Wednesday, April 14, 2010

ภาคสาม ตอนที่ 58

ห้าโมงสิบห้านาที

ผมมาถึงหน้าโรงหนังสกาล่าก่อนเวลานัดและรอบอยมาประมาณ ๒๐ นาทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของบอยเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นปัจจุบันก็คงเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือโทรไปถาม แต่ในเวลานั้นมีแต่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ หากออกจากบ้านไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะตามตัวได้อย่างไร แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในยุคนั้นก็มีได้เพียงเท่านั้นและทุกคนก็รู้สึกเคยชินกับข้อจำกัดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่าไม่สะดวกแต่อย่างใด

ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน ผมเดินพล่านอยู่หน้าโรงหนังด้วยความกระวนกระวายใจ บอยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันเป็นอะไรของมันไปนะ

หกโมงเย็น...

ฝนเดือนมิถุนายนปรอยลงมา ผมรออยู่ที่หน้าโรงหนังมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว ผมเริ่มรู้สึกหมดหวัง ที่จริงบอยก็บอกยกเลิกนัดกับผมไปแล้ว ผมไม่ควรมารอเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็อดคิดเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่าผมมีความสำคัญในใจของบอยมาก ทิษฐิทำให้ผมอยากท้าพิสูจน์ความจริงในข้อนี้ขึ้นมา...

ฝนตกอยู่ ไม่แน่ว่าไอ้บอยอาจจะกำลังมาแต่ว่าติดฝน รออีกนิดเถอะน่า ผมยังอดเหลือความหวังใยหนึ่งไม่ได้

หนึ่งทุ่ม...

มันเป็นสองชั่วโมงแห่งการรอคอยอันยาวนานและแสนทรมาน ภายในสองชั่วโมงนี้ความรู้สึกต่างๆประดังกันเข้ามาจนอารมณ์ของผมสับสนไปหมด ท้องฟ้ายามค่ำมืดครึ้มเช่นเดียวกับจิตใจที่หม่นทึมของผม ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับความจริงและตัดสินใจกลับหอพัก

- - -

หลังจากที่กลับถึงหอพัก ผมรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก พยายามจะดูหนังสือแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง ในใจคิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งขุ่นเคือง ทั้งน้อยใจ ไม่รู้ว่าความรู้สึกอะไรมากกว่ากัน ในที่สุด ผมก็อดรนทนไม่ไหว ในตอนดึกของคืนวันนั้นผมจึงออกมาโทรศัพท์หาบอยเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง

“ฮัลโหล” เสียงบอยรับสาย

“บอย นี่พี่เอง” ผมพูด รู้สึกตื่นเต้นอย่างไรก็ไม่รู้ พยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่และทำน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเนื่องจากผมเป็นรุ่นพี่ จึงไม่อยากใช้อารมณ์กับบอย

“เอ้อ พี่อู” บอยพูดแล้วหยุดไปชั่วครู่ “ขอโทษนะพี่อู...”

“วันนี้พี่ไปรอนายตั้งสองชั่วโมง” ผมพูด

“อ้าว” น้ำเสียงของบอยแสดงความแปลกใจ “ก็บอยบอกพี่อูแล้วนี่ว่าบอยไปไม่ได้ พี่อูไปรอบอยทำไม”

“ก็พี่... พี่... เอ้อ...” นั่นสินะ ผมไปรอทำไมกัน “ก็พี่บอกนายแล้วไงว่าพี่ไม่ได้เลิกนัดด้วย”

“บอยนึกว่าพี่อูพูดเล่น ไม่น่าไปรอบอยให้เสียเวลาเลย” ได้ยินบอยตอบ จากนั้นก็เงียบไป ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอย่างนั้นจริงๆหรือว่าพยายามเฉไฉ

“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นบอย นายนัดกับใคร มันสำคัญยังไงจนนายถึงกับต้องเลิกนัดกับพี่ทั้งๆที่เรานัดกันก่อน” ผมพยายามถามเหตุผลจากบอย

“เอ้อ...” บอยอึกอัก “บอยนัดเพื่อนเอาไว้อะ มันเป็นนัดสำคัญ... บอยก็เลย... ก็เลย...”

บอยพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามว่านัดกับใครกันแน่ ส่วนผมเองนั้นเมื่อเห็นบอยอึดอัดก็ไม่อยากซักให้เกินไปเลย ดังนั้นในที่สุดหลังจากที่คุยกันอยู่นานผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น

- - -

“พี่อู หายโกรธบอยหรือยัง” บอยโทรศัพท์มาถามผมในคืนวันต่อมา ผมรู้สึกดีใจเพราะอย่างน้อยบอยก็ห่วงใยความรู้สึกของผมอยู่บ้าง

“ก็เรื่อยๆ” ผมตอบเฉไฉเนื่องจากไม่รู้จะตอบคำถามของบอยอย่างไรดี จะบอกว่ายังโกรธอยู่ก็ไม่เชิง จะบอกว่าไม่โกรธแล้วก็ไม่ใช่ มันเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก

“อย่าโกรธบอยเลยนะ เป็นพี่ต้องให้อภัยน้องดิ” บอยอ้อนด้วยคำหวาน

พี่ไม่อยากเป็นพี่ชายแล้วล่ะบอย ขอให้พี่เป็นอย่างอื่นในใจของนายได้ไหม ผมคิดในใจแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป

“ก็คงต้องยังงั้นแหละ ถึงยังไงพี่ก็โกรธนายได้ไม่นานหรอก” ผมตอบ “ต้องยอมนายวันยังค่ำแหละ”

“ฮิฮิ มันต้องยังงั้นสิ” บอยพูดด้วยความดีใจ

แต่เรื่องหนึ่งที่บอยไม่เคยเอ่ยถึงเลยนั่นก็คือเมื่อไรจะนัดกับผมใหม่อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เองเป็นเรื่องที่ทำให้ผมยังคาใจกับบอยอยู่

หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่ได้ติดต่อกับบอยอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นการโทรหาหรือว่าไปหาที่สหกรณ์ดังเช่นปกติ ผมต้องการแสดงปฏิกิริยาให้บอยรู้ว่าความสัมพันธ์ของเรายังไม่กลับมาเหมือนเดิมนัก ผมจะรอให้บอยเป็นคนออกปากเรื่องการนัดครั้งใหม่ออกมาเอง อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพยายามรักษาน้ำใจและชดเชยอะไรให้แก่ผมบ้างหรือไม่

เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ มันเป็นสองสัปดาห์ที่แสนจะเป็นทุกข์สำหรับผม ปกติผมจะได้เห็นหน้าและได้คุยทักทายกับบอยเสมอที่โรงเรียน เมื่อใดที่ไปที่สหกรณ์ผมก็มักจะได้พบหน้าเด็กอารมณ์ดีแต่กวนโอ๊ยคนนี้ แต่ตอนนี้ผมต้องหักห้ามใจตนเองไม่ให้ติดต่อกับมัน เวลาสองสัปดาห์ที่ผมไม่พบหน้าบอยมันเหมือนกับว่ามีอะไรที่สำคัญบางอย่างหายไปจากชีวิต

สำหรับเรื่องการดูหนังสือของผมนั้นไม่ต้องพูดถึง ผมเรียนและดูหนังสือแทบไม่รู้เรื่องเอาเลย ตอนพักผมแทบไม่ได้ไปที่ไหน มานั่งจ่อมอยู่ในห้องเรียนเพื่อรอบอยด้วยความหวังว่าบอยอาจแวะมาหาผมที่ห้องบ้าง ส่วนในเวลาเรียนนั้นก็นั่งเหม่อลอยนึกถึงแต่ไอ้บอย ตกเย็นก็นั่งรออยู่ที่ห้องสักพัก จากนั้นก็รีบกลับหอไปและนั่งรอโทรศัพท์จากบอยอยู่จนดึก

สองสัปดาห์ผ่านไปกับการรอคอยด้วยหัวใจที่เป็นทุกข์ บอยไม่เคยแวะมาหาหรือว่าโทรมาหาผมเลย การเฝ้ารอจนไม่เป็นอันทำอะไรของผมกลายเป็นความเสียเปล่า และความหวังที่จะได้รับการชดเชยด้านความรู้สึกจากบอยก็กลายเป็นเพียงเรื่องลมๆแล้งๆ

ในที่สุดผมเองเป็นฝ่ายที่อดรนทนไม่ได้จึงไปที่สหกรณ์ในเช้าวันหนึ่ง

“บอยไม่อยู่อะพี่” รุ่นน้อง ม.๔ ตัวแสบทักผมด้วยสีหน้าแปลกๆ คล้ายๆแอบยิ้มแบบรู้ทัน ทำให้ผมอยากเตะมันยิ่งนัก “มันไม่ได้ขึ้นมาทำงานเป็นอาทิตย์แล้ว”

“บอยมันหายไปไหนล่ะ ไม่สบายเหรอ” ผมทำเนียนเป็นไม่รู้เรื่องไอ้บอยมากนัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อหรือเปล่า

