Sunday, September 30, 2007

ตอนที่ 61

หลังจากเรื่องในวันนั้น ทำให้ผมรู้สึกคาใจอย่างประหลาด แยกแยะความรู้สึกของตนเองไม่ออกเหมือนกันครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าช่วงนี้ชีวิตมันยุ่งๆ จิตใจก็วุ่นวาย ไม่ค่อยสบายใจเอาเลย มันเหมือนกับมีเงาทะมึนมาบดบังชีวิตอยู่ สังหรณ์ใจอย่างไรบอกไม่ถูก

และแล้ว ในที่สุด ผมก็ค้นพบคำตอบของลางสังหรณ์นี้ด้วยตนเอง

ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคมแล้ว ปกติช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่เด็กๆรอคอย เพราะว่ามีเทศกาลสำคัญอยู่สองเทศกาล นั่นคือคริสต์มาสกับปีใหม่ คริสต์มาสไม่ค่อยได้ฉลองอะไรนักหรอกครับ แต่ว่าได้หยุดเรียน ส่วนเทศกาลปีใหม่นั้นแต่ละห้องก็จะจัดงานฉลองกันในห้องของตนเอง ส่วนใหญ่ก็มักจะจัดใกล้ๆสิ้นปี หลังจากนั้นพอสิ้นปีเด็กหอจะกลับบ้านกัน เพราะโรงเรียนจะปิดหลายวัน ให้โอกาสเด็กหอได้กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านต่างจังหวัด

ปกติงานเลี้ยงปีใหม่นี้จะเป็นการจัดเลี้ยงมื้อเที่ยง วันไหนนี่แล้วแต่ทางโรงเรียนกำหนด อาจจะไม่ใช่วันที่ ๓๐ ธันวาคม เสมอไป เพราะว่าบางปีติดวันหยุดพอดี

การเตรียมงานปกติครูก็จะให้อิสระพวกเด็กๆที่จะตกลงกันเองว่าจะจัดอย่างไรและมีกิจกรรมอะไรบ้าง โดยครูจะมีหน้าที่เพียงคอยแนะนำเท่านั้น ราวๆต้นเดือนธันวาคมเราก็มักเริ่มเตรียมงานกันแล้ว มีการประชุมกันว่าจะจัดเลี้ยงอย่างไร อยากให้มีกิจกรรมอะไรบ้าง อยากกินอาหารอะไร

เรื่องอาหารนั้น ถ้าเอาง่ายๆก็ใช้สั่งอาหารเอา ก็ไปสั่งกับแม่ค้าในโรงอาหารนั่นแหละครับ อยากกินอะไรก็ตกลงกัน แล้วไปให้แม่ค้าตีราคา แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไปรับอาหารมา ค่าอาหารก็เอาจำนวนคนทั้งห้องมาหาร สะดวกดี

แต่ถ้าจะเอาแบบที่มันยากๆหน่อย ก็คือแบบที่ว่าแต่ละคนช่วยกันจัดอาหารมา แล้วเอามาแบ่งกันกิน แบบนี้ไม่ต้องออกเงิน ใครจะเอาอะไรมาคนนั้นก็ออกเงินเอาเอง ถ้าเป็นประถมต้น รูปแบบจะง่ายๆ ต่างคนต่างเอากับข้าวมาสักอย่างสองอย่างแล้วมาแบ่งกันกินในกลุ่มเล็กๆ

ถ้าเป็นประถมปลาย รูปแบบจะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เพราะว่าเด็กโตก็เรื่องมากยังงี้แหละ จะต้องมีการประชุมกันเพื่อตกลงว่าใครจะเอาอะไรมาช่วยในงานบ้าง แล้วอาหารที่จะเอามาต้องปริมาณพอสมควร กินได้หลายๆคน ไม่ใช่กินได้แค่คนสองคน ส่วนใหญ่พวกที่รับหน้าที่จัดหามาก็จะเป็นพวกเด็กไปกลับนั่นแหละครับ เพราะว่าเด็กประจำจะไปจัดหาอาหารมาได้จากที่ไหน เช่น เด็กนักเรียนไปกลับบางคนก็อาสาเอาแกงเขียวหวานมาให้หม้อหนึ่ง บางคนก็อาสาเอาข้าวมาให้หม้อหนึ่ง บางคนก็เอาไก่ย่างมาให้ ๒๐ ตัว เป็นต้น อาหารเหล่านี้ก็ผู้ปกครองนั่นแหละที่จัดการให้ บางคนก็พ่อแม่ทำให้เองเลย บางคนก็ไปซื้อมา

เมื่อหมดจากเรื่องกินแล้ว ถัดไปก็เป็นเรื่องเล่น ปกติวันที่จัดงานเลี้ยงนั้นจะไม่มีการเรียนเลยทั้งวัน ให้อิสระนักเรียนเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ส่วนใหญ่ก็มักจะจัดงานเลี้ยงกันแค่ครึ่งวัน ตอนเช้ามักมีการแสดงนิดหน่อย จากนั้นก็เป็นการจับฉลากแลกของขวัญ แล้วก็กินอาหารเที่ยง หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอิสระ ใครจะจัดเลี้ยงต่อ หรือว่ากลับบ้าน หรือจะไปเที่ยวต่อก็ตามสะดวก

สำหรับที่ห้องของผม ในปีนั้น เนื่องจากเป็นชั้น ป.๖ แล้ว โตขึ้นก็รู้มากและขี้เกียจ เลยใช้วิธีสั่งอาหารเอา ง่ายและสะดวกดี ส่วนเรื่องกิจกรรมาการเล่นนั้น ตอนเช้าก็วางแผนกันไว้ว่าจะเป็นการประกวดร้องเพลง แล้วก็มีละครสั้น เล่นกันสองสามคน จากนั้นก็จะเป็นการจับฉลากแลกของขวัญกันและกัน แล้วก็กินอาหารเที่ยง แล้วก็รายการเฉลยบัดดี้

