Sunday, May 17, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 84

เย็นวันนั้น เรากลับบ้านด้วยกัน ผมสังเกตเห็นไอ้นัยเงียบขรึมไป แม้ช่วงนี้เราจะเงียบขรึมต่อกันอยู่แล้ว แต่ผมดูออกว่าตอนนี้ไอ้นัยมีความในใจ

“เป็นไรหรือเปล่านัย” ผมถาม “เงียบเชียว”

“...”

“นัย” ผมเรียกอีก “เป็นอะไรหรือเปล่า”

ไอ้นัยส่ายหัว ไม่ตอบคำ ผมชักรู้สึกเคือง มันจะเอายังไงกันวะ ถามอะไรก็ไม่พูดสักคำ

“เออ ไม่พูดก็ช่างมึงวะ” ผมกระแทกเสียง จากนั้นก็ไม่พูดกับไอ้นัยไปจนตลอดทางกลับบ้าน มึงไม่อยากคุยกับกู กูก็ไม่อยากคุยกับมึง

- - -

วันรุ่งขึ้น ผมรีบเข้าไปที่สหกรณ์เพื่อถามพี่เอ้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

“พี่เอ้ ถามอะไรหน่อยดิ” ผมเกริ่น

พี่เอ้มองหน้าผม “มีอะไรเหรอไอ้อู”

“เมื่อวานทำไมพวกพี่ๆพูดเรื่องพี่เต้กันตอนไอ้นัยอยู่ มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมถามตรงเข้าประเด็น

พี่เอ้พยักหน้า “ฮื่อ ใช่”

ผมมองหน้าพี่เอ้อย่างต้องการคำอธิบาย

“เอ็งไม่สังเกตเหรอว่าช่วงหลังที่ไอ้นัยมันขึ้นมาทำงานที่สหกรณ์น่ะ มันมองที่ประตูบ่อยๆ” พี่เอ้พูด “พี่กับพี่มั่วคิดกันว่าไอ้นัยคงยังไม่รู้เรื่องพี่เต้กับยายเปิ้ลอะไรนั่น ก็เลยหาทางบอกอ้อมๆให้มันรู้ ทีนี้เข้าใจหรือยัง”

ผมสั่นหัว “ไม่เข้าใจอะ แล้วพวกพี่ๆบอกมันเพื่ออะไร”

“เฮ้อ” พี่เอ้ถอนหายใจ “อย่างน้อยมันจะได้เข้าใจสถานการณ์” พี่เอ้พูดแล้วค่อนข้างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่ว่านั้นหมายถึงอะไรกันแน่

- - -

หลายวันผ่านไป ไอ้นัยก็ยังไม่ยอมพูดหรือเล่าอะไร ผมเองที่ใจเย็นคิดว่าถือไพ่เหนือกว่ามาตลอดก็ชักเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว

ไอ้นัย เสียแรงที่เราเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก และกูคิดว่าเราสองคนไม่มีความลับอะไรต่อกัน ที่ไหนได้ มึงไม่ไว้ใจกู ผมคิดในใจไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไร

จากเดิมที่ผมอาศัยจังหวะได้เปรียบ ฉวยโอกาสนี้คลี่คลายความลับของไอ้นัย ผมเคยคิดเอาไว้ว่าถ้าไม่สามารถรู้ความจริงได้ก็คงจนใจ แต่ไหนแต่ไรไอ้นัยก็ไม่ยอมเล่าอยู่แล้ว และจะกลับไปพูดคุยกับมันเหมือนเดิม แต่พอถึงเวลานี้จริงๆ ความคิดของผมกลับเปลี่ยนไป ทิษฐิอันแรงกล้าบังเกิดขึ้นในใจของผม ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องตลก มีคำกล่าวขำๆเอาไว้ว่าสามีที่ใจเย็นที่สุดทำให้ภรรยากลายเป็นคนโมโหร้ายที่สุด แต่ก่อนผมไม่เข้าใจความหมายของคำพูดประโยคนี้ แต่ตอนนี้ผมพอเข้าใจแล้ว ความใจเย็นบางครั้งก็ยั่วโมโหคนสนิทชิดใกล้ได้ดีกว่าการทะเลาะกันเสียอีก ท่าทีเงียบเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนของไอ้นัยยิ่งกระตุ้นให้ผมโกรธ

แต่ไหนแต่ไรมา เราสองคนอ่อนข้อให้กันและกันมาตลอด ผมไม่เคยคิดจะเอาชนะอะไรมันสักเรื่อง แต่ครั้งนี้ผมขอเอาชนะมันให้ได้สักเรื่องหนึ่งเถอะ

ความคิดเอาชนะทำให้จากการแก้ลำเล็กๆน้อยๆกลายเป็นสงครามเย็น ไอ้นัยกับผมกลับกลายเป็นเย็นชาต่อกันและไม่พูดกันอีก แต่คราวนี้ผมเป็นคนเริ่มก่อน

กลางเดือนมกราคม...

