Wednesday, May 27, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 87

จิตใจของผมในระยะนั้นมีแต่ความสับสนวุ่นวาย แม้แต่สีหน้าของไอ้นัยในขณะนั้นผมก็แยกแยะไม่ออกว่าเป็นสีหน้าที่เย็นชาไม่ยี่หระอะไร หรือว่าเป็นสีหน้าที่เศร้าหมองอมทุกข์กันแน่ อย่าว่าแต่แยกแยะอารมณ์ของไอ้นัยไม่ออกเลย แม้แต่อารมณ์ของตนเองผมก็ยังแยกแยะไม่ออก ผมไม่รู้ว่ากำลังโกรธ น้อยใจ หรือสงสารไอ้นัยกันแน่

วันนั้นเราสองคนไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน ต่างคนต่างกลับ การที่ผมแตกหักกับไอ้นัยไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจเลยแม้แต่น้อย ผมกลับเป็นทุกข์ใจ ผมไม่ได้นึกสะใจหรือว่าสมน้ำหน้าที่มันติดกัญชาเลย ตรงกันข้าม กลับรู้สึกเป็นห่วงมันมาก

- - -

กลางเดือนพฤษภาคม

วันหยุดภาคฤดูร้อนก็สิ้นสุดลง ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดเทอมใหม่…

ตอนนี้ผมกลายเป็นพี่ ม.๓ ไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าพริบตาเดียวก็ผ่านไป ๒ ปี จากน้องเล็กกลายมาเป็นพี่ ที่จริงผมควรจะตื่นเต้นดีใจกับชั้นเรียนใหม่และเพื่อนใหม่ แต่ผมกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นยินดีเลยแม้แต่น้อย

สภาพอากาศของวันเปิดภาคเรียนวันแรกไม่ดีเท่าไรนัก ฝนปรอยลงมาตั้งแต่เช้า ทำให้ผมต้องรีบออกจากบ้านเช้าขึ้นอีกเล็กน้อยเผื่อเวลารถติด ผมไปขึ้นรถเมล์ตามปกติ ที่ซึ่งผมมักพบไอ้นัยยืนคอยผมอยู่เสมอ แต่วันนี้ ที่ท่ารถอันพลุกพล่าน ผมไม่เห็นไอ้นัยเลย

ผมรู้สึกใจหาย ที่จริงผมก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่พบไอ้นัยที่ป้ายรถเมล์ แต่ผมยังมีความหวังเหลืออยู่ใยหนึ่ง ผมหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

เผื่อมันตื่นสาย รอมันหน่อยละกัน ผมคิดในใจและตัดสินใจรอไอ้นัยสักครู่ สายฝนที่โปรยปราย อากาศที่ขมุกขมัวในยามเช้า ชวนให้ผมรู้สึกเศร้าหมอง ภาพที่ผมและไอ้นัยทะเลาะกันจนแตกหักเมื่อวันก่อน รวมทั้งภาพวันลงทะเบียนเรียนที่เราสองคนหมางเมินกันโดยสิ้นเชิงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา

ไอ้นัย กูยังหวังดีกับมึงเสมอ มาง้อกูหน่อยเถอะ อ้อนกูสักสองสามครั้ง กูพร้อมจะกลับเป็นเพื่อนสนิทของมึงเหมือนเดิม ถึงมึงจะเลิกกัญชาไม่ได้ทันทีก็ไม่เป็นไร ค่อยๆเลิกก็ได้ มาคุยกับกูหน่อยนะไอ้เพื่อนรัก...

รออยู่ประมาณสิบห้านาที ฝนเริ่มตกหนักขึ้น เมื่อไม่เห็นไอ้นัย ผมจึงนั่งรถเมล์มาโรงเรียนคนเดียว

ด้วยความรีบร้อนทำให้ผมลืมหยิบร่มมาด้วยก่อนออกจากบ้าน ผมมาถึงโรงเรียนด้วยสภาพเปียกมอมเพราะต้องวิ่งฝ่าสายฝนมาจากสะพานพุทธซึ่งเป็นระยะทางไกลพอสมควร

ห้องเรียนของผมในปีนี้อยู่คนละตึกกับปีที่แล้ว ตึกนี้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่ใช่อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงโบราณเหมือนเมื่อ ม.๑ ม.๒ แต่ถึงกระนั้นตึกเรียนของผมก็ยังถือว่าเป็นตึกรุ่นเก่าอยู่ดี อายุคงหลายสิบปี ตึกนี้คือตึกที่ไอ้นัยเคยมาประชุมเซลล์กรุ๊ปนั่นเอง

ตึกนี้เป็นอาคาร ๔ ชั้น ใช้เป็นห้องเรียนของนักเรียนระดับชั้น ม.๓ และ ม.๔ ห้องเรียนของผมและห้องเรียนของไอ้นัยปีนี้อยู่ชั้นเดียวกัน นับว่าใกล้กันขึ้นมาหน่อย แต่ก่อนห้องเรียนไกลแต่หัวใจอยู่ใกล้กัน มาปีนี้ห้องเรียนอยู่ใกล้แต่หัวใจกับอยู่ไกลกัน

