Friday, December 5, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 40

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงแล้ว ในใจค่อนข้างหงุดหงิด อยากไปนั่งคุยกับไอ้นัย แต่ถ้าผมจะไปหาไอ้นัยที่บ้านก็คงจะกลับบ้านค่ำ

ไปหาไอ้ชัชดีกว่า ผมคิด ไม่ได้ไปหามันนานแล้วด้วย เทอมที่แล้วไปหาแค่หนเดียว แถมโทรไปคุยก็ไม่กี่ครั้ง ไปเยี่ยมมันเสียหน่อยแล้วค่อยกลับบ้าน เวลากำลังพอดี

เมื่อตกลงใจได้แล้ว ผมก็เดินไปที่ร้านโดนัทเพื่อซื้อโดนัทเพื่อไปฝากไอ้ชัช เด็กๆส่วนใหญ่ชอบขนมหวานกันทั้งนั้น ไอ้ชัชก็เช่นกัน

เมื่อไปถึงหอ ผมตรงไปที่ห้องดูโทรทัศน์ซึ่งอยู่ใต้ตึก ตอนนั้นมีเด็กหอนั่งดูทีวีกันอยู่หลายคน เป็นเด็กหน้าใหม่ที่ผมไม่รู้จักเสียประมาณครึ่งหนึ่ง

ไอ้ชัชไม่ได้อยู่ในนั้น แต่ก็ยังดีที่เจอไอ้พงษ์ที่ชอบชักว่าวโชว์เพื่อนๆ ซึ่งเคยเรียน ป.๖ ห้องเดียวกัน

“มันอยู่บนตึก เดี๋ยวกูตามให้” ไอ้พงษ์พูด ว่าแล้วก็เดินไปที่อินเตอร์คอมเพื่อตามตัวไอ้ชัช จากนั้นก็กลับมานั่งคุยกับผม

“เดี๋ยวนี้มันได้เพื่อนซี้คนใหม่แล้ว” ไอ้พงษ์พูด

“ใครวะ” ผมถามด้วยความอยากรู้

“มึงไม่รู้จักหรอก เป็นเด็กใหม่ เข้า ม.๑ ปีนี้เอง” พงษ์ตอบ ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ให้มองไปทางบันได “นั่นไง มันเดินตามไอ้ชัชลงมาด้วย”

ผมมองตามสายตาของไอ้พงษ์ เห็นไอ้ชัชเดินมากับใครคนหนึ่ง ขาวๆ ตี๋ๆ ตัวสูงกว่าไอ้ชัชเล็กน้อย

“กูว่ามันคล้ายๆมึงอยู่เหมือนกันนะ” จู่ๆไอ้พงษ์พูดขึ้นมา

“คล้ายตรงไหนวะ แล้วคล้ายกูแล้วมันเป็นยังไง” ผมสงสัย

“ก็ไม่เป็นยังไง กูแค่บอกว่ามันคล้ายมึงเท่านั้นเอง ก็ดูดิ หรือว่าไม่จริง” ไอ้พงษ์ตอบ

ซี้คนใหม่ของไอ้ชัช ดูๆไปมันก็คล้ายผมนิดหน่อยจริงๆ รูปร่างคล้ายๆกัน ตี๋ๆคล้ายกัน แต่หน้าตาไม่เหมือนกันหรอก

“ไอ้เปรต” เสียงด่าของไอ้ชัชมาก่อน “มึงมาหากูแค่เทอมละหน โคตรไม่มีน้ำใจเลย” ถึงมันจะด่า แต่ท่าทีของมันไม่ได้แสดงความโกรธเคืองแต่อย่างใด

“ก็ดีกว่ามาหามึงปีละหนก็แล้วกัน อีกอย่าง มาหาบ่อยๆให้เกะกะมึงทำไม” ผมทำหน้าทะเล้นล้อมัน ไอ้ชัชถึงกับหน้าแดงวูบ

“ไอ้นัยเป็นไงบ้าง ทำไมไม่มาด้วยล่ะ” ไอ้ชัชเปลี่ยนเรื่อง

แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าไอ้ชัชอยู่สุขสบายดี ความเหงา ความเดียวดาย คงไม่เกิดขึ้นกับมันหลังจากที่ผมไปแล้ว เพราะมันได้เพื่อนซี้คนใหม่มาช่วยปลอบประโลมใจ

