Sunday, February 8, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 58

เราสองคนมาหยุดยืนที่ท่าน้ำใต้สะพานพุทธ ใกล้กับท่ารถเมล์ ขนตาของไอ้นัยยังเปียกชุ่ม ผมรู้สึกทั้งเสียใจ ตกใจ และหวั่นกลัว ผมเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป ที่ตกใจคือนึกไม่ถึงว่าเด็กที่เข้มแข็งอย่างไอ้นัยจะต้องมาเสียน้ำตาเพราะผม นั่นแสดงว่าคำพูดของผมต้องกระทบกระเทือนจิตใจของมันอย่างมาก และที่หวั่นกลัวก็คือกลัวว่าไอ้นัยจะเลิกคบกับผม ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่ได้อย่างไรเมื่อขาดไอ้นัย

อากาศยามบ่ายในวันนั้นครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้าไปทั่ว สะพานพระปกเกล้าฯซึ่งเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นานและสะพานพุทธฯ พาดข้ามแม่น้ำขนานกัน เราสองคนต่างยืนเงียบ เหม่อมองดูสายน้ำใต้สะพานที่กำลังไหลรี่ ผมเห็นสายน้ำสีน้ำตาลอมเขียวในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านหน้าผมไประลอกแล้วระลอกเล่า สายน้ำไหลผ่านไปไม่หวนคืน เหมือนกับอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้... ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะดีหรือเลว เราล้วนย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่อให้มันกลายเป็นอดีตอันงดงาม...

“มึงคงโกรธกูมากสินะ” ผมพูดทำลายความเงียบระหว่างเราสองคน “มันก็น่าอยู่หรอก”

ไอ้นัยส่ายหัว “ไม่ได้โกรธหรอก แต่เสียใจมากกว่า... มึงไม่เคยตะคอกกูมาก่อน”

“แล้วมึงจะยกโทษให้กูได้ไหม” ผมถาม

“มึงพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้วล่ะ” ไอ้นัยย้อนถาม

ผมนิ่ง ผมทำผิดต่อไอ้นัยหลายต่อหลายครั้งแล้วจริงๆ และทุกครั้งก็พูดแบบเดียวกัน

“แต่ทุกเรื่องที่กูทำผิด กูก็พยายามแก้ไขตัวเองนะ” ผมพูด “โดยเฉพาะกับมึง กูพยายามเต็มที่”

“...”

“ว่าไง ไม่ยอมยกโทษให้กูเลยเหรอ แม่ฝากให้มึงดูแลกูไง มึงรับปากแล้วด้วย ยังไงมึงก็ต้องดูแลกูต่อไปนะ” ผมอ้อน

ไอ้นัยอดยิ้มไม่ได้ ทั้งๆที่ขนตายังเปียกชุ่มอยู่ “เหตุผลมึงนี่ไม่เข้าท่าเลย ก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธมึง”

“แปลว่ายกโทษให้ใช่ไหม” ผมคาดคั้น ไอ้นัยพยักหน้า

“พูดออกมาสิ กูจะได้แน่ใจ นะ นะ พูดหน่อย” ผมอ้อนอีก

“เออ” ไอ้นัยตอบ

- - -

หลังจากวันที่ชิวเงินหายครั้งล่าสุด ในที่สุด แผนจับขโมยจากความคิดของจิก็เริ่มขึ้น

“วันนี้มันจะจับขโมยกันแล้วนะโว้ย” อ๊อดคุยให้ผมฟังเมื่อคาบเรียนในช่วงเช้าเริ่มขึ้น

“จะจับขโมยแล้วมันป่าวประกาศไปทั้งชั้นเลยเหรอ” ผมถาม

“จะบ้าเหรอ ทำงั้นได้ไง” อ๊อดพูด

“แล้วทำไมมึงรู้ล่ะ” ผมถาม

“ก็รู้กันแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไอ้จิมันให้กูช่วยจับตาดูขโมยด้วย” อ๊อดอธิบาย

เรื่องของเรื่องก็คือ ชิวกับจิช่วยกันวางแผนจับขโมยโดยจะใส่เงินล่อเอาไว้ในเป้ แล้วให้เพื่อนบางคนช่วยกันสังเกตในช่วงพัก เพราะคิดว่าขโมยคงลงมือปฏิบัติการในช่วงพักเที่ยง

“แล้วพวกมันแน่ใจเหรอว่าขโมยต้องลงมือวันนี้” ผมซัก

“ไอ้จิมันมีแผน มันจะล่อให้ลงมือวันนี้แหละ” อ๊อดอธิบาย

ผมอดนึกถึงตี๋ไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่ามันจะเป็นขโมย แต่ในเมื่อไม่เชื่อแล้วทำไมอดห่วงมันไม่ได้ก็ไม่รู้