“เดี่ยวนี้มันติดหญิงแล้วพี่” น้อง ม.๔ พูด “นึกไม่ถึงเลยว่าไอ้นี่แม่งหน้าหม้อตั้งแต่เด็ก”

ผมอึ้ง ที่จริงก็เป็นเรื่องที่ผมระแวงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ผมพยายามไม่ไปคิดถึงมัน พอมีคนมายืนยันก็ยังอดรู้สึกใจหายไม่ได้

“เอ็งพูดจริงหรือพูดเล่นวะเนี่ย ไอ้บอยมันเพิ่ง ม.๓ เอง” ผมพูด

“พูดจริงดิพี่ ก็ไอ้บอยมันเอามาเล่าเอง ชื่อส้ม เด็กมาแตร์ เล่นของนอกเสียด้วย” ไอ้ตัวแสบเล่ารายละเอียดพร้อมทั้งอดวิจารณ์ไปด้วยไม่ได้ “ไปกวดวิชาแล้วก็เลยติดหญิง ตอนนี้มันเอาแต่ไปเฝ้าเด็กของมันนั่นแหละ มันบอกว่าสวยขนาดพี่ปุ๋ยเลย”

พี่ปุ๋ยนี่ก็คือภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลคนที่สองของไทยที่เพิ่งคว้ามงกุฏนางงามจักรวาลประจำปีนี้มาได้เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง หนังสือพิมพ์ไทยทุกฉบับต่างตีพิมพ์เป็นข่าวใหญ่

“มันไม่ได้ขึ้นมาทำงานที่นี่แล้วทำไมเอ็งถึงได้รู้วะ” ผมหัวเราะและย้อนมันไป แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่าเสียงหัวเราะนั้นฟังดูกร่อยเสียเหลือเกิน

“ก็ผมเรียนอยู่ตึกเดียวกับมันนี่พี่ ถึงมันไม่มาที่นี่ผมก็เจอมันที่ตึกเรียน เจอหน้ามันทีไรมันก็เพ้อถึงแต่เด็กของมัน” ไอ้ตัวแสบเล่าเสียละเอียดจนผมแปลกใจเพราะว่าปกติมันไม่ใช่เด็กที่พูดมากขนาดนั้น หรือว่ามันกำลังจะพยายามจะบอกใบ้อะไรบางอย่างแก่ผม

ผมจากสหกรณ์มาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ไม่น่าเชื่อเลยว่าความสัมพันธ์ที่ดำเนินด้วยดีมาตลอดจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ เดิมทีผมเองก็ไม่กล้ามีความคาดหวังอะไรกับบอย แต่ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาท่าทีของบอยเองที่สร้างความหวังให้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่

มาคิดอีกที จำได้ว่าตอนที่บอยยังอยู่ชั้น ม.๒ บอยเคยถามผมถึงเรื่องแฟน พร้อมกับบอกว่าอยากจะอยู่ชั้น ม. ปลายไวๆจะได้มีแฟน ตอนนั้นผมยังคิดว่าบอยพูดเล่นเสียอีก...

- - -

“บอย นี่พี่เอง” ผมโทรหาบอยในคืนวันนั้น หลังจากที่ผมแวะไปที่สหกรณ์แล้วไม่พบมัน

“หวัดดีฮะพี่อู หูย... หายหน้าหายตาไปนานเชียว” บอยส่งเสียงทักทายอย่างอารมณ์ดี

บอย นายกำลังมีความสุข แล้วนายรู้ไหมว่าพี่เจ็บปวดขนาดไหน ผมนึกในใจ

“นายต่างหากที่หายไป” ผมแสร้งทำน้ำเสียงให้ร่าเริง “ไม่ได้เจอกันหลายวัน พรุ่งนี้ไปกินขนมที่โรงอาหารกันไหม พี่เลี้ยงเอง”

“พี่อูก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้วแหละ” บอยหัวเราะ “แต่ว่าพรุ่งนี้บอยมีเรียนพิเศษหลังเลิกฮะ”

“งั้นมะรืนก็ได้ นายไม่ได้เรียนทุกวันนี่” ผมเสนอ

“เดี๋ยวนี้บอยเรียนทุกวันเลยพี่อู” บอยตอบ “บอยสมัครเรียนเพิ่มอีก”

“จะเรียนอะไรกันนักหนา” ผมอดบ่นไม่ได้ “เรียนพิเศษจนค่ำทุกวัน แล้ววันเสาร์ยังเรียนทั้งวันอีก มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ”