ผมเข้าไปในตึกเรียนใหม่ของผมด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกแปลกหน้า ไม่คุ้นเคย การคละนักเรียนใหม่ทุกปีแม้ทำให้นักเรียนรู้จักกันทั่วถึงกันมากขึ้นก็จริง แต่เป็นการรู้จักที่ไม่สนิทสนมกันนัก เพราะความสนิทสนมต้องใช้เวลา ซึ่งบางครั้งอาจต้องยาวนานกว่าหนึ่งปี

เมื่อไปถึงห้องเรียน แทนที่ผมจะเข้าไปในห้องเรียนเลย ผมกลับเดินเลยไปอีกเพื่อไปยังห้องเรียนของไอ้นัย ห้องเรียนของมันอยู่ถัดจากผมไปเพียงไม่กี่ห้อง ที่นั่น ผมเห็นไอ้นัยมาถึงแล้ว กำลังนั่งก้มๆเงยๆจัดของอยู่ เมื่อไอ้นัยเห็นผม มันก็ก้มหน้าทำทีเป็นหาของ

ผมรู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปในความรู้สึก ทุกครั้งที่ผมพบหน้าไอ้นัย ผมจะเห็นวงหน้าอันคมคาย แจ่มใส และมันจะยิ้มให้ผมเสมอ แม้ยามมันตีหน้าตายก็ยังดูเสมือนหนึ่งมันยิ้มให้ แม้ในยามมันเศร้าหมองผมก็ยังรู้สึกว่าไอ้นัยยังมีความอบอุ่นในดวงใจมอบให้แก่ผมเสมอ แต่วันนี้ มันแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นผม...

ผมเดินย้อนกลับมายังห้องเรียนของตนเอง ผมเข้าห้องเรียนใหม่ด้วยใจที่หวั่นไหว รู้สึกตื่นกลัว ผมกลัวเพื่อนใหม่ กลัวสังคมใหม่ รวมทั้งกลัวอนาคตอย่างไม่รู้สาเหตุ ที่จริงเพื่อนร่วมห้องของผมในปีนี้ก็ไม่ได้ใหม่เอี่ยมอ่องมากจากไหน ส่วนใหญ่ก็เคยเห็นหน้ากันมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่อาจไม่เคยคุยกันเท่านั้นเอง แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังรู้สึกตื่นกลัวอยู่ดี

ผมเลือกจับจองโต๊ะว่างหลังห้อง ผมนั่งหลังห้องมาสองปีจนเริ่มจะเคยชินแล้ว มาปีนี้จึงมองหาที่ว่างหลังห้องอีก ผมอดนึกถึงอ๊อด เพื่อนสนิทที่เข้าขากันได้ดีเมื่อปีที่แล้วไม่ได้ ป่านนี้มันคงจับจองโต๊ะว่างหลังห้องเช่นกัน เสียดายที่เราไม่ได้เรียนห้องเดียวกันอีก ผมถูกอัธยาศัยกับมันมาก

โต๊ะข้างๆผมมีเป้วางอยู่แล้ว แต่ไม่เห็นเจ้าของ เพื่อนโต๊ะติดกันของผมเป็นใครกันหนอ ถ้าเป็นไอ้นัยก็วิเศษเลย ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย

หลังจากจับจองโต๊ะเรียบร้อย ผมก็ทักทายและแนะนำตัว ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ในห้องในเวลานั้น แต่ละคนมาจาก ม.๒ ห้องต่างๆกัน ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเดิมของไอ้นัยก็มี

“เฮ้ ชื่อไรน่ะ” เสียงทักทายแว่วมาเข้าหูผม

“เฮ้ย กูถามมึงนั่นแหละ” เสียงนั้นถามซ้ำอีก แต่คราวนี้ดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็เจ้าของโต๊ะติดกันกับผมนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว และกำลังมองผมอยู่

“เอ้อ เอ้อ ชื่ออู” ผมตะกุกตะกัก

“อ้อ ยังได้ยินอยู่” เพื่อนคนใหม่ของผมหัวเราะ “ทีแรกยังนึกว่ามึงหูหนวกเสียอีก”

“พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย นายชื่ออะไรล่ะ” ผมถาม เพื่อนไม่คุ้นเคยเรียกนายไปก่อน ยังไม่อยากใช้กูมึง

เพื่อนใหม่ของผมลูบเส้นผมของตนเองเล่น ผมสังเกตว่าผมของมันไม่ได้ดำขลับเหมือนเด็กทั่วไป แต่มีผมหงอกแซม เด็กในยุคของผมที่มีผมหงอกแซมตอนเป็นวัยรุ่นก็พอมีบ้างแล้ว แต่ในยุคหลังๆยิ่งพบมากขึ้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

