Tuesday, August 25, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 16

เมื่อผมเดินมาใกล้ถึงหน้าบ้าน ผมก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว ในบ้านเปิดไฟสว่างผิดปกติ

เมื่อผมเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ผมก็เห็นว่าในบ้านมีรถจอดเพิ่มอีกคันหนึ่ง... รถของพ่อผมนั่นเอง!

ผมรู้สึกดีใจ เพราะว่าอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเผชิญการชำระโทษในครั้งนี้อย่างโดดเดี่ยว

เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็รู้สึกผิดคาด เพราะแทนที่จะเห็นแต่พ่อ กลับเห็นทั้งพ่อและแม่ พ่อและแม่มาด้วยกันและกำลังคุยกับคุณลุงและคุณป้าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดในห้องรับแขก

ผมรู้สึกใจหายเมื่อเห็นสีหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสี่ ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจหายไปจนหมดสิ้น... ความรู้สึกบอกผมว่าพ่อไม่ได้มาเพื่อช่วยผม แต่มาเพื่อร่วมชำระโทษผมมากกว่า!

ผมยืนละล้าละลังอยู่นอกตัวบ้าน ทำอะไรไม่ถูก จะเข้าไปก็กลัว จะหนีออกไปอีกก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

“อ้าว อู มาแล้วเหรอ เข้ามานี่เลย เรามีเรื่องต้องชำระกัน” พ่อพูดเสียงดังลอยออกมาจากในบ้าน

ผมรู้สึกหนาววูบ ใจแป้วทันที รู้สึกว่าตนเองโดดเดี่ยวเดียวดายขึ้นมา... ผมค่อยๆก้าวเดินเข้าไปในห้องรับแขก

“ยังจะยืนเฉยอีก ทำไมไม่ขอโทษคุณลุงคุณป้าล่ะ” เสียงพ่อดุจนเกือบเป็นเสียงตวาด น้อยครั้งนักที่จะเห็นพ่ออารมณ์เสียขนาดนี้ ส่วนแม่นั่งนิ่งเฉยแต่สีหน้าเคร่งเครียด ส่วนคุณลุงคุณป้านั้นไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าเคร่งขรึมผิดปกติ

วันนี้ผมคิดถึงเรื่องต่างๆตลอดทั้งวัน ผมคิดถึงเรื่องคุณป้าถ้ามองจากเรื่องไม่ยอมช่วยตาลก็ถือว่าใจร้าย ถ้ามองจากเรื่องที่ดูแลผมซึ่งไม่ใช่ญาติมาตลอดหลายปีก็ต้องถือว่าใจดี สรุปแล้วคุณป้าใจดีหรือใจร้ายกันแน่ หรือว่าคนเราจะใจดีและใจร้ายในคนคนเดียวกันได้ ผมพยายามคิดหาคำตอบแต่ก็คิดไม่ออก แต่อย่างน้อยที่สุด ที่ผมรู้แน่ๆก็คือไม่มีใครคิดว่าการกระทำของผมถูกต้องเลยสักคน

ผมเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าและกราบคุณป้าที่ตัก รู้สึกเสียใจที่พูดไม่ดีกับคุณป้า แต่ก็รู้สึกเสียใจที่คุณป้าไม่ยอมช่วยตาลเช่นกัน

“คุณป้าครับ อูขอโทษครับ” ผมพูดเบาๆ แล้วก็ก้มหน้านิ่งเงียบ พูดอะไรต่อไม่ออก ส่วนคุณป้าก็นิ่งเฉยไม่พูดอะไร บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอึดอัด

“มันน่านักไอ้ลูกคนนี้ ยิ่งโตยิ่งนิสัยใช้ไม่ได้” พ่อบ่น

“เอาน่า แล้วกันไปเถอะ ยังไงอูเค้าก็สำนึกแล้ว เธอก็ให้อภัยเด็กมันสักครั้งก็แล้วกัน” คุณลุงช่วยพูด ส่วนคุณป้ายังนั่งนิ่งเฉย ไม่แสดงกิริยาอาการใดๆ จนผมรู้สึกหวั่นใจอย่างไรชอบกล เพราะปกติคุณป้าไม่เคยนิ่งเงียบแบบนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าคุณป้านั่งน้ำตาไหลพราก

