Sunday, December 23, 2007

ตอนที่ 75

การสอบสัมภาษณ์ในวันนั้นใช้เวลาเพียง ๑๕ นาทีก็เสร็จเรียบร้อย ครูที่สัมภาษณ์ผมนั้นท่าทางใจดี เนื้อหาของการสัมภาษณ์ก็เป็นการทักทายทั่วไปบวกกับการถามความรู้รอบตัวนิดหน่อย ผมก็ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างเช่น ตอนนั้นถูกถามว่าประเทศใดที่เคยมายกรัฐมนตรีหญิงอีกบ้าง นอกจากอังกฤษ เป็นต้น คือช่วงนั้นนางมากาเร็ต แทตเชอร์เป็นนายกฯอยู่ ข้อนี้ผมตอบไม่ได้

หลังจากที่สอบสัมภาษณ์เสร็จ ผมก็ออกมานั่งรอ คุณอากับไอ้นัย นั่งรออยู่ไม่นาน ไอ้นัยก็เดินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“สอบสัมภาษณ์เป็นไงบ้าง” ผมถาม

“ฮื่อ ก็ดี” ไอ้นัยตอบ มันบอกว่าก็ดี แต่สีหน้าของมันไม่ค่อยดีเท่าไร

“แล้วคำถามยากไหม ตอบได้หมดหรือเปล่า” ผมยังอยากรู้ต่อไป

“ก็พอตอบได้อยู่” ไอ้นัยตอบ ถามคำก็ตอบคำ เอากับมันสิ

พอดีตอนนั้นคุณอายังไม่มา ผมก็เลยฉวยโอกาสถามไอ้นัย ที่ไม่อยากถามต่อหน้าคุณอาก็เพราะรู้ดีว่า ถึงถามมันก็คงไม่บอก เลยเก็บเอาไว้ถามเงียบๆตอนอยู่กันลำพังดีกว่า

“นัย วันนี้เป็นอะไรไปอ่ะ ทำไมดูเงียบๆไป” ผมถาม

ไอ้นัยสั่นหัวด้วยท่าทีเนือยๆ “เปล่า ไม่มีไรนี่”

“กูไม่เชื่อหรอก บอกกูมาเถอะน่า ว่ามีอะไรหรือเปล่า” ผมยังซักไซ้ไม่ยอมเลิก เพราะต้องการเอาความจริงจากไอ้นัย

ไอ้นัยสั่นหัวอีก เพียงแค่นี้ผมก็รู้แน่ว่าต้องมีอะไรที่ไอ้นัยปิดบังเอาไว้แน่ๆ เพียงแต่มันไม่ต้องการบอก ผมก็จนปัญญาที่จะเค้นเอาคำตอบจากมันอีก เพราะถ้าไอ้นัยมันไม่ต้องการพูดถึงเรื่องอะไร มันจะใช้วิธีนิ่งเฉย จนคนถามเบื่อและเลิกถามไปเอง

ตอนบ่ายวันนั้น หลังจากที่สอบสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินทางกลับ ใจ สำหรับผลสอบอย่างเป็นทางการจะรู้ภายในเดือนนั้นเอง ใช้เวลารอไม่นาน แต่ต้องมาดูผลสอบเองเช่นเคย ตอนขากลบ ไอ้นัยนั่งเงียบมาในรถ มันเงียบจนผมรู้สึกอึดอัดใจ

หลังจากที่คุณอามาส่งผมที่โรงเรียน ผมก็เดินกลับเข้าหอไป เมื่อเดินเข้าไปในหอ ก็เห็นไอ้ชัชนั่งดูทีวีอยู่ในห้องดูทีวี ผมตรงเข้าไปนั่งกับมัน และส่งเสียงทักทาย

“นั่งด้วยคนดิชัช” ผมพูด

ไอ้ชัชพยักหน้า ไม่พูดอะไร เป็นทำนองว่าจะนั่งก็นั่งไปดิ

“ไม่อยากรู้เหรอว่ากูสอบสัมภาษณ์เป็นไง” ผมถาม

ไอ้ชัชสั่นหัวดิก ไม่พูดอะไร สายตายังจับจ้องอยู่ที่โทรทัศน์ ไม่มองหน้ามองแม้แต่น้อย ผมเริ่มรู้สึกเซ็งอย่างรุนแรง วันนี้เป็นวันอะไรกัน ทำไมถึงได้เจอแต่คนใบ้

