Saturday, May 23, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 86

“เฮ้ย นี่เพื่อนกูเอง” ไอ้นัยรีบร้องห้าม

“เดี๋ยวแม่งเอาไปบอกตำรวจจะตายห่ากันหมด” วัยรุ่นคนหนึ่งที่จับตัวผมไว้พูด

“ไอ้ห่านี่ มึงไม่พูดเผื่อมันจะไม่รู้เรื่อง ดันเสือกพูดออกมาได้” วัยรุ่นอีกคนดุ

“ปล่อยเถอะ นี่เพื่อนสนิทกูเอง” ไอ้นัยพูดอีก “เพื่อนกูไม่พูดหรอก อย่าไปอัดมันเลย”

“ใครจะรับรองได้วะว่ามันจะไม่ปากสว่าง” วัยรุ่นคนหลังยังไม่ยอม

“กูรับรองเอง ถ้ามีอะไรมึงมาอัดกูละกัน” ไอ้นัยรับรองผม

“ถ้ามีอะไรก็คงเข้าโรงเรียนดัดสันดานกันหมด กูคงไม่ได้มาอัดมึงหรอก” วัยรุ่นคนแรกพูด

ผมจึงถูกคลายจากวงแขนที่ล็อกผมเอาไว้ เมื่อผมเป็นอิสระก็หันไปดูหน้าของคนที่ล็อกตัวผมเอาไว้ เห็นเป็นวัยรุ่นอายุราว ๑๕-๑๖ ปี โตกว่าผมและไอ้นัยหน่อย ตัวผอมๆ เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงไม่ถึงกับดุร้าย น่าจะเป็นเป็นวัยรุ่นที่เพียงติดบุหรี่ คงไม่ถึงกับมีนิสัยชอบตีรันฟันแทง

ไอ้นัยถึงกับคบเพื่อนเกเรแบบข้ามรุ่นเลยทีเดียว เรื่องเลวๆทั้งหลายไอ้สองคนนี่มันคงเป็นคนสอนไอ้นัยเป็นแน่

“พวกมึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูขอคุยกับมันก่อนแล้วค่อยตามออกไป” ไอ้นัยพูดกับไอ้สองคนนั่น มันพูดกูมึงกับเด็กโตกว่าอย่างไม่เคอะเขิน นี่ถ้าพูดแบบนี้กับรุ่นพี่ในโรงเรียนมีหวังโดนเตะแน่

สองคนนั่นบ่นพึมพำอีกเล็กน้อย ด่าผมที่เข้ามาวุ่นวาย หลังจากนั้นก็ปีนรั้วออกจากบ้านร้างไป

“ไปกันเถอะอู” ไอ้นัยพูดกับผมด้วยเสียงราบเรียบ

“ไอ้นัย มึงเป็นอะไรไปวะเนี่ย” ผมถามมัน ทั้งตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเป็นห่วงในพฤติกรรมของเพื่อนรักที่นับวันจะแปลกขึ้นทุกวัน

“ไปคุยกันที่บ้านเถอะ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็นจะหนีไม่ทัน” ไอ้นัยเตือน พลางรีบพาผมปีนออกจากบ้านร้างหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้วครู่หนึ่ง

ผมพยายามสะกดกลั้นใจไม่ถามอะไรระหว่างเดินไปที่บ้านของไอ้นัย มีคำถามมากมายที่ผมต้องการรู้คำตอบ

“นี่มึงเป็นอะไรไปวะไอ้นัย” ผมรีบถามมันทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน

“ก็ไม่ได้เป็นไรนี่” ไอ้นัยตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“แบบนี้ยังบอกไม่เป็นไรอีก แล้วนี่มึงสูบอะไรกันแน่ ถ้าสูบบุหรี่ทำไมถึงต้องแตกตื่นกันขนาดนี้” ผมคาดคั้นต่อ

“...”

“ไอ้นัย มึงสูบอะไรกันแน่ มึงนึกว่ากูโง่จนไม่รู้อะไรเลยเหรอ” ผมเอ็ดมันเสียงดัง แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เฮ้ย มึงสูบเฮโรอีนเหรอ”

ไอ้นัยรีบเอามือมาอุดปากผม “อย่าเอะอะสิวะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”

“ตายห่า มึงสูบเฮโรอีน” ผมครางด้วยความตกใจสุดขีด

“จะบ้าเหรอ เปล่าโว้ย” ไอ้นัยปฏิเสธ แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง “แค่กัญชา” ไอ้นัยพูดอ้อมแอ้ม

“หา มึงสูบกัญชา” ผมเอะอะอีก ไอ้นัยรีบอุดปากผมอีกรอบ “อย่าเสียงดังสิวะอู”

แค่สูบบุหรี่ยังพอยอมรับได้ แต่ไอ้นัยสูบกัญชา ถือว่าเสพยาเสพย์ติด มันยากที่ผมจะทำใจยอมรับได้

“นี่มึงถึงกับเล่นยาเสพย์ติดเลยเหรอ” ผมคราง

ไอ้นัยนิ่งเงียบ เดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเย็นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เฮ้ย นี่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง” ผมว่ามัน

ไอ้นัยเงียบอีก ทำโน่นทำนี่ไป ผมรู้สึกโมโหที่มันทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

“งั้นกูต้องบอกคุณอาละนะ” ผมเตือนมัน ที่จริงเด็กๆไม่ค่อยชอบเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่ ชอบจัดการกันเองมากกว่า แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะจัดการได้

“อย่านะอู” ไอ้นัยทำหน้าตกใจ

ที่จริงผมเองก็ไม่อยากบอกคุณอา เพราะถ้าคุณอารู้ ผมเองก็คาดไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับไอ้นัยบ้าง รวมทั้งถ้าเรื่องบานปลายออกไป ไอ้นัยนอกจากถูกคุณอาเล่นงานแล้ว ยังอาจถูกไอ้สองคนนั้นเล่นงานเอาได้ มันอุตส่าห์รับรองผมเอาไว้เพื่อช่วยให้ผมปลอดภัย แล้วผมจะทำร้ายมันได้อย่างไร แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าการบอกผู้ใหญ่กับการไม่บอกผู้ใหญ่ อย่างไหนจะทำร้ายมันมากกว่ากัน

ผมด่ามันไปยกใหญ่ด้วยความโมโห และก็เผื่อว่ามันจะรู้สำนึกขึ้นมาบ้าง แต่ผมคิดผิด...

“โอ๊ย หยุดบ่นเสียทีได้มั้ย หนวกหูโว้ย” ไอ้นัยเอ็ดตะโรใส่ผมอย่างเหลืออด เสียงของไอ้นัยดังจนผมตกใจ “สอนอยู่ได้ มึงจะเป็นพ่อกูหรือไง”

ไอ้นัยพูดแล้วก็ชะงักไป ผมเองก็ชะงัก จริงสินะ ไอ้นัยไม่เคยพูดถึงพ่อเลยสักครั้ง เพิ่งจะได้ยินมันพูดอะไรที่เกี่ยวกับพ่อก็วันนี้เอง

ผมฉุกใจเกี่ยวกับคำพูดของไอ้นัยได้เพียงแว่บเดียวก็ถูกความโกรธบดบังไปจนหมด นี่มันเห็นกงจักรเป็นดอกบัวแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก

“ไอ้นัย กูผิดหวังมึงจริงๆ มึงทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก กูไม่อยากมีเพื่อนขี้ยาโว้ย” ผมกระชากเสียงใส่มันบ้าง

ดูเหมือนคำว่าขี้ยากระแทงใจดำของไอ้นัย มันหน้าแดงขึ้นมาทันที

“งั้นมึงก็อย่ามายุ่งกับกูสิ จะไปไหนก็ไปเลย” ไอ้นัยตะโกน เสียงของมันแหบแห้งจนผมเองแทบจำเสียงไม่ได้

“เออ มึงไล่กู กูหวังดีต่อมึงมาตลอด แต่วันนี้มึงไล่กู...” ผมพูดด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ “ได้ ถ้ามึงไม่เลิกสูบกัญชา มึงก็จะเสียเพื่อนคนนี้ไป”

ในเมื่อผมบอกผู้ใหญ่ไม่ได้ ผมจึงต่อรองกับไอ้นัยเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเดิมพันที่สูงค่าที่สุดในชีวิตของผม นั่นคือมิตรภาพระหว่างเราสองคน ถ้ามันอยากได้เพื่อนคนนี้ มันต้องเลิกกัญชาให้ได้ ผมคงพอมีน้ำหนักอยู่ในใจของมันบ้างกระมัง...ไม่รู้สินะ

“มึงจะเลิกคบกับกูเหรอ” ไอ้นัยถาม ผมเดาไม่ออกว่ามันกำลังอยู่ในอารมณ์ใด

“ถ้ามึงไม่เลิกสูบกัญชา” ผมพูด เมื่อพูดจบผมรู้สึกหนาวยะเยือกอยู่ในหัวใจ

“พอรู้ว่ากูสูบกัญชา มึงก็รังเกียจกูขนาดนี้เลยเหรอ” ไอ้นัยพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง

ผมออกจากบ้านไอ้นัยด้วยความรู้สึกที่สับสนไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งเสียใจ แม้แต่ผมเองก็แยกแยะไม่ออกว่าโกรธใคร เกลียดใคร และเสียใจให้แก่ใคร...

- - -

คืนนั้น ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นมา ผมกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา ใจคอยคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อบ่าย ผมคอยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา หวังลมๆแล้งๆว่าไอ้นัยจะโทรมาเพื่อคุยกันให้หายคาใจ รวมทั้งรับปากว่าจะเลิกสูบกัญชา

“อู วันนี้เป็นอะไรไปน่ะ กระสับกระส่ายตลอดเวลา ป้าเห็นอูแล้วก็พลอยกระสับกระส่ายไม่มีสมาธิไปด้วย” คุณป้าดุผมด้วยความรำคาญ หลังจากที่เห็นผมผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข

“ขอโทษครับ” ผมพูด ว่าแล้วก็รีบหนีขึ้นข้างบนไป ใจจริงอยากอยู่ใกล้ๆโทรศัพท์ แต่คงไม่เหมาะเสียแล้ว

เวลาผ่านไปจนดึกโดยไม่มีวี่แววว่าไอ้นัยจะโทรมาเลย จนได้เวลาเข้านอน ผมนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา ใจยังมีความหวังใยเล็กๆว่าไอ้นัยจะโทรมา ผมคอยโทรศัพท์จนกระทั่งผล็อยหลับไป

วันรุ่งขึ้น ไอ้นัยก็ยังเงียบ...

หลายวันผ่านไป ไอ้นัยไม่เคยโทรมาหาผมเลย

ผมรู้สึกสะเทือนใจมาก การเงียบไร้การติดต่อของไอ้นัยเท่ากับเป็นคำตอบแก่ผมว่าไอ้นัยเลือกที่จะอยู่ข้างใด ผมตีค่าตนเองสูงเกินไป นึกว่าจะพอมีน้ำหนักอยู่ในหัวใจของไอ้นัยบ้าง แต่ที่แท้ก็ไม่มีเลย... ผมรู้สึกอ้างว้าง เลื่อนลอย และหวาดกลัว...

- - -

ต้นเดือนพฤษภาคม ในที่สุดก็ถึงวันลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษาใหม่

ผมใส่ชุดนักเรียนใหม่ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า แทนที่จะกระตือรือร้นที่จะได้เจอเพื่อนๆ ผมกลับออกจากบ้านด้วยใจที่หวั่นไหว ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น

เช้าวันนี้ผมไม่เห็นไอ้นัยรอผมที่ป้ายรถเมล์เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา

มันอาจจะยังมาไม่ถึงน่ะ คอยหน่อยละกัน ผมคิดในใจ ในใจของผมมักเหลือความหวังใยเล็กๆอยู่ใยหนึ่งเสมอ

ผมคอยอยู่จนเกือบครึ่งชั่วโมง มันผิดเวลาไปมากแล้ว ผมยังไม่เห็นไอ้นัย ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับความจริงว่าไอ้นัยไม่ได้เลือกผม...

วันนั้นผมนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนคนเดียว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมไปโรงเรียนคนเดียว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอ้างว้างและเลื่อนลอยอย่างที่สุด มันเหมือนกับว่าชีวิตของผมหายไปครึ่งชีวิต

เมื่อไปถึงโรงเรียน ผมพยายามเก็บงำอาการเอาไว้อย่างดีที่สุด ไม่อยากให้เพื่อนๆผิดสังเกตเพราะไม่อยากคอยตอบคำถาม

วันลงทะเบียนเรียนเป็นวันแรกที่พวกนักเรียนได้เจอกันหลังจากการปิดภาคฤดูร้อนอันยาวนาน นอกจากการลงทะเบียนเรียนแล้ววันนี้ยังเป็นวันที่เราจะได้รู้ว่าในปีนี้เราจะได้อยู่ห้องใด และมีใครเป็นเพื่อนร่วมห้องบ้าง ตามนโยบายคละนักเรียนใหม่ทุกปีของทางโรงเรียน

พวกเราคุยทักทายกันวุ่นวายไปหมด ผมได้เจอตี๋ ผลการเรียนของตี๋ปีที่แล้วไม่ค่อยสวยนัก น่าจะเป็นเพราะมีเรื่องให้มันกระทบกระเทือนใจจนส่งผลกับการเรียน ส่วนอ๊อดนั้นผลการเรียนได้เกือบๆ ๓ ซึ่งอ๊อดพอใจมาก อ๊อดแปลกใจที่รู้ว่าเกรดเฉลี่ยของผมร่วงลงจาก ๓ กว่าๆลงมาเหลือเกรด ๒ ปลายๆ

“โห ไม่น่าเชื่อเลยว่าเกรดจะร่วงได้ขนาดนี้ ยังงี้อกหักชัวร์ มึงจะไม่รับก็ช่างมึง” อ๊อดพูดอย่างมั่นใจ

สำหรับไอ้นัยนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังไม่มีโอกาสได้รู้ผลสอบของมันเลย มาวันนี้ผมจึงหาโอกาสสืบเกรดของมันจากเพื่อนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับมัน และก็ได้รู้ว่าไอ้นัยเทอมที่แล้วไอ้นัยพลาด ได้เกรดไม่ถึง ๓.๕

ผมยืนดูบอร์ดรายชื่อห้องเรียนใหม่ในระดับชั้น ม.๓ ของผม มีเพื่อนเก่าที่มาจากชั้น ม.๑ และ ม.๒ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ผมหวังว่าปีนี้อาจโชคดีได้เรียนห้องเดียวกับไอ้นัย แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง

ผมละสายตาจากบอร์ด และถอยออกมาเพื่อให้คนอื่นๆได้เข้ามาดูบ้าง ทันใดนั้นเอง สายตาของผมก็ประสานกับสายตาที่ผมคุ้นเคยมาแต่เยาว์วัย

ผมถอยออกมาโดยไม่พูดอะไร ไอ้นัยเองก็ทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอะไรเช่นกัน

เอาสิวะ ถ้ามึงเลือกกัญชา กูก็ถือว่าไม่มีเพื่อนอย่างมึง ผมคิดในใจ ในความท้อแท้ ทิษฐิได้กลับกลายเป็นพลังให้แก่ผม



<กัญชาเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้า ขึ้นได้ง่ายในเขตร้อน ส่วนที่นำมาเสพได้แก่ก้าน ใบ และยอดช่อดอก โดยนำมาตากแห้งแล้วหั่นซอย กัญชามีวิธีเสพหลายรูปแบบ โดยการสูบ ได้แก่การสูบจากอุปกรณ์เฉพาะที่เรียกว่าบ้องกัญชาก็ได้ บ้องไม้ไผ่ที่เห็นในภาพล่างซ้ายมือคือบ้องกัญชานั่นเอง หรือยัดไส้บุหรี่สูบก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ผสมในอาหารหรือเคี้ยวกินเฉยๆก็ได้ สามารถออกฤทธิ์ได้เหมือนกัน กัญชามีศัพท์สแลงในหมู่นักเสพว่า ‘เนื้อ’ เมื่อนำมายัดไส้บุหรี่จะมีศัพท์สแลงเรียกว่า ‘พันลำ’

กัญชาเป็นยาเสพย์ติด ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง กล่าวคือ ทั้งกระตุ้นประสาท กดประสาท และหลอนประสาท ในเบื้องต้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทก่อน ทำให้ตื่นเต้น ตกใจง่าย ช่างพูด หัวเราะง่าย เหมือนทำให้อารมณ์ดีขึ้น ทำให้บางคนคิดว่ากัญชาสามารถคลายทุกข์โศกได้ ถ้าเสพมากในปริมาณระดับหนึ่งจะกลายเป็นกดประสาท ทำให้ผู้เสพมีอาการเมาอย่างอ่อนๆ ซึม ง่วงเหงาหาวนอน และถ้าเสพในปริมาณมากยิ่งขึ้นไปอีกจะกลายเป็นหลอนประสาท ทำให้ผู้เสพเห็นภาพลวงตา หูแว่ว ขาดสติ

สมัยก่อน การปรุงอาหารในต่างจังหวัดบางบ้านที่รู้จักสรรพคุณของกัญชาอาจนำกัญชามาผสมอาหารด้วยเล็กน้อย เพราะจะทำให้ผู้รับประทานอาหารอารมณ์ดี ครื้นเครง ต่อมาร้านอาหารบางร้านหัวใสนำกัญชามาแอบใส่ในอาหารของตน ทำให้ลูกค้ากินแล้วติดใจ ขายอาหารได้มากขึ้น แต่ปัจจุบันไม่น่ามีแล้ว เพราะกัญชาหายากขึ้น อีกอย่าง กัญชาเป็นยาเสพย์ติดให้โทษ การครอบครองและการเสพเป็นความผิดตามกฎหมาย>

20 comments:

Anonymous said...

ที่1(^_^) มาดึกจังลุงอูขอบคุณครับก่อนนอน นี่เลยต้องเพลงนี้หามาฝากลุงครับ
http://www.youtube.com/watch?v=RgPBLSKv5vU

Anonymous said...

ไหงงั้นล่ะเนี่ย

Anonymous said...

โอ๊ย

เหมือนคืบหน้าแต่ว่ามีค่าเท่ากับศูนย์
เหมือนการ์ตูน ซึบาสะเลย
บอลอยู่กลางอากาศ ผ่านไปสามตอน
บอลยังไม่ตกถึงพื้นเลย

naja said...

เจ็บลึกๆในใจบอกไม่ถูกเลยครับ

^^sky^^ said...

โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรกันเนี่ย
เรื่องมันกลับกลายเป็นอย่างนี้ล่ะ
เจ็บปวดอ่ะ มากมาย ยิ่งกว่ามากมาย
คาดไม่ถูกจิงๆ

ยุ่น said...

นัย...เปลี่ยนไปมากมายจริงๆ
ที่ผ่านมา..เหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกับนัยมาก่อน
ทำไมช่างดูแตกต่างมาก ยังกับหน้าผา กับ ก้นเหว

อู...คงเส้นคงวากับอารมณ์รุนแรงเหมือนเดิม หุหุ

วันนี้ ตอนนี้ รู้แต่ผลที่เกิดขึ้นกับนัย
แต่ผล..ต้องมาหลังจากเหตุ ใช่ไม๊ครับ
จะคอยติดตามไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้ถึงตัวต้นเหตุ
ว่าต้นเหตุคืออะไร..ที่ทำให้นัยเป็นอย่างนี้
ยอมรับครับว่า..งง งงไปหมด อะไรกันนี่

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ

Anonymous said...

ต่อไวัทันใจจัง
บทสรุปความสัมพันธ์อูกับนัย ตอนนี้จะเป็นอย่างไร
ต้องลุ้นต่ออีก

thom

Anonymous said...

มาไม่ทัสักวัน T-T

หลาน Arus ของอาอู

sun said...

ไม่ไหวไม่ไหวแล้ว

น่าสงสารจิงๆ เลย

มันทำร้ายหัวใจของคนอ่านอย่างแรง

ขอร้องลุงอู

ช่วยเขียนเรื่องให้อย่าเศร้าไปกว่านี้ได้ไหม

คนอ่านคนนี้รับไม่ได้จิงๆ

ข้อร้องนะคราบลุงอู

อย่าให้ความสัมพันธ์ของนัยกับอู

ห่างไปมากกว่านี้อีกเลย

มันรับไม่ไดจิงๆ

from...Sun

Anonymous said...

เหอะๆ อานัยไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกอาอูเลยรึไง
พูดแบบนี้ยังกับว่าไม่ได้เห็นอาอูเป็นเพื่อนที่รักมากที่สุดเลย ทำร้ายจิตใจอาอูจัง งั้นมันคงเป็นแค่คำพูดลมๆแล้งๆสินะ ที่ร้องเพลง A lover's Concerto ที่บอกโตขึ้นจะปลูกบ้านใกล้ๆกัน จะได้เจอกันได้ทุกๆวัน มันกลายเป็นความฝันที่นับวันดูจะเป็นไปได้ยากขึ้นทุกวันๆ คิดถึงวันเก่าๆจังเลย

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

บีบคั้นจิตใจเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว

Anonymous said...

"พอรู้ว่ากูสูบกัญชา มึงก็รังเกียจกูขนาดนี้เลยเหรอ”
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่ช่วยมึงตอนที่ไอ้พงศ์มันซ้อมมึง
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่ชวนมึงไปเที่ยวบ้านกูทุกๆปิดเทอม
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่ย้ายโรงเรียนตามมากับมึง
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่เรียนดนตรีพร้อมกับมึง
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่รีบมารับมึงที่ป้ายรถเมล์ตอนปฏิวัติ
ถ้ากูรังเกียจมึง กูคงไม่รู้สึกว่ามึงเป็นเพื่อนรักกู
ถ้ากูรังเกียจมึง กูจะปล่อยให้มึงสูบกัญชาไปจนตาย
ถ้ากูรังเกียจมึง กูจะไม่ห่วงมึงถ้ามึงทำเรื่องโง่ๆเลย
ถ้ามึงรู้ว่ากูรังเกียจมึงตั้งแต่แรก มึงจะไม่พูดว่า มึงรังเกียจกูขนาดนี้เลยหรออู
ผมช่วยคุณแล้วนะอู ฝากบอกข้อความนี้กับนัยในตอนหน้าด้วยนะคับ

nut said...

ยิ่งอ่านยิ่งสงสารทั้ง อู และนัย
แต่ก็อยากรู้จัง ว่าคำว่าเพื่อนจะดึงนัยให้กลับมาได้หรือเปล่า
แต่ผมว่าการที่นัยเป็นแบบนี้มันต้องมีปมหลังแน่นอน จะคอยติดตามต่อไป มาต่อเร็วๆ นะคับ

Anonymous said...

อยากบอกว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกเลยครับ ที่ผมอ่านจาก web โดยบังเอิญ แล้วก็เฝ้าติดตามการ update ตลอดมา เป็นหลายเดือน แผลบเดียวจะครบปีแล้ว ไม่ได้อ่านแล้วมันจะอัดอั้นตันใจแทน :( ยังไงก็จะตามอ่านนะครับ

Anonymous said...

บอกนัย เห้ยนัยมึงมารวมกลุ่มเต้นcoverกับกูไหม Dong Bang Shi Ki - Mirotic Version C ดีกว่าไปมั่วสุมยาเสพติดนะมึง เท่ห์ด้วย สาวๆกรีดอีกต่างหาก
...ก็แค่พยายามทำให้อารมณ์มันเบาขึ้นอะนะคับ ^^ขำขำ

พี said...

มียาเสพติดอ่อนๆ (กัญชา) มาเกี่ยวข้องด้วยหรือ เรื่องก็ยิ่งซับซ้อนมากกว่าเหมือนเดิม....
รอลุ้นตอนต่อไปก่อนดีกว่า
พี

yo408 said...

เริ่มมองเห็นเค้าลางที่อึมครึมๆ
เพราะจำได้ว่า อูเคยบอกว่าไม่สมหวังกับนัย
แต่ก็อยากรู้อยู่ดีว่าไม่สมหวังอย่างไร และเพราะอะไร

Anonymous said...

น่าสงสารนัยนะมีแต่คนว่าแต่ทุกคนคงลืมไป นั่นหนะเด็ก ม.สองเองนะ อยากรู้อยากลองเป็นเรื่องธรรมดา และดูเหมือนนัยเป็นคนที่มีปมด้อยเรื่องครอบครัวด้วย ด้านจิตใจน่าจะอ่อนแอมากกว่าปกติ ต้องการความรักความเอาใจใส่มากๆ คนที่น่าจะดูแลนัยได้ดีต้องมีบุคลิกที่ดูอบอุ่นมีความเข้าอกเข้าใจและเป็นผู้ใหญ่ (อย่างพีเต้)

NoN@me said...

T^T

ตอนนี้ผมก็ทะเลาะกะเพื่อน คิดแล้วเศร้า

มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย

ผมก็เลยไปบอกว่า"กูขอโทษแล้วนะอยู่ที่มึงจะรับหรือปล่อยมันไป"
มันก็บอกผมมาว่า"ขอเวลาหน่อย พร้อมแล้วจะทักเอง"

ยิ่งคิดยิ่งเศร้า


Noname

Anonymous said...

ใช่ครับอ่านแล้วสะเทือนใจจริงๆครับ สงสารทั้งอูและนัยครับ ที่จริงอูน่าจะค่อยๆพูดกับนัยนะครับ นัยเขาต้องมีปัญหาไรสักอย่าง ถ้าขาดอูไปสักคนยิ่งจะทำให้นัยอ้างว้างนะครับ เพื่อนกันถึงเพื่อนจะเป็นอย่างไรก้ออย่าทิ้งกันเลยนะครับ อ่านแล้วเศร้าครับ แต่ไงก้อเป็นกำลังใจเหมือนเดิมครับ
กร ครับ