ที่บอกว่ามีรายการเฉลยบัดดี้ก็คือ เรามีการเล่นเกมบัดดี้กัน คือในตอนบ่ายก่อนหน้าวันจัดงาน ๓ วัน พวกเราก็จะจับฉลากเพื่อหยิบชื่อเพื่อนในชั้นกันคนละ ๑ ชื่อ ใครได้ชื่อใครก็ต้องพยายามดูแลเอาใจใส่เพื่อนคนนั้น แต่ต้องทำแบบลับๆ ห้ามเปิดเผยตัว แล้วในวันงานให้ทุกคนมาเฉลยกันว่าแต่ละคนคิดว่าบัดดี้ลึกลับของตนเองเป็นใคร ใครที่ทายไม่ถูกจะต้องถูกทำโทษ คือโดนทำโทษทั้งตนเองและคู่บัดดี้ ในฐานะที่ดูแลไม่ดีอีกด้วย งานนี้ใครออกความคิดก็จำไม่ได้แล้วครับ แต่ว่าทุกคนคิดว่าน่าจะสนุกดีก็เลยเอาด้วย

ในวันจับฉลาก หัวหน้าห้องก็เตรียมฉลากที่เขียนชื่อทุกคนเอาไว้มาให้จับ เมื่อจับแล้วให้เก็บเป็นความลับ และเริ่มภารกิจดูแลบัดดี้อย่างลับๆได้เลย และที่สำคัญคือใครถามก็ต้องห้ามบอกเป็นอันขาด

ผมจับได้ใครน่ะหรือ จับได้ไอ้ชิดชัยครับ ซวยจริงๆเลย

“มึงจับได้ใครวะไอ้อู ทำไมทำหน้าเสีย” ไอ้ชัชยื่นหน้าเข้ามาถามหลังการจับฉลาก

จะไม่ให้ผมหน้าเสียได้ยังไง เพราะว่าไอ้ชิดชัยนั้นผมไม่สนิทกับมัน คุยกันน้อยมากแม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็ตาม เพราะว่าอายุห่างกัน แล้วยังงี้จะดูแลยังไงละเนี่ย แค่นึกก็ไม่สนุกแล้ว

“บอกไม่ได้โว้ย” ผมส่ายหน้า

“ไอ้อู ไอ้ชัช ช่วยดูแลกูด้วยนะ” ไอ้นัยพูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เรื่องอะไร กูไม่ได้เป็นบัดดี้มึงสักหน่อย” ไอ้ชัชพูด

“กูก็เปล่า” ผมพูดบ้าง

“ไม่ใช่ก็ขอฝากตัว ช่วยดูแลก็ด้วยอีกคนละกัน อยากมีคนดูแลอ่ะ ซื้อข้าว ซื้อน้ำ จะได้ไม่ต้องทำเอง” ไอ้นัยพูดหน้าตาเฉยพลางฉีกยิ้ม เล่นมุขก็ไม่บอก ไรหนวดเขียวๆบนใบหน้าเปื้อนยิ้มของมันน่ารักมาก รอยยิ้มของไอ้นัยทั้งอบอุ่น ทั้งจริงใจ อย่างบอกไม่ถูก

ไอ้ชัชเขกหัวไอ้นัยเบาๆ “นี่แน่ะ ลูกเล่นนัก นึกว่าอะไรที่แท้ก็ขี้เกียจ มึงไปหาบัดดี้ตัวจริงมาคอยดูแลก็แล้วกัน”

สรุปแล้วก็ไม่มีใครยอมบอกใครว่าบัดดี้ของตนเป็นใคร ส่วนผมเองนั้นชักไม่ค่อยสนุกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะดูแลไอ้ชิดอย่างไรดี จะปล่อยไปเฉยๆ เลยตามเลย ก็กลัวว่าจะถูกทำโทษ

หลังจากวันนั้น ผมพยายามเข้าไปคุยกับไอ้ชิดมากขึ้น พยายามทำตัวให้แนบเนียน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเนียนหรือเปล่านะครับ รวมทั้งไม่รู้ว่าจะทำดีกับมันอย่างไรในเวลาตลอดสามวันนี้ ในที่สุดก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ก่อนวันงานหนึ่งวัน วันนั้นก็ไม่ค่อยจะได้เรียนหนังสือกันแล้ว เพราะต้องเตรียมจัดงาน จะไปเอาสมาธิเรียนมาจากไหน คนที่แสดงละครก็เตรียมซ้อมละครกัน ไอ้คนแสดงประกวดร้องเพลงก็ซ้อมร้องเพลง แล้วก็มีพวกเราส่วนหนึ่งรวมทั้งไอ้ชิดตัดตัวหนังสือโฟมเป็นคำว่า “สวัสดีปีใหม่”

“ช่วยตัดด้วยคน” ผมเข้าไปเสนอตัวกับไอ้ชิดเมื่อเห็นมันตัดตัวหนังสือโฟมกับไอ้พงษ์ คนหนึ่งวาดตัวหนังสือ มันเป็นคนเอาคัตเตอร์ตัดเจาะเป็นตัว

“ไม่ต้องหรอก กูทำเองได้” ไอ้ชิดตอบปฏิเสธด้วยท่าทีนุ่มนวล ผมเพิ่งจะรู้สึกวันนี้เองว่ามันไม่เกเรอย่างที่คิด

“กูพอตัดได้นะ” ผมยังไม่เลิกตื๊อ

“ไม่เป็นไร คัตเตอร์มีอันเดียว มึงทำแล้วกูก็ไม่มีอะไรทำ” ไอ้ชิดว่า

กูพยายามดูแลมึงแล้วนะ แต่มึงไม่เอาเอง ผมนึกในใจ พยายามหาข้อแก้ตัวให้แก่ตัวเอง

Sunday, September 23, 2007

ตอนที่ 60

เช้าวันรุ่งขึ้น...

ผมกับไอ้ชัชยังคงปั้นปึ่งใส่กัน เช้านั้นทั้งเช้าเราไม่พูดกันเลย ผมจะรอให้มันมาง้อ มันก็ไม่ง้อสักที ไอ้ชัชเองก็คงคิดเช่นเดียวกับผม ในที่สุดก็เลยอยู่ในสภาพยันกันแบบนั้น

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ออกจากหอตรงดิ่งไปยังห้องเรียน ที่จริงก็ต้องตรงดิ่งไปนั่นแหละครับ เพราะถ้าไม่ไปที่ห้องเรียนก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเหมือนกัน ไอ้ชัชก็รีบเดินตามประกบผม แต่ไม่พูดไม่จาสักคำ

พอไปถึงห้องเรียน เห็นไอ้นัยนั่งท่องหนังสืออยู่ที่โต๊ะแล้ว

“ไอ้นัย” ผมพูดเบาๆกับมัน เพราะในห้องเรียนมีคนอยู่กันหลายคน “กูมีเรื่องจะถาม ออกมาคุยกับกูนอกห้องหน่อยดิ”

