Monday, December 31, 2007

ตอนที่ 77

วันอาทิตย์นั้น ผมเอาแต่นั่งเซ็งทั้งวัน อยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร ไม่สนใจแม้กระทั่งไอ้ชัช เพราะผมรู้สึกเคืองมันอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน ผมเดินวนอยู่รอบเครื่องโทรศัพท์เกือบทั้งวัน ใจหนึ่งอยากโทรศัพท์ไปคุยกับไอ้นัยอีก แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าโทรไป วันอาทิตย์ผมรู้สึกว่ามันยาวนานเป็นพิเศษ ... ยาวนานจนรู้สึกทรมาน ผมอยากให้เปิดเรียนวันจันทร์เหลือเกิน จะได้พบกับไอ้นัย จะได้ถามมันต่อหน้าว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันศุกร์ และจะได้ปลอบใจมัน...

นอกจากกังวลเรื่องไอ้นัยแล้ว วันนี้ผมยังมีเรื่องกังวลอยู่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องการไปเรียนที่ใหม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด ผมก็คงสอบสัมภาษณ์ผ่าน และหลังจากนั้น ผมจะต้องย้ายโรงเรียนในเทอมหน้า

ผมโทรไปคุยกับพ่อ พ่อก็ไม่เห็นด้วยท่าเดียว พูดกันด้วยเหตุผลเดิมๆเหมือนฉายหนังซ้ำ บอกว่าเรียนที่เดิมก็ดีแล้ว ไปเรียนที่ใหม่ไม่มีแผนกประจำ ผมจะไปพักที่ไหน จะไปอยู่กับเอ๊ดก็เกรงใจเพื่อนพ่อ เพราะว่าฝากลูกไว้คนหนึ่งแล้ว หากฝากอีกก็คนดูจะเกินไป แม่เองก็เห็นด้วยกับพ่อในเรื่องนี้ และไม่สนับสนุนผม ส่วนผมก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ถึงอย่างไรก็ต้องย้ายไปเรียนที่ใหม่ให้ได้ ดังนั้นเราสองพ่อลูกจึงทะเลาะกันค่อนข้างรุนแรง

หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาเอ๊ด ให้ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมพ่อให้อีกแรงหนึ่ง ฟังจากน้ำเสียงที่คุยกับพี่ชาย ผมก็รู้ดีว่าเอ๊ดก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ด้วยเหตุผลเดียวกับพ่อ คือมีความไม่สะดวกเรื่องที่พักอาศัย แต่เอ๊ดก็ไม่กล้าพูดตรงๆ เพราะมันจะกลายเป็นว่าพี่กันท่าน้อง เพราะเอ๊ดเองพ่อยังให้ย้ายโรงเรียนได้ เอ๊ดออกตัวว่าไม่กล้ารับปากว่าจะช่วยได้สำเร็จหรือไม่
- - -

วันรุ่งขึ้น

หลังจากการรอคอยที่ยาวนาน ในที่สุดก็ถึงเช้าวันจันทร์ เมื่อคืนผมนอนกระสับกระส่ายเกือบทั้งคืน คิดวนไปเวียนมาถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และคิดว่าควรจะจัดการอย่างไรดี ทั้งเรื่องของไอ้นัย เรื่องของไอ้ชัช และเรื่องของตนเอง

สำหรับปัญหาเรื่องไอ้ชิดนั้น เรื่องบอกครูเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะคิด เพราะในสมัยนั้น เด็กนักเรียนมักมีทัศนคติว่าครูไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ มีแต่จะคอยตีนักเรียน ก็คงเป็นทัศนคติที่ไม่ค่อยดีและไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่เด็กนักเรียนในสมัยที่ผมเรียนชั้นประถมคิดกันแบบนั้นจริงๆ

ผมเดินออกมาจากหอพร้อมกับไอ้ชัช ไอ้ชัชทำหน้าทำตาอธิบายไม่ถูกจริงๆครับ มันเหมือนเบื่อหน่ายชีวิตเสียเต็มประดา ผสมกับโกรธใครมาสักสิบปี แต่ผมขี้เกียจถาม เพราะตอนนี้ปัญหาต่างๆมีอยู่เต็มสมอง ผมไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก

เมื่อไปถึงห้องเรียน เพื่อนๆในห้องก็มารุมซักถามเกี่ยวกับการสอบสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านมา ผมก็คุยไป สายตาก็มองไปที่ประตู ดูว่าเมื่อไรไอ้นัยจะมา

ปรากฏว่าคนที่มาก่อนกลับเป็นไอ้ชิด เห็นมันเดินเข้ามาด้วยท่าทีปกติ เข้ามาแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาทุกวัน ไอ้นี่มันทำตัวเนียนจริงๆ

จากนั้นไม่นาน ไอ้นัยก็มาถึง พอมันเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นไอ้ชิด ผมสังเกตเห็นว่าไอ้นัยถึงกับชะงัก ส่วนไอ้ชิดนั้นเห็นมันมองไอ้นัยแล้วยักคิ้วให้ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเวลามันยิ้มเหมือนกับแสยะยิ้ม ทั้งน่ากลัวและทั้งน่ารังเกียจ

มีเรื่องหนึ่งที่ผมค่อยมาเข้าใจในภายหลัง ตอนที่โตแล้ว นั่นก็คือ ตอนที่ไอ้ชิดซ้อมไอ้นัยครั้งหลังนั้น มันฉลาดมาก มันเลือกต่อยเฉพาะที่ลำตัว มันไม่ต่อยที่ใบหน้าหรือที่แขนเลย เพราะอาจมีรอยฟกช้ำดำเขียวให้คนอื่นมองเห็นได้ ดังนั้นถ้าดูจากภายนอก จะไม่มีใครรู้เลยว่าไอ้นัยถูกอัดมา ไอ้หมอนี่มันร้ายจริงๆ

ไอ้นัยพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องก็คงดูไม่ออก แต่ผมสังเกตมันออก มันมีอาการผวาไอ้ชิดอยู่ ชอบชำเลืองดูไอ้ชิดบ่อยๆ เหมือนคนหวาดระแวง เห็นแล้วยิ่งรู้สึกสงสารไอ้นัย

ในระหว่างวัน ผมพยายามซักถามไอ้นัยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก แต่ไอ้นัยก็ไม่ยอมเล่าอะไรเช่นเดิม บอกแต่เพียงว่าไม่มีอะไร สีหน้าของมันเรียบเฉย เรียบจนดูไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สังเกตว่าในขณะเรียน มันเหลือบมองไอ้ชิดบ่อยๆ

ตอนบ่ายวันนั้น หลังเลิกเรียน หลังจากที่คิดมาหลายวัน ในที่สุดผมก็คิดแผนแย่ๆออกมาได้แผนหนึ่ง นั่นคือ พอหลังเลิกเรียน ผมก็ลากไอ้นัยไปนั่งคอยคุณอาที่หน้าตึกอำนวยการทันที คือตามปกติ หลังจากที่เลิกเรียน เราจะนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องเรียนกันสักพักหนึ่ง พอใกล้ได้เวลาที่คุณอาจะมารับ ไอ้นัยก็จะไปรอคุณอาที่ทางเดินหน้าตึก บางวันก็รอนานหน่อย บางวันก็รอไม่นาน แล้วแต่ว่าคุณอาจะมาช้าหรือเร็ว ไม่แน่ไม่นอน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีโทรศัพท์มือถือใช้ สามารถโทรถึงกันได้อย่างสบาย ช่วงเวลาที่ต้องระวังก็คือหลังเลิกเรียนนี่แหละครับ ส่วนเวลาอื่นนั้นจะมีนักเรียนและครูอยู่ในห้องเรียนเสมอ ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร

ตึกอำนวยการที่ว่าก็เป็นห้องทำงานของผู้อำนวยการ อาจารย์ใหญ่ และเป็นสำนักงานด้วย ปกติจะมีครูหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอดเวลา ข้างหน้าตึกก็มีทางเดินหน้าตึก และมีโต๊ะกับเก้าอี้ สามารถนั่งรอได้ ดังนั้นผมจึงลากไอ้นัยมาที่นี่ คิดว่าอย่างไรเสียไอ้ชิดคงไม่กล้ามารังแกไอ้นัยถึงหน้าตึกอำนวยการ

ผมบอกไอ้นัยว่าต่อไปตอนเย็นให้รอคุณอาที่นี่ก็แล้วกัน โดยผมจะอยู่รอเป็นเพื่อนกับมัน อดทนอีกประมาณหนึ่งเดือนก็จะสอบไล่ แล้วก็จะปิดเทอม หลังจากนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องโดนไอ้ชิดรังแกอีก ไอ้นัยก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันเป็นคนที่ไม่ขัดใจใครอยู่แล้ว

สาเหตุที่ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนไอ้นัย เพราะยังไม่วางใจไอ้ชิดเสียทีเดียว อีกอย่าง ผมรู้นิสัยว่าไอ้นัยมันเป็นคนดื้อเงียบ อะไรที่มันไม่เห็นด้วยมันก็จะแกล้งดื้อเสียยังงั้นแหละ ดังนั้นกับความคิดเรื่องมารอคุณอาที่หน้าตึกอำนวยการนี้ถ้าไอ้นัยมันไม่เห็นด้วย มันก็คงกลับไปนั่งทำการบ้านรอที่ในห้องเรียนตามเดิมเมื่อผมไม่อยู่ ดังนั้นผมจึงต้องอยู่ป็นเพื่อนมันจนมันกลับจะได้สบายใจ

เย็นวันแรก เหตุการณ์ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไอ้ชิดไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับไอ้นัย ส่วนคุณอานั้นคงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่เรามารอส่งไอ้นัย อีกทั้งยังเปลี่ยนสถานที่รอเสียอีก

วันถัดมา เหตุการณ์ก็ยังเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก เพราะไอ้ชัชเริ่มบ่นถึงเรื่องที่ต้องมารอส่งไอ้นัยตอนเย็น

“แย่จริง กูจะนั่งทำการบ้านที่ห้องเรียนก็ไม่ได้” ไอ้ชัชบ่น

“ทนหน่อยน่า นั่งแถวนี้ก็ทำการบ้านได้นี่หว่า” ผมบอก ส่วนไอ้นัยหน้าเสียไปนิดหนึ่ง

“อยู่นี่ไม่มีเพื่อนว่ะ ไม่เหมือนทำการบ้านที่ห้อง” ไอ้ชัชพูด

“แล้วกูกับไอ้นัยนี่ไม่ใช่พื่อนมึงหรือวะ” ผมพูดเสียงดัง ชักโมโหกับคำพูดของมัน แบบนี้ไม่รักษาน้ำใจไอ้นัยเลยนี่หว่า

“แล้วมึงว่าใช่ไหมล่ะ” ไอ้ชัชแหกปากเสียงดังกับผมบ้าง

ว่าแล้วมันก็เก็บสมุดและเครื่องเขียนใส่กระเป๋า “กูกลับหอละนะ” ไอ้ชัชพูด แล้วก็เดินไปทางพอพัก

“เออ จะไปไหนก็ไปเลยมึง” ผมตะโกนไล่หลัง

- - -

คืนนั้น ผมโทรไปหาพี่ชายอีก ถามผลว่าคุยกับพ่อแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เอ๊ดบอกว่ายังไม่ดุย

“อะไรว้า ตกลงไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่ไหม” ผมโวย

“ใจเย็นๆดิอู” เอ๊ดปลอบ

“แล้วเมื่อไหร่จะพูดให้เสียทีล่ะ” ผมถามแบบคาดคั้น

“รอหน่อยนะ รอให้ป๋าอารมณ์ดีๆก่อน พูดแล้วจะได้ได้ผล อูเพิ่งทะเลาะกับป๋ามาเมื่อวาน จะให้พูดวันนี้เลยเหรอ” เอ๊ดพยายามอธิบาย

