Sunday, July 29, 2007

ตอนที่ 49

ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจะเป็นของใหม่ ต่อจากที่หยุดเขียนไปเมื่อปีก่อนครับ

เด็กก็คือเด็ก ใจค่อนข้างเปิดกว้าง ยอมรับสิ่งใหม่ๆได้ง่าย ดังนั้นเพียงใช้เวลานาน พวกเราก็รับนักเรียนโค่งอย่างไอ้ชิดได้อย่างไม่เคอะเขิน พูดจากูมึงกับมันเหมือนเป็นเพื่อนอายุไล่เลี่ยกัน ไอ้ชิดนี่แม้มันวางตัวเป็นหัวโจก แต่ก็ไม่ค่อยเกเรครับ ไม่รังแกเพื่อนในห้อง ใครยกมันเป็นลูกพี่มันก็รับ ใครไม่สนใจมันมันก็ไม่ว่าอะไร เรียกว่ากลุ่มใครกลุ่มมัน

การเรียนของไอ้ชิดไม่ค่อยดีนัก แม้อายุจะเยอะแล้วแต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีความรู้อะไรเท่าไร เรียนอะไรก็ไม่ค่อยจำ ครูต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่เรื่อย ประวัติของมันไม่ค่อยมีใครรู้ครับ เพราะว่ามันไม่ค่อยเล่า ไม่รู้ว่าจะลับอะไรนักหนา แต่ที่มันเคยหลุดๆเล่าออกมาก็มี อย่างเช่น มันเล่าว่าเคยชกมวยมาก่อน ตอนอายุประมาณ ๑๔ อยู่ค่ายมวยอะไรก็ไม่รู้ แต่ว่าเป็นต่างจังหวัด มิน่าล่ะ หุ่นถึงได้หนา บึกบึน

เนื่องจากไอ้ชิดนั่งห่างจากพวกผม แต่นั่งใกล้กับไอ้พงษ์ ดังนั้นมันจึงไปสนิทกับไอ้พงษ์มากกว่า อีกทั้งอายุก็ห่างกันไม่มากนักด้วย กลุ่มของไอ้ชิด ไอ้พงษ์ก็มีอยู่ด้วยกันประมาณสี่ห้าคน

เนื่องจาก ป. ๖ เทอมปลาย เป็นชั้นปีสุดท้ายของระดับประถม เทอมนี้จึงเป็นเทอมที่แตกต่างจากเทอมอื่นๆที่ผ่านมา จากชีวิตที่เคยมีความสุขกับการเรียนและการเล่น ไม่ต้องวิตกทุกข์ร้อนอะไร (ยกเว้นเรื่องผลการเรียน สำหรับคนที่ผลการเรียนไม่ค่อยดี) กลายเป็นชีวิตที่สับสน แสวงหา และแข่งขัน มันเหมือนกับว่าผ่านไปเพียงเทอมเดียวพวกเรากลับโตขึ้นอีกเยอะเลย

ไอ้นัยจากเดิมที่เอาแต่ยิ้มอารมณ์ดีทั้งวัน กลายเป็นเคร่งขรึมขึ้น เพราะมุติวกับดูหนังสืออย่างหนัก ไรหนวดเขียวที่ริมฝีปากของมันยิ่งทำให้หน้ามันดูเข้มและขรึมยิ่งขึ้นไปอีก แต่มองไปอีกทีก็น่ารักไปอีกแบบครับ แต่ก่อนน่ารักแบบเด็กๆ เดี๋ยวนี้น่ารักแบบวัยรุ่นหล่อๆ

เมื่อเห็นไอ้นัยมุมานะเอาจริง ผมเองก็ต้องเอาจริงตามไปด้วย เพราะตอนนั้นติดไอ้นัยมาก คิดแต่ว่าอยากได้เรียนที่เดียวกับมันต่อไป ถ้าผมไม่เอาจริง เกิดมันสอบเข้า ม.๑ ได้ที่โรงเรียนอื่นแล้วผมสอบไม่ได้ ผมก็คงไม่มีโอกาสเจอมันอีกเลยตลอด ม. ปลาย ทั้ง ๖ ปี ตอนนั้นผมเองก็รู้สึกกดดันเหมือนกันนะครับ ไม่ได้กดดันเพราะตั้งเป้าหมายเรื่องเรียนไว้เหมือนอย่างไอ้นัยหรือคนอื่นๆ แต่กดดันเพราะผมอยากอยู่ใกล้ชิดกับไอ้นัยต่อไปให้ได้ แต่ถึงสาเหตุแตกต่างกัน แต่เป้าหมายก็คืออย่างเดียวกัน หน้าตาผมจะเคร่งเครียดอย่างหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะสังเกตตัวเองมันดูไม่ค่อยออก

ส่วนไอ้ชัชนั้น เทอมนั้นผมเองก็สังเกตเห็นมันซึมๆ เครียดๆไปเหมือนกัน แม้มันไม่ได้มีแผนการจะไปเรียนต่อที่อื่นก็ตาม ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจกับการเปลี่ยนแปลงของมันเท่าไรนัก เพราะเทอมนั้นส่วนใหญ่ก็เอาเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกันเกือบทุกคน ดังนั้นจึงคิดเอาเองว่าถึงไอ้ชัชมันจะหน้าเครียดๆบ้างก็ไม่เห็นจะผิดปกติอะไร

ส่วนพวกที่ไม่เห็นจะเครียดอะไรกับชีวิตเลย ดูเหมือนจะมีอยู่กลุ่มเดียว นั่นคือกลุ่มของไอ้ชิด ไอ้พงษ์ เพราะสองรายนั้นเพิ่งเข้ามาใหม่ ตอน ป.๖ แสดงว่าคงคิดเรียนต่อ ม.๑ ที่นี่ วันๆก็เอะอะเฮฮาไปตามเรื่อง

ตอนนั้นเรื่องการจับจู๋กันเล่นตอนพักเที่ยง โดยเฉพาะจับของไอ้นัย ตอน ป.๖ เทอมปลายไม่มีแล้ว เพราะที่ทางไม่สะดวก ไม่ค่อยลับตาแล้ว แถวนั้นมีพวกเด็กประถมอื่นๆมาเล่นกันมากขึ้น อีกทั้งตอนพักเที่ยงหลายๆคนก็มักหลบไปนั่งท่องหนังสือกัน เพราะจะต้องสอบคัดเลือกเข้า ม.๑ ประมาณเดือนธันวาคม ซึ่งก็เหลืออีกเพียงเดือนกว่าๆเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ดอไอ้นัยก็ยังถือเป็นของสาธารณะสำหรับเพื่อนๆเช่นเดิม เพราะใครอยากจะจับของมันเล่นมันก็เฉยๆ ยอมให้จับแต่โดยดี แต่ผมเองสิครับ หลังๆชักรู้สึกไม่ค่อยพอใจไอ้นัยเท่าไร

“ไอ้นัย ทำไมมึงถึงยอมให้ใครต่อใครจับควยมึงได้ตามสบายวะ” ผมถามมันในตอนพักเที่ยงของวันหนึ่ง หลังจากที่มันโดนเพื่อนคนหนึ่งจับเป้ากางเกงเล่น แต่แค่จับข้างนอก ไม่ได้ล้วงอะไรออกมา

ไอ้นัยทำหน้าเหรอหรา นึกไม่ถึงว่าผมจะถามคำถามแบบนี้

“ไม่รู้ดิ มันก็จับกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า มึงก็ด้วยแหละ แล้วยังมาถามอีก” ไอ้นัยตอบ ทำหน้ากวนๆ เวลามันยิ้ม ไรหนวดเขียวๆของมันยิ่งทำให้มันดูหล่อยิ่งขึ้น ผมเห็นแล้วยิ่งไม่พอใจ

“ต่อไปมึงอย่าทำแบบนี้อีกได้ป่าว” ผมพูดเสียงแข็ง

“ทำแบบไหน” ไอ้นัยถามพร้อมแกล้งทำหน้าเซ่อ

ผมตบหัวมันไปทีนึง “อย่าให้ใครจับควยมึงอีก ได้ป่าว”

“รวมทั้งมึงด้วยเหรอ” แน่ะ ตอนนั้นผมซีเรียส มันยังทำทะเล้นอีก

“ไอ้เปรต ไม่ใช่โว้ย” ผมชักฉุน ที่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่จะพูดกับมันตรงๆก็พูดไม่ออก “กูหมายถึงกูไม่ชอบน่ะ ไม่อยากให้มึงทำอีก”

“แน้ ตอบไม่ตรงคำถาม มึงเป็นไรเหรอไอ้อู” คราวนี้ไอ้นัยทำหน้าสงสัย ชักเกิดสงสัยขึ้นมาจริงๆว่าผมจะพูดเรื่องนี้ทำไมกัน

“เอ้อ ... คือ ... กู ... อ้า...” ผมอึกอัก “เอาน่า เอาเป็นว่ากูขอละกัน”

“แล้วไอ้ชัชล่ะ จับได้ป่าว” ไอ้นัยยังไม่หายสงสัย

“เอ้อ .. ไอ้ชัช เอ้อ ... โฮ้ย มึงจะซักหาอะไรกันวะไอ้นัย” ผมไม่รู้จะตอบยังไง เลยทำเนียนโวยเอาเสียเลย

คราวนี้ไอ้นัยมองหน้าผม จ้องตาผมเลย พร้อมกับถาม “มึงหวงเหรอ ไอ้อู”

ผมเจอคำถามนี้เข้าถึงกับอึ้งเลย เพราะมันจี้ใจดำ ใช่ครับ ตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากเป็นเจ้าของไอ้นัยเอาไว้คนเดียว ไม่อยากแบ่งความรู้สึกนี้ให้กับคนอื่น ... แม้แต่กับไอ้ชัช ... แต่มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างเลือนราง จับต้นชนปลายไม่ถูก จนบางครั้งผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่

คราวนี้ผมเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องถอย เพราะไม่สามารถตอบคำถามของมันได้ ต้องหลบสายตามันและเสไปพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนแทน เริ่มรู้สึกเหมือนกันว่าไอ้นัยเองก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่อะไรก็ได้ ยอมเพื่อนๆทุกอย่าง กลับกลายเป็นคนที่รุกคนอื่นเป็น

