Tuesday, April 20, 2010

ภาคสาม ตอนที่ 59

“เด็กชายอูรับโทรศัพท์” เสียงจากอินเตอร์คอมที่ชั้นสี่ของหอพักดังกังวานในตอนหัวค่ำของวันหนึ่ง คนที่เรียกผมแบบนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากแป๋ง

ผมคิดอยู่ในใจว่าแม่คงจะโทรมาบ่นผมอีกเพราะว่าหมู่นี้ผมไม่ค่อยได้โทรไปคุยกับพ่อและแม่เลยทั้งๆที่แม่กำชับเอาไว้ว่าให้โทรไปหาบ้างเพราะเรื่องของบอยทำให้ผมรู้สึกเซ็งจนไม่อยากคุยกับใคร ผมรีบลงไปที่ชั้นล่างเพื่อรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล” ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นพูด ใจนึกหวั่นว่าวันนี้คงหูชาอีกเป็นแน่

“พี่อู นี่บอยนะ” เสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งพูด

ผมเฝ้ารอโทรศัพท์จากบอยมาเป็นเดือนแล้วแต่บอยก็ไม่เคยโทรมาหาผมเลย และในวันที่ผมสิ้นหวัง จู่ๆบอยก็โทรมาอย่างไม่คาดฝัน

“บอย เป็นไงบ้าง” ผมทักทายด้วยความดีใจแม้จะยังไม่รู้ว่าบอยโทรมาด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม

“ก็เรื่อยๆฮะ พี่อูเป็นไงบ้าง” บอยถาม

“เดี๋ยวก่อนนะบอย เดี๋ยวพี่โทรกลับ พี่ขอเปลี่ยนเครื่องคุยดีกว่า” ผมพูด จากนั้นก็วางสายลง โทรศัพท์ที่นี่คุยได้ครั้งละ ๕ นาทีเท่านั้น ผมรีบขึ้นไปหยิบกระเป๋าตังค์และเหรียญที่ห้องและกลับลงมาอีกครั้ง

“แหม พอเด็กโทรมารีบออกไปคุยข้างนอกเชียว ฮิฮิ กลัวเราได้ยินนายจีบเด็กเหรอ” แป๋งหัวเราะฮิฮะ ทำหน้ากวนแบบคนรู้ทัน

ผมควักเอาบัตรประชาชนออกจากกระเป๋าตังค์วางบนโต๊ะแล้วรีบเก็บเพราะกลัวแป๋งจะอ่านรายละเอียดในบัตร

“นี่ มีบัตรประชาชนแล้ว ใช้นายแล้วนะเฟ้ย ไม่ใช่เด็กชาย” ผมบอกมัน พยายามเสไปเรื่องอื่นจากนั้นก็รีบเดินหนี

ผมไม่ได้ยินเสียงบอยมาเป็นเดือนแล้ว การที่บอยโทรมาหาผมอีกครั้งหนึ่งทำให้โลกที่หม่นทึมของผมกลับสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ผมโทรศัพท์ไปหาบอยโดยใช้ตู้ที่ด้านอกหอพัก บอยรับสายและคุยกับผมแบบเนือยๆจนผมผิดสังเกต เรื่องที่คุยก็สะเปะสะปะ ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ผมคิดว่ามันคงคิดถึงผมจึงได้โทรมาคุย แต่ฟังจากน้ำเสียงและท่าทีที่พูดคุยแล้วคงไม่ใช่ บอยน่าจะมีความในใจอยู่ลึกๆซึ่งผมยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

“บอย นายเป็นอะไรกันแน่น่ะ ทำไมวันนี้ฟังดูแปลก ๆไป” ผมถามบอยตรงๆ

“บอยเหงาอะพี่อู ไม่รู้จะคุยกับใคร” เสียงบอยฟังดูเศร้าหมองหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง “นึกอยากคุยกับพี่อูขึ้นมา”

ผมรู้สึกตกใจ ทำไมบอยกลายเป็นแบบนี้ แต่ในใจก็อดประท้วงเล็กๆไม่ได้ว่านี่ถ้าไม่เหงาก็คงไม่นึกถึงผม ผมอดนึกว่าตนเองเป็นเครื่องใช้อะไรสักอย่างไม่ได้ ยามต้องการก็หยิบมาใช้ ยามไม่ต้องการก็วางเอาไว้โดยไม่สนใจ

“พี่อู ตอนที่พี่อูกับแฟนจากกัน พี่อูเสียใจมากไหม” บอยถามต่อ

ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ๆบอยถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมกัน

“นายถามทำไมน่ะ” ผมถาม

“แล้วพี่อูทำยังไงถึงหายเสียใจ” บอยถามต่ออีก ไม่สนใจคำถามของผม

“บอย มันเกิดอะไรขึ้น นายมีอะไรก็บอกพี่ตรงๆได้ไหม นายพูดวกไปวนมาจนพี่งงไปหมดแล้ว” ผมพยายามเค้นถามความจริง

บอยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พี่อู บอยเหงา บอยถูกทิ้ง” บอยพูดเสียงเครือ

