Saturday, February 7, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 57

งานรับน้องใกล้เข้ามาทุกที พวก ม.๒ ที่เป็นแกนในการจัดซุ้ม ม.๒ ก็เตรียมงานกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อไม่ให้ผลงานแพ้ซุ้มของรุ่นพี่ๆ ผมนั้นไม่ได้ไปช่วยงานเตรียมซุ้มรับน้อง กะว่าจะมาเป็นกองเชียร์ในซุ้มเฉยๆ

“อู วันนี้มึงกลับไปก่อนนะ กูคงกลับค่ำ งานใกล้เข้ามาแล้ว” ไอ้นัยแวะมาหาผมในตอนเที่ยง

“ฮื่อ เมื่อไหร่งานมันจะจบๆเสียทีวะ” ผมบ่น รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่หน้าที่ของไอ้นัยมาแย่งเวลาของมันไปจากผม

“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งโวยดิ” ไอ้นัยพูดยิ้มๆ

“กูไม่ได้โวยเสียหน่อย แค่บ่น” ผมแก้ตัว

ตอนนั้นก็ชักเริ่มชินๆกับการกลับบ้านคนเดียวบ้างแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับบ้านกับไอ้นัยอยู่ดี

เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้นัยมาช้าเล็กน้อย เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมมีโอกาสมารอมันที่ป้ายรถเมล์ ขณะที่นั่งรถเมล์มาโรงเรียน ไอ้นัยหาวหวอดๆมาตลอดทาง

“มึงไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาวะ หาวอยู่นั่นแหละ” ผมถามด้วยความสงสัย

“เมื่อคืนกลับดึก กว่าจะถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม แล้วยังต้องทำการบ้านอีก กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนกว่า” ไอ้นัยตอบ

“แล้วคุณอาไม่ว่าอะไรเหรอ กลับดึกขนาดนั้น” ผมถาม

“กำลังหมกมุ่นกับคอมพิวเตอร์อยู่ เค้าไม่มีเวลามาว่ากูหรอก” ไอ้นัยพูดเสียงหัวเราะ “น่าจะมีแว่นสักอันนะ”

“เอาไปทำไม” ผมงง

“เอาไว้ใส่พรางในชั้นเรียน อาจารย์จะได้ไม่รู้ว่ากูหลับอยู่หรือเปล่า ฮุฮุ” ว่าแล้วไอ้นัยก็หัวเราะร่วนกับมุขของตนเอง

เมื่อมาถึงโรงเรียน หลังจากแยกย้ายกันขึ้นตึก เมื่อผมเข้าไปในห้องเรียนก็พบนาท หัวหน้าห้องของผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ในห้องอย่างสนุกสนาน

“ไงหัวหน้า” ผมทัก “ขยันจริงนะ กลับบ้านดึกแล้วยังมาแต่เช้าอีก”

“กลับดึก” หัวหน้านาททวนคำ ทำหน้างง “กูเลิกเรียนก็กลับบ้านเลย”

“อ้าว” ผมอุทาน เริ่มงงบ้าง “เมื่อวานมึงไม่ได้อยู่เตรียมงานรับน้องหรอกเหรอ”

“เปล่านี่” นาทตอบ แล้วพูดอย่างนึกขึ้นได้ “อ๋อ เมื่อวานมีเรียกไปช่วยเหมือนกันแหละ แต่เป็นขออาสาสมัคร งานเบ๊น่ะ ตัดกระดาษ เก็บของ ทำความสะอาด กูจะไปทำไมให้โง่”

อารมณ์โกรธของผมพลุ่งขึ้นทันมีเมื่อได้ฟังนาทเล่า ผมวางเป้ลงและเดินออกไปเพื่อจะไปหาไอ้นัย

เสียงออดเข้าแถวเคารพธงชาติดังขึ้น ไม่ทันเสียแล้ว...

ผมเก็บความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เด็กมา ผมไม่เคยโกรธไอ้นัยเลย แต่พอมาปีนี้ เมื่อโกรธได้ครั้งหนึ่ง ก็มีครั้งอื่นๆตามมา

หลังเลิกเรียน ผมมารอไอ้นัยที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ประตูโรงเรียนตามเคย แต่วันนี้ ผมรอด้วยใจอันขุ่นเคือง ผมเห็นไอ้นัยเดินยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล

“อู ทำไมหน้าเป็นตูดยังงี้ล่ะ” ไอ้นัยพูดยิ้มๆ “โมโหใครมาวะ”

หน้าผมมันแสดงอารมณ์ออกมาขนาดนั้นเลยหรือนี่ เพียงแค่ไอ้นัยเห็นแว่บแรกมันก็รู้แล้วว่าผมกำลังโกรธ

“โกรธมึงนั่นแหละ” ผมตอบห้วนๆ

ไอ้นัยหยุดยิ้มทันที “กูไปทำอะไรมึงเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ก็เมื่อวานมึงไปทำอะไรมาล่ะ” ผมซัก