“ป๋าฟังเอ๊ดทุกที ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถ้าช่วยพูดให้จริงๆก็คงสำเร็จ” ผมพูด

“อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่าเอ๊ดไม่คิดช่วยหรือไง” เสียงเอ๊ดชักดังขึ้น

“เอ๊ดถามตัวเองดีกว่า ว่าคิดช่วยไหม ไม่ต้องมาถามอูหรอก” ผมพูดด้วยความโมโห ตอนนั้นคิดไปว่าเอ๊ดเองก็คงไม่อยากให้ผมย้ายโรงเรียน เพราะปัญหาเรื่องที่พักของผมนั้นกระทบถึงเอ๊ดโดยตรง

การสนทนาในวันนั้นจบลงไม่ค่อยสวยนัก ผมทะเลาะกับเอ๊ดค่อนข้างแรง สองสามวันนี้ผมทะเลาะกับใครต่อใครไปทั่ว

- - -

วันศุกร์

สัปดาห์นั้นตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมา ผมไปนั่งเป็นเพื่อนไอ้นัย รอส่งมันขึ้นรถที่หน้าตึกอำนวยการทุกวัน สองวันแรกไอ้ชัชมานั่งด้วย แต่หลังจากที่มีเรื่องเคืองกัน วันพุธกับพฤหัสไอ้ชัชก็ไม่ได้มานั่งด้วย ส่วนเรื่องการเจรจากับพ่อนั้น ผมไม่ได้โทรไปหาเอ๊ดอีก รวมทั้งไม่ได้โทรไปหาพ่ออีกด้วย

ในตอนเที่ยงของวันศุกร์ เราสามคนนั่งกินอาหารเที่ยงด้วยกันตามปกติ ถึงแม้ว่าเราจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่กิจวัตรก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ตอนเที่ยงเรายังนั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิมทุกวัน จะมีที่แตกต่างไปบ้างก็ตรงที่เราไม่ค่อยคุยกันมากเหมือนเมื่อก่อน ไอ้นัยก็เงียบ ไอ้ชัชก็เงียบ ผมเองช่วงนี้มีความในใจอยู่หลายเรื่อง ก็เลยพลอยเงียบไปด้วย แม้แต่ตอนอยู่ในห้องเรียนก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนัก

แต่ตอนเที่ยงวันนี้ ที่โต๊ะอาหาร ผมพูดเยอะหน่อย เพราะวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์จะมีการประกาศผลการสอบเข้า ม.๑ ซึ่งผลคราวนี้เป็นผลขั้นสุดท้าย ใครที่สอบสัมภาษณ์ผ่านก็เป็นอันว่าได้เรียน ที่โตะอาหาร ผมกับไอ้ชัชนั่งด้วยกัน ส่วนไอ้นัยนั่งตรงข้ามกับไอ้ชัช

ผมฝากไอ้นัยให้ช่วยดูให้ด้วย เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นแค่การประกาศผล ผมไปเองหรือให้ไอ้นัยดูให้ก็เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องขออนุญาตออกจากหอให้วุ่นวาย

ผมกับไอ้นัยคุยกันเรื่องผลการสอบเข้าและเรื่องโรงเรียนใหม่ ทันใดนั้นเอง ไอ้ชัชก็กระแทกจานอาหารซึ่งเป็นจานสังกะสีกับโต๊ะเสียงดังลั่น พร้อมทั้งพูดเสียงดัง

“โอ๊ย เบื่อ กูรู้แล้วว่าพวกมึงเก่ง กูฟังจนเซ็งแล้วโว้ย” พูดจบ แล้วมันก็ผลักจานอาหารไปข้างหน้าอย่างแรง จานอาหารก็ลื่นไถลไปตามโต๊ะ และพุ่งเข้าใส่หน้าอกไอ้นัย

