Sunday, November 1, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 28

พูดยังไม่ทันขาดคำ แป๋งก็ทะลักทลายของเหลวขุ่นข้นออกมา มันฉีดพุ่งเป็นระลอกหลายครั้ง จากนั้นก็กลายเป็นค่อยๆรินหลั่งออกจากปลายท่อ หน้าท้องและท้องน้อยของแป๋งเปรอะเป็นหย่อมๆ ภาพที่เห็นทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่าน ผมรู้สึกเสียวเกร็งที่ท้องน้อย จากนั้น ทำนบของผมแตกทะลักทลายออกมา

เมื่อพายุตัณหาผ่านพ้นไป อารมณ์ของผมค่อยๆสงบลง ผมหลับตาพริ้มอย่างอ่อนแรง จมูกได้กลิ่นคาวคลุ้ง ความสุขที่เพิ่งผ่านพ้นไปทำให้ผมหวนระลึกถึงเรื่องเก่าๆ... ในวันผมยังมีไอ้นัยอยู่

สองปีแล้วที่ผมไม่ได้มีอะไรกับใคร จำได้ว่าเมื่อเด็กๆผมมักมีอะไรกับไอ้นัยเสมอ จนถึงชั้น ม.๒ ที่เรามักมีเรื่องระหองระแหงกัน ผมกับไอ้นัยมีอะไรกันน้อยมาก และมาจนถึงชั้น ม.๓... ก่อนที่ไอ้นัยจะจากผมไป... ผมไม่ได้มีอะไรกับไอ้นัยเลย

ความคิดคำนึงถึงไอ้นัยที่วูบเข้ามาทำให้ผมได้สติ ผมลืมตาขึ้นและต้องรู้สึกแปลกใจตนเอง นี่ผมได้ทำอะไรลงไป คนที่จะนอนข้างๆผมควรเป็นไอ้นัย แต่นี่ผมเอาใครก็ไม่รู้มานอนด้วย

กลิ่นคาวยังไม่จางหายไป ผมเริ่มรู้สึกผิด อะไรนะที่ดลใจให้ผมทำเรื่องเมื่อครู่ลงไป... ไอ้นัยไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ไม่รู้ ส่วนผมกำลังมีความสุขกับเพื่อนคนใหม่ของผม...

ผมเอื้อมไปหยิบทิชชู่จากกล่องทิชชู่รูปหมาอันเดิมที่ผมคุ้นเคย พลันที่ผมแตะกล่องทิชชู่นี้ ผมก็คิดถึงไอ้ชัชผู้เป็นเจ้าของ จากนั้นก็คิดถึงไอ้นัยเมื่อวัยเด็ก ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมของตนเองอย่างรุนแรง...

ผมดึงทิชชู่ออกมาและส่งกล่องทิชชู่ต่อไปให้แป๋ง จากนั้นเราทั้งสองก็เช็ดคราบบนหน้าท้องของตนเองอย่างเงียบงัน จากนั้นผมก็รีบใส่กางเกง

“หมดแรงเลยเหรอ เงียบเชียว” แป๋งกระซิบยิ้มๆ

ผมส่ายหน้า รู้สึกไม่อยากพูดอะไร เพียงอยากให้แป๋งออกไปจากห้องโดยเร็ว

“นายหลอกเรานี่หว่า” แป๋งพูดต่อ

“หลอกอะไรเหรอ” ผมถาม

“ก็ที่บอกว่านายชักว่าวไม่เป็นน่ะสิ ฝีมือนายชักให้เรานี่สุดยอดเลย ยังงี้ชักไม่เป็นได้ไงวะ” แป๋งพูด พลางจ้องหน้าผมเพื่อเค้นหาความจริง

“อือ เราอำนายว่ะ เห็นนายอยากรู้ก็เลยแกล้งอำเล่น” ผมสารภาพ

“เฮ้ย นายเป็นเกย์รึเปล่า” แป๋งถามโพล่งขึ้นมา

ผมถึงกับสะอึกกับคำถามกะทันหันเช่นนี้

“เฮ่ย เปล่า นายเป็นเหรอถึงได้อยากรู้” ผมถามกลับ วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้แป๋งหยุดถามเรื่องพวกนี้ก็คือโบ้ยใส่มันกลับไป

“เปล่าโว้ย” แป๋งรีบปฏิเสธ “ดูหนังสือโป๊แล้วมีอารมณ์ ก็เลยลองเล่นสนุกๆ ผู้ชายด้วยกัน ชักว่าวกันไม่เห็นจะแปลก ไม่เห็นจะต้องเป็นเกย์เลย”

อ้าว ไม่แปลกแล้วถามทำไมวะ แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับมันแล้ว ผมอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

แป๋งไปแล้ว กลิ่นคาวในห้องก็จางลง ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในความมืดอย่างที่ชอบทำ พร้อมทั้งครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยใจที่รู้สึกผิด

- - -

วันเสาร์

สัปดาห์นั้นเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดเรียนของพวกนักเรียน ส่วนของมหาวิทยาลัยกว่าจะเปิดก็ต้นเดือนพฤศจิกายน ผู้คนเริ่มทยอยกลับมา หอพักที่เมื่อสองสามวันก่อนอยู่ในสภาพเงียบเหงากลับกลายเป็นคึกคักขึ้นมา

ผมออกจากหอไปในตอนสายๆเพื่อไปโรงเรียนดนตรีเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติมา เดิมทีผมคิดจะเลิกเรียนเปียโนเพราะว่าเมื่ออยู่หอคงมีค่าใช้จ่ายมากกว่าอยู่บ้านคุณลุง ผมไม่อยากให้ทางบ้านต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพราะผมเพิ่มมากขึ้น จึงคิดจะหยุดเรียน แต่เมื่อมาอยู่หอได้สองสามวัน ผมมีเวลาว่างมากจนเซ็ง การเรียนและซ้อมเปียโนคงช่วยคลายเหงาและทำให้ผมหายเซ็งไปได้บ้าง ในที่สุดจึงตัดสินใจเรียนตามเดิมไปก่อน

