Sunday, June 7, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 89

มันเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กอายุสิบห้าปีคนหนึ่ง ผมตั้งใจว่าจะบอกให้ไอ้นัยรู้ว่าผมรู้สึกต่อมันอย่างไร ความรู้สึกของผมที่มีต่อมันนั้นพิเศษเหนือกว่าเพื่อนสนิทคนอื่นๆ มันไม่ใช่ความรักเพื่อนในแบบทั่วไป แต่มันเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมัน และอยากให้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเมื่อเราเข้ามาเรียนที่นี่ ตั้งแต่ที่เราเริ่มเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นและมีปากเสียงกัน จนถึงเวลาที่เราทะเลาะกันอย่างรุนแรงและหมางเมินกัน ผมไม่เคยมีความสุขเลย ผมอาจมีเหตุผลหลายข้อเพียงพอที่จะเลิกคบกับมัน เพราะว่ามันติดกัญชา แม้ห้ามแล้วก็ไม่ฟัง รวมทั้งมันยังขับไล่ผม และนอกจากนี้ไอ้นัยเองเป็นคนที่แยกตัวไปจากผม ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศตัดสัมพันธ์กับผมโดยปริยาย เหตุผลเหล่านี้อาจเพียงพอที่จะเลิกคบกับไอ้นัย ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องไปงอนง้อมันอีก แต่น่าแปลก การที่ไอ้นัยไปจากชีวิตของผม มันไม่ได้ทำให้ดีใจเลย ตรงกับข้าม ผมกลับหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา ยิ่งคิดก็ยิ่งหาทางออกไม่พบ

ในที่สุด ผมก็โยนเหตุผลต่างๆทิ้งไป แล้วปล่อยให้หัวใจนำทางแทน...

ตอนนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าไอ้นัยรู้สึกอย่างไรกับผม ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเกย์หรือเปล่า ผมไม่รู้ว่ามันมีความรู้สึกต่อผมเช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกต่อมันหรือไม่ ในสายตาของผม ผมไม่เคยเห็นอะไรที่ชัดเจนจากตัวมันเลย บางทีมันอาจไม่ได้เป็นเกย์เลยก็ได้ ที่ผ่านมามันอาจเป็นแค่ความอยากรู้อยากลองในวัยเด็กเท่านั้น ที่จริงมันอาจเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไปก็ได้

และถึงแม้ว่ามันเป็น รวมทั้งอาจเคยมีความรู้สึกที่พิเศษต่อผม แต่หลังจากที่เราทะเลาะกันหลายต่อหลายครั้ง ผมก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกดีๆของมันที่เคยมีต่อผมยังคงอยู่หรือไม่ มันอาจเบื่อหน่ายและหมดสิ้นเยื่อใยในตัวผมไปเสียแล้วก็ได้

ผมอยากบอกความรู้สึกของผมที่มีต่อมัน อยากให้มันรู้ว่าผมขาดมันไม่ได้ แม้มันจะสูบบุหรี่ สูบกัญชา หรือว่าไปทำอะไรไม่ดีก็ตาม แม้ผมจะเคยมิทิษฐิต่อมัน แต่นั่นเป็นเรื่องของอารมณ์เพียงชั่ววูบ แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง

‘ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา... ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด... ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ...’

