Wednesday, May 23, 2007

ตอนที่ 33

วันที่เราคุยกันเรื่องเบบี้ออยล์เป็นครั้งแรกนั้นจำได้ว่าเป็นตอนกลางสัปดาห์ หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์

เช้าวันจันทร์ถัดมา ไอ้นัยก็โผล่มาเข้ามาในห้องเรียนเพื่อวางกระเป๋า ก็เป็นปกติของนักเรียนทั่วไปละครับ ตอนเช้ามาก็มาวางกระเป๋า แล้วจะนั่งเล่นในห้อง หรือจะลงไปเล่นข้างล่างก็ตามอัธยาศัย รอจนแปดโมงก็จะมีออดเรียกให้เข้าแถวเคารพธงชาติ จากนั้นก็จะเดินแถวเข้าห้องเรียนเพื่อเริ่มการเรียนในวันนั้น

ปกติไอ้นัยมันจะมาค่อนข้างเช้า เด็กนักเรียนไปกลับมักจะมาแต่เช้า ส่วนเด็กประจำมักจะมาใกล้ๆแปดโมง คือไม่มาสายแต่ก็ไม่รีบมา พักอยู่ใกล้เกินไปก็ยังงี้แหละครับ

เช้าวันจันทร์นั้นนัยก็มาแต่เช้าเช่นเคย แต่ใบหน้ามันดูจะแปลกไปหน่อย ดูผาดๆรู้สึกว่าว่าใบหน้ามันเกลี้ยงเกลาขึ้น

ผมพิจารณาใบหน้ามัน หาสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของมันในวันนี้ดูแปลกออกไป พอตั้งใจดูก็เห็นว่าไรหนวดเขียวๆที่ผมชอบดูนั้นหายไปแล้ว แต่มีพลาสเตอร์เล็กๆปิดอยู่เหนือริมฝีปากด้านซ้ายแทน

“ไปทำไรมาวะนัย” ผมถาม แล้วก็หัวเราะก๊ากออกมา ที่จริงถามไปยังงั้นเอง ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามันขโมยที่โกนหนวดของอามาใช้ แล้วก็โกนไม่เป็น ทำจนใบมีดบาดริมฝีปาก เลยต้องปิดพลาสเตอร์มาโรงเรียน รูปการณ์ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน

“ที่โกนหนวดบาดอ่ะ” ไอ้นัยพูดหน้าตาย ไหมล่ะ ผมเดาถูก มันคงอายเหมือนกันแหละครับ แต่พยายามตีหน้าตายเอาไว้

เพื่อนๆพอได้ยินเข้าก็ฮากันครืน ต่างเข้ามรุมซักไอ้นัยเป็นการใหญ่ว่าโกนยังไง บาดยังไง ทำไมถึงอยากโกนหนวด ฯลฯ แล้วก็หัวเราะกันสนุก โดยเฉพาะไอ้ชัช ปล่อยฮามากกว่าเพื่อน ไอ้นี่มันก็ชอบแกล้งไอ้นัยเป็นประจำอยู่แล้ว

ผมรอสักพักจนทุกคนเลิกแซวแล้วจึงเข้าไปคุยกับไอ้นัย

“เจ็บป่าว แผลใหญ่ไหม” ผมถามด้วยความเป็นห่วง มันคงฟังน้ำเสียงของผมออกว่าผมถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ไม่ได้จะแซว ไอ้นัยมองหน้าผมนานเป็นพิเศษ

“ตอนโดนบาดเจ็บเหมือนกันแหละ เลือดออกตั้งเยอะ แถมยังโดนอาดุอีกต่างหากว่าซนไม่เข้าเรื่อง” ไอ้นัยเล่าให้ฟัง

“แล้วจะโกนหนวดไปทำไมวะ” ผมถาม

“อยากลองโกนดูอ่ะ เห็นเขาบอกว่าโกนแล้วมันจะขึ้นไว”

“อ้อ แปลว่ามึงอยากไว้หนวด” ผมสรุป

“ฮื่อ ท่าทางจะเท่ดี” ไอ้นัยพูดแล้วตีหน้าทะเล้น พอมันเข้าวัยรุ่นก็ชักเริ่มรักสวยรักงามบ้างแล้ว เลยอยากมีหนวด ผมเองตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจเรื่องเสริมหล่อเลย สนใจแต่เรื่อง... อิอิ ไม่บอกดีกว่า

- - - - - -

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่าตนเองหมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ไปหน่อย ในหัวคิดถึงแต่เรื่องการมีเซ็กซ์กับไอ้ชัชและไอ้นัยอยู่เกือบตลอดเวลา ทำไงได้ พอลองได้ครั้งหนึ่งแล้วติดใจมันก็อยากมีอีกเรื่อยๆ

ปกติเวลากินอาหารกลางวัน พวกเราก็จะกินกันเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ครับ ประมาณเกือบสิบคน จับกลุ่มนั่งกินอาหารใกล้ๆกัน กินกันไป คุยกันไป แต่บางทีถ้าโต๊ะแน่นมากก็อาจเกาะกลุ่มกันไม่ได้ ก็ต้องนั่งกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กๆ