หลังจากที่เลิกเรียน ผมได้เวลาซ้อมเปียโนมาสองชั่วโมง จึงนั่งเล่นเปียโนฆ่าเวลาอยู่ในโรงเรียนต่อไป จนเวลาบ่าย เมื่อซ้อมเปียโนเสร็จ ผมจึงเดินข้ามฝั่งไปยังสยามสแควร์ ผมเดินเล่นคนเดียวอย่างเหงาๆ จนในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าร้านโดนัท

ผมซื้อโดนัทมานั่งกินคนเดียว ขณะที่กิน ใบหน้าของไอ้นัยก็วูบเข้ามาในความคิดคำนึงของผม ไอ้นัยกับผมมีความหลังที่ร้านโดนัทแห่งนี้มากมาย

ทุกครั้งที่ผมคิดถึงไอ้นัย ผมจะรู้สึกเจ็บปวดไปกับความรู้สึกผิด มโนธรรมคอยติเตียนผมอยู่ตลอดเวลา ผมไม่อาจแกล้งทำลืมไปได้ว่าใครเป็นคนที่ทำให้ไอ้นัยต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ฉับพลันนั้น ภาพของบอยก็วูบเข้ามาในห้วงความคิด จากนั้นก็เป็นภาพของเหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างผมกับแป๋ง การที่เมื่อคืนผมได้มีอะไรกับแป๋งยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดต่อไอ้นัยมากยิ่งขึ้น

ผมพยายามสลัดความคิดอันฟุ้งซ่านออกไป กินโดนัทจนหมด จากนั้นก็รีบกลับหอ การเดินเล่นในสยามสแควร์ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น มิหนำซ้ำมันกลับทำให้ผมรู้สึกแย่ลง

กว่าจะกลับถึงหอก็เย็นแล้ว ผมแวะกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารตามสั่ง จากนั้นก็กลับขึ้นไปที่ห้อง

ซักผ้าเสียหน่อยดีกว่า เพราะว่ามาอยู่หลายวันแล้ว เสื้อผ้ายังไม่ได้ซักเลยสักชิ้น

สถานที่ซักผ้าสำหรับผู้เช่าในตึกนี้มีอยู่สองที่ ที่หนึ่งคือลานซักล่างที่อยู่หลังตึก ชั้นล่าง กับอีกที่หนึ่งคือชั้นดาดฟ้าของตึก

ผมเลือกซักที่ชั้นดาดฟ้าเพราะว่าผมอยู่ชั้นสี่ เดินขึ้นไปชั้นเดียวก็ซักได้แล้ว ที่ชั้นดาดฟ้ามีห้องพักอยู่ ๓ ห้อง ลักษณะเป็นห้องที่มีการสร้างต่อเติมขึ้นมาภายหลัง ผมยังงงว่าผู้เช่าทั้งสามห้องนี้อยู่กันได้อย่างไร เพราะขนาดผมอยู่ชั้น ๔ ตอนกลางวันยังร้อนแทบแย่ แต่ชั้นดาดฟ้านี่ห้องพักต้องรับแดดโดยตรง แถมพื้นคอนกรีตบนดาดฟ้าก็ร้อนระอุ คิดแล้วอดนึกถึงไก่ในตู้อบไม่ได้

ที่ชั้นดาดฟ้ายังมีชุดโต๊ะและม้านั่งหิน ๒ ชุด สำหรับเอาไว้นั่งพักผ่อน ซึ่งตั้งแต่มาผมก็ยังไม่ได้ขึ้นมานั่งเล่นเสียที นอกจากนี้ยังมีแทงก์น้ำขนาดใหญ่สำหรับเป็นที่เก็บกักน้ำเพื่อจ่ายลงไปยังชั้นต่างๆ ข้างๆแทงก์น้ำเป็นพื้นที่ซักล้าง มีกะละมังหลายใบวางกองอยู่เป็นสมบัติส่วนกลาง ที่ใกล้ๆกันยังมีราวตากผ้าหลายราวเรียงรายติดกัน รวมความแล้วชั้นดาดฟ้านี้เป็นชั้นอเนกประสงค์ เพราะสามารถใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง

ผมนั่งซักผ้าอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ม้านั่งตัวนี้ขาสั้นมาก นั่งไม่สะดวก เพราะว่าผมขายาว นั่งแล้วต้องระวังหงายท้อง ตอนที่ผมขึ้นมาเป็นตอนหัวค่ำ บนชั้นดาดฟ้ายังไม่มีใคร แม้เต่ผู้เช่าทั้งสามห้องก็ยังไม่ขึ้นมา แต่พอซักไปได้สักครู่ก็มีเสียงจ้อกแจ้กดังลอยมาจากชั้น ๔ จากนั้นก็มีเสียงคนหลายคนเดินขึ้นบันไดมา

ผมเห็นชายกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า แต่ละคนหอบข้าวของติดมือมาด้วย คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน เดินนำหน้า ที่เหลือเป็นหน้าใสๆวัยเรียนทั้งนั้น ถือขวดเบียร์ กระติกน้ำแข็ง แก้วน้ำ และของกิน เดินตามหลังขึ้นมา

เมื่อขึ้นมาถึง พี่คนที่ผู้ใหญ่สุดไขกุญแจเปิดห้องและหยิบกีตาร์ออกมา จากนั้นทั้งหมดก็ตรงไปที่ม้าหิน ดูก็รู้ว่าพวกนี้ขึ้นมาเพื่อตั้งวงก๊งในยามค่ำ