“มึงว่า... เอ้อ” ผมพูดแล้วชะงักไป “มึงว่าไอ้ตี๋มันขโมยจริงหรือเปล่า”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” อ๊อดตอบ “แต่ที่ไอ้จิพูด คิดไปคิดมาก็พอมีเหตุผลอยู่”

จิเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดี คำพูดของจิมีน้ำหนักต่อเพื่อนค่อนข้างมาก แม้แต่ชิวและอ๊อดต่างก็คล้อยตามความเห็นของจิ อย่าว่าแต่ชิวและอ๊อดเลย แม้แต่ผมเองในส่วนลึกก็อดคลางแคลงใจในตัวตี๋ไม่ได้

ตามแผนการที่วางเอาไว้ ตอนก่อนพักเที่ยง ชิวจะเอาเงินหลายร้อยบาทใส่ไว้ในเป้โดยจงใจให้ตี๋เห็น...

เมื่อใกล้เวลาพักเที่ยง ผมคอยสังเกตอากัปกิริยาของชิวและตี๋ตลอดเวลาด้วยความสนใจใคร่รู้ ผมเห็นชิวเหลือบมองตี๋บ่อยๆ พอได้จังหวะที่ตี๋หันมา ชิวก็หยิบธนบัตรใบละร้อยหลายใบออกจากระเป๋าตังค์แล้วย้ายมาเก็บไว้ในเป้

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ชิวก็ชวนเพื่อนๆไปเตะบอลกันหลังอาหาร ซึ่งแน่นอน ถ้าไปเตะบอลกันก็หมายความว่ากว่าจะกลับเข้าห้องมาได้ก็คงเกือบบ่าย ช่วงนั้นสายสืบที่จิวางตัวเอาไว้ก็จะจับตาดูเป้ของชิวเอาไว้ ถ้ามีขโมยก็คงได้รู้กัน

แผนการของจิกับชิวถือว่าเนียนพอสมควร แม้มันสงสัยตี๋และพยายามล่อให้ตี๋มาติดกับ แต่ถึงแม้ตี๋ไม่ใช่ขโมย หัวขโมยตัวจริงก็มีโอกาสติดกับได้เช่นกัน

แม้ผมจะไม่เชื่อว่าตี๋เป็นขโมย แต่ในสถานการณ์อันหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ผมกลับยิ่งหวั่นใจ รู้สึกเป็นห่วงแทนตี๋ ราวกับว่ามันเป็นขโมยตัวจริง แล้วนี่ถ้าเกิดว่า... ถ้าเกิดว่าเป็นตี๋จริงๆ ผมควรจะทำอย่างไร

มีเพื่อนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบตี๋ ไม่ใช่เพราะว่ามันจน แต่เพราะว่ามันทำตัวแบบเด็กมีปมด้อย ชอบกวนประสาทเพื่อนๆ แต่สำหรับกับผมแล้ว ตี๋เป็นมิตรที่ดี ผมยังไม่ลืมเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ผมมีเรื่อง ตี๋เป็นคนหนึ่งที่ปลอบใจและให้คำแนะนำแก่ผม

คนที่ทำผิดก็สมควรต้องได้รับโทษ นี่เป็นความคิดที่ผมและนักเรียนคนอื่นๆถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อมาหวนคิดว่าถ้าคนทำผิดเป็นตี๋ ผมควรจะปล่อยให้มันรับโทษตามความผิด หรือผมควรจะช่วยมันดี ระหว่างเพื่อนกับความถูกต้อง ถ้าผมจะต้องเลือก ผมควรจะเลือกอยู่ข้างใด?

ผมรั้งตัวอ๊อดเอาไว้ก่อนที่มันจะลุกออกไปจากที่นั่ง

“ฉุดกูทำไมเหรอ” อ๊อดถามอย่างสงสัย

“กูถามอะไรมึงหน่อย” ผมพูด “ถ้ามึงสงสัยว่ากูเป็นขโมย มึงยังคิดจะจับกูไหม”

อ๊อดหัวเราะ “มึงคิดบ้าๆอะไรขึ้นมาวะไอ้อู”

“กูถามจริงๆ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคนที่พวกมึงสงสัยไม่ใช่ไอ้ตี๋... ถ้าไอ้ชิวสงสัยกู มึงจะทำยังไง”

“ไม่รู้ดิ ตอบไม่ได้หรอก เพี้ยนแล้วมึง” อ๊อดหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ ว่าแล้วก็รีบเดินหนีไป

ผมเดินตามพวกเพื่อนๆออกไปจากห้อง โดยตามตี๋ไปห่างๆ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมลำบากใจ ถ้าวางเฉย แล้วถ้าเกิดกลายเป็นว่าตี๋เป็นคนทำจริงๆล่ะ? ผมคงไม่อาจสบายใจได้ถ้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อมันสักอย่าง