ปากชวนมัน แต่ที่จริงพอพูดจบผมก็ไม่ปล่อยให้มันตั้งตัว ลากมันออกมาจากห้องทันที ไอ้ชัชก็ตามมาด้วย แต่ผมไม่สนใจมัน อยากฟังก็ฟังไป ที่จริงจะไล่มันกลับไปไม่ให้ฟังผมก็ไม่กล้าทำครับ สงสารมัน ถึงเคืองมันแต่ก็ไม่อยากเห็นมันร้องไห้อีก

“มีไรเหรอ” ไอ้นัยถาม ทำหน้าเหรอหรา

“อ้า... เอ้อ... อ้า...” ผมอยากจะถาม แต่ถามไม่ออก ได้แต่อึกอัก

“ฮึ แปลกแฮะ ออกมาแล้วไม่พูด งั้นกูกลับเข้าห้องก่อนนะ” ไอ้นัยพูดยิ้มๆ ท่าทางคงจะอยากแกล้งผม เพราะปกติมันไม่ทำแบบนี้

ผมรีบคว้ามันเอาไว้ แล้วตัดสินใจถามออกไป

“ไอ้ชัชมันเล่าว่าเมื่อวานมึงกับมันไปโม้คกันที่ห้องน้ำประถม” ผมพูด

“ฮื่อ ใช่” ไอ้นัยตอบ

“ใครชวนใครวะ” ผมถามด้วยเสียงไม่พอใจ

“ก็ไม่มีใครชวนใคร คุยๆแล้วมีอารมณ์ก็ไปด้วยกัน” ไอ้นัยตอบแล้วทำหน้าสงสัย “มีอะไรเหรออู”

ถึงตอนนี้ไอ้ชัชรีบแทรกเข้ามา

“ใช่ ไอ้อูมันประสาทแดกไปแล้ว เมื่อวานมันก็ตะคอกกูเพราะเรื่องนี้”

อ้าว ตกลงทั้งสองคนเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาไป มีผมคนเดียวที่รู้สึกไม่พอใจ

“แล้วทำไมพวกมึงไม่เรียกกูด้วยวะ” ผมชักพาล มีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลก็ขอไม่พอใจเอาไว้ก่อน

“แล้วมึงอยู่ให้เรียกที่ไหนเล่า เลิกเรียนก็รีบหนีไปขี้ที่หอ” ไอ้ชัชพูด แต่มันทำเป็นพูดลอยๆ ไม่ยอมมองหน้าผม น่าเตะยิ่งนัก

“ก็มึงไม่อยู่นี่นา” นัยพูดอธิบาย “ไม่เห็นมีอะไรน่าโกรธเลยนี่อู เป็นอะไรไปเหรอ มึงก็เคยไปโม้คกับกูเหมือนกันนี่นา”

“เอ้อ... อ้า...” ผมอ้าปาก พูดไม่ออก เพราะไม่รู้จะต่อว่าไอ้นัยอย่างไร และนึกไม่ถึงว่ามันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหน้าตาเฉย

ไอ้ชัชทำตาโต

“อ้าว ไอ้ห่าอู มึงเคยไปโม้คกับนัยที่ห้องน้ำประถมเหรอ แล้วเสือกไม่เล่าให้กูฟัง” ไอ้ชัชทำสีหน้าเคือง “ไอ้ห่าเอ๊ย ทีมึงทำไม่เห็นว่าอะไร ทีกูทำเสือกมาตะคอกกู เหี้ยชิบหาย”

ดูเหมือนว่าไอ้ชัชจะโกรธผมจริงๆ เพราะผมอยู่กับมันมานาน รู้นิสัยมันดี ปกติมันไม่ด่าผมรุนแรงขนาดนี้ แถมตอนท้ายยังอุปโลกน์ให้ผมเป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งเสียอีก

“อู เป็นไรไป มีอะไรเหรอ” นัยถามย้ำอีก

“เอ้อ... ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้” ผมตอบ

“อยากรู้เหี้ยอะไร เมื่อวานพอมันรู้ว่ากูไปโม้คกับมึง มันตะคอกกูใหญ่ ยังกับกูทำผิดอะไรร้ายแรง ที่ไหนได้ มันเองก็ไปโม้คกับมึงเหมือนกัน แล้วมันไม่เห็นเคยบอกกู” ไอ้ชัชพูดด้วยความโมโห พูดเสร็จมันก็ทำตาแดงๆคล้ายจะร้องไห้อีก

หมู่นี้ไอ้ชัชเป็นอะไรก็ไม่รู้ ขี้แยจริง แล้วก็ขี้น้อยใจ ขี้โวยวาย สารพัด ตอนนี้ผมกระอักกระอ่วนมาก เพราะเมื่อไอ้นัยแฉเรื่องระหว่างผมกับมันที่ไปมีอะไรกัน ไอ้ชัชจากที่น้อยใจก็กลายมาเป็นโกรธผม เมื่อผมจะเป็นฝ่ายที่ขาดเหตุผล เลยนึกอะไรจะเถียงไม่ออก

“ก็สนุกๆ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ทั้งสองคนนั่นแหละ ไม่เอานะ อย่าทะเลาะกันดิ” ไอ้นัยพูดหน้าตาย เหมือนผู้ใหญ่กำลังสั่งสอนเด็ก

“เออๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” ผมรีบสรุปเพื่อจบสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้

“เดี๋ยว กูมี ไอ้อู” ไอ้ชัชไม่ยอมจบ พูดตะคอกผมบ้าง“แล้วเมื่อคืนมึงตะคอกกูทำไม แล้วมึงโม้คไอ้นัยทำไมมึงไม่เล่าให้กูฟัง”

ดูไอ้ชัชมันติดใจเรื่องที่ผมตะคอกมันมาก หรือว่าผมทำรุนแรงไปจริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ กลายเป็นว่าผมทะเลาะกับไอ้ชัช ไม่มีใครโกรธไอ้นัยเลย ทั้งๆที่ไอ้นัยก็เป็นคู่กรณีเช่นกัน ผมก็ไม่ได้โกรธและต่อว่าไอ้นัย ไอ้ชัชก็เหมือนกัน คงจะเป็นเพราะว่าปกติไอ้นัยดีกับทุกคน และยอมทุกคน เลยไม่มีใครคิดว่าจะไปหาเรื่องอะไรกับมัน