หลังจากนั้นบอยจึงยอมเปิดเผยเรื่องราวให้ผมฟัง บอยเล่าให้ผมฟังว่าไปคบกับนักเรียนหญิงต่างโรงเรียนที่เจอกันที่โรงเรียนกวดวิชา ชื่อส้ม ซึ่งผมพอรู้เลาๆอยู่แล้ว คบกันไปได้พักหนึ่งต่อมาก็มีปัญหากัน และในที่สุดส้มก็ขอเลิกติดต่อกับบอย

“แล้วมีปัญหาอะไรกันล่ะ” ผมซัก

“มันมีเด็ก ม.๔ มาจีบส้มน่ะพี่อู แรกๆก็เฉยๆไม่มีอะไร แต่มันเอาใจเก่ง ส้มก็เลยไปชอบมัน” บอยอธิบาย “บอยอุตส่าห์ลงเรียนเพิ่มให้เท่าๆกับที่ส้มเรียน จะได้นั่งเรียนด้วยกันทุกวัน แต่ตอนนี้บอยต้องนั่งทนดูมันจีบส้มทุกวันแทน”

ผมอดนึกในใจไม่ได้ว่าทำไมเรื่องของบอยกับส้มมันจึงเหมือนกับละครทีวีนัก มันโคตรเน่าสิ้นดีเลย คราวนี้บอยคงรู้แล้วสิว่ารสชาติของการถูกทอดทิ้งนั้นเป็นอย่างไร

พอบอยเริ่มเล่าออกมาบ้าง มันก็เหมือนกับทำนบกั้นน้ำที่เริ่มมีรูรั่ว เริ่มจากรูเล็กๆ หลังจากนั้นรอยแตกก็ขยายใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับบอย หลังจากนั้นบอยก็พรั่งพรูความอึดอัดคับใจออกมาราวกับทำนบทลาย

“บอย พี่ว่าพรุ่งนี้เรามาเจอกันหลังเลิกเรียนดีไหม จะได้มีเวลานั่งคุยกันได้เยอะหน่อย” ผมพูดหลังจากที่คุยกับบอยมานานพอสมควรแล้วจนคนที่มาต่อคิวรอโทรศัพท์ต้องเคาะตู้โทรศัพท์เพื่อเร่งผม “พี่จะรอที่โรงอาหารนะ”

- - -

เช้าวันต่อมา...

วันนี้ผมไม่มีสมาธิที่จะเรียนเลย ในใจมัวแต่คิดถึงเรื่องที่บอยโทรมาคุยเมื่อคืน มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ทั้งตื่นเต้นดีใจ ทั้งอบอุ่น และทั้งกระอักกระอ่วนใจ ระคนคละเคล้ากัน และเย็นวันนี้ผมก็จะได้พบกับบอยอีกครั้งหลังจากที่เราไม่ได้ติดต่อกันมานานพอสมควรแล้ว

ผมนั่งเหม่อลอย สายตามองกระดานดำแต่ทว่าใจกลับล่องลอยไปที่ไหนก็ไม่รู้ เสียงที่อาจารย์บรรยายกลับคล้ายสายลมที่โชยพัดผ่านสองหูของผม

ทันใดนั้นหางตาด้านซ้ายของผมก็รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบางอย่าง มันมีการเคลื่อนไหวเล็กๆที่แทบไม่เป็นที่สังเกตแต่ทว่าผมสามารถรู้สึกได้

ผมเบือนหน้าไปเล็กน้อยเพื่อให้เหลือบตาดูได้ถนัดขึ้น ความเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นที่ใต้โต๊ะของนนและแมน สองจอมมารดำขาว ไอ้แมนกำลังใช้มือเคล้นคลึงเป้ากางเกงของนนอยู่อย่างช้าๆและเงียบเชียบ ขณะเดียวกันนนก็กำลังเคล้นคลึงที่เป้ากางเกงของแมนเช่นเดียวกัน มันแนบเนียนมากจนแม้แต่ไอ้กี้ที่นั่งติดกันทางอีกด้านหนึ่งก็ไม่ได้สังเกต ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมจึงสังเกตเห็นได้

แมนค่อยๆเอามือรูดซิปกางเกงของนนลง จากนั้นเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงนักเรียนสีดำของนน นนหยุดมือที่คลึงอยู่ที่เป้ากางเกงของแมน เหลือเพียงกุมเอาไว้เฉยๆ ปล่อยให้แมนเล่นอยู่ในกางเกงของมันเพียงฝ่ายเดียว ขาของนนเหยียดเกร็ง... ผมเริ่มคิดถึงบอยขึ้นมาอีก นึกถึงตอนที่ได้กอดบอยโดยบังเอิญและตอนที่เล่นปล้ำกับบอย อารมณ์ของผมเริ่มปั่นป่วนและท้องน้อยรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา...

ออดดดดด...

