Tuesday, August 4, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 11

เมื่อกี้หยุดพักไปหน่อย คิดว่ายังมีเรื่องบอกมึงอีก แต่ก็คิดไม่ออก เลยแอบไปเล่นกีตาร์มาพักหนึ่ง เล่นเพลงอะไรรู้ไหม เพลง Just When I Needed You Most ของ Randy VanWarmer

กูซื้อเสื้อยืดเอาไว้สองตัว ตัวหนึ่ง คิดจะให้พี่เต้ อีกตัวจะให้มึง กูไม่เคยให้ของขวัญมึงสักอย่าง ชิ้นนี้จะเป็นชิ้นแรก แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ให้ใครเลย ตัวของพี่เต้กูทิ้งไว้ที่เมืองไทย ส่วนของมึงกูเอามาใส่ด้วย ถึงกูจะไม่ได้ให้มึง แต่อย่างน้อยกูก็เคยตั้งใจจะให้ เวลาใส่แล้วพยายามคิดว่าเหมือนมีมึงอยู่ใกล้ๆ จะได้มีกำลังใจไง

ย่อหน้านี้กูคิดอยู่นานว่าจะเขียนดีหรือไม่ บอกมึงไปก็แล้วกัน คือ เรื่องเหี้ยๆที่กูไปทำไว้น่ะ กูคิดจะทำเพื่อความสะใจ แต่แล้วก็นึกถึงมึงทุกครั้ง สุดท้ายก็เลยแค่ใช้มือ ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ช่วงหลังกูต้องหลบไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายอื่น ไม่กล้าขึ้นป้ายเดียวกับมึง เพราะว่ากูไม่กล้าสู้หน้ามึง กูสะใจที่ได้ทำ แต่ก็เสียใจที่ได้ทำลงไป ไม่รู้ว่ามึงจะเชื่อเด็กเลวขี้โกหกหรือเปล่า แต่ขอให้มึงเชื่อกูสักครั้งนะอู

ก่อนจบขอเล่นกีตาร์ให้มึงฟังอีกเพลง ชื่อเพลง Aloha Oe เป็นเพลงที่ชาวฮาวายรู้จักกันดี แต่งโดยราชีนีองค์สุดท้ายของชนเผ่าพื้นเมืองในฮาวายโดยมีแรงบันดาลใจบางอย่าง หวังว่าเวลาเปิดจดหมายมึงคงได้ยินเสียงเพลงที่กูเล่นให้มึงฟังลอดออกมาจากซองบ้าง

อู กูเขียนต่อไม่ไหวแล้ว มันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกแล้ว ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจมึง ขอโทษที่กูทำตัวเหี้ย ทำให้มึงต้องผิดหวังและเสียใจ และขอโทษที่กูรักษาสัญญาดูแลมึงไม่ได้ ต่อไปมึงต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ อย่าใจร้อน จะได้ไม่มีเรื่องกับใคร

คิดถึงมึงนะอู ดูแลตัวเองดีๆ
นัย


- - -

ผมอ่านจดหมายของไอ้นัยจนจบด้วยสมองที่ว่างเปล่า หัวใจที่ด้านชา และด้วยความรู้สึกที่เคว้งคว้าง ผมคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ตอนเด็กๆผมเคยขี่จักรยานแล้วล้มอย่างแรง หัวและลำตัวกระแทกกับพื้นดินที่ข้างทาง ส่วนหัวเข่าครูดไปกับพื้นซีเมนต์ ตอนนั้นผมมึนงงไปชั่วขณะ เมื่อดูที่หัวเข่าเห็นเป็นแผลใหญ่ มีเลือดออก แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย จากนั้นเมื่อสติกลับมาอยู่กับตัว ผมจึงรู้สึกปวดแผล ตอนนี้ก็เช่นกัน ความรู้สึกช็อกทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร เพียงแค่รู้สึกมึนงงเท่านั้น

“เอ้า นักเรียน ได้เวลาไปเข้าห้องเรียนแล้วจ้ะ” เสียงบรรณารักษ์เรียกผม

ผมตื่นจากภวังค์ เห็นในห้องสมุดไม่มีนักเรียนอยู่เลย อาจารย์บรรณารักษ์มายืนเรียกผม ออดเข้าเรียนดังตั้งแต่เมื่อไรผมไม่ได้ยินเลย

ผมรีบออกมาจากห้องสมุดด้วยความคิดอันสับสน ตอนนั้นคิดออกอยู่อย่างเดียวก็คือต้องรีบตอบจดหมายไอ้นัยไปโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มันรู้ว่าผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดมันเลยแม้แต่น้อย

ในตอนนั้นระบบไปรษณีย์ยังไม่ทั่วถึงเหมือนในปัจจุบันที่มีไปรษณีย์ย่อยและไปรษณีย์เอกชนอยู่ทั่วไป การส่งจดหมายไปต่างประเทศต้องไปชั่งน้ำหนักและติดแสตมป์ที่ที่ทำการไปรษณีย์ หรือถ้าต้องการส่งเป็นแอโรแกรมที่ส่งได้ตามตู้จดหมายทั่วไปก็ต้องไปซื้อแอโรแกรมจากที่ทำการไปรษณีย์อยู่ดี ผมไม่เคยเห็นที่ทำการไปรษณีย์ในละแวกโรงเรียนเลย ที่นึกออกก็มีแต่ไปรษณีย์วัดเลียบตรงปากคลองตลาด ปณ.สามเสนในตรงสะพานควายที่ผมนั่งรถผ่านทุกวัน กับอีกที่หนึ่งก็คือปณ.ลาดพร้าวที่ผมต้องผ่านตอนไปบ้านไอ้นัย

รีบไปที่ ปณ.สามเสนในดีกว่า ผมคิดในใจ เพราะ ปณ.วัดเลียบคนเยอะ คิวยาวมาก และยังมีโอกาสเจออาจารย์ที่นั่นอีกด้วย ถ้าโดดเรียนได้รีบไปให้ไกลๆดีกว่า

ตอนนั้นเพิ่งบ่ายโมงกว่า อีกตั้งนานกว่าจะเลิกเรียน แต่ผมคงรอไม่ไหว ทำไงดี...

หนีโรงเรียน! ผมคิด แต่ว่าอยู่ดีๆจะเดินออกจากโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้แน่

ผมรีบไปที่ห้องพยาบาลทันที

“ว่าไงจ๊ะ” พยาบาลในวัยปลายสามสิบ ในชุดสีน้ำเงินอ่อน แต่ยังดูสาวและสวย ท่าทางใจดี กล่าวทักทายเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปในห้องพยาบาล

“ผมไม่ค่อยสบาย อยากขอลากลับบ้านครับ” ผมตอบอ้อมแอ้ม

“อาการเป็นยังไงบ้างล่ะตอนนี้” พยาบาลยิ้มและคุยอย่างเป็นกันเอง

“ปวดศีรษะครับ...” ผมแจ้งอาการที่เพิ่งคิดออกอย่างกะทันหัน ตอนแรกคิดจะบอกปวดท้อง แต่เปลี่ยนใจเอาเป็นปวดหัวดีกว่า

หนทางหนึ่งที่จะออกจากโรงเรียนได้ก็คือการลาป่วย ถ้าอาจารย์ประจำชั้นหรือพยาบาลที่ห้องพยาบาลเซ็นใบอนุญาตให้ก็สามารถกลับบ้านได้ ผมยังไม่อยากโกหกอาจารย์วารี ขอเลือกโกหกพยาบาลดีกว่า

“เหรอจ๊ะ เดี๋ยวขอวัดไข้ดูก่อนนะ” พยาบาลพูดพลางเอาปรอทมาจิ้มใส่ปากผม

“ไม่มีไข้เลย” พยาบาลอ่านปรอท จากนั้นสะบัดปรอทสองสามครั้ง “อะ ไหนลองอีกที เพื่อความแน่ใจ”

หลังจากการวัดไข้ครั้งที่สอง ปรอทก็ไม่ขึ้นสูงเช่นเคย

“ไม่มีไข้เลยนะ” พยาบาลสาวพูด สีหน้ายิ้มๆ

“แต่ผม...เอ้อ ปวดศีรษะจริงๆครับ อยากขอกลับบ้านครับ” ผมก้มหน้าตอบ

“เอายังงี้ เอ้อ... นักเรียนชื่ออะไรจ๊ะ” พยาบาลถาม

“อูครับ” ผมตอบ

“ยังงั้นอูทานยาแก้ปวดหัวแล้วนอนพักสักครู่ก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ทานอาหารมาแล้วใช่ไหม” พยาบาลพูดด้วยท่าทางใจดี แต่ก็เหมือนแอบยิ้ม “มีนักเรียนเยอะแยะที่อยากหนีออกไปเที่ยวข้างนอกโดยอาศัยใบลาป่วย ถ้าอูไม่สบายละก็นอนพักที่นี่สักครู่ก่อนดีกว่า”

ซวยล่ะสิ สงสัยว่าพยาบาลจะรู้ทันแล้วดัดหลังผมโดยให้นอนในห้องพยาบาลแทน

“เอ้อ ก็ดีครับ” ผมถอนใจ ตอบด้วยความจนปัญญา นอนก็ดีเหมือนกัน กลับเข้าห้องเรียนก็คงเรียนอะไรไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวอาจารย์เกิดถามในห้องแล้วตอบไม่ได้จะโดนประจานเสียเปล่าๆ

ตอนนั้นผมรู้สึกท้อแท้และหมดอาลัยตายอยาก แม้แต่อุปสรรคเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ผมสะดุดหกล้มจนลุกไม่ขึ้นได้อย่างง่ายดาย

ผมทานยา จากนั้นถอดรองเท้า ก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงพยาบาล พยายามหลับตาแต่ก็หลับไม่ลง จึงนอนลืมตาโพลงมองพัดลมที่ส่ายไปมาบนเพดาน

ผมเอามือเอื้อมไปจับจดหมายทั้งสามฉบับที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ จดหมายที่อยู่ในซองทั้งหนาและหนัก มันได้ถ่ายทอดความทุกข์ของไอ้นัยให้ผมได้รับรู้ แต่ผมเชื่อว่านั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของความทุกข์ที่ไอ้นัยได้รับ เพราะว่ามันเป็นเด็กที่เข้มแข็ง ไม่ยอมปริปากบ่นอะไรง่ายๆ อะไรที่มันบ่นออกมาแสดงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงต้องหนักหนากว่านั้นมากนัก

ผมเอามือขวาจับจดหมายในกระเป๋าเสื้ออยู่อย่างนั้น เหมือนกับจะพยายามรับรู้ความทุกข์ยากของไอ้นัยที่ถ่ายทอดมากับจดหมาย พลางนึกทบทวนถึงข้อความที่อยู่ข้างใน

ปกติไอ้นัยเป็นเด็กที่เก็บความรู้สึกเก่ง แต่ในจดหมายฉบับนี้ไอ้นัยได้แสดงความรู้สึกเกี่ยวกับผมออกมาอย่างชัดแจ้ง มันมีความรู้สึกที่ดีกับผมมาตลอด และคิดว่าผมเป็นคนที่สำคัญที่สุดของมัน ผมหวนนึกถึงอดีตที่เราเคยผ่านวันเวลาร่วมกันมา จำได้ว่าตอน ม.๑ แม้มันจะรู้ว่าเพื่อนๆของผมเฝ้ามองมันว่าเป็นคู่เกย์กับผม แต่มันก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนและกินข้าวกลางวันกับผมโดยไม่แคร์สายตาของใคร จนผมต้องเป็นคนบอกมันเองว่าต่อไปแยกกันกินอาหารเที่ยงบ้างก็ได้ ไอ้นัยจึงได้ไปกินกับเพื่อนๆของมัน

ผมนึกถึงตอนที่เรากินน้ำจากแก้วเดียวกัน กัดโดนัทอันเดียวกัน ภาพที่ไอ้นัยมายืนตีหน้าตายรอขึ้นรถเมล์กับผมด้วยกันทุกเช้า มันบ่งบอกชัดอยู่แล้วว่ามันให้ความสนิทสนมและความสำคัญแก่ผมมากกว่าเพื่อนคนอื่นเพียงใด... ในวันที่มันต้องเสียน้ำตาเพราะผมตะคอกมัน ถ้าไม่ใช่เพราะมันแคร์ผมอย่างที่สุดแล้วมันจะร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร... แต่ผมก็ไม่เคยตระหนัก เอาแต่คิดน้อยใจและจับผิดมัน

เมื่อความชาด้านในหัวใจของผมค่อยๆคลายตัวลง ความเจ็บปวดก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาแทนที่ มันเจ็บปวดอยู่ลึกๆ น้ำตาร่วงเป็นสายออกทางหางตาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ในที่สุดผมก็ได้รู้ความจริงว่าคนที่ผลักไสให้ไอ้นัยไปตกนรกนั้นก็คือผมนั่นเอง... ในวันที่มันต้องการผมอย่างที่สุด ผมกลับทอดทิ้งมันไปอย่างไม่ไยดี ในขณะที่มันกำลังจะจมน้ำและยื่นมือมาขอความช่วยเหลือ ผมกลับเอาแต่โกรธเคืองมันและหาเรื่องทะเลาะกับมัน และดูมันจมน้ำลงไปกับตา ผมรู้สึกว่าตนเองช่างอำมหิตจริงๆ

‘กูดีใจที่ได้เล่นเพลง A Lover’s Concerto ให้มึงฟังนะอู’ ประโยคในจดหมายล่องลอยเข้ามาในความคิดของผม มันทำให้ผมหวนนึกถึงเนื้อเพลงของบทเพลงนี้

Now, I belong to you
From this day until forever,
Just love me tenderly
And I'll give to you every part of me.

Oh, don't ever make me cry
Through long lonely nights without love.
Be always true to me,
Keep this day in your heart eternally.

ไอ้นัยได้บอกผมอย่างชัดแจ้งในเนื้อเพลงแล้วว่ามันเป็นของผมตลอดไป ขอให้ผมรักมัน และอย่าทำให้มันต้องเสียน้ำตา…

ผมเพิ่งเข้าใจเดี่ยวนี้เองว่าไอ้นัยได้บอกรักผมมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่มันเล่นบทเพลงนี้ให้ผมฟังนั่นเอง เมื่อผมคิดจะมอบบทเพลงรักให้แก่มันได้ แล้วทำไมมันจะคิดเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน มันคิดและทำก่อนหน้าที่ผมจะได้คิดเสียอีก และเมื่อมันถามผมว่าเข้าใจเพลงนี้ไหม ผมกลับเข้าใจผิดคิดว่ามันลองภูมิภาษาอังกฤษของผม

ผมเพิ่งตระหนักในตอนนี้เองว่าไอ้นัยไม่ได้ผิด คนที่ผิดและเลวก็คือผมนั่นเอง สิ่งที่มันร้องขอนั้นผมไม่ได้ให้มันเลยสักอย่าง ผมฆ่าเพื่อนสนิทที่เรียกร้องหาความรักจากผมได้อย่างเลือดเย็นที่สุดด้วยการเย็นชาต่อมันและทอดทิ้งมันไป...

“อู เป็นอะไรน่ะ” พยาบาลเดินมายืนข้างเตียง มองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วงเมื่อเห็นหยาดน้ำตาไหลเป็นทางออกจากหางตาของผม ผมจมอยู่ในภวังค์ ไม่รับรู้เวลาที่ผ่านไป ไม่รู้เหมือนกันว่านอนอยู่บนเตียงนี้นานเท่าไรแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางปาดน้ำตาออกไป

พยาบาลผู้มีใจอารีมองหน้าผมด้วยสีหน้าเห็นใจ “อูมีอะไรอยากจะระบายไหมจ๊ะ เล่าออกมาได้นะ”

ผมส่ายหน้า “ไม่มีครับ ให้ผมกลับบ้านได้ไหมครับ” ประโยคหลังผมรู้สึกว่าเสียงของตนเองเปลี่ยนเป็นสั่นเครือ

คราวนี้เธอพยักหน้า

“ถ้านักเรียนไม่สบายและไม่พร้อมที่จะเรียน ปกติครูก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ การที่มีเรื่องไม่สบายใจก็ถือว่าไม่สบายได้เหมือนกัน กายไม่สบายก็ต้องพัก จิตใจไม่สบายก็ต้องพักเหมือนกัน ครูจะเซ็นใบให้นะอู แต่ครูอยากให้อูรีบกลับบ้าน อย่าไปไถลที่ไหน เพราะถ้าสารวัตรนักเรียนจับได้ ครูจะต้องรับผิดชอบ” ประโยคสุดท้ายเป็นเหมือนการกำชับผม

ผมรับคำ พลางยกมือไหว้ “ขอบคุณครับอาจารย์”

หลังจากที่ผมได้รับใบอนุญาตให้ออกนอกโรงเรียน ผมก็อาศัยช่วงเวลาเปลี่ยนคาบซึ่งไม่มีอาจารย์อยู่ในห้องเข้าไปเก็บข้าวของ เพื่อนๆรุมถามว่าผมจะไปไหน ผมได้แต่บอกว่าไม่สบาย ขอกลับบ้านไปก่อน

“เนี่ยนะไม่สบาย ท่าทางลุกลี้ลุกลน ไอ้เหี้ยอูต้องวางแผนโดดเรียนแน่ๆเลย” ไอ้กี้พูดเสียงลั่นห้องพลางหัวเราะ “มึงจะโดดเรียนไปไหนวะ”

“เปล่าโว้ย ไม่สบายจริงๆ” ผมยังปากแข็ง เมื่อเก็บของใส่เป้เสร็จผมก็รีบเดินออกมาทันที ขืนอยู่ช้า หากอาจารย์คาบถัดไปเข้ามา ผมคงถูกอาจารย์ซักเป็นแน่

- - -

เมื่อผมออกจากโรงเรียนก็รีบเดินไปขึ้นรถเมล์สาย ๘ เพื่อไปสะพานควาย ระหว่างทางผมรู้สึกหดหู่อยู่ตลอดเวลา นึกภาพไอ้นัยไม่ออกเลยว่ามันจะไปตกระกำลำบากเพียงใด สภาพจิตใจของมันจะบอบช้ำเพียงไหน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือของผมทั้งสิ้น

ผมหวนนึกทบทวนข้อความในจดหมาย และนึกถึงเพลง A Lover’s Concerto เมื่อไอ้นัยใช้บทเพลงนี้สื่อสารถึงผม มันอาจต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่างถึงผมในบทเพลงอื่นๆด้วยก็ได้ เพราะสังเกตว่าในจดหมายทั้งสามฉบับล้วนแต่มีกล่าวถึงบทเพลงทั้งสิ้น

ผมลงรถเมล์ที่ป้ายหน้าวัดไผ่ตัน จากนั้นเดินอีกเล็กน้อยก็ถึงไปรษณีย์สามเสนใน ผมไปซื้อจดหมายอากาศทีเดียว ๕ ฉบับ เพราะจะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อยๆ จากนั้นก็ลงมือเขียนจดหมายฉบับแรกถึงไอ้นัยทันที

นัย

กูเพิ่งได้รับจดหมายของมึงทั้งสามฉบับ มันไปดองอยู่ที่ห้องธุรการของโรงเรียนตั้งปีโดยที่กูไม่รู้ เพิ่งจะได้อ่านจดหมายของมึงวันนี้นี่เอง

นัย กูไม่ได้โกรธมึงเลย มึงต่างหากที่ควรจะต้องโกรธกู ถ้ามึงได้อ่านจดหมายฉบับนี้ รีบตอบกูมาด่วนเลยนะ กูยังมีเรื่องจะคุยกับมึงอีกเยอะ

อยู่ที่โน่นรักษาตัวให้ดีนะนัย เรื่องปลูกบ้านกูยังไม่เปลี่ยนใจ ขอย้ำว่ากูยังไม่เปลี่ยนใจ

รักเสมอ
อู


ผมรีบเขียนจดหมายแต่เพียงสั้นๆ สาเหตุก็เพราะต้องการจะรีบส่งไปโดยเร็วที่สุดฉบับหนึ่งก่อน อีกประการ ผมต้องการให้แน่ใจด้วยว่าจดหมายจะถึงมือไอ้นัย ผมจึงจะเขียนเรื่องที่เป็นความลับของเราสองคนลงไป เพราะถ้าจดหมายส่งไม่ถึงและถูกส่งกลับคืนมา มันจะต้องไปติดที่ห้องธุรการอีก และถ้าใครหยิบไปอ่านเข้าอาจเป็นเรื่องอื้อฉาวได้

“พี่ครับ จดหมายนี่กี่วันถึงครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่ที่ช่องจำหน่ายแสตมป์

“ไปอเมริกาเหรอ ราว ๗-๑๕ วันน้อง” พี่พนักงานตอบ

สมัยนั้นยังไม่มีอีเอ็มเอส จดหมายไปอเมริกาทางอากาศอย่างเร็วที่สุดก็ ห้าวันเจ็ดวัน ไม่อย่างนั้นก็ต้องโทรศัพท์หรือโทรเลขไป

- - -

เมื่อผมส่งจดหมายเสร็จ ผมก็ขึ้นรถต่อมายังเซ็นทรัลลาดพร้าว และตรงไปยังแผนกที่จำหน่ายภาพยนตร์และเพลง

“พี่ๆ ผมหาเพลงอยู่ ๓ เพลง ช่วยหาให้หน่อยได้ไหมครับ” ผมพูดกับพนักงานขายชายคนหนึ่ง พลางยื่นกระดาษชิ้นเล็กๆที่จดรายชื่อเพลง ๓ เพลงที่ไอ้นัยเขียนอยู่ในจดหมายให้แก่พนักงาน ทั้งสามเพลงนั้นได้แก่ Longer, Just When I needed You Most และ Aloha Oe

หลังจากที่พนักงานไปค้นมาสักครู่ก็หยิบแผ่นซีดีสองแผ่นมาให้ผม ได้มาแค่สองเพลง ส่วนเพลงสุดท้ายไม่มี ผมเห็นราคาแล้วก็ต้องตกใจ เพราะซีดีเพลงนำเข้าแผ่นหนึ่งราคาตั้งห้าร้อยบาท

“เอ้อ ผมขอลองฟังดูหน่อยได้ไหมครับ” ผมถาม พลางชี้ไปที่ชื่อเพลง Longer ในหน้าปก

พนักงานก็ดีใจหาย เปิดให้ผมทดลองฟังโดยไม่อิดออด ในแผนกหนังและเพลงนั้นไม่ได้มีห้องทดลองฟังแต่อย่างใด เครื่องที่ใช้เปิดทดลองฟังก็คือเครื่องเสียงชุดที่ใช้เปิดเพลงเพื่อเรียกลูกค้านั่นเอง

เสียงร้องนุ่มๆของ Dan Fogelberg ที่คลอด้วยเสียงกีตาร์และเสียงของไวโอลินฟังดูหวานปนเศร้า ดังกังวานไปทั่วห้อง

Longer than there've been fishes in the ocean
Higher than any bird ever flew
Longer than there've been stars up in the heavens
I've been in love with you.

Stronger than any mountain cathedral
Truer than any tree ever grew
Deeper than any forest primeval
I am in love with you.

I'll bring fire in the winters
You'll send showers in the springs
We'll fly through the falls and summers
With love on our wings.

Through the years as the fire starts to mellow
Burning lines in the book of our lives
Though the binding cracks and the pages start to yellow
I'll be in love with you.
I'll be in love with you.

Longer than there've been fishes in the ocean
Higher than any bird ever flew
Longer than there've been stars up in the heavens
I've been in love with you
I am in love with you..

มันเป็นเพลงรักอันอ่อนหวาน เนื้อเพลงบ่งบอกถึงความรักอย่างชัดแจ้ง ไอ้นัยคงกำลังบอกย้ำถึงความรักที่มันมอบให้แก่ผม ผมยืนฟังเพลง Longer ด้วยความรู้สึกที่อ้างว้างและหดหู่

“เอ้อ ขอฟังเพลงนี้ด้วยได้ไหมครับ” ผมยื่นแผ่นอีกแผ่นให้พนักงานหลังจากที่เพลง Longer จบลงไป และชี้ไปที่เพลง Just When I Needed You Most

พนักงานขายหยิบแผ่นซีดีใส่ลงไปในเครื่องเล่น หลังจากกดปุ่มเลือกเพลงแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงร้องอันนุ่มนวลคลอด้วยเสียงกีตาร์ กอปรเป็นท่วงทำนองอ่อนหวานปนเศร้า

You packed in the morning and I
Stared out the window and I
Struggled for something to say
You left in the rain
Without closing the door
I didn't stand in your way

But I miss you more than I
Missed you before and now
Where I'll find comfort, God knows
'Cause you left me
Just when I needed you most

(Left me, just when I needed you most)

Now most every morning I
Stare out the window and I
Think about where you might be
I've written you letters
That I'd like to send
If you would just send one to me

'Cause I need you more than I
Needed before and now
Where I'll find comfort, God knows
'Cause you left me
Just when I needed you most

(Left me, just when I needed you most)

You packed in the morning I
Stared out the window and I
Struggled for something to say
You left in the rain
Without closing the door
I didn't stand in your way

Now I love you more than I
Loved you before and now
Where I'll find comfort, God knows
'Cause you left me
Just when It needed you most
Oh, yeah
You left me
Just when I needed you most

You left me
Just when I needed you most

มันเป็นเพลงรักที่แฝงการตัดพ้อ ประโยค You left me just when I needed you most ในเพลงถูกร้องวนซ้ำหลายครั้ง ในอุปาทานผมรู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงไอ้นัยกำลังตัดพ้อผมอย่างเศร้าสร้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมหวนนึกถึงตอนที่ผมตะคอกไอ้นัยจนมันร้องไห้ ใบหน้าที่ประดับด้วยคราบน้ำตาของไอ้นัยในวันนั้นก็ทอแววตัดพ้อผมเช่นกัน...

ผมขอบคุณพี่พนักงาน พร้อมทั้งบอกไปตามตรงว่าอยากได้แต่มีเงินไม่พอ

ผมเดินออกจากแผนกเพลงอย่างเลื่อนลอย ด้วยดวงใจที่หดหู่ ขาพาผมเดินไปไหนก็ไม่รู้ ผมเดินไปโดยไม่จำแนกทิศทาง เสียงจากมโนธรรมติเตียนผมอย่างรุนแรงจนกลบสรรพสำเนียงรอบข้างไปจนหมดสิ้น... ผมเป็นต้นเหตุทำร้ายคนที่ผมรักมากที่สุด... อย่างเลือดเย็น

ฟังเพลง Longer

<แดน โฟเกลเบิร์ก (Dan Fogelberg) เป็นชาวอเมริกัน เกิดในปี ค.ศ. ๑๙๕๑ เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลง เริ่มอาชีพทางดนตรีในยุค ๑๙๗๐ โดยออกอัลบัมเพลงในแนวป๊อปโฟล์กหลายอัลบัม เพลงของโฟเกลเบิร์กที่ได้รับความนิยมจนติดอันดับในชาร์ตต่างๆมีอยู่หลายเพลง โดยเพลง Longer นี้อยู่ในอัลบัมฟีนิกซ์ (Phoenix) อัลบัมนี้ติดอันดับที่ ๓ ของชาร์ตป๊อปอัลบัมในนิตยสารบิลบอร์ด (Billboard) ของสหรัฐอเมริกา ในปี ๑๙๘๐ โฟเกลเบิร์กเสียชีวิตในปี ๒๐๐๗ และเพลง Longer ยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้>


ฟังเพลง Just when I Needed You Most


<แรนดี แวนวอร์เมอร์ (Randy VanWarmer) เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เกิดในปี ค.ศ. ๑๙๕๕ มีผลงานเพลงป๊อปหลายอัลบัม แต่เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในชีวิตการแต่งเพลงของแวนวอร์เมอร์ได้แก่เพลง Just when I Needed You Most ซึ่งติดอันดับ ๘ ของชาร์ต UK Sinlges ของสหราชอาณาจักร และติดอันดับ ๔ ของชาร์ต Billboard Hot 100 ของอเมริกา ในปี ๑๙๗๙ แวนวอร์เมอร์เสียชีวิตในปี ๒๐๐๔ และเพลง Just when I Needed You Most ยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้>

54 comments:

Anonymous said...

1

Anonymous said...

ว้า 2
Mc

Anonymous said...

อ่านแล้วอยากจะร้องไห้จริงๆครับ
Federick

Anonymous said...

ดีใจจังที่อย่างน้อยนัยไม่ได้ใช้อะไรมากกว่ามือ
ดีใจที่นัยคิดถึงอูเสมอ
และทั้งซึ้งทั้งทึ่งในบทเพลงที่นัยส่งให้อูมาก

แต่ทำไมฉบับนี้ นัยถึงเขียนลงท้ายว่า "ดูแลตัวเองดีๆ"
ราวกับว่าจะไม่ได้เขียนถึงกันอีกแล้ว...

ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
S.Silver

ปล.ดีใจที่อูส่งถึงนัยทันที
อยากอ่านจดหมายที่อูจะเขียนถึงนัยฉบับหน้าเร็วๆจัง

Anonymous said...

อ๊ะ สายอีกแล้ว T-T
มันแต่อ่านการ์ตูน

หลาน Arus ของอาอู

Choo said...

ขอเป็นกำลังใจให้อูและนัย ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายของชีวิตครั้งนี้ไปให้ได้

ชู

Anonymous said...

คิดซะว่าก็ยังดีกว่าที่ติดต่อกันไม่ได้เลยนะครับ :)



OK

Anonymous said...

สงสารอูกับนัยเหลือเกิน โดยเฉพาะนัยเป็นเด็กที่น่าสงสารมาก ขาดความอบอุ่นในวัยเด็ก เด็กดีที่เลือกเดินผิดทาง ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป

Anonymous said...

หลับไปแค่สองชม.
ตื่นขึ้นมาพี่อูลงตอนที่ 11 แล้ว
มีคนมาคอมเม้นท์ถึง 8 คน โห้
แต่ยังไงมาช้า ยังดีกว่าไม่มานะครับ


IZ

yo408 said...

ย้อนอดีตกลับไปในสมัยวัยเรียน ยังไม่เคยร้องไห้ในโรงเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะชีวิตช่วงนั้นมีแต่ความสุข ความสนุก แม้จะเดินทางลำบากไกลบ้านมากพอสมควร แต่ได้เพื่อนดี อาจารย์ดี สบายๆไม่เคยกดดันเรื่องผลการเรียน เกรดเฉลี่ย เอาแค่พอผ่านก็พอใจแล้ว แต่ตอนม.6นี่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่พอควร อยากออกนอกโรงเรียน แค่เอาใบไปยื่นให้รองผอ.ฝ่ายปกครอง แกเซ็นแกร๊กโดยไม่ดูและถามด้วยซ้ำว่าจะไปไหน เพราะเป็นรองประธานนักเรียนฝ่ายปกครอง 555+

เพื่อนอยากออกไปไหนขอให้บอก ตอนขอใส่ชื่อเราไปคนเดียว แต่พอจะออกเพิ่มชื่ออีกเพียบ จนตอนหลังแกรู้แกว ขีดหน้าขีดหลังชื่อ แต่ก็เอาลิคควิดป้าย โดนอาจารย์ยามหน้าประตูดุอีก คราวต่อไปทำเนียน เอาน้ำลายถูขีดท้าย ใส่ชื่อเพื่อนแล้วขีดปิด ผ่านฉลุย เราก็แค่ออกไปใกล้ๆ ส่งเพื่อนออกนอกรั้วเสร็จ ออกไปซื้อของกินของเล่นใกล้ๆ เสร็จกลับเข้ามาเรียนต่อ หรือถ้าเป็นคาบว่าง อาจารย์ไม่มาสอน รึอะไรก็ตามแต่ จะใช้วิธีนี้ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก แล้วค่อยเข้ามาเรียนคาบต่อไป ย้อนคิดก็แสบใช่เล่น นี่แหละ ทุจริตในหน้าที่ 555+

Anonymous said...

ขอตอบน้องทะเลนะ
น้องทะเล ไอ้เรื่องทะเลาะกะเพื่อนเนี่ยะมันเป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อนน้องแต่ละคนจะมีนิสัยแปลกๆแวกแนวกว่าชาวบ้าน ทำอะไรอย่าเอาแต่อารมณ์ล่ะกันครับ ถ้าน้องจะดีก็ดีใจหาย ถ้าให้ร้ายขึ้นมาก็น่าดู งั้นดูแถมให้อีกล่ะกันน้องจะมีแฟนเยอะมาก(อันนี้น้องจำคำพี่ไว้เลยนะ 100% อันนีไม่พลาด)
รายละเอียดจะไม่ลงลึกนะ อันนี้ดูแถมให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ
คงไม่ดูให้นะ น้องทะเลไม่ได้ถาม แล้วอีกอย่างมันก็ในที่สาธารณะด้วย ไม่ดี เอาแค่นี้ล่ะครับ


IZ

โตโต้ said...

ตรงสะพานพุทธ มีไปรษณีย์วัดเลียบนี่นา

นพ said...

ขอบคุณมากครับ คุณอูอ่านแล้วน้ำตาซึม เห้อขอให้นัยกับอูได้คุยกันก็ยังดีนะครับ

พี said...

" นัย กูไม่ได้โกรธมึงเลย มึงต่างหากที่ควรจะต้องโกรธกู "

อูสำนึกผิด เพราะคิดไปเอง ตอนหน้าอูคงเศร้ามากๆอีกแล้ว...เฮ้อ

รออ่านตอนต่อไปครับ

พี

Anonymous said...

Longer..

ใครได้ร้องเพลงนี้ให้กับคนที่รักแล้วล่ะก้อ

ผมเชื่อว่า ความรักนั้น แสนจะอบอุ่นและมีค่า

เกินกว่าที่หมางเมิน

ผมรักนัยเข้าอย่างจังครับ


Lonely..man

Anonymous said...

(^_^) หุหุ ลุงอูครับหดหู่หอเหี่ยวจริงๆนี่แค่เริ่มนะเนี่ยแล้วกว่าจะได้อ่านจดหมายอีกต้องรออีกนานเลย มุขปวดหัวนี่ผมก็ใช้เมื่ไม่นานนี่เองตั้งแต่อยู่บ้านเลยผมจะเอาหมอนมาปิดหน้าจะได้อุ่นตอนเอามือมาแตะดูแต่ไม่สำเร็จครับกิ้กๆอยากหยุดดูซุปเปอร์โบลอ้า แต่ผมไม่โดดนะครับไม่ชอบคิดดูซิครับตอนป่วยเนี่ยผมรู้สึกหวิวๆไงก็ไม่รู้เบื่อเล่นเอ็มก็ไม่มีใครออนแล้วก็กลัวตกข่าวเรียนไม่ทันเพื่อน ลุงล่ะชอบหยุดไหมเดาว่าไม่เพราะจะไม่เจอลุงนัยใช่ม่า

Bomber_Boy said...

เพิ่งกลับมาจากบ้านนอกก็ได้อ่านพอดีเลย ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อย

หดหู่จัง แต่อย่่างน้อยก็ได้รับรู้เรื่องราวจากนัยบ้าง(ก็อย่างว่าอ่ะนะครับ แฟนคลับนัย นิครับ) ว่าแล้วตอนภาคที่สามก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จัง

ปล.จะพยายามมาคอมเมนต์ให้กำลังใจพี่อูทุกตอนนะครับ
นอกจากพี่อูแล้วก็พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ด้วย โดยเฉพาะอาชู อ่านคอมเมนต์อาชู นี่เหมือนอ่านเรื่องเลยอ่ะ แต่สนุกดีครับได้รู้จัก ได้พูดคุยกัน บล็อกจะได้ไม่เหงา...(อาชูหรือว่าพี่ชูดีหว่า....555+)

naja said...

เศร้าอย่างบอกไม่ถูก หดหูแทนพี่อูเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าตอนนั้นชีวิตทีอเมริกาจะเป็นยังไงบ้าง

จดหมายจะส่งถึงมือพี่นัยมั๊ยครับ เพราะเวลาผ่านมาแล้วตั้งปีนึง

Anonymous said...

เข้ามาตอกบัตร
ตอนนี้ยาวดีจัง อ่านจุึใจ

ได้ลุ้นต่ออีกล่ะว่าจะเป็นไง

thom

dodo said...

ประทับใจ มากครัฟ อ่านแล้วร้องไห้ไปด้วยเลย ยังไงก็เปันกำลังใจให้ครัฟ


โดโด้

Anonymous said...

นึกถึงวันแรกที่ขอเรียนอาอูว่าอาอู
แล้วพี่ๆ ท่านอื่นก็เปลี่ยนจากเรียกว่าคุณอูเป็นอาูจัง

กรุงเทพฝนตก จะออกไปเรียนพิเศษอย่างไรดี T-T
ทำไมอาอูไม่ขับรถมาพาไปนะ

วิชาพละ ออกกำลังมากไป ปวดแขน+ขา...
ทำอย่างไรถึงหายปวดเร็วล่ะเนี่ย
ตัดกำลังชะมัด จะจดในวิชาเรียนก็ไม่ถนัดเลย ปวดแขน

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

นั่นสิครับ เหนคำว่า "ดูแลตัวเองให้ดีๆ" พอคิดเรื่องต่อไปแล้วน้ำตาคลอเลย เพราะอาจจะเหมือนที่พี่เงินบอกก้ได้ ว่าอาจจะเขียนถึงกันไม่ได้อีกแล้ว ไม่อยากให้เปนแบบนั้นเลยจริงๆ คิดแล้วเศร้า ขออย่าให้เปนแบบนั้นเลยครับ แต่ผมชอบที่อาอูยังรอบคอบ เพราะบางทีอานัยอาจจะเขียนที่ยุของโรงเรียนเหมือนของอาอูก้ได้ แต่ยังไงผมก้ลุ้นเตมที่ครับ เอาใจช่วยด้วยคนๆ ยังไงผมก้อขอให้ยังได้เขียนจดหมายกันได้ยุเรื่อยๆ จะได้คุยกัน แล้วสักวันหนึ่งจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง

พี่ IZ จริงป่าวนิ เหนแล้วตกใจ ว่าโตขึ้นจะมีแฟนเยอะมาก ถ้าพูดตรงๆผมไม่อยากให้เปนแบบนั้นเลย เพราะผมอยากได้คนที่ทั้งตัวผมเองและตัวเค้ารักจริงๆ อยู่ด้วยกันให้นานๆดีกว่า ไม่ใช่ให้ผมมีแฟนเยอะหรือเค้ามีแฟนเยอะ แต่พี่เล่นเขียนรับประกันไว้ขนาดนั้น ชักกลัวๆซะแล้วสิ - -"

รบกวนถามผู้รุ้หน่อยนะครับ พอดีฟังเพลงที่อาอูให้แล้วไปเจอ Just when I need you most ฉบับของ Dolly Parton แล้วเลยลองฟังเพลงอื่นๆของเธอดูแล้วผมไปเจอ I will always love you เข้า อยากถามว่าเพลงนี้ Whitney Houston หรือ Dolly Parton ที่เปนต้นฉบับครับ ขอบคุณมากครับ

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

อ่านแล้วเศร้าครับ TT
สะเทือนใจตอนที่แล้วมาก ตอนที่อาของนัยรู้แล้วทำร้ายนัย นัยคงโดนหนักเลย เค้าคิดว่าอูทำให้นัยเป็นแบบนี้ แต่ความจริงแล้ว คนที่เป็นแบบนี้มันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วอะครับ แล้วตอนนั้นคนก็ยังไม่ยอมรับกันเท่าไหร่ ยิ่งนัยไปทำแบบนั้นเหมือนกับ..เอ่อ ขายตัวอะครับ อาคงรับไม่ได้ ผมคิดว่าผู้ชายที่นัยไปด้วยนั้นอาจจะเป็นคนที่โรงหนังเกย์ ตอนนั้นก็ได้ ใช่ไหมครับ
อูน่าจะส่งเพลงที่แต่งไปให้นัยด้วยนะครับ

วันนี้โรงเรียนของผมหยุดเพราะไข้หวัด ๒๐๐๙
แต่ผมไม่เป็นไร ได้นั่งอ่านไอ้อูอยู่บ้าน อิอิ

ผมมีเรื่องสงสัยอยากถามอาอูอะครับว่า...

๑.ตอนที่อาอูเคยบอกว่า ตอนที่อูเอาก้นไปแกล้งถูกับนัย แล้วอาอูก็บอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งมันคืออะไรเหรอครับ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)

๒.อาอูกับอานัยเป็นคริสเตียนรึเปล่าครับ เห็นชอบเล่าเรื่องของพระเจ้าอะครับ

PINGSUKE
(PSK)

Anonymous said...

นายทะเล

เล่นเอ็มเปล่า
เราขอเมลล์นายหน่อยดิ

Anonymous said...

ตอบพี่พีครับ

ก็อ่านะครับ
ขอบคุณครับที่ชม ที่จริงผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ ก็แค่เห็นว่าอาอูใช้ภาษาได้ดี ผมศรัทธา เลยอยากแสดงความสามารถผมออกมาบ้าง ที่สำคัญผมค่อนข้างชาตินิยมครับ ฮ่า ฮ่า ^_^

ส่วนเกรดของผมเหรอก็สี่อะครับ มันไม่ยากอะไรมาก แค่ส่งงานบ่อยๆ เกรดสี่ก็มาพร้อมรับปรทานแล้ว อิอิ แต่ก็หวุดหวิดเหมือนกัน ที่ผมได้ขนาดนี้ผมว่าเป็นเพราะเพื่อนน่ะแหละครับ มันโคตรขยันเลย แบบว่ามันจะสอบเข้ามหิดลวิทยานุสรณ์ (เอ..นายทะเล จะเรียนที่นี่ป่าวอะ) ผมก็นะ ไม่อยากยอมแพ้มัน หลายครั้งที่ผมได้คะแนนดีๆ ก็ต้องขอบคุณเพื่อนนี่แหละครับที่มันช่วยฉุดเป็นแรงผลักดันให้ผม

ม.๔ ผมยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดี จะเอาวิทย์-คณิต ก็ได้ยินเสียงบรรยายสรรพคุณจากรุ่นพี่จนน่ากลัว ครั้นจะเอาภาษาก็ไม่ไหวเลย จีนก็ไม่เคยเรียน ฝรั่งเศสก็ไม่ชอบ มีแต่ญี่ปุ่น กับศิลป์คำนวณ แต่ผมเกลียดคำนวณณณ...

ได้ยินว่าอาอูดูดวงเก่งช่วยดูให้หน่อยดิครับว่าควรเลือกสายไหนหรือจะได้สายอะไร

Bomber_Boy said...

วันนี้กลับมาอ่านซ้ำอีกหนึ่งรอบ หลังจากที่อ่านไปเมื่อคืน กลับมาอ่านรอบนี้ จิตใจมันหดหู่ลงกว่าเดิมอีก ความรู้สึกของผมเหมือนคนที่กำลังอกหักเลยครับพี่อู ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานาน (เพราะว่าไม่มีใครเอา..555+) ชีวิตคนเรานี่แย่จังนะครับ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

ฉะนั้นถ้าหากรักใครก็ควรจะรีบบอกรักเค้าซะนะครับ ใกล้ถึงวันแม่ก็อย่าลืมบอกรักกับคุณแม่ด้วยนะครับ (เกี่ยวกันมั้ย...แต่ผมว่าเกี่ยวนะ)

อ่านแล้วก็อยากร้องไห้จัง .. ว่าแต่อาชูหายไปไหน
__________
Bomber_Boy

Anonymous said...

ตอบน้องทะเลนะครับ พีตัวจริงแน่นอน
รอให้พี่อูคอนเฟิร์มก็ดีเหมือนกันนะ

IZ@ตัวจริงแน่นอน

Anonymous said...

ทายว่า
ไม่ได้รับ
จดหมายตอบ
จาก
นัย
แน่นอน
มันสังหร
ยังงัย
ไม่รู้
อะ
อู
เอ้ย
ใช่เป่า
คับอู
ไม่รู้ว่า
หน้าแตก
เป่านี่
ขอทาย
อย่างนี้ละ

KTB

Anonymous said...

เพลง longer เป็นเพลงที่หวานซึ้งไพเราะ แต่ถ้าฟังด้วยใจที่หดหู่แล้วจะเศร้ามากครับ มันกินใจเหลือเกิน

ตอบหลานทะเล เพลง I'll always love you นั้นต้นตำรับคือดอลลี พาร์ตันครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่เธอร้องเพื่อเป็นความทรงจำกับคู่หูงานเพลงของเธอที่ร่วมงานกันมาหลายปี ก่อนที่จะแยกตัวไปเพราะเหตุผลทางธุรกิจ ปี ๑๙๗๔

ต่อมาเอลวิส เพรสลีย์ ขอใช้สิทธิ์เพลงนี้เพื่อไปนำไปร้อง (ภาษาเพลงเรียกว่าทำ cover version) แต่พาร์ตันไม่ขายเพราะตกลงเงื่อนไขกันไม่ลงตัว แต่อาจเป็นโชคดี เพราะทำให้เธอสามารถขายให้วิตนีย์ ฮูสตันได้ ฉบับ cover version ของฮูสตัน ดังกว่าต้นตำรับเสียอีก พาร์ตันได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ของฮูสตันในเพลงนี้ไปมากโขเลยทีเดียวครับ

ตอบหลาน PSK
ที่ไปไถก้นกันบนรถเมล์คงทำให้อานัยติดใจ และน่าจะเป็นที่มาเรื่องเศร้าต่างๆที่ตามมาไงครับ

ทั้งสองคนมาจากโรงเรียนคาทอลิก ซึ่งสอนเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าไว้เยอะ เลยจำติดมา อีกอย่าง ช่วงหลังนัยหันไปสนใจศาสนาคริสต์ช่วงหนึ่ง ก็เลยมีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาและคำสอนของคริสต์เข้ามาพัวพันด้วยบ้าง

โยตอนวัยรุ่นร้ายไม่เบา สงสัยต้องให้เล่าเรื่องพิสดารที่ซากตึกกรมประชาฯให้หลานๆฟังน่าจะดี พี่เองก็อยากฟัง

พี่ชูหายไปจริงๆด้วย สงสัยเคืองเด็กวางระเบิดที่เรียกอา วันก่อนพี่ชูทิ้งท้ายแปลกๆว่าขอโทษที่ทำให้อูขุ่นมัวไปบ้าง ผมไม่เคยขุ่นมัวอะไรกับพี่เลยครับ แม้แต่ครั้งเดีัยวก็ไม่เคย ยังรู้สึกว่าดีที่ได้คุยกับพี่เพราะว่าได้ลับสมองดี เนื่องจากพี่พยายามล่อให้ผมหลุดอะไรออกมาเสมอ ผมก็พยายามที่จะไม่ตกหลุมพี่ ไม่มีเคืองครับพี่ พี่สบายใจได้

เรื่องชะตาชีวิตของหลานทะเลต้องคุยยาวครับ ขอติดเอาไว้คืนนี้จะเข้ามาโพสต์เรื่องหลานทะเลอีกครั้ง ว่าแต่ขอยืนยัน วดป เกิดของหลานอีกที ว่าถ้านับแบบสากล คือ 1 ก.พ. 2538 เวลา 00.01 น. ใช่หรือเปล่าหลาน (ไม่เรียกเที่ยงคืนหนึ่งนาที เพราะอาจนับวันสับสน)

เวลาเกิดคร่อมเที่ยงคืนนี่อาจสื่อสารกันผิดได้ง่าย เพราะถ้าหลานเกิดก่อนนี้เพียงสองนาทีจะกลายเป็น 31 ม.ค. 2538 23:59 น. ไป คนละวันกันเลย ถ้าเกิดเที่ยงคืนพอดีเป๊ะจะยิ่งยุ่งเพราะคร่อมวัน ไม่รู้ว่าวันไหนกันแน่

ข้อสันนิษฐานของ KTB ต้องรออ่านตอนหน้าครับว่าถูกหรือไม่ ทายผิดก็ไม่หน้าแตกหรอกครับ

อู

Anonymous said...

อืมมม..
เรื่องเพลงอะไรนี่ เค้ารู้เรื่องกันเยอะจังแฮะ
เราไม่เห็นรู้อะไรเลย หุหุ

PSK
(ใช้ชื่อใหม่ว่า Sun แล้วกันเพราะผมเกิดวันอาทิตย์ จะได้มีชื่อไทยด้วย ^_^)

Anonymous said...

