Monday, October 6, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 26

สนามผืนใหญ่ใจกลางโรงเรียนที่มีหญ้าบ้าง ไม่มีหญ้าบ้าง ในวันรับน้อง เต็มไปด้วยนักเรียนในชุดเสื้อยืดและกางเกงนักเรียน นอกจากนักเรียนชั้น ม.๑ แล้ว ยังมีนักเรียนรุ่นพี่อีกเป็นจำนวนมาก แถมยังมีการก่อสร้างเป็นซุ้มรับน้องขนาดใหญ่จำนวนห้าซุ้ม แต่ละซุ้มจะมีลักษณะภายนอกที่ดูคล้ายกัน นั่นคือ รอบๆซุ้มจะเป็นรั้วที่ทำขึ้นแบบลำลอง เอาท่อนไม้มาตั้งเป็นเสา แล้วเอาเชือกขึง จากนั้นเอาหนังสือพิมพ์มาบุบ้าง ใช้ใบตองบ้าง ตามแต่จะตกแต่ง รวมความแล้วก็คือ คนที่อยู่ข้างนอกจะมองไม่เห็นสภาพภายในซุ้ม

แต่ละซุ้มจะเรียกว่าฐาน นักเรียนรุ่นพี่ตั้งแต่ชั้น ม.๒ ถึง ม.๖ จะดูแลระดับชั้นละหนึ่งฐาน กิจกรรมรับน้องในแต่ละฐานเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความอุตริพิเรนทร์ของรุ่นพี่แต่ละชั้นปี ว่าจะคิดเกมอะไรที่พิสดารมารับน้อง[hk’

นักเรียนชั้น ม.๑ ที่เข้ามาในโรงเรียนจะถูกเรียกให้มารวมกัน ณ จุดรวมพล วันนี้ไม่มีการแยกห้อง เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละคนรู้จักเพื่อนต่างห้องบ้าง สำหรับผมนั้นยืนอยู่กับไอ้นัย รอบๆข้างเป็นเพื่อนจากห้องต่างๆคละเคล้ากันไป

“อู อยู่นี่เอง” มีเสียงอันคุ้นเคยเรียกชื่อผม ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร โหนกนั่นเอง

“พวกห้องเราไปไหนกันหมดล่ะ” ผมถาม

“ก็แยกๆกันนั่นแหละ” โหนกตอบ ว่าแล้วโหนกก็เข้ามาเกาะกลุ่มกับผม

ยืนรออยู่ครู่ใหญ่ๆ พวกรุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟจัดงานรับน้องก็มาสั่งให้พวกเราตั้งแถว พวกน้อง ม.๑ ยืนเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ไม่ค่อยเรียบร้อย เพราะว่ามัวแต่คุยกันสนุก ไม่สนใจฟังพี่ จนรุ่นพี่ต้องว้าก

เมื่อตั้งแถวเสร็จเรียบร้อย อาจารย์ใหญ่ก็ออกมาให้โอวาท หลังจากนั้นประธานนักเรียนก็ออกมากล่าวต้อนรับน้องใหม่ และชี้แจงเรื่องขั้นตอนการรับน้อง

หลังจากชี้แจงเสร็จ พวกเราชั้น ม.๑ ก็ถูกแบ่งออกเป็น ๕ กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่มจะถูกส่งไปเข้าซุ้มหรือว่าเข้าฐานต่างๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่ไม่ว่าใครจะเข้าฐานไหนก่อน ท้ายที่สุดพวกเราก็จะต้องถูกรุ่นพี่แกล้งจนครบทุกฐาน

และแล้ว ความอลเวงก็เริ่มขึ้น เสียงฉิ่งเสียงกลองดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด

เกมการรับน้องส่วนใหญ่เป็นเกมที่แกล้งน้อง ทำให้ตกใจบ้าง เสียวไส้บ้าง แล้วจะแต่คิดสรรหากันขึ้นมา อย่างฐานแรกที่ผมต้องเข้าไปนั้น เป็นฐานของพี่ ม.๖ พวกนี้คงชำนาญในการรับน้อง เพราะลูกเล่นเยอะมาก

เมื่อผม ไอ้นัย และโหนก และเพื่อนคนอื่นๆเดินเข้าไปในฐาน ค่อยเห็นสภาพภายใน โดยภายในฐานหรือว่าภายในซุ้มนี้ จัดสร้างกระโจมเตี้ยๆ กระโจมที่ว่านี้สร้างจากพวกแฝกมุงหลังคา ทางมะพร้าว หนังสือพิมพ์และอื่นๆ เอามาทำเป็นทรงกระโจม ความยาวสิบกว่าเมตรเห็นจะได้

“เอาล่ะ” รุ่นพี่ผู้ดูแลกระโจมประกาศด้วยเสียงตะโกน “เข้าไปทีละ ๕ คน ให้เวลา ๑๐ วินาที ต้องคลานไปออกปลายด้านโน้นให้ได้ คนสุดท้ายของกลุ่มหากไม่ออกมาภายใน ๑๐ วินาทีจะโดนทำโทษทั้งกลุ่ม ใครทำกระโจมพัง โดนหนักเป็นสองเท่า ... เข้าใจ๋”

พวกชั้น ม.๑ ทยอยกันคลานลอดกระโจมทีละ ๕ คน การคลานไม่ใช่คลานได้ง่ายๆ เพราะกระโจมทั้งเตี้ยและแคบ แถมยังบอบบาง ต้องคลานทั้งเร็ว และทั้งระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระโจมพังลงมา

ที่ร้ายที่สุด พื้นกระโจมยาวนั้นไม่ใช่พื้นดินสนามตามปกติ แต่รุ่นพี่เอาดินเหนียวแฉะๆมาปูไว้ ดังนั้นเมื่อพวกเราคลานเข้าไป ทั้งแขน ขา มือ และเท้าจึงเลอะโคลนไปหมด

“โห ฐานแรกก็เละเลย” ไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าผมเปรยเบาๆ กลุ่มของผมไม่ใช่ชุดแรกที่ต้องมุดกระโจม ดังนั้นเราจึงมีเวลาศึกษาจากชุดที่เข้าไปก่อนหน้า

ความสนุกสนานของฐานนี้อยู่ตรงที่เวลาคนเข้าไปในกระโจมแล้วจะต้องรีบทำเวลาในการคลานเพื่อให้ทัน ๑๐ วินาที บางคนตัวใหญ่หน่อยก็ไปติดอยู่กลางกระโจม ทำให้เพื่อนคนอื่นๆไปต่อไม่ได้ พวกที่อยู่ในกระโจมก็เร่งกันเอง ด่ากันเอง เป็นที่สนุกสนาน

เมื่อถึงคราวของชุดเรา สองคนแรกของชุดเป็นเพื่อห้องอื่น โหนกนำหน้าผม ส่วนไอ้นัยรั้งท้าย

โชคดีที่โหนกตังไม่ใหญ่ ดังนั้นจึงคลานได้ไม่ยากนัก แต่คนข้างหน้าโหนกนี่สิ ตัวใหญ่หน่อย คลานไปแล้วก็ติดอยู่ที่ท่อนกลางของกระโจมซึ่งแคบเล็ก

โหนกหยุดกะทันหัน ส่วนผมหยุดไม่ทัน หัวของผมจึงกระแทกก้นของโหนกเข้าไปเต็มแรง

“พลั่ก” ...

“ว้าย” เสียงโหนกร้อง

หลังจากนั้น ผมก็รู้สึกว่าหัวของไอ้นัยกระแทกเข้าที่ก้นของผมเช่นกัน เราทั้งหมดจึงอัดกันอยู่ในกระโจม และดิ้นขลุกขลักครู่หนึ่ง จากนั้นเราก็รีบคลานออกไปให้เร็วที่สุด

“หมดเวลา” เสียงรุ่นพี่ที่ปากทางออกตะโกน เมื่อโหนกโผล่ออกจากกระโจมไปได้ครึ่งตัว “ทีมนี้ไม่ผ่าน ออกมาได้แค่สองคนครึ่ง เอาไปทำโทษ”

การทำโทษของฐานนี้ไม่โหดร้ายอะไรมากนัก เพียงแค่ถูกเขียนหน้าจนเละเท่านั้นเอง พวกพี่ๆเอาอุปกรณ์แต่งหน้า ทาปาก ปัดพวงแก้ม พวกเราจนคล้ายตัวตลก ไอ้นัยได้รับแจกวิกมาด้วยหนึ่งอัน ทำจากเชือกกล้วย รุ่นพี่บังคับให้ใส่ให้ตลอดทุกฐาน ห้ามถอด

ไอ้นัยเมื่อใส่วิกที่ทำจากเชือกกล้วย ทำให้ดูคล้ายคนป่าผมยาว ประกอบกับลิปสติกที่เลอะเทอะเต็มใบหน้า ผมว่าหน้าของมันทั้งตลก ทั้งหวาน น่ารัก ในสายตาของผม

หลังจากที่ถูกพี่รับน้องจนพอแก่ใจ พวกเราก็ถูกปล่อยออกมาจากฐาน เพื่อไปเข้าฐานอื่นต่อไป สภาพที่พวกเราออกมาจากนั้น ม.๖ นั้น ทั้งตัวเลอะไปด้วยดินโคลน ส่วนใบหน้าก็เลอะไปด้วยลิปสติกหลากสี


<การรับน้อง ม.๑ กิจกรรมที่สร้างความประทับใจอย่างไม่มีวันลืม>

5 comments:

Anonymous said...

ปิดเทอมแล้ว ลุงอูลงเยอะหน่อยน้าค้าบบบ
ขอบคุนครับ

Anonymous said...

คิดถึงวัยเด็ก...

แบงค์ครับ

Anonymous said...

ลุงไม่ได้ปิดเทอมด้วยนี่ครับ ตอนนี้ก็พยายามหาเวลาเขียนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ขอบคุณคุณหลานที่เข้ามาเชียร์ลุงครับ

ลุงอู ... เรียกเสียแก่เลย :-(

Anonymous said...

ผมว่าเรื่องราวมันน่าติดตาม อาจเป็นเพราะการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม แต่มันนานไปหน่อยนะ(ไม่หน่อยเลย) อยากให้เขียนเยอะๆและรวบรัดกว่านี้ อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของทั้งสามคนจะเป็นอย่างไร (อู_นัย_ชัช)

Anonymous said...

นานไม่นานผมไม่ค่อยสนหรอก
สนแต่ว่า ให้มีฉาก Sex เยอะๆก็พอ

โหนกแต๋วแตกแล้วไหมล่ะ

T1000