Sunday, December 7, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 41

ต้นเดือนธันวาคม อากาศในฤดูหนาวเย็นสบาย บางวันก็ถึงกับหนาวเลยทีเดียว อากาศอันเย็นสบายในฤดูหนาวทำให้ผมขี้เกียจตื่น เอ๊ดต้องคอยปลุกผมซ้ำเป็นประจำ ไอ้นัยก็คงเป็นเช่นกัน เพราะบางวันมันก็ไม่ได้มารอผมที่ป้ายรถเมล์ แต่กลายเป็นว่าผมมารอมันแทน การตื่นตั้งแต่ตี ๕ และต้องเดินทางฝ่าอากาศอันหนาวเย็นทำให้ผมอดนึกเปรียบเทียบกับตอนที่อยู่หอประจำของโรงเรียนเก่าไม่ได้ ป่านนี้ไอ้ชัชคงยังนอนหลับอุตุอยู่ กว่าจะตื่นก็ ๗ โมง

ในการเรียนช่วงเช้าของวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนคาบ ผมได้ยินเสียงฮือฮาแสดงความตื่นเต้น และเห็นคนไปมุงแถวโต๊ะของโหนก

“เกิดอะไรกันขึ้นละเนี่ย” วีกิจพูดเสียงยานคางแบบลิเกถามผม

“ก็นั่งอยู่ด้วยกัน จะไปรู้ได้ไง” ผมตอบ ว่าแล้วก็เดินไปดูที่โต๊ะโหนก

สิ่งที่นักเรียนในห้องกำลังมุงดูและส่งเสียงฮือฮากันอยู่ก็คือเครื่องเสียงที่อยู่ในมือโหนก ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร ถามเพื่อนที่มุงกันอยู่ จึงได้ความว่ามันเป็นเครื่องเสียงตระกูลใหม่ล่าสุดของโซนี่ นั่นคือ ดิสก์แมน (Discman)

ในตอนนั้นเป็นยุคของเครื่องเสียงตระกูลวอล์กแมน (Walkman) ใช้เล่นกับเทปคาสเซ็ตต์ แต่นี่เป็นเครื่องเสียงแบบพกพารุ่นใหม่ที่ใช้เล่นกับแผ่นซีดี ในปีนั้นเป็นปีที่โซนี่วางตลาดดิสก์แมนที่พกพาไปไหนมาไหนได้เป็นปีแรก

“เนี่ย เมืองไทยยังไม่มีขายเลยนะ เครื่องนี้พ่อกูซื้อมาจากญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นก็เพิ่งวางขายไม่กี่วันนี้เอง” โหนกพูดด้วยความภูมิใจ เพื่อนๆฮือฮากันใหญ่ ต่างทึ่งในความร่ำรวยของที่บ้านโหนก

“เท่าไรวะ” เสียงบางคนถาม

“แพงมาก เท่าไรก็ไม่รู้เหมือนกัน” โหนกตอบ

จากนั้นโหนกก็เอาแผ่นซีดีเพลงฝรั่งมาเปิดให้เพื่อนๆทดลองฟังเสียง การฟังก็ต้องฟังจากหูฟัง ดังนั้นจึงต้องเวียนกันฟังทีละคน แต่ละคนก็อยากทดลองฟังเสียงของแพงกันทั้งนั้น จึงทำให้นักเรียนเกือบทั้งห้องมารุมต่อคิวกันที่โต๊ะโหนก

เฮอะ แม่งเอาของมาอวดรวยอีก ผมนึกด่ามันในใจ ว่าแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ไม่สนใจเครื่องเสียงแสนแพงนั้น

“อู ลองฟังดูหน่อยไหม กูให้มึงลองฟังก่อน” โหนกร้องเรียกผม เมื่อเห็นผมกำลังเดินกลับไป ที่โต๊ะ

ผมส่ายหน้า “ไม่ล่ะ”

หลังจากนั้น เมื่อถึงตอนพักเที่ยง โหนกหิ้วถุงผ้าใบหนึ่งไปกินข้าวด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในถุงผ้านั้นคือเครื่องดิสก์แมนนั่นเอง

“อู ลองฟังเสียงดูหน่อยไหม เมื่อเช้าคนมุงเยอะ มึงยังไม่ได้ฟังเลย” โหนกพูดขึ้นระหว่างกินอาหาร พลางหยิบเอาดิสก์แมนออกมาจากถุง นักเรียนที่กินข้าวอยู่ข้างๆมองกันใหญ่ด้วยความสนใจ ไอ้นัยเองก็ทำตาโต เพราะมันชอบฟังเพลงและชอบพวกเครื่องเสียงอยู่แล้ว

ในช่วงหลัง โหนกยังกินอาหารมื้อเที่ยงกับไอ้นัยและผมเหมือนเช่นเดิม แต่ทว่าสัมพันธภาพกลับไม่เหมือนเดิม ไอ้นัยดูเหมือนจะพยายามระวังตัว ดังนั้นเวลากินอาหารเที่ยงจึงนั่งกินเงียบๆ ส่วนผมเองก็คุยบ้างนิดหน่อย พอไม่ให้บรรยากาศอึดอัดเกินไป แต่ก็รีบกินให้เสร็จๆ จะได้รีบแยกย้ายกันไป แต่วันนี้ไอ้นัยพอเห็นดิสก์แมนก็เผลอตัว

“ลองฟังหน่อยดิ” ไอ้นัยพูดกับโหนก

โหนกทำเป็นไม่ได้ยิน

“เอาสิอู ลองฟังดูหน่อย” แล้วคะยั้นคะยอให้ผมลองฟังเสียง ส่วนไอ้นัยหน้าจ๋อย

และแล้ว ความอดทนของผมก็หมดลง ถึงของของมันจะวิเศษอย่างไร ผมก็ไม่อยากฟัง

“ไม่ฟังโว้ย มึงเอาไว้ฟังเองเถอะ” ผมกระชากเสียง “กูจะกินข้าว อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย”

ว่าแล้วผมก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยความโมโห โหนกเงียบไปชั่วขณะ

“มึงจำเอาไว้ละกัน ไอ้อู” โหนกพูด ว่าแล้วก็เก็บดิสก์แมนลงไปในถุงผ้าตามเดิม จากนั้นรีบกินอาหารจนเสร็จ แล้วก็ลุกหนีไป

“มึงไปขอมันฟังทำไมวะ” ผมต่อว่าไอ้นัยเมื่อโหนกลุกไปแล้ว

“มันเผลอไปอะ” ไอ้นัยนิ้มแห้งๆ เห็นหน้าจ๋อยของมันแล้วสงสารมันจับใจ

ไม่มีใครอาจรู้ได้ว่า การมีปากเสียงเล็กน้อยระหว่างผมกับโหนกในวันนั้น ได้บานปลายออกไป และกลายเป็นจุดหักเหในชีวิตของผมและไอ้นัยในเวลาต่อมา...


<เครื่องเล่นซีดีรุ่น D-50 ของโซนี่ อันเป็นต้นตระกูลของดิสก์แมน เครื่องเล่นซีดีแบบพกพา>

11 comments:

Anonymous said...

วันนี้รักอาอูสำเร็จแล้ว!!

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เก่งมากครับ อุตส่าห์เอาใจช่วยมาหลายครั้ง ในที่สุดหลานรักก็ชิงที่หนึ่งได้สำเร็จ

อู

Anonymous said...

แอบอ่านมานานแระ ครับ....
ชอบเพราะ อยู่ในชว่งเดียวกันกับผม...
ที่เริ่มโต ครับ...
ปี 2525 ผม อยู่ ม.1 ครับ

Anonymous said...

ให้เดาผมก้อเดาไม่ออกว่า เรื่องนี้มันเป็น จุดหักเหระหว่างอูกับนัยยังไง อยากรู้มาก ๆ ครับ เพราะมันค้างคาใจมานานแล้วครับ ยังไงก้อจะรออ่านนะครับ
กร ครับ

Anonymous said...

โอ้ยได้ที่ 5 เลย ไปเที่ยวอุดร กลับมามีให้อ่านตั้ง 2 ตอนแน ขอบคุนลุงอูครับ ชักสงสารโหนกและเนี่ย แอบรักข้างเดียว ลุงอูไม่มีใจให้นิ นิ

Anonymous said...

ดีนะช่วงนี้เขียนบ่อยขึ้นเพราะอากาศที่นี้ เชียงใหม่หนาวมากอ่าน แล้วเพลินดี แต่เริ่มไม่ชอบไอ้โหนกมันละ อย่าบอกนะว่าอูไปคบกับโหนกเอาทำให้นัยเสียใจอย่างนั้นคงแย่ อ่านมาตั้งนานแค่อยากให้อูกับนัยลงเอยกันด้วยดี ช่วยลงเรื่อยๆเลยนะครับลุ้นมากไม่อยากให้นัยเสียใจ เพราะอูเองก็รักนัยมากมาย ใครๆก็ดูออก

Anonymous said...

คำนวณดูแล้ว อูน่าจะมีอายุประมาณ 40 ไม่น่าเรียกลุงนะ

Anonymous said...

คนแถวนี้เค้าก็แบบนี้ละครับ ชอบแกล้งเรียกให้แก่เข้าไว้

เชียงใหม่ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ คึกคักหรือยัง ผมอยู่ที่นั่นตอนปิดสนามบินพอดี เมืองเงียบมาก ไนท์บาซาร์เงียบเหงาแทบไม่เห็นฝรั่งเลย

แถวเลย อุดร หนองคาย อากาศน่าเที่ยวดีครับ ตอนนี้อยากไปภูพานจังเลย ช่วงนี้คงสวยมาก

อีกไม่กี่วันคงได้รู้กันแล้วครับ ว่าปมเรื่องโหนกจะเป็นอย่างไร

Anonymous said...

ไม่อยากจะคิดเลย
รักนัยน่ะเนี่ย กลัวความเปลี่ยนแปลง
^^sky^^

Anonymous said...

แอบ อ่าน มา นาน แล้วครับ
เรื่องนี้น่าจะเอาไปสร้างเป็นหนัง เกย์ ได้เลย ตัดฉาก เสียวๆ ออกไปหน่อย
ขอบคุณที่มาเล่า เรื่องให้ได้ติดตามครับ และจะตามติดตอนต่อไปครับ..

พี...

Anonymous said...

หักเหเนี่ย ไปในทางดี หรือไม่ดีอ่ะครับ น่ากลัวๆๆ