เสียงออดบอกเวลาสิ้นสุดคาบเรียนดังขึ้น นนและแมนรีบถอนมือออกจากเป้าเกางเกงของอีกฝ่ายหนึ่ง ผมรีบเบือนสายตาไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเห็นผมชายตาดูมันหรือไม่

หลังจากที่เริ่มคาบเรียนใหม่ วิชาถัดมาเป็นวิชาสังคมศึกษา อาจารย์ผู้สอนเข้ามาพร้อมกับหอบหนังสือและเอกสารมาปึกหนึ่ง

“ครูตรวจรายงานของพวกเธอไปบ้างแล้วนะ แต่ว่ายังไม่เสร็จ” อาจารย์พูดขึ้นมา “แต่ครูเจอรายงานที่แปลกประหลาด ๒ ฉบับ ครูสอนหนังสือมาหลายปีเพิ่งจะเจอรายงานแบบนี้เป็นครั้งแรก ไหน ขอดูหน้าเชาวน์กับ ... หน่อย”

อาจารย์พูดชื่อไอ้เฉาและผมขึ้นมา เพื่อนๆในห้องมองมาที่เราสองคน ผมเองก็มองไปที่ไอ้เฉา เห็นมันอมยิ้ม ทำสีหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน

อาจารย์หยิบรายงานที่เย็บเล่มเข้าปกเรียบร้อยสองเล่มขึ้นมาชู พลางพลิกเนื้อในออกโชว์ให้นักเรียนทั้งชั้นดู

“ดูซิ ทำเข้าไปได้ ครูบอกให้ไปทำรายงาน สองคนนี่ไปถ่ายเอกสารมาจากหนังสือแล้วเข้าเล่มส่ง” อาจารย์พูดเสียงดัง “ถ่ายเอกสารมาทั้งดุ้น มีแต่ปกเท่านั้นที่ไม่ได้ถ่ายเอกสารมา ม.๕ ทั้งชั้นมีแต่เธอสองคนที่ทำแบบนี้ แสดงว่าปรึกษากันมาใช่มั้ย เธอสองคนคิดยังไงถึงได้ทำแบบนี้”

“รายงานพวกนี้คนอื่นเค้าก็ลอกกันมาครับอาจารย์” ไอ้เชาวน์ลุกขึ้นมาโต้กับอาจารย์ “ลอกหนังสือมาบ้าง ลอกกันเองบ้าง ต่างกันแค่พวกนี้เอามาพิมพ์หรือเขียนใหม่ อาจารย์ตรวจรายงานก็คงทราบเพราะว่าเรื่องมันก็ซ้ำๆกัน แสดงว่าลอกกันมา แล้วจะไปพิมพ์ไปเขียนทำไมให้เปลืองเงินเปลืองเวลาครับ เอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบดีกว่า”

อาจารย์ถึงกับนิ่งไปเมื่อถูกไอ้เชาวน์ย้อน ในยุคนั้นนักเรียนก็เริ่มกล้าที่จะโต้แย้งความคิดเห็นกับอาจารย์แล้ว อีกทั้งท่าทีของเชาวน์สุภาพเรียบร้อย ไม่มีลักษณะของการตีรวนกวนประสาท แต่ว่าแรงอยู่ในเนื้อหา

“ครูอยากจะช่วยพวกเธอนะ นี่เป็นคะแนนเก็บ ใครที่พยายามทำมาครูก็ให้คะแนน ขอให้ครูแค่เห็นความพยายามบ้างครูก็ให้คะแนนแล้ว แต่เธอทำอย่างนี้แล้วครูจะให้คะแนนได้ยังไง ความพยายามก็ไม่เห็น” เสียงของอาจารย์ที่ดังก็เริ่มลดระดับลง

“พวกที่เขียนรายงานส่งต้องใช้ความพยายามจริงครับอาจารย์ แต่พวกที่พิมพ์ส่งน่ะบางคนก็ไม่ได้พิมพ์เอง ไปจ้างพิมพ์มา มันก็ไม่ได้แสดงความพยายามอะไร ไม่ได้ต่างจากที่ผมถ่ายเอกสารส่งเลย แค่พวกนั้นจ่ายเงินมากกว่าเพราะเสียค่าจ้างพิมพ์ด้วย” เชาวน์แย้งอีก จากนั้นพูดเสริม “อาจารย์ให้คะแนนผมเท่ากับพวกที่ลอกแล้วพิมพ์ส่งก็ได้ครับ”

ผมฟังแล้วรู้สึกหนาวๆร้อนๆ นึกไม่ถึงว่าไอ้เฉาจะกล้าโต้แย้งกับอาจารย์ถึงขนาดนี้ ตอนที่มันบอกวิธีทำรายงานส่งให้แก่ผมมันเพียงแค่บอกว่ามีอะไรมันจะช่วยพูดออกหน้าให้เอง แต่นึกไม่ถึงว่าการพูดของมันหมายถึงการโต้แย้งกับอาจารย์เช่นนี้ แต่ก็เรียกได้ว่าไอ้เฉาเป็นนักเรียนที่ทั้งฉลาดและมีหัวก้าวหน้า มันสามารถโต้แย้งกับอาจารย์ได้อย่างมีเหตุผลดีทีเดียว

“แล้วเธอล่ะ” อาจารย์หันมาทางผม “คิดแบบเดียวกับนายเชาวน์เค้าหรือไง ถึงได้ส่งรายงานมาแบบเดียวกัน”