โห อาอูนี่รอบรู้เรื่องเพลงจริงๆ ยังกะวิกิพีเดียแน่ะ - - เพราะผมลองหาข้อมูลของเพลงนี้ก็เปนยังงั้นจริงๆครับ แล้วฉบับที่วิทนี่ย์ร้องโคเว่อร์ก็ดังกว่าจริงๆด้วยครับ ขอบคุณครับที่ตอบมา เรื่อง วดป ก็ถูกแล้วครับ 1 ก.พ. 2538 เวลา 00.01 น. ขอบคุณมากครับ นี่ถ้าผลออกมาเปนแบบเดียวกับที่พี่ IZ บอกนี่คงน่ากัวนะเนี่ย - -

ผมมีเมลนะครับ แต่มีเหตุผลที่ทำให้ไม่ให้ ขอโทษนะคับ แล้วผมก็คงไม่ไปมหิดลหรอกครับ เพราะเค้าต้องใช้เกรด3.5ใช่ป่ะ พอดีไม่ถึงอ่ะT^T ต่อให้ไปสอบได้ก็คงไม่ติดหรอกครับ เคยลองทำแล้ว ยากมากกกก

Sea~~!!

Anonymous said...

ผมผูกดวงให้น้องทะเลวันที่ 31 มค. ครับ เวลา 00.01 น. ครับ ตามหลักโหราศาสตร์ไม่มีพลาดคับ
ลัคนาราศีตุลย์ ธาตุลม

ไอแซด

Anonymous said...

เราก็ไม่ไปเหมือนกัน
ไม่อยากสอบ ไม่อยากเรียน เพราะท่าจะไปไม่ไหว
อยู่โรงเรียนเดิมนี่แหละ ฮ่าฮ่า
แล้วนายทะเลจะเลือกสายอะไรอะ
เราเองยังไม่รู้เลยว่าจะเลือกไรดี

Choo said...

ผมไม่ได้หายไปไหนนะครับน้องอู น้องวางระเบิด พอดีหลังจากตอกบัตรไว้เป็นคนที่ 6 ก็ติดธุระเดินทางตลอดเลย เพิ่งมีโอกาสกลับมาเปิดเครื่องคอมฯ เย็นนี้เองครับ จะว่าไปเพิ่ง 2 วันเองนะ

เคืองน้องเด็กวางระเบิดตามที่อูว่านั้นแหละ เรียกอูพี่แต่มาเรียกผมอา ผมอายุมากกว่าไม่เกิน 2 ปี ดังนั้นให้เรียกแค่ “พี่” ก็พอครับ, Please. จะได้ดูเด็กลงบ้าง 555 หรือว่าจริงๆ แล้วอูอาจจะอายุมากว่าผมก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ..เด็กวางระเบิด

ที่ผมขอโทษไว้ก็เพราะรู้สึกตัวว่าจะละลาบละล้วงอูในเรื่องต่างๆ มากไปหรือเปล่า ก็เลยโยนหินถามทางดู รู้ว่าอูไม่คิดอะไร ก็ค่อยสบายใจหน่อย ปรกติผมจะไม่ค่อยทำอะไรที่เพื่อนไม่ชอบ ก็เลยต้องทบสอบดู สบายใจแล้วต่อไปวันหน้าอูระวังไว้ด้วยนะ จะแกล้งให้หลุดให้หมดเลย คอยดู 555

หลานทะเลกับหลานพิงสุเกะ คบกันไว้ก็ดีนะครับ มีน้ำใจต่อกันมากๆ เรื่องจะเรียนสาขาไหน ลองนึกดูว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ก็เรียนแนวนั้นแหละครับ เพราะอาชีพอะไรเราต้องอยู่กับมันตลอดชีวิตเลยนะ ดังนั้นอย่าเลือกตามเพื่อนหรือตามรุ่นพี่ หากยังไม่รู้ว่าชอบอะไร ลองนึกวิชาที่ชอบดูซิ มีวิชาไหนที่สนใจหรือเวลาอ่านหนังสือแล้วไม่เบื่อนั้นแหละ หาความถนัดและความชอบให้เจอนะครับ อาๆ หลายๆ คนเอาใจช่วยอยู่

ได้อ่านตอนนี้พร้อมฟังเพลง เป็นเพลงที่เมื่อก่อนผมก็ฟังบ่อย แต่ไม่ซาบซึ้งเหมือนที่ฟังวันสองวันนี้ อ่านแล้วมันจุกๆ เหมือนกันครับ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นก็รู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจ กับความทุกข์ของเด็กทั้ง 2 ที่ต้องประสบทั้งๆ ที่อายุน้อย ต้องแบบรับความทุกข์ในใจขนาดนี้ จะให้ผมวิพากษ์วิจารณ์ทันทีก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก น่าจะเป็นการให้กำลังใจกับอูและนัยมากกว่า อยากจะอ่านซัก 100 รอบ 1000 หน หากมันสามารถแบ่งปันความทุกข์ความโดดเดี่ยวของทั้งอูและนัยให้น้อยลงมาบ้าง ถึงมันจะเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นความปรารถนาดีของเพื่อนใหม่ในบอร์ดนี้ ที่พร้อมจะแบ่งปันความทุกข์ในใจ พร้อมที่จะเคียงข้างให้อูและนัยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าต่อไป

ส่วนอูคนเขียน ณ วันนี้ผมเชื่อว่าอูมีความเข้มแข็งในจิตใจเพียงพอที่จะเป็นหลักให้กับน้องๆ หลานๆ เท่าที่สัมผัสอูไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลย ผมก็คาดเดาเอานะจริงๆ อาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ ตอนแรกในการคอมเม้นต์ข้างบน ผมจะลงท้ายด้วย “เข็มแข็งนะครับ” แต่ก็ตัดสินใจไม่เขียน จบด้วนๆ อย่างนั้นแหละ แต่มาคิดดูอีกที ในเมื่อผมคิดแบบนี้ ผมก็ควรแสดงออกแบบนี้

เข้มแข็งนะครับอู ผมขอให้ “ดอกไม้” เป็นกำลังใจให้ครับ
ชู

ปล. จะมีน้องๆ หลานๆ ให้ดอกไม้ลุงอู อาอู พี่อู ตามหรือเปล่า อย่าให้ผมเปิ่นคนเดียวนะครับ

Anonymous said...

คราวนี้มาตอบหลานทะเลต่อนะครับ

จำได้หรือเปล่าที่อาเคยบอกว่าหลานมีบางส่วนเหมือนอานัย ตรงที่ช่างคิดช่างฝัน และคุณสมบัติที่พ่วงมากับความช่างคิดช่างฝันอีกอย่างหนึ่งก็คือปลื้มคนง่าย ที่อานัยปลื้มพี่เต้ก็เพราะเหตุผลนี้ส่วนหนึ่งนั่นเอง

คนที่ช่างคิดช่างฝันพอเติบโตไปแล้วจะพัฒนาไปทางไหนได้บ้าง อาจะแบ่งคร่าวๆออกเป็น ๓ กลุ่มก็แล้วกัน

กลุ่มแรก พวกที่มีวุฒิภาวะดี มีอารมณ์ที่มั่นคง ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี พวกนี้จะสามารถนำเอาความช่างคิดช่างฝันมาใช้ประโยชน์ได้ คนช่างฝันไม่จำเป็นต้องไปเป็นศิลปินเสมอไป งานทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ต่างก็ต้องการคนช่างฝัน เพราะความช่างฝันเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แล้วเอาไปผลิตเป็นผลงานออกมา ไม่ว่าจะเป็นนักประดิษฐ์ ครู นักการตลาด ไปจนถึงศิลปิน นักเขียน

กลุ่มที่สอง พวกที่วุฒิภาวะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร พวกนี้เอาความช่างคิดช่างฝันมาใช้ในทางไม่เกิดประโยชน์ คือเป็นพวกเพ้อฝัน วาดวิมานในอากาศ เอาแต่คิดไม่ยอมลงมือทำ ชีวิตมักไม่ก้าวหน้าเพราะไม่ลงมือทำอะไร

กลุ่มที่สาม พวกที่วุฒิภาวะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อารมณ์ไม่มั่นคง และไปเอาลักษณะปลื้มคนง่ายมาใช้ในทางด้อย พวกนี้จะกลายเป็นคนเจ้าชู้ ชอบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย รักง่ายหน่ายเร็ว หรือรักพี่เสียดายน้อง ฯลฯ คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขกับการมีแฟนหลายๆคน แต่ที่จริงมีความทุกข์ เพราะชีวิตต้องแสวงหาเรื่อยไป แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าความพอใจของตนเองอยู่ที่ไหน ความรักของตนจะลงเอยอยู่ที่ใคร ชีวิตจึงหยุดและมั่นคงไม่ได้สักที

