Monday, October 31, 2011

ภาคสี่ ตอนที่ 50

“ผลสอบเทอมที่แล้วของป้อมเป็นไงบ้าง” ผมชวนคุย

ป้อมก้มหน้าหลบสายตาผม เพียงแค่นี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่าผลสอบของป้อมเป็นอย่างไร เราเดินไปจนถึงโต๊ะที่เราใช้เรียนพิเศษกันเป็นประจำ จากนั้นป้อมไปเอาน้ำเย็นมาให้ผม เมื่อป้อมกลับมาผมจึงรุกถามต่อ

“ขอพี่ดูใบเกรดของป้อมหน่อยสิ” ผมพูด

“อย่าดูเลยพี่อู” ป้อมอึกอัก

“ไม่ต้องอายน่า ให้พี่ดูเผื่อว่าพี่จะช่วยอะไรป้อมได้บ้าง” ผมโน้มน้าว

ป้อมอิดออดแต่ในที่สุดก็หยิบใบเกรดมาให้ผมดู เห็นผลสอบของป้อมแม้สอบผ่านทุกวิชาแต่ก็ไม่ค่อยดีนัก วิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี กับภาษาอังกฤษ ที่ต้องใช้สอบเข้าคณะวิศวะนั้นไม่มีอะไรเด่นเลย โดยเฉพาะคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษนี่ค่อนข้างแย่ จากผลสอบที่เห็นแสดงว่าการเรียนพิเศษกับผมนั้นไม่ได้ช่วยอะไรป้อมเลย

ผมคืนใบเกรดให้ป้อมโดยไม่พูดอะไร คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ความรู้สึกในตอนนั้นก็ท้ออยู่เหมือนกัน เพราะผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์ของป้อมเท่ากับบอกว่าผมสอนไม่ได้เรื่อง ความรู้สึกไม่อยากสอนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ป้อมรับใบเกรดกลับไป แล้วก้มหน้าเงียบ เราสองจมอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ผมมองป้อมที่นั่งคอตกอยู่เบื้องหน้า นึกถึงคำพูดของจุ๋ม ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมกลับคลับคล้ายเป็นอีกคนหนึ่ง... เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม แต่ในวันที่มันมีปัญหาถาโถมเข้ามาในชีวิต ผมกลับเอาแต่ใจตนเอง ไม่เข้าใจมัน ทอดทิ้งมัน ไม่เคยแม้แต่จะให้โอกาสมันปรับความเข้าใจ...

“เอายังงี้นะป้อม” ผมพูด “ช่วงปิดเทอมนี้เรามาทบทวนเนื้อหาของเทอมที่แล้วกันอีกครั้ง เราจะพยายามทวนกันให้เสร็จก่อนเปิดเทอม เมื่อเปิดเทอมแล้วป้อมจะได้พร้อมที่จะเรียนเนื้อหาของเทอมปลาย เนื้อหาของ ม.๔ เทอมหนึ่งถือเป็นรากฐานของคณิตศาสตร์ ม.ปลาย หากไม่เข้าใจเทอมหนึ่งก็เหมือนกับวางรากฐานได้ไม่ดี เทอมสองก็ลำบาก ยิ่งไป มอห้า มอหก จะยิ่งแย่... พี่จะพยายามช่วยป้อมเต็มที่ แต่ป้อมก็ต้องพยายามเต็มที่ด้วยเหมือนกัน แบบนี้ตกลงมั้ย”

ป้อมพยักหน้า สีหน้าดูแช่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “ครับ พี่อู”

- - -

หลังจากที่กลับมาจากบ้านต่างจังหวัด วันธรรมดาผมมักใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่ที่ชมรม ผมมักออกจากชมรมเพื่อกลับหอพักในเวลาบ่ายสี่โมงครึ่งเป็นประจำ

“เฮ้ย ไอ้อู ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” ได้ยินเสียงทักทายพร้อมกับร่างร่างหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าผมขณะที่ผมยืนอยู่หน้าห้องภาพเมืองงามตรงป้ายรถเมล์สามย่าน