ขณะที่ผมกำลังไม่รู้จะทำอย่างไรดีนั่นเอง เสียงออดเคารพธงชาติก็ดังขึ้น ถึงเวลาเคารพธงชาติแล้ว เรียกได้ว่าระฆังช่วยจริงๆ

“เดี๋ยวค่อยคุยละกัน” ผมตัดบท “รีบไปเข้าแถวก่อน”

ว่าแล้วผมก็เดินหนีไปเข้าแถว

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันต่อหรอกครับ ที่จริงก็ไม่มีอะไรที่น่าจะต้องคุย ไอ้ชัชยังโกรธผมอยู่อีกหลายวัน ไม่ยอมพูดจากับผม ผมก็มีทิษฐิ ไม่ยอมง้อมันในครั้งนี้ ก็เลยกลายเป็นว่าเราสองคนไม่พูดจากันอยู่หลายวัน แต่เวลากินข้าวก็ยังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน แต่ต่างคนต่างก็คุยเฉพาะกับไอ้นัย ไอ้นัยเองมันก็พยายามคุยและแหย่เราสองคนเพื่อให้เราได้คุยกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล

Monday, September 3, 2007

ตอนที่ 59

จนมาวันหนึ่ง ตอนนั้นก็กลางเทอมแล้วละครับ หลังสอบคัดเลือกเสร็จไม่นาน วันนั้นผมท้องเสีย ท้องเสียตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว เข้าส้วมไปตั้งหลายหนก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไร เลิกเรียนแล้วเลยกลับเข้าหอเร็วหน่อย จะได้ไปเข้าส้วมได้โดยสะดวก เพราะห้องเรียนกับส้วมนั้นห่างกันค่อนข้างไกลกัน

เย็นวันนั้นผมนั่งอ่านหนังสือไป วิ่งเข้าส้วมไป จนไอ้ชัชกลับมาถึงหอ วันนั้นมันมาช้ากว่าปกตินิดหน่อย

“เป็นไงบ้างไอ้อู ใกล้ตายหรือยัง” ไอ้ชัชทัก ยังปากเสียไม่หาย

“ยังโว้ย ถ้าตายมึงจะเห็นกูเหรอ ไอ้เปรต” ผมด่ามัน

“เข้าส้วมไปกี่ครั้งแล้ววะ” มันถาม

“วิ่งเข้าวิ่งออกส้วมอยู่นี่แหละวะ ห้าหกครั้งแล้วมั้ง เซ็งเลย ไม่รู้ไปกินอะไรเข้า” ผมบ่น

“วันนี้มึงเข้าส้วม กูก็ไปเข้าส้วมมา ฮุ ฮุ” ไอ้ชัชพูดแล้วทำตาหลิ่วแบบหน้าตาลึกลับ พร้อมหัวเราะเลียนแบบไอ้นัย

“อ้อ มึงก็ท้องเสียเหรอ” ผมถาม “ไม่ยักรู้”

“เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร” ไอ้ชัชตอบ แล้วหัวเราะ

“แล้วมึงไปเข้าส้วมทำอะไรวะ ชักว่าวเหรอ” ผมพูดส่งเดชไป เห็นมันอยากต่อความยาว ผมก็เลยต่อความยาวกับมันบ้าง

“ฮื่อ เกือบช่าย” มันตอบ หัวเราะ ฮุฮุ อีก

“มึงจะเงี่ยนไปถึงไหนวะ กลางคืนก็เอาน้ำออก กลางวันยังจะชักว่าวอีก ไอ้หน้าหื่น” ผมด่ามัน

“ไม่ได้ชักว่าวโว้ย” มันตอบยียวน ถามคำตอบคำ เมื่อไรจะรู้เรื่องสักที

“อ้าว แล้วเมื่อกี้บอกใช่” ผมชักงง

“บอกว่าเกือบใช่โว้ย ไม่ได้ชักว่าว แต่ก็น้ำแตกเหมือนกัน” มันพูดเป็นปริศนา

ผมทำตาโต ตอนนั้นยังงงๆอยู่ว่ามันไม่ได้ชักว่าวแล้วน้ำแตกได้ยังไง ชักอยากรู้

“ทำไงวะ” ผมยังพาซื่อถาม ไม่ได้เฉลียวใจสักนิด

“ก็กูโม้คกับไอ้นัยน่ะสิ” ไอ้ชัชพูดหน้าตาเฉย

ผมสะอึก พูดอะไรไม่ออก นึกไม่ถึงว่าไอ้ชัชกับไอ้นัยจะไปทำอะไรกันสองคน ที่จริงถ้าพูดอย่างยุติธรรมแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผมมีอะไรกับไอ้ชัชก็ได้ มีอะไรกับไอ้นัยก็ได้ แล้วไอ้ชัชกับไอ้นัยจะไปมีอะไรกันบ้างสองคนก็ไม่เห็นจะแปลก ไอ้ชัชมันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะเอามาเล่าหน้าตาเฉย คงนึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเหตุผลเหล่านี้หรอกครับ รู้สึกแต่ว่าไม่พอใจ ผมไม่พอใจอะไรแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ชัดด้วยซ้ำ

“มันชวนมึงเหรอ” ผมรีบถาม

“เฮ้ย ไม่ต้องตะคอกกูก็ได้ ไอ้บ้า แค่นี้ทำเป็นตกใจ” มันว่าผมด้วยเสียงไม่พอใจ สงสัยว่าความไม่พอใจ ของผมคงหลุดออกไปทางน้ำเสียง เลยเหมือนกับตะคอกไอ้ชัช

“มึงรีบเล่าดิ” ผมรีบพูดเสียงอ่อนลง กลัวมันน้อยใจแล้วร้องไห้อีกน่ะครับ

“มึงไม่ต้องฟังแล้วเงี่ยนชวนกูไปโม้คต่อนะ คืนนี้กูพอแล้ว” ไอ้ชัชยังไม่ยอมเริ่มเล่าเสียที พูดโน่นพูดนี่อยู่นั่นแหละ น่าตบหัวจริงๆ

“เออๆๆ รีบๆเล่าเข้าเถอะ” ผมพูดอีก

“ทำไมมึงถึงอยากรู้มากนักวะ มึงไม่เคยมีอะไรกับมันเลยหรือไง แปลกจริง มาเซ้าซี้ให้เล่าอยู่นั่นแหละ” ไอ้ชัชยังพยายามโยกโย้อีก