Monday, July 23, 2007

ตอนที่ 48

กลางคืนวันนั้น ผมรู้สึกนอนหลับยากนิดหน่อย เพราะมัวคิดถึงแต่รสความสุขที่ได้จากเมื่อคืนก่อน พวกเราต่างก็ได้ลองก้นของอีกสองคนที่เหลือนั่นแหละครับ ไม่มีใครรอดจากดุ้นของใคร พูดถึงรสชาติและความแตกต่างระหว่างไอ้นัยและไอ้ชัชมันก็มีบ้างแหละครับ ไอ้นัยเวลามันทำรู้สึกว่ามันจะดุดันอยู่ลึกๆ ส่วนไอ้ชัชมันก็แบบขี้เล่น บางทีก็เอาไปหัวเราะไป (จะบ้าแล้วไอ้นี่) ส่วนความรู้สึกของผมเวลาเอาไอ้สองตัวนั่น อือม์ บรรยายลำบากเหมือนกันครับ เพราะมันก็เพื่อนรักทั้งสองคน ทางด้านกายภาพนั้นก็พอๆกันนั่นแหละครับ เพราะยังเด็กกันทั้งนั้น เรื่องความฟิตไม่แตกต่าง แต่ว่าไอ้นัยนั้นผมรู้สึกอบอุ่นกับมันมากกว่า ตอนนั้นเริ่มมีความรู้สึกด้านโรแมนติกขึ้นมาบ้างแล้ว แม้จะยังไม่มากนักก็ตาม

ส่วนผลที่ตามมาน่ะหรือครับ อย่าให้บอกเลย แสบก้นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โดนเอากันคนละสองสามรอบติดๆกันมันเยอะเกินไปครับสำหรับครั้งแรก เวลาถ่ายงี้ร้องโอดโอยกันทั้งสามคน มันเหมือนมีใครเอาแท่งเหล็กร้อนๆมานาบในรูก้นเลยครับเวลาถ่าย เวลาเดินยังรู้สึกแสบเลย ต้องทำขากางๆนิดหน่อย ไม่รู้อุปาทานไปหรือเปล่านะครับ แต่ดูเหมือนเราทั้งสามคนเดินขากางนิดหน่อยหลังจากนั้น อิอิ จู๋ก็บวม ถลอกและแสบไปหมด รวมแล้วจะเรียกว่ารักสนุกทุกข์ถนัดก็ได้มังครับ โคตรเจ็บเลย รู้สึกเข็ดไม่อยากให้ใครเอาตูดอีกแล้ว แต่ในความเป็นจริง ถ้าอยากจะเอาไอ้สองตัวนั่นก็ต้องยอมให้มันเอาเช่นกัน ไม่งั้นมันก็ไม่ยอม

ยามดึกในหอนักเรียนประจำ ผมนอนฝันหวานปนแสบก้น ตั้งนานกว่าจะหลับ นอกจากเรื่องเซ็กซ์แล้วก็คิดเรื่อยเปื่อยไปถึงอนาคตข้างหน้า การสอบ การย้ายโรงเรียน ไอ้นัย สารพัด คืนนั้นเป็นคืนที่หลับยากมากๆเลยครับซึ่งปกติเด็กในวัยนี้จะหลับง่าย การนอนไม่หลับจึงไม่ใช่เรื่องที่ปกตินัก ส่วนไอ้ชัชนั้นก็ปกติครับ หลับปุ๋ยไปเลย

และแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึง มันเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของเทอมปลาย การเปิดเทอมปลายไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมากนักหรอกครับ เพราะว่าจากกันแค่เดือนเดียว อีกอย่าง มันไม่มีอะไรใหม่ด้วย ชุดนักเรียนก็ชุดเดิมของเมื่อเทอมต้น ครูก็คนเดิม แต่ ป. ๖ เทอมปลายก็มีที่พิเศษนิดหน่อย นั่นคือ หลายคนได้ไปติวเพื่อสอบเข้า ม.๑ มาเมื่อตอนปิดเทอม ดังนั้นหัวข้อยอดฮิตของการคุยกันในเช้าวันแรกก่อนเริ่มการเรียนนี้ก็คือเรื่องการไปติวมานั่นเอง ต่างมีการซักถาม แลกกันดูชีต ไอ้นัยก็นั่งคุยกับพวกที่ไปติวมา ส่วนใหญ่ก็ติวที่เดียวกันนั่นแหละครับ มีส่วนน้อยที่ไปติวที่อื่นหรือว่าติวส่วนตัว

ผมนั้นไม่ได้ไปติว แต่ก็ขอเนียนเข้ากลุ่มด้วย เพราะเผื่อจะมีอะไรดีๆที่เป็นประโยชน์ เช่น ข้อสอบแปลกๆ ส่วนไอ้ชัชนั้นท่าทางไม่ค่อยเสบย ถ้าเป็นภาษาเก่าหน่อยก็ต้องบอกว่าสีหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่ค่อยเข้ามาคุย จะไปนั่งคุยกับพวกไม่ได้สอบเข้า ม.๑ มากกว่า ดูท่ามันไม่ค่อยจะชอบเรื่องการสอบเข้า ม.๑ นี้สักเท่าไร

สักพักออดเรียกเข้าแถวเคารพธงชาติก็ดังขึ้น พวกเราทุกคนก็รีบลงไปข้างล่าง ผมยืนติดกับไอ้นัยในแถวเช่นเคย

“ไอ้นัย ตูดเป็นไงบ้าง” ผมกระซิบถามมันเบาๆ

“โคตรแสบเลย” ไอ้นัยทำหน้าเบ้ “กูเดินขาถ่างมั้ยวะ ดูออกป่าว แล้วมึงอ่ะ”

“ดูไม่ออกหรอก” ผมกระซิบอีก “กูก็แทบตายเหมือนกัน ขี้แทบไม่ไหว ของมึงมันใหญ่กว่าเพื่อน ทำให้กูกับไอ้ชัชลำบาก”

พอไอ้นัยได้ยินก็หัวเราะฮุฮุแบบสะใจ และแล้ว เราก็รีบจบการสนทนาเพราะกลัวว่าใครจะได้ยินเข้า

หลังจากที่เคารพธงชาติเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินแถวขึ้นห้องเรียน เช้านี้มีเรื่องแปลกคือในห้องเรียนมีโต๊ะเรียนเกินมาอีกหนึ่งชุด คือทีแรกเอาแต่จับกลุ่มคุยกัน ผมยังไม่ทันสังเกต ได้ยินแว่วๆจากไอ้พวกที่นั่งหลังห้องมันคุยกันเหมือนกันว่าโต๊ะใคร โต๊ะใคร แต่ไม่ได้ไปสนใจ มัวแต่พูดเรื่องข้อสอบอยู่ แต่พอทุกคนนั่งประจำที่แล้วก็เลยเห็นว่ามีโต๊ะว่างที่ท้ายห้องอยู่หนึ่งโต๊ะ เป็นโต๊ะเรียนที่ถูกจัดเตรียมมาใหม่

ใครหว่า!

หลังจากจับกลุ่มวิพากษ์กันได้ไม่นาน ในที่สุดปริศนาก็ถูกเฉลยเมื่อครูประจำชั้นของพวกเราเข้ามา พร้อมกับเด็กนักเรียนใหม่อีกคนหนึ่ง

“พวกเรา” ครูพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในชั้น และรับความเคารพจากนักเรียนแล้ว “ครูขอแนะนำเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งให้นะ ชื่อชิดชัย เค้าจะมาเรียนกับพวกเราด้วยในเทอมนี้ เค้าย้ายตามผู้ปกครองมา ก็เลยต้องมาแทรกเรียนกลางปี เอ้าชิดชัยจ๊ะ ไปนั่งที่ได้”

เมื่อครูประจำชั้นแนะนำตัวนักเรียนใหม่ เสียงฮือฮาก็เกิดขึ้น ผมหันหน้าไปพยักหน้ากับไอ้ชัชเป็นทำนองว่า เห็นไหมล่ะ ย้ายตามผู้ปกครองอีกแล้ว มันเห็นหน้าผมมันก็รู้ว่าผมคิดอะไร เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่ถูกใช้อ้างเวลามีนักเรียนใหม่เข้ามาในลักษณะที่ไม่ปกติ

แต่ที่พวกเราฮือฮากันนั้นไม่ใช่เรื่องเหตุผลย้ายตามผู้ปกครอง แต่ฮือฮาเพราะบุคลิกของไอ้ชิดชัยเอง ท่าทางมันไม่เหมือนนักเรียนประถมเลย ที่จริงไม่เหมือนนักเรียนเลยด้วยซ้ำ เพราะเหมือนนักเลงมากกว่า ตัวสูง ดำ ล่ำสัน ล่ำกว่าไอ้พงษ์อีก หุ่นเหมือนควายเลยละครับ ไอ้ทิวว่าเหมือนควายแล้วไอ้นี่ยิ่งควายกว่า (คงจำไอ้ทิวได้นะครับ ถ้าจำไม่ได้ย้อนไปอ่านตอนช่วงอยู่ท้ายสวน) หน้าตาก็เหี้ยมๆ ริมฝีปากหนา แต่ยังดีหน่อยที่หน้าตามันคมคาย ถ้าไม่อย่างนั้นสงสัยว่าจะไม่มีคนกล้าคุยเพราะกลัวกันหมด

ทั้งหุ่นและหน้าตามันไม่น่าจะเป็นเด็ก ป.๖ เลยครับ ไอ้พงษ์อายุ ๑๔ ย่าง ๑๕ ก็ว่าหน้าแก่แล้ว ไอ้นี่หน้าแก่กว่าไอ้พงษ์อีก ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันอายุ ๑๗ ปีแล้วครับ โห มันไปอยู่ไหนมาเนี่ย อายุ ๑๗ เพิ่งเรียน ป.๖

“ประจำหรือไปกลับวะ” ผมชะโงกไปถามไอ้ชัช

“กูจะไปรู้เรอะ อยู่ด้วยกันกับมึง มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้ได้ไง” ไอ้ชัชย้อน “แต่น่าจะไปกลับนะ เพราะเมื่อคืนไม่เห็นมันในหอ”