“ใครๆเรียกกูว่าแก่ว่ะ” มันพูด ตกลงมันมีชื่อเล่นว่าไอ้แก่นั่นเอง

ผมถอนใจ เพื่อนโต๊ะติดกันของผมแต่ละปีมีแต่เด็กประหลาดๆทั้งนั้น

หลังจากคุยแนะนำตัวกันสักพัก ผมก็ขอตัวออกมา ผมเดินออกมานอกห้องและแวะเวียนไปดูที่ห้องของไอ้นัย เดิมทีผมตั้งใจว่าจะไม่สนใจไอ้นัยมันอีกต่อไป มันจะไปทำอะไรที่ไหนก็ช่าง ชีวิตใครชีวิตมัน แต่แล้วในที่สุดผมก็แพ้ใจตัวเอง ผมเดินไปที่ห้องไอ้นัยอีกครั้ง

เมื่อผมเดินไปถึงก็เห็นไอ้นัยนั่งคุยอยู่กับเพื่อนใหม่ของมัน ไอ้นัยพอเหลือบมาเห็นผม มันก็หลบหน้าวูบ

ไอ้นัย มึงไม่คอยกู เสือกมาโรงเรียนคนเดียว แล้วยังหลบหน้ากูอีก มึงนะมึง ผมคิด จิตใจส่วนหนึ่งรู้สึกโกรธ แต่อีกส่วนกลับรู้สึกอ้างว้างอย่างประหลาด มันเป็นความรู้สึกของการสูญเสีย

“ไอ้ไก่อู” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ เสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ข้างหูผม ทั้งโรงเรียนมีอยู่คนเดียวที่เรียกผมว่าไอ้ไก่อู

“ไอ้ห่าอ๊อด เสือกตะโกนกรอกหูกู” ผมหันไปด่าเจ้าของเสียง

อ๊อดหัวเราะร่า ดูมันดีใจที่เจอผม ผมเองก็ดีใจที่เห็นมันเช่นกัน

“มาด้อมๆมองๆอะไรที่ห้องนี้วะ มาหากูเหรอ” อ๊อดถาม

“อ้อ มึงเรียนห้องนี้เหรอ” ผมถาม ที่แท้อ๊อดเรียนห้องเดียวกับไอ้นัย

“อ้าว นึกว่ามาหากู มึงมาหาใครล่ะ” อ๊อดสงสัย

“เปล่าๆ แค่มาเดินดูเล่นๆว่าเพื่อนเก่าอยู่ห้องไหนกันบ้างเท่านั้นเอง” ผมบ่ายเบี่ยงไม่บอกความจริง

“อยากนั่งติดกับมึงอีกจัง” อ๊อดพูดด้วยสีหน้าจริงใจ “นั่งกับมึงแล้วรู้สึกว่ามันถูกโฉลกว่ะ ปีที่แล้วเกรดกูสวยเชียว”

ผมอดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้ แม้แต่ผมยังรู้สึกว่าตนเองเป็นตัวซวย เป็นเพื่อนใครคนนั้นก็มีแต่เคราะห์ร้าย แต่อ๊อดกลับมองผมเป็นตัวนำโชค อ๊อดเห็นคุณค่าในตัวผม แล้วไอ้นัยล่ะ มันเห็นคุณค่าของเพื่อนอย่างผมบ้างไหม...

- - -

เดือนมิถุนายน...

นับตั้งแต่เปิดเทอมเป็นต้นมา ผมและไอ้นัยไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย รวมทั้งไม่ได้นั่งรถไปและกลับด้วยกันอีกด้วย ผมพยายามรอไอ้นัยในตอนเช้า แต่ก็ไม่เคยพบมันที่ป้ายรถเมล์เลยสักวัน ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเวลาออกจากบ้านเป็นเวลาไหนกันแน่จึงสามารถเลี่ยงผมได้ทุกวัน ส่วนตอนกลับบ้านนั้น ไอ้นัยก็กลับบ้านไม่เป็นเวลา ไม่เจอมันที่ท่ารถสักวันเช่นกัน ส่วนในระหว่างเวลาเรียน เรายังเจอกันบ้างเพราะปีนี้เราเรียนอยู่ห้องใกล้ๆกัน แต่มันพยายามหลบหน้าผมตลอด แม้เจอกันจังๆก็ไม่ได้ทักทายกัน

ผมไม่ได้ทำงานที่สหกรณ์แล้วเพราะคิดว่าปีนี้ไอ้นัยอาจกลับไปทำงานที่สหกรณ์อีก ผมก็เลยไม่ไปดีกว่า เพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมอยู่มันก็คงไม่ไปทำ ผมอยากให้มันมีกิจกรรมอะไรทำบ้าง จะได้ไม่เหงา เผื่อจะช่วยเรื่องเลิกกัญชาได้บ้าง ผมเคยแวะเวียนไปสืบข่าวเกี่ยวกับไอ้นัยที่สหกรณ์บ้าง แต่กลับพบว่าตั้งแต่เปิดเทอมไอ้นัยไม่ได้ขึ้นไปที่สหกรณ์เลย แต่แม้ผมจะรู้เช่นนั้น ผมก็ไม่ได้กลับไปงานที่สหกรณ์อีก เพราะยังเผื่อใจไว้ว่าสักพักไอ้นัยอาจกลับไปทำงานที่นั่นต่อ

