Saturday, November 28, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 33

บ่ายสี่โมงวันนั้น ผมและบอยพบกันที่โรงอาหารของโรงเรียน

บอยสั่งขนมมาเยอะแยะตามเคย ส่วนผมเองสั่งมาแค่อย่างเดียว เมื่อแม่ค้าคิดเงินผมก็ล้วงเงินออกมา

“มานี่ บอยจ่ายเอง” บอยพูด

ผมมองหน้าบอยอย่างแปลกใจ ปกติมันชอบกินฟรีเป็นที่สุด วันนี้กลับอยากจ่ายเงินเอง ผมเอามือแตะที่หน้าผากบอย

“พี่อูทำอะไรอะ” บอยสงสัย

“จะดูว่าเอ็งไม่สบายหรือเปล่า อยู่ดีๆเกิดอยากออกเงินเองขึ้นมา” ผมพูด แม่ค้าที่รอรับเงินอยู่อมยิ้ม

บอยอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้ “ไม่ได้แค่จะออกเงินเอง ครั้งนี้บอยเลี้ยงพี่อูด้วย”

“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย สงสัยกินยาลืมเขย่าขวด” ผมยังไม่หายสงสัย

“ก็กินฟรีมาหลายทีแล้ว ไม่อยากเอาเปรียบพี่อู คราวนี้เลยเลี้ยงพี่อูมั่งไง” บอยเฉลย

จู่ๆผมก็รู้สึกอบอุ่นวูบขึ้นมาในหัวใจ ผมไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว นับตั้งแต่... ไม่เอา ไม่คิด ไม่คิด

“พี่ไม่เอาหรอก” ผมตอบ

“อ้าว ทำไมล่ะ” บอยถาม

“ก็เดี๋ยวเอ็งจะเอาไปว่าได้ว่าพี่ไม่รู้จักหน้าที่ เอ็งยิ่งชอบว่าพี่อยู่เรื่อย” ผมเหน็บ “คนอื่นรู้จะคิดว่ารุ่นพี่ไม่เอาไหนไถน้องกิน”

“ไม่ว่าหรอก เรารู้กันแค่สองคน” บอยหัวเราะ

“ตกลงว่าใครจะจ่ายกันจ๊า ป้ารอจนเมื่อยแล้ว” เสียงแม่ค้าขายขนมแทรกขึ้นมา

“อ้าว เลยโดนป้าแซวเลย” บอยหัวเราะ ป้าก็พลอยหัวเราะไปด้วย “ให้บอยเลี้ยงพี่อูนะ นะ”

จากนั้นบอยก็หยิบเงินออกมาจ่าย ผมเห็นว่าบอยมีความตั้งใจก็เลยไม่อยากให้เสียน้ำใจ อีกอย่าง ขนมถ้วยเดียวก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร คงไม่ถึงกับเบียดเบียนน้องจนเดือดร้อน

“พี่อูไปนั่งรอก่อน เดี๋ยวบอยยกไปให้เอง” บอยสั่งผม

ผมอยากรู้ว่าวันนี้ไอ้บอยจะมาไม้ไหน จึงเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี ผมเห็นบอยขอถาดจากแม่ค้า จากนั้นเอาขนมทั้งหมดใส่ถาดมา จากนั้นยกมาวางที่โต๊ะ จากนั้นก็เดินไปซื้อน้ำหวานมาสองแก้ว แก้วหนึ่งเป็นน้ำกระเจี๊ยบ

บอยนั่งลงที่โต๊ะ จากหยิบถ้วยขนมออกจากถาดมาตั้งเรียงรายตรงหน้า พร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำกระเจี๊ยบวางลงที่ด้านของผม “อะ เรียบร้อย ลงมือกินได้”

“เฮ้ย นี่เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” ผมงงกับพฤติการณ์ของไอ้น้องบอย

“ก็วันก่อนพี่อูเลี้ยงบอย บอยก็อยากตอบแทนพี่อูบ้างดิ” บอยพูด มันหมายถึงวันที่ผมพามันไปเลี้ยงหนังและอาหารที่สยามสแควร์

ผมเหม่อมองแก้วน้ำกระเจี๊ยบด้วยความตื้นตันใจ บอยมันสังเกตจนรู้ว่าผมชอบกินน้ำกระเจี๊ยบ แต่ผมสิ แม้จะเลี้ยงมันหลายหน แต่กลับไม่เคยสังเกตเลยว่ามันชอบกินอะไรบ้าง...