ไอ้ชิดชัยนี่เพื่อนๆเรียกมันว่าไอ้ชิด สรุปแล้วก็มารู้ภายหลังว่าเป็นนักเรียนไปกลับ ใหม่ๆมันเข้ากับเพื่อนๆยากหน่อยเพราะว่าวัยแตกต่างกัน วัยรุ่นกับเด็กน่ะครับ จะให้สนิทสนมกันแบบเพื่อนมันก็ยากเหมือนกัน ไม่มีใครเรียกมันพี่เพราะถือว่ารุ่นเดียวกัน มีแต่เรียกไอ้ชิดกันทั้งนั้น แรกๆก็เก็บตัว ไม่ค่อยคุยกับใคร มีจะคุยมากหน่อยก็กับไอ้พงษ์ เพราะวัยห่างกันน้อยที่สุด แต่พอเรียนไปสักพัก มันก็พอจะปรับตัวได้ เข้ากับเพื่อนๆได้ แต่ก็ไม่วายวางตัวเป็นหัวโจกหรือลูกพี่เสมอ มันคงคิดว่ามันแก่กว่ามั้งครับ จะให้วางตัวเสมอกันก็ไม่สนิทใจ เลยต้องเป็นเพื่อนกันแต่แบบว่าเป็นหัวโจกด้วย

และเนื่องจากไอ้ชิดเองมันก็ท่าทางนักเลงอยู่แล้ว ดังนั้นการเป็นหัวโจกของมันจึงเหมือนเป็นหัวโจกแก๊งจริงๆ ก็ไม่ได้ท้าตีท้าต่อยกับใครหรอกครับ แต่มันมักวางตัวเป็นผู้นำเสมอ จนแม้แต่หัวหน้าห้องยังหงอยๆเพราะกลัวมันอัดเอาเวลาไปขัดใจมัน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้เวลาพอสมควร

เมื่อมีหัวโจกก็ต้องมีรองหัวโจก ไอ้พงษ์รับบทนี้ครับ เพราะว่าอายุมากเป็นที่สองในห้อง รองจากไอ้ชิด เดิมไอ้พงษ์มันไม่ได้แสดงตัวเป็นหัวโจกอะไรเลยเมื่อเทอมที่แล้ว เพียงแต่ว่าชอบแก้ผ้าโชว์เท่านั้นเอง อ้อ นำทีมชักว่าวในหอด้วยครับ ลืมไป แต่พอมีไอ้ชิดเข้ามา มันเริ่มทำตัวเป็นลูกสมุนตามไอ้ชิดอย่างออกหน้า ไปไหนมักจะไปด้วยกันเสมอ ที่จริงไอ้พงษ์เองอาจไม่ได้คิดเป็นลูกสมุนคู่ใจไอ้ชิดก็ได้ อาจเป็นเพียงแค่ว่าอยากได้เพื่อนวัยรุ่นเหมือนมันมากกว่าเพื่อนวัยเด็กอย่างพวกผมก็ได้ ก็เลยสนิทกับไอ้ชิด เลยทำให้ดูเหมือนเป็นสมุน

Friday, July 20, 2007

ตอนที่ 47

“ชัช พอเถอะ เอาออกมาได้แล้ว” เสียงไอ้นัยพูดขึ้น ไอ้นัยวันนี้มันดีจริงๆ รู้ว่าผมเจ็บก็พยายามช่วยให้ผมพ้นจากมือ (ที่จริงควย) ของไอ้ชัช

“กูรออยู่นานแล้วนะ” เสียงไอ้นัยพูดต่อ อ้าว ไอ้นี่ก็เลวพอๆกัน ที่แท้มันไม่ได้ช่วยผม แต่มันรอไม่ไหวนั่นเอง

“ต่อได้เลยนัย ตูดมันลื่นแล้ว” ไอ้ชัชพูดเฉยเลย มันโยนหน้าที่มาให้ผมแบบหน้าด้านๆ ว่าแล้วก็ถอนควยออกไปจากก้นผม ตอนควยหลุดจากก้นนี่มันโล่งอยากบอกไม่ถูก จากนั้นรู้สึกปวดอึนิดๆ อยากถ่ายออกมา อาการเหมือนที่ไอ้นัยเป็นเลย

“ไม่อ่ะ ไม่เสียบไอ้อู กูจะเสียบมึง” ไอ้นัยพูดพลางก็คว้าขวดเบบี้ออยล์ ตอนนี้ใช้ออยล์ไปเยอะแล้วครับ เหลือประมาณครึ่งขวดเอง พื้นห้องน้ำมันและลื่นไปด้วยเบบี้ออยล์ที่หกออกมา

“อ๋อย” ไอ้ชัชคราง

“ดีแล้ว โดนเสียบกันคนละที หายกัน” ผมสนับสนุน ยังไงวันนี้ไอ้ชัชต้องโดนเปิดบริสุทธิ์ให้ได้ ไม่งั้นผมไม่ยอม “กูจะได้ยืนดูมั่ง ล้างแค้นให้ด้วยนะไอ้นัย” ประโยคสุดท้ายผมหันไปกำชับกับไอ้นัย ไอ้นัยอมยิ้ม หัวเราฮุฮุในลำคอเป็นความหมายว่าได้เลยเพื่อน

หลังจากนั้นไอ้นัยก็ลงมือจัดการกับไอ้ชัช ไอ้ชัชนี่มันก็แฟร์ครับ ปากงอแงไปอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาก็ไม่เอาเปรียบเพื่อน แต่มาคิดอีกทีไม่รู้ว่ามันแฟร์หรืออยากโดนอัดกันแน่

ไอ้นัยวันนี้ดูเกิดอารมณ์มาก คงเป็นเพราะอั้นอยู่นานแล้ว เพราะได้เสียบก้นเป็นคนสุดท้าย มันไม่พูดพล่ามทำเพลง หลังจากชโลมออยล์ได้ก็วนๆอยู่แถวปากถ้ำแบบรวบรัด จากนั้นก็ทิ่มพรวดเข้าไปทันทีได้ครึ่งแท่งเลย

“โอ๊ย” ไอ้ชัชร้อง ดิ้นพล่านเหมือนกัน ความรุ้สึกไม่ต้องบอกผมก็เข้าใจ เพราะผมเองก็โดนมาแล้ว นี่แหละ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนองคืน มันแกล้งผม (ที่จริงอาจไม่ได้แกล้ง) มันเลยโดนคืนบ้าง ไอ้ชัชดิ้นจนควยไอ้นัยหลุดจากก้น ทำท่าจะวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ ผมรีบเข้าไปจับมันไว้

“ปล่อยกู ไอ้นัยมันจะฆ่ากู” ไอ้ชัชโวยวาย

“มึงนี่มันเว่อ แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก กูกับไอ้นัยโดนมาแล้ว รับประกัน ถ้าตายกูฝังให้” ผมบอกมัน

ไอ้นัยอาศัยจังหวะช่วงนั้นชโลมออยล์เพิ่ม แล้วเดินเข้ามาเสียบไอ้ชัชต่ออย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง โดยมีผมช่วยจับมันเอาไว้ ที่จริงพูดไปก็น่าสงสารเหมือนกัน เพราะว่าตอนนั้นไอ้นัยควยใหญ่ที่สุดในพวกเราสามคน ทั้งยาวและใหญ่กว่าเพื่อน ไอ้ชัชคงเจ็บกว่าใคร แล้วไอ้นัยมันก็นิสัยแบบนี้ ชอบทิ่มพรวดเข้ามา มันไม่ได้แกล้ง แต่นิสัยแบบนี้เอง สงสัยจะชอบความรุนแรงอยู่ลึกๆ

หลังจากได้ออยล์มาหล่อลื่นเพิ่ม ไอ้ชัชก็หยุดโวย ไอ้นัยก็ซอยเข้าออกในก้นไอ้ชัชอย่างเมามันเอา เสียงเนื้อไอ้นัยกระแทกก้นไอ้ชัชดังพั่บๆ ไอ้ชัชเอาจริงๆเข้าก็อึดเอาการ ยอมให้ไอ้นัยกระแทกแต่โดยดี หรือจะมันไปด้วยก็ไม่รู้ ผมดูจนควยลุกขึ้นมาอีกรอบ

เพียงครู่เดียว ไอ้นัยก็ถอนหายใจเฮือกแล้วหยุดกระแทก สักครู่ก็ถอนควยออกมา ผมรีบชะโงกหน้าไปดูก้นไอ้ชัช เห็นรูก้นมันเป็นโพรงโบ๋ มีน้ำว่าวไอ้นัยไหลย้อยออกมาด้วย ปกติไอ้นัยมันน้ำเยอะอยู่แล้ว พ่นออกมาทีห้าหกระลอก มันคงเยอะจนล้นออกมาปากถ้ำ

“น้ำเยอะฉิบหาย” ไอ้ชัชบ่นอุบอิบ “พ่นเอาๆเหมือนใครมาฉีดน้ำในลำไส้กู”

ไอ้นัยกอดไอ้ชัชจากข้างหลังทีหนึ่ง “ขอบใจมากนะชัช ตูดมึงดีจริงๆ วันหลังขออีกนะ”

ปรากฏว่าหลังจากนั้นไอ้ชัชต้องไปนั่งส้วมเพื่อเบ่งไล่น้ำว่าวไอ้นัยออกมา เสียงดังแพรดๆ เบ่งไปก็บ่นไป ว่าน้ำไอ้นัยมันเยอะเหลือเกิน ของผมกับไอ้นัยก็เลยลองเบ่งดูมั่ง แต่ดูเหมือนไอ้ชัชได้กินน้ำทางก้นเข้าไปเยอะที่สุด

ที่จริงพวกเราตอนนั้นต่างก็ยังมีอารมณ์กันอยู่ ตอนเด็กพลังงานเหลือเฟือครับ เรื่องเบิ้ลนี่เป็นปกติ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครยอมใครเพราะต่างก็เจ็บก้นกันแล้ว พวกเราเลยต้องชักว่าวเอาน้ำออกกันอีกคนละรอบแทน

