Thursday, March 22, 2007

ตอนที่ 7

และแล้ว เช้าวันที่รอคอยก็มาถึง แม่มารับแต่เช้า แล้วพาผมไปส่งที่บ้านไอ้นัย หรือที่จริงต้องเรียกว่าบ้านอาไอ้นัย

ไอ้นัยออกมาพร้อมกับคุณอาผู้หญิง มันแต่งตัวอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงบอล กางเกงสีเหลืองแปร๊ด

หลังจากที่แม่กับผมทักทายกับคุณอาไอ้นัยและแม่ฝากเนื้อฝากตัวผมตามธรรมเนียมแล้ว แม่ก็ลาไปกลับไป คุณอาไอ้นัยก็กำลังจะออกไปธุระข้างนอก ฮิฮิ ตอนนี้สวรรค์เป็นของเราแล้ว

- - - - - - - - - - - -

บ้านอาไอ้นัยอยู่ในซอยลึกในถนนลาดพร้าว เป็นบ้านที่น่าอยู่ครับ ตัวบ้านขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตอนนั้นเด็กๆ ไม่รู้หรอกครับว่ากี่ตารางวา รู้แต่ว่าตกแต่งได้น่าอยู่ บริเวณบ้านมีที่เยอะพอสมควร ปลูกต้นไม้ไว้จนร่มครึ้ม ถ้าอยู่ที่ถนนซอยหน้าบ้านแล้วมองเข้ามาจะไม่เห็นตัวบ้านสักเท่าไรหรอกครับ เห็นแต่โรงรถกับต้นไม้ เพื่อนบ้านก็ไม่ค่อยจะมี เพราะในซอยนั้นค่อนข้างลึก ส่วนใหญ่เป็นที่ว่างมีหญ้าขึ้นมากกว่า

อาของไอ้นัยนี่คือน้องชายของพ่อครับ เป็นสถาปนิก แต่งงานกับมัณฑนากร แต่งอยู่หลายปีก็ยังไม่มีลูก ประกอบกับทางบ้านไอ้นัยอยากให้มันมาเรียนที่กรุงเทพฯ ทางคุณอาก็เลยขอมาอยู่ด้วย ก็เลี้ยงเหมือนลูกเลย เพราะตัวเองไม่มีลูก

มิน่าละครับ บ้านถึงได้แต่งสวย จำได้ว่าแรกเห็นก็อิจฉามากๆ เพราะบ้านของผมที่ต่างจังหวัดมันบ้านแบบชาวบ้านแท้ๆ ไม่มีดีไซน์ ไม่มีการตกแต่งอย่างมีรสนิยม ก็บ้านชาวบ้านทั่วไปนี่ครับ พอปลูกเสร็จก็เอาเฟอร์นิเจอร์มาวางๆเข้า ไม่เคยต้องพึ่งมัณฑนากร มันก็เลยไม่มีอะไรสวยงาม

ทั้งอาผู้ชายและอาสะใภ้เป็นคนทำมาหากิน วันหยุดยังต้องออกไปหาลูกค้า บางทีก็ไปเยี่ยมเยียนหรือไปดูแลลูกค้า ดังนั้นวันหยุดจึงไม่ค่อยแน่นอน แต่ส่วนใหญ่เสาร์อาทิตย์จะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะลูกค้ามักชอบนัดวันหยุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไอ้นัยเคยหลุดปากบ่นออกมา เพราะว่ามันเหงา แม้ว่าทั้งคู่จะรักมันมากก็ตาม แต่มันก็มักรู้สึกเหงา ปกติมันจะเฉยๆ ตีหน้าตายนะครับ ไม่ค่อยชอบพูดหรือชอบเล่าอะไร ถึงขนาดหลุดปากบ่นออกมาคงเหงาจริงๆ มันก็น่าเหงาอยู่หรอกครับ เพราะอยู่ในบ้านยังกับอยู่ในป่า ตัดขาดจากโลกภายนอก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ ถ้าเป็นเด็กวัยซนคงไม่สนุกเท่าไร

คุณอาไอ้นัยอยู่ที่บ้านอีกสักครู่ก็ออกไปหาลูกค้า ทิ้งผมให้อยู่กับไอ้นัยสองคน

“ตามสบายนะลูก ไม่ต้องเกรงใจ ดีเหมือนกัน นัยเขาจะได้ไม่เหงา สงสารนัยเค้าเหมือนกัน บางทีวันหยุดอาก็ไม่ค่อยได้หยุด เลยไม่ค่อยมีโอกาสพานัยไปเที่ยวที่ไหน” คุณอาผู้หญิงพูดกับผม ผมก็ได้แต่รับคำ

