Wednesday, May 2, 2007

ตอนที่ 27

วันถัดมา เป็นวันเปิดเรียนวันแรก วันเปิดเรียนเป็นวันที่เด็กๆส่วนใหญ่รอคอย เพราะว่าจะได้เจอเพื่อนหลังจากที่จากกันมาหลายเดือน ได้แต่งตัวด้วยชุดนักเรียนชุดใหม่ หนังสือเรียนใหม่เอี่ยมจนกลิ่นกระดาษและหมึกพิมพ์โชยออกมา เด็กๆก็ชอบอะไรใหม่ๆละครับ แต่ว่าส่วนน้อยที่ไม่อยากเปิดเทอมก็มี คือพวกที่ไม่ค่อยชอบไปโรงเรียน แต่สำหรับผมนั้น ผมชอบไปโรงเรียนครับ เพราะมีเพื่อนเยอะ และที่สำคัญคือจะได้เจอไอ้นัย ส่วนไอ้ชัชนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าอยากเจอหรือไม่อยากเจอมัน เพราะถึงอย่างไรก็ต้องนอนติดกับมันอยู่แล้ว

เพื่อน ป.๖ ก็ไม่ต่างจากชั้น ป.๕ หรอกครับ เพราะยกห้องกันมา ไม่ได้จัดคละห้องใหม่ ตอนเช้าตรู่ ก่อน ๘ โมงเช้าเข้าแถวเคารพธงชาติ พวกเราก็รีบขึ้นไปที่ห้องเพื่อจับจองที่นั่ง ใครอยากนั่งกับใครก็รีบไปจับจองกัน ส่วนใหญ่ก็มาก่อนได้ก่อน ไม่ค่อยมีทะเลาะเรื่องแย่งที่นั่งกัน

เป็นธรรมเนียมที่นักเรียนตัวสูงจะต้องไปนั่งหลังชั้น ส่วนพวกตัวเล็กๆต้องมานั่งหน้าชั้น จะได้ไม่บังกัน ยกเว้นโต๊ะแถวติดประตูกับแถวติดหน้าต่าง สองแถวนี้จะเป็นโต๊ะเดี่ยว นั่งคนเดียว ซึ่งคนตัวสูงจะมานั่งข้างหน้าก็ได้ เพราะไม่ได้บังใคร ดังนั้นในการจับจองที่นั่ง ส่วนใหญ่ก็คำนึงถึงความสูงของตนเองด้วย เพราะหากนั่งแล้วบังเพื่อน จะต้องถูกครูจัดให้ใหม่ คราวนี้ละครับ ที่หวังจะได้นั่งติดกับใครจะอดหมดเลย

พูดถึงตัวสูงตัวเตี้ย ตอน ป.๕ นั้นไอ้นัยจัดว่าเป็นคนสูงครับ เพราะมันโตค่อนข้างเร็วกว่าเพื่อนๆในห้อง แต่พอมา ป.๖ นี่มันกลับกัน ยังกับว่าไอ้นัยมันหยุดสูงไปเสียยังงั้นแหละ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่เมื่อเปิดเรียนและมากันพร้อมหน้าพร้อมตา เลยเพิ่งมาสังเกต ว่าไอ้นัยนั้นมันกลายเป็นความสูงขนาดปานกลางไปเสียแล้ว ไอ้ชัชที่เดิมเตี้ยกว่ามัน ปีนี้ก็เริ่มสูงทันกันแล้ว ส่วนผมที่เดิมเตี้ยกว่าไอ้นัยนิดเดียว ตอนนี้กลับสูงกว่ามันหน่อยนึง หลายๆคนที่สูงพอๆกับไอ้นัยหรือเตี้ยกว่ามันหน่อยในปีที่แล้ว ปีนี้เริ่มแซงมันแล้ว วัยนี้มันเป็นวัยโตวันโตคืนจริงๆครับ แต่ละคนโตเร็วไม่เท่ากันด้วย

หลังจากไอ้นัยถูกวัดความสูง ต่อมามันก็ถูกเพื่อนๆจับวัดความยาว อิอิ ไอ้นัยก็ยังเป็นไอ้นัยคนเดิมของเพื่อนๆในกลุ่ม คือ แกล้งได้ จับได้ คลำได้ ล้วงออกมาก็ได้ แต่อย่าให้ประเจิดประเจ้อนัก แต่พอดีตอนเช้านั้นคนเยอะมาก ไม่มีมุมสงบเลย เพื่อนๆเลยไม่มีโอกาสได้ล้วงไอ้นัยน้อยออกมา ได้แค่จับๆ ส่วนผมกับไอ้ชัชนั้นวันนี้ยังขี้เกียจแกล้งมัน เพราะเมื่อวานเพิ่งล้วงควักทิ่มแทงกันไปหยกๆ

หลังจากที่เจี๊ยวจ๊าวจองโต๊ะเรียนกัน ระฆังเรียกเข้าแถวก็ดังขึ้น พวกเราก็ต้องไปยืนเข้าแถวเคารพธงชาติตามลำดับชั้นและห้องที่ถูกจัดเอาไว้ ผมเพิ่งสังเกตว่าในแถวของห้องผมนั้น มีนักเรียนหน้าใหม่อยู่ด้วย พงษ์ศักดิ์นั่นเอง!