เที่ยงวันหนึ่ง หลังจากที่ซื้ออาหารและหาที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลากไอ้นัยมาหาที่นั่งซึ่งแยกออกจากกลุ่มเพื่อนๆโดยมีไอ้ชัชซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตามมาด้วย มันบ่นใหญ่ว่าโต๊ะใหญ่ว่างๆก็มี ทำไมไม่นั่งกับเพื่อนๆในกลุ่มแต่แยกตัวออกมานั่งกินกันสามคน

“กูมีเรื่องจะบอกกับพวกมึง” ไอ้นัยเกริ่นหลังจากที่เริ่มกินอาหารเที่ยงกัน

“เสาร์หน้ากูต้องไปสมัครเรียนพิเศษแล้วนะว้อย” ไอ้นัยพูด

ผมกับไอ้ชัชก็งงสิครับ เรียนอะไรกัน ไอ้นัยก็ไม่ใช่เด็กเรียนอ่อนสักหน่อย

สมัยนั้นเรื่องการเรียนพิเศษหรือว่ากวดวิชานั้นไม่ค่อยจะเหมือนเดี่ยวนี้นัก นักเรียนประถมสมัยผมถ้าจะเรียนพิเศษในระหว่างเทอมก็หมายถึงพวกที่เรียนอ่อนและเรียนไม่ทันเพื่อนๆ จำเป็นต้องมีคนช่วยติวหรือสอนเสริมให้ ซึ่งการเรียนพิเศษในสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็คือครูประถมในโรงเรียนนั่นแหละครับ ตอนเย็นก็มานั่งติวให้พวกที่เรียนอ่อน มีทั้งแบบเสียเงินกับไม่เสียเงิน พวกที่ไม่เสียเงินก็คือพวกที่เรียนไม่ค่อยทันเพื่อนแล้วโดนครูประจำชั้นบังคับจับติว คืออันนั้นเป็นการติวตามหน้าที่ของครูประจำชั้นที่ดี

กับอีกพวกหนึ่งคือครูประถมที่หารายได้พิเศษจากการสอนในช่วงเย็น พวกที่เรียนพิเศษแบบเสียเงินนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเรียนอ่อนที่ไม่ถึงกับแย่มากนักจนขนาดครูประจำชั้นต้องจับติวให้ แต่ว่าเป็นพวกที่เรียนอ่อนและสมัครใจที่จะหาความรู้เพิ่มเติมเอาเองมากกว่า

นอกจากนี้ก็ยังมีการติวหรือว่าเรียนพิเศษอีกแบบหนึ่ง นั่นคือ การจ้างนิสิตนักศึกษา หรือแม้แต่นักเรียน ม.ปลายที่เรียนเก่งๆ มาสอนให้ ถ้าแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองมีเงินหน่อย เด็กจะอ่อนหรือไม่อ่อนก็เรียนได้ พวกนี้เป็นพวกเรียนให้อุ่นใจหรือได้คะแนนดีอยู่แล้วแต่อยากให้ดียิ่งขึ้นไปอีกเพราะผู้ปกครองเป็นโรคจิต ไม่อยากให้เด็กอยู่สบายๆ แบบนี้ก็มี ถ้าติวแบบนี้ส่วนใหญ่มักติวเป็นกลุ่ม

รูปแบบการติวหรือว่าสอนพิเศษนี้ ไม่ว่าใครสอนก็จะคล้ายๆกัน นั่นคือส่วนใหญ่เป็นการสอนการบ้าน สอนการบ้านไปทวนความรู้ไป ประมาณนี้แหละครับ ถ้าเด็กอ่อนถึงอ่อนมาก มักนิยมเรียนตัวต่อตัว ส่วนเด็กเรียนเสริมเฉยๆก็มักเรียนเป็นกลุ่ม เพราะค่าใช้จ่ายประหยัดกว่า

ทีนี้ถ้าเป็นตอนปิดเทอม ก็จะมีการสอนพิเศษสำหรับวิชาสำคัญๆในปีการศึกษาถัดไป พูดง่ายๆก็คือการเรียนล่วงหน้านั่นเอง พวกนี้เหมาะกับคนที่มีเงินหน่อยและตอนปิดเทอมเด็กว่างมากจนไม่รู้จะทำอะไรดี ก็จะจับมาเรียนล่วงหน้า ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

เรียนพิเศษของนักเรียนประถมในสมัยนี้แตกต่างออกไปจากสมัยก่อนพอสมควรในด้านรูปแบบ เพราะสมัยก่อนการเรียนพิเศษเป็นการเรียนส่วนตัวหรือกลุ่มเล็กๆ แต่สมัยนี้มีการไปเรียนตามโรงเรียนกวดวิชาด้วย เรียกว่ากวดกันเป็นล่ำเป็นสันตั้งแต่ยังเด็กเลยทีเดียว

ก็อย่างที่บอก ไอ้นัยไม่ได้เรียนอ่อนสักหน่อย ทำไมต้องเรียนพิเศษ

1 comment:

Anonymous said...

สวัสดีครับ แวะมาทักทายคุณอู ^^

ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่เคยได้เข้ามาเม้นต์ให้ที่นี่เลย

คิดถึงตอนบอร์ดอบอุ่นจังเลยนะครับ ^^