ผมอดนึกถึงโอวาทยามเช้าที่อาจารย์ใหญ่มักอบรมพวกเราสมัยที่เราเรียนอยู่ชั้นประถมไม่ได้ อาจารย์มักยกเอาเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลมาเล่าให้พวกเราฟังพร้อมทั้งอบรมอยู่เสมอ อีกเรื่องหนึ่งที่อาจารย์ใหญ่พูดบ่อยๆตลอดหลายปีที่เราเรียนอยู่ชั้นประถมจนพวกเราจำได้แม่นก็คือเรื่องของความรัก ตอนเด็กๆ ผมมักหัวเราะกับไอ้นัยและเพื่อนคนอื่นๆเมื่ออาจารย์ใหญ่สาธยายคำจำกัดความของความรักอย่างยืดยาว พวกเราคิดว่าทำไมความรักมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ แต่ตอนผมพอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าการจะรักใครสักคนอย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ใช่แล้ว ผมไม่ควรช่างจดจำความผิด ไม่ควรฉุนเฉียว ผมควรอดทนต่อไอ้นัยและเชื่อในส่วนดีของมัน รวมทั้งมีความหวังต่อมันเสมอ ผมน่าจะนึกถึงข้อความนี้ได้เร็วกว่านี้ มานึกได้เอาตอนนี้ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปหรือไม่

การจะบอกความรู้สึกของผม ถ้าพูดออกไปตรงๆมันดูทื่อไปหน่อย ผมอยากทำอะไรที่พิเศษและมีความหมายเพื่อให้มันรู้ถึงความจริงใจของผม

ให้ดอกกุหลาบดีไหม? ไม่เอาดีกว่า ถ้าใครรู้ว่าเด็กผู้ชายให้ดอกกุหลาบกันคงหึ่งไปทั้งโรงเรียนเป็นแน่ อีกอย่าง ผมว่ามันไม่ค่อยมีความหมายเท่าไรนัก แค่เอาเงินไปซื้อดอกไม้ ใครๆก็ทำได้ ผมอยากให้สิ่งที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงินแก่มันมากกว่า

ผมกลับไปที่โรงเรียนดนตรีอีกครั้ง ผมอยากได้บทเพลงบทนั้น แต่โน้ตดนตรีเล่มนั้นแพงมาก ผมซื้อไม่ไหวเพราะมีเงินไม่พอ ผมจึงไปหาครูของผมเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ครูครับ” ผมโผล่หน้าเข้าไปในห้องเรียนซึ่งขณะนั้นครูของผมกำลังสอนนักเรียนคนอื่นอยู่ เมื่อครูเห็นผมก็เดินออกมาพบที่นอกห้อง

“ยังไม่กลับหรืออู” ครูสอนเปียโนทักผม “มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ก็มีนิดหน่อยครับ” ผมตอบอึกอัก “คือผมอยากได้โน้ตเปียโนเล่มหนึ่ง แต่ว่ามันแพงมาก ผมมีตังค์ไม่พอ อยากจะขอยืมเงินครูไปซื้อก่อนน่ะครับ แล้วเสาร์หน้าผมจะเอาเงินมาคืนให้”

ครูมองหน้าผมด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นลูกศิษย์จอมขี้เกียจเกิดขยันขึ้นมา “อยากได้เล่มไหนเหรอ”

ผมบอกชื่อหนังสือไป เมื่อครูได้ฟังจึงพาผมเดินไปดูที่ห้องโชว์

“โน้ตมันยากอยู่นะ มีง่ายๆเพียงบางเพลงเท่านั้น อูจะเล่นไม่ไหวน่ะสิ” ครูท้วงหลังจากพลิกดูหนังสือโน้ตเปียโนเล่มที่ผมต้องการ “ทำไมไม่เลือกเล่มอื่นที่มันง่ายกว่านี้หน่อยล่ะ ถ้าอยากได้แบบเรียนเอาไว้ซ้อมเพิ่มเติม ครูเลือกให้เอาไหม”

“เอ้อ ผมอยากได้บางเพลงในนั้นน่ะครับ” ผมสารภาพความจริงออกไป

เมื่อครูถามว่าเพลงไหน ผมจึงบอกชื่อเพลง ครูได้ฟังแล้วก็อมยิ้ม มองหน้าผม

“นึกว่าอูเกิดขยันขึ้นมา” ครูแซวผม “จะหัดเพลงรักไปเล่นให้ใครฟัง นี่เพิ่ง ม.๒ เอง มีแฟนแล้วเหรอ ไวจริงนะอู”