“อ้อ พี่ตั้ว มาทำอะไรแถวนี้” ผมถาม ยังงงๆ นึกคำตอบไม่ถูก

“จะไปซื้อของที่ร้านจีฉ่อย นายลงมาจากชมรมตั้งเกือบชั่วโมงแล้วนี่หว่า นึกว่าถึงบ้านไปแล้วเสียอีก” พี่ตั้วตั้งข้อสังเกต

“เอ้อ... เมื่อกี้แวะหาอะไรกินในตลาดสามย่านก่อนน่ะ” ผมนึกหาข้อแก้ตัว

“ทำไมกินนานยังงี้วะ” พี่ตั้วตั้งข้อสังเกตอีก ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อคำอธิบายของผมนัก

“ไหนจะสั่ง ไหนจะรอ ไหนจะกินอีก มันใช้เวลานะพี่ กินนะครับไม่ใช่ยัด หาเรื่องจับผิดผมจัง” ผมโวย

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เห็นนายตอบแล้วอึกอัก ก็เลยแกล้งซักดู” พี่ตั้วพูดหน้าตาเฉยแล้วหัวเราะ “นายรอใครอยู่เหรอ ท่าทางชะเง้อเหมือนรอคน”

“เฮ้ย เปล่า” ผมรีบปฏิเสธ “พี่จะซื้อของก็รีบไปถอะ ขืนช้าเดี๋ยวของหมด”

“แน่ะ มีไล่อีก” พี่ตั้วหัวเราะอีก “ไปล่ะ เชิญนายรอตามสบาย”

ที่จริงก็เป็นดังที่พี่ตั้วสังเกต นั่นคือ ผมมารออยู่ที่ป้ายรถเมล์เป็นเวลานานแล้ว ปกติจุ๋มจะมาขึ้นรถเวลาประมาณสี่โมงครึ่ง แต่หลายวันมานี้ยังไม่เห็นจุ๋มเลย แม้จะรอจนถึงห้าโมงกว่าก็ยังไม่พบ

เมื่อรอแล้วไม่พบอยู่เป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดผมจึงตัดสินใจไปหาจุ๋มที่คณะในวันหนึ่ง ผมรู้ดีว่าห้องซ้อมของจุ๋มอยู่ที่ไหน โชคดีที่วันนั้นไม่เจอพี่เหล่ง ไม่อย่างนั้นคงต้องหาเรื่องแก้ตัวกันอีก

ผมชะโงกหน้าเข้าไปในห้องซ้อม เห็นจุ๋มกำลังซ้อมไวโอลินอยู่ เพียงครู่เดียวจุ๋มก็หันมาเห็นผม ผมถอยจากประตูมายืนรอที่ระเบียงหน้าห้อง เพียงครู่เดียวจุ๋มก็เดินออกมาจากห้องซ้อม

“หวัดดีค่ะพี่อู” จุ๋มทักทาย

“หวัดดีจุ๋ม” ผมทักทายตอบ

“มาหาพี่เหล่งเหรอ” จุ๋มถาม

“ช่าย” ผมเออออ “เลยแวะมาดูจุ๋มซ้อมเสียหน่อย”

“พี่คล้ำไปเยอะเลยนะ” จุ๋มทัก “ยังกะไปชายทะเลมา”

“ไม่ได้ไปชายทะเลที่ไหนหรอก ก็ค่ายอาสานี่แหละ แดดแรงมาก” ผมตอบ จากนั้นตั้งคำถามต่อ “ตั้งแต่พี่กลับจากค่ายมายังไม่เห็นจุ๋มที่ป้ายรถเมล์เลย”

“ช่วงนี้จุ๋มกลับเร็วค่ะพี่อู บ่ายสามโมงก็กลับแล้ว” จุ๋มตอบ

“มิน่าล่ะ” ผมถึงบางอ้อ

“วันนี้เลิกซ้อมแล้วไปกินอะไรกันหน่อยไหม” ผมชวน

“พี่อูเลี้ยงนะ” จุ๋มทำตาโต

“เลี้ยงอยู่แล้ว” ผมตอบ “ไปกินด้วยกันนะ พี่อยากจะขอบใจจุ๋ม”

“ขอบใจจุ๋มเรื่องอะไรเหรอคะ” จุ๋มถาม

“ไปไหมล่ะ” ผมแกล้งขยักคำตอบเอาไว้ “หากไม่ไปก็ไม่บอก”