“คือ... เอ่อ... ผมทำรายงานไม่ทันครับ ผมคิดว่าทำแบบนี้คงดีกว่าไม่มีอะไรส่ง” ผมตอบไปตามตรง

หลังจากที่โต้คารมกันอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดอาจารย์ก็รับฟังความคิดเห็นของไอ้เฉา แต่ก็ตัดสินให้รายงานของไอ้เฉาและผมเอาไข่ไปกิน คือได้ ๐ คะแนน ซึ่งไอ้เฉาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ส่วนอาจารย์เองก็เห็นใจและให้ความเป็นกันเองกับนักเรียนและรู้ดีว่านักเรียน ม.๕ จำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้หวังจบการศึกษาในระบบโรงเรียน จึงพยายามประนีประนอมเพื่อดึงนักเรียนไม่ให้ทิ้งห้องเรียนมากยิ่งไปกว่านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ลงโทษอะไรกับรายงานฉบับพิสดารนี้เพียงแต่ไม่ให้คะแนนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี กรณีของเราก็ได้เลื่องลือไปทั้งระดับ ม.๕ เลยทีเดียว

- - -

ตอนเย็น...

หลังจากที่เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมากมายในวันนั้น ในที่สุดคาบเรียนสุดท้ายก็ผ่านพ้นไป ผมรีบเก็บเป้และตรงไปที่โรงอาหารทันที

ที่นั่น ผมเห็นบอยนั่งคอยอยู่แล้ว บอยนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูท่าทางอารมณ์ไม่แจ่มใส ส่วนผมนั้นรู้สึกแปลกๆอธิบายไม่ถูก ทั้งดีใจและทั้งลำบากใจ

“เป็นไงบอย หน้าไม่เสบยเลยนะ ไปซื้อของกินมาก่อนสิ แล้วจะได้มานั่งคุยกัน” ผมชวนบอยคุย

บอยส่ายหัว “บอยไม่อยากกินอะไร”

“งั้นพี่ไปซื้อมาให้เอง” ผมพยายามเอาใจ

หลังจากที่ผมซื้อของกินมาเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มการสนทนากัน

“ไหน มีอะไรก็ว่ามาได้เลย” ผมพูด

“บอยเซ็งอะ พี่อู” บอยบ่น หลังจากนั้นก็ปรับทุกข์เสียยาวเหยียด ผมปล่อยให้บอยระบายไปเรื่อยๆ พูดเสริมอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“ทำยังไงถึงจะให้ส้มกลับมาดีกับบอยได้อีกล่ะพี่อู พี่อูเคยมีแฟนนี่ แนะนำบอยหน่อย” บอยพูดเสียงเครือเหมือนกับจะร้องไห้ ดูท่าบอยจะจริงจังกับเด็กสาวคนนี้มากทั้งๆที่รู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆ

ผมรู้สึกสะท้อนใจวูบขึ้นมา ผมกลับต้องรับหน้าที่ช่วยให้คนอื่นมายึดครองหัวใจของบอยแทนตัวผมเอง ตกลงผมเป็นตัวอะไรกันแน่ คงเป็นตัวตลกมั้ง เป็นตลกที่เล่นในฉากเอาถาดตีหัวอย่างที่นิยมกันในยุคนั้นที่เรียกกันว่าตลกเจ็บตัว... ตัวเองยอมเจ็บเพื่อให้คนอื่นเป็นสุขใจ...

“แล้วนายคิดว่านายทำอะไรให้ดีพอหรือสู้ไอ้หมอนั่นไม่ได้ตรงไหนล่ะ” ผมถาม หัวใจรู้สึกมีรสขื่นอย่างไรก็ไม่รู้

“มันเอาใจเก่งฮะ” บอยตอบ “ส้มชอบบอกว่าบอยเอาใจไม่เป็น แต่บอยก็พยายามนะพี่อู”

ก็แน่ละสิ บอยมันชอบให้คนอื่นเอาใจ แล้วตัวมันจะไปเอาใจคนอื่นเก่งได้อย่างไร

ผมพยายามแนะนำวิธีเอาใจสาวให้แก่บอยไปด้วยหัวใจที่ข่มขื่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นวิธีที่ผมใช้เอาใจบอยนั่นเอง เราคุยกันอยู่นาน หลังจากที่บอยได้ระบายออกมาแล้วดูบอยรู้สึกสบายใจขึ้นมาก แต่หัวใจของผมนี่สิกลับรู้สึกบอบช้ำหนักยิ่งกว่าเก่า

“พี่ถามอะไรนายอย่างหนึ่งดิ” ผมถามบอยในช่วงท้ายของการพบกันในวันนั้น

“อะไรฮะ” บอยอยากรู้ น้ำเสียงเริ่มสดชื่นขึ้น

“ระหว่างคนที่นายชอบแต่เค้าอาจจะไม่ได้ชอบนายเท่าไร” ผมพูดแล้วหยุดไปนิดหนึ่ง ลังเลอยู่ชั่วขณะ แล้วในที่สุดก็กัดฟันพูดต่อให้จบ “กับคนที่แอบชอบนายแล้วทำดีกับนายอยู่ทุกเมื่อ ถ้านายได้รู้ความจริงว่าเค้าชอบนาย... แล้วนายคิดจะเลือกใคร”




<ห้องสมุดประชาชนภายในสวนลุมพินีที่ผมเคยไปนั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นอาคารชั้นเดียว ค่อนข้างเก่า ภายในไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ เมื่อนั่งดูหนังสืออยู่ภายในห้องสมุดสามารถเห็นทิวทัศน์ของสวนสาธารณะและบึงน้ำอันงดงามได้ ปัจจุบันได้รับการตกแต่งปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยและติดเครื่องปรับอากาศ>

33 comments:

Anonymous said...