“อ้าว นั่นใครน่ะ ไม่คุ้นหน้าเลย” พี่คนที่โตที่สุดในกลุ่มซึ่งอยู่ในวัยทำงานตะโกนถามมาทางผม

“เพิ่งมาอยู่ครับ” ผมตะโกนตอบ

“อ้าว เหรอ กินเบียร์เป็นหรือเปล่า มากินด้วยกันสิน้อง” พี่คนนั้นชวน

ผมตอบปฏิเสธเพราะไม่เคยดื่มเบียร์ เคยแค่ลองจิบดูแล้วก็ไม่ได้ดื่มเพราะว่ารสขม อีกอย่างหนึ่งก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับคนกลุ่มนี้ด้วย จะเข้าไปร่วมวงก็กระไรอยู่

“น้ำอัดลมก็มี” เสียงคนในกลุ่มพูดขึ้นบ้าง

หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็ช่วยกันคะยั้นคะยอ ในผมไม่อาจปฏิเสธได้ จึงบอกว่าขอซักผ้าให้เสร็จก่อนแล้วจะไปร่วมสังสรรค์ด้วย

หลังจากที่ซักผ้าและตากผ้าจนเรียบร้อย ผมก็เข้าไปร่วมวงด้วย จึงได้ทราบว่าพี่คนที่ทำงานชื่อพี่ธิต เป็นคนเชียงราย พักอยู่ชั้นดาดฟ้านั่นเอง ส่วนที่เหลือก็เป็นพวกนักเรียนนักศึกษาที่คุณน้าเจ้าของหอเคยพูดถึงว่าหอนี้มีเด็กเยอะนั่นเอง คนหนึ่งชื่อปั้น เป็นเด็กน่าน เรียน ม.๓ คนนี้อยู่กับพี่สาวซึ่งเรียน ม.๖ ปั้นคนนี้ก็คือปั้นชั้น ๓ ที่วันก่อนมีคนโทรมาหานั่นเอง

อีกคนหนึ่งชื่อแว่น อยู่ ปวส.๑ ห้องนี้อยู่กันสามคน เป็นชายทั้งหมด ค่ำนี้มากับคนน้องที่อยู่ ม.๒ ชื่อพจน์ ส่วนอีกคนซึ่งเป็นคนกลางไม่ได้ขึ้นมา สามคนนี้เป็นคนลพบุรี อยู่ชั้น ๔ ชั้นเดียวกับผม แต่ยังไม่เคยเจอกัน

อีกสองคนเป็นพี่น้องกันผู้ชายทั้งคู่ คนพี่ชื่อแป๊ะ อยู่ ม.๖ คำว่าแป๊ะแปลว่าขาว แต่ตัวเจ้าของชื่อกลับเป็นตรงกันข้าม กลายเป็นผิวดำแดง ส่วนคนน้องชื่อโอ้ว อยู่ ม.๓ ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรเหมือนกัน แต่ว่าตัวขาวกว่าพี่ชายหน่อย คู่นี้พักอยู่บนชั้นดาดฟ้า ติดกับห้องพี่ธิต

เมื่อเข้าร่วมวง ผมจึงได้รู้ว่าทั้งหมดนี้สนิทสนมกันเพราะอยู่ที่นี่มานาน โดยมีพี่ธิตเป็นพี่ใหญ่ พอตอนค่ำไม่มีอะไรทำก็มาตั้งวงคุยกัน เล่นกีตาร์ หรือถ้าจะเป็นวันหยุดหรือวันเงินเดือนออกก็อาจมีเหล้า เบียร์เสริมด้วย อย่างเช่นวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ทั้งหมดต่างก็เพิ่งกลับมาจากบ้านต่างจังหวัดและได้มาพบกัน จึงต้องมีการฉลองกันนิดหน่อย กลุ่มนี้ที่จริงมีสมาชิกมากกว่านี้ เพราะในหอนี้ยังมีนักเรียนนักศึกษาอีกหลายคน แต่ยังมากันไม่หมด

พี่ธิตเป็นคนร่างเล็ก ผิวขาว หน้าตาก็แบบคนเหนือ ส่วนแป๊ะกับโอ้วนั้นหน้าตาก็งั้นๆ คนที่ดูดีหน่อยในสายตาของผมก็คือปั้น ปั้นเป็นเด็กผิวเหลือง รูปร่างอวบหน่อยๆ หน้าตาดูซื่อๆ มีจุดเด่นอยู่ที่แก้มยุ้ยน่าหยิกดี กับอีกคนหนึ่งก็คือพจน์ พจน์เป็นเด็กผิวขาว สูง หน้าตาดี เวลายิ้มดูมีเสน่ห์

ผมเริ่มสังเกตตัวเองว่าบ่อยครั้งที่ผมมักให้ความสนใจสังเกตและพึงใจกับชายที่หน้าตาดี ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ เพื่อน หรือว่ารุ่นน้อง แม้แต่ในทีวีรายการต่างๆผมก็มักสนใจชายที่หน้าตาดูดีในความคิดของผม แต่กลับไม่ค่อยให้ความสนใจหญิงสาวที่หน้าตาดีเท่าใดนัก และความรู้สึกที่ว่านี้ยิ่งนานก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นทุกที...

