Tuesday, December 18, 2007

ตอนที่ 74

คุยกันได้พักใหญ่ ผมก็ขอลาครูช่วยกลับ ในตอนเย็นวันนั้นผมรู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อยก็พอจะรู้แล้วว่าควรจะปลอบไอ้ชัชอย่างไร นึกไม่ถึงเหมือนกันครับ ว่าครูช่วยที่เอาแต่ตีนักเรียนจะเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของเด็กอย่างพวกเราได้ดีขนาดนี้

เมื่อกลับถึงหอ ผมก็รี่เข้าไปหาไอ้ชัชทันที ตอนนั้นไอ้ชัชกำลังนั่งดูทีวีอยู่

“ชัช คุยด้วยหน่อยดิ” ผมพูด ว่าแล้วก็ลากมันออกมาจากห้องดูทีวี และหาที่ลับตาเพื่อคุยกัน

“มีอะไรเหรอ” ไอ้ชัชถามอย่างงงๆ

“เรื่องสอบเข้า ม.๑ น่ะ” ผมพูด

“ตกลงมึงจะไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม” ไอ้ชัชพูด สีหน้าและแววตาสดชื่นขึ้นทันที

“มึงว่าป๊ากับม้ามึงรักมึงไหมวะ” ผมไม่ตอบมัน แต่ถามกลับไปแทน

ไอ้ชัชงุนงงกับคำถามของผม เพราะนึกไม่ออกว่าผมจะมาไม้ไหน

“มึงจะถามทำไม” ไอ้ชัชว่า

“เอาเถอะน่า มึงก็ตอบมาสิ” ผมรุกเร้า

“ก็รักน่ะสิ ถามได้”

“แล้วที่ป๊ากับม้ามึงส่งมึงมาเข้าโรงเรียนประจำที่นี่ ปีหนึ่งมีเวลาอยู่บ้านแค่ไม่กี่เดือน แล้วนี่มึงคิดว่าเค้าทิ้งมึงหรือเปล่า” ผมถามอีก

“ทิ้งอะไรกัน ก็เค้าอยากให้กูเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ” ไอ้ชัชตอบ

“นั่นแหละ เห็นไหมล่ะ” ผมพูด “การแยกจากกันไม่ได้แปลว่าเค้าไม่รักมึง แล้วก็ไม่ได้แปลว่าเค้าทิ้งมึง แต่เค้าอยากให้มึงได้ดี เค้าเลยยอมส่งมึงมาเรียนที่นี่ การที่กูไปเรียนที่อื่น ไม่ได้หมายความว่ากูทิ้งมึงสักหน่อย คนเราหากมีวาสนาต่อกัน สักวันก็จะได้กลับมาพบกันอีก”

ไอ้ชัชอ้าปากค้าง ยังจำใบหน้าของมันในตอนนั้นได้ มันยังตั้งตัวไม่ทัน และนึกไม่ถึงว่าผมจะยกเหตุผลได้มากมายถึงขนาดนั้น

จากนั้นผมก็อธิบายชักแม่น้ำทั้งห้าให้ไอ้ชัชฟัง เหมือนกับที่ครูช่วยอธิบายให้แก่ผม

“เป็นอันว่ายังไงมึงก็จะไปจากที่นี่” ไอ้ชัชสรุป

“แล้ว ม.๔ เราไปสอบเข้าเตรียมอุดมฯด้วยกัน ถึงตอนนั้น เราก็จะได้เรียนด้วยกันอีก แล้วก็ไม่แน่ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย เราก็อาจได้เรียนด้วยกันอีก” ผมพยายามเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ

“มึงไปหัดพูดจาหลอกเด็กแบบนี้มาจากไหนวะ ไอ้อู” ไอ้ชัชพูดเรียบๆ น้ำเสียงของมันไม่มีแววโกรธเคือง มีแต่แววของการตัดพ้อต่อว่า “พูดแบบนี้มันหลอกเด็กอนุบาลนี่หว่า”

อ้าว เป็นอย่างนั้นไป เมื่อเห็นว่าการหว่านล้อมไม่ได้ผล ผมก็เลยต้องบอกกับมันไปตรงๆ

“กูตัดสินใจแล้วว่ะ ว่ากูคงจะไปจากที่นี่” ผมพูด “กูอยากไป และกูจะพยายามให้เต็มที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปอย่างที่คิดไว้หรือเปล่านะ เพราะว่าป๋ากูไม่เห็นด้วย แล้วแต่วาสนาก็แล้วกัน”