“ขอบใจนายมากนะ” ผมพูดเบาๆ แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกมันก็พลอยเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

- - -

ในที่สุดปริศนามือลึกลับที่เอากาวไปหยอดรถยนต์ของอาจารย์พิกุลก็คลี่คลาย การกระทำของเวชแพร่สะพัดไปในระดับชั้น ม.๔ อย่างรวดเร็ว และเป็นประเด็นร้อนให้วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งในเรื่องแรงจูงใจที่ทำให้เวชลงมือ รวมทั้งแรงจูงใจที่ทำให้เวชสารภาพความจริงออกมา

เมื่อพวกนักเรียนรู้กันหมด มีหรือที่อาจารย์วารีจะไม่รู้ ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น หัวหน้าชั้นจึงถูกอาจารย์วารีเรียกไปพบ จากนั้นก็ตามด้วยเวช โดยเวชขึ้นไปพบอาจารย์วารีในช่วงพักเที่ยง

“สงสัยไอ้เวชตายแน่คราวนี้” นักเรียนในกลุ่มเด็กเกคนหนึ่งเปรยขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ถ้าไอ้เวชตาย เดี๋ยวกูปกครองพวกมึงต่อเอง เหมือนในหนังเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ไง” เกรียงพูด ไม่รู้ว่ามันพูดเล่นหรือว่าคิดอย่างนั้นจริงๆ

ในที่สุด เวชก็กลับลงมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

“เฮ้ย อารมณ์ดีมาเชียว อาจารย์ว่าไงบ้าง” เกรียงถาม

“ก็จะมีอาไร้” เวชลากเสียง แล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็เชิญผู้ปกครองมาอีกนั่นแหละ”

“สองหนแล้วนะมึง” เพื่อนอีกคนหนึ่งพูด

“โอ๊ย เรื่องเล็ก” เวชหัวเราะ “บางปีโรงเรียนเชิญผู้ปกครองกูมาตั้งสามสี่หน แค่สองหนยังเล็กน้อย”

ดูเหมือนกับว่าเวชจะไม่สะทกสะท้านกับผลที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย ทีแรกผมนึกว่ามันคงเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป จึงได้สารภาพออกมา แต่ท่าทีที่ไม่อนาทรร้อนใจของมันทำให้ผมชักไม่ค่อยแน่ใจ

“เฮ้ย ไอ้อู” เสียงไอ้กี้เรียกพร้อมกับศอกของมันกระแทกที่สีข้างของผมเบาๆ “อาจารย์เริ่มสอนแล้ว มึงมัวใจลอยอะไรอยู่”

ศอกของไอ้กี้ได้ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ วันนี้ตั้งแต่เช้ามา ผมมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่โรงอาหารเมื่อวาน ไอ้บอยเป็นเหมือนเปลวไฟดวงเล็กๆที่ช่วยให้จิตใจที่อ้างว้างของผมเริ่มมีความอบอุ่นขึ้นมา ไอ้บอยทำให้วันเวลาของผมสดชื่นและสว่างไสวขึ้นอย่างน่าประหลาด

- - -

หลังเลิกเรียน

ท้องฟ้ายามบ่ายของต้นเดือนพฤศจิกายนครึ้มไปด้วยเมฆสีเทา ฝนช่วงเปลี่ยนฤดูโปรยปรายลงมา บรรยากาศเยือกเย็นและหม่นทึม ชวนให้รู้สึกเงียบเหงาหดหู่

ความเหงาเข้าจู่โจมผมอย่างไม่ทันตั้งตัว จู่ๆก็คิดถึงไอ้นัยขึ้นมาอีก ภาพเหตุการณ์ที่บึงน้ำยามฝนตกวาบเข้ามาในห้วงความคิด... ป่านนี้ไอ้นัยเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

พร้อมกับความคิดถึงไอ้นัย ผมรู้สึกเจ็บปวดวูบขึ้นมา ผมพยายามขับไล่เงาร่างของไอ้นัยออกไปจากความคิดอย่างยากเย็น การพยายามลืมใครสักคนมันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะคนที่เราฝังใจด้วยมานานปี...

ผมเก็บหนังสือและสมุดใส่ลงในเป้เพื่อเตรียมตัวกลับ พลางเหลือบมองเวชที่นั่งข้างๆ พลางคิดว่าผมกับเวชเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ... สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

“เฮ้อ วันนี้เซ็งฉิบหาย ฝนตกยังงี้ไปตีนุ้กดีกว่า” เวชพูดขึ้นมาลอยๆ เกรียงและเพื่อนในแก๊งของเวชส่งเสียงสนับสนุนทันที

เวชและพวกลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินออกไปนอกห้อง ผมรีบคว้าเป้เดินตามออกไปบ้าง

“ไปด้วยคนดิ” ผมพูดกับเวชด้วยประโยคเดิมขณะที่เดินไปตามระเบียง เห็นละอองฝนโปรยปรายอยู่นอกชายคาตึก

เวชหันมามองผมนิดหนึ่ง แล้วจู่ๆเวชก็ถามผมด้วยคำถามที่แปลกประหลาด “มึงเหงาเหรอ”

“เอ้อ ไปด้วยอีกได้ไหมล่ะ” ผมถามอีก ไม่อยากตอบคำถามนั้นของเวชเลย

เวชไม่พูดอะไร ผมก็เหมาเอาว่าเวชไม่ขัดข้องเช่นเดียวกับครั้งก่อน จึงเดินตามกลุ่มพวกมันไป...

- - -

ที่โต๊ะสนุ้กเกอร์ เหตุการณ์ก็เป็นเช่นเดียวกับวันก่อน นั่นคือ ผมนั่งทำตัวเป็นอากาศอันว่างเปล่า ดูเวชและเพื่อนเล่นสนุ้กเกอร์กันโดยไม่มีสิทธิ์เข้าไปร่วมวงด้วยเพราะว่าเล่นไม่เป็นอีกทั้งไม่มีใครยอมสอนให้ ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจผมเลย แต่ผมคิดว่านั่งอยู่ที่นี่ถึงอย่างไรก็ดีกว่ากลับหอพัก ความเหงาทำให้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

“โอย กูเห็นไอ้อูแล้วแทงพลาดหมดเลย” ไอ้เกรียงบ่นเสียงดัง

“อะไรวะ ก็นั่งอยู่เฉยๆ” ผมนึกว่ามันมองไม่เห็นผมเสียอีก ที่แท้ก็ยังเห็นอยู่

“เห็นมึงนั่งเรียบร้อยแล้วกูนึกว่ายังอยู่ในห้องเรียน แทงพลาดหมดเลย” เกรียงพูด เหตุผลโคตรไร้สาระทำให้ผมอดนึกถึงนิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะไม่ได้

เกรียงเดินมาที่ผม จากนั้นยื่นบุหรี่ให้ “เอ้า ดูดซะ อย่ามาทำเป็นเด็กเรียนแถวนี้ ทำตัวให้เหมือนพวกเราหน่อย”

ทีแรกผมจะปฏิเสธ แต่คำพูดที่บอกว่าให้ทำตัวเหมือนพวกมันทำให้ผมฉุกคิด ถ้าผมทำตัวไม่กลมกลืนกับมัน อีกหน่อยมันคงไม่ยอมให้ผมมาด้วยเป็นแน่

ผมยื่นมือรับบุหรี่ที่ดูดแล้วจากเกรียงอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ใส่ปากดูดและพ่นควันออกมา ที่จริงมันก็ไม่ยากอะไร แค่ดูดแล้วพ่น

“ไอ้ห่า” เกรียงด่าผม “ดูดยังงี้เสียของหมด กลืนควันลงปอดสิวะ”

“กลืนยังไงวะ” ผมพยายามไม่เข้าใจที่มันพูด สายตาเหลือมมองไปที่เวช ถ้าเวชปรามเกรียงไว้ มันคงไม่บังคับผม แต่ทว่าเวชมองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ดูดเข้าไป แล้วหายใจควันเข้าไปในปอด ไอ้เซ่อ” เกรียงพูดอีก

เอาก็เอาวะ ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงลองสูบใหม่และกลืนควันลงปอดดู เมื่อควันบุหรี่ผ่านลำคอลงไปในปอดเป็นครั้งแรก ผมก็สำลักควันออกมาทันที ผมไอจนตัวโยน

“เออ นั่นแหละ ถูกต้อง” เกรียงพูดอย่างพอใจ “เอ้า ลองใหม่ อ่อนหัดนักนะมึง”

คำพูดสบประมาทของไอ้เกรียงที่ทำให้ผมเกิดทิษฐิขึ้นมา มึงสูบได้กูก็ต้องสูบได้

เมื่อหยุดไอ ผมลองสูบอีกคำหนึ่ง คราวนี้ค่อยๆปล่อยให้ควันบุหรี่ล่วงล้ำเข้าไปในปอดทีละน้อย กลืนควันไปได้หน่อยนึงก็สำลักควันและไอออกมาอีก แต่คราวนี้ไม่รุนแรงนัก

ผมพักนิดหนึ่ง จากนั้นลองดูดต่อ ดูดอีกสี่ห้าคำจนในที่สุดปอดของผมก็เริ่มคุ้นกับควันบุหรี่ ในที่สุดผมก็สามารถกลืนควันเข้าไปได้ทั้งคำ

“ดีมาก” เกรียงพูดอย่างพึงพอใจ “สูบให้หมดเลย มวนนี้กูยกให้มึง”

ไอ้ห่าเอ๊ย ผมด่ามันในใจ บุหรี่เปื้อนน้ำลายมึง ใช่ว่ากูจะอยากสูบ ใจหนึ่งคิดด่า แต่อีกใจหนึ่งก็อิ่มเอมอยู่ไม่น้อยที่ผมทำให้มันยอมรับได้

ผมส่งบุหรี่เข้าปากอีก บุหรี่ยังไม่หมดมวน คงดูดได้อีกหลายคำ

“เฮ้ย พอแล้ว อย่าแกล้งมันอีกเลย” เวชพูดขึ้นมา จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับผม “ไอ้อู เลิกดูดได้แล้ว”

“กูดูดเป็นแล้ว ดูดให้หมดก็ได้” ผมพูด ไม่อยากให้เกิดปัญหากับไอ้เกรียง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแกล้งผมตรงไหน

เวชแย่งบุหรี่ที่มือผมไป “เดี๋ยวก็ตายห่าหรอกไอ้อู มึงนั่งเฉยๆเดี๋ยวก็รู้”

ไอ้เกรียงหัวเราะ หลังจากนั้นพวกมันก็เล่นสนุ้กกันต่อ ปล่อยผมนั่งอยู่โดยไม่สนใจ

ผมนั่งได้ครู่เดียวก็รู้สึกมึนหัว แรกๆก็มึนนิดหน่อย จากนั้นอาการก็รุนแรงขึ้น ผมรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก เหมือนกับนั่งถ้วยหมุนในสนามเด็กเล่นแล้วหมุนไปสักร้อยรอบ ผมรู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรง

ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่เวชพูดหมายถึงอะไร ไอ้เกรียงคงตั้งใจจะแกล้งผม ผมพยายามเก็บงำอาการเมาบุหรี่เอาไว้ ถ้าแสดงความอ่อนแอออกมาพวกมันคงดูถูกผมแย่

ผมพยายามสะกดความคลื่นไส้เอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก แต่ในที่สุดก็เอาไม่อยู่ ผมพยายามยืนขึ้นเพื่อจะเดินไปหาที่อ้วก แต่พอยืนขึ้นผมก็รู้สึกว่าแผ่นดินหมุนไปหมดจนยืนไม่ไหว ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็อ้วกออกมา อ้วก อ้วก และอ้วก... อ้วกจนไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำย่อยเหนียวๆรสชาติขมขื่น

25 comments:

tangkwa said...

ที่ 1 เย้

น้องแตง

Choo said...

ส่งส้ยโดนกัญชา แหงๆ

ชู

Anonymous said...

สงสารอูจัง

thom

All about Rose said...

มีแต่คนตื่นเช้า หรือว่ายังไม่ได้นอนกันนี่

Anonymous said...

อาอูตืนเช้าจังเลยครับ
oliver

Anonymous said...

อาอูตื่นเช้าจังเลย โดนบุหรี่มวนนี้เข้าไปจะเป็นอะไรไปรึเปล่าเี่นี่ย
Oliver

Anonymous said...

ยังดีที่ติด ToP10

กัญชาไม่น่าเมานะครับ คงบุหรี่แหละ สมัยก่อนบุหรี่แรงจะตายไป

แบงค์ครับ

Anonymous said...

ตอนต่อไปขอพรุ่งนี้เลยนะคับ
คือว่าติดเรื่องนี้ซะแล้วอ่า
อ่านแล้วรุสึกดี
อบอุ่น และเศร้ามากมายคับ

Anonymous said...

ไม่ดีเลยน้า..อาอู

อูจะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้

น่าสงสารอะครับ

มาต่อไวๆ นะ

^^S-U-N^^

Anonymous said...

เฮ้อออออ..

Anonymous said...

อู ติดต่อนัยได้บ้างไหมคับ ไม่ลองถามคุณอา นัยดูอีกทีล่ะเขาอาจจะ ไม่ว่าแล้วก็ได้ เพราะว่าผมสงสารไม่ไหวแล้ว
สู้ ๆ ครับ

วิน

Anonymous said...

พี่อูครับ....ชอบเรื่องของพี่อูมากๆเลยครับ...
พี่อูเป็นนักเขียนละครได้เลยนะเนี้ยะ...ขอเป็นสาวกพี่อูด้วยคนนะครับ...

glorynhing said...
This comment has been removed by the author.
Anonymous said...

)^_^(ที่14 ตื่นได้แล้วครับลุงผมยังไมเคยลองสูบบุหรี่เลยครับไม่ชอบอะครับเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีเมาด้วย เวชจะโดนไล่ออกไหมอ่านดูก็รู้แล้วว่ามันมีปัญหากับคุณพ่อคุณแม่แน่นอนเลยครับผมว่าคุณครูพิกุลคงน่าจะรู้ก็ได้มันพูดไม่ดีกับครูตั้งบ่อยครูยังไม่ทำอะไรเลย 3วันที่ผ่านมาชีวิตมีแต่กีฬาชอบจังไมต้องเรียนมีกีฬาสีมีบอล เมื่อวานลุงไปเชียร์บอลมาใช่ม้าผมเห็นนะน่าเสียดายเนอะอดชิงเลยแต่ไม่เป็นไรแชมปก็มีเอี่ยวอยู่ดีหุหุ อยากให้อากาศแบบนี้ทุกวันเลยครับไม่ร้อนดี ตอนหน้านี่ต้องมีความคืบหน้าหน่อยแล้วน้องบอยเนียไปส่งน้องกลับบ้านหน่อยดิ

พี said...

มาอ่านเรื่อง ของ บอยแล้วครับ...เอ้ย...เรื่องของอูแล้ว....แฮะๆ

ก็เป็นไปตามที่คุณอูอยากให้เป็นละครับ ให้บอยเป็นขวัญใจคนใหม่

คนไหนที่อูรู้สึกดี มีใจให้ ก็จะบรรยายให้ดูดี ใครอ่านก็ต้องหลงไปตามคุณอูล่ะ แต่คนไหนเฉยๆก็กล่าวแบบที่มองเห็นได้ทั่วไป

น้องแป๋ง ลูกชายคนเล็กเจ้าของหอ เคยใช้มือช่วยกันมา 2 ครั้งแล้ว คุณอู ยังไม่ค่อยอธิบาย หรือพรรณนาความรู้สึก บอกลักษณะรูปร่าง ผิวพรรณ ขนาด สีสัน ของน้องแป๋งสักเท่าไรเลย ถ้ามีเวลาก็ให้รายละเอียดหน่อยนา...อุตส่าห์มาให้สีสัน ตั้ง 2 ครั้งแล้ว ตอนมีครั้งที่ 3 ก็ได้ นะ..นะ

ส่วนของน้องบอยก้ป็นไปตามจังหวะที่คุณอูเล่ามาล่ะครับ...เพราะยังไงก็จะรออ่านไปเรื่อยๆ

+ P +

Anonymous said...

ช่วงนี้ไฮสปีดขัดข้อง ต้องกลับไปใช้ TOTonline 56 K เรียกว่าย้อนยุคกันเลย แต่ปรากฏว่าย้อนไม่ไหว เพราะว่าเข้าดูอีเมลอะไรไม่ได้เลย โหลดหน้าไหนก็ไม่สำเร็จ ตอนอัปเดตตอน 33 ว่าจะโพสต์รูปประกอบก็โพสต์ไม่ได้ เพราะสปีดช้าเกินไป

ฟุตบอลไม่ได้ดูหลายปีแล้วครับ ลืมบ้าง ติดเดินทางบ้าง เลี้ยงรุ่นก็ไม่ค่อยได้ไปเพราะไม่ได้ติดตาม เพื่อนๆก็ไม่ได้เรียก ก็อย่างที่บอกว่าเป็นคนตกสำรวจ

ตอนที่แล้วมีคอมเม้นต์หนึ่งที่บอกว่าโทรไปคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้คุยกันมา ๒๐ ปี ก็ดีใจด้วยครับ รวมทั้งปลื้มใจด้วยที่บล็อกนี้สามารถทำประโยชน์ได้บ้าง อย่างน้อยก็สร้างแรงบันดาลใจ

หลายคนมักถามว่านัยตอนนี้เป็นอย่างไร ได้พบกันอีกหรือไม่ อนาคตไม่มีใครทราบหรอกครับ ตอนนั้นอูเองก็เกิดปมปัญหานี้อยู่ในใจเช่นกันว่านัยเป็นอย่างไรบ้าง ก็อยากให้ผู้อ่านทุกคนเฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนนี้ โตไปพร้อมๆกัน ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตด้วยกัน แสวงหาและเรียนรู้คำตอบของชีวิตไปด้วยกัน ไม่ว่าคำตอบนั้นจะดีหรือร้ายก็ตาม

บุหรี่ที่สูบตอนนั้นก็กรองทิพย์แหละครับ ไม่ถึงกับบุหรี่พระจันทร์หรือว่าเล่นยาเส้นแบบในชนบท ไม่ใช่พันลำด้วย แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ไม่เคยสูบเมาได้ครับ ทรมานมากด้วย มวนแรกแย่หน่อย แต่มวนต่อมาก็พอไหวครับ แต่ตอนมองบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือนี่เจ็บปวดนะครับ เจ็บปวดเพราะอะไรลองเดาดูกันก่อน แล้วจะบอกให้ทราบในเรื่องครับ

อู

Anonymous said...

(เขียนยาวเกิน โพสต์ครั้งเดียวไม่หมด ต้องทำเป็นสองโพสต์)

ยังไม่เคยบรรยายถึงแป๋งเหรอครับ เคยแล้วน่า นึกถึงไพโรจน์ สังวริบุตร ตอนหนุ่มๆ เค้าหน้าจะทรงนั้น แต่แป๋งหน้าตาดีกว่า มีเขี้ยวกับลักยิ้มด้วย แต่ผอมไปหน่อย เสน่ห์ของแป๋งอยู่ที่ความทะเล้นของมัน นิสัยต่างกับพี่ชายราวฟ้ากับดิน

บอยจะเป็นขวัญใจจริงหรือเปล่าต้องตามดูกันต่อไปครับ ตอน ๓๓ นี้เหตุการณ์อยู่ในตอนต้นเดือนพฤศจิกายน ใกล้ลอยกระทงแล้วด้วย

ขอบคุณสำหรับคำชมของทุกคนครับ อาจจะทักทายไม่ได้หมด ตกหล่นไปขออภัยด้วย แบงค์อย่าหายไปอีกนะครับ คราวก่อนหายไปนานเลย KTB นี่ถ้าไม่เสียวก็ไม่มาทักกันบ้างเลย

โดโด้หายไปไหน โทรศัพท์เสียอีกหรือเปล่า

อู

yo408 said...

ตอนลองบุหรี่ครั้งแรกก็ไม่ได้เป็นยังงี้นะ แปลกดี

Anonymous said...

ขอให้นัยกลับมาเจออู ตอนที่อูรักกับน้องบอยแล้ว
สาธุ ฮ่า ๆ

Anonymous said...

ใครอวยพรเนี่ย ใจร้ายจัง (..)

Anonymous said...

)^_^( ผมเดาว่าบุหรี่มันบาดนิ้วครับกิ้กๆ เอ้ยม่ายช่ายลุงอูคงนึกถึงตอนที่ลุงนัยสูบกกัณชานะซิที่ลุงอูบอกเลิกคบลุงนัย คงโทษตัวเองอีกล่ะ ถ้าถูกขอ2ตอนเลยนะครับอืมถ้าถูกแล้วตอนนี้ยังสูบก็เลิกซะนะครับ ลุงนัยก็คงไม่อยากให้สูบแน่นอน

Anonymous said...

ชอบคำอวยพรข้างบนจัง ขอให้เป็นจริง ฮ่าๆๆๆ
คงสนุกน่าดู

Anonymous said...

โอ้ย ยังไม่ลงตอนใหม่อีก เหรอคับ
แบบว่า จาลงแดงตายแล้วอ่า เหอะ ๆ

Anonymous said...

ก็อยากให้ผู้อ่านทุกคนเฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนนี้ โตไปพร้อมๆกัน ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตด้วยกัน แสวงหาและเรียนรู้คำตอบของชีวิตไปด้วยกัน ไม่ว่าคำตอบนั้นจะดีหรือร้ายก็ตาม
.................
ครับผมตามที่ได้บอกไว้ว่าจะเฝ้าดูการเติบโตของเด็กทั้งคู่ต่อไป อูและนัย เป็นกำลังใจให้เสมอน่ะครับ
ต่างคนต่างสังคมต่างก็เรียนรู้ชีวิตกันต่อๆไป..จุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหนก็เมื่อนั้นที่ทั้งคู่ต่างได้แสดงเตนารมย์ออกมามากกว่า
ขอสารภาพว่าตอนนี้จิตใจจดจ่อต่อจดหมายที่อาจจะได้รับตอบมาของนัยซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรบ้าง
แต่เอาใจช่วยทั้งคู่ตลอดครับ
ขอบคุณผู้แต่งครับ

Anonymous said...

คอมหลานเสีย ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 T-T
ตอนนี้มีคนให้ยืมมาใช้ทำการบ้าน T-T วันที่ 5 ธันวาคม พี่ที่จะซ่อมให้ ถึงว่างด้วยสิ

หลาน Arus ของอาอู