- - - - -

พงษ์ศักดิ์ที่ว่านี่ก็คือพงษ์ศักดิ์นักเรียนประจำหน้าใหม่ที่ผมเจอในหอเมื่อคืนนั่นเอง ไอ้หมอนี่ผิวคล้ำๆ ตัวบึกๆ แบบไอ้ทิวเลย ยังจำได้ไหมครับ ไอ้ทิวที่อัดไอ้นัยจนจุกไง หุ่นยังงั้นเลย แต่ว่าไอ้นี่ท้วมกว่า หน้ารีๆแบบลูกขนุน ใส่กางเกงขาสั้นแต่ว่ายาวเฟื้อยปิดหัวเข่า (ต่อมาก็เป็นเอกลักษณ์ของมันครับ เพราะว่ากางเกงขาสั้นของมันกี่ตัวๆก็ยาวปิดหัวเข่าเหมือนกันหมด) ที่จมูกมีสิวเม็ดเบ้อเริ่มสีแดงๆคล้ายๆนอแรด

“ไอ้นี่อีกแล้ว มันมาได้ไงวะเนี่ย” ผมกระซิบบอกไอ้ชัชในแถว มันกับผมยืนติดกัน ส่วนไอ้นัยอยู่ข้างหน้าไปถัดอีกคนหนึ่ง

“ย้ายตามพ่อแม่มามั้ง” ชัชว่า

“พูดถึงใครอ่ะ ฟังด้วยคนดิ” ไอ้นัยยื่นหน้าเข้ามาถาม อ้อ ลืมบอกไป ไอ้นัยตอนนี้เสียหล่อไปเยอะครับ เพราะว่าเพิ่งไปตัดผมมาเมื่อวานตอนเย็น จากเส้นผมหยักศกสลวยเหลือแต่หัวเกรียนเขียวๆ... ดีแล้ว จะได้ไม่หล่อเกินหน้าเกินตาผม อิอิ

ไอ้ชัชเลยบุ้ยใบ้ให้ไอ้นัยดูเด็กใหม่ที่มาร่วมห้องกับเรา

“เดี๋ยวขึ้นห้องเรียนแล้วก็จะรู้” ไอ้ชัชสรุป

หลังจากขึ้นห้องเรียนแล้ว พวกเราก็ได้พบกับครูประจำชั้นคนใหม่ ก็ใหม่สำหรับพวกเราละครับ แต่ว่าที่จริงเก่าแล้ว คือว่าใครที่อยู่ ป.๖ ห้องนี้ก็ต้องเรียนกับครูคนนี้ สมัยที่ผมเรียนนี้ครูประจำชั้นสอนเหมาเกือบทุกวิชา จะมีเพียงบางวิชาเท่านั้นที่ใช้ครูพิเศษสอน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ศิลปะ พลศึกษา ฯลฯ

ชั่วโมงแรกของการเรียนในปีการศึกษาใหม่ก็จะเป็นการแนะนำเพื่อนใหม่และแจ้งตารางสอนของภาคเรียนแรก ครูก็บอกให้เด็กๆจด ส่วนใหญ่เด็กๆจะมีแผ่นกระดาษแข็งทำเป็นตารางสอน (ที่จริงควรเรียกว่าตารางเรียน แต่เห็นเรียกว่าตารางสอนกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็เลยขอเรียกว่าตารางสอน) คือแบ่งเป็นช่องๆ มี ๕ แถว แถวละ ๗ คาบเรียน ไม่ต้องไปซื้อหามาจากไหนหรอกครับ ส่วนใหญ่เวลาซื้อชุดนักเรียนมักจะได้รับแจกมา

เรื่องพงษ์ศักดิ์นั้นไอ้ชัชทายถูกครับ คือมันย้ายตามพ่อแม่มาจากจังหวัดไหนก็ไม่รู้ ลืมไปแล้ว เมื่อพ่อแม่มาอยู่กรุงเทพฯ มันก็เลยต้องย้ายโรงเรียนตามมาด้วย เรื่องเด็กแทรกเข้ามาใหม่นี้ที่จริงส่วนใหญ่แล้วก็มักเป็นเหตุผลย้ายตามผู้ปกครองนั่นแหละครับ ไอ้นี่ก็เหมือนกัน แต่ก็น่าแปลกใจที่ว่าถ้ามันย้ายตามพ่อแม่มาอยู่กรุงเทพฯแล้วทำไมไม่นอนที่บ้าน มาอยู่โรงเรียนประจำให้เสียเงินทำไม เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงครับ คงมีลับลมคมนัยอะไรสักอย่าง จนจบ ป.๖ แยกย้ายจากกันก็ยังไม่รู้อยู่ดี

วันแรกนี่ไม่ค่อยจะได้เรียนกันหรอกครับ พอจดตารางสอนเสร็จก็คุยกันเล่นกันเสียมากกว่า ซึ่งครูประจำชั้นบางคนก็ใจดี เห็นว่านักเรียนไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายเดือนในช่วงปิดเทอม ก็จะสอนแบบหลวมๆ ปล่อยให้เด็กได้คุยกันบ้าง แต่ครูบางคนก็เฮี้ยบครับ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันตั้งแต่วันแรกเลย ส่วนครูประจำชั้นของผมนั้นค่อนข้างใจดี คือเข้าใจเด็กน่ะ ดังนั้นวันแรกก็ไม่ค่อยได้เรียนอะไรเท่าไร

ปีนี้พวกเด็กๆโตกันเร็วครับ หลายคนก็ทยอยกันแตกเนื้อหนุ่ม เด็กๆพอเขาสู่วัยหนุ่มกันแล้วเรื่องทะลึ่งทะเล้นก็จะมากขึ้นกว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก สงสัยจะเกี่ยวกับฮอร์โมนกระมัง คงประกอบกับการตากแดดมากด้วยละ เลยแก่แดดไงครับ ฮ่า

เรื่องสนุกของชั้น ป.๖ เทอมต้นนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องการจับนมเพื่อนๆคนที่กำลังนมแตกพานเล่น เทอมต้นนี่มีแตกเนื้อหนุ่มอยู่สองคน ที่โดนแกล้งบีบนมเป็นประจำ นอกจากเรื่องจับนมแล้วก็เป็นเรื่องจับจู๋ ไอ้พวกนั่งหลังห้องนี่แหละตัวดี ชอบสุมหัวกันเล่นจับจู๋ อยู่หน้าห้องเล่นยากครับ เพราะครูนั่งอยู่ข้างหน้า ทำอะไรกันครูเห็นหมด แต่ถึงอยู่หลังห้องก็เถอะ ต้องเล่นกันเนียนๆหน่อยเพราะห้องหนึ่งก็แค่ ๕๐ คน ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก มองไปก็เห็นหมด ดาวเด่นถูกจับจู๋ปีที่แล้วมีแต่ไอ้นัยคนเดียว ปีนี้มีดาวมาแข่งเพิ่มอีกดวงชื่อไอ้เชียร ไอ้นี่อยู่หลังห้อง

ห้องผมนี่มี... จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ คือมีเด็กนักเรียนชายที่ทำนิสัยแบบผู้หญิง คือกระตุ้งกระติ้ง จีบปากจีบคอ พูดจาก็ต้องวี้ดว้าย สมัยนั้นเรียกกันว่ากระเทยครับ เด็กประถมยังไม่รู้จักคำว่าเกย์หรือแต๋วกัน (ยกเว้นผม ไอ้นัย กับไอ้ชัช เพราะอ่านมิถุนามาแล้ว) ถ้าใครตุ้งติ้งก็เรียกว่ากระเทย ห้องผมมีอยู่ ๒ คน ที่จริงมันก็อยู่ประดับห้องนี้มานานหลายปีแล้วละ อยู่ร่วมห้องกันมาตั้งแต่ ป.๔ ตอน ป.๔, ป.๕ มันยังไม่ดัดจริตเท่าไร แต่ปีนี้จริตมากเหลือเกิน

คนนึงชื่อยะครับ มาจากปิยะ เพื่อนๆเรียกมันว่านังยะ หรืออียะ ไม่เรียกว่าไอ้ยะ คนนี้เป็นเด็กชายนิสัยหญิง แต่นิสัยดีครับ น่ารัก รักการเรียน ชอบการบ้านการเรือน ไม่แร่ด ส่วนอีกคนชื่ออีที ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวนะครับ มาจากอีธีรพงษ์นั่นเอง อีคนนี้ เอ๊ย ไอ้คนนี้กวนตีนมากกกกกก ปากร้ายยิ่งกว่าอะไร ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี ถ้าใครแกล้งมันมันจะด่าแบบมาราธอนโดยคำด่าไม่ซ้ำกันด้วย ผมไม่ค่อยชอบหน้ามันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเคยแกล้งมันแล้วโดนมันด่าเช็ด โคตรแค้นเลย ที่จริงผมผิดเองที่ไปแกล้งมัน แต่ว่าปากมันเกินไป เลยทำให้ผมไม่ค่อยชอบหน้ามัน แกล้งไอ้นัยดีกว่ากันตั้งเยอะ

No comments: