Saturday, May 9, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 82

ผมพยายามเก็บอาการและความรู้สึกเอาไว้อย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต แต่ปรากฏว่าทุกคนที่ใกล้ชิดกับผมต่างก็ทักถึงความผิดปกติของผมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่โรงเรียน

“ไอ้ไก่อู หมู่นี้มึงเป็นอะไรไปวะ” อ๊อดถามผมเมื่อเราอยู่ในห้องเรียน

“กูไม่ได้เป็นไรนี่” ผมตอบ

“นี่ถ้ามึงไม่ได้เป็นอะไร โลกนี้คงไม่มีใครที่ไม่สบาย” อ๊อดพูดยียวน “ทั้งซึม ทั้งเหม่อ อาการแบบนี้ถ้าไม่ใช่ที่บ้านมีปัญหาก็อกหัก มึงเป็นอย่างไหนล่ะ”

ผมอึ้งไป คำว่าอกหักทำให้ผมฉุกใจคิด นี่น่ะหรือคืออาการอกหัก หรือว่าผมหลงรัก...

“เฮ้ย” อ๊อดตะโกนใส่หูผม “กูพูดกับมึงอยู่นี่มึงก็ยังเหม่อ แล้วยังบอกไม่เป็นไรอีก เฮ้ย ไอ้ไก่อู มึงเป็นอะไรกันแน่วะ”

มันเป็นไปได้หรือที่ผู้ชายจะรักผู้ชายด้วยกันแบบที่ชายรักกับหญิง ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นผู้ชายเป็นแฟนกัน แต่ผมไม่เคยเข้าใจว่าความรักแบบนั้นเป็นฉันใด... ผมพยายามสลัดความคิดนี้ออกไปจากสมอง ไม่กล้าคิดต่อ

“โอ๊ย ไอ้ห่า เสือกตะโกนกรอกหูกู” ผมด่าอ๊อด

“กูกรอกหูมึงตั้งนาน เพิ่งจะมาโวยวาย ทำไมประสาทช้านักวะ” อ๊อดหัวเราะ พลางชะโงกหน้าเข้ามากระซิบ “อกหักใช่ไหม ไม่เห็นมึงเล่าเลยว่าไปจีบสาวที่ไหน ไวไฟนักนะมึง เห็นเงียบๆหงิมๆ”

“เปล่าโว้ย” ผมปฏิเสธ

ไม่เพียงแต่อ๊อด เพื่อนสนิทอีกหลายคนต่างก็ทักผมถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อน แม้แต่คุณลุง คุณป้าก็แสดงความเป็นห่วง เพราะคิดว่าผมไม่สบาย ส่วนเอ๊ดดูเหมือนจะชินกับเรื่องของผมเสียแล้วจนขี้เกียจถาม เอ๊ดรู้ดีว่าถึงถามผมก็ไม่พูด

กลุ่มคนที่สนิทกับผม แต่กลับทักถึงความผิดปกติของผมช้าที่สุดก็คือพวกพี่ๆในสหกรณ์

ผมเดินเข้าไปในสหกรณ์ในวันหนึ่งใกล้สิ้นปี ช่วงนั้นมีคนมาใช้บริการเช่าหนังสือกันน้อยเพราะส่วนใหญ่มัวแต่วุ่นวายกับกิจกรรมปีใหม่กัน งานในสหกรณ์จึงมีไม่มากนัก พวกพี่ๆเมื่อว่างๆก็นั่งจับกลุ่มคุยกันเฮฮา บางคนก็ไม่ได้เข้ามาเพราะต้องเตรียมงานที่ห้องของตนเอง ส่วนผมนั้นปีนี้ผมไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรที่ห้องมากนักจึงค่อนข้างว่างงาน

เมื่อผมเข้าไปในสหกรณ์ พี่ๆที่คุยเอะอะกันอยู่ก็เงียบกริบ พี่เอ้พยักหน้ากับพี่มั่วเหมือนกับส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง

“ไอ้อู มาพอดีเลย มานี่หน่อย” พี่มั่วทักแล้วเข้ามาจับแขนผมดึงออกไปนอกห้อง

“พี่ขอคุยด้วยหน่อย” พี่มั่วเกริ่นเมื่อเรานั่งลงที่ม้านั่งริมระเบียงตึกเรียบร้อย

“มีอะไรอะพี่ ทำไมต้องมาคุยนอกห้อง” ผมสงสัย รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล

“อยากคุยส่วนตัวน่ะ” พี่มั่วพูด สีหน้าดูจริงจัง “หมู่นี้เอ็งซึมไป มีปัญหาอะไรกับพวกพี่หรือเปล่า” พี่มั่วถามตรงๆ

“ไม่มีนี่ครับ” ผมตอบ ทำไมนะ มีแต่คนถามผมเรื่องซึม

“ทะเลาะกับไอ้นัยใช่ไหม” พี่มั่วเพ่งตามองผมเหมือนกับจะค้นหาความจริง

“เปล่าครับ” ผมหลบสายตา

“อย่ามาหลอกพี่เลย” พี่มั่วไม่เชื่อ

“เอ้อ ทำไมพี่คิดยังงั้นล่ะครับ” ผมไม่ตอบ เสไปตั้งคำถามแทน

“เขารู้กันทั้งสหกรณ์ว่าเอ็งสองคนไม่พูดกัน ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว” พี่มั่วตอบ ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆช่างสังเกต หรือว่าผมไม่เนียนกันแน่ แต่สงสัยจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“เกี่ยวกับที่พวกพี่ไปแซวพี่เต้วันนั้นด้วยใช่ไหม” พี่มั่วรุกถามอีก

ผมใจหายวูบ พี่เต้ยิ่งถามยิ่งเข้าใกล้ความลับของผมและไอ้นัยเข้าไปทุกที

“ไอ้นัยมันโกรธเพราะคิดว่าผมเป็นคนไปนินทามันกับพี่เต้ให้พวกพี่ๆฟังครับ แล้วพี่ๆก็เลยเอาไปแซว” หลังจากถูกคาดคั้นอย่างหนัก ในที่สุดผมก็ยอมพูด แต่ก็พยายามพูดให้น้อยที่สุดและเลือกใช้คำพูดอย่างระวัง

“แต่ก่อนหน้านั้นก็เห็นเอ็งสองคนตึงๆกันอยู่ ใช่ไหม” พี่มั่วรุกถามต่อ ทำไมพี่มั่วรู้ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้มาที่สหกรณ์ในระยะหลัง คงเป็นพี่เอ้พูดให้ฟังเป็นแน่ พวกพี่ๆนี่ช่างสังเกตกันเสียจริง

“เอ้อ ก็ผิดใจกันนิดหน่อยครับ แต่ไม่มีอะไรมาก มาหนักก็เรื่องแซวนี่แหละครับ” ผมกล้อมแกล้มอธิบาย

“เฮ้อ” พี่มั่วถอนใจ “นึกแล้วเชียว” ที่ว่านึกแล้วเชียวไม่รู้ว่าพี่มั่วนึกอะไร ผมไม่กล้าถาม เพราะเหมือนวัวสันหลังหวะ กลัวว่าคำตอบของพี่มั่วจะแทงใจดำเข้า ในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีอะไรดีกว่าการเงียบ

“วันนั้นไอ้เอ้มันคึกมากไปหน่อย พี่เองก็พลอยเป็นไปด้วย แซวไอ้เต้กับไอ้นัยเสียหนัก ไม่นึกว่าจะบานปลาย เอ็งเลยซวย ไอ้เต้ก็ซวย ตอนนี้ซวยกันไปหมด” พี่มั่วทำหน้าจ๋อยเมื่อพูดถึงผลงานที่พวกตนก่อเอาไว้

“แล้วนี่ดีกันหรือยัง” พี่มั่วถามต่อ ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ พี่มั่วตบไหล่ผมเป็นเชิงขอโทษ “โทษทีนะ พวกพี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เอ็งเดือดร้อน”

คำพูดและท่าทีของพี่มั่วไม่ค่อยชัดเจนนักว่ารู้อะไรมาบ้าง แต่รู้ว่าการคุยกับผมในวันนี้พวกพี่ๆเตรียมการกันเอาไว้ก่อนแล้ว เรื่องที่ผมไม่แน่ใจและไม่กล้าถามก็คือ พวกพี่ๆมองความสัมพันธ์ของผมกับไอ้นัยอย่างไร

- - -

อีกวันเดียวจะสิ้นปี...

งานปีใหม่ของโรงเรียนมีขึ้นในวันจันทร์ อันเป็นวันสุดท้ายของการเรียนก่อนหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไอ้นัยไม่ได้ไปเรียนดนตรี บรรยากาศในสยามสแควร์คึกคักและอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรื่นเริงในช่วงเทศกาลเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เมื่อผมเรียนดนตรีเสร็จจึงเดินเล่นในสยามสแควร์และมาบุญครองคนเดียว ที่จริงก็ไม่อยากเดินเท่าไรแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เมื่อก่อนตอนมีไอ้นัยอยู่ด้วย แม้จะอยู่ที่ไหนผมก็มีความสุข แต่เมื่อไม่มีไอ้นัย จะอยู่ที่ไหนก็เซ็งไปหมด

แม้เดินอยู่ในทะเลแห่งผู้คน แต่ผมกลับรู้สึกเดียวดาย... แม้ในท่ามกลางเสียงอึกทึก แต่ผมกลับรู้สึกเงียบเหงา...

เช้าวันนี้ เมื่อผมเดินเข้ามาในโรงเรียนทางประตูสอง ผมได้ยินเสียงเครื่องดนตรีที่ดังผ่านแอมป์ลอยมาตามลม ผมนึกในใจว่างานปีใหม่ในโรงเรียนปีนี้มีพัฒนาการ เพราะมีการเอาวงดนตรีมาเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศด้วย

เมื่อเข้าไปในโรงเรียน ผมจึงพบว่าเสียงดนตรีลอยมาจากตึก ม.๒

ผมเดินตามเสียงไป พบว่าที่บันไดทางขึ้นตึกมีวงดนตรีนักเรียนกำลังเล่นอยู่ วงนี้เล่นกันอยู่สี่ห้าคน เครื่องดนตรีก็มีกลองกับกีตาร์ และหนึ่งในนักเรียนที่กำลังเล่นกีตาร์อยู่ก็คือไอ้นัย!!!

ผมชะงัก ยืนละล้าละลัง ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดูดี หรือว่าจะเดินเลี่ยงไปดี แต่ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดู

“ทำไมอยู่ดีๆมีวงมาเล่นล่ะ” ผมถามเพื่อน ม.๒ ด้วยกันที่ยืนฟังดนตรีอยู่

ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง แต่ผมมารู้เอาภายหลังว่าเป็นความคิดของกลุ่มหัวหน้าห้องระดับ ม.๒ ที่อยากสร้างบรรยากาศงานปีใหม่ด้วยการเอาวงดนตรีนักเรียนมาเล่นที่หน้าตึกแบบให้แปลกใจกันเล่น รวมทั้งเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับชาว ม.๒ และทุกๆคนด้วย ไม่ใช่ทางโรงเรียนจัดให้อย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรก

ไอ้นัยกรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์ เล่นเพลงพรปีใหม่ในแนววงสตริง จังหวะหนึ่งไอ้นัยเงยหน้ามองมาเห็นผมเข้าพอดี ใบหน้าของมันเรียบเฉยจนอ่านความรู้สึกไม่ออก

ขอโทษนะเพื่อน... ผมคิดด้วยความเสียใจ ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าไอ้นัยหาข้ออ้างเรื่องซ้อมดนตรีเพื่อหลบหน้าผม ที่แท้ไอ้นัยไม่เคยโกหกผมเลย

งานเลี้ยงฉลองปีใหม่ในวันนั้นเป็นวันที่ไม่สนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมาในความรู้สึกของผม ผมรู้สึกเซ็งเหลือเกิน อยากจะเจอกับไอ้นัยเพื่อจะกล่าวคำขอโทษ แต่ถ้าผมเจอมันจริงๆ ผมจะเอ่ยคำขอโทษออกมาได้หรือ ทีมันเข้าใจผมผิดเรื่องปล่อยข่าวมันยังไม่เห็นมาขอโทษผมเลย ไอ้นัยต่างหากที่ต้องมาขอโทษผม... ผมคิดสับสนวนเวียนแต่เรื่องไอ้นัยตลอดทั้งวัน

ตอนบ่าย หลังงานเลี้ยงในห้องเลิก ผมหอบของขวัญที่จับฉลากได้มาที่สหกรณ์ ที่จริงวันนี้สหกรณ์ปิด แต่ผมไม่มีที่ไป จึงลองแวะมาดู เผื่อพวกพี่ๆมามั่วสุมกันอยู่

ไม่ผิดหวัง ห้องปิดประตูแต่ไม่ได้คล้องกุญแจ แสดงว่าข้างในมีคนอยู่...

ผมเปิดลูกบิดและเดินเข้าไป เห็นพี่มั่วกับพี่เอ้นั่งคุยกันอยู่แค่สองคน

“เฮ้ ไอ้อู เข้ามาสิ” พี่มั่วทัก “หน้าตาเอ็งยังไม่ดีเลยนะ”

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่พูดอะไร ที่จริงตั้งแต่มีเรื่อง หน้าตาพี่มั่วกับพี่เอ้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรเหมือนกัน

“ไอ้อู ไอ้นัยยังไม่หายโกรธเอ็งอีกหรือวะ” พี่เอ้ถาม คงรู้เรื่องจากพี่มั่วมาแล้ว

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ไอ้นัยมันโกรธจริงโว้ย” พี่มั่วเปรย

“เฮ้ย พี่ขอโทษนะอู” พี่เอ้กล่าวคำขอโทษออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ปากเสียเอง ทำให้เอ็งซวยไปด้วย”

คงไม่ง่ายนักที่เด็กรุ่นพี่จะขอโทษรุ่นน้องในยุคที่ระบบอาวุโสยังมีอยู่ ทัศนคติของผมที่มีต่อพี่เอ้เริ่มเปลี่ยนกลับมาในทางดีขึ้นอีกครั้ง พี่เอ้นับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง กล้าทำก็กล้ารับผิด

พี่มั่วตบหัวพี่เอ้ซ้ำ “เพราะเอ็งตัวเดียวแท้ๆ เดือดร้อนกันไปหมด แล้วนี่คิดจะขอโทษไอ้เต้มันบ้างไหม”

“ยังไม่เจอพี่เต้เลยพี่” พี่เอ้ตอบ

“เออ พูดถึงไอ้เต้” พี่มั่วทำหน้าแบบนึกอะไรขึ้นมาได้ “วันนี้พี่เจอมันถือห่อของขวัญว่ะ”

“แล้วไง” พี่เอ้ถาม ส่วนผมเองก็อยากรู้

“พี่ก็ถามมันว่าจะเอาไปให้ใคร มันก็ตอบว่าจะเอาไปให้สาวสตรีวิทย์” พี่มั่วเล่า “มันก็แปลกๆ ช่วงหลังมันไม่ยอมคุยกับพี่ แต่วันนี้ถามแล้วมันกลับตอบ มันไปจีบเด็กสตรีวิทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

ผมฟังพี่มั่วเล่าด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างระคนกัน ทั้งแปลกใจ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ทั้งดีใจ เพราะถ้าเป็นจริง พี่เต้จะได้ไปจากชีวิตของผมและไอ้นัยเสียที และทั้งสงสัย... สงสัยว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ และทั้งสงสัยว่าไอ้นัยจะคิดอย่างไรเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้


<เมื่อเข้าไปในโรงเรียน ผมจึงพบว่าเสียงดนตรีลอยมาจากตึก ม.๒ ผมเดินตามเสียงไป พบว่าที่บันไดทางขึ้นตึกมีวงดนตรีนักเรียนกำลังเล่นอยู่ วงนี้เล่นกันอยู่สี่ห้าคน เครื่องดนตรีก็มีกลองกับกีตาร์ และหนึ่งในนักเรียนที่กำลังเล่นกีตาร์อยู่ก็คือไอ้นัย!!!>

25 comments:

Anonymous said...

ที่1(^_^) จองแล้ว ไปอ่านก่อนละกิ้กๆสวัสดีตอนเช้าค้าบบ

nut said...

อ่านตอนนี้แล้วไม่ค่อยเครียดเท่าไร
แต่ก็ยังสงสารลุงอูเหมือนเดิมนะคับ
เป็นกำลังใจให้นะคับ

Anonymous said...

ดีตอนเช้า
เิริ่มคลี่คลาย แต่ยังคาใจอยู่
ว่าของขวัญ จะเป็นของใคร
แล้วจะคลี่คลายไปทางไหน

ช่วยเขียนต่อเร็วๆก็ดีครับ
ขอบคุณครับ

thom

Anonymous said...

กรุณาต่อด่วน 555+

ตอนนี้ไม่เครียด เเต่ก็ยังไม่กระจ่างซะที

ตกลงจะเป็นไงกันเเน่เนี่ย

พี่เต้อ่ะ

ต่อไวๆนะครับ

Anonymous said...

ที่1(^_^) ผมก้อปเพลงมาให้ลุงอูครับของบอยในหนังเฟรนด์ชิพไงลุงดูป่าวเอาไว้ให้ลุงบอกรักลุงนัยไงบอกตอนนี้ก็ไม่สายไปหรอก
ความรู้สึกว่ารัก ที่ฉันมีต่อเธอ
จะเก็บไว้เสมอ ไม่ว่านานแค่ไหน
และหัวใจจะรอไม่ว่าเรา
จะได้พบกันอีกไหม ..
มีคลิปให้ดูด้วย http://www.youtube.com/watch?v=ZF4MygJWBTk
นี่อีกอัน http://www.youtube.com/watch?v=7vfy3RgddGc

ยุ่น said...

ความคิดของคนอื่นน่ากลัว
ความคิดของตัวเองน่ากลัวกว่า

คิดเหมือนกันว่า ของขวัญชิ้นนั้นของพี่เต้
ให้สาวสตรีวิทย์ จริงเหรอ
หรือพี่เต้ไมกล้าพูดว่า...
ให้หนุ่มบุรุษนัย
กลัวว่าจะเป็นอย่างหลังครับ
อ้อ...ไม่รู้ว่าเสื้อที่นัยซื้อไว้คราวก่อนนั้น
เตรียมไว้เป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่เต้ใช่ไม๊

ถ้าใช่...คงไม่ต้องรออ่านถึงตอนจบแล้วละครับ
รูปการณ์ออกมาซะแบบนี้ ไหนจะยืนยันด้วยนิยาย
ต้นส้มแสนรักอีก เฮ้ออออออ..อกหักแทนอู

ขอบคุณคับ คุณอู

ยุ่นครับ ---นอยด์อีกแล้วครับผม

Anonymous said...

ถึงเรื่องของนัยจะจบเร็วๆ นี้ ก็อยากให้เขียนต่อๆ ไปนะคับ อ่านมานานจนเป็นเหมือนคนรู้จัก เหมือนเพื่อนสนิท ที่อยากจะพูดคุย อยากจะฟังเสียงกันทุกวันน่ะคับคุณอู

ขอบคุณคับ
MNK

yo408 said...

เป็นอีกเสียงที่อยากให้เขียนต่อตอน ม.ปลาย

ถึงจะไม่มีเรื่องหวือหวาเกี่ยวกับความรัก แต่มันก็ย้อนอดีตให้กับคนรุ่นใกล้ๆกัน หรือเด็กน้อยที่ยังไม่เกิดได้อ่านกันครับ

พี said...

ตอนนี้คุณอู...บรรยายไปแบบเร็วๆ เลยดูเหมือนไม่กดดันสำหรับคนอ่าน แต่ที่จริงแล้ว ช่วงนี้ คุณอู น่าจะเป็นช่วงที่เหงา เศร้า ว้าเหว่ เจ็บปวดใจ ที่ทรมานมากๆ กว่าวันเวลาจะผ่านไปแต่ละวัน ไม่น่าเชื่อนะว่าเหตกาณ์นี้จะเกิดช่วงแค่ ม.2 มันน่าจะไปเกิด ช่วง ม .ปลายมากกว่า เพราะช่วงนั้นอารมณ์วัยรุ่นจะแปรปรวนมาก แต่เพราะคุณอูกับนัยคบกันเร็ว จึงทำให้มีความรู้สึกแบบนี้เกิดเร็วตามไปด้วย เอาใจช่วยต่อไปครับ

+++++ยกอีก1มือสนับสนุนให้เล่า ต่อตอนม.ปลายให้ด้วยครับ++++

....ขอบคุณครับ...สำหรับกำลังที่ทุกๆคนมีให้
พี

อยากจะลืม ใครสักคน เมื่อหยาดฝนพร่างพรมพริ้วมา สายน้ำที่ร่วงหล่น ปนเคล้าหยาดน้ำตา กลับไปคิดถึงครา แรกที่เราพบกัน ...
รู้เป็นเพียงอากาศ แต่ไม่อาจห้ามใจ อยากมีเธอชิดใกล้ แต่เธอคงไม่คืน

Anonymous said...

ใช่ อยากให้เขียนตอนม.ปลาย ด้วยคน
เพราะลึกๆแล้วอยากให้เรื่อง นัย จบๆไปกะคน
ที่เค้าชอบแล้วกัน

แต่อย่าลืมน่ะ คุณอู เคยบอกว่า
ตอนจบม.ต้น จะเล่า เรื่องของ ชัช ให้ฟังอ่ะ

t1000

Anonymous said...

เอาได้เลย จนไม่สวยงามแน่ เตรียมทำใจก่อน
เศร้าๆๆๆ
^^sky^^

Anonymous said...

อ่านมาพักนึงละครับ เพิ่งอ่านตั้งแต่ภาค 1 มาจนถึงตอนนี้
คุณอูเขียนเก่งมากเรยย - - ไม่อยากบอกว่ามาเจอเรื่องนี้ได้ยังงัย เหอๆ แต่พอเจอแล้วอ่านติดเลยครับ อินมากกก
เศร้าไปตามๆเลย T^T เขียนได้ดีเหลือเกินครับ ขออณุญาติเรียกคุณอูว่าอานะครับ เพราะอายุน่าจะเปนอาสำหรับผม ยังไงก้ออยากให้เขียนต่อไปนะครับ เพราะเขียนได้ดีน่าติดตาม และสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าถึงอารมณ์ได้ ไม่อยากให้จบเลยครับ

เปนกำลังใจให้และขอชมด้วยความจริงใจ

Sea~~!!

noteam said...

สงสารคุณอูจังที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อ่า

เป็นกำลังใจให้นะคับๆๆ

สู้ๆๆๆๆๆ

มาไวๆนะค๊าบบบบบบบบบบ

Anonymous said...

มาอย่างไรก็ไม่ทัน T-T

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ดีกันเถอะๆ เศร้าจังๆ

naja said...