“ไม่หรอกพี่อู เรื่องปกติ คนอื่นเค้าก็เรียนกันยังงี้” บอยตอบพลางหัวเราะ “พี่อูนี่แหละแปลก ไม่เห็นเรียนกวดวิชาที่ไหนเลย สงสัยจะขี้เกียจหนัก”

พี่ไม่ได้ขี้เกียจหรอกนะ พี่ดูหนังสือหนัก แล้วพี่ยังแบ่งเวลาดูหนังสือไปให้นายตั้งเยอะ นายเคยรู้บ้างไหม ผมตอบมันในใจ

“ไอ้เปรต ไม่ต้องมาประชด งั้นวันเสาร์ก็ได้” ผมต่อรองอีก “หลังนายเลิกเรียน”

“บอยไม่ว่างอะพี่อู” เสียงบอยตอบกลับมาในทันที

“เลิกเรียนแล้วก็ยังไม่ว่างอีกเหรอ” ผมถาม

“ฮะ” บอยตอบ เงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดต่อ “เลิกเรียนแล้วบอยก็ไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ”

ผมพยายามซักต่อแต่บอยก็พยายามหลบเลี่ยง ไม่เล่ารายละเอียดว่าเพื่อนๆเป็นใคร ผมเองในตอนนั้นก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าที่จะซักไซร้มันมากเกินไปเนื่องจากไม่ต้องการให้มันรู้สึกผิดสังเกต รวมทั้งไม่อยากให้มันอึดอัดและคิดว่าผมรุกล้ำชีวิตของมันมากจนเกินไป

- - -

ตีสองแล้ว

ผมนอนไม่หลับ จึงขึ้นไปนั่งรับลมเล่นที่ชั้นดาดฟ้า รู้สึกเคว้งอย่างไรบอกไม่ถูก อารมณ์จมอยู่ในความเจ็บปวด ความเหงาเข้าจู่โจมจนตั้งตัวไม่ทัน ผมอยากจะบอกอะไรแก่บอยหลายๆอย่างแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้บอก... ผมไม่กล้าที่จะบอก... การที่ผู้ชายคนหนึ่งจะบอกความรู้สึกที่พิเศษต่อผู้ชายอีกคนหนึ่งนั้นมันช่างยากเสียจริงๆ

ผมพยายามสังเกตมาเป็นเวลานานจนค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าบอยมีใจให้แก่ผม แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานทำให้ความมั่นใจของผมสูญสลายไปจนหมดสิ้น ผมต้องย้อนกลับมาตั้งต้นคิดใหม่ว่าอาจบางทีบอยไม่ได้เป็นในแบบที่ผมเป็นก็ได้

ก่อนหน้านี้ผมพยายามทำใจยอมรับในความผิดปกติของตนเอง ผมรู้ว่าผมมีความแตกต่างจากเด็กผู้ชายทั่วไปคนอื่นๆ แต่การยอมรับในตัวตนของตนเองไม่ได้ช่วยอะไรให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ผมได้แค่ยอมรับกับตนเองแต่ก็ยังต้องปกปิดคนอื่นเพราะเกรงสังคมจะรังเกียจหรือไม่ก็เห็นเป็นเรื่องขบขันแกมน่าสมเพช... คล้ายกับการดูหนังเรื่องฉันผู้ชายนะยะ... ผมต้องปกปิดแม้แต่คนที่ผมทุ่มเทหัวใจให้ ยิ่งนานผมก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ผมเดาไม่ออกเลยว่าเรื่องของผมและบอยจะลงเอยเช่นไร

- - -

หลังจากนั้นผมก็ละทิษฐิ พยายามคุยดีกับบอยและชวนบอยเพื่อไปเที่ยวด้วยกันอีกหลายครั้ง แต่บอยก็ปฏิเสธผมตลอดโดยอ้างว่าไม่ว่าง ไม่ว่าง และไม่ว่าง ความเสียใจในช่วงนั้นเกินที่จะบรรยายออกมาเป็นถ้อยร้อยอักษรได้จริงๆ โลกทั้งโลกมีแต่ความเศร้าหมองสำหรับผม ผมเพิ่งจะรับรู้ถึงความทุกข์ของการรักเขาข้างเดียวก็ครั้งนี้นี่เอง

ผมปล่อยให้จิตใจจมอยู่ในความทุกข์และความเจ็บปวด หมดกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า นานเข้าพฤติกรรมเก่าๆก็กลับมาอีก ผมปล่อยทุกอย่างแม้แต่เรื่องการเรียน หนังสือก็ดูไม่ไหว อ่านอะไรก็ไม่รู้เรื่อง คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องของบอย

“นักเรียน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะส่งรายงานแล้วนะ ใครส่งหลังจากนี้ครูจะไม่ให้คะแนน” อาจารย์วิชาสังคมศึกษาประกาศในชั้นเรียน อาจารย์ได้สั่งให้ทำรายงานเดี่ยวเกี่ยวกับประเทศที่ยากจนหรือว่าประเทศในโลกที่สามโดยนักเรียนแต่ละคนไปเลือกประเทศกันเอาเอง ซึ่งผมยังไม่ได้ทำเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้อ คะแนนเก็บนิดเดียว สั่งให้ทำเยอะแยะ ไม่คุ้มเลย เสียเวลาดูหนังสือเอนทรานซ์หมด” ไอ้เฉาบ่นดังๆหลังจากที่หมดคาบและอาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว

“ทำไมมึงไม่พูดตั้งแต่เมื่อกี้วะ” ไอ้นน จอมมารดำ อดกัดไม่ได้

“เสือก กูอยากจะพูดตอนนี้มีอะไรมั้ย” ไอ้เฉาตอกกลับ “รายงานเสียเวลาแบบนี้กูไม่ทำหรอก”

“อ้อ หมายความว่ามึงจะไม่ส่งรายงาน” นนย้อนถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“ส่งดิ ไม่ทำก็มีส่งได้โว้ย มึงคอยดูก็แล้วกัน” ไอ้เฉาพูดทิ้งท้ายเป็นปริศนา

ดังที่ได้เล่าไปแล้วว่านักเรียนที่หมายมั่นปั้นมือกับการสอบเทียบมักไม่ค่อยสนใจการเรียนในห้องเรียน เรื่องการบ้าน รายงานนั้นทำพอเป็นพิธี แต่สำหรับผมนั้นปกติผมก็ตั้งใจทำอยู่ แต่ช่วงนี้พอมีปัญหาเรื่องบอยเข้ามาผมก็ทิ้งทุกอย่าง รายงานชิ้นนี้ผมจึงยังไม่ได้ทำเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้เฉา พรุ่งนี้มึงจะเอาอะไรส่งรายงานวะ” ผมเลียบเคียงถามเฉาหลังจากที่เลิกเรียนไปแล้วและนักเรียนพากันแยกย้ายกลับบ้าน

“กูมีละกัน” เฉาพูดเป็นปริศนา

“บอกหน่อยดิ กูจะได้ทำมั่ง กูก็ไม่มีอะไรจะส่ง” ผมพูดกับมันตามตรง

ไอ้เฉามองหน้าผมด้วยความแปลกใจแล้วหัวเราะ

“บอกน่ะบอกได้ ว่าแต่มึงกล้าทำหรือเปล่าเท่านั้นแหละ” เฉาพูด “กูเห็นช่วงหลังมึงแม่งทำตัวเด็กดีฉิบหาย ทำไมกลับมาชั่วอีกแล้ววะ”

คำถามจี้ใจดำของมันทำให้ผมถึงกับอึ้ง

“ลองบอกมาดิ ตอนนี้กูก็จวนตัวแล้ว ถ้าทำได้กูก็ทำ” ผมเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

ไอ้เฉาจึงบอกวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในยามจวนตัวที่มันจะใช้ให้ผมฟัง

“เฮ่ย จะดีหรือวะ” ผมชักลังเลหลังจากได้ฟังวิธีการ

“ก็ตามใจมึงดิ แต่กูจะเอายังงี้แหละ ดีกว่าไม่มีอะไรส่ง ได้สักสองคะแนนค่าหมึกก็ยังดี มึงอย่าทำประเทศเดียวกับกูละกัน น่าเกลียดไปหน่อย” ไอ้เฉากำชับ

“มันมีอะไรที่น่าเกลียดไปกว่านี้อีกหรือวะเนี่ย” ผมหัวเราะ “ขอบใจนะ กูคงทำอย่างที่มึงบอกนั่นแหละ เดี๋ยวจะรีบไปห้องสมุดก่อน”

23 comments:

naja said...

อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงตัวผมเองสมัยก่อนเลยครับพี่ ไอ้ประสบการณ์"คิดไปเอง"เนี่ย

ผมเคยมีรุ่นน้องคนนึงสนิทกันมาก เหมือนพี่อูกับบอยเลย เพื่อนคนอื่นก็ยืนยันว่า น้องเค้าต้องมีใจให้แน่ๆ ผมยิ่งลุยเต็มที่ ปรากฎว่า น้องเค้าบอกว่า เค้าไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าความเป็นพี่-น้องกกับผมเลย

เล่นเอาผมเบลอไปพักใหญ่ รายงานที่ต้องส่ง(แบบนี้เลย) ก้อไม่มีใจจะทำไร เพื่อนต้องมานั่งช่วยกันทำรายงานให้ผม

ดังนั้นเรื่องราวตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกพี่อู ณ ตอนนั้นเป็นอย่างดีครับ

หวังว่าปัญหาชีวิตคราวนี้จะไม่ทำให้พี่อู ล้มเหลวในการสอบเทียบ และเอนทรานส์นะครับ สู้ๆ

Anonymous said...

มารักอาอูครับ
วันนี้จะออกไป Kinokuniya Siam Paragon
นะครับอาอู

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ให้อูทำใจได้เร้วๆ
จะได้ไม่อยู่ในนรกนาน

thom

Anonymous said...

น้องบอยใจร้ายมากครับ

รักไม่รักก็บอกดีๆสิ

จะมาแทงกั๊กกันไว้ทำไม

คนที่ดูซื่อๆใสๆ ร้ายที่สุด

หลานหนิง

Anonymous said...

ที่ 5 เย้

อกหักมันเจ็บขนาดไหนพี่อูคงรู้แล้วสิ

ว่าแต่พี่อูจะเล่นอะไรน่ะ กั๊กไว้อีกแล้ว

Anonymous said...

ช่วงนี้ ไม่หวานมังเลย เหมือนกับเหตุการณ์บ้านเมืองตอนนี้เลย เศร้าๆ อย่างไรไม่รู้
นัย ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว
บอย ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้
เศร้าๆๆๆ
แต่คิดถึง อู นะ

กัน

Fryderyk C. said...

yeah

ติด 1 ใน 10 ด้วย

^ ^

Anonymous said...

)^_^( ดีคับลุงวันนี้ไปสาดน้ำที่ไหนครับ ไม่ไปเที่ยวไหนหรอครับสงสัยจะติดเวรติดกำเหมือนคนแถวนี้ใช่ม้าย เลยอดไปภูเก็ตเลยอยากไปจังที่นี่ร้อนมากมาย ผมว่านี่มันแค่เริ่มเท่านั้นรู้ได้เลยว่าน้องบอยรู้แล้วว่าลุงคิดยังไงครับไม่งั้นบอยจะต้องมาเล่าให้ลุงฟังแล้วละจะปิดไว้ทำไมกัน ที่ปิดนี่แสดงว่ากลัวลุงเสียใจ หรือยังไม่แน่ใจตัวเองมั้งครับ วันนี้หยุดนี่ครับขออีกตอนสิครับหุหุ

Anonymous said...

โฮกกก เป็นเรื่องน่าเศร้า ><
น้องบอย ทำจริงหรือนี่
พี่อู เศร้านานหรือเปล่าคะนั่น

หญิง

Anonymous said...

สวัสดีวันสงกรานต์

Choo said...

พฤติกรรมคุ้นๆ นะครับ คิดว่าบอยกำลังคนหาตัวเองอยู่ อาจอยากชอบหญิงดูบ้าง หรือเพียงแค่ไม่อยากเป็นเกย์

เมื่อก่อนคนที่เป็น "ไบเซ็กช่วล" ส่วนใหญ่มักจะรู้ตัวช้ากว่าคนที่เป็น "โฮโมเซ๊กช่วล" แต่สมัยนี้เป็นอย่างไรไม่รู้เหมือนกัน

น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายครับ

อุปสรรค ความผิดหวัง เมื่อเวลาผ่านไป มักทำให้คนเข้มแข็งขึ้นนะครับ นายอูก็คงเช่นกัน

เป็นกำลังใจให้นายอู หารักสมดุลได้โดยไวครับ

ขอบคุณอูที่ยังคงเขียนให้อ่าน

ชู

Anonymous said...

อูสู้ๆนะครับ
ดึงตัวเองกลับมาให้ได้....เรื่องนัยยังผ่านไปได้เลย..

Choo said...

หาเพลง เคยรักฉันบ้างไหม ของ เสก โลโซ เนื้อเพลงเข้ากับเนื้อหาของเรื่องครับ

http://www.youtube.com/watch?v=GVyiHy4hv4A

มาฝากนายอู เป็นกำลังใจ

ชู

Anonymous said...

)^_^(ตื่นๆๆๆ ครับ วันนี้มีฝนด้วยสงสัยจะยังไม่ตื่น อยากรู้แล้วว่าลุงไนติงเกลจะทำรายงานอย่างไรกันน้อ หรือว่าจะเอาของพี่ๆมาเปลี่ยนปก ยังไงรีบกลับมาเรียนหนังสือซะนะไม่งั้นพี่เอ๊ดมีหวังเคืองแหงให้สัญญาไว้แล้วนะ นี่ถ้าเป็นปัจจุบันลุงคงไม่ห่างเพื่อนๆอย่างนี้อย่างน้อยได้คุยเอ็มทุกวันลุงคงมีกำลังใจดีแน่นอน เพราะมันจะมาคอยถามการบ้าน เตือนว่ามีงานนี้ส่งอย่าลืมนะโว้ย ถ้าเป็นผมนะแป๋งคงไม่รอด อิอิ ผมหมายถึงผมจะจับมันมานั่งติวด้วยกันนะอย่านะรู้ว่าคิดอะไรหุหุ

Anonymous said...

สวัสดีครับ อาอู

ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งปีนึง เพราะเรียนยุ่งอ่ะครับ
อ่านครั้งสุดท้ายตอนปัญหาพี่เต้ นัย กับ อู ยังค้างค้า
วันนี้เจ้ามาอ่านอีกที ตั้งแต่ 9 โมงเช้าเพิ่งจบบ่าย 3 เนี่ย
ฮ่า ๆๆ ขอบคุณอาอูนะครับ

ตอนนี้ผมอยู่ ม.ปลาย เหมือนอูนะปัจจุบันเลย
แล้วก็มีปัญหาคล้าย ๆ กับอูด้วยครับ
แต่ผิดกันที่ของอูเป็นรุ่งน้อง แต่ของผมเป็นรุ่นพี่อ่ะดิ่
แต่ดูเหมือนปัญหาของผมมันจะดูซับซ้อนกว่าของอูอ่ะครับ
ตรงที่ผมบอกชอบรุ่นพี่คนนั้นเค้าไปแล้ว
แต่เค้าไม่ได้ตอบตกลงอะไร แล้วนับวันเรายิ่งสนิทกันมากขึ้นด้วย

แต่พอมาอ่านเรื่องของอาอูก็ทำให้สบายใจได้เยอะครับ
ขอบคุณอาอูมากจริง ๆ :')

ผมยังยืนคำเดิมครับ
ผมยังหมั่นไส้อูที่สุดในโลก
55 5

ไอซ์

Anonymous said...

เข้าใจดีเลยว่า คุณอูรู้สึกอย่างไร

ตอนนี้ก็กำลังเจออยู่เหมือนกัน กับน้องที่รู้จัก เค้าเข้ามาสนิทด้วย อ้อนให้พาไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไปไหนมาไหนตัวติดกันมาเป็นปี

พอเราเริ่มมีใจให้ ก็บอกว่า รักแบบพี่ชาย


ส่วนตอนนี้ก็เริ่มไปชอบผู้หญิงคนนึง และห่างออกไป ชวนไปไหน ก็ไม่ค่อยอยากไป


ทรมานสิ้นดี

Anonymous said...

กลับมาแว้วววว!!
ช่วงนี้ของอูดูเหมือนจะน่าสงสาร
แล้วมันก็จะผ่านไปได้เองแหล่ะค่ะ
ตอนอายุน้อยก็จะมากไปด้วยความรู้สึก
เจ้าความรู้สึกนี่มักจะทำปฏิกริยาผกผันกับอายุเสมอ
มาตอนนี้อูคงนิ่ง สุขและสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย ก็เป็นได้...

สงกรานต์นี้คนหนีออกจากกทม.เยอะมาก
อูล่ะคะไปฉลองที่ไหนรึเปล่า
พี่เองปลอดจากการเปียก
เพราะหลบสุดชีวิต
ด้วยวัย..ขืนออกไปเช็คเรตติ้ง..
ก่อนสาดอาจมีขอ'โหสิก่อนและขอพรแถม
ดีไม่ดี..ตะพ้านพาลจะกินตะคริวพาลจะจับอีกตะหาก555+++

คนลาดพร้าว

PR said...

อ่านแล้วเศร้าครับอาอู...
แต่ผมก็เข้าใจนะ...บางครั้งคนที่เป็น ไบ อะครับ ...
ก็คิดว่าตัวเองเป็น เกย์ บ้าง เป็น ผู้ชายบ้าง ชอบชายบ้าง หญิงบ้าง ...
แล้วแต่อารมณ์ช่วงนั้นของแต่ละบุคคล...ผมว่า น้องบอยก็น่าจะสับสนอยู่เหมือนกันนะ ผมว่า ...

แล้วบางครั้งความรักเช่นนี้ ตัวเราก็ไม่เข้าใจ หรอกนะว่ารู้สึกอย่างไร...

สมัยก่อนเป็นอย่างไร ผมไม่รู้นะ ... แต่สมัยนี้ เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง...

บางครั้งตัวเราก็ไม่รู้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อไร...พอเริ่มรู้ก็คิดที่จะเปลี่ยนแปลงต่อไป ... หรือคิดที่จะพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ...

สิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกเหล่านี้ คนอื่นไม่เข้าใจหรอกครับว่ามัน รู้สึกทรมานใจ ลำบากใจแค่ไหน ...

ที่เราจะตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเอง...


ที่จะเปลี่ยนตลอดไปกาล..........


มีความสุข พยายามเข้านะครับ อาอู ...

สำหรับบางคน ที่เจอปัญหาเดียวกับอาอู ...
ผมอยากจะถามว่า น้องที่คุณรักน่ะ เจอตัวเองหรือยัง ... ถ้าให้ผมเดา ถ้าเค้าบอกว่าเจอแล้ว แล้วเราจะรู้ใจเขาเหรอ...จิตใจคนเราเหลือล้นที่จะนับ ...
ผมเองก็ไม่เข้าใจปัญหาพวกนี้ แม้ผมเองก็เถอะ ผมเชื่อว่าคนที่ กำลังลังเลกับชีวิตตัวเองอยู่ก็ลำบากใจไม่น้อย...โดยที่ไม่มีคนอื่นมาเข้าใจได้เลย....


พยายามเข้านะอาอู...


หลาน อาร์

Anonymous said...

ผมได้หยุดประมาณ ๙ วัน แต่ต้องหอบงานกลับมาทำครับ ไม่ได้ไปต่างจังหวัดเลย อยู่แต่ในเืมืองนี่แหละครับ ทำงาน แล้วก็จัดบ้าน เอกสารรกเต็มไปหมด เอาทิ้งไปเสียบ้าง สงกรานต์นี้แทบไม่ได้พักเลย

วันก่อนไปเล่นสงกรานต์ที่สีลมมาครับ คนแน่นมาก เดินไม่ได้ ต้องไหลไปกับฝูงชน อยากไปดูสีสันบ้าง อุดอู้กับงานมาหลายวัน ไม่ได้คิดจะเช็คเรตติ้งหรอก แต่ก็พอมีคนมาสาดน้ำ ป้ายแป้งบ้างเหมือนกัน แต่ที่เยอะมากคือคนเหยียบเท้า โดนเหยียบจนรองเท้าแตะขาดไปข้างหนึ่ง แล้วก็หลุดหายไปข้างหนึ่ง ทุลักทุเลแต่ก็สนุกดีครับ พี่สาวลาดพร้าวไม่บอกนี่ว่าสนใจจะไป ไม่อย่างนั้นจะชวนพี่ พี่, ments42, พี่ชู, นัย รวมผมด้วยก็ห้าคนสองร้อยพอดีๆ

อู

Anonymous said...

ผมว่า 5 คนน่าจะมากกว่า 200 นะ
เศร้าอีกแล้วอู ความรู้สึกนี้ผมคิดว่าน่าจะเคยมีกันเกือบทุกคน ช่วงที่เป็นวัยรุ่นจะมีความหวังและจะจริงจังกับสิ่งต่างๆ มาก พออายุมากเข้าก็จะรู้และประสพการณ์ที่เจอก็จะสอนเราเอง
ขอให้อูสมหวังบ้างนะ นัยก็ผิดหวังแล้ว ยังมาบอยอีก
เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องต่อๆไปนะ
ments42

Anonymous said...

พี่ment42คะ..
อูเค้าเหมารวม5คน200เฉลี่ยคนละ40เราก็ปล่อยไหลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตีหน้ามึนๆ ดีมั้ยคะ?.. หรือว่า..งานนี้อูใช้แผนAให้เรา2คนร่วม100พรรษา
ส่วนที่เหลือ(อู,ชู,นัย)ตกคนละ33ขวบกันแน่..?
แผนสูงจริงๆนะเนี่ยยยย..นายอู!!

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

จะให้เฉลยตัวเลขมั้ยคับ หุหุ

หลานหนิง

Anonymous said...

เหลยเลยฮับ....พี่หนิง
อยากรู อยากรู้

ชาย