ไอ้ชัชฟังจบก็ไม่ได้พูดว่าอะไร แล้วมันก็เดินแยกจากไปด้วยท่าทีเงื่องหงอย

คืนนั้นเป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมนอนไม่ค่อยหลับ กว่าจะหลับได้ก็ดึกโข และคืนนั้น ไอ้ชัชก็มาขโมยหอมแก้มผมอีก ไอ้ชัชนี่ก็แปลก ตอนกลางวันดูมันเซื่องซึม เย็นชากับผม แต่ตอนกลางคืนที่มันหอมแก้มผมนั้น ผมสามารถรู้สึกได้ถึงมิตรภาพและความอบอุ่นที่มันถ่ายทอดมาให้

คืนนั้นผมเปลี่ยนความคิดกลับไปกลับมาจนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วในที่สุด ผมก็ผล็อยหลับไป

- - -

วันรุ่งขึ้น คุณอากับไอ้นัยมารับผมตามที่ได้ตกลงกันไว้ ผมเองในตอนนั้นก็คิดว่าไปสัมภาษณ์เอาไว้ก่อน จะเรียนหรือไม่เรียนยังมีเวลาตัดสินได้อีกหน่อย

เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ และเตรียมจะออกไปจากห้องนอน เห็นคนในห้องรวมทั้งไอ้ชัชยังนอนหลับกันอยู่ ผมเห็นไอ้เพื่อนรักของผมนอนหลับตา คิ้วขมวดมุ่น ไม่รู้ว่ากำลังฝันถึงอะไรอยู่ ดูไปแล้วก็สงสารมัน มันคงเป็นทุกข์เพราะผมมาก เพราะแม้แต่ตอนหลับก็ยังทำหน้ายุ่ง ผมเลยแอบหอมแก้มไอ้ชัชเสียหนึ่งที แล้วจึงเดินออกมา

คุณอาผู้ชายกับไอ้นัยมารับผมตามเวลา แว่บแรกที่ผมเห็นไอ้นัย ผมก็รู้สึกทันทีว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับมัน ความรู้สึกลึกๆมันบอก แต่ว่าหาเหตุผลไม่ได้

ไอ้นัยมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยิ้มแย้มเหมือนปกติ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถถามคำก็ตอบคำ ผมถามมันว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มันก็ตอบว่าไม่เป็นไร

“ตื่นเต้นมั้ง” ไอ้นัยบอก

เมื่อมาถึงโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระนคร พวกเราก็ต้องไปนั่งรอสัมภาษณ์ ตามที่ประกาศระบุไว้ ห้องสัมภาษณ์ก็คือห้องเรียนนั่นเอง ห้องสัมภาษณ์นี้มีหลายห้อง แต่ละห้องมีนักเรียนนั่งรอคิวสัมภาษณ์ตรงทางเดินหน้าห้องอยู่เกือบสิบคน

ผมกับไอ้นัยถูกจัดให้สอบสัมภาษณ์คนละห้องกัน ห้องสัมภาษณ์ของผมอยู่ชั้นล่าง ส่วนไอ้นัยห้องสัมภาษณ์อยู่ชั้นสอง

ผมนั่งรออยู่หน้าห้องสัมภาษณ์ได้สักพัก คุณอาผู้ชายก็เดินเข้ามาหาผม

“ไอ้นัยอยู่ชั้นสองครับ” ผมบอก เพราะคิดว่าคุณอาจะหาไอ้นัย

“เปล่า อาไม่ได้หานัย อาจะมาหาอูนั่นแหละ” อาผู้ชายพูดขึ้น พลางนั่งลงข้างๆผม

“คุณอามีอะไรเหรอครับ” ผมถาม

“อารู้สึกว่านัยมีอาการแปลกๆไปตั้งแต่กลับบ้านมาเมื่อวาน ดูนัยซึมๆชอบกล ถามดูแล้วก็บอกไม่มีอะไร แต่อายังไม่ค่อยแน่ใจนัก เลยลองมาถามอูดู” คุณอาพูด

“ผมก็รู้สึกเหมือนกันครับคุณอา แต่เมื่อวานก็ไม่มีอะไรนี่ครับ เลิกเรียนแล้วผมก็กลับหอ ตอนนั้นไอ้นัยก็ยังดีๆอยู่” ผมบอก

ผมบอกว่าไม่มีอะไร แต่ตอนนั้นในใจรู้สึกหนาววูบ และขนลุกขึ้นมา จู่ๆผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดและลี้ลับ เกิดขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วก็หายไป

14 comments:

Anonymous said...

