกิดอารมณ์ไป ต้องปลดปล่อยกันเป็นระยะๆ ไอ้นัยดูจะเปลืองพลังงานที่สุด เพราะรวมแล้วน้ำออกมาเยอะกว่าเพื่อน วัยนั้นเป็นช่วงที่ผมอิจฉาไอ้นัยมาก เห็นน้ำมันฉีดพุ่งเป็นระลอกๆแล้วอยากทำได้แบบนั้นบ้าง ส่วนไอ้ชัชได้ตำแหน่งยอดประหยัดพลังงานไป เพราะตอนนั้นน้ำแตกออกมารวมแล้วไม่กี่หยด

คืนนั้นผมหลับปุ๋ยเพราะใช้พลังงานไปเยอะ ต่อมาวันรุ่งขึ้น ช่วงเช้าก็ไม่มีอะไรเท่าไร แค่ดูทีวี เพราะคุณอาไอ้นัยอยู่บ้าน พอตกบ่าย อาไอ้นัยก็พาผมกับไอ้ชัชมาส่งที่โรงเรียน ก็เป็นอันสิ้นสุดการไปเที่ยวบ้านไอ้นัยในครั้งนั้น

ถ้าจะถามผมว่าตอนนั้นผมเป็นเกย์แล้วหรือยัง ผมคิดว่ายังนะครับ คือตอนนั้นยังเด็ก ยังไม่รู้จักหรอกครับว่าอะไรเกย์ อะไรไม่เกย์ เป็นเพียงแต่ว่าเมื่อมีความกดดันทางเพศก็อยากระบาย แล้วในสังคมที่มีแต่นักเรียนชาย เมื่อไม่ปลดปล่อยด้วยมือตนเอง ก็ไปปลดปล่อยกับเพื่อน ก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลก ตอนนั้นยังไม่ถึงจุดที่ผมมาคิดหรอกครับว่าตนเองชอบผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า มันเป็นเพียงการหาทางระบายออกทางเพศเท่าที่จะหาได้เท่านั้นเอง และผมคิดว่าตอนนั้นความคิดของไอ้ชัชกับไอ้นัยก็คงไม่แตกต่างอะไรจากผม

หลังจากเที่ยวบ้านไอ้นัย เราก็ถูกส่งมาเข้าโรงเรียนประจำตามเคย ในคืนแรกของชีวิตนักเรียนประจำ ชั้น ป.๖ ตอนนี้เรากลายเป็นพี่ใหญ่ของชั้นประถมแล้ว ภูมิใจ อิอิ เพราะมีน้องไว้ให้ข่มได้ตั้งแต่ ป.๑ ถึง ป.๕ แต่ปกติก็ไม่ได้ข่มอะไรกันหรอกครับ ชั้นใครชั้นมัน

ผมกับไอ้ชัชนอนเตียงติดกันอีก จงใจเลือกให้มันติดกันน่ะครับ เพราะนอนเตียงติดกันมาหลายปีแล้ว ปีนี้ก็ไม่อยากแยกจากกัน ส่วนเพื่อนร่วมห้องนอนก็หน้าเดิมๆนั่นแหละครับ แต่ว่ามีสลับห้องนอนกันบ้าง บางคนก็มาจากห้องนอนติดกันตอน ป.๕ ส่วนบางคนที่อยู่ห้องนอนเดียวกับผมก็ย้ายไปอยู่ห้องถัดๆไปก็มี แต่ก็รู้จักกันทั้งนั้น