“คุณป้า คุณลุงครับ อูเสียใจ อูผิดเองครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ในใจรู้สึกเจ็บปวด ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมเจ็บปวดเนื่องจากอะไร

“เอ้า ไหนว่าสามคนพ่อแม่ลูกมีเรื่องจะคุยกันไม่ใช่หรือ ไปคุยกันก่อนเถอะ ตามสบาย เดี๋ยวจะดึกเกินไป” คุณลุงพูดขึ้นมา

“เฮ้อ” พ่อถอนใจ “งั้นเดี๋ยวขอเวลาไปชำระความเรื่องไอ้อูมันก่อน ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เอาเรื่องเดือดร้อนมาให้” คุณพ่อพูดด้วยด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ

- - -

พ่อขับรถพาแม่กับผมออกมาจากบ้านคุณลุง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะพาไปไหน ตอนนั้นรู้สึกกลัวมาก ไม่รู้ว่าพ่อจะเล่นงานผมอย่างไร จึงนั่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งๆที่อยากจะถามเหลือเกินว่าพ่อจะพาผมไปไหน

“ป๊า จะไปไหนดีล่ะ” แม่ถามพ่อ

“ไปเสริมมิตรละกัน ดีไหม” พ่อตอบ พลางย้อนถาม แม่พยักหน้าเห็นด้วย

เสริมมิตรที่ว่าคือภัตตาคารเสริมมิตร ต้นตำรับไก่อบภูเขาไฟอันลือลั่นในยุคนั้น ภัตตาคารนี้อยู่เยื้องๆไปรษณีย์ลาดพร้าว เมื่อก่อนตอนที่เอ๊ดยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ พ่อเคยพาพวกเรามากินอาหารที่นี่นานๆครั้ง โดยเฉพาะวันเสาร์มักจะมีการแสดงมายากลให้ลูกค้าชม ส่วนวันอื่นๆก็จะมีนักร้องมาร้องเพลงขับกล่อม หรือไม่ก็เป็นการเปิดแผ่นให้ลูกค้าฟัง

บรรยากาศขณะอยู่ในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด พ่อพยายามจะบ่นผมอยู่หลายครั้ง แต่แม่ห้ามเอาไว้ บอกว่ารอให้ถึงภัตตาคารก่อนค่อยคุยกัน เพราะเกรงจะทะเลาะกันในรถเสียก่อน

เมื่อเราไปถึงเสริมมิตร ภายในภัตตาคารเป็นห้องโถงใหญ่ จุโต๊ะอาหารได้หลายสิบโต๊ะ ด้านหน้าเป็นเวทีสำหรับการแสดงต่างๆ ในวันนั้นมีผู้มากินอาหารไม่มากนัก นั่งกระจัดกระจายกันไป พ่อพาเราไปเลือกโต๊ะที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน

หลังจากที่สั่งอาหารกับพนักงานเสร็จ พ่อก็เริ่มเล่นงานผมทันที

“อู นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้ทำตัวเนรคุณขนาดนี้” พ่อพรั่งพรูคำพูดออกมาหลังจากที่ข่มกลั้นเอาไว้ไม่พูดในรถ วันนี้พ่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ดูน่ากลัวมาก

คำก็เนรคุณ สองคำก็เนรคุณ พ่อถามผมว่ามันเรื่องอะไรกัน แต่จากคำพูดแสดงว่าพ่อสรุปเรื่องเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว

“ก็ป๊ารู้ว่าอูเนรคุณ แล้วยังมาถามอูอีกทำไมล่ะ” ผมย้อนด้วยความน้อยใจ

“เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้ ยังจะมาย้อนอีก” พ่อตวาดใส่ผมด้วยความโกรธ “เป็นเด็กไปขึ้นเสียงตวาดใส่ผู้ใหญ่ แทนที่จะสำนึกและขอโทษป้าเค้าตั้งแต่เมื่อตอนเช้า ยังวิ่งหนีออกจากบ้านไปเสียอีก มันน่านัก...”