มาต่อเร็วนะครับ
T-T
อย่าทิ้งให้ Nightmare
ค้างคาไว้แบบนี้อ่ะ
T-T
ไม่ดีนะพี่อู

Arus

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับอู
ทันใจดีเหลือเกิน สุดยอดครับสำหลับตอนที่ 74
รวดเร็วปายสายฟ้าแลบ
แหะ ๆ ล้อเล่นครับ
ทันใจมากเลยครับไม่ต้องรอนาน
สำหรับตอนนี้ เหมือนเป็นคำตอบของอู
ที่ให้กับคำถามที่อยู่ในใจของผมครับ
ทำให้ผมกระจ่างขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นนัยก้อดีหรืออูก้อดี
เวลามีอะไรอยู่ในใจทำมัยจะต้องสงวนท่าที
กลัวที่จะได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ
ตอนนี้ทำให้ผมคิดว่า นัยเองก้อคงมีใจให้กับอู
เหงาซึมเงียบไปจนอาผิดสังเกตุ
จากการคุยกันวันก่อนที่อูจะไปถามอาจารย์นั้น
วันนั้นอูกับนัยคุยกันตึงเครียดมากในเรืองระหว่าง
ของทั้งสามคนที่สำคัญผมว่านัยก้อมีใจรักอูเหมือนกัน
จากการอ่านตอนที่ 74 ผมฟันธงลงไปได้เลยแล้วว่า
"นัยรักอู" 555555
สมใจแล้วใช่มั้ยอูและตอนนี้ก้อทำความเข้าใจกับชัชแล้วว่ายังงัยก้อต้องไปเรียนกับนัย
สรุปท้ายตอนที่74 อูก้อคงรู้แล้วใช่มั้ยว่านัยรักอู
ไม่งั้นคงไม่รู้สึกใจหนาววูบและขนลุกขึ้นมา
รู้แล้วใช่มั้ยว่านัยรักอูด้วย
เพราะฉะนั้นวันนี้หลังจากเลิกสัมภาษณ์แล้ว
ปรับความเข้าใจซะ
อูนั่นแหละจะต้องเป็นคนบอกนัยว่า
"นัยกูรักมึงนะกูไม่ได้รักไอ้ชัชไวันนี้กูมาสอบสัมภาษณ์แล้ว กูจะไปเรียนกะมึง แล้วมึงรักกูป่าวล่ะ กูรู้นะว่ามึกก้อรักกู"
ไอ้นัยมันจะวางฟอร์มตอบว่า "ใครบอกมึงว่ากูรักมึง"
5555555
"กูรู้น่าเอาเป็นว่า กูรักมึงแล้วมึงก้อรักกู คนอื่นไม่เกี่ยวไม่สน นะนะนะนะ"แอบหอมแก้มอู 1 ที แล้วบอกว่า
"กูรักมึงนะ เราไปเรียนโรงเรียนใหม่ด้วยกัน"
แล้วยิ้มหวานให้นัยมัน
นัยก้ออมยิ้มอย่างอายๆ (ซึ่งอันนี้ไม่ใช่พฤติกรรมของไอ้นัย 5555 ผมว่าคนเดียว)
เอาตามนี้แล้วกัน
อิอิล้อเล่นครับ
ผมค่อนสบายใจหน่อยละครับว่าตอนนี้อูคงรู้แล้วว่านัยมันรักอู แต่นัยมันซึมไปเพราะคงคิดว่าอูรักชัช
ปรับความเข้าใจกันนะคับสงสารนัยมัน

ขอบคุณมากจะรออยู่นะไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก้อรออยู่อย่างใจจดใจจ่อที่จะได้อ่านตอนต่อไป
เป็นกำลังใจให้อูนะครับ
สงสารไอ้ชัชเหมือนกันว่ะ
ไอ้ชัชมันเป็นนางรองไม่ใช่นางเอก
ทำใจได้ว่ะ
55555
บะบาย
แล้วเจอกันในตอนที่ 75
KTB

Anonymous said...