ตอนหัวค่ำแก่ๆ พอแยกย้ายกันเข้าห้องนอน ขณะที่ผมเดินอยู่บนทางเดินเพื่อจะเข้าไปที่ห้องนอนของตนเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นห้องนอน ป.๖ อีกห้องหนึ่งที่ติดกับผม มีนักเรียนแปลกหน้าอยู่ในนั้น ไอ้คนนี้เห็นมันตั้งแต่ตอนเย็นแล้วละครับ แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ชั้น ป. อะไร แล้วก็มัวไปคุยกับเพื่อนๆเพลิน ก็เลยไม่ได้นึกถึงมันอีกเลย มาเห็นหน้าอีกทีตอนนี้ เลยชักสงสัย เพราะว่าปกติแล้ว ป. ๕ ขึ้น ป.๖ จะไม่มีนักเรียนใหม่เข้ามา ส่วนใหญ่เลื่อนชั้นมาจาก ป.๕ ทั้งนั้น ไอ้คนนี้มันมาจากไหนวะ

ผมถามไอ้ชัช มันก็ไม่รู้จัก ถามอีกหลายๆคนในห้องนอน ก็รู้แต่เพียงว่าเป็นเด็กใหม่ ชื่อพงษ์ศักดิ์ ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหน เพราะไม่มีใครเข้าไปคุยกับมันสักเท่าไรเนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกันนั่นเอง

Wednesday, April 25, 2007

ตอนที่ 25

เล่มที่ไอ้นัยยื่นให้เป็นเล่มที่เด็ดที่สุด ดอของหนุ่มฝรั่งในภาพใหญ่มหึมา เห็นไข่ทั้งพวง ขนที่ไข่ลามหายไปในร่องก้น และแท่งเนื้ออย่างเต็มลำกับสายสองสลึง (ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่าสายสองสลึง เห็นแต่เป็นเส้นหนังรั้งหัวเอาไว้) โห เห็นชัดแบบจะๆถึงรูขุมขนเลยครับ แล้วก็ภาพที่ดอดุ้นมหึมากำลังชำแรกเข้าไปในร่องของฝ่ายหญิง แล้วก็มีอีกภาพหนึ่งตอนที่ชายหนุ่มน้ำแตก น้ำว่าวออกมากองเลอะเทอะไปหมด

เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นดอของคนที่โตแล้วอย่างเต็มตาเช่นนี้ ท่อนลำมีเส้นเลือดโปน หัวดอถอกลงมาได้จนถึงคอหยัก เห็นเงี่ยงบานและแดงก่ำ มันช่างแตกต่างจากของผมและเพื่อนๆอย่างมาก ขนาดของไอ้นัยตอนนั้นว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มพวกเราสามคนแล้วเพราะมันโตเร็วกว่าเพื่อน แต่มันก็ยังเป็นแบบของเด็กๆอยู่ดี

ผมดูไปกลืนน้ำลายไป น้ำลายเหนียวเลยครับ แหะๆ ไอ้ชัชรีบเข้ามากระตุกหนังสือไปดู ผมไม่ยอมปล่อยมือจากหนังสือ จึงทำให้เกิดการยื้อแย่งกันขึ้น ส่วนไอ้นัยไม่แย่งด้วยเพราะมันคงดูไปหลายรอบแล้ว

คราวนี้ศึกย่อยๆก็เกิดขึ้น โดยผมกับไอ้ชัชรุมกอดปล้ำกัน และเนื่องจากไอ้นัยนั่งขวางอยู่ ไอ้นัยจึงพลอยถูกปล้ำไปด้วยทั้งๆที่แก้ผ้าควยเด่อยู่

ปล้ำไปปล้ำมายิ่งทำให้เกิดอารมณ์ เพราะดุ้นต่อดุ้นเสียดสีกัน ทำให้ผมรู้สึกอยากทำอย่างอื่นมากกว่า

“ถ้ามีกล้องกูจะจับมึงแก้ผ้าถ่ายรูป เอาไปทำภาพลับขายหาเงินใช้บ้างท่าจะดี” ไอ้ชัชว่า แน่ะ ไอ้นี่หัวการค้าตั้งแต่ยังเด็กเชียว มันหมายถึงจับไอ้นัยน่ะครับ ไม่ได้หมายถึงผม เพราะไอ้นัยมันหน้าตาดี

หลังจากนั้นเราก็หยุดเล่น และหันมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านเนื้อหาในหนังสือ พวกเราหยิบกันมาอ่านคนละเล่ม ไอ้นัยก็อ่านด้วย อ่านแล้วก็อ่านอีกได้