“ก็อยู่เตรียมงานรับน้องไง” ไอ้นัยตอบ ทำหน้างงๆ “เมื่อวานกับเมื่อเช้าก็ไม่เห็นมึงโกรธเลยนี่ ทำไมอยู่ดีๆมาโกรธเอาตอนนี้วะ”

“แล้วทำไมไอ้หัวหน้าห้องกูมันถึงไม่ต้องไปล่ะ” ผมเค้นต่อ

“ก็แกนรุ่นเค้าขออาสาสมัคร ใครไม่ว่างจะไม่ไปก็ได้” ไอ้นัยตอบ

“นั่นแหละ แล้วทำไมคนที่ไปต้องเป็นมึงด้วยล่ะ” ผมถาม

“ก็แกนเค้าขอให้ช่วยน่ะ” ไอ้นัยพูดเสียงอ่อย คงเริ่มเข้าใจแล้ว “เค้าขออาสาสมัคร ไม่ได้เกณฑ์มา เพราะเท่าที่ผ่านมา บางคนก็มีปัญหาเรื่องกลับบ้านค่ำ เลยขอเฉพาะคนที่พอกลับบ้านค่ำได้”

“นั่นแหละ ทำไมต้องเป็นมึง ทำไมมึงต้องตามใจคนอื่นอยู่เรื่อยเลยวะ ใครจะเอาอะไรก็ตามใจเค้าไปหมด จะกินแรงมึง มึงก็ยังไม่ว่า มันโง่หรือใจดีวะนี่” ผมกระชากเสียงขึ้นมาอย่างเหลืออด ตอนนั้นก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธมากมายขนาดนั้น

ไอ้นัยเงียบ ก้มหน้านิ่ง หน้าจ๋อยสนิท

ผมเองก็รู้สึกตัวว่าหลุดปากพูดรุนแรงไป ความโกรธที่เก็บสะสมเอาไว้ตลอดทั้งวันทำให้ผมพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด เห็นหน้าจ๋อยของไอ้นัยแล้วก็นึกเสียใจในสิ่งที่ตนเองพูดออกไป คำพูดนั้นคงทำร้ายจิตใจของมันน่าดู แต่มันก็เรียกกลับคืนมาไม่ได้แล้ว แต่ครั้นจะขอโทษมัน ผมก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด

เราเดินออกมาจากโรงเรียน ตลอดทางที่เดินไป เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย แม้คนจะพลุกพล่าน รถราจะวิ่งวักไขว่ แต่ผมกลับรู้สึกเงียบ... เงียบจนน่ากลัว

“เอ้อ นัย...” ผมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ขอโทษนะ กูพูดแรงไปหน่อย” ผมอึกอัก

ไอ้นัยเดินก้มหน้า ไม่ตอบ แต่ผมได้ยินเสียงมันสูดจมูกฟุดฟิด

“นัย...” ผมเอะใจ โค้งตัวลงไปเพื่อให้เห็นใบหน้าของมัน

ผมเห็นขนตาของไอ้นัยเปียกชุ่ม จมูกแดงๆ... นี่ผมได้ทำอะไรลงไปนี่

“นัย มึงเป็นไรอะ” ผมถามทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจ

ไอ้นัยสั่นหัว ทำจมูกฟุดฟิด ก้มหน้าไม่ยอมเงย

ผมมือไม้ปั่นป่วน ทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาอีก แต่คราวนี้ไม่ได้โกรธไอ้นัย แต่เป็นโกรธตัวเอง ทั้งโกรธ และทั้งเสียใจ… เสียใจที่ผมปากพล่อยไม่ยั้งคิด ผมทำร้ายคนที่ดีกับผมที่สุดด้วยคำพูดของผมเอง

“นัย...” ผมพูด “กูขอโทษนะ กูไม่ได้ตั้งใจ”

ไอ้นัยยังก้มหน้าเดิน ไม่พูดจา เสียงจมูกฟุดฟิดกลายเป็นเสียงสะอื้น ผมยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่

“ขอโทษนะนัย...” ผมพูดเบาๆ “กูพูดไม่คิด ทำร้ายจิตใจมึง มึงดีกับกูขนาดนี้ กูยังทำเลวๆกับมึงได้ กูเสียใจจริงๆ... ยกโทษให้กูสักครั้งนะ”

ผมล้วงกระเป่าเสื้อนักเรียน หยิบผ้าเช็ดหน้ายู่ยี่ออกมา “อะ สั่งน้ำมูกซะหน่อย”

ไอ้นัยสั่นหัว เสียงสะอื้นเริ่มเบาลง

“นัย...” ผมพูดอีก “พูดอะไรหน่อยเถอะ ขอร้องละ อย่าเงียบอยู่เลย กูใจไม่ดี”