ผมส่งโดนัทให้มัน ไอ้ชัชยิ้มแป้น เพราะได้ของกินถูกใจ ไอ้พงษ์ขอมีส่วนร่วมด้วย ส่วนเพื่อนหน้าตี๋ของไอ้ชัชได้แต่นั่งยิ้มๆ ไม่พูดอะไร ผมยังไม่รู้เลยว่าไอ้หมอนี่ชื่ออะไร ไอ้ชัชไม่แนะนำ ผมก็เลยไม่ได้ถาม ทุกคนร่วมวงกันกินโดนัท ได้กินกันคนละนิดละหน่อย

“เฮ้ย ไอ้อู โดนัทอีกถุงจะเก็บเอาไว้ทำไม เอามาแบ่งกันดิ” ไอ้พงษ์พูดอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเห็นผมถือถุงโดนัทอีกถุงหนึ่งเอาไว้ไม่ยอมแบ่ง

“เฮ้ย ไม่ได้ นี่จะเอาไปฝากพี่กู” ผมบอกมัน

คุยกันสักพักผมก็กลับ โดยไม่ได้เล่าเรื่องของไอ้โหนกแต่อย่างใด เพราะอยู่กันหลายคน โอกาสไม่อำนวย เมื่อเห็นไอ้ชัชมีความสุขดี ผมก็สบายใจ ความรู้สึกผิดที่มีต่อมันก็ค่อยลดทอนลง

- - -

เช้าวันจันทร์ถัดมา ผมกับไอ้นัยก็เจอกันที่ป้ายรถเมล์เพื่อไปโรงเรียนด้วยกันตามปกติ

“อะ เอามาฝากมึง” เมื่อเราขึ้นรถเมล์และเลือกที่นั่งได้เรียบร้อย ผมก็ล้วงเอาถุงโดนัทออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตอนเทอมปลายผมเปลี่ยนจากรองเท้าหนังมาเป็นรองเท้าผ้าใบ รวมทั้งกระเป๋านักเรียนที่เคยใช้ก็เปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าแบบสะพายตามสมัยนิยม ที่จริงกระเป๋าสะพายที่ว่าหน้าตามันก็ไม่เหมือนกระเป๋าหรอก รูปทรงเป็นถุงเหมือนกระสอบทรายมากกว่า

ไอ้นัยมองดูถุงโดนัทด้วยความแปลกใจ ตอนที่ผมซื้อโดนัทฝากไอ้ชัช ผมซื้อมาเผื่อเอ๊ดกับไอ้นัยด้วย โดนัทของไอ้นัยชิ้นนี้เป็นกลุ่มที่ราคาแพงที่สุดในร้าน ดูเหมือนจะชิ้นละเกือบ 20 บาท ซึ่งถือว่าแพงในตอนนั้น ตั้งใจจะเอามาปลอบใจมันที่โดนไอ้โหนกแกล้ง ส่วนโดนัทที่ฝากไอ้ชัชกับเอ๊ดนั้นเป็นโดนัททั่วไปที่ผมกินเป็นประจำ

“ซื้อมาตั้งแต่วันที่ดูหนังนั่นแหละ แล้วก็เอาแช่ตู้เย็นเอาไว้ เกือบโดนแย่งกินแน่ะ แต่ก็เก็บเอาไว้ให้มึงจนได้” ผมพูด “คงไม่อร่อยเหมือนซื้อใหม่หรอกนะ อย่าว่ากัน”

ไอ้นัยมองถุงโดนัท แล้วก็มองหน้าผม

“กินด้วยกันนะอู” ไอ้นัยพูด

“มึงกินเถอะ วันก่อนกูกินไปแล้ว มึงยังไม่ได้กินเลย” ผมปฏิเสธ

“กินด้วยกัน กินคนเดียวไม่อร่อยอะ” ไอ้นัยยืนกราน

“เอ้า กินก็กินวะ” ผมยอมตามไอ้นัย แต่เนื่องจากโดนัทชิ้นนี้มันมีถั่วเป็นเกล็ดเล็กๆเคลือบอยู่ ถ้าหักแบ่งโดนัทเป็นสองส่วน แล้วแบ่งกันกิน เกล็ดถั่วจะร่วง เสียดายของ “อย่าหักแบ่งเลย มึงกินก่อนละกัน”