คราวนี้ผมโมโหจริงๆ โมโหยิ่งกว่าวันก่อนอีก เลยกระชากเสียงใส่มัน

“ไอ้ห่า ทำมันมึงเรื่องมากนักวะ เหี้ยเอ๊ย มึงจะเล่าหรือไม่เล่า”

ปกติผมไม่ค่อยพูดคำหยาบขนาดไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ อะไรพวกนั้นนะครับ ไอ้นัยกับไอ้ชัชก็ไม่ค่อยพูด อย่างมากก็แค่ ไอ้หอก ไอ้เปรต ซึ่งถือว่ายังไม่รุนแรงหรือหยาบคายเท่า แต่วันนั้นเคืองไอ้ชัชมันจริงๆ เลยหลุดปากออกไปโดยไม่ยั้งคิด

- - -

ไอ้ชัชอึ้ง นั่งนิ่งเงียบ ผมเองก็พลอยเงียบไปด้วย บรรยากาศตอนนั้นเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ เราทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดใจ

เพียงครู่เดียว ไอ้ชัชก็กะพริบตาถี่ๆ ทำปากเบะ แล้วน้ำตาของมันก็ร่วงพรูลงมา มันพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้และเดินหนีผมไป

ซวยล่ะสิ ทำไอ้ชัชร้องไห้อีกแล้ว ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่วัน ผมก่อเรื่องซ้ำแบบเดียวกันถึงสองครั้ง คราวนี้ดูจะรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วอีกด้วย ไอ้ชัชเองก็ไม่งอนง้อผมเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่ผมโกรธ แต่คราวนี้กลับเดินหนีไปเลย

ผมเองตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก จะเข้าไปขอโทษมันก็ยังเคืองใจเรื่องมันกับไอ้นัยอยู่ จะปล่อยให้มันร้องไห้ไปอย่างนั้นก็ดูใจจืดใจดำกับเพื่อนรักเสียเหลือเกิน

ในที่สุดผมก็เลือกที่จะไม่ไปง้อมัน ปล่อยให้มันหลบไปหาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตามสบายก็แล้วกัน เรื่องอะไรจะไปง้อมันให้เสียฟอร์ม ผมไม่ได้ผิดอะไรนี่นา ไอ้ชัชต่างหากที่ชอบพูดจากวนประสาท สมควรโดนแล้วนี่... ผมพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง พลางคิดต่อไปว่า ในเมื่อไอ้ชัชไม่เล่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเค้นเอาจากไอ้นัยก็ได้

คืนนั้นทั้งคืน จนถึงเวลาเข้านอน เราสองคนไม่พูดจากันอีกเลย แม้ว่ามันจะนอนเตียงติดๆกับผมก็ตาม ผมนอนไม่หลับ คิดโน่น คิดนี่ไปเรื่อง ส่วนหนึ่งก็คือสำนึกผิดที่ตะคอกไอ้ชัช อีกเรื่องก็คือไม่พอใจที่ไอ้นัยมีอะไรกับไอ้ชัชโดยที่ไม่มีผมอยู่ด้วย

ไอ้ชัชเองก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน เพราะได้ยินเสียงมันพลิกตัวไปมา ผมเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของเพื่อนรักที่นอนอยู่ข้างเตียงว่าเมื่อไรมันจะหลับ เฝ้าไปเฝ้ามา ในที่สุดผมเองก็ผล็อยหลับไป

ตอนที่ 58

เย็นวันนั้น ผมกลับไปที่หอด้วยความอิ่มเอม ปนผะอืดผะอม เพราะว่ารสชาติน้ำว่าวที่กลืนลงคอไปนี่มันแย่จริงๆ

ไอ้ชัชยังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น หรือห้องอเนกประสงค์ เพราะใช้ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ดูทีวี นั่งเล่น นั่งคุย เล่นเกม ฯลฯ ผมไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อเย็นให้ไอ้ชัชฟัง เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไร เดี๋ยวมันก็จะว่าทำไมไม่ชวนมันด้วย แล้วก็จะพานน้อยใจอีก

แต่ความจริงก็คือ ผมก็ไม่อยากชวนมันด้วยแหละครับ ตอนนั้นรู้สึกอยากมีความสุขกับไอ้นัยเพียงแค่สองคนบ้าง ไม่อยากให้คนอื่นมาแบ่งด้วย แม้แต่ไอ้ชัชก็ตาม เพราะเท่าที่ผ่านมาส่วนใหญ่ ผมมีอะไรกับไอ้ชัชค่อนข้างมาก รวมทั้งแบบว่าวหมู่ก็มี แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอะไรกับไอ้นัย ก็ไม่ได้เบื่อไอ้ชัชนะครับ คือ...มันอธิบายไม่ถูก ไม่รู้จะบอกอย่างไรดี

- - -

หลังจากวันที่ไอ้ชัชร้องไห้ ผมก็พยายามทำดีกับมัน ปกติก็ทำดีอยู่แล้วนะครับ แต่หลังจากนั้นก็ยิ่งดีกับมันกว่าเดิม เหมือนกับอยากจะชดเชยความรู้สึกผิด ส่วนชัชเองก็ดูจะทำตัวดีขึ้น มันงอแง กวนประสาท ต่อล้อต่อเถียงกับผมน้อยลง ผมว่ายังไงมันก็ว่าตามนั้นโดยไม่ค่อยต่อความยาวสาวความยืดเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังติดผมแจยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าผมจะไปไหนก็มักตามไปเป็นเพื่อนผมเสมอ จะนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบตอนกลางคืน มันก็ไปนั่งอ่านการ์ตูนเป็นเพื่อน มันบอกว่ากลัวผมเหงา ถ้าเป็นแต่ก่อนมันก็หนีไปนอนอุตุแล้ว แต่ก็ดีจริงๆละครับ มีมันแล้วไม่ค่อยเหงา

ส่วนทางด้านเซ็กซ์นั้น ไอ้ชัชกับผมมักมีอะไรกันบ่อยๆตอนดึก เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยชักว่าวหรือถูไถกันแล้วครับ ตั้งแต่โม้คเป็นนี่มักอมให้กันมากกว่า เพราะให้ความรู้สึกที่เสียวดีกว่า แต่ไม่กลืนน้ำว่าวของกัน เพราะมันคาว ไม่ค่อยชอบ เวลาน้ำแตกก็บ้วนออกมา

