Monday, March 2, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 63

“อ๊อดจับขโมยได้เหรอ” ผมรีบถาม “ใครเป็นขโมยล่ะ แล้วทำไมต้องชกกัน”

“มึงจะให้ตอบคำถามไหนก่อนวะเนี่ย ถามทีละหลายๆคำถามแบบนี้” นกแกล้งอ้อยอิ่ง ไม่ตอบคำถาม

“โธ่เอ๊ย ยิ่งร้อนใจอยู่ ยังมาแกล้งอีก เดี๋ยวไม่ทันได้โตหรอกมึง” ผมพูดอย่างร้อนรน

“อะ อะ บอกละ” นกพูด

นกเล่าให้ฟังว่าในช่วงพักเที่ยง หลังจากที่อ๊อดเข้ามานั่งในห้อง เจตซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งเด็กเกเรหลังห้องก็แซวทรงผมของอ๊อด แซวจนมันโมโหก็เลยชกกัน เพื่อนๆก็เข้าไปช่วยกันห้าม ขณะที่ชุลมันกันก็ปรากฏว่ามีคนแอบล้วงเป้ของชิวและถูกจับได้คาหนังคาเขา

“ตกลงว่าใครเป็นขโมย” ผมถามด้วยความร้อนใจ รู้สึกสังหรณ์วูบอยู่ในใจ ตอนนั้นผมละเรื่องอ๊อดชกกับเจตเอาไว้ชั่วคราว สนใจแต่เรื่องขโมย

“ก็คนที่ไอ้จิมันคิดเอาไว้นั่นแหละ” นกถอนใจ ไม่เอ่ยชื่อตรงๆ แต่แค่นั้นผมก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

“แล้วมันไปไหนแล้วล่ะ” ผมรีบถามต่อ

“ถูกส่งไปห้องพักอาจารย์แล้ว” นกตอบ

อาศัยช่วงที่เหตุการณ์ชุลมุนนั้นเอง ตี๋เข้าไปล้วงเป้ของชิว และหลังจากนั้นก็ถูกจับได้ คนที่จับได้ก็คือไอ้จิ มันคงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของตี๋อยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นคงจับไม่ได้ เพราะในจังหวะที่มีคนชกกันชุลมุนแบบนั้น คงไม่มีใครมามัวสังเกตเรื่องอื่น

เมื่อรู้เรื่องจากนก ผมก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะของผมเองซึ่งติดกับอ๊อด

“เพดานมีอะไรเหรอ เห็นมึงมองตั้งนานแล้ว” ผมถามอย่างสงสัย

“โธ่ ไอ้ไก่อู ทำไมโง่ยังงี้วะ กูเลือดกำเดาไหลโว้ย เลยแหงนหน้าเอาไว้” อ๊อดด่า

“มึงนั่นแหละโง่ แหงนหน้าแล้วเลือดมันจะหยุดได้ไง มันต้องเอาสำลีอุดรู้จมูกเอาไว้ ถ้าอุดสองข้างได้เลยยิ่งดี จะได้ขาดใจตายห่าไปเลย” ผมพูด

“มึงไม่สงสารเพื่อนเลยนะมึง เอาแต่คอยซ้ำเติม” อ๊อดต่อว่า “มีสำลีไหมล่ะ”

“ไม่มีโว้ย ไปที่ห้องพยาบาลดิ ดูไปแล้วมึงไม่เป็นไรมากนี่หว่า ยังไม่เห็นเลือดไหลออกมาเลย” ผมพูด แล้วก็ลดเสียงเบาลง “ไอ้ตี๋เป็นไงบ้างวะ”

“ไอ้จิมันแน่มาก ขนาดคนอื่นเผลอมันยังไม่เผลอ” อ๊อดพูดเบาๆทั้งที่ยังแหงนหน้าอยู่ “มือไอ้ตี๋ล้วงอยู่ในเป้ไอ้ชิว คาหนังคาเขาเลย แก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว”

ผมถอนหายใจ จนถึงบัดนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่าไอ้ตี๋เป็นขโมย

เมื่อคาบเรียนภาคบ่ายเริ่มไปประมาณสิบห้านาที ชิวกับจิก็กลับเข้ามาในห้อง แต่ตี๋ยังไม่ลงมา เพื่อนๆพยายามถามจิว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องพักอาจารย์ ชิวนั่งเงียบไม่ค่อยพูดอะไร ปล่อยให้จิยอดนักสืบเป็นคนพูดมากกว่า จิเล่าให้ฟังว่าอาจารย์ประจำชั้นได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นก็ให้จิกับชิวกลับลงมาก่อน

“เห็นไหม ไม่ใช่ความสามารถของคุณจิยอดนักสืบหรอกเหรอ ไม่น่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเลยเพื่อนเรา” จิคุยโว พร้อมทั้งพูดแบบเห็นใจ แต่น้ำเสียงที่พูดไม่ได้แสดงความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย

ตี๋หายตัวไปหนึ่งคาบเต็มๆ เมื่อหมดคาบแรกไปแล้วจึงได้กลับเข้ามาในห้อง ตี๋ก้มหน้า สังเกตว่าใบหน้าขาวซีด แต่ก็เรียบเฉยจนอ่านความรู้สึกไม่ออก เพื่อนๆพากันรุมซักไซ้ไล่เรียงแต่ตี๋ไม่ยอมพูดกับใคร

ตี๋นั่งก้มหน้าไม่พูดกับใครอยู่จนเลิกเรียน จากนั้นก็รีบออกจากห้องไป ผมเองอยากจะเข้าไปคุยกับตี๋ แต่ก็ลำบากใจ วางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดกับมันอย่างไร จะปลอบใจก็ใช่ที่ จะซักถามรายละเอียดก็คงไม่เหมาะ สุดท้ายก็เลยไม่เข้าไปคุยดีกว่า

- - -

วันรุ่งขึ้น ในช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน จินั่งคุยกับเพื่อนๆถึงวีรกรรมยอดนักสืบของมันอย่างออกรส

“เห็นไหม ที่ผมสันนิษฐานน่ะแม่นยำแค่ไหน ในที่สุดคนร้ายก็ต้องจนมุมเชอร์ล็อกจิ” จิโม้ “ถ้าจนแล้วนิสัยดีมันก็ยังน่าคบ นี่จนแล้วยังเลวอีก ไม่รู้จะคบได้ไง”

กระแสภายในห้องส่วนใหญ่จะเห็นว่าตี๋ทำผิดและสมควรถูกลงโทษ เพื่อนๆหลายคนที่ไม่ค่อยชอบตี๋อยู่แล้วแสดงอาการสมน้ำหน้า ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าข้างตี๋เลย

ชิวถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกไปพบแต่เช้า ส่วนตี๋นั้นผมไม่เห็นเลย ที่เก้าอี้ของตี๋ก็ไม่มีเป้วางอยู่ เข้าใจว่าคงจะไม่มา

หลังจากที่ชิวลงมา ชิวเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าขณะที่ขึ้นไปนั้นพบว่าตี๋และผู้ปกครองกำลังคุยกับอาจารย์อยู่ หลังจากที่อาจารย์ซักถามรายละเอียดของเหตุการณ์เมื่อวานเพิ่มเติม ก็ให้ชิวกลับลงมาก่อน

“สงสัยจะแย่แน่ว่ะ ไม่น่าเล้ย” อ๊อดบ่น วันนี้ปากของอ๊อดเจ่อออกมาเพราะพิษหมัดของเจต “จะโดนไล่ออกไหมวะเนี่ย”

วันนั้นทั้งวันตี๋ไม่ได้เข้ามาในชั้นเรียนเลย เข้าใจว่าหลังจากพบอาจารย์ประจำชั้นแล้วก็คงกลับไป

วันรุ่งขึ้น ตี๋ก็ไม่มาโรงเรียนอีก ตี๋กลับมาเรียนอีกครั้งในตอนเช้าของอีกวันถัดมา ตี๋เดินเข้ามาในห้องในสภาพที่สะบักสะบอม โหนกแก้มบวมปูด ปากแตก ที่แขนและที่น่องเต็มไปด้วยริ้วรอยแตกเป็นแนว

ตี๋เดินเข้ามาในห้องแล้วก็นั่งลงที่ที่นั่งของตัวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆ รวมทั้งผม

“เฮ้ย ตี๋ ใครทำมึงขนาดนี้วะ” เพื่อนๆถาม

ตี๋เงียบไม่ยอมตอบคำถาม เพื่อนๆเดากันว่าคงโดนพ่อซ้อม แต่ผมรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ฝีมือพ่อของตี๋ เพราะพ่อตี๋อยู่ต่างจังหวัด ริ้วรอยและบาดแผลเหล่านี้น่าจะเป็นฝีมือของญาติผู้ใหญ่ที่ตี๋มาอาศัยอยู่ด้วย

ผมเดินเข้าไปทักทายตี๋ แต่ตี๋ก็ไม่ยอมพูดด้วย เอาแต่นั่งก้มหน้า หนักๆเข้าทุกคนก็เลิกสนใจกับมันเพราะว่าพูดแล้วมันไม่พูดด้วย

ไอ้นัยรู้เรื่องราวของตี๋เป็นอย่างดี เพราะว่าผมจะบ่นให้มันฟังทุกเช้าตอนนั่งรถเมล์ ช่วงหลังผมกับไอ้นัยไม่ค่อยกลับบ้านด้วยกัน เพราะว่ามันอยู่ช่วยไอ้พี่เต้เกือบทุกวันเนื่องจากวันเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว จะได้เจอกันก็แต่ในตอนเช้า

หลังจากที่ตี๋มาโรงเรียนในสภาพสะบักสะบอม หลังจากนั้นมันก็ไม่พูดกับใครเลยแม้กระทั่งผม เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ได้สองสามวัน ผมอดห่วงตี๋ไม่ได้ แม้ผมจะห่วงมันแต่ก็อยู่ห่างๆมันเช่นเพื่อนคนอื่นๆเพราะว่าวางตัวไม่ถูก ในตอนนั้นกระแสสังคมตัดสินว่าตี๋ผิด ส่วนจิเองก็เป็นตัวตั้งตัวตี ใช้วาทศิลป์หว่านล้อมให้เพื่อนๆแอนตี้ตี๋ จิอ้างว่าสังคมต้องช่วยกันแอนตี้คนที่ไม่ดีด้วยการอย่าไปคบ เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ผมจะเข้าไปห่วงใยมันออกหน้าออกตานักก็เกรงจะสวนกระแสสังคม จึงได้แต่ทำตัวเฉยๆและอยู่ห่างๆไว้ก่อน

“เอาไงดีวะ” ผมเปรยกับไอ้นัยขณะนั่งรถเมล์เดินทางไปโรงเรียน

“ยังไงนี่คือยังไงอะ” ไอ้นัยย้อนถาม

“ก็สงสารมันหรอกนะ แต่ไม่รู้จะคุยยังไง หรือไม่รู้จะทำยังไงให้มันคุย” ผมพูด “อีกอย่าง ตอนนี้ไม่มีใครเอามันแล้วนะ กูอยากจะกินข้าวกับมันยังไม่กล้าทำเลย”

“มึงกลัวอะไรล่ะ” ไอ้นัยย้อนถาม

“กลัวอะไรเหรอ” ผมพูดอย่างใช้ความคิด จริงสินะ ผมกลัวอะไร มันเป็นคำถามที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน “ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ใครๆก็ไม่คบกับมันแล้ว”

ลึกๆแล้วอาจเป็นเพราะแต่ละคนอาจกลัวว่าหากคบกับตี๋ต่อไปแล้วตนเองอาจจะมัวหมองไปด้วยก็ได้กระมัง คำพูดของจิโน้มน้าวเพื่อนๆได้มาก ดังนั้นถ้าใครยังคบกับตี๋ต่อไปก็อาจจะถูกเพื่อนๆแอนตี้ไปด้วยก็ได้ ผมเองก็กลัวเหมือนกัน

“แล้วกูควรทำไงดีวะ” ผมพึมพำ


<ผู้ปกครองของตี๋ถูกอาจารย์ประจำชั้นเชิญมาพบเพื่อปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น>

16 comments:

Anonymous said...

มาหาอาอูแล้วครับ
หลายวันนี้ฝนตก หลานไข้ขึ้นซ้ำซ้อนด้วยล่ะ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ที่1 (-_-") กิ้กๆๆ
เดาถูกเกือบหมดยกเว้นตี๋ ลุงอูแกล้งหลอกชิชิ สงสารตี๋ เอ้ใช่คนที่แขนพิการรึป่าวเดี่ยวต้องกลับไปอ่านใหม่และ อยากรุ้จังตี๋เอาเงินไปทำไม ลุงอูมาตอบด้วยนะครับแต่เอ้ไม่แน่ตี่อาจจะแค่หยิบหนังสือโป้ก็ได้ ลุงอูชอบหลอก หุหุ ขอบคูณค้าบบ

Anonymous said...

อะเห้ยว่าเม้นคนแรกแล้วน้า(-_-""")

Anonymous said...

พูดยาก

ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็พออภัยเพื่อนได้
แต่เรื่องขโมยถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีคำว่าให้อภัย หรือคำว่าลืม
ยิ่งถ้าขโมยของของเพื่อนหรือของคนรู้จักแล้วละก็
ไม่ต้องพูดต่อเลยครับ


มนุษย์ทุกคนมีทางเลือกว่าจะยอมปล่อยให้ อำนาจหรือกิเลส
มีอิทธิพลเหนือตัวเองหรือไม่ สไปเดอร์แมน3

t1000

Anonymous said...

หรือ สไปเดอร์แมน2อ่ะ จำไม่ได้

Anonymous said...

แหงะ = =

สงสารแฮะ คงต้องมีเหตุผลไรซักอย่างอ่านะ
คุณอูจาทำยังงัยน้า ~

ม่อน

ยุ่น said...

ตี๋..จะตกอยู่ในสภาพเหมือนกับไอ่ฟักเหรอเปล่า
คำพิพากษา...ของสังคม
กระแสที่รุนแรงและยากจะต่อต้าน
มีไม่กี่คน..ที่จะกล้าแหวกกระแสอันเชี่ยวกรากนี้

สำหรับกรณีของตี๋นี้ นัยคงจะให้ข้อคิดดีๆกับอูนะ

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ

Anonymous said...

มีแต่กำลังใจอ่ะ

สู้ๆ ต่อไปอู รออ่านค๊าบ
^^sky^^

Anonymous said...

ขอบคุณคับอู
ผมหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยคับ
555555
KTB
มองคนในแง่ดีก้ออย่างนี้ล่ะนะ
หลาน arus ป่วยบ่อยจัง ดูแลสุขภาพด้วยนะ อาอูเค้าห่วงนะ

Anonymous said...

สงสารตี๋ เข้าใจคำว่าหมาหัวเน่าเป็นอย่างดีว่าตอนเพื่อนๆไม่คบด้วยนั้นเป็นอย่างไร กระแสสังคมเป็นเรื่องที่น่ากลัว ทำให้คนเลวๆกลายเป็นคนดีก็ได้ และทำให้คนดีๆต้องตกนรกไปเลยก็ได้้

อยากจะรู้จังว่าตี๋ต่อมาเป็นอย่างไร โตขึ้นแล้วนิสัยเป็นอย่างไร

yo408 said...

อ่า พลิกล๊อคพอประมาณ
คาดว่าเหตุผลที่ขโมยคงต้องมีแน่ๆ แต่อย่างว่า ถ้าเป็นแกะดำ จะทำให้อยู่ในห้องเรียนยาก ไหนจะรายงานกลุ่ม และกิจกรรมกลุ่มอื่นๆ ถ้าไปเป็นแกะดำ2คน จะทำให้ชีวิตในห้องเรียนลำบากมาก เข้าใจครับ

Anonymous said...

(^_^+)ผมไปหาอ่านใหม่แล้วตี๋แขนพิการจริงด้วยกว่าจะเจอตอนที่19แนะ มันต้องจำเป็นแน่น้อน ถ้าผมเปนชิวผมก็คงโกรธสักแป้ปหนึ่ง แต่ผมก็ต้องยกโทษให้ม้นนะ และต้องช่วยมันแน่น้อล เงินแค่จิ้บจิ้บ สงสารมันหวะ เพื่อนกันเนอะ

Anonymous said...

arus ไม่สบายอีกแล้วเหรอ ช่วงนี้กำลังสอบอยู่ด้วย แล้วไปสอบไหวไหม มีใครดูแลหรือเปล่า

กิ๊กๆๆเข้าใจผิดนะ ได้ที่สองต่างหาก

ตี๋คือคนที่แขนลีบข้างหนึ่งไงครับ เรื่องตี๋นี้น่าลำบากใจมาก ใช้คำว่าหมาหัวเน่านั่นแหละ ใช่เลย

ตอนนี้เป็นตอนที่เขียนได้ยากตอนหนึ่ง เพราะว่าบรรยายความรู้สึกและความสับสนในตอนนั้นได้ยาก รักเพื่อนก็รัก กลัวเป็นหมาหัวเน่าก็กลัว

ตี๋ตอนโตเป็นอย่างไร เอาไว้จบ ม.๓ จะเฉลยครับ รวมทั้งนักสืบจิ และคนอื่นๆด้วย อดใจรอหน่อยครับ บอกตอนนี้แล้วไม่สนุก

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เรื่องของตี๋มีผลต่อชีวิตของคนหลายๆเมื่อเติบใหญ่ไปแล้วอย่างนึกไม่ถึงทีเดียวครับ

อู

Anonymous said...

สงสารตี๋...

แบงค์

Anonymous said...

ใช่ครับ สงสารตี๋เหมือนกันครับ
อยากให้ทุกคนอภัยให้ตี๋ด้วยนะครับ

Anonymous said...

เกรงว่าอาตี๋จะวู่มาทำร้ายใครเข้า
เกรงว่าอาจิจะมาขุดคุ้ยเรื่องอาูอู
เรงว่าอาอูจะกลัวว่ามีใครมาคุ้ยเรื่องของอาอู
เกรงว่าจะมีใครในห้องมาหลงชอบอาอู
เกรงว่าอาอูจะทำร้ายอานัยเพื่อปกปิดบางสิ่ง
เกรงว่าอานัยจะนอกใจ???

หลาน Arus ของอาอู