ไอ้นัยขอตัวหยุดงานที่สหกรณ์ไปจนสิ้นเทอมโดยมันอ้างว่าต้องการดูหนังสือสอบเพราะช่วงหลังมีเวลาดูหนังสือน้อยลง กลัวว่าผลการเรียนจะตก แต่ผมรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคงเป็นเพราะมันอึดอัดผม การที่มันไม่ทำงานที่สหกรณ์นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์และตอบคำถามของพวกพี่ๆในสหกรณ์แล้วยังทำให้เราไม่ต้องกลับบ้านด้วยกันอีกด้วย

กลางเดือนกุมภาพันธ์...

สหกรณ์ปิดทำการเพื่อให้นักเรียนเตรียมตัวสอบ สงครามเย็นระหว่างไอ้นัยและผมยังคงดำเนินต่อมา ความตึงเครียดและอึดอัดระหว่างเราสองคนยิ่งทวีขึ้นเพราะเราทั้งไปและกลับด้วยกันตามเดิม ไม่มีใครยอมแพ้ใคร เมื่อไอ้นัยไม่ยอมเล่าความลับของมัน ผมก็ไม่ยอมพูดคุยกับมัน เรายันกันอยู่ในสภาพเช่นนี้เอง สถานการณ์ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่น่าอึดอัดมากที่สุดช่วงหนึ่งสำหรับเราสองคน สีหน้าของไอ้นัยไม่ดีเอาเลย ที่จริงเทอมนี้ทั้งเทอมสีหน้าของมันไม่ค่อยดีมาตลอด มีแต่เคร่งขรึมกับดูเศร้าหมอง และก็เช่นเดียวกับสีหน้าของผมที่อ๊อดมักทักว่าหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เสมอ

จนล่วงเข้าปลายเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลาสอบปลายภาคเริ่มขึ้น อีกไม่กี่วันก็จะสอบเสร็จและปิดเทอมแล้ว ผมใจหายเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าแล้วปีนี้ไอ้นัยจะไปเที่ยวที่บ้านต่างจังหวัดของผมเช่นเดิมหรือไม่ มัวแต่เล่นสงครามเย็นใส่กันจนยังไม่ได้ชวนมันสักที

ไอ้นัย กูอยากให้มึงไปเที่ยวบ้านกูเหมือนเดิมนะ มึงจะง้อกูหน่อยไม่ได้หรือไง กูจะได้ชวนมึงไป ผมพูดกับมันในความคิด ในส่วนลึกของหัวใจแล้วผมเคยรู้สึกอย่างไรก็ยังรู้สึกกับมันเช่นเดิม เพียงแต่ทิษฐิทำให้เราต้องหมางเมินกัน ผมอ้าปากจะชวนไอ้นัยหลายทีแล้ว แต่แล้วก็พูดไม่ออก

“อู” ไอ้นัยเรียกผมเบาๆในวันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังกลับบ้าน ผมรู้สึกดีใจมาก ในที่สุดมึงก็ยอมง้อกูเสียที กูรอจะชวนมึงไปบ้านกูอยู่นานแล้วนะไอ้เพื่อนรัก

“มีไรเหรอ” ผมถามด้วยความรู้สึกของผู้ชนะในสงครามเย็นครั้งนี้

“ปิดเทอมนี้พี่เต้เค้าชวนกูไปเที่ยวอะ แต่กูบอกเค้าว่าปกติพอสอบเสร็จก็จะไปเที่ยวบ้านมึง...” ไอ้นัยพูดอ้อมแอ้มด้วยเสียงแผ่วเบา

ผมรู้สึกใจหายวูบ หลังจากนั้นความรู้สึกโกรธเคืองก็ตามมา ผมกลืนคำพูดที่เตรียมเอาไว้ลงไปจนหมด ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา ผมไม่เห็นพี่เต้ไปที่สหกรณ์หรือเห็นพี่เต้เจอกับไอ้นัยเลย จนผมเข้าใจว่าป่านนี้พี่เต้มัวแต่ไปหลีสาวและออกจากชีวิตของผมและไอ้นัยไปแล้วเสียอีก

“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ยังตั้งตัวไม่ถูก

“แต่...” ไอ้นัยอึกอัก สีหน้าของมันหมองจนผมอดสงสารไม่ได้ ในชั่ววินาทีนั้น ความคิดของผมสับสนไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งสงสาร ผมจะแกล้งมันดีไหม ถ้าผมจะรั้งมันไว้ไม่ให้ไปเที่ยวกับพี่เต้มันก็คงต้องจำใจปฏิเสธพี่เต้ไป แต่มาคิดอีกที บางทีถ้ามันไปเที่ยวกับพี่เต้บ้างอาจทำให้มันสบายใจขึ้น เพราะอยู่กับผมก็มีแต่อึดอัดใจ ใบหน้าที่เศร้าหมองของเพื่อนรักในวัยเยาว์ทำให้ผมใจอ่อน ความรู้สึกของผู้ชนะเมื่อครู่มลายไปสิ้น ท้ายที่สุดผมกลับกลายเป็นผู้แพ้…

“ก็ตามใจมึงเถอะ อยากไปกับพี่เต้ก็ไป ไม่เต้องห่วงกูหรอก เรามีเวลาเที่ยวด้วยกันอีกถมเถ” ผมถอดใจ เลิกคิดเอาชนะมันอีกต่อไป มันอยากจะทำอะไรก็ทำไป ถ้าผมดึงดันต่อไป ในที่สุดผู้แพ้ก็จะเป็นเราทั้งสองคน ไม่ใช่ผมคนเดียว

“...”

ไอ้นัยก้มหน้าเงียบไป ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตอนไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง หรือว่าตอนไปเที่ยวเขาใหญ่ ไอ้นัยจะรู้สึกดีใจที่ได้ไปกับพี่เต้ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่...

- - -

ต้นเดือนมีนาคม…

ในที่สุดการสอบปลายภาคก็เสร็จสิ้น และม.๒ เทอมปลายอันวุ่นวายก็สิ้นสุดลง แม้ปีนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นวายเหมือนเมื่อปีก่อนๆ แต่เรื่องสับสนวุ่นวายในจิตใจกลับมีมากกว่า

ปีนี้ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่เดียวดายและเศร้าหมอง หลายปีที่ผ่านมา ผมกลับบ้านพร้อมกับมีไอ้นัยมาด้วยเสมอ แต่ปีนี้ไม่ใช่ ผมเดินทางกลับบ้านพร้อมพ่อและเอ๊ดอย่างเงียบเหงา ทั้งสองคนต่างก็ถามถึงไอ้นัย ผมก็บอกไปเพียงสั้นๆว่าไอ้นัยไปเที่ยวกับกลุ่มรุ่นพี่

“ปีนี้นัยไม่มา อูเลยเหงาไปเลยนะ” พ่อพยายามชวนคุยในระหว่างทาง ส่วนผมก็เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนสังเกตสีหน้าของผม

เมื่อกลับถึงบ้าน แม่ก็ทักอีกเช่นกัน

“อ้าว อู ทำไมนัยไม่มาด้วยล่ะ”

“ไอ้นัยไปเที่ยวกับพวกรุ่นพี่น่ะแม่” ผมตอบ

“อู ทำไมไม่ได้แห็นเทอมเดียว อูดูซูบไปนะ หน้าก็ดูหมองๆ เป็นอะไรไปหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่า” แม่ระดมคำถามจนผมตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนแม่จะช่างสังเกตกว่าพ่อ เพราะพ่อไม่ได้ทักผมเรื่องนี้เลย

“มันเป็นยังงี้มาหลายเดือนแล้วล่ะแม่” เอ๊ดบอก “สงสัยเป็นโรคประสาท”

“ทำไมไปว่าน้องยังงี้ล่ะ” แม่ดุเอ๊ด

“เอ๊ดรำคาญมันจะตาย ถามอะไรก็ไม่พูดไม่จา เหมือนคนใบ้ ไม่เชื่อแม่ลองถามมันดูดิ ดูว่ามันจะพูดไหม” เอ๊ดพูด

ช่วงหลังๆผมไม่ค่อยได้พูดกับเอ๊ดจริงๆ แต่สาเหตุเพราะเป็นทุกข์เรื่องไอ้นัยเลยอาจทำตัวแปลกแยกไปบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเหตุให้เอ๊ดหงุดหงิดรำคาญผมได้ขนาดนี้

ผมหงุดหงิดกับไอ้นัย ส่วนเอ๊ดก็หงุดหงิดกับผม สิ่งที่ไอ้นัยทำ ผมเองก็ทำเหมือนกัน ในวูบหนึ่งของความคิด ดูเหมือนผมจะจับเค้าเงื่อนอะไรได้บางอย่าง คล้ายจะเข้าใจไอ้นัยมากขึ้น แต่มันปรากฏวูบก็หายวับไป...

- - -

กลางคืนวันนั้น ผมอยู่กับแม่สองคนในห้องครัว แม่กำลังล้างจานอยู่ ผมอาสาจะช่วย แต่แม่บอกว่าจะทำเอง คนเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ ผมเลยนั่งดูแม่ล้างจาน

“อู ทะเลาะกับนัยหรือเปล่า” แม่ถาม

ผมอึ้ง ตั้งตัวไม่ติดกับคำถามอย่างกะทันหันนี้

“เอ้อ... ทำไมแม่ถามแบบนี้อะ” ผมเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม

“เอ๊ดบอกว่าหมู่นี้อูอารมณ์ไม่ดีตลอดเลย สงสัยว่าจะทะเลาะกับนัย” แม่พูด นี่ขนาดผมไม่พูดอะไร เอ๊ดยังเดาเรื่องราวได้ใกล้เคียงขนาดนี้ ผมคงเก็บอาการได้ไม่เนียนเอาเสียเลย

“อูอย่าไปรังแกนัยนะ” แม่พูดต่อ ผมฟังแล้วงง จากนั้นตามมาด้วยความหงุดหงิด ทำไมแม่ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง กลับไปเข้าข้างไอ้นัย

“ทำไมแม่คิดว่าอูรังแกมัน ทำไมไม่คิดว่ามันรังแกอูบ้างล่ะ” ผมย้อนถาม แต่รู้แก่ใจดีว่าแม้แต่แม่ก็ไม่เชื่อว่าเด็กดีอย่างไอ้นัยจะรังแกผมได้ คงมีแต่ผมไปรังแกมันมากกว่า

“ก็อูน่ะชอบอารมณ์ร้อน ส่วนนัยเค้าอารมณ์เย็น” แม่พูด “เพื่อนดีๆอย่างนี้หาได้ยาก แต่ก่อนเห็นรักกันยังกับพี่น้อง เพื่อนกันก็คงมีทะเลาะโกรธเคืองกันบ้าง แต่อย่าให้ถึงกับเสียเพื่อนนะอู”

แม่เตือนสติผม ช่างหมือนกับพี่มั่วเตือนเลย ดูแม่รักใคร่เอ็นดูไอ้นัยมาก แต่คำพูดที่ว่า ‘รักกัน’ ทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง

“...”

“อูเปลี่ยนไปจริงๆ” แม่พูด “แต่ก่อนช่างพูด เดี๋ยวนี้กลายเป็นช่างคิด”

คุยกันได้ไม่นาน ผมก็รีบเลี่ยงออกมา ขืนอยู่นานไปแม่คงสังเกตอะไรได้มากขึ้นอีก

17 comments:

Anonymous said...

หุหุ
ของเป็นที่ 1 บ้างอ่ะ ห้าห้า
ยังไม่ได้อ่านเลย แต่เข้ามาให้กำลังใจพี่อูก่อน
รู้สึกว่าตอนนี้จะได้เล่าถึงตอนปิดเทอมน่ะค๊าบ
สู้ๆ คับพี่อู

^^sky^^

พี said...

นึกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น...กลายเป็นว่าจะหนักขึ้น ยิ่งอาการของนัย ส่อว่า จะมีใจให้พี่เต้ ... น่าสงสารคุณอูนะครับ แม้ว่าจะนิสัยไม่ดีเท่าไรชอบกดดันและลองใจนัย(ว่าจะไม่เชียร์นัยแล้วนะ รินอกใจอู แต่นัยก็ยังอยู่ในใจอยู่ เอ๊ะ.. ยังไง)
แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น บางครั้งเราก็จะไม่รู้ใจเขา แม้ว่าอาจเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ เรากับเขาไม่เข้าใจกันตลอดไป...
เพราะตอนนี้ ผมก็อยู่ในสถานะการณ์แบบนี้(ใครเคยอ่านคอมเม้นต์ผมมาบ้างคงพอรู้) ตั้งแต่ น้องเขาบอกให้ผมเลิกยุ่งกับเขา เกือบ 10 วันแล้ว ผมก็พยายามทำตัวเป็นนินจาไม่ให้น้องเขา เจอตัว หรือเห็นก็แว๊บๆ ไม่สนใจไปมองน้องเขา ไม่เข้าไปบ้านเพื่อนน้องเขา ตอนน้องเขาอยู่ แต่กับเพื่อนๆน้องเขากับหลานผมๆก็ไปคุยตามปกติ บางทีเลี่ยงไม่ทัน ผมคุยกันอยู่ น้องเขามาพอดี สักพักผมก็เลี่ยง ออกมาโดยไม่ทัก ไม่พูดด้วย เช่นเมื่อเย็นนี้เอง แต่เมื่อ3 วันก่อนขี่รถสวนกันน้องเขาก็ยังยิ้มให้อยู่
คุณอู อาจจะว่า เอ...น้องเขาเป็นผู้ชายแท้(มีแฟนผู้หญิง) จะให้มาง้อแบบของคุณอูได้ไง คือ ผมยังมีความรู้สึกได้ว่าน้องเขายังรู้สึกดีกับผมอยู่ในฐานะพี่ที่ดีต่อกันมาก่อน และสิ่งที่ผมได้ดูแลเทคแคร์น้องเขาตั้งแต่น้องเขาตอนยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งปัจจุบันที่รู้ตัวแล้วว่าพี่คนนี้แอบชอบอยู่
สิ่งที่ผมต้องการคือความเข้าใจจากน้องเขา ไม่ให้ระแวงพี่คนนี้มากกว่า เพราะเคยสัญญาเขาไว้แล้วว่า จะไม่ลักหลับเขา อยากให้น้องเขากับมาคุยกันสนิทสนมเหมือนตอนก่อนจะรู้ตัว อย่างที่เพื่อนสนิทเขา(เจ้าบ้าน)และหลานผมที่เป็นเพื่อนเขาที่รู้แล้วว่าผมเป็นเกย์และแอบชอบเพื่อนตัวเองอยู่ กับยิ่งมาสนิทกับผมมากกว่าเดิมและดูเหมือนจะเชียร์ พี่ให้ได้กับเพื่อนอีกแต่ผมไม่ให้ทั้งคู่ยุ่งเรื่องของผมกับเพื่อนเขา
พี

เพราะสำหรับฉันแต่ก่อน
ความรักคือการคว้ามา
แต่ในวันนี้ ฉันเปลี่ยนความรักคือ การให้ไป
เพิ่งจะรู้และเข้าใจ
เมื่อฉันได้มารักเธอ

Anonymous said...

รายงานครับครับ!!

หลาน Arus ของอานัย

Anonymous said...

ดีแล้วล่ะที่คุณอูยอมให้นัยไปกับพี่เต้โดยไม่โวยวายให้ผิดใจกันอีก ถอยห่างออกมาจากนัยซักก้าวถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้คุณอูคงจะมีความสุขมากขึ้น

Anonymous said...

บีบคั้นอารมณ์จริงๆครับ อู
อะไรเป็นอะไร ผมงงไปหมดแล้วนะเนี่ยะ

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ---ช่วงนี้มีแต่เรื่องเศร้าใจ

Anonymous said...

yo408 said...

อ่า ที่2ซะงั้น
ตอนนี้ดูเครียดๆ คำถามมันค้างคาไปหมด

Anonymous said...

อย่าโกรธกันนานซิ กี่เดือนแล้วเนี่ยยยย

Anonymous said...

อ่าว ลงซ้ำหรอครับนี่ เหอๆ
บรรยากาศดูอึมครึมจัง ไม่ชอบแบบนี้เลยครับ คิดถึงวันที่อูกับนัยและชัชเคยมีความสุขมาก่อน นับวันดูความสัมพันธ์ของแต่ละคนดูแย่ลงๆ ไม่ชอบเลยT^T ขอให้เคลียร์ใจกันได้เร็วนะๆครับ จะได้ไม่ต้องอึดอัดกันและกลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนก่อน

ปล.ชอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

สงสารอู จริงๆ
บรรยากาศมาคุ อึดอัดอีกแล้ว บีบคั้น
โอ๊ย มาต่อไวๆนะครับ
เอาทีสัก 2-3 ตอนไ่ม่ได้เหรอถ้าว่างนะครับ

ยังไงตอนต่อขอไวๆละกัน

thom

Anonymous said...

