Friday, October 24, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 30

ผมเปลี่ยนท่ามาเป็นท่าคลานสี่ขา รอรับการโจมตีจากไอ้นัย

“เบาๆนะ” ผมกำชับมัน แต่ก็ยังอดสยองในใจไม่ได้ เพราะรู้ดีไอ้นัยมันทำค่อนข้างรุนแรง

ผมรู้สึกจั๊กกระจี๋ที่ปากถ้ำของตนเอง เป็นนิ้วของไอ้นัยที่ชโลมไปด้วยออยล์นั่นเอง ยังดีที่มันทำตามอย่างผม โดยใช้นิ้วก่อน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกเจ็บนิดๆ

ไอ้นัยล้วงเข้าล้วงออกอยู่สักครู่ แล้วมันก็เปลี่ยนมาเป็นของจริง เนื่องจากก้นของผมว่างเว้นจากการใช้งานมานานพอสมควร จึงรู้สึกไม่ค่อยชิน เมื่อไอ้นัยยัดแท่งเนื้อเข้ามา ผมรู้สึกแสบร้อนเหมือนถูกแท่งเหล็กร้อนๆนาบใส่ มิน่าเล่า เมื่อครู่ไอ้นัยถึงได้ร้องครวญคราง

“อูย...” ผมอดครางออกมาไม่ได้ แต่ก็พยายามทน เพราะอยากให้ไอ้นัยมีความสุขบ้าง “เบาๆหน่อย”

“ใจเย็นดิ อย่าเพิ่งบ่น” ไอ้นัยพูดแล้วหัวเราะกิ๊กกั๊ก “ทีใครทีมันว้อย”

ไอ้นัยพยายามขยับท่อนเนื้อของมันเข้าออกเบาๆ พยายามสอดลึกเข้าไปทีละนิด ผมรู้สึกค่อยเบาใจหน่อย ถึงเจ็บก็พอทนได้ ถ้ามันทำเบาๆ

ทันใดนั้นเอง เมื่อผมเผลอ ไอ้นัยก็ทิ่มท่อนลำของมันพรวดเดียวมิดด้าม ผมร้องจ๊าก จะคลานหนีก็ถูกไอ้นัยยึดเอวเอาไว้

“โอ๊ย ไอ้นัย เอาออกไปก่อน” ผมดิ้นทุรนทุราย ไอ้นัยรีบปล่อยมือที่จับเอวของผมไว้ แล้วถอนท่อนเนื้อของมันออก ไอ้ตอนถอนก็ถอนอย่างเร็ว จนผมรู้สึกแสบร้อนไปหมด

“โทษที” ไอ้นัยพูดแบบเสียใจ “เผลอไปอ่ะ”

ไอ้นัยมันจะเป็นแบบนี้ทุกที คือตอนแรกก็จะระวัง แต่แล้วก็จะลืมตัว กระแทกแบบไม่ยั้ง

“มึงทำเบาๆไม่เป็นหรือไง” ผมบ่น

“อ่า คราวนี้เบาๆแล้ว ต่อนะ นะ นะ” ไอ้นัยพูดด้วยสีหน้าประจบประแจง จนผมอดหัวเราะไม่ได้ ทำยังไงก็โกรธมันไม่ลง

ไอ้นัยชโลมออยล์ลงไปที่แท่งเนื้อของมันอีก คราวนี้มันพยายามสอดใส่อย่างระมัดระวัง ทำให้ความเจ็บปวดของผมลดน้อยลง ใช้เวลาไม่นาน ไอ้นัยก็สอดใส่เข้ามาได้จนมิดด้าม จากนั้นก็เริ่มซอยเบาๆ

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ในก้น สักพักก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น ขณะเดียวกัน ไอ้นัยก็กระแทกอาวุธของมันแรงขึ้นและแรงขึ้น เสียงผิวเนื้อกระแทกผิวเนื้อดังป้าบๆ ไอ้นัยลืมตัวอีกครั้ง กระแทกก้นของมันกระเด้าผมอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้ก้นของผมคงเริ่มปรับตัวได้ เพราะไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรแล้ว

ท่อนเนื้ออันแข็งแกร่งของไอ้นัยกระแทกเข้าออกภายในถ้ำของผมอีกพักใหญ่ จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆฉีดพุ่งอยู่ภายในก้กนของผม จากนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของไอ้นัย

ไอ้นัยยังไม่หยุดซอยบั้นเอว แต่ลดความเร็วให้ช้าลง ช้าลง พายุร้ายได้โหมพัดผ่านไปแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาเริ่มรู้สึกแสบอีกครั้ง

ไอ้นัยซบตัวลงบนหลังของผม ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด อยากให้มันซบอยู่อย่างนี้นานๆ ผมรู้สึกอยากดูแลมัน อยากให้มันมีความสุข...