สวัสดีครับ
มารักอาอูก่อนออกไปเรียน

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

อ๊ะ!! สารภาพรักอ้อมๆ...กลายๆ...
สู้ๆ นะครับอาอู จะอย่างไรก็ได้รัก ได้ดูแล อีกทั้งยัง
ได้บอกออกไป ผลจะเป็นอย่างไร อาบอยจะรับรู้ได้ไหม
หรือเกิดอะไรขึ้น หลานๆ คงนั่งเข้ามาดูกันเป็น
ประวัติการณ์อีกครั้ง

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

น่าติดตาม คับ

Anonymous said...

น่าสงสารจริงจริ๊งทั้งอูและบอย
แล้วจะเป็นไงต่อไปล่ะคะทีนี้
ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า..
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
เฮ้อ!น่าเหนื่อยใจแทน

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

หะๆๆๆ

แห้วชัวร์ อิอิ

ล้อเล่นครับ

มันต้องสำเร็จสิ

คิดให้มันง่ายกฅ็ต้องง่ายครับ

หลานหนิง

Anonymous said...

ตอนต่อ ขอให้ว่องเลยนะครับ
อยากรู้ว่า สวรรค์ หรือ นรก

thom

Anonymous said...

ตอนต่อ ขอให้ว่องเลยนะครับ
อยากรู้ว่า สวรรค์ หรือ นรก

thom

Anonymous said...

ตอนนี้มาเร็วทันใจ
ments42

Anonymous said...

Drama มากๆเลยครับ สองตอนที่ผ่านมา ที่หายไปช่วงหนึ่งเพราะว่าช่วงที่ผ่านมาผมประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้ต้องพักฟื้นสักระยะ จะคอยติดตามนะครับ
Federick

Anonymous said...

อู นี่ล่ำลึกจริงๆ อย่างที่คนลาดพร้าวบอกหรือเปล่านะ
อูเข้าใจบอกให้บอยรู้ได้อย่างแยบยลมาก แต่ไม่รู้ว่าบอยจะเข้าใจและเห็นใจใหม โปรดติดตามตอนต่อไป
มันทำให้อยากอ่านและอยากรู้เร็วๆ เข้าใจทิ้งท้ายมากนะ อู
ments42

Anonymous said...

โอ้ยย.....

อ่านแล้วลุ้นอ่าคับ

ไงก็ขอให้สมหวังแล้วกันนะคับ

อาร์ม

พี said...

สวัสดี ปีใหม่ไทยครับคุณอู และทุกคน...

เข้าใจอารมณ์ของคนที่ต้องมาเป็นพ่อสื่อ หรือ ที่ปรึกษาเรื่องความรักให้กับคนที่เราแอบรัก...นะ

อกมันตรม

ปากพูดไป ทั้งที่ในใจแทบจะร้องไห้ออกมา

ตอนหน้า เจ้าบอย จะเข้าใจ อูบ้างขึ้นไหมหนอ...

อยากเห็นบอยกับอู ได้มีบทโรแมนติกบ้าง แบบตอนปีใหม่นะ เศร้านานหลายเดือนแล้วนะ...อู

มีความสุขกับเขาบ้างสิ...



++ P ++

Anonymous said...

เป็นคำถามที่ดีเนอะ เผื่อมีคำตอบให้ลุ้น
แล้วก็ได้บอกความในด้วย

แล้วเปียนโนไม่เรียนแล้วเหรอ เทอมนี้อ่ะ
ไม่เห็นพูดถึงเลย

tl000

Choo said...

ยังยืนยันตามเดิมครับ งานนี้นายอูแห้วแน่
เตรียมหัวเข่า ไว้เช็ดน้ำตาอย่างต่อเนื่องได้เลย

ถ้าบอยเป็น "ไบ" จะมีพฤติกรรมอย่างนี้

เวลามีแฟนหญิง จะดูแลไม่เป็น ลึกๆ ไข้วคว้าเพื่อนชาย
เวลาคบแฟนชาย ก็กลัวๆ กล้าๆ อยากมีแฟนหญิง

สุดท้ายไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด เจ็บปวดทั้งตัวเอง คนที่เรารัก และ คนที่รักเรา

แย่หน่อยนะนายอู หากบอยเป็นแบบนี้

เป็นกำลังใจให้นายอู เจอรักที่สมดุลในไม่ช้าครับ

ชู
ปล.ผมรู้มากไปหรือเปล่า 555

Anonymous said...

)^_^(ที่15 ยังไงเนี่ยน้องบอยคิดยังไงกันแน่ อ่านตอนนี้ไม่ชัดเจนสะแล้ว แต่บอยก็นึกถึงลุงคนแรกและไว้ใจนะครับ ไม่รู้ว่าคำถามลุงจะทำให้บอยตอบว่าไง ยากจัง แถมตอนนี้ยังเล่าเรื่องของนนกับแมนให้อยากรู้และอยากเห็นอีกอิอิ ขอบคุณค้าบบ

Anonymous said...

เข้ามาคารวะพ่อหมอ'จารย์ชูก๊าบ!!

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

หลานหนิงดูจะชอบแช่งอาอยู่เรื่อย เดี๋ยวจะบอกให้พ่อขายาวจัดการเสียเลย ดูจะมีแต่ arus กับอาร์มที่พยายามเอาใจช่วย ที่เหลือพยายามแจกแห้วให้อากันทั้งนั้น พี่ชูก็อีกคน

ใครที่เชียร์ให้กินแห้วระวังผิดหวังนะครับ อนาคตไม่มีใครรู้แน่

พี่สาวลาดพร้าวละก็ อุตส่าห์เหมาเข่งห้าคนสองร้อย ถือว่าช่วยถัวๆกัน พี่ยังเอามาแฉเสียอีก เฮ้อ...

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ผมก็ว่าเป็นความจริงครับ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าความรักทำให้ทำให้ชีวิตนั้นงดงามและมีความหมาย ฉากหลังสีดำขับเน้นให้ดอกไม้ขาวโดดเด่นฉันใด ความทุกข์ก็ขับเน้นให้เห็นด้านที่บริบูรณ์ของชีวิตได้ดุจเดียวกัน ผมว่ายังงั้นนะ ดังนั้นหากจะให้ผมเลือกระหว่างมีรักแล้วมีทุกข์ กับไร้รักแล้วหมดทุกข์ ผมก็ยังขอเลือกอย่างแรกครับ คงเป็นคนไม่ค่อยเข็ดละกระมัง เรื่องของบอยครั้งนี้พีคงเข้าใจความรู้สึกได้ดีเพราะมีประสบการณ์คล้ายๆกันอยู่บางส่วน สิ่งดีๆที่เราพยายามทำให้กลับทำให้หัวใจของตนเองบอบช้ำหนักยิ่งขึ้น แต่จะลงเอยอย่างไรต้องตามอ่านต่อไป

หลานเฟเดอริกเป็นอะไรมากไหม ดีใจที่กลับมาส่งข่าวกันอีกครับ แล้วคู่แฝดของหลานก็พลอยหายตัวไปด้วยเลย

อู

naja said...

ตรงที่พี่บอกว่าตัวเองในตอนนั้นเหมือนตัวตลก อ่านแล้วจี๊ดขึ้นมาเลยครับ ความหมายของตัวตลกของพี่อู กับของผมคงแตกต่างกันนิดหน่อย

พี่อูครับ รู้มั๊ยครับว่าในสำรับไพ่หนึ่งๆ จะมีไพ่โจ๊กเกอร์หรือไพ่ตัวตลกไว้เพื่ออะไร?

...ไพ่โจ๊กเกอร์เอาไว้ใช้เล่นแทนไพ่ใบที่ขาดหาย ไปไงหล่ะครับ
เมื่อมีไพ่ตัวใดตัวหนึ่งหายไป โจ๊กเกอร์ก็จะทำหน้าที่แทนไพ่ใบนั้น
แต่เมื่อไพ่ทุกใบอยู่กันพร้อมหน้า โจ๊กเกอร์ก็เป็นได้แค่ตัวตลกไงครับ

ตอนนี้พี่กำลังทำหน้าที่ของตัวโจ๊กเกอร์ หรือไพ่ตัวตลกนั่นเองครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ :)

Fryderyk C. said...

แฝดเป็นไรมากป่าว - -
หายไวๆ นะ แล้วไปทำอะไรมา??

อาอูครับ ไม่ได้ไปไหนเลย วนเวียนอยู่บล๊อกตลอดเลย
ผมเข้ามาเชคทุกวันเลยนะครับ
อาอูตะหากหละครับ ที่ Update ช้ามากๆ ฮุฮุ

สู้ๆ ครับ ติดตามอ่านเรื่องของอาต่อไปนะคับ
คิดถึงทุกคนนะครับ

Anonymous said...

ฮ่าๆๆ

บอกรักไปแล้วสิ

หวังว่าผลที่ออกมาจะส่งผลดีกับอู

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเป็นกำลังใจให้เสมอ

Anonymous said...

ก็โดนสัตว์ชนิดนึงกัดมาครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ แต่ว่าต้องฉีดยาอีกหลายเข็มเลยครับ เข็มหนึ่งก็แพงเหมือนกัน ถ้าไม่มีประกันคงกระเป๋าฉีกแน่ๆ
Federick

Anonymous said...

ผมเข้าใจอูนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงคิดว่า หากรักแล้วจะผิดหวัง ผมเลือกที่จะไม่รักตั้งแต่แรก ไม่ทุ่มเทแต่แรก

แต่ปัจจุบัน หลังจากเวลาผ่านไป ผมคิดเหมือนอู ถ้ารักแล้วเจ็บ ดีกว่าไร้รัก เพราะอย่างน้อย ในชีวิตหนึ่ง เรายังมีคนที่มีค่าพอให้เรารัก


เพียงแต่ อย่างที่บอกไว้ในตอนก่อนเหมือนว่า ตอนนี้ อยู่ในสภาพเดียวกับอูตอนนั้น แถมตอนนี้ ยังเหมือนกันอีก คือ ต้องคอยเป็นที่ปรึกษาด้วย

เหนื่อยใจจริงๆ

boy_aof_za said...

ขอให้บอยเลือกคนที่แอบชอบเถอะ
ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อเน้อ
ฮือๆๆ อ่านแล้วจะร้องให้อ่ะ
รีบมาต่อนะครับคุณอู ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับจนกว่าจะได้อ่านตอนต่อไปอ่ะครับ

boy_aof_za said...

แต่ผมก็บอยเหมือนกันนะครับ
ไม่รู้จะตัดสินใจแทนบอยของคุณอูได้ไหม
555 ถ้าได้..ผมเลือกคุณนะครับ อิอิ

Fryderyk C. said...

ถึงแฝด Federick

สัตว์ที่ว่านี่ สุนัขป่าว?
ถ้าใช่ ผมเพิ่งโดนกัดมาเมื่อวันที่ 22เดือนมีนาคม ที่ผ่านมานี่เองครับ ต้องฉีดกัน rabies 5 เข็ม toxoid อีก 3 เข็ม


วันนี่หมอก็นัดไปฉีด rabies เข็มสุดท้าย + toxoid เข็มที่ 2 ครับ ปวดมากๆๆๆๆๆๆ

ยังไงหายไวๆ นะแฝด


สวัสดีคับ

Anonymous said...

ตอบแฝด

ใช่แล้วครับโดนสุนัขกัด ไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย แต่ดีที่ว่าไม่เป็นแผลเยอะอย่างที่คิด แต่เบื่อที่ต้องไปฉีดยาอีกหลายเข็มเหมือนแฝดเลยอ่ะ

ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ (เรียกผมว่าแฝดแต่ผมว่าผมน่าจะเป็นพี่นะ อิอิ)

Frederick

Anonymous said...

นับวันบล๊อกอาอูจะกลายเป็นรังรักเข้ไปทุกวัน อิอิ

หลานหนิง

Anonymous said...

1.นับวันบล๊อกอาอูจะกลายเป็นรังรักเข้ไปทุกวัน อิอิ
==>แปลว่าอะไรคะหลานหนิง?
หรือหลานพิมพ์คำว่า"เข้า"แล้วตกสระอา..
วาน'จารย์ชู กูรูทางโลกและทางธรรมมาตอบก๊ได้ค่ะ

2.ที่เล่นสงกรานต์ของอูปีนี้ กลายเป็นแดนมิคสัญญีไป
แล้วเมื่อคืน..เศร้าใจมาก!!

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

>อู นี่ล่ำลึกจริงๆ

ผมไม่ล่ำหรอกครับ หุ่นงั้นๆ ไม่ได้เข้าฟิตเนสนี่

แฝดเฟเดอริกโดนฉีดโรคกลัวน้ำกันทั้งคู่เลย บังเอิญจริง สงสัยจะมีวาสนาผูกพันกันถึงได้เกิดอะไรคล้ายๆกันในเวลาใกล้กัน อาก็โดนฉีดกันบาดทะยักมาเหมือนกัน ๓ เข็ม เจ็บเอาการ

หลานหนิงหมายความว่ายังไง อาไม่เข้าใจ รังรักของใคร ของหนิงเองกระมัง หมู่นี้หน้าตาสดใส

บอยในคอมเม้นต์จะตอบแทนบอยในเรื่องเหรอครับ ยังงั้นรอเฉลยตอนหน้า เผื่อว่าจะตรงใจกัน แถวๆนี้ยังมีบอยอีกคนนะครับ ชื่อ ;boyp แต่ช่วงนี้ยังไม่ปรากฏตัวไม่รู้ว่าหายไปไหน พี่ชูรู้ไหมเนี่ยว่าหายไปไหน คงรู้น่ะ

พูดถึงสีลม เมื่อวานไปมาอีกแล้ว ผ่านไปตรงแยกสีลมช่วงเย็นๆ นึกยังไงก็ไม่รู้ เลยแวะเข้าไปดูเพราะ ยังกับตกเข้าไปอยู่ในหนังศึกบางระจัน ไม้ไผ่เหลา อะไรต่ออะไรเต็มไปหมด ก็เดินๆเข้าไปดูแถวลานพระรูป ร.๖ แล้วก็เดินย้อนมาทางศาลาแดง ยังถ่ายรูปบรรยากาศมาเลย นึกไม่ถึงเลยว่าตอนค่ำจะเกิดเรื่องได้ ดูข่าวแล้วหดหู่ครับ

หลานที่เท่าไรก็ไม่รู้คงโดนกักตัวอยู่ในบ้านตามเคย เปลี่ยนจากข้าวไข่เจียวเป็นข้าวผัดกะเพราบ้างก็ได้นะ จะได้ไม่ซ้ำ

อู

Choo said...

ถือว่าฟาดเคราะห์นะครับ น้อง Fred กับ หลาน Fryd คู่แฝดอภินิหาร หมดทุกข์วันหน้าจะได้เฮงเฮงครับ

คิดว่าหลานหนิงของกระผม คงอยู่ในช่วงฮอร์โมนแตกซ่านมั่งครับ คนเพิ่งจบกำลังหางานทำมักเป็นเช่นนี้ครับ ก็ขอให้ได้งานดีๆ เงินเดือนมากๆ โดยไว ส่วนเรื่องรักก็ต้องเรียนรู้ครับ สุข ทุกข์ ล้วนอยู่ที่ใจเรากำหนด ภาษาทางธรรมต้องบอกว่า "ทุกอย่างล้วน เช่นนั้นเอง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ล้วนเป็นธรรมดาของโลก"

หลานอาร์ หากมีโอกาสได้บวชเรียน ก็ถือว่ามีบุญได้บวช แต่ถ้ามีวาสนาได้เรียนรู้ธรรมะด้วย ก็ถือว่าได้กุศล อนุโมทนา สาธุครับ


ถ้าคนชื่อนัยในบล๊อค ที่มีนามปากกา :boyp หากอูไม่รู้ ก็คงไม่มีใครรู้หรอกครับ ขานั้นนะเป็น "นินจา" เอาไปทุกวันครับ เฮ้ย..นัย "กลับบ้านได้แล้ว อูยอมรับผิดหมดแล้ว"

เศร้าใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองครับ ฝากน้องๆ หลานๆ คนรุ่นหลัง เอาเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ประเทศเป็นของทุกคน อย่าทำเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่ารักประเทศกันแต่ปากเหมือนผู้ใหญ่รุ่นนี้


ขอให้สันติสุขเกิดขึ้นกับประเทศชาติ

ชู

Anonymous said...

แหมพี่ชูเรียกผมเป็นคู่แฝดอภินิหารเลยเหรอ ทำไมถึงคิดยังงั้นอ่ะ มันดูน่าตื่นเต้นมาเลยเหรอ อิอิ
ป.ล.ถึงแฝด ถ้าเราสองคนมีเรื่องที่บังเอิญตรงกันมากกว่านี้ ต้องมารู้จักกันตัวเป็นๆแล้วล่ะ พูดจริงๆนะเนี่ย และฝากบอกถึงทุกคนว่าช่วงนี้ไปไหนมาไหนระวังตัวกันด้วยนะครับ เป็นห่วงครับ
Federick

nai said...

นินจา กลับมาแล้ว โถ พี่ชู อู ผมหายไป 2 ตอนเอง คือประมาณว่า อ่านจบแล้วคิดไม่ออกว่า จะคอมเม้นต์อะไรดี ก็แอบอ่าน เม้นต์ คนอื่นแล้ว อมยิ้มก็มีความสุขแล้ว

ก็อย่างหลานหนิงว่า บล็อกนี้มันอย่างไงอย่างไงน้า (ในทางที่ดี) อย่างช่อง 3 เขามีครอบครัวข่าว ของพวกเรา เป็นครอบครัวอู แล้วกัน(เจ้าของยอมหรือเปล่าก็ไม่รู้)

ว่าแต่ใครเป็นคุณพ่อขายาว แล้วคุณพ่อขายาวเกี่ยวอะไรกับเรื่องของอูได้อย่างไรครับ

;boyp

PR said...

ธุจ้าอาอู อาชู เพ่หนิง เพ่อารัส และ ท่านๆทั้งหลายคับ

เฮ้อ...อ่าน แล้วใจหาย

อาร์ว่านะอาอู ขอถามดืกว่า

อาอูบอกไปแบบนั้น แล้ว บอย จะรู้ตัวเหรอ
เท่าที่อาร์ดูนะ เดาไม่ออกว่า บอย คิดยังไงกับอาอู
ชักไม่มั่นใจเหมือนกาน แฮะ
แต่ก็นะอาอู อาร์ว่า อย่างที่อาชูบอกนั่นแหละ

เรื่อง ไบ อะครับ เวลามีแฟนหญิงก็ไขว่คว้า เพื่อนชาย
เวลามี แฟนชาย ก็ลังเล เอนหาเพื่อนหญิง อาร์เข้าใจดี

แต่อาชู นี่ดูจะช่ำชองมากในเรื่องนี้นะเนี่ย อาชู
โห...อึ้งกินกี่...

อาอู ยังไงก็ บอกไปแล้วนี่คับ เนอะ จะกลัวอะไรอีก
ใหนๆก็ใหนๆแล้ว จะข้ามแม่น้ำทั้งทีว่ายไปกลางสายน้ำแล้วจะหยุดอะไร จ้วงๆ มันเข้าไปให้ถึงฝั่งเลยอาอู

หวาดดีค้าบ...

(รู้สึกช่วงนี้อาอูจะอ๊อมอ้อมนะ...ฟิวเจอร์อยู่ตรงหน้ากลับไม่ข้ามสะพานลอย...ดันนั่งรถไปซะนี่...เฮ้อ)

หลานอาร์