หลังจากนั้นก็คงไม่ต้องบอก เราใช้วันหยุดที่เหลืออยู่ที่บ้านของไอ้นัยอย่างคุ้มค่า เพราะเอากันตลอดเท่าที่อาไอ้นัยไม่อยู่บ้าน ตอนกลางคืนไม่กล้าทำกันครับ เพราะกลัวอาไอ้นัยได้ยินเสียง ทำกันเฉพาะตอนกลางวัน เรียกว่าเอากันจนแสบก้นไปตามๆกัน รวมแล้วก็ได้เสียบก้นกันอีกคนละสองสามรอบ ไม่ได้นับหรอกครับ แต่ว่าก็ไม่เยอะมาก เพราะในที่สุดก็ทนแสบตูดไม่ไหว ที่จริงก็แสบควยด้วยครับ ควยแดงถลอกปอกเปิกไปตามๆกัน นอกจากนี้พวกเราก็ยังทดลองโม้คกันเพิ่มเติม แต่ยังไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไรเพราะว่าเจ็บ

วันหยุดที่บ้านไอ้นัยในช่วงเปิดเทอมกลาง ป.๖ นั้นเป็นวันแห่งความทรงจำที่มีค่ามากที่สุดอีกช่วงหนึ่ง ในความคิดของผมเป็นอย่างนั้นนะครับ และผมก็เชื่อว่าไอ้นัยกับไอ้ชัชก็คงคิดเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าจะถามว่าเมื่อเทียบกับตอนอยู่ท้ายสวนแล้วเป็นอย่างไร ส่วนตัวของผมก็ยังคิดว่าผมมีความทรงจำเกี่ยวกับวันที่เราอยู่ท้ายสวนด้วยกันลึกซึ้งกว่าบ้างแม้ความสนุกทางเพศของครั้งนั้นจะไม่เท่าโลดโผนหวือหวาเท่ากับวันหยุดในครั้งนี้ก็ตาม แต่ครั้งนั้นบรรยากาศมันให้มากกว่า โรแมนติกกว่า

การฉลองเปิดเทอมใหม่ที่บ้านไอ้นัยในครั้งนี้ของพวกเราทำเอาหน้าซีดตัวเซียวไปตามๆกัน วันๆมีแต่เรื่องเซ็กซ์เป็นส่วนใหญ่ หนังสือหนังหาไม่ได้ดูเอาเลย แต่มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆเพียง ๒ วันเท่านั้นเอง วันที่สามที่บ้านไอ้นัยซึ่งเป็นวันก่อนเปิดเทอมหนึ่งวัน วันนั้นพวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย เพราะเราทั้งสามคนก็ต้องไปตัดผม ตัดผมสามคนก็เสียเวลาไปเกือบครึ่งวันแล้ว เพราะรอคิวนานเนื่องจากเด็กๆมาตัดผมก่อนเปิดเทอมกันเต็มร้าน พอตกบ่ายก็ต้องกลับโรงเรียนแล้ว

ไอ้นัยพอตัดผมเกรียนแล้วก็กลับเป็นไอ้นัยคนเดิมที่เห็นกันจนชินตาตอนเปิดเทอม ผมเป๋หายไปทำให้ความหล่อของมันน้อยลงไปหน่อย แต่ก็ทำให้ดูเด็กและไร้เดียงสาขึ้น ดูหน้าแล้วไม่น่าจะหื่นได้ขนาดนั้นเลย ตกบ่าย คุณอาไอ้นัยก็พาไอ้ชัชกับผมไปส่งที่หอโดยมีไอ้นัยนั่งรถติดไปด้วย ในสายตาของคุณอาทั้งสอง พวกเราสามคนล้วนแต่เป็นเด็กที่เรียบร้อย น่ารัก เพราะมักชมเราเสมอ แต่ที่ไหนได้ ร้ายแต่ปิดได้เนียนต่างหากครับ ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิดเลย แต่ผู้ใหญ่เอ็นดูก็ดีแล้วละครับ อย่าเพิ่งรู้ความจริงของพวกหลานๆเลย

และแล้ว ปิดเทอมกลางของชั้น ป.๖ ก็สิ้นสุดลง เมื่อผมกับไอ้ชัชกลับเข้าหอโรงเรียนประจำ อิสรภาพของเราก็สิ้นสุดลงเช่นกัน พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เราจะได้เปิดเทอมและเจอเพื่อนๆอีกแล้ว

Sunday, July 15, 2007

ตอนที่ 46

“สุดแล้วนัย เป็นไงบ้าง” ผมถามไอ้นัยเบาๆ เป็นห่วงมันเหมือนกันกลัวมันจะเจ็บมาก

“ไม่เป็นไร” ไอ้นัยตอบ

เมื่อมันตอบเช่นนั้น ผมก็เลยซอยต่อ นี่นับเป็นการเอาตูดกันครั้งแรกในชีวิตของผม ครั้งก่อนๆไม่นับเพราะทำไม่สำเร็จ การเอากันในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ได้ยินคนพูดกันเรื่องอัดถั่วดำว่าทำกันอย่างไร แต่อีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเรียนรู้ตามธรรมชาติด้วย รสชาติของก้นไอ้นัยนั้นวิเศษสุดยอดเลยครับ มันคับแน่น แต่ไม่ทำให้อึดอัด มิหนำซ้ำยังทำให้เกิดความสบายอย่างบอกไม่ถูก

ผมซอยควยเบาๆ ท่าทางคงยังเคอะเขินอยู่ ทำไม่ค่อยจะถนัดนัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าเวลาซอยนั้นมันเสียวซ่านขนาดไหน โดยเฉพาะที่ส่วนหัว ผมซอยเพียงแค่ไม่กี่ที น้ำของผมก็แตกอย่างกลั้นไม่อยู่

รู้สึกว่าวันนั้นน้ำจะแตกเยอะมากครับ เพราะผมรู้สึกว่าควยที่อยู่ในก้นไอ้นัยนั้นมันกระตุกแล้วกระตุกอีกไม่รู้กี่ครั้ง น้ำว่าวของผมฉีดพุ่งเข้าไปในก้นของไอ้นัยจนหมด มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดของความสุดยอดจริงๆ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ความสุขและความเสียวที่ได้จากการชักว่าวและการไถร่องก้นกันมันไม่สามารถเทียบกับความเสียวในครั้งนี้ได้เลย แต่น่าเสียดายที่น้ำแตกเร็วไปหน่อย ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเก็บเกี่ยวความเสียวได้มากกว่านี้

ผมถอนหายใจเฮือก นี่ผมชักจะติดนิสัยมาจากไอ้นัยแล้ว เวลาไอ้นัยมันน้ำแตกชอบถอนหายใจเฮือกแรงๆ

หลังจากน้ำแตกแล้วพอเวลาถอนควยออกมานี่มันเสียวสิ้นดี แต่เสียวแบบจั๊กกระจี๋ พอผมถอนควยออกมาก็ก้มลงไปสำรวจรูก้นของไอ้นัย เห็นจากเดิมที่เป็นปากถ้ำสีชมพูปิดมิดชิด ตอนนี้กลับบานอ้าเป็นโพรงใหญ่ ... ใหญ่เท่าขนาดดุ้นของผมนั่นแหละครับ แต่น่าแปลกที่น้ำว่าวของผมหายไปหมด หายไปไหนก็ไม่รู้

“ก้นไอ้นัยบานเลยวุ้ย” ไอ้ชัชพูดขึ้น “รู้สึกยังไงบ้างนัย”

“มันเหมือนเอาอะไรยัดเข้าไปในท้องอ่ะ มันรู้สึกถ่วงๆ แน่นๆ ชอบกล แต่ตอนนี้หายแล้ว” ไอ้นัยบรรยาย ว่าแล้วก็พูดต่อ “ตอนไอ้อูน้ำแตก ควยมันกระตุกกี่ทีกูรู้สึกได้หมดเลยว่ะ แล้วมันก็รู้สึกอุ่นๆในท้อง”

“ตอนนี้ล่ะ เป็นไง” ผมถามบ้าง

“มันเหมือนยังมีอะไรค้างอยู่ในท้องอ่ะ” ไอ้นัยว่า “เหมือนปวดขี้”

“ม่ายช่าย หมายถึงเจ็บตูดไหม”

“ไม่ค่อยแล้ว” ไอ้นัยตอบ

ไอ้ชัชรีบหยิบออยล์มาชโลมที่ควยของมันเองบ้าง “ถ้ามึงไม่เจ็บ งั้นก็ขอต่อนะ” ไอ้ชัชว่า

ไอ้นัยหน้าเสียนิดๆ “จะต่ออีกเหรอ” ท่าทางมันก็แหยงๆเหมือนกัน สงสัยเมื่อกี้คงจะเจ็บไม่เบา แต่มันก็อดทน

“กูเงี่ยนจะแย่อยู่แล้ว ดูพวกมึงเอากัน แล้วจะให้กูทำไงล่ะ” ไอ้ชัชว่า ปากพูดไป มือก็เอาออยล์ชโลมควยไป ท่าทางจะต้องทิ่มไอ้นัยให้ได้ไม่ยอมผ่อนปรนแม้แต่น้อย

ผมเห็นสีหน้าไอ้นัยแล้วก็สงสาร แต่จะไปห้ามมันเดี๋ยวมันก็จะหาว่าผมเป็นหมาหวงก้าง ก็เลยกัดฟันบอกมันไปว่า “ไอ้นัยมันเจ็บแล้ว มึงมาทำกับกูก็แล้วกัน”

พอไอ้ชัชได้ยินมันก็มีสีหน้าดีใจ มันคงอยากเอาผมให้สำเร็จมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่สำเร็จสักที

“ได้เลย โห... ไอ้อูผู้เสียสละ นี่มึงยอมเสียสละตูดของมึงเพื่อไอ้นัยเลยนะเนี่ย ทุกทีชอบอิดออดกับกู วันนี้มึงเสนอตัวเองเลย”

ไอ้ชัชนี่ขนาดจะเอากันยังไม่วายชอบพูดจาต่อความยาว มันก็เป็นคนยังงี้แหละ ผมเลยเบิร์ดกะโหลกมันไป “มึงจะทำก็รีบทำก่อนกูเปลี่ยนใจ ยังจะมาพูดมากอีก”