เหตุการณ์ในช่วงนั้นก็คงดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยๆ ยิ่งใกล้วันสอบ ไอ้นัยก็ยิ่งดูเคร่งเครียด พอมันเครียด ผมก็เครียดไปด้วย ไอ้ชัชเองก็พลอยซึมไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ถามมันมันก็เงียบๆ ตอนนั้นผมกำลังดูหนังสือแบบเอาเป็นเอาตายอยู่เหมือนกัน ก็เลยไม่ได้สังเกตและใส่ใจกับความผิดปกตินี้มากนัก

และแล้ว ในที่สุดวันสอบคัดเลือกเข้า ม.๑ ก็มาถึง วันนั้นเป็นวันเสาร์ครับ เดือนธันวาคม วันที่เท่าไรจำไม่ได้หรอกเพราะว่ามันนานมาแล้ว

ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าการสอบคัดเลือกในสมัยที่ผมเรียนอยู่นั้น โรงเรียนมัธยมในกรุงเทพฯจะสอบพร้อมกัน แต่ว่าแต่ละโรงเรียนออกข้อสอบกันเอง ใครอยากเข้าโรงเรียนไหนก็ไปสอบที่โรงเรียนนั้น

และเนื่องจากที่บ้านของผมไม่สนับสนุนให้ผมย้ายโรงเรียน ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งเสริมอะไรผมในเรื่องการเรียนพิเศษ แต่อย่างไรก็ดี ในวันสอบนั้นจะต้องมีผู้ปกครองมาพาออกไปจึงจะออกจากหอไปสอบได้ จะให้ป๋าของผมมาพาตัวผมไปสอบเห็นจะไม่มีทาง เพราะไม่ใช่เดินทางใกล้ๆ ที่จริงเดินทางไปสอบเองมันก็ไปได้อยู่หรอกครับ เพราะรู้สายรถเมล์แล้ว นั่งรถเมล์จากหน้าโรงเรียนไปสุดสายก็ถึงพอดี แต่ปัญหาอยู่ที่ออกจากหอโดยไม่มีผู้ปกครองมารับตัวไม่ได้ต่างหาก

แต่เหตุการณ์ก็ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะว่าวันนั้นทางโรงเรียนไม่ค่อยเข้มงวด คงจะเข้าใจปัญหาของเด็กหอ ก็เลยอะลุ้มอล่วยให้เป็นพิเศษ สรุปว่าคุณอาไอ้นัยเป็นคนมารับผมออกจากหอ แล้วก็เดินทางไปสอบพร้อมกับไอ้นัย

“ไอ้ชัช กูไปล่ะนะ” ผมบอกลาไอ้ชัชในตอนเช้า ก่อนออกจากหอ วันนั้นไอ้ชัชหน้าตาไม่ค่อยดี ที่จริงไม่ค่อยดีมาสักพักใหญ่ๆแล้ว

“มึงจะทิ้งกูไปเรียนที่อื่นจริงๆเหรอ” ไอ้ชัชถามผมด้วยท่าทีซึมๆ แต่ผมก็ไม่ได้เฉลียวใจอะไร ก็เลยตอบออกไปว่า

“ถ้าสอบติดก็ไปละวะ ถ้าไม่ติดก็ไม่ไป”

แล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก รีบออกจากหอไปกับอาไอ้นัยเพื่อไปสอบ

- - -

ข้อสอบคัดเลือกเข้า ม.๑ นั้นก็ไม่ยากเท่าไรนะครับ ในความคิดของผม วันนั้นผมทำได้คิดว่าเยอะทีเดียว หลายต่อหลายข้อออกตรงตามข้อสอบเก่า ดังนั้นแม้ผมไม่ได้ไปติวที่ไหน แต่เนื่องจากดูข้อสอบเก่ามาค่อนข้างเยอะ ก็คิดว่าพอทำได้ ข้อสอบก็มีหลายวิชาครับ คณิตศาสตร์ อังกฤษ สังคม ภาษาไทย ฯลฯ

ผมทำข้อสอบเสร็จค่อนข้างเร็ว จำได้ว่าเสร็จก่อนเวลา เลยออกมานั่งคอยไอ้นัยที่หน้าห้อง เห็นมันนั่งกุมขมับทำข้อสอบ ที่จริงก็ไม่ได้กุมขมับหรอกครับ ทึ้งผมเล่นมากกว่า คือมันนั่งทำข้อสอบไปก็ดึงผมตัวเองไป สงสัยจะเครียดกับข้อสอบ

“เฮ้ ไอ้นัย เป็นไงบ้าง” ผมถามไอ้นัยหลังจากที่มันเดินออกมาจากห้องสอบ พอสอบเสร็จผมก็โล่งแล้วครับ จะได้จะตกก็ช่างมัน หมดเวรหมดกรรมกันเสียที นึกอยู่แค่นั้น ดังนั้นพอสอบเสร็จก็กลับมาอารมณ์ดีเป็นไอ้อูผู้ไม่เคร่งเครียดคนเดิม ส่วนไอ้นัยนั้นยังมีอาการเมาข้อสอบค้างอยู่ เพราะตอนขากลับที่นั่งกลับมากับมันในรถ มันบ่นกับอามันตลอดทาง ว่าข้อนั้นสงสัยจะตอบผิด ข้อนี้ก็สงสัยจะตอบผิด ฯลฯ

ชีวิตหลังสอบคัดเลือกเสร็จก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ต่างคนต่างก็รู้สึกโล่งและหมดภาระ ชีวิตก็กลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม เด็กๆส่วนใหญ่ก็กลับมาร่าเริงและเล่นกันสนุกเหมือนเดิม รวมทั้งไอ้นัยด้วย ไอ้ชัชเองก็พลอยกลับมามีอารมณ์ดีไปด้วยเพราะว่ามีเพื่อนๆให้เล่นให้แหย่เยอะเหมือนเดิม

ไอ้นัยกลับมาถูกเพื่อนๆแกล้งด้วยการจับจู๋เหมือนเดิม และมันก็ยอมเพื่อนๆไม่เคยขัดใจใครเหมือนเดิมเช่นกัน ไอ้ชัชเองก็แกล้งไอ้นัยอย่างมันมือ เอาเครื่องเขียนไปซ่อนบ้าง จับจู๋มันบ้าง สารพัดจะแกล้ง