ไอ้นัยหยิบถุงโดนัทไปถือไว้ แล้วกัดโดนัท เคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกินไปได้ประมาณครึ่งอันก็ส่งมาให้ผม “อะ”

ผมรับโดนัทที่เหลือมา แล้วกินต่อ ตอนนั้นคนในรถยังน้อยอยู่ ไม่ค่อยมีใครสนใจเราอยู่แล้ว แต่ถึงจะมีใครสังเกต ผมก็ไม่สนใจ

โดนัทครึ่งอันนั้นอร่อยเป็นพิเศษในความรู้สึกของผม แม้ตัวโดนัทจะเย็นเล็กน้อย เพราะว่าเพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็นเมื่อเช้า แต่ทว่าผมกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

“อร่อยจัง” ผมพูด

“อร่อยเพราะน้ำลายกูแน่เลย” ไอ้นัยพูดพลางทำหน้าทะเล้น

- - -

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา สัมพันธภาพระหว่างผมกับโหนกก็เปลี่ยนแปลงไป ผมเริ่มรู้สึกรำคาญมัน ไม่อยากคุยกับมัน เวลาจะไปกินอาหารเที่ยง ผมก็ไม่เรียกมัน แต่โหนกไม่สนใจ กลับพยายามทำตัวเป็นปกติ

การกินอาหารเที่ยงกลายเป็นความอึดอัดใจ เมื่อโหนกแกล้งทำเป็นไม่สนใจไอ้นัย เอาแต่คุยกับผม เหมือนกับไอ้นัยไม่มีตัวตนอยู่ ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าเรื่องที่ผมกลัวอยู่นั้นเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว

จะสลัดก็ไม่หลุด จะกินอาหารเที่ยงกันแบบนี้ต่อไปก็อึดอัด ผมกับไอ้นัยก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกัน

“ทำไงดีวะไอ้นัย มันเหมือนเรื่องไอ้ชัชเปี๊ยบเลยว่ะ ซวยสองปีซ้อนเลยกู” ผมบ่นกับไอ้นัยขณะนั่งรถเมล์กลับบ้านในวันหนึ่ง

“แสดงว่ามึงเนื้อหอม ก็จีบเลยดิ” ไอ้นัยพูด

“ไอ้เปรต อย่าพูดเล่นสิ กูกำลังหนักใจ” ผมด่ามัน

“มึงไม่สนมันบ้างเลยเหรอ” ไอ้นัยถาม

“ทำไมมึงถามแบบนี้วะ กูจะไปสนมันได้ไง” ผมตอบ ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำว่า สน ของไอ้นัยกับของผม มีความหมายว่าอย่างไร เหมือนกันหรือว่าแตกต่างกันหรือไม่

สำหรับผมแล้ว ความรู้สึกรักหรือว่าแฟนยังไม่เกิดขึ้นกับผมในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบชายหญิงหรือว่าชายกับชาย แม้กระทั่งกับไอ้นัยเองก็ตาม ผมก็ยังอธิบายความรู้สึกของตนเองที่มีต่อไอ้นัยไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่ามันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และเป็นคนที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับผม แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นแฟนหรืออะไรแบบนั้นเลย

“ทำไมมึงถามอะไรแบบนี้วะ กูไม่เข้าใจ” ผมถามย้ำอีก

ไอ้นัยเงียบไปชั่วครู่ “ไม่รู้ดิ ก็ถามไปยังงั้นเองแหละ” ไอ้นัยตอบแบบเฉไฉ

ตอนนั้นผมกำลังคิดหนักเรื่องไอ้โหนก เลยไม่ได้ไปซักไซ้ไล่เรียงไอ้นัยต่อ คิดยังไงก็ไม่ได้หนทางที่เหมาะสม ในที่สุดก็ต้องเลิกคิด อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป


<ภาพบน สยามสแควร์ในอดีต ภาพนี้ถ่ายจากในสยามสแควร์ จะเห็นว่าในซอยของสยามสแควร์นั้นด้านขวามือเป็นห้องอาหารมูฮัมมัด ในยุคนั้นห้องอาหารโดยเฉพาะห้องอาหารจีนในสยามสแควร์มีอยู่หลายร้าน จากจุดนี้สามารถมองเห็นสยามเซ็นเตอร์ได้ในระยะไกล ที่เห็นเป็นตึกสีเขียวๆ ตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า และสยามเซ็นเตอร์ก็ยังไม่ได้ปรับปรุงใหม่

ภาพล่าง ที่เดียวกันในปัจจุบัน>

6 comments:

Anonymous said...

ไปหารูปมาจากไหนอะครับ เก่ามาก

ชอบร้านนี้ เมื่อก่อนถ้าไปสยามก็จะแวะไปกินบ่อย ๆ

อดีต...เหมือนมันเพิ่งผ่านมาไม่นาน

Anonymous said...

วันน้เพื่อนๆมาบ้าน T-T
ไม่กล้าเปิด Blog กลับเพื่อนๆเห็น
มารายงานตัวแล้วครับ

Arus--มาครับ

อาอู--อ้วนครับ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ขอบคุณครับอู
สบายใเรื่องชัชไปด้วยนะครับ
นัยนี่ดูมันไม่ออกเลยนะ
ว่าในใจมันคืดยังงัยกะอ
หรือว่าคิดแต่เป็นเพื่อนเหมือนกะที่อูคิดกะมัน
แต่อูแสดงออกว่าแคร์มันหวงมันส์อย่างเห็นได้ชัด
แต่นัยมันไม่แสดงความรู้สึกหรือพูดอะไรที่แสดงออกว่าแคร์และหวงอูเหมือนกะที่อูทำกะมัน ถึงกะยุส่งไปว่าให้จีบไอ้โหน่ง
นัยนี่มันเก็บความรู้สึกและทำหน้าตายได้มาตลอดตั้งแต่ตอนต้นเรื่องเลยทีเดียว
อยากจะรู้ว่าในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างรัย
ถ้าอูหันไปมีคนใหม่นัยมันยังจะทำหน้าตายไม่รู้สึกอะไรหรือป่าวนี่ อยากรู้จัง 55555

Anonymous said...

ในที่สุดก็อ่านทันครบหมดจนได้ เหอะๆๆ

อาอูนี่เนื้อหอมจังนะคับ แสดงว่าคงหล่อไม่เบา อิอิ :) ถึงจะหนักใจเรื่องโหนกมาเกาะแกะวอแว แต่ก็ยังดีที่มีเรื่องให้สบายใจได้ว่า ชัชสบายดีแล้ว คงทำใจได้แล้วๆก็ได้พบเจอคนสำหรับตัวเองซะที :D ว่าแต่ไม่รู้ว่านัยจะพูดลองเชิงเท่านั้นรึเปล่า จริงๆก็น่าจะรู้สึกกะอูอยู่บ้างแหละเนอะ หุหุ

หวังว่าอาอูคสบายดีนะคับ

Anonymous said...

อยากกินโดนัทจัง ไม่ได้กินมานานแล้ว

แบงค์

Anonymous said...

รูปเก่าๆนี่ผมก็สะสมเอาไว้โดยหาเอาจากเว็บไซต์หรือกระทู้ต่างๆ บางทีก็เอามาจากหนังสือรุ่นครับ

เรื่องเนื้อหอมนั้นก็คงเฉพาะกับโหนกเท่านั้นแหละครับ ไม่ได้หล่ออะไรเลย

ไอ้นัยมันเก็บความรู้สึกและดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนักเพราะคอยแต่ตามใจคนอื่น เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ลึกๆแล้วมันหัวดื้อมาก แบบว่าดื้อเงียบครับ

แบงค์อยากกินโดนัท ช่วยพา arus ไปกินด้วยคนสิครับ