“ฮิฮิ ไม่พูดก็ได้ ยังงั้นรีบโก้งโค้งเข้าเร็ว ไอ้อู” ไอ้ชัชเร่งผม ตอนนี้มันพร้อมแล้ว ควยชโลมออยล์จนโชก ผงกหงึกๆรออยู่

ผมโก้งโค้งให้มัน พร้อมทั้งนึกในใจว่าวันนี้ผมเสร็จไอ้ชัชแน่ เคยนึกแต่ว่าสักวันหนึ่งมันจะต้องเสร็จผม นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผมเสร็จมันก่อน แต่ไม่เป็นไร ในระหว่างเราสามคน ยังไงก็ต้องเสร็จกันและกันในที่สุดอยู่ดี จะเอาเปรียบกันได้อย่างไร

ไอ้ชัชตั้งท่าอย่างทะมัดทะแมง มันเห็นผมทำกับไอ้นัยมาแล้ว ดังนั้นมันจึงรู้ดีว่าขั้นตอนควรทำอย่างไร ไม่ต้องเสียเวลามาลองผิดลองถูก มันเอาควยจ่อที่ปากถ้ำของผมแล้วค่อยๆดันมันเข้ามา

“อึ๊บ” ผมร้อง รู้สึกเจ็บที่ปากถ้ำตอนควยไอ้ชัชชำแรกเข้ามา นี่แหละหนา กรรมสนองทันตา เพิ่งทำกับไอ้นัยเอาไว้ ตอนนี้เลยโดนกรรมตามสนองเข้าให้
- - -

ไอ้ชัชพยายามเดินหน้าเดินหน้าถอยหลังอยู่แถวปากถ้ำเหมือนที่ผมทำกับไอ้นัย สักพักผมก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

“ได้แค่ไหนแล้ววะ” ผมถาม

“ยังไม่ถึงครึ่งเลย” ไอ้ชัชบอก
“ใส่ออยล์อีก” ผมบอกมันทั้งๆที่ยังโก้งโค้งอยู่ “แสบโว้ย”

ไอ้ชัชชโลมออยย์เพิ่มอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นก็ทดลองเสียบเข้ามาใหม่ ผมรู้สึกว่ามีอะไรหน่วงๆอยู่ในก้น แต่ไม่ค่อยแสบแล้วเพราะปากถ้ำส่วนต้นน่าจะลื่นไปด้วยเบบี้ออยล์

“ได้สักครึ่งควยแล้วไอ้นัย” ไอ้ชัชส่งข่าวให้รู้ความคืบหน้า

“ค่อยๆเข้าทีละหน่อยนะโว้ย” ผมบอกมัน เมื่อควยไอ้ชัชเริ่มล่วงล้ำเข้ามาลึกๆ ผมรู้สึกแสบอีกแล้ว

ทันใดนั้นเอง อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ไอ้ชัชก็ทิ่มควยพรวดเข้ามาทีเดียวจนมิดด้ามเลย ผมร้องเจี๊ยก ดิ้นพล่าน น้ำตาเล็ดเลย ความรู้สึกเหมือนใครเอาเหล็กร้อนๆมานาบในก้น มันทั้งแสบ ทั้งร้อน ทั้งจุก รสชาตินั้นผมไม่ชอบเอาเลย

“เฮ้ย ไอ้ห่าชัช” ผมหลุดปากด่ามันออกไปด้วยความเจ็บปวด พยายามถอยตูดหนีมันเพื่อจะเอาควยมันออกจากก้น แต่ไอ้ชัชมันรู้แกว รีบยึดเอวผมเอาไว้ “เอาออกโว้ย กูเจ็บ” ผมโวยวาย

“กูดันเข้าไปอีกนิดเดียว ทำไมมึงเจ็บมากมายขนาดนี้วะ ดัดจริตจริง” ไอ้ชัชพูด โห ไอ้เวร มันทำผมเจ็บแล้วยังมาว่าผมดัดจริตอีก “อยู่เฉยๆดิ อย่าดิ้น จะได้ไม่เจ็บ”

“ไอ้นัยช่วยด้วย” ผมร้องขอความช่วยเหลือ

ไอ้นัยทำหน้าเหวอ “จะให้ช่วยยังไงวะ” เออ นั่นสิ มันจะช่วยยังไง นึกไม่ออกเหมือนกัน นอกจากช่วยรุม

แต่หลังจากที่ไอ้ชัชดันจนสุดแล้วมันก็แช่ควยนิ่งๆเอาไว้อย่างนั้น ดังนั้นเพียงครู่เดียว ความแสบร้อนก็บรรเทาลง ผมหยุดโวยวาย ไอ้ชัชก็จึงเริ่มซอยเบาๆต่อไป เพียงครู่เดียว ออยล์ก็หล่อลื่นไปได้ทั่วถ้ำ ความแสบร้อนบรรเทาไปมากแล้วแต่ความจุกยังมีอยู่ เพราะควยทั้งแท่งคาอยู่ในก้นของผม

ไอ้ชัชซอยเบาๆได้เพียงครู่เดียวก็ลืมตัว กลายเป็นกระแทกเอาๆ แต่มันกระแทกได้ไม่นาน น้ำมันก็แตก ความเสียวครั้งแรกในชีวิตแบบนี้มันอึดไว้ไม่ได้นานหรอกครับ เวลาน้ำมันแตก ผมรับรู้ความรู้สึกได้จริงๆเหมือนที่ไอ้นัยพูดไว้ คือรู้สึกว่าควยมันมีการกระตุก แล้วมีอะไรอุ่นๆไหลเข้ามาในตัวผม เหลียวไปดูไอ้นัย เห็นมันยืนจ้องตาเป็นมัน ควยแข็งเด่ ส่วนหัวของมันมีน้ำหล่อลื่นใสๆเยิ้มติดที่ปลายอยู่กำลังจะหยด

“โห ไอ้อู ตูดมึงนี่สุดยอดจริงๆ” ไอ้ชัชพูดขึ้นหลังจากน้ำแตกแล้ว ตอนนี้มันยังแช่ควยอยู่ในก้นของผมไม่ยอมถอนออก

“ไอ้เปรต ไม่ต้องชมแบบนี้ได้มั้ย” คำชมของมันฟังแล้วแปร่งๆหูชอบกล อย่างนี้ไม่ชมจะดีกว่า

Wednesday, July 11, 2007

ตอนที่ 45

ตอนแรกก็นึกไม่ออกหรอกนะครับว่าทำแบบนี้แล้วมันจะสนุกตรงไหน แต่พอทำจริงๆ โดยเฉพาะกลางสายน้ำ มันเป็นความรู้สึกที่อิ่มเอิบและมีความสุขอย่างบรรยายไม่ถูก มันไม่ใช่ความเสียวครับ แต่มันเป็นยิ่งกว่าความอบอุ่น มันเป็นยิ่งกว่ามิตรภาพ หรือว่ามันคือความ...

ไอ้นัยเป็นรสจูบครั้งแรกของผม หลังจากนั้นก็มีเพียงไอ้ชัช และอีกคนหนึ่ง รวมแล้วสามคนเท่านั้น แล้วผมก็ไม่ทำแบบนี้กับใครอีกเลย แม้ผมจะผ่านเรื่องเสียวมาอีกกี่ครั้งก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยแลกจูบกับใครอีก เพราะมันมีความหมายกับผมเกินกว่าที่ผมจะให้ใครได้พร่ำเพรื่อ

ผมแลกลิ้นกับไอ้นัย ตอนแรกไอ้นัยก็ไม่คุ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็แลกลิ้นกับผมบ้าง ใบหน้า ทรวงอก ท้องน้อยของเราบดบี้กันอย่างเร่าร้อน ท่อนลำของเราเสียดสีกันไปมากลางสายน้ำฝักบัว

สักพักผมก็หันไปแลกลิ้นกับไอ้ชัชบ้าง คราวนี้มันเงียบสนิท ไม่มีอาการต่อปากต่อคำแม้แต่น้อย สงสัยจะเพลินกับลิ้นของผมจนลืมต่อปากต่อคำ

ในเมื่อการแลกลิ้นซึ่งเดิมผมไม่คิดว่าจะสนุกตรงไหน ได้กลายเป็นเรื่องที่ให้ความสุขอย่างประหลาด คราวนี้ผมเลยคิดถึงเรื่องอื่นๆที่เขียนบรรยายไว้ในหนังสือซึ่งเดิมผมก็ไม่คิดว่าจะสนุกตรงไหน ชักอยากลองเหมือนกัน

ผมละจากไอ้ชัช กลับไปที่ไอ้นัยใหม่ ก็ยืนติดๆกันนั่นแหละครับ คราวนี้ผมไม่แลกลิ้นแล้ว แต่ไซร้ซอกคอ ลำตัว หัวนม และไซร้เรื่อยมาจนถึงสะดือ ท้องน้อย ไอ้นัยดิ้นพล่านด้วยความเสียว และแล้ว...อย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง ผมคว้าควยของไอ้นัยอมหมับทันที

“เฮ้ย” ไอ้นัยร้องลั่นด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้พยายามถอนควยหนี คงปล่อยให้ผมอมแต่โดยดี

“มึงไปหัดจากไอ้พงษ์มาตั้งแต่เมื่อไรวะ” ไอ้ชัชพูดไปหัวเราะไป ผมไม่สนใจ พยายามอม ดูด และรูดเข้าออก แต่ยังทำไม่ค่อยเป็น ฟันคงจะโดนควยไอ้นัยแรงไปหน่อย มันร้องจ๊ากและบอกผมว่า

“อู พอเถอะ เจ็บ”

“ไอ้อู ทางนี้บ้าง” เสียงไอ้ชัชบอกผมเมื่อผมถอนปากมาจากแท่งของไอ้นัย

“นึกจะจะไม่อยากลอง” ผมบอกมัน ว่าแล้วก็หันไปทดลองดูด อม ให้ไอ้ชัชบ้าง ผลก็เป็นแบบเดิม คือไอ้ชัชรู้สึกเจ็บเพราะโดนฟันของผม

คราวนี้ก็ถึงตาผมบ้างแล้วสิ อุตส่าห์ลงทุนยอมโม้คให้ไอ้สองตัวนี่ก่อน ผมขอไอ้นัยบ้าง

“นัย ลองโม้คให้หน่อยดิ” ผมทำเสียงอ้อนมัน ขี้เกียจขอไอ้ชัชครับ เพราะมันชอบต่อปากต่อคำ ไอ้นัยพูดง่ายกว่า

ไอ้นัยนั่งคุกเข่า และอ้าปากอมให้ผมอย่างว่าง่าย

“ลองดูดดิ” ผมบอกมัน มันก็ลองดูดจ๊วบๆ เวลาหัวเห็ดโดนลิ้นของไอ้นัย มันเสียวสุดๆ แต่มันเสียวแบบจั๊กกระจี๋มากกว่า ในขณะเดียวกันท่อนลำก็โดนฟันไอ้นัยกระแทก เจ็บเหมือนกัน สุดท้ายรู้สึกไม่เวิร์กก็เลยต้องเลิก ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เทคนิคเลยสักคน เลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเสียวโดยไม่เจ็บ

ตอนนั้นผมรู้สึกอารมณ์กระเจิงเต็มที่ ยังไงวันนี้ก็ต้องขอน้ำแตกกับไอ้นัยให้หายคิดถึงให้ได้

“เบบี้ออยล์อยู่ไหนวะนัย” ผมถามมัน

ไอ้นัยเดินไปหยิบเบบี้ออยล์ขวดเท่าฝ่ามือออกมาจากตู้กระจกเงาเหนืออ่างล้างมือ

“นี่ซื้อมาเองเลยนะเนี่ย ไม่ได้ใช้ของอา” ไอ้นัยพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ก็ไม่รู้ว่าการซื้อเบบี้ออยล์มาเองมันน่าภูมิใจตรงไหน แต่สีหน้ามันดูภูมิใจเสียเหลือเกิน คงมีความรู้สึกว่ามันจัดการอะไรๆเองได้มังครับ

“เอาอีกแล้วเหรอไอ้อู” ไอ้ชัชกลับพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี สงสัยความเจ็บก้นในครั้งก่อนเลยทำให้มันขยาด แต่ถึงจะขยาดอย่างไร วันนี้เราต้องเปิดบริสุทธิ์กันและกันให้ได้ ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าเปิดเทอมเข้าโรงเรียนประจำเมื่อไรก็คงหมดโอกาสอีก

- - -

ผมตบหัวไอ้ชัชเบาๆไปหนึ่งที

“กูเอาไอ้นัยก็ได้ถ้ามึงเจ็บ ไม่ง้อโว้ย ดูไอ้นัยมันดิ ใจดีขนาดไหน ถึงกับเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เสร็จสรรพ มึงนี่นิดหน่อยก็โวยวาย ใช้ไม่ได้”

“เออ ไอ้นัยมันดี ยังงั้นเดี๋ยวกูขอก้นมันด้วยอีกคนละกัน” ไอ้ชัชพูด สีหน้าโล่งอกเมื่อรู้ว่าจะไม่โดนผมทิ่ม

ผมไม่พูดมาก ขี้เกียจพูดแล้วครับ เพราะมันเป็นเวลาทำ ไม่ใช่เวลาพูด ผมหยิบออยล์จากไอ้นัยมาชโลมจนทั่วแท่ง ชโลมจนเยิ้มเลยเพราะกลัวไอ้นัยมันเจ็บ จากนั้นก็จับไอ้นัยโก้งโค้ง แล้วค่อยๆบรรจงเอาควยสอดใส่เข้าไปในก้นของไอ้นัย บรรยากาศของการสอดใส่ในครั้งนี้ดีกว่าตอนที่ทำกับไอ้ชัชในหอนักเรียนประจำมากมาก เพราะตอนนั้นมันมืดๆ มองอะไรไม่ค่อยเห็น อีกทั้งกลัวใครมาพบเข้าด้วย แต่ตอนนี้เป็นบรรยากาศที่สนุกได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวใครมาเห็น อีกทั้งแสงก็สว่างเพราะเป็นเวลากลางวัน ทำให้ผมเห็นการสอดใส่ของตัวเองทุกขั้นตอน มันยิ่งเร้าอารมณ์ผมขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ที่จริงผมชอบทำอะไรในที่สว่างๆ มันเห็นชัดดี ยิ่งเห็นยิ่งเร้าอารมณ์ ไม่ชอบทำอะไรที่ปิดไฟมืดๆเลย

ผมค่อยๆดันควยที่ชโลมออยล์จนเยิ้มเข้าไปในก้นไอ้นัยเบาๆ ไอ้นัยร้องอี๊คล้ายเจ็บ แต่ผมไม่ยอมหยุด ค่อยๆเดินหน้าเสียบต่อไปอย่างเบาๆ โดยมีไอ้ชัชจ้องตาเขม็งอยู่ข้างๆ รูก้นของไอ้นัยสีชมพูเล็กนิดเดียว แต่เมื่อโดนแท่งของผมเบิกเข้าไป มันก็อ้าขยายรับแต่โดยดี

เมื่อผมดันเข้าไปได้จนถึงคอหยัก ไอ้นัยก็ร้องไม่ไหว ผมจึงถอนไอ้อูน้อยออกมาแล้วชโลมออยล์เข้าไปอีกจนเยิ้ม คราวนี้กระหน่ำออยล์เข้าไปเต็มที่เพราะมีเยอะ ไม่ได้มีจำกัดเหมือนครั้งก่อน

เมื่อชโลมเสร็จผมก็ลองดันเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ปากถ้ำของไอ้นัยส่วนต้นค่อนข้างลื่นแล้วครับ จากหัวดอถึงคอหยักผมสามารถเสียบเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แถมซอยเข้าออกเป็นช่วงสั้นๆได้ด้วย แต่ผมยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ผมดันลึกเข้าไปอีกเพื่อสำรวจถ้ำโพรงส่วนลึกของไอ้นัย ไอ้อูน้อยค่อยๆสอดเข้าไปอีกจนได้ถึงประมาณครึ่งลำก็เริ่มฝืดมาก ไอ้นัยก็บ่นเจ็บอีก ผมเลยหยุดแค่นั้น และถอนควยออกมาชโลมออยล์อีก จากนั้นเสียบเข้าไปใหม่

พอตอนชโลมออยล์แล้วเสียบเข้าไปใหม่นี่ส่วนไหนที่เสียบผ่านไปแล้วส่วนนั้นจะลื่นแล้วครับ สิ่งที่ต้องทำคือดันมันไปข้างหน้าจนสุดแท่งเท่านั้น

ผมค่อยๆดันควยเข้าไปอีก สลับกับการถอนออกมาซอยในรูก้นส่วนต้นๆที่ลื่นแล้ว คราวนี้ไอ้นัยไม่ค่อยบ่นแล้วครับ ควยของมันแข็งเด่เลย ไหนบอกว่าเจ็บไง ทำไมควยแข็งได้ สงสัยจะเจ็บไม่จริง ส่วนไอ้ชัชก็มองตาไม่กระพริบ ควยของมันผงกหงึกหงักอยู่ตลอดเวลา

และแล้ว ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ผมสามารถเสียบควยเข้าไปจนหมดลำได้ ควยทั้งแท่งของผมหายไปในรูก้นของไอ้นัยเหมือนถูกมันกลืนกินเข้าไปจนหมด เป็นภาพที่น่าดูมากจริงๆครับ ทั้งน่าดู ทั้งน่าเสียว

Sunday, July 8, 2007

ตอนที่ 44

“ไอ้หนังสือห่อนั้นเกือบทำกูซวยเลย เพราะมีอยู่วันหนึ่ง อาจะเอาที่นอนยกออกไปตากแดด” ไอ้นัยเล่า

“แล้วเจอไหม” ไอ้ชัชถาม เพราะเรารู้ดีว่าไอ้นัยมันซ่อนหนังสือไว้ใต้ฟูกที่นอน ผมตบหัวมันไปทีหนึ่ง

“ถามโง่ๆ เจอแล้วมันจะมานั่งหน้าทะเล้นอย่างนี้ได้ไง”

“เออ จริงแฮะ” ไอ้ชัชพูด แล้วก็เอามือตบหัวผมหนึ่งที “นี่แน่ะ เอาคืน หลอกตีหัวกู”

“พวกมึงจะฟังกูเล่าไหมวะ” ไอ้นัยถามเมื่อเห็นว่าไอ้ชัชพยายามจะเริ่มต่อความยาว แน่ะ ไอ้นัยฉุนเป็นด้วย โอย ขำกลิ้งเลย

“ฟังจ้ะ ฟัง” ผมรีบตอบ แล้วจับไอ้ชัชมานั่งตักผมที่เก้าอี้ ไม่ให้มันซนได้ พอพวกเราอยู่กันสามคนก็ไม่ค่อยอายกันละครับ อยากทำอะไรก็ทำ อือม์ พอไอ้ชัชนั่งตักแล้วชักเกิดอารมณ์แฮะ มันทับไอ้นั่นผมพอดีอ่ะดิ

ไอ้นัยมองทำตาปริบๆ สงสัยอยากนั่งมั่ง อิอิ นี่คิดเข้าข้างตัวเองครับ

“กูเกือบแย่แน่ะ เพราะจู่ๆอาก็ขึ้นมาในห้องแล้วจะให้กูช่วยยกฟูกออกไปตากแดด ต้องหลอกล่ออาไปว่าขอเข้าส้วมก่อน ปวดขี้พอดี อาเลยบอกจะลงไปรอข้างล่างแล้วเดี๋ยวค่อยมาใหม่ จากนั้นกูก็ย้ายที่ซ่อนหนังสือไปก่อน พอไม่มีใครอยู่ก็เอาออกจากบ้านไปทิ้งที่เดิม” ไอ้นัยเล่า

“มึงฉลาดมาก” ไอ้ชัชชมเชย “มีลูกขอตัวนะ จะเอาไปเฝ้าบ้าน เอ๊ะ อะไรแข็งๆวะไอ้อู” ไอ้ชัชเพิ่งกัดไอ้นัยเสร็จก็หันมาถามผม เพราะมันรู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆทิ่มก้นมันอยู่

“ก็มึงนั่งทับอะไรอยู่ล่ะ” ผมตอบ ตอนนั้นเกิดอารมณ์ทนไม่ไหวแล้ว ช่วงที่คร่ำเคร่งกับการดูหนังสือ อารมณ์ไม่ค่อยเยอะเท่าไร สงสัยจะถูกเก็บกด แต่ตอนนี้เก็บไม่ไหวแล้ว ว่าแล้วผมก็เอาปากงับติ่งหูและไซร้ซอกคอมันทันที
- - - -

“ไอ้ห่าอู...” ไอ้ชัชพยายามดิ้น แต่แล้วในที่สุดก็เปลี่ยนใจไม่ดิ้น ปล่อยให้ผมซุกไซร้แต่โดยดี

ที่จริงตอนนั้นอยากฟัดไอ้นัยครับ เก็บกดกับไอ้นัยมาหลายเดือนแล้ว แต่ไอ้ชัชมันดันมานั่งทับจู๋ผม มันเลยโดนผมเล่นงานก่อน

“อาบน้ำกันดีกว่า” ผมพูด เพราะตอนนั้นเป็นตอนบ่าย ชั้นสองของบ้านในยามบ่ายของเดือนตุลาคมร้อนเอาเรื่องทีเดียวแม้เปิดหน้าต่างทุกบานแล้วก็ตาม

หลังจากนั้นเราทั้งสามคนก็พากันไปอาบน้ำในห้องน้ำ อาบมันพร้อมกันทั้งสามคนนั่นแหละครับ อาไอ้นัยคงไม่รีบกลับมาหรอก

พวกเราสามคนเปิดน้ำฝักบัวอาบอย่างสบายใจ ควยแข็งเด่กันทุกคนเลย ผมเอาสบู่มาฟอกให้ไอ้นัย ทดลองดูครับ ยังไม่เคยอาบน้ำให้มันเลย

เวลาถูกสบู่ให้ไอ้นัย มือที่มีฟองสบู่ไล้ไปทั่วร่างของมันทำให้ผมเกิดอารมณ์อย่างสุดๆ ผิวของมันเนียนมาก ก็ผิวเด็กหนุ่มนี่ครับ ผิวเนียนผสมกับผองสบู่ เวลาลูบไล้ลงไปมันวิเศษเหลือเกิน ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมาอีกหน่อยแล้วนะครับ จากเดิมที่มีแต่ความอยาก ตอนนี้เริ่มมีความรู้สึกที่ละเมียดละไมขึ้น มีอารมณ์ไปกับการปรุงแต่งด้านรูปรสกลิ่นเสียงมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆก็คือดูเหมือนผมจะเริ่มเข้าใจคำว่าโรแมนติกขึ้นมาบ้างแล้วนั่นเอง

ผมประกบร่างเข้ากับไอ้นัยทางด้านหลัง ไอ้อูน้อยนาบเข้าไปในร่องก้นของมัน ส่วนมือของผมก็ลูบไล้ลำตัวส่วนหน้า ตั้งแต่หน้าอก หัวนม เรื่อยมาถึงท้องน้อย

ผมจับควยไอ้นัยมาปลิ้นและฟอกสบู่ให้ ตอนนี้หัวเห็ดของไอ้นัยถอกได้หมดแล้วครับ แม้แต่ตอนแข็งตัวเต็มที่ก็ตาม ของผมกับไอ้ชัชก็เช่นกัน แต่เดิมพอแข็งเต็มที่พวกเราจะถอกได้ไม่สุด แต่พอใช้งานไปนานๆมันก็ได้จนสุดเอง ไอ้นัยโดนผมเอาสบู่ฟอกหัวเห็ดจนร้องซี้ดตัวแอ่นไปมาด้วยความเสียว

เมื่อฟอกไอ้นัยน้อยเสร็จ จากนั้นผมก็ไล้ฟองสบู่มาที่พงหญ้าของมัน เวลาลูบไล้พงหญ้าของมันในฟองสบู่เป็นอะไรที่นุ่มมือมากเลยครับ อิจฉามันก็ตรงนี้แหละ เพราะของผมกับไอ้ชัชยังไม่มีขนขึ้นเลย

พอฟอกให้ไอ้นัยแล้ว ผมก็ไม่ลืมที่จะมาฟอกตัวให้ไอ้ชัชบ้าง เพราะกลัวมันจะน้อยใจ ผมฟอกตัวให้ไอ้ชัชด้วยเทคนิคเดียวกัน เวลาฟอกหัวเห็ดมันก็ร้องซี้ดและแอ่นตัวไปมาด้วยความเสียวเช่นเดียวกับไอ้นัย

หลังจากฟอกไอ้สองตัวนั่นเสร็จ อ้าว ไม่มีใครฟอกให้ผมเลย

“มึงฟอกเองเถอะ กูจะรอ” ไอ้ชัชพูดไปหัวเราะไป แถมยังเอาฟองสบู่ป้ายหน้าผม ดูมัน ขนาดเวลาจะมีเซ็กซ์มันยังอดแกล้งผมไม่ได้

“มา อู ฟอกให้” ไอ้นัยพูด ว่าแล้วก็เอาสบู่มาฟอกให้ผมจนทั่วตัว ไม่เว้นแม้แต่ไอ้อูน้อยเช่นกัน รสมือของไอ้นัยตอนฟอกตัวผมนั้นมีความสุขมากครับ นุ่ม เบา สบาย ถึงไอ้ชัชฟอกให้ก็ไม่สบายเท่ากับไอ้นัยทำให้ อยากให้มันทำอย่างนี้ให้ผมนานๆจัง ผมเริ่มเข้าใจแล้วครับว่าทำไมจึงมีคำพูดที่ว่า อยากหยุดเวลาเอาไว้ ตอนนั้นผมก็รู้สึกอยากหยุดเวลาเอาไว้จริงๆ

หลังจากนั้นเราสามคนก็เปิดฝักบัวเพื่อล้างฟองสบู่ออก สายน้ำที่ไหลผ่านศีรษะและใบหน้าของไอ้นัยทำให้ผมของมันไหลมาปรกใบหน้า หน้าชุ่มน้ำกับทรงผมปิดหน้าของมันดูงดงามเหลือเกิน งามเหมือนภาพถ่ายสวยๆภาพหนึ่งทีเดียว

ผมอดใจไม่ไหว คว้าร่างไอ้นัยมากอดแล้วไซร้ไปตามใบหน้า ติ่งหู ซอกคอ ของมัน แล้วอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง แม้แต่ตัวผมเอง ผมจับมันจูบปากและสอดลิ้นเข้าไปแลกลิ้นกับมัน ... เหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือปกขาว

Sunday, July 1, 2007

ตอนที่ 43

หลังจากสอบปลายภาคหนึ่งเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงวันที่พวกเราทุกคนในห้องจะต้องแยกย้ายจากกันชั่วคราวเป็นเวลาประมาณเกือบ ๑ เดือน พวกนักเรียนประจำก็ทยอยถูกผู้ปกครองรับกลับบ้านเหมือนเช่นทุกเทอม

เมื่อผมหวนคิดดู ปีที่แล้ว เวลาประมาณตอนนี้แหละ ที่ไอ้ชัชผมแอบพาไอ้นัยเข้ามาเล่นในหอนักเรียนประจำ และที่นั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและเรื่องราวทั้งหลายแหล่

มาปีนี้ เมื่อปิดเทอมภาคหนึ่งแล้ว พวกเราตกลงกันว่าน่าจะไปเที่ยวที่บ้านของใครสักคน ซึ่งก็ไม่ใช่บ้านของใครที่ไหน บ้านต่างจังหวัดของผมนั่นเอง เพราะว่าสะดวกมากที่สุด บ้านพ่อแม่ของไอ้นัยอยู่ไหนก็ไม่รู้ มันพยายามไม่พูดถึง ก็เลยตัดออกไป ส่วนบ้านของไอ้ชัชก็ไม่ค่อยสะดวกนักเพราะเป็นตึกแถวทำการค้า ไม่ค่อยจะมีที่เที่ยวที่เล่น ก็ตัดออกไป มีบ้านผมนี่แหละที่ทุกคนติดใจ เพราะเป็นชนบท ที่เล่นเยอะ และที่สำคัญที่สุดมีโลกส่วนตัวของพวกเราสามคนอยู่ที่ท้ายสวนด้วย

แต่แล้วก็เกิดความไม่สะดวกเนื่องจากไอ้นัยต้องเรียนกวดวิชา ถ้าไปเที่ยวที่บ้านผมก็คงต้องขาดเรียนหลายวัน ก็เป็นอันว่าปิดเทอมนี้พวกเราคงไม่ไปได้ไปเที่ยวที่ไหนด้วยกัน แต่ตกลงกันไว้ว่าก่อนเปิดเทอมจะไปนอนค้างที่บ้านคุณอาไอ้นัยสักคืนหนึ่งหรือสองคืนแทน

ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายจากกัน ไอ้นัยได้ไปซื้อหนังสือกวดวิชาเข้า ม.๑ มาให้คนละเล่ม เนื่องจากมันมีติว แต่ผมกับไอ้ชัชไม่สามารถไปติวด้วยได้เพราะพ่อแม่ไม่สนับสนุน ก็เลยทำได้อย่างดีก็แค่ซื้อหนังสือกวดหรือติวเข้า ม.๑ มาดูแทน แม้การดูหนังสือเองจะมีโอกาสสอบเข้าได้น้อยก็ตามเพราะคงได้ความรู้สู้เด็กที่เรียนกวดวิชาไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไร

หนังสือตัวที่ไอ้นัยเอามาให้นั้น ผมกับไอ้ชัชฝากมันไปซื้อที่สะพานควาย ร้านธนบุรีการค้าไงครับ สมัยก่อนเป็นร้านขายเครื่องเขียนแบบเรียนที่ใหญ่ที่สุดในย่านสะพานควายไปจนถึงลาดพร้าว ใครจะหาอะไรก็ต้องไปที่นั่น ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว ยังมีอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