“อือม์...” จุ๋มทำท่าคิด ผมรู้ดีว่าจุ๋มไม่ใช่คนที่เห็นแก่กิน ลำพังแค่ชวนไปเลี้ยงอาจไม่เร้าความสนใจจุ๋มมากเท่ากับการแสร้งเป็นมีอะไรลึกลับแฝงอยู่

“กินเดี๋ยวเดียวเอง พี่รู้ว่าจุ๋มต้องรีบกลับ” ผมพูดเสริม

“งั้นก็ได้ค่ะ ตลาดสามย่านก็พอนะพี่อู อย่าไปไกลเลย” จุ๋มมีเงื่อนไข

“ได้ๆๆ” ผมรีบรับคำ “ถ้ายังงั้นพี่ลงไปรอที่ม้าหินข้างล่างก็แล้วกัน จุ๋มซ้อมเสร็จก็ลงไปหาพี่”

ผมลงไปรอที่ม้าหินใต้ตึก รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจุ๋มก็เดินลงมา

“เป็นไง รอนานไหมพี่อู” จุ๋มถาม

“แล้วจุ๋มคิดว่าปล่อยให้พี่รอนานไหมล่ะ” ผมกวน

“ยังงั้นเดี๋ยวจุ๋มค่อยลงมาอีกทีก็แล้วกัน... ยังไม่นานเท่าไหร่เลย” จุ๋มหัวเราะ พลางหันตัวเตรียมจะกลับขึ้นไปบนตึก

“ไม่ต้องขึ้นไปหรอกจ้า ขืนรอต่อไปพอดีพี่ต้องหาที่นอนรอ” ผมตอบ

จุ๋มหัวเราะ เราสองคนจึงเดินออกจากคณะไปท่ามกลางสายตาแอบมองของเพื่อนฝูงในคณะของจุ๋ม แต่เราสองคนทำเป็นไม่สนใจ

“มีคนแอบมองเรานะ” ผมกระซิบบอก

“ช่างเขาสิ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” จุ๋มตอบ

“แล้วถ้าพรุ่งนี้เพื่อนๆถามว่านักศึกษาหนุ่มรูปหล่อที่มารอจุ๋มคนนั้นเป็นใครล่ะ จุ่มจะตอบยังไง” ผมถาม

จุ๋มทำท่าอ้วก

“จุ๋มก็จะตอบว่าไม่มีน่ะสิ คนถามคงเข้าใจอะไรผิดสักอย่างแน่เลย เช่น จำคนผิด” จุ๋มพูดหน้าตาย

“เฮอะ ไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลยนะ” ผมบ่น

“โอ๋ๆๆ ตอบใหม่ก็ได้ นักศึกษารูปหล่อคนนั้นเป็นน้องรหัสของพี่เหล่ง มาหาพี่เหล่ง แล้วก็รู้จักกับจุ๋มด้วย” จุ๋มหัวเราะ

“ฟังคำตอบแล้วจั๊กกระจี้เหมือนกันแฮะ ช่างมันเถอะ ลืมมันไปดีกว่า” ผมรีบปิดประเด็น

เมื่อเราเดินมาจนถึงตลาดสามย่าน ขึ้นไปบนชั้นสอง จากนั้นก็สั่งน้ำหวานและขนมมากิน จุ๋มก็ถามขึ้นว่า

“พี่อูจะขอบใจจุ๋มเรื่องอะไรคะ” จุ๋มถาม

“ตอนนี้พี่กลับไปสอนป้อมแล้วล่ะ” ผมตอบ

“เหรอ ดีจัง” จุ๋มมีสีหน้าดีใจ

“พี่ไปสอนป้อมครั้งหลังดูป้อมเปลี่ยนไปมากทีเดียว พูดมากขึ้น เป็นกันเองมากขึ้น ยอมโอนอ่อนผ่อนตามพี่มากขึ้น” ผมเล่าเกี่ยวกับป้อมให้ฟัง “ที่ต้องขอบใจจุ๋มก็เพราะถ้าไม่ใช่เพราะจุ๋มเตือนสติพี่ พี่ก็คงไม่คิดสอนป้อมต่อ”

“เรื่องแค่เนี้ย” จุ๋มหัวเราะ “ไม่เห็นจะต้องขอบใจอะไรเลย เรื่องเล็กน้อยจะตาย”