10 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับอู
สำหรับตอนใหม่ของวันสิ้นปี
พรุ่งนี้ก่อนจะมาสวัสดีปีใหม่อูนะคับ
วันนี้นั่งอ่านเรื่องไปใจหายใจคว่ำเหมือนกัน
กลัวว่าไอ้เหี้ยชิดมันจะมารังแกนัยมันอีก
อูจะได้ไปเรียนโรงเรียนใหม่กะนัยมั้ยนี่
ดูชัชมันงุ่นง่านน่าดูสงสารมันเหมือนกันนะ
ไม่เป็นรัยเรื่องจะเป็นยังงัย
ก้อจะรอติดตามต่อไปครับ
ยังเป็นกำลงใจให้อูนะคับ
KTB
บางทีก้อลืมลงชื่อ
ใช้urlบางทีก้อได้บางทีก้อไม่ได้ไม่รู้เป็นงัย

Anonymous said...

T-T ไม่มีวันที่สดใสอีกแล้วกระมังครับ

Arus

Anonymous said...

Gostei muito desse post e seu blog é muito interessante, vou passar por aqui sempre =) Depois dá uma passada lá no meu site, que é sobre o CresceNet, espero que goste. O endereço dele é http://www.provedorcrescenet.com . Um abraço.

Anonymous said...

เหมือนกับคุณ KTB เลยครับ นั่งอ่านเรื่องไปก้อลุ้นไปครับกลัวว่าไอ้ชิดมันจะมารังแกนัยอีก พูดถึงไอ้ชัชก้อสงสารมันเหมือนกันแหละมันคงไม่อยากฟังเรื่องที่อูกับนัยจะไปเรียนต่อที่อื่น อย่าไปโกรธมันเลยครับ ชักอยากจะอ่านต่อซะเเล้วสิครับ อยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้ว่าอูจะสอบสัมภาษณ์ผ่านหรือปล่าว แล้วถ้าผ่านป๊าจะให้ไปเรียนมั๊ย ยังไงก้อจะรอติดตามต่อไปครับ ยังเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า 1 วันนะครับอู
กร ครับ

Anonymous said...

ย่างเข้าปีใหม่แล้ว
ตามสัญญา
HAPPY NEW YEAR 2008

KTB

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำอวยพรจากทุกคนครับ ขออวยพรให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้เช่นกัน

ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามาพูดคุยเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาเล่นเน็ตครับ เข้ามาโพสต์แล้วก็รีบไป เลยไม่ค่อยได้คุยหรือทักทายกัน ต้องขอโทษด้วย

ความตั้งใจเดิมของผม ว่าจะเล่าให้จบ ป.๖ ภายในสิ้นปี ๕๐ แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ก็เลยตามเลย เล่าไปเรื่อยๆก็แล้วกัน แต่อีกไม่นาน น่าจะจบราวตอนที่ ๘๐ ครับ

Anonymous said...

T________________________T

เศร้าอ่า

แต่ก้ เปนไปตามกงล้อของชีวิต


รอดูผลที่จะออกมา


shoPr

Anonymous said...

อูค้าบบบบ
ยังงัยก้อฝากความหวังไว้กะอูนะค้าบบบ
อย่าทิ้งพวกเราไปนะค้าบบบ
ยังงัยก้อมาต่อ
"ตอน ม.ต้น"
"ตอน ม.ปลาย"
ด้วยนะครับ
เพราะไม่อยากให้ความสัมพันฉนท์พี่น้องต้องขาดไป
คงจะคิดถึงมากทีเดียวนะคับ
จบแล้วมาต่อนะค้าบบบ
รักอูสุดหัวใจขาดดิ้นเลยค้าบบบ
KTB

Anonymous said...

สงสารชัชมากๆ
ตอนนี้ของชัชของคิดว่านัยกะอูจะทิ้งไปที่ใหม่
ปล่อยให้ชัฃอยู่คนเดียวไงคับ

มาลุ้นตอนต่อไปคับ
^^sky^^

dodo said...

ใครก็ได้ตอบผมที ตอน 78 อยู่ไหนอะ