เมื่อวานผมคงมึนไปหน่อย เลยโพสต์ซ้ำ เมื่อเช้ามาดูก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน

เรื่องราวในช่วงนี้อูดูเหมือนจะไม่รู้ทิศทาง ที่จริงชีวิตจริงของคนเราบางทีก็เป็นเช่นนี้ คนที่เราคิดว่าสนิทมากๆ บางครั้งก็เหมือนกับว่าเราไม่รู้จักเขาเลย ตอนนี้ดูนัยไม่ออกเลยจริงๆ

ขอตอบคุณคอมเมนต์ที่ ๑๙ จากตอนที่ ๘๓ ครับ น้องคนนี้คงกลัวเรื่องราวจะบานปลายก็เลยถอยห่างออกจากคุณ ตัดไฟแต่ต้นลมไง

คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ แม้ปาฏิหาริย์อาจมีจริง แต่จะเกิดเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้นป่วยการรอปาฏิหาริย์ ยิ่งเป็นคนในที่ทำงาน ถ้าคุณพยายามต่อไป เรื่องอาจหึ่งได้ครับ คนที่เสียอาจเป็นทั้งคุณและน้อง ถึงตอนนั้นอาจจะยิ่งมองหน้าใครได้ยาก

ทางออกก็คือ... ยิ่งเดินไปไกล การที่คุณจะย้อนกลับยิ่งยาก และถ้าหากหลงทางด้วยก็จะยิ่งย้อนกลับได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก สู้ย้อนกลับตั้งแต่ต้นทางอาจจะดีกว่าครับ

อู

Anonymous said...

arus ย้ายสำมะโนไปเป็นหลานอานัยตั้งแต่เมื่อไรกัน คนแถวนี้ส่วนใหญ่รักนัยกันทั้งนั้น นี่หลานก็จะไปอีกคนแล้วหรือนี่ (ฺ._.)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาทักทาย รวมทั้งเขียนอีเมลมาหาด้วยครับ

อู

noteam said...

ไม่ชอบบรรยากาศอย่างนี้เลยอ่า

นึกว่าจาดีกันแล้วซะอีก

เศร้าจัง....

Anonymous said...

ที่1(^_^) มสายอีกแล้วครับมาไม่ทันลุงอูต้องกลับไปอ่านเม้น19อ้อเปนอย่างงี้นี่เองไม่เป็นไรร้อกอ่ยาไปรักเขาเลยครับ ไปรักน้องเคอิโงะดีกว่าพ่อคนที่ควรรักก็ไม่รักน่าสงสารน้องเขาจะตาย ผมทายว่าอีกแป้ปพี่ก็จะมีรักครั้งใหม่กันคนที่รักพี่ไงฟันธง ตอนนี้ลงซ้ำยังไงงง ลุงอูดูstar trek ยังสนุกค้อดๆๆๆ ขอใหห้ลุงมีอายุยืนยาวและรุ่งเรืองนะครับ จากสป๊อก
รู้แล้วลุงอูถ้ากลับไปอดีตได้ลุงจะทำอะไรกับลุงนัยบ้างครับบอกหน่อยดิ ดักปล้ำไม่เอาน่า555+

Anonymous said...

ดีใจได้ตอนเดียว เศร้าอีกแล้ว

เฮ้อออออ

เป็นกำลังใจคุณอูครับ ปกติจะโพสที่palm แต่ตอนนี้

ติดadminหลายวันแล้วไม่รู้เป็นไร มาโพสที่นี่ก็ได้

ใช่ไหมครับคุณอู

วุฒ

Anonymous said...

คุคุคุ
โธ๋! ย้ายไปแค่ตอนสองตอนไง(ฮา)

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

คุณวุฒิครับ

บอร์ดปาล์มติดแอดมิน เข้ามาโพสต์ในนี้ก็ได้ครับ

ตอนหน้าผมไปเจอความลับเรื่องใหญ่ของนัยเข้าเรื่องหนึ่งโดยบังเอิญครับ

อู

Anonymous said...

ที่ไปหาพี่นัย เพราะคิดว่า ต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
กับอานัยน่ะครับ ก็เลยไปปลอบไง คุคุคุ

ว่าแต่ตอนหน้าเมื่อไหร่ล่ะครับ T-T

หลาน Arus ของอาอู