“มึงไปเก็บกดมาจากไหนวะไอ้ชัช” ไอ้นัยบ่นอุบอิบ “ตั้งแต่สอบเสร็จชอบแกล้งกูเสียเรื่อย”

“ก็ช่วงก่อนสอบกูไม่ได้แกล้งมึงนี่ ตอนนี้เลยแกล้งแบบคิดดอกเบี้ยทบต้น” ไอ้ชัชพูดหน้าตาเฉย “อีกหน่อยมึงก็ไม่ได้อยู่ให้กูแกล้งแล้วด้วย” พูดจบไอ้ชัชก็หน้าหมองไปนิดหนึ่ง

“เออ สมพรปากเถอะมึง” ไอ้นัยบอก “ถ้ามึงแกล้งกูแล้วกูสอบเข้าได้จริง กูยอมให้มึงแกล้งทุกวันเลย”

“ก็กูแกล้งมึงอยู่ทุกวันอยู่แล้วนี่ มึงไม่ยอมก็ต้องยอม” ไอ้ชัชพูดจบก็ตบหัวไอ้นัยไปหนึ่งป๊อก

“โอ๊ย” ไอ้นัยร้อง “ไอ้เปรต เดี๋ยวกูเยี่ยวรดที่นอน”

Saturday, September 1, 2007

ตอนที่ 57

ไอ้นัยส่ายหน้าเป็นคำตอบ ไม่พูดไม่จา ผมเอามือไปแตะหน้าผากมัน ก็ไม่เห็นตัวร้อนสักหน่อย คงไม่ได้เป็นไข้

“เป็นไรอ่ะ บอกกูดิ อย่านั่งเป็นใบ้สิวะ” ผมถามมันอีก

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” นัยตอบ

เอ้า ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร ดีสิ ถ้างั้นวันนี้คงไม่มีอุปสรรคอะไร

“งั้นกูไปรอที่ห้องน้ำประถมนะ ดีเลย เนี่ย อายังไม่มา มึงรีบไปล่ะ” ผมย้ำ แล้วรีบเดินตัวปลิวไปยังสถานที่นัดหมาย นึกอิ่มเอมใจที่วันนี้จะได้มีอะไรกับไอ้นัยเสียที ไม่ได้มีอะไรกับมันมานานแล้วเหมือนกัน เอ... มันจะดีใจเหมือนกับที่ผมดีใจไหมหนอ ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย

ด้วยความที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว คราวนี้ผมไม่เดินเตร่หน้าห้องส้วมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่พอมาถึงก็เดินเข้าไปในห้องส้วมเลย แล้วก็ปิดประตูแง้มๆเอาไว้ ยืนรออยู่ข้างใน บ่ายแก่แล้ว ไม่มีใครมาเข้าส้วมประถมเท่าไรหรอกครับ เพราะนักเรียนประถมส่วนมากกลับไปกันหมดแล้ว ปลอดคนมาก

เพียงครู่เดียวไอ้นัยก็เดินมาถึง มันเปิดประตูห้องที่ผมอยู่และเดินเข้ามา พร้อมทั้งปิดประตู ท่าทางของมันเนียนมาก

ไอ้นัยวางกระเป๋า แล้วมองหน้าผมยิ้มๆ แววเคร่งเครียดบนใบหน้าของมันจางลงไปมาก ไม่เหมือนตอนอยู่ในห้องเรียน ทรงผมรองทรงหวีเป๋ของมันน่ารักมาก ใบหน้ามีสิวขึ้นนิดหน่อย ริมฝีปากมีไรหนวดเขียวๆ ห้วงความคิดของผมหวนนึกไปถึงวันเวลาที่เราสนุกด้วยกันที่บึงน้ำส่วนตัวท้ายสวนที่บ้านต่างจังหวัดของผมเมื่อตอน ป.๕ กลิ่นตัวหอมอ่อนๆของไอ้นัยโชยเข้าจมูกผมตลอดเวลา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือว่าได้กลิ่นจริงๆ

ผมทนไม่ไหว คว้าไอ้นัยมากอด แล้วก้มหน้าลงไปซุกไซร้ตรงหลังใบหู ผมชอบเอาจมูกไปไซร้ตัวไอ้นัย โดยเฉพาะตรงใบหู เพราะชอบที่จะดมกลิ่นตัวมัน ชอบเอาจมูกไปแถมแก้มลื่นๆ เนียนๆของมัน ตอนนั้นทำไปตามประสาเด็กครับ ชอบอะไรก็ทำอย่างนั้น ไม่ได้มีอารมณ์โรแมนติกแบบวัยหนุ่ม

ไอ้นัยหัวเราะกิ๊กกั๊กด้วยความจั๊กกระจี้ พอผมได้ยินก็ยิ่งอยากแกล้งมัน ยิ่งไซร้มันเข้าไปใหญ่ มันอยากจะหัวเราะแต่พยายามกลั้นเอาไว้ เพราะกลัวเสียงลอดออกไป เลยกลายเป็นว่ามันดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของผมนั่นเอง

เป้าของเราเบียดกัน ผมรู้สึกได้ถึงท่อนแข็งๆที่อยู่ในกางเกงของมัน ของผมเองก็แข็งตัวรออยู่นานแล้ว

ไม่รอช้า ก็ไม่รู้จะรอไปทำไม เพราะว่าเวลามีจำกัด ต้องรีบทำเวลาเผื่ออาไอ้นัยมารับ ผมรีบถอดกางเกงของตัวเอง ไอ้นัยก็ถอดของมัน พริบตาเดียว เราก็อยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่าง ผมกอดไอ้นัยไว้แน่นให้สมอยากที่ไม่ได้มีอะไรกับมันมาตั้งนาน ท้องน้อยของเราประกบติดกัน ดอของเราสองคนเสียดสีกันไปมาและมีน้ำเยิ้มเต็มหน้าท้องไปหมด ไม่รู้ว่าน้ำหล่อลื่นของใครเป็นของใคร

ไอ้นัยเอาปากมาจ่อที่หูของผม นึกว่ามันจะงับ ที่ไหนได้ มันกระซิบเบาๆ

“อู โม้คให้หน่อยนะ ...”