พอโตแล้วผมถึงค่อยได้รู้ว่าทำไมไอ้นัยมันเป็นคนเฉยๆ ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไร ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะวัยเด็กของมันค่อนข้างเงียบเหงานี่เอง เลยเพาะเป็นนิสัยเก็บตัว ตอนอยู่บ้านอา มันถูกเลี้ยงแบบลูกคนเดียว แต่ก็ไม่มีนิสัยคุณหนูหรือเอาแต่ใจตัวเองเลยนะครับ ก็แปลกเหมือนกัน

“บ้านนายน่าอยู่จัง” ปกติจะเรียกไอ้นัยว่ามึง แต่วันนี้เรียกนาย ผมยังจำได้แม่นเลย คือวันนั้นมันมีความรู้สึกนับถือมันนิดๆ เพราะบ้านมันน่าอยู่ บวกกับสงสารมันหน่อยๆเพราะเห็นว่ามันเหงา วันนี้เลยพูดเพราะกับมันเป็นพิเศษ ที่จริงก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันเลยนะครับ พูดตามเดิมก็ได้ แต่มันก็พูดไปแล้วอ่ะ

“ฮื่อ” มันตอบ “บ้านมึงไม่น่าอยู่เหรอ” ถามหน้าตายอีกแระ

“มันก็ไม่เชิง” ผมตอบแบบไว้เหลี่ยม “คือ...ก็น่าอยู่หรอก แต่ว่าตกแต่งไม่สวยเท่านี้”

“ก็อากูเป็นคนออกแบบตกแต่งบ้านนี่หว่า บ้านตัวเองทำแล้วไม่น่าอยู่ แล้วใครจะมาจ้างวะ ก็ต้องทำให้น่าอยู่ดิ” เออ เหตุผลมันเข้าท่าเหมือนกัน

“ทำไมบ้านมึงมันเหงาอย่างนี้วะ เพื่อนบ้านก็แทบจะไม่มี ต้องเอากล้องส่องทางไกลมองถึงจะเห็นบ้านเพื่อนบ้าน”

“นั่นน่ะดิ อากูเค้าอยากได้บ้านที่มีเสื้อที่เยอะหน่อย เลยมาซื้อไว้ลึกๆ เพราะราคาที่ดินยังถูกอยู่ อาบอกว่าถ้าซื้อต้นๆซอยซื้อไม่ไหวเพราะว่าได้ทีดินแปลงเล็กนิดเดียว ตอนมาอยู่ใหม่ๆกูก็ว่าอยู่ต้นซอยดีกว่าว่ะ ” มันว่า “แต่ก็... ตอนนี้ ชินแล้วล่ะ”

ว่าแล้วมันก็หายตัวเข้าไปในห้องถัดไป สักครู่เดียวก็ออกมาพร้อมกับน้ำและขนม เพิ่งจะรู้ว่าไอ้นี่มันก็มีมารยาทรับแขกไม่เลวเหมือนกันครับ อิอิ

“เอ้า อู กินหนม”

ผมหยิบชนมคุกกี้มากินชิ้นสองชิ้น “เสียดายจัง ไอ้ชัชไม่ได้มาด้วย บ้านสวยๆแบบนี้อยากให้มันมาเห็นมั่งจัง” ผมว่า

หลังจากกินขนมและนั่งเล่นที่ข้างล่างสักพักแล้ว ผมก็ถามไอ้นัย “ไหน ห้องนอนส่วนตัว พาไปดูหน่อยดิ” ไอ้นัยมันเล่าให้ฟังครับว่าที่บ้านมันมีห้องนอนส่วนตัวด้วย ผมเลยอยากเห็น เพราะที่บ้านต่างจังหวัด ผมนอนรวมกับพี่ชาย ส่วนที่กรุงเทพฯนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่หอนอนกันห้องละยี่สิบคน ดังนั้นเรื่องห้องนอนส่วนตัวสำหรับผมแล้วเป็นอะไรที่ใฝ่ฝันถึงอย่างมาก

ไอ้นัยมันก็พาขึ้นชั้นบนไปดู โอ้โฮ เป็นห้องเล็กๆแต่จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ผนังเป็นวอลเปเปอร์สีอ่อนๆ เย็นตาดี เหมือนห้องนอนวัยรุ่นฝรั่งในหนังเลยละครับ