“ป๊า ใจเย็นๆก่อนสิ ฟังอูเล่าก่อน” แม่พูดด้วยเสียงนุ่มนวล พยายามประนีประนอมอย่างที่สุด

“ยังจะเข้าข้างมันอีก เพราะแม่ให้ท้ายมันอย่างนี้แหละ ถึงได้เสียเด็ก” พ่อใส่อารมณ์อีก

“อ้าว เลยมาโทษแม่เลย” แม่อุทาน

สถานการณ์เริ่มวุ่นวาย พ่อกับแม่กลับมาเถียงกันเพราะเรื่องให้ท้ายผมแทน

“โอ๊ย ไม่อยากยุ่งแล้ว พูดไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” แม่ชักเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง

สุดท้ายก็ไม่มีใครฟังใคร ผมชักเริ่มหวั่นใจ ผู้ใหญ่สี่คนต้องมาทะเลาะกันเพราะผมเป็นต้นเหตุแท้ๆ และสถานการณ์ดูท่าจะบานปลายออกไป ผมนึกไม่ถึงเลยว่าตนเองจะก่อเรื่องวุ่นวายได้มากขนาดนี้

หลังจากที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ สถานการณ์ดูผ่อนคลายลงไปบ้าง ผมจึงมีโอกาสได้เล่าเรื่องของตาลให้พ่อกับแม่ฟัง

“โอย เรื่องหมาแค่นี้” พ่ออุทาน “อูทำมันบานปลายจนทุกคนต้องเดือดร้อนไปหมด”

“มันไม่ใช่หมาแค่นี้นะป๊า” ผมเถียง อยู่ต่อหน้าคุณลุงคุณป้าผมไม่ค่อยกล้าเถียงอะไรมาก แต่กับพ่อแม่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง “มันเป็นเพื่อนอู มันไม่มีใคร มีแต่อูคนเดียวที่มันไว้ใจ แต่อูก็ปล่อยให้มันตาย”

พูดจบผมก็อดคิดถึงไอ้นัยไม่ได้ ตาลไม่ได้เป็นเพียงหมาตัวหนึ่ง แต่มันเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงใจของผมไปถึงไอ้นัย

พ่อมองผมด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด อธิบายไม่ถูก

“นี่อูเพ้ออะไรออกมานี่ เสียสติไปแล้วหรือเปล่า” พ่ออุทานด้วยความตกใจ แม่เองก็มีสีหน้ากังวลใจ

เราสามคนคุยกันไป เถียงกันมา บางทีพ่อกับแม่ก็เถียงกันเอง จนชุลมุนวุ่นวายไปหมด

“อูอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะ” พ่อสรุป หลังจากที่เถียงกันอยู่เป็นนาน

“ป๊าว่าไงนะ” ผมงง ตั้งตัวไม่ติด

“อูทำตัวแบบนี้คงอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้วละ เห็นไหมว่าผู้ใหญ่ชอบพอกันก็มองหน้ากันไม่ติดเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของเรานี่แหละ ลูกคนนี้สร้างแต่ปัญหา ต้องเอามาอยู่ใกล้ๆตัวเสียแล้วล่ะ ป๊ากับแม่จะได้ดูแลได้” พ่อบ่นยาวเหยียด

“แล้วจะให้อูไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ผมถาม เริ่มรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของพ่อ

“ก็มาอยู่โรงเรียนมัธยมใกล้ๆบ้านเรานั่นแหละ เป็นนักเรียนไปกลับ อยู่ใกล้หูใกล้ตาจะได้ดูแลได้” พ่อโพล่งขึ้นมา

ผมตกใจจนพูดไม่ออก เด็กต่างจังหวัดทั่วไป ตอนเด็กก็เรียนในหมู่บ้าน พอโตขึ้นมาพ่อแม่ก็พยายามส่งให้ไปเรียนในตำบล จากนั้นก็ไปเรียนในตัวอำเภอ แล้วก็ในตัวจังหวัด ถ้ามีโอกาสก็จะส่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แต่นี่พ่อของผมมีลูกเรียนอยู่ในกรุงเทพฯแต่จะให้ย้ายไปเรียนในอำเภอ!