“เมื่อตอนเด็ก พี่มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยม” ผมพูดช้าๆ ตาเหม่อมองจุ๋ม ส่วนใจนั้นล่องลอยไปไกล “เรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน ทั้งๆที่เราสนิทกันมาก แทนที่พี่จะให้โอกาสมันอธิบาย ตรงกันข้าม พี่ทำแต่เรื่องงี่เง่าจนเสียเพื่อนสนิทคนนี้ไป ถ้าพี่มีโอกาสแก้ไขความผิดในอดีตได้สักครั้ง พี่จะขอโอกาสแก้ไขเรื่องนี้แหละ แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้...”

ผมหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ

“จุ๋มเข้าใจแล้ว เพราะยังงี้พี่อูจึงให้โอกาสป้อมอีกครั้งหนึ่ง” จุ๋มพูด “ที่พี่อูทำ ถึงแม้จะแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ก็ทำให้พี่อูรู้สึกดีขึ้นบ้างได้...”

“นั่นล่ะ ใช่เลย” ผมพูด “ทำไมจุ๋มรู้ล่ะว่าพี่คิดจะพูดอะไร”

“ดูหน้าพี่อูก็รู้หมดแล้ว หน้าพี่อูอ่านง่ายจะตาย” จุ๋มหัวเราะเบาๆ

ผมนิ่งงัน ตะลึงกับคำพูดของจุ๋ม เมื่อก่อนก็มีใครคนหนึ่งที่รู้ใจ เข้าใจ และพูดกับผมแบบนี้เหมือนกัน...

“เอ้อ... พี่ถามอะไรจุ๋มสักเรื่องได้ไหม” ผมเกริ่น

“อะไรหรือคะ” จุ๋มถาม

“บางครั้งความคิดของจุ๋มเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามาก... ไม่เหมือนกับความคิดของนักศึกษาปีหนึ่งทั่วไปเลย” ผมพูด

“จะบอกว่าจุ๋มแก่แดดยังงั้นเหรอ” จุ๋มยิ้ม

“เปล่า... แต่คนที่จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่อย่างจุ๋มได้คงต้องผ่านประสบการณ์อะไรหลายๆอย่างในชีวิตมา” ผมพูดจากประสบการณ์ที่ได้ประสบมา

จุ๋มนิ่งไป รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า

“จุ๋มก็อยากมีโอกาสกลับไปแก้ไขบางเรื่องในอดีตเหมือนกันค่ะพี่อู... แต่มันก็เป็นไม่ได้” จุ๋มพูดช้าๆ “จุ๋มจึงเข้าใจดีว่าคนเราล้วนแต่อยากได้โอกาสแก้ไขหรือแก้ตัวกันสักครั้งทั้งนั้น... หมายถึงถ้าเป็นไปได้นะ... ดังนั้นถ้าจุ๋มให้โอกาสแก่ใครได้จุ๋มก็จะพยายามให้เหมือนกัน”

“จุ๋มต้องการโอกาสแก้ไขเรื่องอะไรในอดีต พอจะบอกพี่ได้ไหม” ผมถาม แต่แล้วก็คิดว่าอาจเป็นการละลาบละล้วงเกินไป “แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องหรอก”

จุ๋มนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“เล่าให้พี่อูฟังก็ได้” จุ๋มพูด “มันเกี่ยวกับเรื่องที่จุ๋มต้องรีบกลับบ้านทุกวันนี้ด้วย”




<ชั้นสองของตลาดสามย่านเป็นศูนย์อาหาร มีตั้งแต่แผงขายอาหารไปจนถึงห้องอาหาร หากเป็นช่วงเปิดเทอม ยามบ่ายหลังเลิกเรียนจะคึกคักไปด้วยนักเรียนและนักศึกษา ส่วนตอนค่ำก็คึกคักไปด้วยคนทำงานที่แวะเสียนมาหลังเลิกงาน ศูนย์อาหารด้านที่เห็นนี้เป็นด้านจุฬาซอย ๕๒ หรือด้านที่ใกล้ร้านจีฉ่อย ร้านหัวมุมที่เห็นเป็นร้านอาหารตามสั่ง อาหารขึ้นชื่อก็เป็นพวกต้มยำนมสด ไข่ระเบิด อาหารทะเล ฯลฯ เมนูคล้ายๆร้านหมงที่อยู่ตรงสามย่านข้างคณะบัญชี ใกล้ๆร้านนี้ (แต่ไม่ได้อยู่ในภาพ) มีโรงเรียนกวดวิชาขนาดเล็ก ควันโขมงและกลิ่นอาหารจากร้านนี้มักโชยเข้าไปในห้องติวอยู่เสมอ แถวๆนี้เป็นร้านที่ผมชอบมานั่งกิน>

13 comments:

มะขามดอง said...