ผมพูดจากลบเกลื่อนไปเล็กน้อย แต่ชื่อเพลงก็บอกอยู่โทนโท่ ยากที่จะปฏิเสธได้ ครูเปียโนผู้ใจดีเมื่อเห็นผมอยากได้เพลงนี้เพียงเพลงเดียว จึงพูดกับผมว่า

“ถ้าอยากได้แค่เพลงเดียว งั้นเดี๋ยวครูจัดการให้ อูไปรอหน้าห้องเรียนก่อนไป” ครูพูด

หลังจากที่ผมไปรอที่หน้าห้องเรียน เพียงครู่เดียวครูก็กลับมาพร้อมด้วยสำเนาโน้ตเพลงที่ผมต้องการ ครูอุตส่าห์ไปถ่ายเอกสารมาให้ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อทั้งเล่ม

“ยังงี้ดีกว่าไหม” ครูพูด พร้อมทั้งส่งสำเนาโน้ตเพลงให้

“ขอบคุณครับครู” ผมยกมือไหว้และรับสำเนาโน้ตเพลงไว้ด้วยด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ

- - -

หลังจากนั้น ผมจึงไปจองเวลาซ้อมเปียโน วันนั้นพอดีมีเวลาว่างในช่วงเย็น ผมก็ทนแกร่วรอที่โรงเรียนอีกเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะได้ซ้อมเปียโน

เมื่อถึงเวลาที่จองเอาไว้ ผมก็เอาเพลง My Love is Like a Red Red Rose มาแกะ โดยพยายามเล่นแนวทำนองให้ได้ก่อน เมื่อเล่นแนวทำนองได้แล้วผมก็พยายามร้องคลอตาม โดยสังเกตว่าคำร้องพยางค์ไหนลงที่โน้ตตัวไหน กว่าจะแกะได้แค่นี้ก็เล่นเอาเหงื่อตก ปรากฏว่าเพลงนี้ร้องยากเพราะว่าใช้ช่วงเสียงที่ค่อนข้างกว้าง เวลาร้องมีการเอื้อนจากเสียงต่ำไปสูงและจากสูงไปต่ำ ทำให้ร้องยาก

เมื่อหมดเวลาที่จองเอาไว้ ผมยังจองเวลาซ้อมต่ออีกในวันอาทิตย์ ปกติชั่วโมงซ้อมในวันหยุดหาได้ยากมาก แต่วันรุ่งขึ้นพอดีมีคิวว่างในตอนเย็น

ก่อนกลับบ้าน ผมซื้อกระดาษบรรทัดห้าเส้นกลับบ้านไปด้วย กระดาษบรรทัดห้าเส้นที่ว่าก็คือกระดาษสำหรับเขียนโน้ตดนตรีนั่นเอง ในกระดาษจะตีเส้นเอาไว้ให้สำเร็จรูป สำหรับเขียนโน้ตลงไปได้เลย ไม่ต้องไปลำบากตีเส้นเอง

เมื่อถึงบ้าน ผมใช้วลาตอนกลางคืนร้องเพลงที่ฝึกได้ในวันนี้ เมื่อจับคำร้อง ทำนอง และจังหวะได้แม่นแล้ว ผมก็เขียนเนื้อเพลงภาษาไทยใส่ลงไป

ใช่แล้ว ผมจะแต่งเพลงรักให้ไอ้นัยสักเพลงนั่นเอง!

เนื่องจากความรู้ทางดนตรีของผมมีอยู่นิดเดียว ดังนั้นการจะแต่งเพลงโดยคิดทำนองและเนื้อร้องด้วยคงเป็นไปได้ยาก เท่าที่ผมพอจะทำได้ก็คือเอาทำนองเพลงมาสักเพลงแล้วแต่งคำร้องใส่ลงไป

ผมเลือกเพลงนี้เพราะเดิมก็เป็นเพลงรักอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นอาขยานซึ่งเราเรียนในช่วงที่เรายังสนิทสนมคุ้นเคยกันดีอยู่ แต่โชคร้ายที่เพลงนี้ร้องยากไปหน่อย การใส่คำร้องลงไปจึงคิดคำที่เสียงวรรณยุกต์เหมาะกับตัวโน้ตได้ยาก แต่ในเมื่อเดินหน้าไปแล้วก็ถอยไม่ได้

ในเวลากลางคืน ผมนั่งฮัมเพลงอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม พยายามคิดคำร้องใส่ลงไปด้วยความกระตือรือร้น

“อู บ้าไปแล้วหรือเปล่า ร้องเพลงหงุงหงิงอยู่ได้เป็นชั่วโมงแล้ว” เสียงเอ๊ดเอ็ดตะโรออกมาจากเตียง เอ๊ดพยายามจะนอนแต่นอนไม่หลับเพราะเสียงฮัมเพลงของผมรวมทั้งแสงไปจากโคมที่โต๊ะ “รำคาญโว้ย คนจะนอน”

ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพราะอารมณ์กวีกำลังแล่น จึงปิดไฟแล้วย้ายมานั่งทำงานที่โต๊ะกินอาหารชั้นล่างแทน

“เอ๊ดว่าอูจะบ้าไปแล้วนะ ยังงี้เห็นจะต้องบอกป๋าให้พาไปเช็คประสาทแล้ว” เสียงเอ๊ดพูดไล่หลังออกมาเมื่อผมเดินออกมาจากห้องนอน เอ๊ดค่อนข้างหงุดหงิดรำคาญผม เพราะผมชอบทำตัวแปลกแยก ไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ไม่ตอบ แรกๆก็เป็นห่วง แต่พอนานวันเข้าก็กลายเป็นรำคาญแทน

ผมพยายามเขียนเนื้อร้องใส่ลงไป แม้มันไม่ง่ายสำหรับผม แต่ผมก็พยายามเต็มที่ เพียงแค่คิดว่าผมอาจจะได้คืนดีกับไอ้นัย ผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด ต่างจากช่วงที่ผ่านมาที่ผมรู้สึกเคร่งเครียดและหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา

วันรุ่งขึ้น ผมไปที่โรงเรียนดนตรีอีก ผมเอาเนื้อร้องที่ร่างเอาไว้ไปเล่นกับเปียโน ลองร้องคลอดู แล้วปรับแก้ตัวโน้ต จังหวะ และคำร้อง เข้าหากัน

น่าจะพอใช้ได้แล้ว ผมคิดในใจ

ในสัปดาห์ต่อมา ผมใช้เวลาตลอดสัปดาห์ตั้งแต่วันจันทร์ถึงลองร้องและปรับแก้เพลงนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นการปรับเล็กๆน้อยๆ ทั้งตัวโน้ต จังหวะ และคำ เหมือนกับการเก็บรายละเอียดมากกว่า แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่าดีพอแล้ว จนวันเสาร์ถัดมา ผมเอาไปทดลองร้องคลอกับเปียโนอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย โดยแอบเอาเวลาเรียนมาใช้ เมื่อครูอยู่ผมก็เล่นหัดเพลงที่เรียน แต่พอครูไม่อยู่ ผมก็เอาเพลงของผมขึ้นมาแก้ และคิดว่าได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น เพราะหากแก้หยุมหยิมต่อไปก็จะไม่มีวันได้มอบให้ไอ้นัยเสียที

เมื่อสิ้นสุดการแก้ไข ผมก็ลอกโน้ตเพลงและคำร้องลงไปในกระดาษบรรทัดห้าเส้น โดยเขียนอย่างบรรจงที่สุด และแล้ว ในที่สุด ผมก็ได้คำฝากรักที่มีค่าแต่ไม่มีราคา เพราะมันได้ซื้อหามาด้วยเงินทอง แต่มาจากใจของผม

ผมเอาเพลงที่ผมเขียนขึ้นพับใส่ซองจดหมาย ปิดผนึกเอาไว้ ตั้งใจว่าจะรออยู่ที่โรงเรียนดนตรีจนเจอไอ้นัยและมอบให้มันในวันนี้ และบอกให้มันช่วยหัดเพลงนี้แล้วเอามาร้องให้ผมฟังหน่อย โดยผมวางหลุมพรางเอาไว้ในเพลงนิดหน่อย คือในเนื้อเพลงจะมีความว่า ‘ฉันรักเธอ’ อยู่ด้วย เวลาไอ้นัยเอาไปหัด มันก็จะได้รู้ว่าผมบอกความในใจแก่มัน และถ้าไอ้นัยร้องเพลงนี้ให้ผมฟัง ผมก็จะถือเอาว่าไอ้นัยได้บอกความในใจแก่ผมด้วยเช่นกัน

27 comments:

พี said...

ในที่สุด ก็ เป็นไปตามที่ขอ... ให้คุณอู เริ่มต้นก่อน แต่วิธีบอกรักนี่...
เอ...จะได้ผลไหมหนอ รออ่านตอนต่อไปครับ
ตอนนี้รอนานจัง ...แต่ก็อ่านแบบสบายๆนะครับตอนนี้

พี

Anonymous said...

ตอนนี้สบายไปก่อน เพราะตอนหน้าจะเป็นตอนอวสานแล้วครับ

อู

naja said...

ไม่อยากให้อูฝันสลายเลย

เพราะถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผม รับรองว่าแห้วแน่ๆ เพราะ สังเกตตัวเองหลายครั้งแล้วว่าอะไรที่หวังไว้มากๆ ทำท่าว่าจะได้แน่ๆ พอสุดท้ายแล้วจะพลาดตลอด

ไม่อยากให้อูต้องมีชะตาชีวิตเป็นแบบผมเลย

ไม่น่าสนุกเลยนะครับ

Anonymous said...

เย้ยยย... อวสานเหรอ - -"

Anonymous said...

อ่านแล้วเครียดตั้งแต่ต้นจนจบเลยเหรอเนี่ย..จะทำใจให้อ่านตอนจบได้หรือเปล่าก็ไม่รู้อ่ะ

yo408 said...

ตอนหน้าอวสาน ท่าทางจะแห้วแน่ๆเลยยยย

Anonymous said...

สองสามวันมานี้ เข้ามาดูแถมจะสามเวลา
ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ
ตอนหน้าจะลง เมื่อไหร่
อยากรู้เร็วๆจัง ว่าผลจะเป็นอย่างไร
แต่ก็เตรียมใจไว้ระดับหนึ่ง
ไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดเลย

thom

Anonymous said...

ไม่เคยทันกับเขาเลย T-T

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เครีัยด ไม่นึกว่าจะอวสานเร็วขนาดนี้...
ตอนแรกนึกว่าจะจบที่ตอนร้อยเสียอีก...

T-T

ตอนสุดท้ายจะมีโอกาสได้ขึ้นแท่นไหมเนี่ยเรา

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เย้ย อวสานเหรอ
เหลือแค่ตอนเดียว แล้วยังไม่ไปถึงใหนเลย
สงสัยจะแห้วอ่ะ

นึกว่าจะเล่นเปียนโนให้นัยฟังซะอีก

ตอนอ่านตอนอวสาน จะเอาอะไรมากินไปด้วยดีน่า

t1000

Anonymous said...

จะอวสานแล้วเหรอ ใจหายเลย

0t happy ending ไหมหนอ

Anonymous said...

อีกตอนเดียว อวสานแล้วเหรอ

ลุ้นให้อูกับนัยกลับมาคืนดีกันตลอด

จะแห้วเสียแล้วไหมนี่ เฮ้อออออ



วุฒ

Anonymous said...

คงใกล้จะจบเต็มที่แล้วสิคับพี่อู
เข้ามาลุ้นคับ ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน
ความรักก็ยังเป็นสิ่งดีเสมอ
แต่ในใจลึกก็อยากให้มันสวยงามน่ะคับ
เป็นกำลัีงใจพี่อูค๊าบ
^^sky^^

Anonymous said...

ป้าตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก มาเม้นท์ตอนเกือบจบแล้ว
คุณอูได้บอกความในใจออกไปแล้ว
อะไรจะเกิดก็ช่างมันเถอะ

รออ่านตอนจบจ๊ะ

Anonymous said...

^
^
จริงของป้าเนอะ ดีกว่าไม่ได้ทำ
บางที เสียใจ กันก็ดีกว่าเสียดาย....งง

Anonymous said...

คำ คำเดียวที่ทำให้ผม ใจหายแวบบบ

คือตอนต่อไป "จะเป็นตอนสุดท้าย"

ทำใจไม่ได้ทีเดียว

แต่อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดสินะ

อืมม

ผมรักคุณอู ผมรักนัย

จิงๆ ผมอาจจะรักนัย มากกว่าคุณอู

ทำไมน่ะเหรอ นั่นก็เพราะ ผมเคยมีเพื่อนแบบนี้

ผมรักมัน แต่แย่กว่าคุณอู ที่ไม่เคย ได้บอกมัน

เท่านั้นเอง

งัยก็แล้วแต่ ขอบคุณมากครับ ที่แบ่งปันเรื่องราว
ดีๆ จนถึงวันนี้

Lonely man..

Anonymous said...

ใจหายแล้วเราจะได้เจอกันได้คุยกันบ้างแบบนี้อีกต่อไปไหมนี่ แล้วหลาน ๆ ล่ะ อู จะตัดใจจากหลาน ๆ โดยเฉพาะ หลาน Arus อรุส ผู้แสนจะน่ารักของอูไปได้หรอนี่
ยังงัยก่ออย่าให้แค่จบไปเฉยๆนะครับ
เฉลยด้วยว่าปัจจุบันนี้ วินัย กะ ชัช ชีวิตเป็นอย่างไร มีใครแต่งงานไปบ้าง มีลูกกี่คน ทำงานอะไร นะคับ
ใจหายคับ
KTB
55555
หัวเราะให้ร่าเริงไว้ก่อน
ก่อนที่จะจากลากันจริงๆ
หรือว่าอูจะมีเรื่องอะไรมาเล่าต่ออีกก้อได้นะคับ
จะได้เจอกันต่อไปอีก

Anonymous said...

ใจหสยเลย 555

อย่าลืมนะคร้าบ ตามอาktbเลย เฉลยด้วยน้าๆๆ
ขอให้ความรักครั้งนี้สำเร็จนะครับ ผมก็เคยเจ็บแนวๆนั้นแต่ครั้งเดียว พอดีตอนนี้ยังเด็กเลยไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องรักๆอ่ะ 55 แต่ตอนนี้ก็พอจะทำใจได้แล้วล่ะครับ ความรักของผมกับเค้ามันเป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเนาะ

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

สวัสดีครับอู
ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วหรือครับ....ทำให้เวลานี้คิดไม่ออกเลยว่าจะคอมเม้นอะไร?

.......เอาไว้รอลุ้นคำตอบของนัยก่อนดีกว่าว่าจะเหมือนที่ผมคิดและรู้สึกหรือเปล่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะบอกไก่อูนะครับว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตของอูที่ได้นำมาเสนอให้ผมและเพื่อนๆได้ติดตามอ่านกันนะครับ...ขอบคุณมาก""

กู๋

Anonymous said...

ไม่อยากให้ถึงตอนอวสานเลยครับ อ่านมาสองปีกว่าแล้วครับรู้สึกผูกพันธ์ครับ อูน่าจะมาต่อตอนใหม่อีกนะครับ หรือไม่ถ้าเป็นไปได้ก้อให้ลงเรื่องราวปัจจุบันของตัวละครแต่ละตัวว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหนกันบ้างครับ คิดถึงชัช นัย อู เสมอครับ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเบาหน่อยครับ สบายๆไม่เครียด ยังไงก้อจะยังเป็นกำลังใจให้อูเสมอครับ
คิดถึงครับ
กร ครับ

ken_cup said...

ใจหายครับ ใจหนึ่งก็อยากอ่านตอนต่อไป
แต่จากที่บอกว่า "อวสาน"
จึงอยากอยากอ่านแค่นี้
ทุกอย่างมันก็ต้องมีจุดเริ่มต้น
และก็จุดสิ้นสุด
แต่ไม่อยากเจอ
ใจหายครับ มันเหมือนเพื่อน
พี่ น้องครับ แม้ผมไม่รู้จักเพื่อน ๆ เป็นการส่วนตัว
แต่เราก็มีจุด จุดหนึ่งที่สนใจร่วมกัน
แม้ว่าวันหนึ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
เราคงไม่ได้เจอ กับ อู กับ นัย อีก
ผมก็คงคิดถึง เขา และ คิดถึง คุณทุกคน
เคน

Anonymous said...

เพลงรักของคุณอูเป็นไงอ่ะ อยากรู้จัง

จะจากกันแล้วเหรอครับ ไม่น่าเลย เขียนต่อมอปลายกับมหาลัยด้วยไม่ได้เหรอครับ นะนะนะ

ฺBomber_Boy said...

ความรู้สึกก็คงไม่ได้ต่างอะไรกับเพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน ที่ติดตาม...ไม่สิ ต้องเรียกว่าเฝ้าและคอยตามอ่านรื่องนี้มาตลอด แทบจะเรียกได้ว่าเปิดคอมฯ ทุกวัน เข้ามาดูว่าอัพหรือยัง ถ้ายังก็ได้เข้ามาอ่านคอมเมนต์ก็ยังดี

พอบอกว่า ตอนหน้าจะจบแล้ว อารมณ์เหมือนคนผิดหวังอ่ะครับ "เฮ้ย...จะจบแล้วหรอวะเนี่ย" คุณทำให้พวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง และเรื่องก็ทำให้กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว มันรู้สึกหวิวๆ ยังไงชอบกล ผมคิดว่าคงไม่ได้รู้สึกแบบนี้แค่คนเดียว

แต่่ยังไงก็รักนะครับ ทั้งอูและนัย ค่อนไปทางนัยหน่อยๆ นะ (อย่าว่ากันนะครับอู) เห็นด้วยกับคุณ KTB นะครับ อยากให้บอกหน่อยว่าหลังจากเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว นัยและอู รวมทั้งคนอื่นๆ มีชีวิตยังไงบ้าง

แต่ตอนนี้ผมก็หวังไว้ลึกๆ และคาดว่าน่าจะนะครับ น่าจะจบลงด้วยดี หวังไว้ว่าให้เป็นแบบนี้นะครับ
อย่าให้จบลงแบบโศกนาฏกรรมแบบที่ผมกลัวไว้เลย....

หวังว่าคุณอูคงจะมีเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้อ่านกันอีกนะครับ

ps. เป็นวิธีบอกรักที่โรแมนติคมากที่สุด เท่าที่เคยอ่านหรือดูหนัง ดูละครมา มันไม่รู้สึกว่าเลี่ยน หรือว่าอายแทนเวลาที่อ่าน หรือดู

Anonymous said...

มันก็เป็นเพลงงี่เง่าเพลงหนึ่ง ตอนเด็กๆก็ดูว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่พอโตแล้วกลับดูว่าทำไมมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดีครับ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

กำลังเขียนตอนสุดท้ายอยู่ ดูท่าจะยาวเหมือนกัน ถ้ายาวมากจะเขียนให้จบอาจต้องรอ
โพสต์วันเสาร์ อาจขอตัดตอนลงไปส่วนหนึ่งก่อนพรุ่งนี้ แล้วไปจบเอาตอนที่ ๙๑ จะได้ไม่รอนาน อย่าหาว่าไม่รักษาคำพูดนะครับ

อู

Anonymous said...

เพิ่งเห็นคอมเม้นต์ของเด็กวางระเบิด

คิดว่าเขียนเพลงรักให้นี่โรแมนติกเหรอครับ ขอบคุณมากที่ชม ผมว่าในสมัยผมมันก็เชยแล้วนา ต้องยุคคุณลุงหรือพ่อผมถึงจะแต่งเพลงยาว แต่งจดหมายบอกรักกัน ยุคผมก็นิยมบอกรักด้วยดอกกุหลาบมากกว่า แต่ผมไม่ชอบ คิดว่ามันง่ายไป

มีน้องๆเขียนอีเมลถามเหมือนกันว่าจะเขียนเรื่องอื่นต่อไหม ผมตอบไปว่าเขียนเรื่องอื่นไม่เป็น เขียนได้แต่เรื่องคนใกล้ตัว เพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี

ช่วงหลังผมแวะเข้าไปดู tracker บ่อยหน่อย เห็นแล้วชื่นใจเลยเข้าไปดูบ่อยๆ แต่ก่อนคนดูบล็อกนี้วันละร้อยกว่าคน เดี่ยวนี้หลายร้อยคน วันที่ 7 มิ.ย. 2552 มีคนเข้าดูมากที่สุดถึง 597 คน หย่อน 600 คนไปนิดเดียว ซึ่งผมไม่เคยคาดว่าก่อนว่าจะมีคนติดตามอ่านมากขนาดนี้

สัปดาห์ที่แล้ว ต้น มิ.ย. 2552 ทำลายสถิติคนเข้าดูมากที่สุดในรอบสัปดาห์ นั่นคือมี 3,341 คน

เดือน พ.ค. 2552 ที่ผ่านมา มีคนเข้าดูทำลายสถิติทุกเดือนที่ผ่านมา นั่นคือมี 13,232 คน

นอกจากนี้ คนที่เข้ามาอ่านยังมาจากหลายชาติ มาจากเมืองไทยมากที่สุด รองลงมาก็สหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากหลายรัฐ วอชิงตัน ดีซี ก็มี ฮาวายก็มี ฯลฯ

รองลงมาอีกก็มีออสเตรเลีย อังกฤษ นอร์เวย์ ญี่ปุ่น แคนาดา ลาว ออสเตรีย สิงคโปร์ เยอรมัน

ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นครับ อย่าว่าแต่คนอ่านจะใจหายเลย ผมเขียนมา 4 ปี พอจะต้องเลิกเขียนก็ใจหายเหมือนกัน ตอนนี้ก็กำลังพยายามทำใจอยู่

อู

Bomber_Boy said...

ผมว่า ผมกันคุณอูนี่น่าจะรุ่นเดียวกันนะ หรือว่าคุณอูอาจจะเป็นรุ่นพี่ผมไม่กี่ปีหรอก ไอ้เรื่องที่คุณบอกว่าสมัยนั้นมีอะไรบ้าง คนก็ทันเกือบทั้งนั้น

เจออูแซวเข้าแบบนี้สงสัยต้องเปลี่ยนเป็น Bomber_Man ซะแล้วมั้งเนี่ย

จะว่าไปตอนอายุเท่าคุณนี่เรื่องรักๆ ก็มีบ้างแต่ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร พอรู้ตัวอีกทีว่าเขาชอบเรา ก็จากกันไปซะแล้ว....

Anonymous said...

Please check this out -
my-seoulicious.blogspot.com