แต่ถ้าจะช่วยมัน ก็คิดยากอยู่เหมือนกัน ว่าจะช่วยมันถึงระดับใดจึงจะพอสมควร ผมเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่าช่วยคนทำผิด

เมื่อเดินไปจนเกือบถึงโรงอาหาร ผมเห็นตี๋หันหลังและเดินย้อนกลับมา

“เฮ้ ไอ้ตี๋ ไม่ไปกินข้าวเหรอ” ผมดาหน้าเข้าไปทัก

“ลืมหนังสือไว้ในห้อง กะว่ากินเสร็จแล้วจะเอาไปคืนห้องสมุด จะกลับไปเอาก่อน” ตี๋ตอบ

ผมจับต้นแขนมันไว้แล้วลากมันเดินไปทางโรงอาหาร

“วันนี้กินข้าวด้วยกันดีกว่า ไม่ค่อยได้นั่งกินกับมึงเท่าไร” ผมพูด

“แล้วเพื่อนมึงล่ะ” ตี๋ถาม ผมรู้ดีว่ามันหมายถึงใคร “เฮ้ย เดี๋ยวกูกลับไปเอาหนังสือก่อน”

“ยังไม่ต้องเอา ไปกินกันก่อน กูหิวแล้ว” ว่าแล้วก็ลากไอ้ตี๋ไปจนถึงโรงอาหาร ตี๋ขัดผมไม่ได้ก็เลยซื้ออาหารมานั่งกินด้วยกัน

“เพื่อนมึงล่ะ” ตี๋ถามอีก พร้อมยิ้มแบบกวนๆ

“มันก็กินกับเพื่อนของมันดิ” ผมตอบ

“มึงรู้เหรอว่ากูหมายถึงเพื่อนคนไหน” ตี๋ย้อน

ผมอึ้ง ไม่นึกว่าจะเสียท่ามัน

“เอ้อ ไอ้เปรต” ผมด่ามันแก้เก้อ ตี๋หัวเราะชอบใจ


<อากาศยามบ่ายในวันนั้นครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้าไปทั่ว สะพานพระปกเกล้าฯซึ่งเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน และสะพานพุทธฯ พาดข้ามแม่น้ำขนานกัน เราสองคนต่างยืนเงียบ เหม่อมองดูสายน้ำใต้สะพานที่กำลังไหลรี่ ผมเห็นสายน้ำสีน้ำตาลอมเขียวในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านหน้าผมไประลอกแล้วระลอกเล่า สายน้ำไหลผ่านไปไม่หวนคืน เหมือนกับอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้... ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะดีหรือเลว เราล้วนย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้>

14 comments:

Anonymous said...

กระทู้ เรื่องของไอ้อู ในบอร์ดปาล์ม (evil) ช้ามากแล้วเพราะรีพลายเกือบสองร้อยแล้ว ผมเองเวลาจะเข้าไปต่อกระทู้บางทีก็ยังต่อไม่ได้ เพราะโหลดแล้วขาดตอนไปก่อน

แต่ว่าผมขึ้นกระทู้ใหม่ก็ไม่ได้ ติด admin ไม่ทราบจะแก้อย่างไร ลองมาหลายครั้งแล้ว

ใครที่พอช่วยได้ขอรบกวนช่วยขึ้นกระทู้ใหม่ให้ด้วยจะขอบคุณมากครับ

อู

Anonymous said...

ได้อ่านเรื่องคุณอู...ช่วงที่ นัย น้อยใจ แล้วมาคิดถึงเรื่องตัวเอง
เราจะมีโอกาส " ทำให้ใครสักคนที่เรารัก " น้อยใจแบบนั้นกับเราได้บ้างไหม...
มาเป็นกำลังใจให้คุณอู กับนัย เสมอ...
ขอบคุณสำหรับความขยันของคุณอูที่มาโพสต์เรื่องให้เราๆ ได้อ่านกันอย่างสม่ำเสมอ

พี

Anonymous said...

เหะเหะ

ผมว่าคุณนัยคงเหงามากอ่ะนะ

น่าฉงฉาน

ปล. ถามนิดนึงงับ ที่คุณนัย

ไม่ชอบให้พูดคำว่า"แม่ง"เนี่ย

เพราะมันมาจากคำว่า แม่ + ม สระอึ ง

แล้วเหมือนว่าแม่ หรือป่าวอ่า

เพราะท่าทางคุณนัยไม่ค่อยชอบพูดเรื่อง

ครอบครัวเขาอ่ะ

ม่อน

yo408 said...

ใช้ IE หรือเปล่าครับ ถ้าใช้ IE ลองลบคุ๊กกี้ในเครื่องดูก่อน จากนั้นตัดเนท แล้วต่อใหม่อีกครับ หากใช้เร้าท์เตอร์ ลองถอดสายแล้วต่อเข้าไปใหม่อีกที บางทีไอพีอาจตรงกับตัวป่วนที่ถูกแบนไว้น่ะครับ

อ่อ แล้วก่อนตอบ จะมีสคริปต์ให้ใส่รหัสการโพส ควรใช้อักษรที่ยากๆหน่อย จะได้ไม่ซ้ำกับคนอื่น หากซ้ำกับคนที่โดนแบน เราก็ติดแอทมินได้เช่นกันครับ สำหรับผม จะใช้ชื่อจริงเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ติดแอทมินนะครับ หากไอพีซ้ำทำให้ติดแอทมิน ผมก็ทำวิธีนี้หายทุกครั้ง ถ้า Fire fox คงต้องรอคนใช้งานตัวนี้มาบอกน่ะครับ

Anonymous said...

หลานป่วย T-T
เข้ามาไม่ทัน นอนซมซานแฟนไม่รักบนเตียง

หลาน Arus ของอาอูอ้วนๆ

ยุ่น said...

รู้สึกว่านัยจะแยกแยะความรู้สึกได้ดีนะครับ
ระหว่างความโกรธ กับ ความเสียใจ

เพราะผมเองแยกแยะไม่ค่อยออก
ชอบรู้สึกว่าความโกรธกับความเสียใจ
มันเหมือนกัน หรือมาพร้อมกัน

นัยเสียใจมากอยู่ก็จริง แต่พออูขอโทษ นัยก็หายง่าย
อูโชคดีนะที่มีนัยเป็นเพื่อนรัก เพื่อนเค้ารักกันมากจริงๆ

ขอบคุณคับ คุณอู

ยุ่นครับ

Anonymous said...

ช่วงนั้นทั้งอูและนัยเข้าสู่วัยรุ่น อารมณ์ค่อนข้างเปราะบางตามประสาวัยรุ่นครับ อารมณ์จะต่างจากวัยเด็ก

ม่อนเก็บรายละเอียดได้ดีมาก จิตใจละเอียดอ่อนดีจริงๆ เรื่องที่ถามอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะมีคำตอบเองครับ

หลาน arus อ้วนๆป่วยมากเลยเหรอ คราวนี้ไปหาหมอหรือเปล่า ใกล้สอบแล้วนะ เป็นอะไรอย่านิ่งนอนใจ อา KTB ช่วยไปดูแลหน่อยสิ

ยังติด admin อยู่ แก้ไม่หาย ดีที่ยังต่อกระทู้เก่าได้ จนใจแล้วครับ

Anonymous said...

หลานอาอูผอมผอมนะครับ น้ำหนังประมาณสี่สิบ(40)เอง
บางช่วงต่ำกว่าสี่สิบกิโลกรัมด้วยน่ะครับ

ตอนนี้อาอูตั้งกระทู้ชื่อ02/59
ไม่ได้ตั้งชื่อ 02/58 ตามลำดับนี่นา
(ปรกติผมต้องเข้าไปแก้ Bookmark เลยสังเกต)

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

สงสารนัยอ่ะ น้อยใจร้องไห้เลย

แต่อยากรู้ว่าใครขโมยเหมือนกัน

ให้กำลังคนเขียนจ้าๆ


^^sky^^

Anonymous said...

อูทำถูกแล้วครับ
ถ้าเป็นผม ผมก็จะทำแบบเด่วกันนี้เลย
ผมคิดว่าคนเราถึงจะเป็นคนไม่ดียังไง
เค้าก็ต้องมีเพื่อนที่เค้าเชื่อใจ และเพื่อนคนนั้นแระจะทำให้เค้า
กลับมาคิดดีทำดีได้

Anonymous said...

บังเอิญผ่านมาเจอ (ได้ไงไม่รุ้) แต่อ่านจบเลยวันเดียว
58 ตอน...และจะติดตามตอนต่อไป

Anonymous said...

ยังงัยผมก้อยังไม่เชื่อว่าขโมย คือ ตี๋
ยังงัยบ่ายวันนี้เราก้อจะได้ ขโมยตัวจริงนะ
ถ้าทายผิดก้อยอม "หน้าแตก" ครับ
ผมเพื่อน t1000 คับ

Anonymous said...

น่าติดตามมากครับ

แบงค์

Anonymous said...

ติดตามอ่านตอนต่อไป...
อ่านทีไร นึกถึงเรื่องราวของตัวเองเสมอ
เพื่อนสนิท เราจะเหมือนนัย
อ่านใจไม่เคยจะออก