พวกเรานั่งอ่านกันบนพื้นข้างเตียง ผมอ่านไปกลืนน้ำลายไป กลืนจนน้ำลายเหนียว เพราะเนื้อหาในหนังสือถ้าไม่ใช่ภาพเปลือยก็เป็นเรื่องราวทางเพศโดยใช้ภาษาที่โจ่งแจ้งและตรงไปตรงมาจนเรียกได้ว่าหยาบคาย อย่างเช่นร่วมเพศก็เขียนไปตรงๆเลยว่าเย็ด

ภาษาที่เถื่อนถึงใจ รูปภาพที่จะแจ้งถึงรูขุมขน มันทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ส่วนไอ้นัยเห็น ดอของมันมีน้ำเยิ้มออกมาที่ปลายตอนอ่านเลย อ่านไปอ่านมาก็หยดแหมะลงไปบนพื้น

นอกจากภาพชายหญิงเอากันแล้วยังมีภาพของหญิงสาวที่อมดอของฝ่ายชาย ทั้งอม ทั้งเลีย ราวกับกำลังเลียไอติมอยู่

“แหวะ มันอมกันเข้าไปได้ไงวะ สกปรกชิบหาย ขี้เปียกโคตรเหม็นเลย” ไอ้ชัชอ่านไปก็วิจารณ์ไป คงอ่านถึงตอนใช้ปากกันนั่นเอง ตอนนั้นผมก็ไม่รู้สึกชอบการอมหรือว่าการสโม้คเลยสักนิด เพราะคิดแบบเดียวกับไอ้ชัช ว่าดอมันเหม็นจะตาย อมเข้าไปได้ยังไง เพราะตอนนั้นหนังหุ้มปลายของพวกเราจะเปิดได้ก็เฉพาะตอนแข็งเท่านั้น ก็เด็กๆอ่ะครับ พอมันหดอยู่ ทุกอย่างมันก็ซ่อนอยู่ในหนัง ทั้งอับ ทั้งเหม็น

ผมละสายตาจากหนังสือ เหลือบมองดูไอ้สองตัวที่นั่งอ่านอยู่ใกล้ๆ ไอ้ชัช เห็นมันนั่งอ่านควยโด่ ใจจดใจจ่อ ส่วนไอ้นัยนั้นก็แข็งโด่หัวบานออกมาครึ่งหัว น้ำหล่อลื่นซึมออกมาไม่หยุด ต้องคอยเอาทิชชู่มาซับเป็นระยะๆ คงเกิดอารมณ์เต็มที่ ส่วนผมเองนั้นควยแข็งจนปวดไปหมดแล้ว อ่านจนอารมณ์กระเจิงไปหมด

ผมโยนหนังสือทิ้งแล้วโถมเข้าไปกอดไอ้นัย จากนั้นก็ไซร้ซอกคอมันอย่างที่อ่านเจอในหนังสือ อือม์ ไม่เลวเลยแฮะ มันเป็นความอบอุ่นลึกๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนไถก้นไอ้นัยนั้นเป็นความรู้สึกมันครับ แต่ตอนกอดมันแล้วไซร้ต้นคอไอ้นัยนี่ มันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งที่อธิบายไม่ถูก บอกได้แต่ว่าอบอุ่น สุขใจ แล้วก็สบาย แม้ภายหลังผมจะเคยซุกไซร้ไอ้ชัช หรือใครต่อใครอีกหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่มีความรู้สึกใดที่เทียบเท่ากับตอนที่ทำกับไอ้นัยได้เลย

“เอาละโว้ย กูอ่านหนังสือแล้วยังจะได้ดูหนังสดอีก” ไอ้ชัชแซว ตาจ้องเป๋งดูการกระทำของผมกับไอ้นัย คงอยากรู้ว่าผมหัดอะไรได้จากในหนังสือบ้าง

เนื่องจากมันนั่งอยู่ในรัศมีตีน ผมจึงเอาตีนถีบมันไปเบาๆ “เดี๋ยวมึงก็ได้แสดงด้วยนั่นแหละ เลือกบทให้ดีก็แล้วกันว่าจะเล่นบทไหน” ผมบอก ตอนที่ผมทำอะไรไอ้นัยนั้นไม่อายไอ้ชัชหรอกครับ เพราะเราสนุกกันจนเคยแล้ว ไม่ต้องมามัวอายกัน

ผมไซร้ต้นคอไอ้นัยต่อ ที่จริงตัวมันหอมนะครับ ผมชอบกลิ่นตัวอ่อนๆของมันอยู่แต่เดิมแล้ว ยิ่งตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นตัวผสมกลิ่นสบู่ ตัวไอ้นัยหอมอย่าบอกใคร แต่ไม่เคยไซร้มันสักที คือคิดไปไม่ถึงมากกว่าไม่อยาก พอได้อ่านหนังสือแล้วลองทำตาม รู้สึกว่ามันดีมากเลย

จากซอกคอ แล้วก็ละเรื่อยมาถึงหัวนม หัวนมไอ้นัยแข็งเป็นเม็ดรับลิ้นผมเลยครับ มือข้างหนึ่งประคองตัวมันไว้ ส่วนมืออีกข้างของผมก็จับควยมันถอกเล่น ผมทั้งไซร้ทั้งเลียจนไอ้นัยคราง

“เสียวว้อย”

และแล้วผมรู้สึกว่าแท่งที่อยู่ในมือมีอาการกระตุก แล้วมือผมก็เลอะด้วยเมือกลื่นไปหมด

Sunday, April 22, 2007

ตอนที่ 24

เมื่อไปถึงห้องนอนไอ้นัย มันก็เลิกที่นอนบนเตียงขึ้นมา ใต้ที่นอนก็จะเป็นไม้กระดานพื้นเตียงใช่ไหมครับ นั่นล่ะ ที่ซ่อนของดีของมันก็ซ่อนแบบเด็กๆละครับ ที่ซ่อนมาตรฐาน เด็กที่ไหนก็มักจะซ่อนใต้ที่นอนกันทั้งนั้น

ใต้ที่นอนของไอ้นัยมีซองเอกสารสีน้ำตาลใบใหญ่อยู่ใบหนึ่ง หน้าซองจ่าหน้าถึงอาผู้ชาย มันหยิบซองออกมา ซองตุงๆ ในนั้นคงมีเอกสารอยู่

“ของไรวะ ลึกลับชิบเป๋ง” ไอ้ชัชบ่นอีก เพราะไอ้นัยค่อยๆหยิบ ไม่ทันใจมัน

ไอ้นัยแกะซองออกมา ในนั้นมีนิตยสารอยู่สองสามเล่ม แต่พอดูหน้าปกก็พบว่ามันไม่ใช่นิตยสาร เพราะที่หน้าปกมีภาพชายหนุ่มกับหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยในท่วงท่ายั่วยวน ชื่อที่หน้าปกก็เขียนเป็นทำนองสวาทหรือเปิดบริสุทธิ์ สงสัยจะเป็นหนังสือโป๊

หนังสือพวกนี้ตอนเด็กๆผมก็รู้จักครับ เพราะมีวางขายตามแผงหนังสือใหญ่ๆ แต่มันถูกห่อไว้ในซองพลาสติก เลยได้แต่ดูรูปโป๊ที่หน้าปก ไม่เห็นข้างใน ไม่กล้าขอเขาแกะ รวมทั้งไม่กล้าขอซื้อด้วย แต่ใจก็นึกสนใจอยากดูเหมือนกัน อยากรู้ว่าข้างในเล่มเป็นอย่างไรบ้าง