พวกน้องๆช่วยกันเลือกเพลงให้พี่ธิตเล่น เมื่อพี่ธิตกรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์ น้องๆก็ช่วยกันร้องคลอ พี่ธิตเล่นกีตาร์ได้ดีทีเดียว แต่เป็นการเล่นแนวเพลงป๊อบทั่วไปซึ่งใช้การตีคอร์ด เกา และพิกกิง แตกต่างจากไอ้นัยที่มีพื้นฐานมาจากการเล่นกีตาร์คลาสสิก

ความคิดเกี่ยวกับกีตาร์เชื่อมโยงความคิดของผมไปที่ไอ้นัย พลันเงาร่างของไอ้นัยก็วูบเข้ามาในห้วงความคิดของผมอีก ไอ้นัยเคยบอกมาในจดหมายว่ามันมีแต่กีตาร์เป็นเพื่อน ผมรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ลึกๆ มโนธรรมเริ่มติเตียนผมอีก

ผมรีบสลัดความคิดเรื่องไอ้นัยออกไป วงสังสรรค์ในคืนนั้นสนุกสนานดีทีเดียว ผมลองจิบเบียร์ไปนิดหน่อย ก็ยังรู้สึกขมเหมือนเดิม วงนี้ดีตรงที่ไม่มอมเหล้าหรือบังคับให้น้องดื่มเหล้า ใครอยากดื่มก็ดื่ม ไม่อยากดื่มก็ดื่มน้ำอัดลมแทน

กว่าการสังสรรค์จะยุติลงก็เป็นเวลาประมาณห้าทุ่ม เวลาในค่ำคืนวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะผมเริ่มมีเพื่อน ไม่รู้สึกเซ็งเหมือนเมื่อมาสองสามวันแรก กว่าที่วงจะเลิก ผมก็ได้ลองจิบเบียร์ไปหลายจิบจนรู้สึกมึนอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งที่ผมดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมึนมาก่อน แต่อย่างไรก็ดี อาการมึนนิดหน่อยกลับทำให้ผมรู้สึกดี เพราะในช่วงนั้นผมไม่ได้คิดถึงไอ้นัยอีก

- - -

วันจันทร์

วันนี้เป็นวันเปิดเรียนของภาคปลาย ผมตื่นตีห้าครึ่ง ตื่นสายกว่าตอนที่อยู่บ้านคุณลุงหน่อยเพราะว่าตอนอยู่บ้านคุณลุงผมกินอาหารเช้าที่บ้าน แต่เมื่ออยู่หอ ตอนเช้าไม่มีอะไรให้กิน ต้องไปกินที่โรงเรียน ผมจึงคิดว่าตื่นสายได้อีกหน่อย

เมื่อตื่นขึ้นมา ผมก็ผลัดผ้า หยิบขัน และเดินออกจากห้องเพื่อจะไปห้องน้ำ

“เฮ้ย” ผมอุทาน เพราะภาพที่เห็นคือคนรอคิวอยู่หน้าห้องน้ำสามสี่ราย ล้วนแต่เป็นคนที่พักอยู่ชั้น ๔ ทั้งสิ้น พจน์เด็กหน้าตาดีก็ยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่ในคิวด้วย

สถานการณ์ในช่วงเปิดเทอมต่างจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ทำไงได้ เมื่อออกมาช้าก็ต้องต่อคิวและรอ

กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เป็นเวลาหกโมงครึ่ง ซึ่งค่อนข้างสายแล้ว ผมรีบคว้าเป้ ล็อกห้อง และรีบวิ่งออกไปปากซอยทันที

ผมไปรอขึ้นรถเมล์ที่ป้ายซอยแม้นศรีหรือว่าซอยลาดพร้าว ๓๔ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอยลาดพร้าว ๒๕ รถเมล์วันนั้นแน่นมาก รถก็ติด เพราะว่าเป็นวันเปิดเทอมวันแรก กว่าผมจะไปถึงโรงเรียนก็เกือบได้เวลาเคารพธงชาติแล้ว

เมื่อผมย่างเท้าเข้ามาในโรงเรียน ความรู้สึกแรกที่ผมค้นพบในตนเองก็คือความดีใจ ตั้งแต่ไอ้นัยไม่อยู่ ชีวิตผมก็เหมือนหายไปครึ่งหนึ่ง พอถูกส่งกลับไปเรียนที่ต่างจังหวัด ชีวิตผมก็หายไปอีกเสี้ยวหนึ่ง จนเหมือนกับชีวิตของผมเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยวเดียว การที่ได้มาเรียนในวันนี้เหมือนกับว่าผมเก็บชีวิตที่ทำหายไปคืนมาได้เสี้ยวหนึ่ง... แม้มันจะไม่ครบทั้งหมด แต่มันก็ยังดีกว่าตอนที่เหลือชีวิตอยู่เพียงเสี้ยวเดียว...

คิดไปแล้วก็น่าขำ ผมถูกส่งให้ไปเรียนที่บ้านเพราะอาการไม่สบายทางกายอันเป็นผลมาจากปัญหาทางจิตใจ แต่ท้ายที่สุดผมก็ได้กลับมาเรียนที่กรุงเทพฯอีกครั้งก็เพราะอาการเดียวกันนี้นี่เอง


<ซอยลาดพร้าว ๒๕ แม้วันเวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ซอยนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก ปากซอยทั้งสองข้างยังเป็นร้านค้าไม้กับธนาคารกสิกรไทยเหมือนเมื่อก่อน>

36 comments:

nai said...

อ่านจบแล้ว คิดถึงอูเหมือนกัน

นัย

Anonymous said...

ว้าวดีใจจังได้มาโพสต์เป็นคนที่ 2 ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณอู ว่าแต่ผมอายุ 22 คุณอูควรจะเป็นพี่หรือเป็นอาผมดี
ป.ล.คุณนัยที่เข้ามาโพสต์เป็นตัวจริงรึเปล่าครับ เพราะทุกคนอยากให้อูกับนัยได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
Oliver

Anonymous said...

คุณพี่ที่หนึ่งงานเข้าเสียแล้ว มีคนหลงรักหลายคนแล้วนะ

(>_<)

yo408 said...

ที่3.

อ่านไปจนถึงเรื่องห้องน้ำ กะแล้วว่าต้องเจอคิวเพียบ แหม๋ ทำไมเราต้องเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน เอิ๊กๆๆๆ

Anonymous said...

)^_^(ที่1 อรุณสวัสดิ์ครับลุงอูรีบมารีบไป
กิ้กๆกุหลาบยังบานอยู่ในหัวใจของลุงนะซิครับ

Anonymous said...

อ่านจบแระ
อยากอ่านยาวๆๆ
Rose

naja said...

อ่านที่พี่อูบรรยายถึงความถึงพี่นัยแล้ว เศร้าจังเลยครับ

Anonymous said...

รายต่อไปจะเป็นใครน้อ
คงยังไม่ใช่น้องบอย
น่าจะเป็นคนที่หอมากกว่า
โดยผ่านแป๋ง

คิดถึงนัยเหมือนกัน
ไม่รู้ปัจจุบันนี้ อูจะได้เจอหรือยัง

thom

Anonymous said...

เหนื่อยมาก T-T มารักอาอูช้าอีกแล้ว

คืนนี้หลานจะไปงานภูเขาทองนะครับ
แล้วพบกัน

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

สรุปว่า เขียนหักมุมเพราะแซวมากไปหรือเปล่านะ T-T

อาอูแอบมาแง้มหน่อยสิครับว่า ตกลงจริงๆแล้ว พี่แป๋ง
เป็นเกย์หรือเปล่า?

หลาน Arus ของอาอู

Choo said...

ปีกว่าๆ ที่ผ่านไปอูก้ยังคงโทษตัวเองอยู่เหมือนเดิม

คำว่า "ความรัก" "ความคิดถึง" และ "ความเหงา" ล้วนเป็นคำที่แยกออกจากกันยากจริงๆ ครับ

ไม่ผิดที่อูยังรักนัย คิดถึงนัยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเวลาอยู่คนเดียว ทำผิด หรือเหงาในความรู้สึก

แต่ก็ไม่ผิดหากอูจะนำเอาอดีตเป็นบทเรียน และเปิดใจให้กับคนอื่น เปิดโอกาสให้กับตัวเองนะครับ

ในทางตรงกันข้ามนัยเองก็อาจจะยังคงคิดถึง ระลึกถึงอูอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน หรืออาจจะมีเพื่อนรู้ใจคนใหม่ไปแล้วก็ได้ (ไม่ว่ากันนะครับที่คิดแบบนี้)

เป็นกำลังใจให้อูตัวลูกนะครับ

ชู

ปล.แอบอิจฉาอูตัวพ่ออยู่เล็กๆ ครับ กับคนชื่อนัยที่อยู่แถวๆนี้ 555

Choo said...

นัยมาเม้นต์ลำดับที่1 ในวันที่1 เดือน11 เวลาตี 1

แล้วจะไม่ใช่ที่ 1 ในใจของอาอูได้อย่างไร

หลานๆ งานนี้แพ้ทางแล้วครับ

เจ้าของเขามาขอคืนชะแล้ว

ชู

Wat_kung^^ said...

อ่านแล้วครับอ่านแล้ว

สนุกครับ กำลังบรรยายถึงเปิดเทอม
วุ่นใช้น้อยเลยนะนั้นหน่ะ

เป็นกำลังใจให้อูครับ
เจอนัยไวไวนะ(ถ้าได้เจอ)
แอบหวังนิสนึงอะ

มาต่อไวไวนะครับไรท์เตอร์

Anonymous said...

นัยครับ

คนหลงรักเยอะเสียแล้ว ตัวใครตัวมันนะครับ ผมไม่ทราบเรื่องด้วย อ้อ แล้วที่เขียนคอมเมนต์วันที่ ๑ เดือน ๑๑ น่าจะเร็วกว่านี้อีกนิด จะได้ลงเวลาที่ ๑.๑๑ น. เลขจะสวยมากเลย

หลานโอลิเวอร์ เป็นอาก็ดีครับ จ่ายน้อยหน่อย

ช่วงนี้อาต้องระวังหลาน Arus เป็นพิเศษ พลาดพลั้งไม่ได้เลย เพราะหลานรอเก็บอาอูอยู่ เรื่องหักมุมหรือเปล่า พูดไปแล้วจะหาว่าแก้ตัว ต้องรออีกสักสามสี่ตอน เมื่อหลานอ่านแล้วก็จะรู้ครับว่าอาหักมุมเพราะโดนแซวหรือไม่

คุณ Rose รู้ไหมครับ เวลามีผู้อ่านคนใหม่ๆเข้ามาอ่าน แล้วบอกว่าอ่านรวดเดียวจบใน ๓ วัน ผมใจหายเลย เพราะว่าที่อ่านสามวันจบนั้นผมใช้เวลาเขียนถึง ๔ ปี ถ้าเขียนแต่ละตอนยาวๆ ก็แปลว่าต้องจากกันเร็วนะครับ เพราะงานเลี้ยงที่ไม่เลิกรานั้นไม่มี

ช่วงนี้ความรู้สึกผิดตามมาหลอนอยู่ตลอด ถ้าใครเคยผิดพลาด ทำร้ายคนที่ตนรักอย่างสาหัส จึงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ว่ามันกัดกร่อนชีวิตและจิตใจได้มากเพียงใด

โยเคยใช้ห้องน้ำรวมแบบนี้เหมือนกันหรือครับ ที่จริงห้องน้ำชั้น ๔ นี้เสียเปรียบชั้นอื่น เพราะต้องรับคนชั้นดาดฟ้าด้วยอีก ๓ ห้อง ถ้าเรามั่วนิ่มลงไปใช้ห้องน้ำชั้นอื่นก็จะโดนเหล่ด้วยความไม่พอใจ ลำบากครับ คิวยาวก็ต้องต่อ เพราะถ้าไม่ต่อก็ไปเรียนสาย

เล่าล่วงหน้าสักหน่อยก็ได้ ห้องพี่แว่นน้องพจน์นี่เป็นอาหารสายตาได้ดีพอใช้ เพราะตอนเช้าบางวันตอนต่อคิวก็มีโอกาสได้เห็นผ้าเช็ดตัวตุงเหมือนกัน ส่วนผมก็เป็นอาหารสายตาของคนอื่นด้วยเช่นกัน แต่หลังๆมาเข้าห้องน้ำตอนตีสี่ครึ่งแทน ลำบากเอาการเหมือนกัน เพราะง่วงมาก แต่ก็ไม่ต้องต่อคิว

อู

Anonymous said...

กลับมาแล้วครับ จะไม่จากไปไหนอีกคร๊าบ คิดถึงนัย คิดถึงอู มากๆครับ มาเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมคับ ที่ว่าคนอ่านที่เข้ามาใหม่อ่านสามวันนั้นคงไม่จริงอ่ะครับ ขนาดภาคสามกว่าผมจะเก็บหมดใช้เวลาเดือนกว่าอ่ะครับ นี่ก็สองปีกว่าแล้วที่เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวของอู จะยังคงเป็นกำลังใจและติดตามผลงานอูไปตลอดครับ คิดถึงครับ
กร ครับ

Anonymous said...

ผมสงสัยจังเลยว่า ถ้าผมเป็นหลานอาอูเนี่ย อาอูจะจ่ายน้อยกว่ายังไงหรือครับ แสดงว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาอูเนี่ยต้องเลี้ยงน้องบ่อยๆรึเปล่า อืมถ้ายังงั้นคนที่ติดตามเรื่องของอาอูมานานมีใครเคยถูกอาอูเลี้ยงดูปูเสื่อแล้วรึเปล่า ถ้าเป็นงั้นจริงน่าอิจฉาจัง อยากโดนอาอูเลี้ยงบ้างจัง อิอิ(ล้อเล่นนะครับ)แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าคุณที่หนึ่งเป็นนัยตัวจริงรึเปล่า เพราะถ้าใครเป็นแฟนคลับอาอูก็อยากให้นัยได้เจอกับอาอูอีกครั้ง เอ๊ะลืมไปอาอูก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยาย สงสัยจะอินจัดไปหน่อย
Oliver

Anonymous said...

ไก่อูงานเข้าแล้ว 555 เจอคดีเลี้ยงต้อย เลี้ยงน้องบอยยังไม่พออีก

คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร

Anonymous said...

หลังจากคอมเมเนต์ คนที่ 1 วันที่ 1 เดือน 11 ตอนตี 1 แล้ว ก็คิดว่าตอนนี้เหมาะกับหลายๆเพลง เช่น เวลากับคนสองคน Live and learn สุดท้ายขอเลือกเพลงนี้แล้วกันครับ

วันคืนที่เนิ่นนาน อาจผ่านชีวิตคน
อาจเปลี่ยนใจคนให้เวียนหมุนไป
ทำเราจากกันห่าง ไม่เคยโทษใคร
มันเป็นเงื่อนไขของกาลเวลา

วันวานของเรา แม้มันไม่คืนกลับมา
แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่า

ฉันยัง...ห่วงใย ใจก็ยังคิดถึงเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยัง...เฝ้าดู และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉัน รักเธอดังเดิม

เธอคงจะได้เจอ เจอคนอีกหลายหลาก
ต้องเจอกับรัก อีกสักเท่าไหร่
มีวันที่ดีกว่า และวันช้ำใจ
จนเจอกับใครที่ดีสักคนนั้น

ยังไงยังไง ก็คงไม่คืนกลับมา
แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่า

ฉันยัง...ห่วงใย ใจก็ยังคิดถึงเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยัง...เฝ้าดู และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉัน รักเธอดังเดิม

ถึงจะนาน...นานเท่าไร
ฉันขอพอใจขอเป็นอย่างเดิม
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอต้องเหนื่อย
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอลำบาก
ได้แต่คอยเอาใจช่วยเธอทุกอย่าง
อยากให้เธอมีคนที่สวยงาม

รักเธอเสมอ นานเท่าไรยังรักเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยังเฝ้าดู และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉัน รักเธอ

Evilo32 said...

อ่านขบแล้วคับสนุกมากเลย
ตอนนี้ผมกลับไปอ่านช่วงต้นๆไหม่
จะได้เอาให้เป็นเรื่องๆ
เพราะมีบ้างตอนขาดหายไปที่ผมไม่ได้อ่าน
รีบมาเขียนต่อไวๆนะคับอยากอ่านมั้กๆ

โอ๊ต ค๊าบ.....

Anonymous said...

คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร เข้าใจตั้งชื่อนะครับ ฟังดูแล้วน่าสนใจดี ฮุฮุ ทำให้เดาไปต่างๆนาๆ ว่าจะเป็นนัยของอูหรือป่าว ไงก้อไขข้อข้องใจให้ผมด้วยนะครับ ฮุฮุ ได้อ่านคอมเมนท์ของทุกคนแล้วรู้สึกดีครับ แฟนคลับของอาอูน่ารักกันทุกคนครับ ผมหายไปนานเลยครับตั้งแต่อ่านตอนอวสานของภาคสองต้องไปทำงานที่ประเทศอินเดียคิดถึงเมืองไทยมากครับ คิดถึงอูมากครับไม่รู้ว่าทุกคนจะยังจำผมได้ป่าวครับ ไปอยู่ที่โน่นค่อนข้างเก็บตัวครับ ไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่ร้านอินเตอร์เน็ตก้อยังไม่ได้ไปเลยครับ เหงามากๆ ตอนนี้กลับมาแล้วครับกลับมาเป็นแฟนคลับของอูอีกครั้งครับ
กร ครับ

Anonymous said...

สวัสดีครับกร หายไปนานที่แท้ไปอยู่อินเดีย ยังงั้นที่ผมทายเอาไว้เรื่องงานก็ถูกน่ะสิ กลับมาคราวนี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว

อ่านคำถามของหลานโอลิเวอร์แล้วทำให้อึ้ง หลาน arus ก็หาว่าอาหลอกฟันแป๋ง แถมยังจับหัวกด นั่นก็อึ้งไปทีหนึ่งแล้ว คราวนี้มาเรื่องเลี้ยงต้อย ก็อึ้งอีก อายังไม่อยากเป็นโรคไอเรื้อรังครับ

แถวนี้ยาเยอะมาก วางไว้เกลื่อนเลย ทุกท่านโปรดเดินด้วยความระมัดระวังครับ

อู

Anonymous said...

"จับกด" แปลว่าปล้ำครับอาอู
แถมพาดพิงผมบ่อยมาก ไปพาพิงอาชูบ้างสิครับ
อาชูอยู่สบายๆ พาดพิงบ้างคงไม่เป็นไร

หลาน Arus ของอาอูู

Anonymous said...

แหะๆๆ ตอนนี้ไม่ได้ติดทอปเทนเช่นทุกที

ไปทำตามเสียงหัวใจมาครับ

ด้วยการไปเจ็บเสียให้พอ และไปทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ

จากนี้ไป หลานหนิงคนเดิม ที่ต้องเป็นคนใหม่ได้ถือกำเนิดแล้ว หุหุ

ชอบที่อาชูพูดจัง ความรัก ความเหงา ความเศร้า มันแยกจากกันไม่ออกจริงๆ

เหตุผลของความรักมันช่างเป็นเรื่องกำปั้นทุบดินมาก น่าเบื่อหน่าย กับคำว่า "เพราะรัก" แม้เจ็บ ก็จะทน

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ

have a nice day tomorrow

หลานหนิง

ใช้ทั้งชีวิตเพื่อคิดถึงใครบางคน

ปล.โป้งอาชู

Anonymous said...

วันที่ 4 พฤศจิกายน ผมก็อยู่บนภูเขาทองเวลาตั้งแต่ 21.30-22.30 ครับ
ใส่เสื้อสีแดง ใส่แว่นตา

ไปลอยกระทงกับเพื่อนที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์มาด้วยครับ...
แปลว่าเราอยู่ใกล้กันขนาดนั้นเลยสินะ ดีใจมากๆ

วันนี้หลังเลิกเรียนพิเศษผมก็จะไปอีกนะครับ
วันนี้อาจมีเพื่อนไปด้วยล่ะ เมื่อวานไปคนเดียว
พรุ่งนี้ก็ตั้งใจว่าจะไป
แต่กว่าจะเลิกเรียนก็คงประมาณเกือบสามทุ่นแล้วกระมัง

รักเสมอ

หลาน Arus ของอาอู

Choo said...

เท่าที่จำได้ “นัย” มักจะเสียงเพลงและดนตรีบอกความใจให้อูเสมอ เม้นต์ที่ 17 ก็ใช้เพลงบอกความในใจเหมือนเดิม ไม่บอกก็รู้ว่าคุณนะใคร???

จำได้ว่าเพื่อนมัธยมฯ มักล้อเลียนเรียก “ไก่อู” เป็นประจำอยู่แล้วครับ นัยก็คงด้วยมั้งครับ

ว่าแต่หลาน arus ของอาอู เป็นไรไปครับ ปรกติอ้อนอาอูซะน้ำตาลขึ้น ตอนนี้ไหงขว้างระเบิดใส่อาอูเสียงดัง ตูมตามขนาดนี้ละครับ อากำลังอ่านเพลินอยู่เชียวก็ถูกชวนให้มาร่วมวงด้วยซะงั้น ยังไงอาขออยู่บนดอยอีกซักพักนะครับ แล้วจะตาม arus ไป

“ช่วงนี้ความรู้สึกผิดตามมาหลอนอยู่ตลอด ถ้าใครเคยผิดพลาด ทำร้ายคนที่ตนรักอย่างสาหัส จึงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ว่ามันกัดกร่อนชีวิตและจิตใจได้มากเพียงใด” ที่อูเขียนในคอมเม้นต์ อ่านแล้วอึ้งไปเหมือนกันครับ อย่างไรก็อย่าให้ความรู้สึกนี้กัดกร่อนวิญญาณของความเป็นอูนะครับ ให้กำลังใจพวกเดียวกันไว้ก่อนละกัน

หลานหนิง โป้งอาเรื่องอาร่ายยยยอ่ะ “รักเองซ้ำเอง ก็อวดเก่งแล้วจะโทษใครครับ” ล้อเล่นนะ จะได้หายเศร้าได้บ้าง คิดว่าเป็นประสบการณ์ละกัน รู้จักความรักเองแล้ว จะได้ไม่ต้องอิจฉาคนอื่นอีกไหง สู้ สู้
คำว่า “ใช่ทั้งชีวิตเพื่อคิดถึงใครบ้างคน” จะบอกอะไรอาอูหรือครับ ต้องมาเฉลยด้วยนะ คำถามของหนิงไม่มีใครคิดออกอยู่แล้ว ยากโคตร

ตอนนี้มีแฟนคลับทั้งรุ่นเก่าๆ กลับมารายงานตัว มีทั้งรุ่นใหม่วัยละอ้อนมากมาย รุ่นปัจจุบันก็มาก คิดว่าอูต้องตกแต่งห้องรับแขกใหม่แล้วละ ไม่พอต้อนรับแขกเสียแล้ว 555 ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ

ชู

Anonymous said...

อ่านไปแล้วก็มีข้อสงสัยว่า ที่อาอูบอกว่ายาเยอะคืออะไรหรือครับ เท่าที่ดูไม่ทราบว่านี่เคยมีการมีทติ้งระหว่างเหล่าแฟนคลับอาอููรึเปล่าครับเห็นสนิทสนมกันดีจังแล้วที่อาอูรับดูดวงอาอูทำเป็นอาชีพเลยรึเปล่าครับ แล้วยังไม่ได้บอกผมเลยว่าระหว่างเป็นอากับเป็นพี่ทำให้อาอูมีภาระต่างกันอย่างไร
0liver

Anonymous said...

อ่านแล้วงง ว่าพี่อูไปเที่ยวลอยกระทงกับน้อง arus มาเหรอ แต่ก็เหมือนกับไม่ได้เจอกัน

ทีผมชวนมั่งละก็ไม่ยอมไป ชิชิชิ

Anonymous said...

ไม่ได้จะถามอะไรใครครับ

เพลงมันเพราะดี

"ใช้ทั้งชีวิต ไว้คิดถึงเธอ" ของฟิล์ม รัฐภูมิอะ รุจักป่าว

หรือรุจักแต่ the beatle หรือ นิธัศน์ ละอองศรี

หุหุ

Anonymous said...

อาอูโดนข้อหาจากหลาน arus และจาำกหลานโอลิเวอร์ ไม่เห็นมีใครช่วยอาเลยสักคน

ที่บอกว่าเรียกอาจ่ายน้อยกว่า ไม่ได้เพราะว่าเลี้ยงต้อยหรือเลี้ยงเด็ก แต่มาจากเพลงลูกทุ่งชื่อ "เรียกพี่ได้ไหม" ในเนื้อเพลงบอกว่าเรียกพี่ให้หมื่นห้า เรียกอาให้ห้าพันครับ

ที่บอกว่า "แถวนี้ยาเยอะมาก วางไว้เกลื่อนเลย" หมายความว่าแถวนี้มีคนจ้องวางยาเอาไว้มากมาย ให้ระวัง

หลานหนิงโป้งอาชูก็มาอยู่้ข้างอานัยก็แล้วกัน อานัยขึ้นแท่นอยู่ลำดับที่ ๑ โน่น

อู

Anonymous said...

เอายาแก้พิษมาฝากครับ จะได้ไม่ต้องกลัวคนวางยา

พี่ชูอิจฉาได้แต่อย่าริษยานะครับพระท่านว่าไว้ หลานหนิงครับโป้งอาชูมาอยู่ข้างอานัยได้เลยครับ

ปล.คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร ลงท้าย 555 เหมือนใครก็ไม่รู้

;boyp

Anonymous said...

^
^
^

ข้างไหนดีล่ะครับ

ข้างหน้าหรือข้างหลัง เอิ๊กกก

มาววว

หลานหนิง

Choo said...

แค่อิจฉาเล็กๆ ตามที่บอกไว้แค่นั้นครับ ไม่ริษยาครับเดี๋ยวจะเหมือนละครน้ำเน่าเกินไป

แล้วคนที่ไม่รู้ว่าใตร ขอเดาว่าเป็นเพื่อนมัธยมของอูนั่นแหละ

หลานหนิงต้องตัดสินใจให้ดีนะครับ นอกจากข้างหน้าหรือข้างหลังอย่างที่หนิงว่าแล้ว ยังมีข้างบนหรือข้างล่างอีกที่ต้องเลือก เลือกแบบไหนบอกอาอูกับอานัยด้วยนะ.....มาววว..แล้วนอนซะนะ

ตอนใหม่ยังไม่มา เลยต้องอ่านตอนเดิม รู้สึกว่าอูจะมีเด็กในสังกัดเยอะจังนะ แค่ในหอพักเดี่ยวกันก็กินไม่หมดแล้ว.....น่าอิจฉาอีกแล้ว

ชู
ปล.นึกถึงเด็กวางระเบิด หายไปนาน ไอซีก็เงียบๆ นึกถึงกันบ้างเด้อ

Anonymous said...

กว่าจะตามอ่านจนทัน มึนเลยคับ ไม่ได้หายไปไหนน่ะคับ แค่วุ้นๆ

เข้ามาตามอ่านต่อไปว่า อะไรจะวุ่นวายต่อไป

^^sky^^

Anonymous said...

เสาร์นี้เริ่มเรียนพิเศษครับ T-T
สองวิชา
อาอูลิงดูในรูปนะครับ ถ้าคิดหนุ่มแว่นถือร่วมสีเทา ก็คือ
ผมเองล่ะ!!

ป.ล. หลานรุส กับอาอูแอบนัดกันไปเที่ยวมาสองวัน
(แบบไม่เจอ หน้าแต่ไปอยู่ในที่แคบๆเดียวกัน) ล่ะครับ
>w<

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ว้าว น้อง Arus คริคริ

พี่อูผู้ลึกลับยอมเผยโฉมแล้วเหยอ

All about Rose said...

มาทวงตอนใหม่นะเนี่ย, ,มาเยี่ยมทุกสองวันเลยนะเนี่ยรออ่าน
ฮิๆๆ
ไม่อยากจะคุยนะเนี่ยถ้าเนื้อเรื่องโดนใจ 800 กว่าหน้า
6 ชั่วโมงก็เคยแล้วค่ะ
ใช้เนตฟรี อ่านในคอมลำบากหน่อย แสงจ้า นอนด่านไม่ได้ หลุดบ่อย

Rose