<เสริมมิตรที่ว่าคือภัตตาคารเสริมมิตร ต้นตำรับไก่อบภูเขาไฟอันลือลั่นในยุคนั้น ภัตตาคารนี้อยู่เยื้องๆไปรษณีย์ลาดพร้าว ไก่อบภูเขาไฟที่ว่าก็คือไก่ย่าง เวลานำมาเสิร์ฟจะนำเหล้ามาราดบนตัวไก่ จากนั้นจุดไฟใส่ตัวไก่ ไก่ก็จะติดไฟลุกพรึ่บต่อหน้าแขก ดูตื่นเต้นดี สักครู่ไฟก็จะดับไปเอง ในยุคนั้นบนถนนลาดพร้าวมีภัตตาคารที่มีชื่อเสียงอยู่สามแห่ง คือ ภัตตาคารเสริมมิตรที่มีจุดขายคือไก่อบภูเขาไฟ ภัตตาคารอภิชาติที่อยู่ใกล้ๆไปรษณีย์ลาดพร้าว จุดขายคือเครื่องบิน C-46 ที่เอามาทำเป็นห้องอาหาร และศิริชัยไก่ย่าง ซอยลาดพร้าว 40 แถวๆซอยภาวนานั่นเอง ซึ่งมีจุดขายคือไก่อบสมุนไพร ต่อมาเมื่อถึงยุคที่สวนอาหารบนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์เฟื่องฟู ภัตตาคารรุ่นเก่าเหล่านี้ก็เสื่อมความนิยมไป เสริมมิตรและอภิชาติตรงลาดพร้าวเลิกกิจการไป ส่วนศิริชัยไก่ย่างยังอยู่มาจนถึงปัจจุบัน>

24 comments:

ิBomber_Boy said...

มาเอาที่หนึ่งก่อน
เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
__________
Bomber_boy

Anonymous said...

ใช่จ้า ที่สองก็ยังดี
MC

Anonymous said...

ตอกบัตร

Anonymous said...

ตอกบัตร อีกที

thom

แฮะๆๆ ลืมลงชื่อ

Anonymous said...

ไรกานเนี่ยะมาช้าไปนิดเดียวเอง
ยังไงก็ขอที่สี่ เพราะว่าที่สามซ้ำสองครั้ง

IC

Anonymous said...

ช่ายครับในยุคนั้นภัตตาคารเสริมมิตรดังมาก
สำหรับเมนูไก่ย่างภูเขาไฟ

IC

naja said...

จำได้ครับตำนานไก่ย่างภูเขาไฟ ที่ภัตตาคารเสริมมิตร ตอนเด็กๆพ่อชอบพาไปกิน พาไปเดินพาต้า ดูคิงคองด้วย

แต่เรื่องคุณลุง คุณป้าหน่ะ ผมเข้าใจนะถึงแม้ว่าเค้าจะรักเรา แต่มันก็เป็นความรักที่มีเงื่อนไข ที่ตราบใดที่เรายังทำตัวดี ถูกใจเค้า เค้าก็ยังรักเรา

เค้าไม่ได้รักเราแบบพ่อแม่เรา ที่ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง ก็รักเรา

เหตุการณ์แบบนี้ผมเองก็เคยเจอมากับตัวเองครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

Anonymous said...

เฝ้าตั้งนาน เผลอหน่อยเดียวมาลงเลยอ่า

ที่เจ็ดก็ได้คับ

หุหุ แล้วจะเป็นไงต่อหว่าๆ
ู^^sky^^

dodo said...

อ่า ป๋ม เท่ 8 คร๊ๅฟ มาอ่านตอนดึกๆ ก่อน นอน

โดโด้ คร๊ๅฟฟฟ

yo408 said...

เสริมมิตรเคยไปทานงานเลี้ยงกับแม่ ช่วงใกล้ร่วงปิดกิจการของสาขาใกล้บ้าน ตอนนั้นยังเด็กน้อยไร้เดียงสา ชอบผ้าเย็นมาก มันหอมเย็นชื่นใจ เช็ดถูด้วยความเพลิดเพลินนาน2-3ชั่วโมง กลับมาคอแดงเถือกแสบร้อนแพ้แอลกอฮออล์ น้ำตาร่วงเลย นอนแทบไม่ได้ทั้งคืน

Anonymous said...