ดีใจจัง คุณอาอู มาแล้ว แสดงว่าปลอดภัยอยู่จริงป่ะครับ
ขามแวะมาดูเกือบทุกวันเลยนะครับ คิดถึงและเป็นห่วงคุณอาด้วย

Anonymous said...

1...
ว้าวววววววววว


แบงค์ครับ

Unknown said...

สวัสดี คุณอู

เก็บของหนีน้ำได้แยะไหมครับ
หรือว่าน้ำจะไม่มา
เอาเป็นว่า คุณอูปลอดภัยจากน้ำท่วม ผมก็ดีใจแล้วที่จะได้อ่านตอนต่อไปได้

ผมก็อยากจะแก้ไขเรื่องในอดีตเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีโอกาศแก้ไขได้ บางครั้งก็ทำผิดซ้ำก็มี จนมโหตัวเองมากๆ
ที่ทำผิดในอดีต จะเป็นเรื่องทิธิฐของตัวเอง ต้องลดเรื่องนี้ให้ได้

กัน

Anonymous said...

มีใครรู้บ้างไหมว่าร้านจีฉ่อยย้ายไปที่ไหนแล้ว

ร้านนี้เป็นตำนานของชาวสามย่านมาเนิ่นนาน

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับที่มาดำเนินเรื่องต่อ
ผมเฝ้าจดจ่อ ตลอดเวลา เข้ามาเช็คทุกวันที่ออนไลน์

ขอเม้นท์ อย่างหนึ่งคือ บท เลิฟซีน
ขาดหายไปหลายตอนมากแล้ว

ก็กำลังลุ้นให้น้องป้อม เรียนรู้จากพี่อูนี่แหละ

พี่อู สอนป้อมหน่อย เร็วๆๆๆๆๆด้วยครับ...

ชายเถิก เกิดเกิดเกิดเกิด said...

สนุกมากเลยครับ

ขอเป็นแฟนคลับอีกคนนะครับผม


ชายเถิก

Anonymous said...

พี่อูอยู่ลาดพร้าวใช่ไหมครับ ตอนนี้น้ำยังไม่ท่วม ขอภาวนาให้น้ำไม่ท่วมครับ ขอบคุณที่ลงตอนใหม่ให้อ่านในช่วงเวลาที่ทุกคนเผชิญความเครียดครับ ขอบคุณครับ

ทอป

Choo said...

ลอยคอ มารายงานตัวครับอู

ไม่ได้เมนต์ให้อูหลายตอนเลย พอดีติดน้ำติดเกาะอยู่ครับ ไม่ว่ากันนะ

หวังว่าอู กะเพื่อนๆ ในบล๊อค ปลอดภัยจากน้ำท่วมทุกคนครับ

ชู

อู said...

ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ช่วงนี้ผมยังปลอดภัยอยู่ แต่ก็จวนเจียนเต็มทีแล้ว อยู่แถวลาดพร้าวครับ ชีวิตก็วนเวียนอยู่ในลาดพร้าวตั้งแต่เด็กจนโต เป็นคนติดถิ่นด้วยครับ ไม่ค่อยชอบไปไหนไกล

ตอนนี้น้ำมาถึงซอยเสือใหญ่แล้ว เป็นน้ำผุดจากท่อ แต่อีกไม่นานน้ำทุ่งจาก ม.เกษตรคงมาสมทบและเข้าลาดพร้าว ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไงเหมือนกัน

ช่วงนี้ผมก็กังวลเหมือนกันครับ ทั้งที่บ้านและที่ทำงานเป็นพื้นที่เสี่ยงหมด ตามข่าวทุกวันก็เครียด ของยังย้ายไม่หมดครับ เผื่อไม่ท่วมจะได้ไม่แบกฟรี แต่เตรียมการเอาไว้แล้วว่าหากน้ำมาจะทำอะไรบ้าง คิดว่ามีเวลาทำหลายชั่วโมง

ช่วงนี้ผมกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ ทำเป็นกลุ่มช่วยผู้ประสบภัย ช่วยพวกที่ความช่วยเหลือทางการไปไม่ถึง พวกอยู่ลึกๆรอบๆ กทม น่ะครับ เอาอาหารไปฝาก ถุงยังชีพ ช่วยรับออกมาส่งข้างนอก ฯลฯ ทำกันเองออกทุนกันเอง ผมทำส่วนหาทุนครับ ไม่ได้ไปลงพื้นที่ เลยไม่เปียก แต่ตอนนี้ใกล้เลิกโครงการแล้ว ทุนหมดและบ้านแต่ละคนก็จวนเจียนถูกท่วมเต็มที เลยเอาตัวเองรอดไว้ก่อน

ร้านหนังสือที่ปากซอยภาวนาคือร้านใหญ่ๆสองคูหาริมถนนใหญ่ใช่ไหม ไม่รู้ชื่อหรอกครับ ไม่เคยสังเกตชื่อ ข้างๆร้านสมัยก่อนเป็นร้านขายขนมหวาน พวกบัวลอย กล้วยบวดชี เฉาก๊วยอร่อยด้วย ฯลฯ เมื่อก่อนไปนั่งกินบ่อยๆ ร้านหนังสือนั้นยังอยู่ครับ แล้วใกล้ๆกันก็เป็นร้านตัดผม แต่ก่อนก็คยตัดที่นั่น ร้านตัดผมก็ยังอยู่ แต่ร้านขนมเข้าใจว่าไม่มีแล้ว

จีฉ่อยย้ายไปอยู่ด้านหลัง ตรง ยูเซ็นเตอร์ ครับ เดิมทีว่ากันว่าจะให้ไปอยู่จามจุรีสแควร์ แต่จีฉ่อยไม่เอาเพราะต้องปิดเปิดตามเวลา จีฉ่อยชอบให้คนมาเคาะเรียกตอนดึกๆ เลยมาอยู่ตรงยูเซ็นเตอร์นี้ ร้านเหลือเล็กนิดเดียว ชั้นเดียว ไม่รู้ว่าเก็บของยังไงเหมือนกัน ผมมีรูปร้านใหม่ด้วย วันหลังจะโพสต์ครับ

ขอบคุณพี่ชูที่แวะมาทักทายทั้งๆที่พี่ชูเองก็กำลังวุ่นวาย สู้นะครับ

หลาน arus หายไปนานมาก

อู

Riverunt said...

รอตอนนี้ว่าปริศนาของจุ๋มใกล้ไขกระจ่างแล้ว
ก็สงสัยมานาน ทำไมจุ๋มถึงเข้าใจโลกได้ถ่องแท้จัง
แต่ละคำที่พูดออกมา ช่างคมเหลือเกิน
ไม่กล้าเดา กลัวหลงทาง แต่ก็มีคิดๆ คำตอบไว้บ้าง
อัพเดตน้ำท่วม เมื่อไรห้าแยกลาดพร้าวท่วม
ผมคงต้องแกร่วอยู่ห้อง ไม่ได้ออกไปไหนแน่นอน

Anonymous said...

ขอให้น้องอูรอดปลอดถัยขากน้ำท่วม
เพราะว่าป้าอยากจะอ่านเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ป้าขวัญ

มะขามดอง said...

ขามอยู่ซอยจรัญ 23 ตอนนี้คนเริ่มย้ายออกจากซอยกันแล้ว เพราะว่าท้ายซอยน้ำเริ่มขึ้นสูง ๆ ทุกที ผมเองก็คงต้องรีบหนีน้ำเช่นกันครับ
ยังไงก็ขอให้ทุก ๆ คนปลอดภัยกันนะครับ

Anonymous said...

กลับมาหาอาอูแล้วครับ
ชีวิตวุ่นๆ กับตารางเรียนหลังน้ำท่วมมาน่ะครับ

หลาน Arus ของอาอู