โหย ทันใจดีมากเลยพี่อู กะลังรออยู่พอดี

ผมว่า อาจจะไม่ใช่แบบที่คุณ KTB คิดก็ได้นา

จริงๆ แล้ว ผม ว่า อาจจะหักมุมเลยก็ได้

กะอยู่ แต่ไม่สปอยล์ดีกว่า เดี๋ยวถูกแล้วโดนด่า ไม่ถูกก็หน้าแตก

รออ่านๆ


ขอบคุณพี่อูมากคร้าบ

shoPr

Anonymous said...

shoPr คับ
เข้าใจผมผิดแล้วคับผมตีความจากข้อความของอูที่่บอกว่า"รู้สึกใจหนาววูบและขนลุกขึ้นมา" นั้นผมหมายความว่า อูตกใจว่าเมื่อวันก่อนที่คุยกะนัยนั้นตนเองได้
ทำให้นัยเข้าใจผิดว่าที่ยังลังเลในการที่จะไปเรียนที่ใหม่กะนัยนั้นเพราะอูก้อคงรักกะชัชมั้งเพราะอูไม่ได้ปฎิเสธไปว่าตนไม่ได้รักชัชตอบ
แล้วมรานับเงียบซึมไปคงเพราะเสียใจที่อูไม่ได้รักนัย
อูคงเสียใจที่ทำให้นัยต้องเป็นอย่างนี้ต่างหากทำให้อูต้อง "รู้สึกใจหนาววูบ" ส่วน "ขนลุกขึ้นมา" ก้อเพราะเข้าใจว่าไอ้นัยคงจะรักมัน(อู)

แม่นก่อคับคุณอู(ใช่มั้ยคับคุณอู)
เดาเอาบะดาย(เดาเอาเฉยๆ)
ถูกก่อจ้างบะถูกก่อจ้างม่วนดี(ถูกก้อช่างไม่ถูกก้อช่างสนุกดี)55555
ผมคนเมือง(คนเหนือ)คับ อยู่ตี้ไหนเอ้าลองทายผ่อลอ(อยู่ที่ไหนเอ้าลองทายดูซิ)
KTB
โรงเรียนที่อูเรียนอยู่ที่ปากทางลาดพร้าวใช่มะตอนนี้ก้อเลิกกิจการไปแล้วเสียดายเน๊อะ

Anonymous said...

น่าคิดเหมือนกันว่าคุณอูทิ้งท้ายไว้หมายความว่าอย่างไร แต่ว่าอาการขนลุกนั้นผมว่ามันเหมือนหนังผีนะครับ ทำไมคุณเคทีบีไปตีความเป็นเรื่องรัก

มาต่อเร็วๆนะ ลุ้นจังช่วงนี้

Anonymous said...

เอาเปนว่ารอพี่อูมาต่อละกันครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น


อาจจะเกิดอะไรที่ไม่น่าเกิดก็ได้ ใครจะรู้

Anonymous said...

ซึ้งมากๆ ตั้งแต่ 71 แล้ว น้ำตาซึม..

Anonymous said...

ถึงตอนสนุกแล้วอูก็จะเงียบไปนาน คนอ่านคิดถีงรู้ไหม
มารอทุกวันนะครับ อู

Anonymous said...

รอๆๆๆ

รออยู่นะคร้าบบ

มีแรงแล้วมาต่อด้วย



shoPr

Anonymous said...

Ketder


หนุกๆ ซึ้งๆ

Anonymous said...

เหอะๆๆ งานยุ่งมากหายไปนานไม่ค่อยมีเวลาเล่นเน็ทเลยยย .... วันนี้เข้ามาทีเจอ 2-3 ตอนรวด .. คุ้มโคตรๆ 55+

ก็ยังสนุก ตื่นเต้น และซาบซึ้งเหมือนเคยนะครับ แรกๆสนุกๆอ่านกระตุ้นได้ 555+ หลังๆก็ซาบซึ้งประทับใจมากครับ

รอคุณอูมาต่อตอนต่อไปนะครับ ... เป็นกำลังใจให้เสมอนะ ^_^

Anonymous said...

รอออออออ

Anonymous said...

รอออออออ

Anonymous said...

เข้าใจ๋อู้นะครับ KTB
เป๋นคนเมืองเหมือนผมเลย
หุหุหุ
กร ครับ