หลังจากนั้น ไอ้นัยก็ลุกขึ้น และถอนท่อนลำออกจากก้นของผม

“ฮุ้ย มีเลือดด้วย” ไอ้นัยอุทานเบาๆ

ผมหันมาดู เห็นท่อนเนื้อของไอ้นัยมีเลือดสีแดงๆปนอยู่ ไม่ได้มากมายอะไร ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเลือดออกแบบนี้มาแล้ว ก็ไอ้นัยมันกระแทกแรงเสียขนาดนี้

“ควยกูเลือดออกเลย ดูดิ” ไอ้นัยพูด

ผมเคาะหัวมันอย่างหมั่นไส้ “ตูดกูต่างหากที่เลือดออก มึงทำกูเจ็บตัวแล้วยังจะมาตลกอีก”

ไอ้นัยหัวเราะ แล้วชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆ “ขอโทษนะอู ขอบใจด้วย”

ปกติไอ้นัยชอบตีหน้าตาย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่จู่ๆมันก็หอมแก้มผม ริมฝีปากของมันที่ประทับบนแก้มของผมนั้นช่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง ความรู้สึกเจ็บของผมมลายหายไปในทันที ผมอยากหยุดเวลาช่วงนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ผมอยากจะบอกอะไรแก่มันบางอย่าง แต่แล้วก็พูดไม่ออก ...

- - -

เช้าวันจันทร์ถัดมา ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ผมก็พบไอ้นัยยืนรอผมอยู่แล้วเช่นเคย เช้าวันนี้มันใส่รองเท้าผ้าใบนันยางคู่ใหม่ แถมยังเหยียบส้นรองเท้าเสียด้วย

“เท่จริงนะมึง” ผมประชด

ไอ้นัยยิ้มแป้นกับคำพูดของผม “แน่อยู่แล้ว”

“แน่จริงมึงเหยียบส้นเข้าโรงเรียนไปเลยนะ” ผมท้าทาย เพราะการใส่รองเท้าเหยียบส้นนั้นแม้เป็นแฟชั่นของวัยรุ่น แต่ก็เป็นเรื่องผิดระเบียบของโรงเรียน ปกตินักเรียนจะไม่ค่อยกล้าใส่รองเท้าเหยียบส้นในโรงเรียน เพราะว่ากลัวอาจารย์เห็น

“สบายมาก” ไอ้นัยรับคำท้าอย่างอารมณ์ดี

เมื่อเราเดินทางถึงสุดสายรถเมล์ที่ใต้สะพานพุทธ ระหว่างที่เราเดินจากสะพานพุทธไปยังโรงเรียนนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีใครมาดีดใบหูของผมเบาๆ

ผมหันไปมองด้านหลัง ก็ไม่เห็นใคร จึงก้มลงมองข้างล่าง ก็เห็นคนที่ดีดหูผมนั่งยองๆหลบอยู่ด้านหลังของผม หลบแค่นั้นจะไปพ้นได้อย่างไร… ตี๋นั่นเอง

“เฮ้ย เดินตามมาตั้งแต่เมื่อไรวะ” ผมถาม ไม่ค่อยแปลกใจในพฤติกรรมของมัน เพราะว่าปกติมันก็ชอบแหย่คนโน้นแหย่คนนี้อยู่แล้ว

ตี๋ยืดตัวขึ้นมา แล้วเดินไปด้วยกันกับผมและไอ้นัย

“ตั้งแต่ใต้สะพานพุทธนั่นแหละ กูเห็นมึงลงรถเมล์ก็เดินตามมา” ตี๋ตอบ

แต่ไหนแต่ไรผมไม่เคยสนใจการแต่งตัว รวมทั้งรองเท้าของตี๋ แต่วันนี้ ผมให้ความสนใจกับรองเท้าของตี๋เป็นพิเศษ คงเป็นผลเนื่องจากรองเท้าใหม่ของไอ้นัยนั่นเอง ที่ทำให้ผมสังเกตรองเท้าของคนอื่น

รองเท้าของตี๋เป็นรองเท้าผ้าใบที่เก่า ผ้าใบตรงนิ้วก้อยทั้งสองข้างปริจนเห็นเนื้อถุงเท้า ท่าทางคงจะใช้มานานพอสมควรแล้ว

“อือม์ เพิ่งสังเกตว่ามึงก็นำแฟชั่นไม่เหมือนใคร คนอื่นใส่เหยียบส้น มึงใส่เปิดนิ้วตีน” ผมพูดยิ้มๆ

“ใส่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ต้องพยายามประหยัด ใส่ให้ได้จนถึงสิ้นปี” ตี๋พูดยิ้มๆ พยายามทำให้เป็นเรื่องขำๆ

ผมอึ้ง นึกเสียใจที่ตนเองปากเสีย พูดไม่ได้คิดเลยแท้ๆ

“ใส่เหยียบส้นไม่ได้หรอก เดี๋ยวรองเท้าพังเร็ว” ตี๋พูดต่อ


<ไอ้นัยชโลมออยล์ลงไปที่แท่งเนื้อของมันอีก คราวนี้มันพยายามสอดใส่อย่างระมัดระวัง ทำให้ความเจ็บปวดของผมลดน้อยลง ใช้เวลาไม่นาน ไอ้นัยก็สอดใส่เข้ามาได้จนมิดด้าม จากนั้นก็เริ่มซอยเบาๆ>

3 comments:

Anonymous said...

น่ารักมากครับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งมักมีความน่ารักซ่อน
อยู่ อิจฉาอูกับนัยจัง......

กุ๊กกู๋คับ

Anonymous said...

มาแล้วครับอาอู

หลาน Arus

Anonymous said...

มีเลือดออกด้วย

เขินอ่ะ

แบงค์