หนังสือที่ไอ้นัยหามาให้เป็นหนังสือปกสีเขียวใบไม้ หนาพันกว่าหน้า ราคาจำไม่ได้แล้ว เป็นหนังสือที่หนาที่สุดในชีวิตตั้งแต่เรียนหนังสือเป็นตัวเป็นตนมาจน ป.๖ จำได้ว่าลองเอาไปหนุนหัวนอนจะให้มันซึมเข้าไปแต่ก็ต้องคอเคล็ดเพราะหนังสือหนากว่าหมอนมาก

ข้างในหนังสือก็เป็นการสรุปและมีโจทย์ในวิชาที่ต้องสอบหลายวิชา มีกี่วิชาผมก็ลืมๆไปแล้วละครับ แต่อย่างน้อยก็ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคม ฯลฯ แล้วท้ายเล่มก็จะมีรวมข้อสอบเก่าๆที่เคยใช้สอบมาสำหรับเข้าโรงเรียน...ที่พวกเราสามคนต้องการจะสอบเข้า

ผมกับไอ้ชัชต่างก็หอบหนังสือเล่มยักษ์นั้นกลับบ้าน ไอ้ชัชมันเอาไปหนุนหัวนอนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าปิดเทอมปีนั้นน่ะผมไม่มีความสุขเอาเลย เพราะเอาเป็นเอาตายกับหนังสือเล่มนั้นมาก ตั้งหน้าตั้งตาท่อง ท่อง และท่อง พยายามจำทุกอย่าง โดยเฉพาะแนวข้อสอบเก่าที่เคยออกมา เพราะหนังสือหนามาก กลัวจะอ่านไม่ทัน ดังนั้นผมตั้งเป้าว่าอย่างน้อยที่สุดปิดเทอมนี้ก็ต้องอ่านให้จบทั้งเล่ม เพราะเราจะสอบกันประมาณเดือนธันวาคม ปิดเทอมอ่านให้ได้สักรอบหนึ่ง แล้วเวลาส่วนที่เหลือหากทวนเพิ่มได้อีกก็ถือว่าได้กำไรไป

ปกติเมื่อกลับบ้านต่างจังหวัดจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆก็เลิกหมด วันๆส่วนใหญ่ก็จะเก็บตัวอยู่แต่ในห้องชั้นบนของบ้าน จนเอ๊ดพี่ชายอดเป็นห่วงไม่ได้ มันชอบบ่นว่าสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับมันก็ไม่เอา ทำไมต้องถ่อไปสอบโรงเรียนไกลๆ พ่อแม่เองก็บ่นๆเหมือนกันว่าไหนบอกว่าจะสอบเล่นๆ ทำไมเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ ผมก็แก้ตัวไปว่าเพื่อนๆในห้องหลายคนต่างก็จะสอบเข้าโรงเรียนนี้กัน ผมก็เลยจะสอบด้วยเพื่อวัดฝีมือกัน ถ้าไม่เอาจริงเมื่อแพ้มันก็จะอับอาย ก็แก้ตัวประมาณนี้แหละครับ ส่วนใครจะเชื่อหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ความจริงที่ถูกเก็บซ่อนภายอยู่ภายในก็คือผมต้องการเรียนที่เดียวกับไอ้นัยให้ได้ ดังนั้นยังไงก็ต้องขอให้สอบได้เอาไว้ก่อน ผมไม่ใช่คนเหลวไหลนะครับ มีความมานะพยายามพอสมควร แม้จะไม่มากนักก็ตาม

เนื่องจากปิดเทอมกลางค่อนข้างสั้น ดังนั้นเรื่องการเขียนจดหมายติดต่อกันก็เลยไม่ได้ทำ เพราะถึงเขียนส่งไป กว่าจะได้รับการตอบกลับก็คงเปิดเทอมพอดี ถ้ายังงั้นก็อย่าเขียนเสียดีกว่า

หลังจากท่องหนังสืออย่างหนัก ในที่สุดช่วงเวลาปิดเทอมก็ใกล้สิ้นสุดลง ปรากฏว่าผมท่องหนังสือจนจบเล่มไม่ทัน เหลือส่วนข้อสอบเข้าเก่าๆท้ายเล่มที่ยังไม่ได้อ่านเลย เอาวะ เอาไปท่องต่อที่กรุงเทพฯตอนเปิดเทอมก็ได้ ทุกคนในบ้านต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนั้นเป็นปีที่ผมทำตัวเรียบร้อยที่สุด ก็แน่ละสิครับ วันๆนั่งดูแต่หนังสือเล่มเขียว ไม่ทำอย่างอื่น มันก็ต้องเรียบร้อยอยู่แล้ว

ก่อนเปิดเทอมใหม่สามวัน พ่อก็พาผมไปส่งที่บ้านอาไอ้นัย ส่วนพ่อไอ้ชัชก็พามันมาส่งเช่นกัน ตอนนี้ชักคุ้นเคยกันแล้วครับ บรรดาผู้ปกครองของพวกเราต่างก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดี อิอิ ทุกอย่างก็เลยกลายเป็นเรื่องง่าย ค้างสักสองคืน แล้วก็ให้คุณอาไอ้นัยพาผมกับไอ้ชัชไปส่งที่หอแทนผู้ปกครองก่อนเปิดเทอมหนึ่งวัน ซึ่งอาไอ้นัยก็ตกปากรับคำว่าจะจัดการให้

ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน ไอ้ชัช ไอ้นัย ต่างก็ยังอย่างเดิมละครับ ไม่ได้ดูเปลี่ยนแปลงไปมากมายอะไรเหมือนเมื่อจากกันช่วงปิดเทอมปลาย แต่สิ่งที่แตกต่างกันออกไปบ้างก็คือช่วงปิดเทอมเราไว้ผมยาวได้ ตอนมานั้นยังไม่ได้ตัดผม เดี๋ยวก่อนเปิดเทอมพวกเราค่อยไปตัดร้านเดียวกับที่ไอ้นัยตัด

ไอ้นัยเมื่อไว้ผมยาวจนหวีเป๋ได้ หน้าตามันน่ารักมากเลย ไอ้ชัชก็ดูดีขึ้น จากที่ดูคล้ายลิงก็คล้ายคนมากขึ้นมาอีกหน่อย ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่เอาครับ ไม่วิจารณ์ตัวเองดีกว่า หุหุ ทุเรศน้อยลงหน่อยมั้ง

ทุกอย่างก็จะคล้ายๆอย่างเดิมกับเมื่อตอนมาค้างที่บ้านไอ้นัยเมื่อคราวก่อน กล่าวคือ พอเวลาอยู่คุณอาอยู่บ้าน พวกเราก็จะเรียบร้อยปานผ้าพับไว้ จะมีหลุดๆซนออกมาบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อันนี้ต้องขอชมตัวเองว่าเล่นละครบทหน้าไหว้หลังหลอกได้ดีกันทุกคน รวมทั้งไอ้นัยเองด้วย แต่พออามันไม่อยู่ก็ออกลิงออกข้างกันเสียงลั่นบ้าน โดยเฉพาะไอ้ชัช แหกปากเสียงดังกว่าเพื่อน แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าเพื่อนบ้านติดกันไม่มี มีก็อยู่ไกลลิบๆ ดังนั้นเรื่องหนวกหูบ้านอื่นจึงไม่มีปัญหา และก็โชคดีเป็นของพวกเราที่อาไอ้นัยมักไม่ค่อยอยู่บ้านเสียด้วย

การไปเที่ยวบ้านไอ้นัยครั้งนั้น ตอนแรกผมไปในสภาพที่สติสตังค์ไม่ค่อยครบถ้วนนัก เพราะกำลังเมากับหนังสือเตรียมสอบเล่มเขียวอยู่ จนไอ้สองตัวนั่นทักว่าซึมไปเยอะ ส่วนไอ้ชัชนั้นเฮฮาเหมือนเดิม บอกว่าอ่านจบเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่ามันเอาจริงขนาดไหนและอ่านประสาอะไร ขนาดผมที่ปกติอ่านหนังสือเร็วกว่ามันยังอ่านไม่ทันเลย

ส่วนไอ้นัยก็ไปติวเข้มช่วงปิดเทอมเกือบทุกวัน แล้วก็ยังไม่จบดี พอเปิดเทอมแล้วยังต้องไปติวทุกวันเสาร์อีกหลายครั้ง สงสัยจะติวกันจนถึงสอบเลย ไอ้นัยได้ชีตติวมาค่อนข้างเยอะ ผมกับไอ้ชัชเลยขอแบ่งมันเอามาดูบ้าง สมัยนั้นเรื่องการถ่ายเอกสารนั้นเด็กๆไม่ใช้กันหรอกครับ เพราะค่าถ่ายยังแพงอยู่ ผมก็เลยใช้ยืมอ่านเอา


พอมาถึงบ้านไอ้นัยแล้วผมยังต้องปรับสภาพอีกพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าจะกลับกลายเป็นลิงได้ตามเดิม ลิงก็เป็นลิงวันยังค่ำ ในที่สุดพวกเราก็โยนหนังสือและเรื่องสอบทิ้งไป กลับมานั่งดูทีวี ฟังเพลง และเล่นเกมกันเหมือนเดิม

พวกเรามาถึงในตอนเช้า ตกบ่ายอาไอ้นัยออกไปแล้วครับ สงสัยทนดูพวกเราไม่ไหว อิอิ และแล้วโลกทั้งโลกก็กลับมาเป็นของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง

“ไอ้นัย หนังสือพวกนั้นยังอยู่ไหม” ไอ้ชัชถามขึ้นเมื่อพวกเราอยู่กันพร้อมหน้าสามคนในห้องนอนของไอ้นัย เป็นคำถามที่ผมอยากจะถามไอ้นัยพอดี คงรู้นะครับว่าหมายถึงหนังสืออะไร

“อึ๊” ไอ้นัยส่ายหัวทำเสียงปฏิเสธ “เอาไปทิ้งคืนที่เดิมหมดแล้ว กลัวอามาเจอเข้าอ่ะ แล้วมันก็มีคนมาเก็บไปแล้วด้วย ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

“น่าเสียดายจัง” ผมบ่น “อยากอ่านอีก”