ผมกับไอ้ชัชพอเห็นก็ตาโต แย่งกันเปิดอ่านชุลมุน

“มึงไปเอามาจากไหนวะไอ้นัย” ผมถามโดยไม่มองหน้ามัน เพราะสายตามัวแต่จ้องอยู่ที่หน้าปกนิตยสาร เมื่อเปิดเข้าไปข้างในก็ต้องตะลึง เห็นมีภาพชายและหญิงกำลังเอากัน มันไม่ใช่หนังสือโป๊ที่วางขายตามแผงนิตยสารรทั่วไป แต่ว่ามันคือหนังสือปกขาว

ผมพลิกดูหนังสือโป๊เล่มหนึ่ง ส่วนไอ้ชัชก็พลิกดูอีกเล่มหนึ่ง ภาพที่ผมเห็นในเล่มนั้นแสดงอวัยวะและการสอดใส่ของชายหญิงอย่างจะแจ้ง นายแบบและนางแบบในเล่มเป็นฝรั่ง ผมรู้สึกใจเต้น น้ำลายเหนียวไปหมด

“ซื้อมาดิ” ไอ้นัยบอก

“ไอ้แหกตา” ชัชว่า “ใครเขาจะขายหนังสือโป๊ให้เด็กอย่างมึงวะ”

ไอ้นัยหัวเราะฮุฮุแบบกวนประสาท “ไม่เชื่อก็ตามใจ”

เมื่อเห็นไม่ยอมบอก ไอ้ชัชเลยต้องลงมือกับมันอีก โดยจับมันเค้นคอกดหัวไว้กับเตียง “จะบอกไม่บอก”

“แอ๊ะ แอ๊ะ อู ช่วยด้วย” ไอ้นัยร้อง

ผมแกล้งทำเฉย ไม่ยอมช่วยมัน ตาก็ดูซองเอกสารที่มันใช้ห่อหนังสือ แล้วก็เกิดความคิด “อย่าบอกนะว่าอามึงเป็นคนซื้อหนังสือพวกนี้”

“เฮ้ย ไม่ใช่ว้อย” ไอ้นัยรีบปฏิเสธ แล้วก็เล่าความจริงออกมา

เรื่องของเรื่องก็คือ นี่เล่าตามที่มันเล่ามาอีกทีนะครับ คือปกติตอนเช้ามันจะต้องขี่จักรยานออกไปซื้อปาท่องโก๋จากปากซอยมาให้อามัน บ้านมันอยู่ในซอยลึกครับ ปากซอยที่ว่าคือปากซอยริมถนนใหญ่เลย สมัยเกือบยี่สิบปีก่อน อาหารเช้ายอดนิยมอย่างหนึ่งก็คือปาท่องโก๋นั่นเอง บางเจ้าขายดีมากจนต้องเข้าคิวรอกันเป็นสิบๆนาที หลังจากที่ผมออกจากโรงเรียนประจำแล้ว ปากซอยที่ผมอยู่ก็เป็นลักษณะเดียวกัน คือปาท่องโก๋ขายดีมาก บางวันผมต้องไปยืนคอยซื้อเกือบยี่สิบนาทีเช่นกัน แล้วก็สมัยนั้นปกติตามปากซอยนอกจากขายปาท่องโก๋แล้วยังมักมีขนมครกขายเป็นของคู่กันอีกด้วย คือถ้าเห็นปาท่องโก๋ก็มักเห็นขนมครก แต่ขนมครกนี่เท่าที่เห็นมักไม่ต้องคอยคิวเท่าไร

เรื่องเข้าคิวซื้อปาท่องโก๋ยามเช้าสมัยก่อนตามต่างจังหวัดก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่เดี่ยวนี้สังคมเปลี่ยนไปเยอะครับ การยืนคอยซื้อปาท่องโก๋ต่อคิวนานๆยามเช้าไม่เห็นอีกแล้ว เพราะพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป แต่เมื่อปี ๔๙ กลับไปเห็นคนต่อคิวซื้อขนมอบโรตีบอยที่ศาลาแดงแทน เห็นคอยกันเป็นชั่วโมงๆ ยิ่งกว่าคอยปาท่องโก๋สมัยก่อนอีก