ผมนั่งดูทีวีกับไอ้ชัชด้วยความเซ็ง นั่งดูจนหลับสัปหงกไปคาจอ ตื่นมาอีกทีก็บ่ายแก่แล้ว ก็เลยปลีกตัวออกมาจากไอ้ชัช กะว่าจะขึ้นไปนอนสักหน่อยดีกว่า

ที่ห้องนอนชั้นบน เนื่องจากห้องนอนของผมอยู่ห่างจากบันได ดังนั้น ก่อนจะถึงห้องนอนของผมจะต้องเดินผ่านห้องนอนอีกหลายห้อง ตอนนั้นบางห้องก็มีคนอยู่ เพราะว่าบางทีในวันหยุด กลางวันถ้าไม่มีอะไรทำ หรือว่าขี้เกียจ บางคนก็ขึ้นมานอนเล่น

“ไอ้นักมวยแม่งโคตรโหดเลย” ผมได้ยินเสียงคุยดันดังลอดออกมาจากห้องนอนห้องหนึ่ง

ผมสะดุดใจกับคำว่าไอ้นักมวย เพราะว่ามันหมายถึงไอ้ชิดนั่นเอง ฉายานี้เพื่อนบางคนใช้เรียกมันตอนอยู่ลับหลัง

ผมมองเข้าไปในห้องนอน เพื่อหาเจ้าของเสียงพูดว่าเป็นใคร คนพูดไม่ใช่ใครอื่น ไอ้ติ๊ก คู่ขาของไอ้พงษ์นั่งเอง มันกำลังคุยกับเพื่อนที่อยู่เตียงติดกันซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมัน

“ใครเจอแบบนี้เข้าถือว่าโคตรซวยเลย” ไอ้ติ๊กพูดต่อ


ผมรู้สึกหนาววูบขึ้นมาอีกครั้ง ในใจเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่น่ากลัวขึ้นมาเรื่องหนึ่งจากลางสังหรณ์ ผมเดินเข้าไปหาไอ้ติ๊กในห้องนอน

“ติ๊ก มึงเล่าเรื่องอะไรอยู่น่ะ” ผมถาม

ไอ้ติ๊กทำหน้าตกใจ แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่า ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรได้ไง ก็มึงพูดถึงไอ้ชิดอยู่ มันไปเล่นงานใครใช่ไหม” ผมคาดคั้น

“ใม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ” ไอ้ติ๊กปฏิเสธอีก ดูท่ามันคงกลัวไอ้ชิดจะมาเล่นงานมัน จึงไม่กล้าเล่าอะไร

“นี่มึงสมรู้ร่วมคิดกับมันใช่ไหม ถึงได้ช่วยมันปิด ระวังนะมึง ถ้ามันไปก่อเรื่องเข้า และมึงสมรู้ร่วมคิด อีกหน่อยจะโดนไล่ออกด้วยกัน” ผมรู้ว่าถามดีๆคงไม่ได้ความ เลยใช้วิธีข่มขู่

“กูเปล่านะโว้ย กูไม่ได้ยุ่งอะไรกับมัน” ไอ้ติ๊กรีบปฏิเสธพัลวัน

“ก็ถ้ามึงไม่ได้สมรู้ร่วมคิด มึงก็เล่าออกมาสิ กูรับรอง ว่าจะไม่บอกใคร กูสัญญา กูเป็นเพื่อนมึงนะโว้ย มึงไม่ไว้ใจเพื่อนฝูงแล้วจะไว้ใจหมาที่ไหน” ผมบอก

“เมื่อวานมีเด็กห้องมึงถูกไอ้นักมวยลากเข้าไปอัดในห้องน้ำอ่ะ” ไอ้ติ๊กเล่า สีหน้าอึกอัก “แต่มึงอย่าไปบอกไอ้ชิดมันนะ เพราะมันไม่รู้ว่ากูเห็นมัน”

“คนไหนเหรอ” ผมถาม ในใจรู้สึกเหมือนมีเงาทะมึนมาครอบคลุม ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นคนที่ผมคิดไว้เลย

“ก็เพื่อนมึงคนที่เคยโดนมันอัดตอนงานปีใหม่ไง” ไอ้ติ๊กบอก

ว่าแล้วไอ้ติ๊กก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานตอนเย็นมากแล้ว มัน มันกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำหลังตึกประถมปลาย ห้องน้ำที่ผมกับไอ้นัยและพวกเคยแข่งชักว่าวกันน่ะครับ ขณะที่มันอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ มันก็สังเกตเห็นว่าข้างในมีคนอยู่สองคน คือไอ้ชิดกับไอ้นัย โดยไอ้ชิดกำลังต่อยท้องไอ้นัยอยู่ แล้วถามไอ้นัยว่าจะยอมหรือไม่ยอม

จังหวะที่ไอ้ติ๊กยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำนั้นนั้น ไอ้ชิดพอดีไม่เห็น ไอ้ติ๊กมันเลยไม่กล้าเข้าห้องน้ำ และรีบวิ่งหนีไป หลังจากนั้นก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร

ที่จริงไอ้ติ๊กกับไอ้นัยไม่ได้รู้จักกัน เพราะเรียนกันอยู่คนละห้อง แค่เห็นหน้ากันและรู้ว่าใครเรียนอยู่ห้องไหนเท่านั้น แต่จากเหตุการณ์ที่ไอ้นัยโดนไอ้ชิดซ้อมในวันงานปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมานั้น ได้ร่ำลือไปทั่วทั้งชั้น ป.๖ ดังนั้นหลายคนจึงรู้จักไอ้นัยในฐานะเหยื่อกามของไอ้ชิด โดยเฉพาะในห้องของเราเองก็พูดเรื่องนี้กันอยู่หลายวันตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ แต่ก็แอบๆคุยกัน เพราะไม่กล้าพูดให้ไอ้นัยกับผมได้ยิน ผมรู้ว่าเรื่องนี้สร้างความอับอายและรอยแผลอยู่ในใจของไอ้นัยอย่างลึกล้ำ

11 comments:

Anonymous said...

มาแล้ววววว

สงสารนัยอ่า -*-

Anonymous said...

ขอร้องเหอะอย่าใจร้ายเลยคับ

Anonymous said...

ขอบคุณครับ
มาลงต่อเร็วๆนะครับ เล่าค้างอยู่เหมือนอ่านครึ่งตอนเลย

Arus

Anonymous said...

กะแล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องดี

-*-

shoPr


สงสารนัย T__________T

Anonymous said...

ไอ่ชิดแม๊งเลวอ่ะ
สงสารนัยมาก
ห่วงชัช ด้วย

Anonymous said...

ขอบคุณครับอู
วันนี้ไม่ขอวิจารณ์นะครับใจไม่ดีคับ
อูเป็นพระเอกนะครับ
ทำอะไรซักอย่างดิอย่าเฉยนะครับ
ยังงัยก้อตามผมก้อยังอยากพูดว่า
เหตุการต่าง ๆ ที่ยังไม่ยุติ
จุดเริ่มต้นก้อมาจากอูนะคับ
อย่าอยู่เฉยต้องทำรัยสัอย่าง
เพื่อไถ่โทษ
เฮ้อเหนื่อยครับ
เป็นกำละงใจให้อูนะครับ
รออยู่เหมือนเดิม
KTB

Anonymous said...

อินมากไปรึเปล่าครับ -*-

ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ถ้าเกิดจริงๆ นะครับ

พี่อูก็แค่เล่าให้เราฟัง คงเปลี่ยนไรในนั้นไม่ได้หรอกครับ

Anonymous said...

รู้แย้วคับว่าเหตุการเกิดขึ้นแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
แต่อยากแสดงความคิดเห็นเล่นเฉยๆค้าบบบ
แหย่อูเล่นอะ
หุหุหุ

Anonymous said...

ผมไม่อยากคิดเลยว่านัยจะทนต่อความเจ็บปวดได้หรือไม่ และไอ้ชิตมันจะได้ในสิ่งที่มันต้องการหรือเปล่าขออย่าให้มันได้เลย สงสารนัยเหลือเกินถ้าจะต้องยอมให้กับคนที่ตัวเองไม่ชอบ

Anonymous said...

สงสารนัยจัง

Anonymous said...

ใช่ครับ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วครับอู ถึงว่าทำไมนัยถึงได้เงียบได้ซึมไป บอกอาได้นัยไปเลยครับ จะได้จัดการไอ้ชิดตัวแสบสักที ไอ่ห้ากิ๋นปักชิดอย่าหื้อหันหน้านะมึง กูเอาต๋ายแน่
สงสารนัยจริงๆ ครับ
กร ครับ