ชีวิตนักเรียน ม.๓ ของผมไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก ระยะนี้ผมมักใจลอยเสมอ รวมทั้งเริ่มมีนิสัยแปลกแยก ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับเพื่อนฝูง ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆโดยทั่วไปไม่ค่อยดีนัก เวลาเพื่อนๆจะไปไหนหรือจะทำอะไรกัน ใหม่ๆก็มักชวนผมด้วยเสมอ แต่พอนานวันเข้า เมื่อเพื่อนๆเห็นผมไม่ค่อยเข้ากลุ่มสุงสิงกับคนอื่นๆ เพื่อนๆก็ค่อยๆห่างออกไป มันทำให้ผมมีปัญหาเวลาทำงานกลุ่มบ้าง เพราะบางทีก็ไม่มีใครอยากชวนเข้ากลุ่มด้วย ผมมักต้องไปรวมกลุ่มกับพวกเศษเกินคนอื่นๆในห้องเสมอ แต่ผมก็ไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจอะไรนัก ตราบใดที่ผมยังพอมีกลุ่มให้เข้า ผมก็อยู่ของผมได้ ที่ผมสนใจมีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องไอ้นัย แม้ผมพยายามแสดงออกว่าผมตัดขาดกับมันและไม่สนใจมันอีกต่อไป แต่ที่จริงแล้วผมยังสนใจและเป็นห่วง รวมทั้งยังแอบติดตามความเป็นไปของมันอยู่เสมอ

ไอ้แก่ เพื่อนโต๊ะติดกันของผมนับเป็นเพื่อนที่ใช้ได้ทีเดียว แม้ผมของมันจะหงอก แม้ใบหน้าของมันจะดูแก่กว่าวัย ทำให้ดูอย่างไรก็ไม่หล่อ แต่แก่นิสัยดีมาก แม้ผมจะไม่ค่อยสนใจมันเท่าไร แต่มันคอยเป็นห่วงผมเสมอ ถึงขนาดในการทำงานกลุ่มบางครั้ง มันยอมไม่เข้ากลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆที่มาชวนมัน แต่มาจับกลุ่มกับผมเพราะกลัวว่าผมจะไม่มีกลุ่มอยู่ การกระทำของแก่ทำให้ผมนึกถึงตี๋ เมื่อก่อน ไม่มีใครเอามัน เป็นผมที่พยายามช่วยเหลือมัน ตอนนี้ผมกลับตกที่นั่งเดียวกันกับตี๋เสียเอง

“ไอ้อู” เสียงไอ้แก่เรียก พร้อมทั้งเอาศอกกระทุ้งสีข้างของผมขณะที่เราอยู่ในชั่วโมงภาษาไทย “อาจารย์เรียกมึง”

ผมสะดุ้งเฮือก อาจารย์เรียกตอนไหนหว่า ไม่ได้ยินเลย

“เอ้า เธอ ลุกขึ้นยืนแล้วตอบคำถามครูซิ” อาจารย์วิชาภาษาไทยเรียกผม

ฉิบหายละสิ อาจารย์ถามว่าอะไรหว่า เมื่อครู่ไม่ได้สนฟังอาจารย์สอนเลยแม้แต่น้อย เพื่อนหน้าแก่ของผมพยายามกระซิบบอก

“นี่ เพื่อนที่นั่งข้างๆน่ะ ไม่ต้องบอกเค้า” อาจารย์ดุแก่ แล้วหันหน้ามาทางผม “ตอบมาเร้ว”

“เอ้อ อ้า ผมไม่ได้ยินคำถามครับ” ผมสารภาพตามตรง

เท่านั้นเอง ผมก็โดนอาจารย์เทศนาชุดใหญ่ถึงความไม่เอาใจใส่ในการเรียนของผม ผมต้องยืนฟังอาจารย์เทศนาเป็นเวลานานด้วยความอับอายเพื่อนฝูง

ขณะที่ผมยืนฟังอาจารย์เทศน์อยู่นั่นเอง ผมเห็นร่างนักเรียนเดินผ่านหน้าห้องเรียนไป ไอ้นัยนั่นเอง...

ไอ้นัยเดินมาเห็นฉากสำคัญที่ผมกำลังโดนด่าพอดี พอไอ้นัยเห็นผม มันก็แกล้งเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเดินผ่านไป

ไอ้นัย ที่กูเป็นอย่างนี้ก็เพราะมึง มึงรู้บ้างไหม ตั้งแต่วันนั้น ใจกูไม่เคยมีความสุขเลย มึงรู้ไหมว่ามันทรมานขนาดไหนที่เห็นมึงไม่แยแสกู มึงจะง้อกูสักนิดไม่ได้เชียวหรือ ขอเพียงมึงง้อกูสักครั้งเดียว เราจะได้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม... ผมอ้อนวอนมันอยู่ในใจ

“โอ๊ย ตายแล้ว ครูจะบ้าตาย” เสียงอาจารย์เอะอะลั่น กระชากผมจนตื่นจากภวังค์ “นี่ขนาดครูกำลังอบรมเธออยู่ เธอยังไม่สนใจ โอยๆๆ”