“โห อิจฉาเลยล่ะว่ะ ไอ้นัย อยากมียังงี้มั่งจัง มึงไปอยู่ที่หอแล้วกูมาอยู่นี่แทน สลับกันสักพักได้ไหมวะ” ผมบอก

พออยู่ในห้อง มันก็ถอดเสื้อออก “ร้อน” มันบอก

“ปกติอยู่บ้านไม่ใส่เสื้อเหรอ” ผมถาม

“ถ้าอยู่ในห้องนอนไม่ค่อยชอบใส่อ่ะ”

“แล้วกางเกงล่ะใส่ไหม” ผมถามกวน

“บางทีก็ใส่ บางทีก็ไม่ใส่” มันพูดหน้าตาย ยังงี้ก็เข้าทางผมเลย ผมเลยกระตุกกางเกงบอลมันลงมากองที่เท่า มันก็ปล่อยให้กระตุกแต่โดยดี สำหรับไอ้นัยนี่รู้ๆกันอยู่ครับ มันไม่เคยขัดขืนหรือดิ้นเลย ไอ้ชัชมันยังเคยพูดเลยว่า ถ้าโดนอุ้มไปเรียกค่าไถ่มันจะดิ้นเป็นไหมเนี่ย

พอรูดกางเกงลง ไม่ยักโป๊แฮะ เพราะใส่กางเกงในอยู่

“55 วันนี้ใส่กางเกงในว้อย” มันหัวเราะ

“ไม่ยาก” ผมบอก แล้วก็ลอกกางเกงในของมันออกมาอีก คราวนี้ไอ้นัยก็เปลือยเปล่าทั้งตัว

“เดินไม่ถนัดอ่ะ” มันว่า ที่เดินไม่ถนัดเพราะกางเกงบอลและกางเกงในไปกองที่ข้อเท้า มันก็ไม่ยอมสลัดออกเอง ผมเลยต้องจับมันยกขาและเอากางเกงออกให้ เหมือนถอดเสื้อผ้าให้เด็กเลย

“เอ้า ได้ยัง” ผมว่า

ครั้นแล้วผมก็มีโอกาสได้สำรวจเรือนร่างของไอ้นัยอีกครั้ง หุ่นมันดีมากเลยครับ มีกล้ามเนื้อพองาม หน้าอกก็มีกล้ามเล็กน้อย ไม่ใช่แห้งๆ ดอก็ยังสงบอยู่ มีหนังหุ้มปลายคลุมมิดชิด แต่ที่แปลกออกไปคือขนของมันครับ คือหมอยมันรู้สึกว่าจะยาวกว่าเดิมจากตอนที่เห็นที่หออีก ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับ เพราะช่วงเวลาห่างกันสองสามเดือนแล้ว จากเดิมที่เนินรอบๆขาวเกลี้ยงเกลา มีขนอ่อนเพิ่งเริ่มขึ้น ตอนนี้กลายเป็นหญ้าอ่อนสีเทาๆปกคลุมเนินแล้ว แต่ยังไม่ยาวเท่าไรครับ เลยยังไม่หยิก เหมือนขนตามแขนขามากกว่า

2 comments:

INo said...

กำล่ะ อยู่ดีๆ ผมก้อน้ำแตกแต่ไม่ได้เยอะน่ะเพราะไม่ได้ชัก เหอะๆ

มันไหลออกมานิดหน่อยพอโดนกางเกงเลยรู้ว่าไหล
เด๋วนั่งหาคลิปว่าวก่อนเน้อ แล้วจะมาอ่านต่อ หุหุ

สะใจคร้าบบบบบบบบบบบบบ พี่รู้แหะว่าจะคุยกับพี่อูตรงๆได้ยังไง ที่ผมเม้นอยู่นี้ก้อไม่รูพี่จะได้อ่านมั้งหรือป่าว ถ้ามีใครสามารถติดต่อพี่อูได้ ช่วยบอกให้หน่อยนะครับlogitecd@hotmail.com

INo said...

ขอมาแก้คอมเม้น

สะใจคร้าบบบบบบบบบบบบบ ไม่รู้แหะว่าจะคุยกับพี่อูตรงๆได้ยังไง ที่ผมเม้นอยู่นี้ก้อไม่รูพี่จะได้อ่านมั้งหรือป่าว ถ้ามีใครสามารถติดต่อพี่อูได้ ช่วยบอกให้หน่อยนะครับlogitecd@hotmail.com