โอ้ ตอนนี้หลุดโผ

นายอูเจอเรื่องแย่มันทุกตอน

ไปทำบุญซะมั่งนะ

555+

ปล.ฟังเม้นท์ของแต่ละคนเรื่องเสริมมิตร

แล้วนึกถึงอายุของคนเม้นแหะๆๆ แอบแซว

ขอให้นายอูได้เจอกับนายวินัยในเร็ววันครับ

หลานหนิง

Anonymous said...

F๋เรา เข้าเร็วไปยี่สิบนาทีเสียนั่น T-T
มาอีกทีก็หลุดโผเลย

หลาน Arus ของอาอู

Choo said...

ถามอูนะครับ เรื่องระหว่างอูกับคุณป้า อูตั้งใจเขียนข้ามรายละเอียดบางอย่างไปใช่หรือไม่ ผมอ่านแล้วมันไม่ค่อยสมเหตุสมผล อูแค่มีปากเสียงว่า “….คุณป้าใจร้าย...” แล้วถูกตบปากก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ในอารมณ์ตอนนั้น แต่ถูกว่า “เนรคุณ” อีกในภายหลัง ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ร้ายแรงมาก เกินกว่าที่อูพูดมากเลย แต่ช่างเถอะ นิยายจะให้สมเหตุสมผลไปหมดก็ใช่ที่ เข้าใจฯ

ที่อูบอกว่าไม่มีชื่อในหนังสือรุ่นฯ ก็เพราะเหตุนี้เองหรือ น่าเศร้าจัง แค่เถียงผู้ใหญ่ไม่น่าจะต้องถึงขนาดต้องออกจากบ้านออกจาก รร. แต่ไม่เป็นไรครับ โดยส่วนใหญ่ศิษย์เก่า รร.ซอยข้างไนติ้งเกล สอบเทียบจบวุฒิ ม.ปลาย จาก กนศ. (การศึกษานอกโรงเรียน) มากกว่าครึ่งอยู่แล้ว ช้างเผือกต้องเจอในป่า ไม่ใช่ในเมือง กลับไปอยู่บ้านอยู่กับธรรมชาติก็ดีนะครับ จะได้เป็นคนจิตใจดี 555

ว่าแต่ตอนนี้งานอูยังวุ่นๆ วายๆ อยู่หรือเปล่า ตอบ E-mail แฟนคลับที่ขอพ่อหมออูดูดวงหมดหรือน้อยลงบ้างหรือยัง ดูแลสุขภาพด้วย

เป็นกำลังใจครับ

ชู

Anonymous said...

ไม่รุคุณลุงคุณป้าเค้าจะอะไรกันนักกันหนา ผมเองไม่ค่อยชอบนักหรอกคับ ผู้ใหญ่เจ้าระเบียบแบบนั้นขืนยุด้วยผมยุด้วยไม่ไหวแน่ ถ้าผมเปนอาอูผมไปขอเพื่อนยุแล้วล่ะ ถ้าผุ้ปกครองไม่ใช่พ่อแม่เราน่ะนะคับ ไม่รุจะอะไรมากมายแค่โวยนิดหน่อยก้ตบละ อะไรกันนักกันหนา อาอูหนีไปเลยค้าบบบบ

ผมว่าพี่ ISEE คิดถึงบ้านแน่เลย พี่ไปเรียนปรินยาเอกนี่ต้องยุยาวใช่ไหมคับ ถ้าจะหลายปีเนาะ ไม่รุจะเปนยังไงแต่ผมว่าพี่โชคดีนะคับ ได้ความรู้ดีๆ ได้ประสบการณ์ชีวิตดีๆ ยังไงก้สู้ๆนะคับ

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

(^_^)ที่1555+ จริงอย่างที่ลุงชูว่ารึป่าวครับลุงอู ผมนะอยู่แค่งานปัจฉิมเองนะครับไม่มีโอกาสอยู่กับเพื่อนๆ อยากฟังลุงอูเล่าถึงานจากเหย้ากับลุงนัยนี่ก็แห้วไปแล้วนี่ลุงอูจะต้องออกจริงหรือครับแล้วน้องบอยกับมอนก็แห้วไปด้วยซิเซ็งเลย
ผมอยากกินไก่ย่าง5ดาวซะแล้วมีตั้งหลาแบบนะครับ โอ้ย ผมฟังเพลงลุงชูแล้วขอบคุณนะครับนักร้องแต่งตัวแปลกดี ผมว่าข้างบนมันแบนๆนะลุงนะวามั้ย

Anonymous said...

อันที่จริงเรื่องคุณลุงคุณป้านั้นก็ต้องเท้าความไปอีกหน่อยว่าทั้งสองคนโปรดเอ๊ดมากกว่าครับ พอเอ๊ดไม่อยู่ ก็อย่างที่เคยบอก ว่าผมทำอะไรหลายๆอย่างก็ไม่เป็นที่ถูกใจเท่ากับที่เอ๊ดเคยอยู่และเคยทำให้ ก็เลยทำให้เกิดการเปรียบเทียบ คุณป้าเป็นคนเนี้ยบครับ เรื่องความสะอาด เรื่องระเบียบพวกนี้ ตั้งแต่เอ๊ดไม่อยู่งานบ้านก็ไม่เรียบร้อยเหมือนเก่า แต่ก็ไม่อยากเล่าในเรื่องมาก เพราะเท่ากับว่าผมกล่าวโทษคุณลุงคุณป้าให้ผู้อ่านทราบโดยที่ทั้งสองไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ไม่ยุติธรรมครับ เลยเล่ากลางๆก็พอ

ส่วนเรื่องวันนั้น ก็พูดแค่นั้นแหละครับ ว่าคุณป้าใจร้าย แต่ว่าเป็นเสมือนการตะคอกใส่หน้า อะไรๆที่สะสมมาก็เลยถึงจุด

ส่วนที่ว่าเนรคุณนั้นผมว่าเป็นคำด่าเรื่อยเปื่อยของผู้ใหญ่ยุคนั้นมากกว่า ไม่ได้มีพฤติการณ์ร้ายแรงขนาดนั้นก็โดนว่าได้ แต่พ่อผมที่จะเอาผมย้ายกลับบ้านมาสาเหตุอื่นอีกครับ เรื่องนี้เป็นแค่ฟางเส้นสุดท้ายมากกว่า พ่อใช้เป็นข้ออ้าง ตอนหน้าจะทราบ

ช่วงสองตอนที่ผ่านมาผมรีบมาก เนื่องจากสัปดาห์นี้มีประชุมและสัมมนาตลอด งานเร่ง และกลัวว่าตลอดสัปดาห์นี้อาจไม่ได้โพสต์อีก ก็เลยรีบ รายละเอียดอาจตกหล่นไปบ้างไม่เรียบร้อยนัก แต่เรื่องใหญ่ใจความก็เป็นตามนั้นไม่ตกหล่นครับ

ตอบนัย คุณลุงคุณป้าตอนนี้เป็นอย่างไร อีกหน่อยก็จะมีกล่าวถึงอีก แต่คงอีกนาน ขอเอาไว้รู้พร้อมๆกันกับอูก็แล้วกันครับ อย่าหาว่าไม่ยอมบอกเลย เกรงใจคุณจัง

ตอบพี่ชู เรื่องดูดวงก็เรื่อยๆครับ ตอบตามแต่เวลาอำนวย ถ้าถามเรื่องการเงิน ความรัก อะไรแบบนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าถามเรื่องการเลือกเรียน การเลือกอาชีพ จะใช้เวลามากครับ มากกว่ากันหลายเท่าเลย

อู

nai said...

ผมวงเล็บบอกไปแล้วว่าไม่ต้องตอบก็ได้ ขอบคุณครับที่ตอบมา รอได้ครับ ผมก็จะเข้าอ่านเรื่องของอู และ Comment ต่างๆ ในเวลาประมาณนี้ ก่อนจะทำงานต่างๆในคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เหมือนเป็นกิจวัตรเลยนะที่ต้องเปิดเข้ามาอ่านสักหน่อย

ตอบพี่ชู เรียกนัย เฉยๆ ดีกว่าครับ ผมยกให้พี่ชูเป็นพีใหญ่ คิดว่า อู น้องๆ หลานๆ น่าจะเห็นด้วย

ไม่อยากเอยถึงเรื่องอายุเท่าไร แต่ผมชอบตอนที่ อู เขียนถึงตอน กบฎ 9 กันยา ในตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ผมน่าจะเรียนอยู่ประมาณ ม.2 หรือ ม.3 ครับ

ชอบอะไรในตอนนี้ สังเกตว่า อู จะไม่ค่อยเขียนถึงอารมย์หรืออาการน่ารักๆของตัวเองสักเท่าไร แต่ในตอนมีตอนที่ อู อ้อนคุณป้า แล้ว คุณป้าแซวยังไม่เข้าใจ และนัยในเรื่องยังเก็ตก่อนอีก และตอนนี้ ทั้งสองคนห่วงใยกันดีครับ

nai

ปล.เห็นพี่ชูส่งเพลงมาให้ฟังบ่อย ๆ ผมอยากฟังเพลงเติมน้ำมัน ของ ไมโคร ไม่ได้ฟังมานานแล้ว ชอบมาก

Choo said...

ก่อนนอนมาเปิด Blog ดีใจครับ ได้เจอหลานทะเล ส่วนหลานที่หนึ่งบอกว่าข้างบนแบนๆ พี่เค้าก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ ตามที่เห็นเลย จริงๆ พี่เค้าก็เป็นคนมีเสน่ย์นะครับ ตอนนี้เป็น DJ

โดยเฉพาะดีใจที่มาเจอ อู กับ นัย Post พร้อมๆ กัน ถามหน่อยดิ post มาจากที่เดียวกันหรือเปล่าอ๊ะ555+ หุหุ ตอนกบฏ 9 กันยา ปี 2528 โดย พันเอกมนูญ รูปขจร ผมเรียนอยู่ ม.5 ครับ เป็นพี่จริงๆ ด้วย ทันทั้ง ภัคตาคารเสริมมิตร ไก่ย่างศิริชัย รวมถึง เรือนเพชรสุกี้ อ้อ มีคนรุ่นเดียวกันใน Blog มากมาย ดูเม้นที่ 1-10 ยกเว้น โดโด้ คนเดียว นอกนั้นรุ่นพิเศษนิยมทั้งนั้นเลย 555

ยินดีที่ได้รู้จักครับ “นัย” เอ้อมันซ้ำกับ นัยในเรื่องฯ ของอูอ่ะ ขออนุญาตเรียกว่า “นัยไหน” ละกัน เพราะทำให้ดูน่าติดตามว่า นัยมาจากไหน ใคร อย่างไร ที่ไหน ใช่ไหม ทำไม เมื่อไร......งง งง

คืนนี้อยู่ดึกเพราะตั้งใจรอ mail จากหลานของอาอูคนหนึ่งที่รับฝากไว้ ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นแต่งนิยายเรื่อง “รักวุ่นวาย วงดนตรีชายล้วน” ใช้เวลาแค่ 10 วัน ลงไปได้ 23 ตอนแล้ว หลานคนนี้ไม่หลับไม่นอนเลย ผมว่าอาอูช่วยเตือนอีกแรงก็ดีนะครับ กลัวจะป่วยไปเสียก่อน ใกล้สอบแล้วด้วย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ น้องๆ หลานๆ ลองแวะไปอ่านดูเป็นกำลังใจให้เสียหน่อย ก็ดีนะครับ ผมว่าแต่งก็ ok น่าติดตามดี แต่อ่านแล้วเหนื่อยครับ อ่านตามคนเขียนไม่ทันนะ 555

ว่าแต่ นัยไหน อยากฟังเพลง “เติมน้ำมัน” ของไมโคร ออกปี 2534 จึงหามาฝากครับ

http://www.youtube.com/watch?v=uHj6W9A9SI4

แล้วแถมด้วยเพลง “ขอบคุณที่ยังรักกัน” ของหลวงไก่ ออกปี 2551 มีความหมายดีมาฝากอีกเพลง

http://www.youtube.com/watch?v=y2YYT4t6DFE

มีความสุขกันทุกคนนะครับ

ชู

Anonymous said...

พี่ชูรุ่นเดอะกว่าผมอีกนะเนี่ยะ
อิอิอิ เห็นพี่อูทำงาน พี่ชูทำงาน
ผมก็อยากทำงานบ้าง แ่ต่ไม่รู้่ว่ากลบไปจะทำอะไรกิน
เพราะว่าทุนที่ผมได้มาเรียนเนี่ยะ ไม่ได้ต้องชดใช้ครับ
เลยไม่รู้ว่าจะไปทำอาชีพอะไรดี จริงๆแล้วอยากลองเป็น พนักงานร้านไอศกรีมซเว่นเซ่น หรือไม่ก็พวกแมคโดนัลดู
กะว่าจะแอบไปสมัครเล่นๆ

I SEE U not ICU

Anonymous said...

วัยและวันเวลาที่เปลี่ยน ความทรงจำเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยน เก็บความทรงจำไว้เป็นพลัง และบันทึกความทรงจำที่ดีๆในวันปัจจุบันกันไว้นะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคน

Pink Blood

Anonymous said...

(^_^)ที่1 อรุณสว้สดิ์ค้าบลุงอู กินโจ๊กใส่ไข่เยี่ยวม้ามาด้วย ยังไม่ตื่นละซิครับวันนี้จะไปรร.แล้วก็จะไปเหล่ชุดแมนยูตัวใหม่ที่ข้างสนามกีฬาซะหน่อยหุหุ

Anonymous said...

ลุงตื่นแต่เช้า วันนี้มีสัมมนาที่ต้องเข้าร่วม สัปดาห์นี้ไม่มีวันหยุดเลย ต้องคอยปลุก arus ด้วย เดี๋ยวจะไปเรียนพิเศษไม่ทันอีก

IZ เป็นไงบ้าง สงสัยช่วงนี้จะเซ็งหนัก ควรระวังสุขภาพเอาไว้ด้วยครับ คนเราที่กลุ้มใจส่นใหญ่ก็มีปัญหาแค่ ๔ อย่าง การงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ แต่สุขภาพนี่ต้องสูงวัยหน่อยถึงจะเริ่มห่วงกัน ถ้ายังหนุ่มสาวก็ยังไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้เท่าไรนัก

แต่ถึงจะไม่ขาดทั้งสี่เรื่อง ก็ยังมีบางวันที่เรารู้สึกเคว้งคว้างได้เหมือนกัน ชีวิตก็เป็นแบบนี้เองครับ ของ IZ อีกหน่อยก็ผ่านไปได้ ตอนนี้แค่ต้องอดทนไปก่อน

ขอบคุณสำหรับเพลงและคลิปของทุกคนครับ

อู

Anonymous said...

พอดีผมกลับไปอ่านตอนเก่าๆ เม้นเก่าๆดู เหนเม้นสุดท้ายของตอนที่ 14 ไม่รุใช่ของพี่ IZ ป่าว ขอบคุณที่แก้ให้ครับ เพราะผมไม่แน่ใจว่าสะกดถูกป่าว แต่เรื่องชื่อไทยตอนที่ผมดูในแผ่นมันเขียนว่า "สมาคมแม่บ้าน หัวใจเปลี่ยว" 555 ชื่อโคตรชวนเจ๊งเลย แต่พอดูแล้วสนุกนะครับ ผมชอบมากๆ นิยายพี่หนิงก้อ่านไปนิดหน่อยเอง ช่วงนี้ยุ้งยุ่ง

Sea~~!!

Anonymous said...

มาเม้นต์แล้วคร้าบบ..
หายไปนานไม่ได้มาดู
ช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสมัครสอบเข้า ม.4 ครับ
มาดูอีกที..
ตอนที่ 16 แล้วเหรอเนี่ย เร็วจริงๆ
แต่เวลาคอยแบบตอนต่อตอนนี่นานชะมัด
ไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกันไปถึงไหนแล้ว
ยังไงก็ขอแจมๆ หน่อยและกันครับ
แหะ แหะ ^_^

^S-U-N^