เอาล่ะสิ มันคงฟังไอ้ชัชโม้เสียจนอยากลองบ้างแล้ว ที่จริงแต่ก่อนเราก็เคยลองกันครับ แต่ว่าไม่มีอะไรน่าสนุก เพราะเจ็บ

ผมอึ้งไปนิดหน่อย คือปกติผมเป็นคนค่อนข้างสะอาด ตอนโม้คกับไอ้ชัชก็เป็นตอนที่อาบน้ำแล้วทั้งนั้น แต่ตอนนี้สิครับ มันตอนเย็นแล้ว จู๋อับอยู่ในกางเกง แถมฉี่มาทั้งวัน กึ๋ยยยยยย...

“นะ...นะ” ไอ้นัยกระซิบอีก ตอนที่ไอ้นัยกระซิบ ผมรู้สึกได้ถึงดอของไอ้นัยที่แนบอยู่ที่ท้องน้อยของผม มันกระดกหงึกหงักเป็นจังหวะ ไอ้นัยก็คงมีอารมณ์เต็มที่เหมือนกัน

เฮ้อ เมื่อไอ้นัยมันขอก็ต้องยอมมันละครับ ปฏิเสธมันลงที่ไหน

ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตอนนี้ดอของไอ้นัยจ่ออยู่ที่ปากของผมแล้ว ขนอุยของมันยิ่งนานยิ่งเป็นพงหนา ไอ้นัยนี่มันโตเป็นหนุ่มเร็วจริงๆ ดอของมันกระดกหงึกหงัก ส่วนปลายเปิดออกมาได้ครึ่งหัว น้ำเยิ้มเต็มหัวไปหมด เนื่องจากมันอยู่ใกล้มาก ตอนที่ดอมันกระดกผมจึงสามารถเห็นน้ำหล่อลื่นถูกขับออกมาจากรูเปิด เยิ้มที่ส่วนปลายอย่างชัดเจน

ผมตัดใจหลับหูหลับตาอมของไอ้นัยเข้าไป ความรู้สึกตอนนั้นของผมไม่ค่อยดีเท่าไรเลยครับ เพราะกลิ่นมันไม่ค่อยชวนดมเนื่องจากอับอยู่ในกางเกงในมาทั้งวัน รสชาติก็เค็มๆ คาวๆ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเพื่อนขอก็ต้องทน

ผมอมดอไอ้นัยด้วยความผะอืดผะอม แต่ก็พยายามใช้ลีลาอม เลีย ดูด เหมือนที่ทำกับไอ้ชัช ไม่แสดงออกให้ไอ้นัยรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร

ไอ้นัยท่าทางจะมีความสุขมาก เพราะว่าคราวนี้ผมรู้แล้วว่าทำอย่างไรฟันถึงจะไม่โดน ไอ้นัยจึงไม่รู้สึกเจ็บ มันเสียวจนต้องร้องคราง

“อูย เบาๆหน่อยอู เสียวจัง” ว่าแล้วก็สูดปาก

ผมเหม็นก็เหม็น แต่ก็ต้องเลยตามเลย บรรเลงเพลงลิ้นใส่ไอ้นัยเต็มที่ ไอ้นัยพยายามไม่ส่งเสียงอะไรออกมา แต่ก็มีการแสดงออกโดยการแอ่นตัวไปมา เพียงพักเดียว ไอ้นัยก็ถอนหายใจเฮือก แล้วน้ำก็แตกออกมาเต็มปากผม ตอนมันน้ำแตก ผมได้ยินเสียงถอนหายใจก็รู้แล้วละครับ แต่มันเร็วมาก ทำอะไรไม่ทัน น้ำของมันบางส่วนเลยถูกผมกลืนเข้าไปในลำคอ กลิ่นคาวของน้ำว่าวไอ้นัยค่อนข้างแรง จนผมอยากจะอ้วก

ผมรีบถอนปากออกจากดอของไอ้นัย แต่เนื่องจากน้ำของมันยังแตกไม่หมด ดังนั้นน้ำว่าวบางส่วนของมันก็เลยพุ่งเข้าหน้าของผม

มาถึงตอนนี้ ผมก็เลยตามเลย เลอะเทอะไปหมดแล้วนี่ ก็เลยลองกลืนน้ำว่าวของมันเข้าไปทั้งหมด ขี้เกียจบ้วนออกมาแล้ว รสชาติก็เค็ม คาว น่าผะอืดผะอม แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้อ้วกออกมา

ผมยืนขึ้น หน้าที่เลอะน้ำว่าวคงดูตลกดี ไอ้นัยจึงหัวเราะฮุฮุ ทำเสียงนกฮูก

“เป็นไงอู น้ำอร่อยไหม ฮุฮุ”

ผมเอามือไปจับหัวไอ้นัยกดลง เป็นความหมายให้มันรู้ว่าผมต้องการอะไร ไอ้นัยก็ว่าง่ายครับ ไม่มีอิดออด ทรุดตัวลงเอาดอของผมไปอมแต่โดยดี

มันพยายามทำอย่างที่ผมทำให้กับมัน แต่มันโม้คไม่เก่งเลยครับ สู้ไอ้ชัชไม่ได้เลย ทำไปทำมามันเจ็บมากกว่าเสียว เหมือนเดิมเลย ก็เลยบอกให้มันหยุด แล้วให้มันช่วยชักว่าวให้แทน

ถึงแม้มันจะยังใช้ปากไม่เก่ง แต่มือมันถนัดมากครับ มันชักให้ผมเพียงครู่เดียว น้ำของผมก็แตกพุ่งออกมา ตอนนั้นรู้สึกเสียวมากครับ การมีเซ็กซ์กับไอ้นัยมันแตกต่างกับไอ้ชัชจริงๆ วันนั้นน้ำของผมแตกออกมาเยอะมาก กลิ่นคาวของน้ำว่าว ทั้งของไอ้นัยและของผม คลุ้งเต็มห้องน้ำไปหมด

หลังจากเอาทิชชู่ทำความสะอาดจนเรียบร้อย เราก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำทีละคน โดยเว้นช่วงสักพักหนึ่ง ไอ้นัยออกไปก่อน มันเดินไปรอผมที่โรงอาหาร

“เก่งมากเลยอู” ไอ้นัยพูดยิ้มๆ หลังจากที่เราทั้งสองสมทบกันที่โรงอาหาร มันไม่พูดอะไรต่อ แต่ดูนัยน์ตาของมันก็รู้ว่า เพราะนัยน์ตาของมันเหมือนกับจะบอกว่า ที่ไอ้ชัชพูดไว้น่ะไม่ผิดเลย