“มึงไม่เคยตะคอกกูมาก่อนเลยนะ” ไอ้นัยพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ เสียงสะอื้นที่เริ่มเบาลงกลับดังขึ้นมาอีก น้ำตาอาบร่องแก้มเป็นทาง ผมรู้ว่าความผิดของผมครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก เพราะขนาดไอ้นัยโดนไอ้ชิดข่มเหงอย่างหนักก็ยังไม่เป็นขนาดนี้ ผมทำร้ายคนที่สนิทกับผมมากที่สุดอย่างไร้ความปรานี

“ขอโทษนะนัย กูเสียใจ กูสัญญาว่าว่าต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีก” ผมให้สัญญา พร้อมทั้งยกนิ้วก้อยขึ้นมา “สัญญา สัญญา”

ไอ้นัยยังก้มหน้า ไม่พูดอะไร

“มึงไม่รับสัญญาของกูเหรอ” ผมถาม

ไอ้นัยสั่นหัว พยายามกลั้นสะอื้น


<เราเดินออกมาจากโรงเรียน ตลอดทางที่เดินไป เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย แม้คนจะพลุกพล่าน รถราจะวิ่งวักไขว่ แต่ผมกลับรู้สึกเงียบ... เงียบจนน่ากลัว>

11 comments:

Anonymous said...

วันนี้ไม่สบาย หยุดเรียนพิเศษมาอ่านหนังสือเตรียมสอบ
ได้เป็นคนแรกอีกแล้วเสียนี่ >.<

หลาน Arus ของอาอูอ้วนๆ

Anonymous said...

โอ้ว น่าฉงฉาน T^T

ม่อน

ยุ่น said...

ตอน 57 อ่านแล้ว ปลื้มครับ ปลื้ม
มีแต่อูกับนัยล้วนๆ หุหุ ขอบคุณคร้าบบบบ

การที่เรารักใครสักคนมากๆ เรามักจะมีความรู้สึกร่วมกับ
คนที่เรารัก และเป็นห่วงเป็นใยเค้าไปซะทุกเรื่อง
อูคงรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นที่คนอื่นมาเอาเปรียบนัย
หงุดหงิดที่เพื่อนรักถูกเอารัดเอาเปรียบ แล้วเพื่อนยัง
ไม่รู้สึกอะไรอีก เลยฉุนเฉียวกับนัยมากซะขนาดนี้
นี่ถ้าอูไม่รักนัยมาก ก็คงไม่โกรธมากขนาดนี้หรอกครับ

กรณีนี้ผมก็เคยนะ ผมเคยคิดว่าทำไมเพื่อนรักเรา
มันทำยังงี้ว่ะ แบบว่าทำไมมันทำไม่ได้ดั่งใจเราเลย
โดยลืมไปอย่างนึงว่า คนเรานิสัยมันไม่เหมือนกันนี่
ความคิด การกระทำ การแสดงออกก็ย่อมแตกต่างกันแต่ผมคิดไปเอง เออไปเอง สรุปไปเอง คิดและสรุปแทนเพื่อนรักเสียเอง ผมก็เลยสติแตกง่ายๆ

เพื่อนรัก คนรักกัน ก็ต้องมียังงี้บ้างแหละครับ แหะแหะ

ขอบคุณครับคุณอู
อ่านตอนนี้แล้วชอบมาก พูดซะเยอะเลย
ฮุ ฮุ (หัวเราะเลียนแบบ)

ยุ่นครับ

Anonymous said...

อาอูอ้วนเหรอ รู้ได้ไงอ่า

Anonymous said...

ยังเงี้ยแหละมั๊ง แบบว่ารักมากอ่ะนะเลยทำไปงั้น

คราวนี้นัยร้องไห้ไปเลย น่าสงสารรรร มามา มาร้องตรงบ่าผมละกัน อิอิ เห็นคนน่ารักร้องไห้แล้วสงสาร

yo408 said...

ผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าปริศนาเรื่องขโมยกระจ่างแล้วเสียอีก

แต่ก็มีประเด็นใหม่ที่ทำให้หวั่นไหวมาแทรกอีก เห้อ ลุ้นกันต่อไปเน้ออออ

Anonymous said...

อ่านแล้วน้ำตาซึม....

เอ่อ อาอูอ้วนเหรอครับ
อิอิ น่ารักดี

แบงค์

Anonymous said...

อู ไม่น่าเลย

t1000

Anonymous said...

อูทำนัยร้องไ้ห้

คงน้อยใจอูมากๆเลยที่อูทำ
สงสารๆ
^^sky^^

Anonymous said...

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้นัยเสียใจมาก คนเรามีจุดเปราะบางกันคนละแบบ แม้แต่คนที่เข้มแข็งอย่างนัยก็มีจุดที่เปราะบางครับ

Anonymous said...

ฮือ ๆๆ โกรธอูแล้ว ทำนัยร้องไห้ได้

แต่นัยก็บอบบางนะเนี่ย ทีโดนซ้อมยังไม่ร้องซักเอะ

โดนอูตะคอกนิดเดียว ก็บ่อน้ำตาแตกซะและ

เหอะ ๆๆ ยังไง ๆๆ นัยคิดอะไรเนี่ย ?


ไอซ์