การเดินผ่านหน้าห้องของไอ้นัยทำให้การเทศนาของอาจารย์ที่กำลังจะจบลงต้องยืดยาวออกไปอีกเท่าตัว ผมยืนก้มหน้านิ่ง รู้สึกชาไปหมดทั้งใบหน้าและลำตัว หลังจากนั้นตัวผมก็เริ่มสั่น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวสั่นเพราะอะไร อาจจะเป็นความกลัวหรือความอับอายก็ได้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยถูกอาจารย์ว่าต่อหน้าเพื่อนๆขนาดหนักเช่นนี้มาก่อน

หลังจากเทศนาจบลง ผมนั่งลงที่เก้าอี้ แต่ตัวยังไม่หายสั่น แก่เอามือมาบีบขาของผมเบาๆเป็นความหมายว่าใจเย็นๆเอาไว้ สักพักผมจึงสงบลงได้

- - -

หลังจากที่โดนเทศนาไปชุดใหญ่ วันนั้นผมเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเลย ผมคิดเตลิดเปิดเปิงไปถึงเหตุการณ์เก่าๆ วันเวลาที่ผมมีความสุขกับไอ้นัย จากนั้นจู่ๆผมก็หวนคิดถึงคำพูดของอ๊อด

“ยังงี้อกหักชัวร์ มึงจะไม่รับก็ช่างมึง...”

หรือนี่คืออาการอกหักจริงๆ และถ้าผมอกหักเพราะไอ้นัย ก็แปลว่าผมหลงรักมันเข้าแล้วน่ะสิ!!!

หลังเลิกเรียน ผมแอบเดินผ่านหน้าห้องของไอ้นัยอีก ตึกนี้มีบันไดสามทาง ที่ปีกตึกสองข้างและตรงกลาง ดังนั้นการที่ผมจะเดินผ่านห้องเรียนของไอ้นัยบ่อยๆจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด

ไอ้นัยไม่อยู่ในห้อง คงกลับไปแล้ว ผมหวนคิดคำพูดของอ๊อดวนเวียนไปมา แต่ก่อนผมไม่กล้าคิดและพยายามจะไม่คิดมัน แต่ตอนนี้ผมกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อหาคำตอบให้แก่หัวใจของตนเอง

เมื่อไอ้นัยไม่อยู่ ผมก็เดินเรื่อยเปื่อย หัวใจอ้างว้าง ความคิดสับสน ไม่รู้จะไปไหนดี อยากขึ้นไปนั่งเล่นที่สหกรณ์เหมือนกัน ปีนี้พี่มั่วห่างไปแล้วเพราะว่าเรียนอยู่ชั้น ม.๖ ต้องเตรียมสอบเอนทรานซ์ พี่เอ้กับพี่หมีซึ่งเป็นพี่ ม.๕ เป็นคนกุมอำนาจการบริหารในสหกรณ์ คุยกับพี่สองคนนี้ก็สนุกดี แต่อย่าดีกว่า ไม่อยากโดนซักเรื่องไอ้นัย ขี้เกียจตอบคำถาม

ไปเดินเล่นวังบูรพาก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็แล้วกัน...

ผมเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในวังบูรพาสักพัก รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเดินออกมาทางด้านถนนเจริญกรุง ฝั่งตรงข้ามร้านออนล็อกหยุ่น เพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน

รถเมล์สาย ๘ คันที่มาแน่นขนัด ถ้าไม่ขึ้นรถที่ต้นสายอย่าหวังเลยว่าจะได้นั่ง ผมยืนเบียดอยู่ที่ประตูด้านหลังของรถอยู่หลายป้ายกว่าจะขยับขึ้นไปยืนบนรถได้

กระแสคนเบียดผมไหลไปเรื่อยๆจนไปได้ที่ยืนที่ด้านท้ายรถ และเมื่อผมมองไปข้างหน้า ผมเห็นเงาหลังอันคุ้นเคยยืนอยู่ด้านหน้าผมถัดไปไม่กี่ช่วงคน

ไอ้นัยนั่นเอง!

- - -
ฟังเพลง My Love is Like a Red Red Rose เพลงนี้เก่าแก่มาก และเป็นเพลงที่มีความหมายระหว่างผมและนัย ซึ่งจะได้เล่าต่อไป

30 comments:

Bomber_Boy said...

เศร้าจังครับ ใจมันละเหี่ยไปหมดเลยอ่ะ
นี่ตกลงคนเขียนเรื่องนี้นี่มีมนต์อะไรหรือเปล่าครับนี่ ทำให้ผมต้องมาคอยตามอ่าน ตามอ่าน แล้วก็ตามอ่าน เปิดคอมทีไรก็ต้องเข้ามาดูทุกทีเลย ถึงแม้จะรู้ว่าคุณอูยังไม่มาอัพก็ตาม

ส่วนเรื่งอูกับนัย ไม่อยากให้จบลงด้วยการจากลาเลย... ชีวิตจริงๆ ของทุกคนก็เศร้าพออยู่แล้ว อย่าทำให้กลายโศกนาฏกรรมเลยนะ หยุดทำร้ายประเทศไทย...หยุดทำร้ายความรู้สึกคนอ่าน...(เกี่ยวกันมั้ยหว่า)

Bomber_Boy said...

เศร้าจังครับ ใจมันละเหี่ยไปหมดเลยอ่ะ
นี่ตกลงคนเขียนเรื่องนี้นี่มีมนต์อะไรหรือเปล่าครับนี่ ทำให้ผมต้องมาคอยตามอ่าน ตามอ่าน แล้วก็ตามอ่าน เปิดคอมทีไรก็ต้องเข้ามาดูทุกทีเลย ถึงแม้จะรู้ว่าคุณอูยังไม่มาอัพก็ตาม

ส่วนเรื่งอูกับนัย ไม่อยากให้จบลงด้วยการจากลาเลย... ชีวิตจริงๆ ของทุกคนก็เศร้าพออยู่แล้ว อย่าทำให้กลายโศกนาฏกรรมเลยนะ หยุดทำร้ายประเทศไทย...หยุดทำร้ายความรู้สึกคนอ่าน...(เกี่ยวกันมั้ยหว่า)

Anonymous said...

เด็กวางระเบิด
นี่จะเหมาคนเดียวทั้ง ที่ 1 และ ที่ 2 เลย หรอเนี่ยะ

วันนี้อู แปลกดี มาลงตอนใหม่ เวลา หกโมงเย็น
555555
KTB คับ
หลาย arus ก้อเสร็จดิ อดที่ 1 เลย

ระยะหลัง ๆ นี่ หดหู่ใจจังเลยคับ
เฮ้อ เศร้าคับ
คนเราถ้าไม่ถิอฐิถิมากนักจับเข้าคุยกันเปิดใจ
ให้รู้แล้วรู่รอดไปเลยก้อไม่น่าจะเป็นแบบนี้
เสียดายเวลาตั้งแต่ ประถม จนถึง มัธยม
ก้อหลายปีแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่ม่ต่อกันมันหฟายไปไหนหมด
สงสัยว่านัยที่เป็นอน่างนี้ เพราะไอ้พี่เต้ป่าวนี่
สงสัยนัยมันปันใจให้พี่เต้ไปหมดแล้ว
พอได้ข่าวว่าพี่เต้ไปติดสาว นัยมันเลย
อกดหักดิ ริสูบกัญชา ทำตัวเหลวไหล
เซ็งจิงๆ
ขอบคุณครับอู

Anonymous said...

เศร้าอ่ะ อกหักอ่ะแบบนี้
อยากรู้จังว่าพี่อูจะแก้ปัญหานี้ยังไง

Anonymous said...

ถ้าจำไม่ผิด บทกลออนนี้เป็นอาขยานตอนเรียนมัธยมด้วยอะ

Anonymous said...

ที่1+4 (^_^) ลุงเพลงอารัยครัยฟังไม่ออกเลยผมยิ่งโง่ๆอยู่ด้วยหุหุ นึกว่าคนร้องเมาซะอีก ต้องไปเปิดวิกี้ดูถึงจะเข้าใจเพลงเก่ามากเลยนะลุง เป็นบทกวีด้วยเป็นเพลงของลุงกับลุงนัยหรอ ลุงคงรักมากสินะครับถึงได้บอกว่าถ้าเปลีย่นอดีตได้ถึงไม่อยากเจอ แสดงว่าตอนนี้ก็ยังรักอยู่ใช่ม้าแล้วลุงนัยจะรู้ไหมเนี่ย

Anonymous said...

ในเมื่อนัยไม่ง้ออูก้อเป็นฝ่ายง้อนัยสิครับ อย่าหมางเมินแบบนี้เลยครับ มันเศร้าครับไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยครับเลิกทิฐฐิได้แล้วครับอู ผมไม่อยากอ่านต่อแล้วครับอ่านแล้วเศร้าครับ
กร ครับ

Anonymous said...

อ่านสองตอนที่ผ่านมาแล้วจิตตกมากมาย
ยังเศร้าไม่หายเลยน่ะคับ ไม่อยากให้จบแบบเจ็บๆอีก
อย่างไรก็ให้กำลังใจคนเขียนค๊าบ
^^sky^^

Anonymous said...

ที่1(^_^) ใช่รึเปล่าหว่าอาขยานภาษาอังกฤษตอนม.1 ใช่ป่าวเนี่ยลุง หุหุ ลุงยังจำได้อีกหรอเนี่ยเก่งค้อดๆ

naja said...

หดหู่

แย่

เศร้า

อึดอัด

สงสารอู สงสารนัย

คนอ่านก้อทรมาณนะ

อูใจร้ายๆๆๆ

Bomber_Boy said...

เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะเอาทั้งที่1 และที่2 พอดี เน็ตตอนนั้นมันไม่เป็นใจเลย ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
ผมฟังเพลงแล้วนะครับ เพลงเพราะจังอ่ะ ได้ลองฟังเพลงก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนะครับ คิดว่าตอนหน้า..และต่อไปเรื่อยๆคงจะดีขึ้นมานะครับ (ผมฟังจากบทเพลงอ่ะนะครับ)

Anonymous said...

เพลงเพราะมาก
ฟังดูดีมาก
แต่เหมือนตอนท้ายจะบอกลาคนรักน่ะ

สงสารอูคนเด่วมากกว่า เพราะคิดว่านัยเค้าคง
คิดกะอูแค่เพื่อนสนิทแหระ

คิดถึงชัดจัง

t1000

yo408 said...

อ่านแล้วละเหี่ยใจ

ไม่รู้สิ วัยเด็กผมมีแต่อยากรู้อยากลอง อบายมุขทุกอย่าง ลองแต่ไม่ติด เรื่องรักๆใคร่ๆแทบไม่ได้ค้นหา มีแค่เรื่องช่วยตัวเองเท่านั้น

พอมาอ่านแล้วเพลียใจปวดตับ!!!

Anonymous said...

เพิ่งกินเหล้ากลับมา นั่งอ่านอะไรไปเรื่อย ๆ แล้วก้มาเจอว่า update แล้ว เลยมานั่ง อ่าน น้ำตาตกง่ะ ม้ันเหงา ๆ ไงชอบกล ไม่รู้ดิ ความรู้สึก เอี้ย เอี้ย แบบนี้มันวังเวงชอบกล ยังไงก็จะรออ่านต่อไป ไม่่ว่ามันจะเป็นยังไง

Anonymous said...

เฮ้อ...... อึดอัด

thom

Anonymous said...

อูคับ
ขอบคุณมากอีกครั้งสำหรับเพลง
MY LUV IS LIKE A RED RED ROSE
ของ ROBERT BURNS กวีชาวอังกฤษ เกิดในศตวรรษ ที่ 18 เพลงนี้เ้ก่า มาก ๆ
นอกจากนั้น อูยังแนบเพลงอื่น ๆ ที่ related vedios
อีกหลายสิบเพลง
ผมยกนิ้วหัวแม่มือสองนิ้วให้อูคับ
สุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะเพลงประสานเสียง my luv is like a red red rese เพราะมาก
อูนี่สุดยอดจริงๆ
ขอบคุณมากมายครับผม
รักอูขึ้นอีกเยอะเลย เมื่อก่อนรักนัยมากกว่าอู แต่ตอนนี้รักนัยไม่ลงแล้วค้าบบบบ
อิอิอิ ล้อเล่นสนุก ๆ นะคับ

Anonymous said...

KTB ครับ
ลืมลงชื่อ

Anonymous said...

อ่านแล้วเศร้าจัง เพลงเพราะมาก ทั้งหวาน ทั้งเศร้า ยิ่งทำให้บรรยากาศเศร้าเข้าไปใหญ่

โอ๊ย สงสารทั้งคู่เลย สงสารนัยขัง คงมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่

Anonymous said...

เหมียวๆ

หลาน Arus ของอาอู

พี said...

ซึม...เศร้า
เหงา ว้าเหว่
สับสน หดหู่
ละเหี่ยใจ
ใจลอย ไม่มีสมาธิ
คิดแต่เรื่องของเขา
นอนไม่ค่อยหลับ
อยากพูดคุยแต่มีอคติ
งอนอยากให้เขาง้อ
อยากเจอหน้า แต่ไม่กล้ามองตรงๆ
อึดอัด เมื่ออยู่ใกล้กัน
อืนๆ....
อาการของใครนะ คุณอู หรือ ผมด้วย

พี

Anonymous said...

เศร้าครับ แต่ก็ยังอยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ขอบคุณครับที่มาเขียนเรื่องสนุกๆให้ได้อ่าน

Anonymous said...

เศร้า เท่าไร
เหงา เท่าไร

ก็ ยังได้อีก

อ่านแล้วเหงามากมาย
ผมเคยเป็นเหมือนกัน
งอนกับเพื่อน มีทิฐิ ด้วยกันทั้งคู่

สรุปแล้ว ตอนนี้ผมก็เสียเพื่อนคนนั้นไป

ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะกลับไปง้อมัน

แต่มันทำไม่ได้แล้วน่ะดิ

ผมรักนัยมากเลยอ่ะคับ
พอมาหลังๆ รักอู สองเท่า
คนอะไร ยังเศร้าได้อีก

Anonymous said...

อูเจอนัย บนรถเมล์ คราวนี้ จะมีอะไรเกี่ยวถึงที่เคยทำคะนองเอาก้นไปถูเป้านัยบนรถเมล์ ตอนไปดูหนังที่แคปปิตอลรึเปล่าครับ เพราะเห็นอูคยพูเอาไว้ตอนนั้นว่้า

"การที่ผมแกล้งไอ้นัยเล่นบนรถเมล์นั้นที่จริงแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเราสองคนมีอะไรกันลึกซึ้งยิ่งกว่าการสีก้นกันเล่นเสียอีก ที่ทำไปก็เพราะความคะนองอยากแกล้งเพื่อนเท่านั้นเอง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าความคึกคะนองในครั้งนั้นได้ทำให้ชีวิตของเราสองคนต้องพลิก ผันไปอีกครั้งหนึ่ง"

นัยจะติดใจ จนไปลองทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่น ตามวิสัยเด็กวัยรุ่น อยากรู้ อยากลองรึเปล่าน้อ

ผมมองโลกในแง่ร้ายไปป่าวเนี่ยย

Anonymous said...

ช่วงนี้เศร้าครับ ขออภัยที่ทำให้หลายๆคนจิตตก ตอนผมพิมพ์ยังรู้สึกหม่นหมองเลย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

เพลงที่เอามาฝากนี้เป็นเพลงเก่าแก่ในยุคศตวรรษที่ ๑๘ รอเบิร์ต เบิร์นส ตอนช่วงปลายของชีวิตทำงานรวบรวมบทเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ของสก็อตแลนด์ บทเพลงชิ้นนี้ที่จริงมีมานานแล้ว อายุเก่าแก่กว่า ๒๐๐ ปีเสียอีก คือก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ ท่วงทำนองเรียบ ง่าย แฝงกลิ่นอายโบราณแบบสก็อต ภาษาที่ใช้ก็มีภาษาสก็อตปนอยู่ ศัพท์บางคำจึงฟังแปลกๆ

เพลงนี้เรียนตอน ม.๑ ครับ แต่เรียนในลักษณะบทกวี ยังไม่รู้ว่ามีทำนองเพลง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่นัยน่ารักมาก สดใส มีชีวิตชีวา

หลานที่หนึ่งเข้าใจผิดแล้ว ไม่ได้เอาคนเมามาร้องเพลง แต่เป็นการร้องด้วยท่วงทำนองและสำเนียงสก็อต เออ แต่เหล้าสก็อตก็มีชื่อเสียง คนร้องอาจจะเมาจริงๆก็ได้

KTB เพิ่งจะมารักผมก็เพราะเพลงนี้หรอกหรือครับ ใกล้จะอวสานแล้วเพิ่งจะมารัก

ระยะนี้มีเพื่อนๆหลายคนสันนิษฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ไปต่างๆนานา ผมคงไม่เพิ่มเติมอะไรนะครับ เพราะอยากให้ติดตามและเข้าใจจากในเรื่องมากกว่าเนื่องจากใกล้จะจบอยู่แล้ว

หลาน arus กลายเป็นแมวไปแล้ว ระวังหมากัดนะหลาน

อ้อ ผมเข้าไปดูสถิติผู้เข้าชม พบว่ามีผู้อ่านจากประเทศลาวไม่น้อยเลยทีเดียว อยากรู้จังว่าเป็นเพื่อนชาวลาวหรือว่าเป็นชาวไทยที่ทำงานในลาว ทักทายกันมาบ้างนะครับ

อู

Anonymous said...

ตอนนี้เศร้ามากๆเลยครับ อ่านแล้วซึมเลย
อาอูอย่ามีทิฐฐิเลยครับ เพราะไม่อย่างนั้นผมว่าก็คงไม่ได้คืณดีกันหรอก มีแต่จะยิ่งแย่ลงไปใหญ่ ไม่อยากให้เรื่องจบแบบเศ้ราๆเลยครับ อยากให้ Happy Ending มากกว่า อย่าเพิ่งจบเลยนะคร้าบบ ยังอยากและชอบที่จะอ่านเรื่องๆนี้อยู่

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

ken_cup said...

ผมไม่อยากบ่นว่าเศร้าอีกแล้วเพราะว่าบ่นในใจทุกทีตอนนี้ทำใจได้แล้วครับ ว่ามันเศร้าครับ แต่เมื่อไหร่ครับพี่อู พี่จะบอกเขาว่ารักสักทีแต่ยังไงก็จะรอน่ะครับ ขออย่างหนึ่งอย่าทำร้ายจิตใจของผม และของหลาย ๆ คนไปมากกว่านี้เลย อิอิ แหมคนมันอินเนอะ รีบมาต่อเร็ว ๆ น่ะครับ ผมทานข้าวเกือบไม่ได้แล้ว ...................เคนคับ

Anonymous said...

ยังไงกันล่ะนี่

naja said...

เสาร์นี้ไม่มาเหรอค๊าบบ

เศร้านะ แต่รอ

Anonymous said...

ต้องขอโทษด้วยความ ที่จริงตั้งใจว่าจะโพสต์วันเสาร์เหมือนกัน แต่ว่าวันนี้งานเยอะจนทำเสร็จไม่ทัน ก็เลยทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ

จะพยายามเขียนให้เสร็จและเอามาโพสต์ในวันอาทิตย์ครับ ถึงคราวที่ผมตัดสินใจจะบอกรักไอ้นัยเสียที

อู

Anonymous said...

อ่านมาตั้งสองปีแล้วไม่เคยเม้นท์ พอรู้ว่าจะจบก็เศร้ากว่าตอนอ่านเมื่อกี้อีก เขียนต่อไปไม่ได้เหรอครับ เข้าใจว่าอาจจะไม่มีนัยก็ตามที (เศร้ามาก)แต่ทนคิดถึงลุงอูไม่ได้จริงๆ มันปริ่มจะขาดใจอะ(เขียนต่อเถอะครับขอร้องจริงๆ)