แอบคิดเหมือนคุณยุ่นเลยว่า พี่เตอาจจะโกหกเรื่อเอาของขวัญไปให้เด็กสตรีวิทย์ จริงๆแล้วอาจจะเอาไปให้นัยก้อได้

วันนี้อ่านแล้วก้อรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะอูกับนัยไม่ได้คุยกันนานแล้ว จะยิ่งห่างกันออกไปทุกทีๆรึเปล่าก็ไม่รู้

Anonymous said...

ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงให้เขียนม.ปลายต่อนะคร้าบ

ปล.ขอเปนหลานอาอูเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม ><

Sea~~!!

Anonymous said...

หลานที่หนึ่งเล่นจองที่ก่อนแล้วค่อยเข้าไปอ่านเหรอ เข้าใจคิดนะ

ดูคลิปแล้ว ขอบคุณมาก ซึ้งดีครับ

เรื่องต้นส้มพี่เอ้คงเข้าใจผิด เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับความรักหนุ่มสาวเลย เพียงแต่มีคำว่าแสนรักอยู่ในชื่อเรื่องเท่านั้นเอง

เรื่องเสื้อยืดยังไม่กระจ่างครับ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ให้ผม เพราะปีใหม่ไม่ได้อะไร

ของขวัญพี่เต้ให้ใครก็ไม่รู้ครับ เพราะไม่มีใครเห็น ผมก็ไม่อยากถามนัยเพราะไม่พูดกันอยู่ แต่หลายๆเรื่องจะได้รู้มาจากพี่มั่วเพราะเรียนห้องติดกันกับพี่เต้

ขอบคุณสำหรับความเห็นและกำลังใจครับ เอาไว้ตอนจบแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีก็ได้

ตอนนี้หลายๆคนคงสงสารผม แต่แล้วผมก็ทำเรื่องงี่เง่าอีกจนได้ ที่สงสารอยู่อาจเปลี่ยนใจ อีกสักตอนสองตอนก็คงรู้ครับ

อู

{~AnT_"No"_Ne~} said...

หาภาค1ตอนที่78-82ไม่เจออ้ะคับอยากอ่านมากกำลังซึ้งเลยอยู่ตรงไหนช่วยบอกหน่อยนะคับหาไม่เจอจริงๆ.....

Anonymous said...

ตอนที่ 78-82 อยู่ในเดือน มกราคม 2008 ครับ

http://uustory.blogspot.com/2008/01/78.html

http://uustory.blogspot.com/2008/01/79.html

http://uustory.blogspot.com/2008/01/80.html

http://uustory.blogspot.com/2008/01/81.html

http://uustory.blogspot.com/2008/01/82.html

ยุ่น said...

ครับ
จะรออ่านนะครับว่า งี่เง่า ที่อูทำน่ะคืออะไร

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ

ฺBomber_Boy said...

เวาะเวียนเข้ามาดูหลายรอบแล้ว มาดูว่าคุณอูมาต่อตอนใหม่หรือยัง...แต่ก็ยัง....เฮ้ย!!!!!

มาต่อเร็วๆ นะครับ..
ผมว่าแฟนคลับคุณอูคอยอยู่นะครับ ผมเชื่อว่าคอยกันอยู่หน้าสลอนเลยแหละ รวมทั้งตัวผมด้วย

ปล.เห็นใจคุณอูนะครับ แต่สงสารคนคอยลุ้นคุณอูมั่งเถอะ อกจะแตกตาย
เปิดคอมเปิดเน็ตก็ต้องเข้ามาที่บล็อกของคุณอูก่อน..

Anonymous said...

อยากอ่านต่อจัง เพิ่งได้อ่านทั้งภาคแรกและภาคสองจนจบอ่านแบบข้ามวันข้ามคืน สนุกมาก ซึ้งมาก อ่านแล้วหยุดไม่ได้ อยากอ่านต่อใจจะขาด เอาไปทำหนังได้เลยอ้ะ สุดยอดมากคับ

Anonymous said...

เรื่องนี้จะมีถึงมหาลัยมั้ยคับ...อยากให้มีจัง

Anonymous said...

ขอบพระคุณครับที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปัน