Saturday, November 14, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 30

“ทำอะไรอยู่วะ” แป๋งถาม พลางเดินเข้ามาในห้อง

“อ่านหนังสือ” ผมตอบ

“โป๊หรือเปล่า ฮิฮิ” แป๋งถามพลางหัวเราะหน้าทะเล้น

“เปล่าโว้ย” ผมตอบ

หลังจากนั้นเราก็คุยกันอยู่ชั่วครู่ เนื่องจากที่นี่เป็นห้อง ไม่ใช่เป็นบ้าน ดังนั้นจึงไม่มีห้องรับแขก เราสองคนจึงนั่งคุยกันบนเตียง

“จะมาเอาหนังสือคืนน่ะ” แป๋งพูด

ผมหยิบเอาหนังสือโป๊ที่ซุกอยู่ในกองหนังสือมาคืนแป๋ง

“เปื้อนหรือเปล่าวะ” แป๋งพลิกดูหนังสือเหมือนกับจะสำรวจ พลางลดเสียงให้เบาลง “วันนี้ชักว่าวหรือยัง”

ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ แป๋งมองมาที่เป้ากางเกงของผม ส่วนผมก็มองไปที่เป้ากางเกงของแป๋ง เห็นมันโป่งพองอย่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อผมเห็นเป้ากางเกงที่โป่งพองของแป๋ง ร่างกายของผมก็เกิดอาการเช่นกัน

“แข็งแล้ว” แป๋งพูดพลางเอื้อมมือมาจับท่อนเนื้อที่กำลังแข็งตัวของผม พลางรูดขึ้นลงเบาๆ ผมปล่อยให้แป๋งทำแต่โดยดี

มือของแป๋งเบาและนุ่ม เวลาชักให้ผมทำให้ผมรู้สึกเสียวสบาย แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่าหัวหนักๆ ใจหนึ่งรู้สึกไม่อยากทำ อีกใจหนึ่งก็อยากให้ทำ...

ในที่สุดผมก็รูดกางเกงลง ปล่อยให้แป๋งรูดท่อนเนื้อของผมอย่างถนัดมือ ส่วนแป๋งเองก็ถอดกางเกงแล้วเอามือของผมไปจับท่อนเนื้อของมัน เราสองคนช่วยกันรูดอยู่สักพัก

แป๋งโน้มหัวผมลงไปที่ท้องน้อยของมัน ผมพยายามขืน

“อมให้หน่อย นะ” แป๋งพูดพลางทำหน้าอ้อน “อยากลองดูว่ะ”

ผมส่ายหัว “ไม่เอาอะ”

แป๋งไม่ว่าอะไร แต่โน้มหน้าลงมาที่ท่อนเนื้อของผม พลางอ้าปากจะครอบลงไป

ผมรู้ดีว่าแป๋งจะทำอะไร ใจหนึ่งก็รู้สึกอยากให้มันทำให้ เพราะผมไม่ได้เสียวแบบนี้มานานแล้ว แต่ขณะที่แป๋งกำลังจะครอบปากลงไป ก่อนที่สำนึกสายใยสุดท้ายของผมจะขาดลง จู่ๆผมก็รู้สึกผิดกับการกระทำของตนเอง

ผมกระถดตัวหนีจากปากของแป๋ง พลางเอามือดันหัวแป๋งออกไป

“ลองอมให้ไม่เอาเหรอ” แป๋งเงยหน้าขึ้นมาพลางถาม “เสียวนะโว้ย”

ผมส่ายหัว รู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนสับสนอย่างบอกไม่ถูก “ชักก็พอแล้วแป๋ง” ผมพูด

เราสองคนไม่พูดอะไรอีก ต่างช่วยกันชักให้กันจนแตกทั้งคู่ กลิ่นคาวคลุ้งเต็มห้อง

หลังจากทำความสะอาดเสร็จ แป๋งก็ใส่กางเกง แล้วทำหน้าทะเล้น

“อะ ฝากน้ำว่าวให้เป็นที่ระลึก” แป๋งพูดพลางเอาทิชชู่เปื้อนน้ำว่าวของมันยัดใส่มือ ผมรีบเอาโยนลงถังขยะ

“เออ เออ เดี๋ยวเอาไปทิ้งให้” ผมพูด

“ไปละ วันหลังมาใหม่” แป๋งหยิบหนังสือโป๊และกล่าวลาด้วยสีหน้าระรื่นก่อนออกจากห้องไป

- - -

หลังจากแป๋งจากไป ผมรู้สึกว่ายังไม่อยากนอนจึงนั่งปล่อยความคิดอยู่ในความมืด นั่งอยู่ต่อไปประมาณชั่วโมง ผมรู้สึกตะครั่นตะครอ หนักหัว เบ้าตาร้อน จิตใจฟุ้งซ่านสับสน

นอนดีกว่า ผมคิด แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่ทว่านอนไม่หลับ ผมนอนพลิกไปพลิกมา ยิ่งนานยิ่งรู้สึกว่าร่างกายไม่สบาย หนาวสะท้าน คอแห้งผาก ไม่มีแรง และปวดหัว

ตอนนั้นผมรู้ตัวแล้วว่าไม่สบาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่พยายามข่มตาให้หลับเพราะคิดว่าถ้าพักผ่อนมากๆอาการน่าจะดีขึ้นบ้าง

ผมรู้สึกปวดร้าวไปทั้งหัว ขณะเดียวกันก็หนาวจนตัวสั่นเทิ้ม จะลุกก็ลุกไม่ไหว มีอาการเหมือนถูกผีอำคือรู้สึกว่ามีอะไรมากดทับจนลุกหรือดิ้นไม่ได้ ผมเริ่มรู้สึกหวาดกลัว และคิดว่าคราวนี้ผมจะตายหรือไม่ เพราะรู้สึกว่าอาการของตนเองหนักหนามาก

จู่ๆผมก็คิดถึงไอ้นัยขึ้นมา ท่ามกลางอาการไข้ที่ทำให้ร่างกายหนาวสั่น ผมกลับรู้สึกอบอุ่นวูบขึ้นมาในหัวใจ...

อยากจะนอนให้หลับจัง ผมคิด พลางนึกถึงภาพในอดีต... จำได้ว่าในวันเสาร์ช่วงบ่าย บางทีเรากลับจากเรียนดนตรีเร็วก็จะขลุกกันอยู่ที่ห้องนอนของไอ้นัย บางครั้งผมก็จะนอนหนุนอยู่บนขาอ่อนของมันขณะที่มันนั่งพิงเตียงและเล่นกีตาร์

“สบายจัง” ผมพูด

“หัวมึงนี่หนักฉิบหาย สงสัยขี้เลื่อยเยอะ” ไอ้นัยบ่น

“อยากหลับสักงีบ เล่นเพลงกล่อมหน่อยดิ” ผมอ้อน

“มึงนอนทับขาเกะกะ เล่นไม่ถนัดอะ” ไอ้นัยบ่นอีก

“น่า เล่นให้ฟังหน่อย นะนะ อยากหลับบนขามึงนี่แหละ” ผมอ้อนอีก

ไอ้นัยไม่พูดอะไรอีก แต่กรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์ จากนั้นเล่นเพลง ลัลลาบาย ของโยฮันเนส บรามส์ อันเป็นเพลงกล่อมเด็กซึ่งผู้ที่เรียนดนตรีต่างก็รู้จักดี

“หลับเสียนะอู กูอยู่กับมึงนี่แหละ” ไอ้นัยพูดกับผมเบาๆด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนประโลมใจ

ในห้วงคำนึง ผมรู้สึกเหมือนกับได้นอนหนุนตักและฟังไอ้นัยเล่นเพลงนี้อยู่จริงๆ ท่วงทำนองเพลงอันอ่อนหวานก้องอยู่ในหู เสียงกีตาร์อ่อนโยนประดุจสายใยที่ถักทอจากดวงใจอันอบอุ่นของไอ้นัยมาสู่ดวงใจที่เดียวดายของผม ผมเริ่มรู้สึกตัวเบาหวิว

“คิดถึงมึงเหลือเกินไอ้นัย เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ คิดถึงมึงที่สุดเลยรู้ไหม” ผมพึมพำกับไอ้นัย

...

ที่สนามบินดอนเมือง

ผมวิ่งเข้ามาในตัวอาคารผู้โดยสารขาออก พลางหันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะไปหาไอ้นัยที่ไหน ผมจึงวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

“พี่ครับ ผมจะมาส่งเพื่อน เที่ยวบินหกโมงห้าสิบไปอเมริกา ต้องไปที่ไหนครับ” ผมละล่ำละลักถามพนักงานด้วยความร้อนใจ

พนักงานก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่ได้ชายมามองผมแม้สักนิดเดียว

เมื่อสอบถามจากประชาสัมพันธ์ไม่ได้ความใดๆ ผมจึงไม่อยากเสียเวลาถามอีก ผมรีบวิ่งอย่างสะเปะสะปะไปทั่วเพื่อจะหาไอ้นัย

ผมรู้สึกแปลกใจที่สนามบินดินเมืองในวันนั้นตกแต่งอาคารด้วยสีสันอันฉูดฉาดบาดตา มันทำให้ผมรู้สึกอ่อนเพลีย เวียนหัว และคลื่นไส้ไปหมด

ทันใดนั้นผมก็เห็นเงาหลังของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ยืนหันหลังให้ผมอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เงาหลังนั้นช่างคล้ายไอ้นัยเหลือเกิน โดยไม่รอช้า ผมรีบไปวิ่งไปที่ร่างนั้นทันที

วิ่งเท่าไรก็วิ่งไม่ทัน เพราะเหมือนกับว่าผมซอยเท้าอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย ผมจึงหยุดวิ่ง และทันใดนั้นเอง ร่างของผมก็เหมือนกับลอยเข้าหาไอ้นัยเอง

เมื่อไปถึงร่างของไอ้นัย ผมรีบคว้าไหล่ของมันไว้ และเมื่อไอ้นัยหันมา ผมก็เห็นหน้าของไอ้นัยผอมซูบ ฟันเขยิน มีหนอนไต่ยั้วเยี้ยทั่วใบหน้า เป็นใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด...

- - -

ผมทะลึ่งพรวดขึ้นจากเตียง เหงื่อไหลโซมกาย ตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกหวาดกลัวจับใจ ทั้งหนาว ทั้งตกใจ และทั้งกลัว รู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรง จะลุกก็ลุกไม่ไหว ผมไม่แน่ใจว่าภาพเมื่อครู่เป็นความจริงหรือว่าความฝัน เพราะว่ามันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน หรือว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับไอ้นัย

นี่ผมจะตายไหมนี่ ผมเริ่มคิดถึงบ้าน คิดพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเอ๊ด... และคิดถึงไอ้นัย ผมรู้สึกเป็นห่วงมันมาก

ผมคิดถึงคนที่ผมรักและร้องไห้ออกมา ความรู้สึกในยามเจ็บป่วยอย่างเดียวดายนี่มันทารุณจิตใจหลือเกิน ผมฟุบหน้าลงกับหมอนแล้วร้องไห้อยู่พักใหญ่...

ผมหยุดร้องไห้ เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง ผมพยายามลุกจากเตียงและโซซัดโซเซออกไปนอกห้อง

- - -

“ใครน่ะ” เสียงในห้องพูดอย่างงัวเงีย

“ผมอูครับพี่ธิต ผมไม่สบาย พี่พอมียาไหมครับ” ผมพูด

เพียงครู่เดียวประตูห้องก็เปิดออก เมื่อพี่ธิตเห็นผม สีหน้างัวเงียก็หายไป

ผมตัดสินใจมาหาพี่ธิตที่ชั้น ๕ เพราะเห็นว่าพี่ธิตอาวุโสที่สุดและทำงานแล้ว น่าจะพอมีประสบการณ์และอาจจะพอมียาอยู่ในห้องบ้าง

“โห หน้าแดงก่ำเชียวอู” พี่ธิตพูดอย่างตกใจ พลางเอามือแตะหน้าผากของผม “ตัวร้อนเชียว ไปทำอะไรมานี่”

“คงเป็นเพราะวันนี้ตากฝนมาน่ะครับ” ผมพูดสั้นๆเพราะไม่มีแรง

โชคดีที่พี่ธิตมียาลดไข้อยู่ หลังจากที่กินยาลดไข้ไปสองเม็ด พี่ธิตก็ให้ผมนอนบนเตียงของแกในห้อง เมื่อมีคนอยู่ด้วย ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้น ในหูยังแว่วเสียงกีตาร์เพลงลัลลาบายอยู่ เพียงครู่เดียวยาก็ออกฤทธิ์และผมก็ผลอยหลับไป…

<ลัลลาบาย (lullaby) เป็นเพลงประเภทหวานๆ สำหรับใช้กล่อมเด็ก บทเพลงลัลลาบายที่เป็นที่มีชื่อเสียงและคุ้นหูมากที่สุดได้แก่เพลงลัลลาบายของโยฮันเนส บรามส์ (Johannes Brahms) นักประพันธ์เพลงและนักเปียโนชาวเยอรมนี ซึ่งมีตีพิมพ์บทเพลงนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๘๖๘>

ฟังเพลง Lullaby ต้นฉบับ
ฟังเพลง Lullaby บรรเลงด้วยกีตาร์
ฟังเพลง Lullaby บรรเลงด้วยเชลโลและเปียโน
ฟังเพลง Lullaby บรรเลงด้วยแซกโซโฟน ผลงานของ Kenny G

29 comments:

Anonymous said...

ตื่นเช้าครับ หายไวไวนะ
;boyp

All about Rose said...

ที่สอง
Rose

Anonymous said...

)^_^(ที่1 อรุณสวัสดิ์ครับลุง ผมฟังเพลงแล้วนี่เพลงกล่อมเด็กรึเปล่า อาการของลุงคงไม่เป็นไรมากนะครับแต่โรคหัวใจยังไม่หายคงต้องเปลี่ยนหัวใจถึงจะหายซะทีhttp://www.youtube.com/watch?v=-QcggLqjAm8 หลังจากลุงนัยแล้วยังไม่มีใครมาจีบเลยยสงสัยจะแป๋งคนแรกหรือจะน้องบอยน้า

naja said...

มาแต่เช้าเลยนะครับพี่อู หายไวๆนะ
ว่แต่ว่าแป๋๋งเป็นเกย์ป่ะเนี่ย

Anonymous said...

คิดถึงนัยมากๆ
เลยย้อนกลับไปอ่าน
ตอนอยู่ที่บึงกันสองคนกับอูอีก

คิดถึงจริงๆไม่รู้นัยตอนนี้เป็นไงบ้าง
อยากรู้จัง

thom

Anonymous said...

ห่วงจัง เด็กอยู่หอพักคนเดียวแล้วไม่สบาย อ่านแล้วคิดถึงตอนอยู่หอพักคนเดียวแบบนี้

แบงค์ครับ

Anonymous said...

ตื่นเช้ากันจังนะ

อ่านแล้วคิดถึงคนที่เรารัก

และคนที่คอยห่วงใย

yo408 said...

พลาดเลย อุตส่าห์เฝ้าจนถึงตี4.กว่าๆ กะฟาดที่1กะเค้ามั่ง

Anonymous said...

อ่านแล้วสะเืทือนใจจัง พลอยเศร้าไปกับพี่อูด้วย เวลาป่วยนอนซมอยู่คนเดียวในห้องนี่มันเหงาสุดๆจริงๆ

wan

Anonymous said...

เพลงเพราะจัง โดยเฉพาะของ Kenny ฟังแล้วหวานปนเศร้า เหมือนเป็นเพลงรักมากกว่าเพลงกล่อมเด็ก

เป็นกำลังใจให้อูครับ อยากรู้ว่าจะผ่านชีวิตช่วงนี้ไปได้ยังไง

Anonymous said...

อาอูครับ หนังสวีดิชเรื่อง Blue bird อาอูช่วยอธิบายให้หน่อยได้มั้ยครับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร คือโหลดมาแล้วแต่เวลาดูไม่ค่อยมีเลยดูผ่านๆ เลยอ่านซาวแทร็กไม่ค่อยทัน ช่วยอธิบายด้วยนะครับ
ป.ล.คิดถึงอานัยจัง แล้วก็อาอูอย่าโทษตัวเองบ่อยนักเลยครับ ผมรูั้ว่าอาอูไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอกหรอก เราไม่สามารถควคุมเรื่องทุกอย่างได้หรอกครับ แต่เมื่อเรื่องมันเกิดแล้วเราต้องรักษาใจของเราให้มั่นคงที่สุด เพื่อจะได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงไงครับ
Oliver

Anonymous said...

มารักอาอูกันต่อเถอะ

หลาน Arus ของอาอู

อู๋คับ said...

ดีคับ ผมชอบมากเรยคับเรื่องนี้อ่ะ

บางตอนผมน้ำตาเเทบไหลเรยอ่ะคับ

Anonymous said...

เป็นกำลังใตให้ครับอาอู

เสียวได้ไม่นานเศร้าอีกแล้ว

Anonymous said...

อูฝันร้ายอีกแร้ว

พี said...

ขนาดอยู่ในช่วงไคลแม็กส์ ยังมีใจไปคิดถึงนัยอีก
เมื่อไหร่อาการแบบนี้ อู จะหายสักทีนะ จะได้มีความสุขมากๆ กับเขาสักที

.....แม้ว่าจะไม่ใช่กับคนที่เราคิดถึงอยู่เสมอก็ตามที

ตัวผมเองก็พยามยามทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

เป็นกำลังใจให้อู...ครับ

+ P +

Choo said...

เพิ่งเข้าใจความรู้สึก “เสียวสะดุด สำเร็จฯ อมทุกข์” ก็ตอนนี้แหละ ฮิ ฮิ

เห็นใจเศร้าใจไปกับอู ที่ต้องทนทุกข์เพราะความรู้สึกผิดขนาดนี้ ยิ่งเป็นความรู้สึกผิดที่เกิดจากการทำร้ายคนที่เรารักได้อย่าง.......

และเมื่อรวมกับ ความรัก ความคิดถึง ความเหงา ที่เกิดขึ้นในจิตใจ มันนำมาซึ่งความโดดเดี่ยวอ้างว้างภายในจิตใจอย่างที่สุด

เป็นกำลังใจให้หนุ่มน้อยอู ผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้ได้ เป็นนายอูที่เข้มแข็ง และก้าวเดินต่อไปในชีวิตได้อย่างงดงาม

ไม่ว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่ ขอสดุดีความรักที่อูมีต่อนัยอย่างใจจริง

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ผิดหวังต่อความรัก ก้าวเดินต่อไปอย่างมีคุณค่า

ชู

ปล. นัยรู้ว่าอูจะโฟสเวลาไหนได้ยังไงครับ หรือว่าโพสมาจากที่เดียวกันครับ

Anonymous said...

พอป่วยขึ้นมา ความรู้สึกเก่าๆก็ตามมาหลอน แต่หลังจากอาการป่วยครั้งนี้ก็จะถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง คงได้อ่านกันในตอนหน้าครับ

เปลี่ยนหัวใจใหม่ไม่ไหวหรอกหลาน ลุงยังรักหัวใจดวงนี้อยู่ เพราะหัวใจดวงนี้อยู่กับลุงมานาน ในนี้บรรจุความหลังมากมายทั้งสุขและทุกข์ ลุงชอบของเก่าๆ คนเดิมๆ ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่า ไม่ค่อยอยากเปลี่ยนไปใช้ของใหม่

เพลง lullaby เป็นเพลงกล่อมเด็กครับ lullaby เป็นประเภทของเพลง ไม่ใช่ชื่อเพลง เพลงนี้ถ้าจะเรียกให้เจาะจงก็ต้องบอกว่าเป็น Brahms' lullaby

หลานโอลิเวอร์ เรื่อง blue bird สั้นๆแค่ ๓๐ นาทีเอง อ่านซับไม่รู้เรื่องทั้งหมดก็เดาได้ เล่าแล้วหมดสนุกครับ เพราะว่าความสนุกไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่อง แต่อยู่ที่บทบาท บรรยากาศ ดนตรี อะไรหลายๆอย่างที่รวมกันเป็นองค์ประกอบของหนัง ตัวเนื้อเรื่องที่จริงไม่มีอะไรมากเลย นี่ถ้าอาพูดกับน้องบอยแบบที่หลานว่ามา อาต้องโดนน้องบอยเหน็บกลับมาแน่เลย

มีหนังสั้นเกาหลีอีกเรื่องหนึ่ง ชื่อ Boy meets boy ยาวประมาณ ๑๕ นาที ก็น่ารักดีครับ ถ้าใครที่ชอบวัยรุ่นใสๆสไตล์เกาหลีคงจะถูกใจ

อู

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่ชู

แล้วที่พี่โพสต์ติดๆกับผมแปลว่าเราอยู่ที่เดียวกันละสิครับ

อู

Anonymous said...

บางที่เราอาจเป็นคนๆ เดียวกันเหมือนที่ใครบางคนเคยตั้งข้อสังเกตุไว้ นะอู

ชู

dodo said...

หวัดดีครัฟ
หายไปตั้งนาน
คิดถุงจัง
โทรสับพังเลยมะได้อ่านนะ
เด๊ะไปอ่าน7ตอนรวดละ
บะบาย

โดโด้ครัฟ
LAOS FC

Anonymous said...

จุดเปลื่ยน? ตอนหน้า?....
จะหันไปทางดี หรือร้ายกันหนอ

เสาร์นี้มีงานโรงเรียน ชนกับเรียนพิเศษ T-T
หลานอยากแบ่งภาคได้

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

)^_^( การเปลี่ยนแปลงเหมือนเพลงไงครับ จุดเปลี่ยนก็คือรีบให้ความรักกับน้องบอยด่วน คนนี้เชียอยู่หุหุ

Anonymous said...

อารมณ์นี้....อื่อ...มันครบรสชาดจริงๆนะครับ
เวลาที่เฝ้ารอมันนานมากเลย
แล้วผลมันจะออกมาเป็นยังไงนะครับ
สงสัยจัง...คอยตามให้กำลังใจอย่างห่วงๆแลพห่างๆครับ
น้องอูเริ่มก้าวแล้วนะครับ..
ขอบคุณผู้ถ่ายทอดเรื่องราวครับ

Anonymous said...

ตอนหน้าจะมี จุดเปลื่ยนด้วย?
ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกจะอินไปด้วย
เพลง คนไม่มีเวลา (ว่าน)

ฉากเก่าๆ ยังจำไว้ในใจ
เคยรักเธอยังไง รักเธอดังเดิม
ภาพทุกภาพยังตามติดอยู่ไม่หายไป
เสียงหัวเราะบนความอ่อนไหว

เจ็บปวดรู้ไหม ไม่อยากเคลื่อนไหว
ไม่อยากทำร้ายใคร
มันยังไม่พร้อมมีใครใช่ไหม
จะขอรอเธออย่างเดิม

เธออยากกลับมาไหม
อยู่ตัวคนเดียวไม่เหลือใคร
เหงาเกินไปบ้างไหมเธอ
รออยู่ไม่ไปไหน ปล่อยให้เวลาผ่านฉันไป
เพราะลืมเธอไม่ไหวไม่ได้อยู่ดี

สิ่งใหม่ๆ ไม่เคยให้เข้ามา
คนไม่มีเวลา แม้นานยังไง
แค่พรุ่งนี้วันเดียวที่ตื่นมาหายใจ
และเพื่อพร้อมรอเธอต่อไป

เหน็ดเหนื่อยรู้ไหม ไม่อยากเคลื่อนไหว
ไม่อยากจะรักใคร
มันยังไม่พร้อมมีใครใช่ไหม
จะขอรักเธออย่างเดิม

เธออยากกลับมาไหม
อยู่ตัวคนเดียวไม่เหลือใคร
เหงาเกินไปบ้างไหมเธอ
รออยู่ไม่ไปไหน ปล่อยให้เวลาผ่านฉันไป
เพราะลืมเธอไม่ไหวไม่ได้อยู่ดี

ความทรงจำที่ดีฉันขอให้มันไม่หายไป
แต่เธอคงจะลืมเมื่อเธอมีใคร
กาลเวลาอาจมีเงื่อนไข
แต่แตกต่างจากใจของฉัน
ที่จะรอเพียงเธอเหมือนเดิม

ยังรออยู่ไม่ไปไหน
ปล่อยให้เวลาผ่านฉันไป
ฉันลืมเธอไม่ไหวไม่ได้อยู่ดี

boom

Choo said...

นำเพลงบรรเลง Forever In Love ของ Kenny G มาฝากเป็นกำลังใจให้อูครับ

http://www.youtube.com/watch?v=_LYjusrFXjs

ชู

Anonymous said...

กินยาแล้วหลับให้สบายนะอู โบราณว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะ


จากคนที่เม้นต์คนที่ 1

Anonymous said...

no comment ครับ

คิดถึงพี่ๆลุงๆอาๆทุกๆคนน่ะครับ ช่วงนี้มะค่อยมีเวลาเลย ยุ้งยุ่ง แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังคอยตามอ่านอยู่เพียงแต่ไม่ได้มาเม้นแค่นั้นเอง แต่อ่านเม้นของทุกคนนะครับ รุสึกหลายๆคนหลายไปบ้าง เช่นพี่ ic ไปไหนเสียแล้ว เอาเพลงมาฝากครับ น่าจายุคคุณอาคุณลุงน่ะครับ เพลงเก่าๆหลายเพลงเพราะมาก นี่เพงของชรัสครับ อยากรุว่าเพลงไรก้ไปฟังกานเอง อิอิ

http://music.gmember.com/player/html_player_music/index.php?songid=8800029901

ปล.ขอบคุณอาอูครับที่มาเขียนต่อให้

ปล.2ราตรีสวัสดิ์ครับ ทุกคน

Sea~~!!

Anonymous said...

หุหุ จาบอกว่า เพลงบูมโดนมากครับ

กำลังจิตตกจากเพลงนี้