การซื้อปาท่องโก๋นี่ถ้าขี้เกียจคอยนานก็ต้องออกไปซื้อเช้าหน่อย สมัยก่อนตีห้ากว่าก็เริ่มออกมาทอดขายกันแล้ว แปดเก้าโมงก็ขายหมด แล้วคนขายก็กลับบ้านนอน ไอ้นัยถ้าปิดเทอมก็มักจะไปซื้อตอนหกโมงเช้า ถ้าเป็นหน้าร้อนฟ้าก็สางแล้วครับ โดยขี่จักรยานออกไป

ไอ้นัยเล่าว่า ตอนปิดเทอมนั้นเอง มีอยู่วันหนึ่ง มันก็ขี่จักรยานออกไปปากซอย ทีนี้สายตาเกิดไปเห็นว่าข้างทางมีถุงพลาสติกใบใหญ่ทิ้งอยู่ในพงหญ้า คือหญ้ามันไม่สูงนัก ถ้าอยู่บนถนนซอยและสังเกตหน่อยก็พอมองเห็นว่าในพงหญ้ามีถุงวางอยู่ นี่แหละครับที่ผมว่าชะตาฟ้าลิขิต เพราะไอ้นัยมันเกิดตาดีไปเห็นเข้า ก็เลยอยากรู้อยากเห็น ไปลากถุงออกมาเปิดดู เห็นข้างในมีหนังสือโป๊อยู่หลายเล่ม คิดว่าเป็นคนในซอยที่ต้องการทำลายหลักฐานที่บ้าน เลยใส่ถุงเอาออกมาโยนทิ้งไว้ข้างทาง ก็เลยเป็นบุญของไอ้นัย ให้มันเก็บกลับมาอ่านที่บ้าน ๓ เล่ม

“ทำไมไม่เอามาเยอะกว่านี้วะ น่าเสียดายจัง” ผมบ่น ตาก็ดูภาพในนิตยสารไป

“ไม่มีที่ซ่อนว้อย เอามาเยอะกลัวอามาเจอเหมือนกัน” ไอ้นัยบอก ที่จริงถามไปยังงั้นเอง ไม่บอกก็รู้ครับว่ากลัวอามาเจอ

ไอ้นัยมันก็ไปเอามาทีละนิดทีละหน่อย โดยทิ้งถุงใหญ่ไว้ที่เดิม ส่วนเล่มที่เอามาดูที่บ้านนั้นก็ซ่อนไว้ใต้ที่นอน ขโมยซองเอกสารของอามันมาใช้อีกต่างหาก พออ่านเสร็จก็เอาไปเปลี่ยนมาอีก พอเอามาได้รอบที่สอง ถุงใหญ่ที่พงหญ้าก็หายไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าของเสียดายมาเอากลับไป หรือว่ามีคนอื่นมาหยิบไป

วันนั้นเองนับเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมและไอ้ชัชที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือปกขาวและได้เห็นว่าชายและหญิงเมื่อมีเซ็กซ์กันนั้นทำอย่างไร ผมสังเกตว่าหนุ่มฝรั่งในเล่มนั้นมีต่างๆกัน ทั้งหนุ่มใหญ่กำยำและหนุ่มหน้าอ่อนแบบนักศึกษา ส่วนดอนั้นก็มีรูปร่างและขนาดต่างๆกันเช่นกัน

แค่ดูผ่านๆ ก็เกิดอารมณ์จนแข็งกันหมดแล้ว อย่ากระนั้นเลย ใส่เสื้อผ้าเกะกะเปล่าๆ ก็เลยแก้ผ้านอนอ่านหนังสือโป๊กันบนเตียงของไอ้นัย (ส่วนไอ้นัยนั้นแก้อยู่แล้ว เพราะถูกผมกับไอ้ชัชจับแก้ผ้ามาตั้งแต่อยู่ข้างล่าง)

“ดูเล่มนี้เด่ะ” ไอ้นัยแนะนำผม