อายุของหลานยังอยู่ในช่วงของวัยรุ่น กำลังอยู่ในขั้นที่หล่อหลอมบุคลิกภาพของตนเองอยู่ หลานเลือกที่จะพัฒนาตนเองได้ครับ อยากอยู่กลุ่มไหนก็พัฒนาตนเองไปทางนั้น ขอเพียงมีความตั้งใจหลานก็จะเลือกทางเดินให้แก่ชีวิตของตนเองได้ เพียงแต่หลานต้องรู้จักและเข้าใจตนเอง และพัฒนาตนเองให้ถูกทาง

หลานยังมีลักษณะอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือดื้อและใจร้อน อย่างอานัยนี่จะดื้อเงียบ ไม่ใจร้อน แต่อะไรที่ไม่ยอมก็จะไม่ยอมอยู่อย่างนั้น ลักษณะดื้อนี้ถ้าพัฒนาตนเองไปในทางเด่น คนคนนั้นจะเป็นคนที่มีจุดยืนมั่นคง มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คนแบบนี้สังคมยังต้องการอีกมาก คนที่ซื่อตรง ไม่คอร์รัปชั่น ก็อาศัยพื้นฐานจากคนที่มีจุดยืนมั่นคงนั่นเอง ถ้ามีลักษณะผู้นำด้วยก็สามารถเป็นผู้นำกลุ่มชนหรือเป็นผู้บริหารที่ดีได้อีกด้วย นี่คือการเอาความดื้อมาใช้พัฒนาตนเองในทางสร้างสรรค์

แต่ถ้าพัฒนาในทางด้อย ก็จะเป็นคนดื้อรั้น ชอบเอาชนะ ถูกผิดไม่รู้ขอเอาชนะไว้ก่อน หลงตัวเอง ผลก็คือจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ยาก มีโลกส่วนตัวสูง ชีวิตคู่ของคนพวกนี้มักไม่ยืนนาน ไม่ว่าชายหญิง ชายชาย หรือหญิงหญิงก็ตาม เพราะทนกันไม่ไหว คนพวกนี้ดูภายนอกก็คือใช้แฟนเปลือง คบไม่ทน แต่ไม่ใช่เจ้าชู้ เป็นแต่ว่าอยู่กันไม่ไหว ชีวิตคนกลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยมีความสุข มักเงียบเหงาว้าเหว่

แต่ก็นั่นแหละ หลานมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะพัฒนาตนเองไปในทางใด

เรื่องเพื่อนที่หลานถาม คนนี้คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาหรอก น่าจะทะเลาะกันแรงด้วย ใส่อารมณ์กัน จริงๆหลานเองก็รู้ผลของมันอยู่แล้ว ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เฉยๆไว้ก่อน อ่านข้างบนแล้วทบทวนดู ผ่านไปหลายๆเดือนแล้วจะดีขึ้นครับ

สำหรับหลานชื่อญี่ปุ่น หลานอาทิตย์ใช่ไหมครับ ถ้าอยากดูเพื่อแนะแนวการเรียน ก็เขียนอีเมลมาหาอาก็แล้วกัน ถ้าเป็นการเลือกเรียนหรือเลือกงานอาชีพ อาดูจากหลายๆอย่างประกอบกัน ไม่ได้ดูแต่ดวง เรื่องนี้ต้องคุยกันและต้องใช้เวลา น่าเห็นใจคนรุ่นใหม่ ปัจจุบันการเรียนและอาชีพเปลี่ยนไปมาก นอกจากโรงเรียนใหญ่ๆที่มีความพร้อมสูงเท่านั้นจึงจะพอแนะแนวนักเรียนของตนได้ แต่โรงเรียนในระดับทั่วๆไปแม้แต่อาจารย์ก็ยังงงกับหลักสูตรในมหาวิทยาลัยรวมทั้งการงานอาชีพในปัจจุบัน ทำให้แนะนำนักเรียนได้ยาก


อู

Bomber_Boy said...

ผมก็เรียกอาชู ตามที่หลานๆ และก็ตัวอาชูเรียกแทนตัวเองน่ะครับ อย่าคิดมากนะ ต่อไปนี้จะเรียกพี่แล้ว เพราะว่าผมได้ยินพี่ร้องเพลง
เรียกพี่ได้ไหม....แล้วพี่จะให้กินขนมหมื่นห้า
ถ้าเรียกอา ลดมาห้าพัน
เรียกลุงเลิกพลัน ไม่ให้สักพันแน่นอน......

เอางี้ดีกว่าให้เพื่อนๆ น้องๆ หลานๆ แฟนคลับเนี่ยลองมาทายกันดีกว่าว่าใครอาวุโสสุด ระหว่าง "พี่ชู" กับ "พี่อู" หรือว่าใครจะส่งมาเป็นแคนดิเดตเพิ่มก็ได้นะ เพราะที่ผ่านมามีการทายการเดากันก็จริงแต่ก็ไม่มีใครบอกเลยว่าใครอาวุโสสุดในนี้
__________
Bomber_Boy

glorynhing said...

เรื่อง ซึ้งมากครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้ พูดละจะหาว่าโม้ เรื่องของคุณอู ทำ ให้ผมต้องแข็งใจอ่านจนจบ ภายในเวลา2วันครึ่ง!!!!!! อดหลับอดนอนอดข้าวอดปลา - -"

จากที่คุณอูบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง ทำให้มันเกิดชนวนความคิดหลายๆอย่างขึ้นในหัวผม

>>>>>>ในแง่ถ้ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจิง แต่ คุฯอูพยายามบิดเบือน
1.สำนวนภาษา ที่ลึกซึ้งจนผมคิดไปไกลมากๆๆๆๆๆๆ ผมว่ามันคงลึกล้ำเกินไปถ้ามันจะเกิดการแต่งเรื่องขึ้น(ความรู้สึกน่ะครับ แต่คุณอู อาจจะแต่งเรื่องเก่ง เมพก้อได้คับ)
2.เรื่องถาพประกอบ ตั้งแต่ภาค2เนี่ย มีภาพประกอบเข้ามาด้วย ซึ่งถ้าสังเกต ดีดี จากภาพแรก จะใส่ภาพลงไปแบบ ชัดๆ ซึ่งภาพจะเปนสถานที่ๆกล่าวถึงในเรื่อง หลังๆภาพสถานที่ก็ถุกแต่งเปนภาพซีเปีย และเริ่มมีการใส่ภาพสถานที่น้อยลง เปนภาพxxx แทน ผมรู้สึกเหมือนกับว่าคุณอู ไปถ่ายมาจากที่จิงๆอะ (จากใจ)จากที่กล่าวมาข้างบนเนี่ย มันทำให้ผมเดาเจตนาของคุณอูเปนว่าให้เหน สถานที่เกิดเหตการณ์ต่างๆ มากว่าที่จะให้อินไปกับเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะภาพซีเปียที่บอกว่า หมายเลขนี้คือใคร และหมายเลขนี้คือใคร - -
3.ตอนปัจฉิมบท หลังจบภาค2 ผมว่าถ้าเปนแค่นิยายจิง ผมว่าส่วนนี้มันไม่ค่อยจำเป็นเสียเท่าไหร่และผมเองไม่เคยเหนว่านิยายเล่มไหนเค้าจะทำกัน ตรงที่บอกว่าท้ายสุดแล้ว ตัวละคร(ที่ไม่เด่น)แต่ละตัวเป็นอย่างไรบ้าง เพราะมันไม่มีส่วนกับเนื้อเรื่องให้ดีขึ้นหรือแย่ลงเลย นอกเสียจากว่าปัจฉิมบทที่คุณอูเขียนมานั้น เป็นชีวิตจริงๆของคนจิงๆวึ่งเป็นตัวละครในเรื่องนี้ทั้งหมด!!!

>>>>>>ในแง่ถ้ามองว่ามันเป็นแค่นิยาย
คือลักษณะการลงเผยแพร่ คือลงเปนราย5-10วัน เหมือนกับนิยายในเนตทั่วไป

ที่ผมวิเคราะห์มาทั้งหมดนี่แค่แสดงความเหนน่ะคับ ยอมรับว่าอินกับเรื่องนี้มาก เพราะอ่านแล้วรุสึกเหมือนอ่านเจอตัวเองในปัจจุบัน ตอนนี้ผมเหมือนคุณอูผสมกับคุณตี๋ คือ ผมสับสนกับตัวเองว่าผมเปนอะไรกันแน่เหมือนคุณอู แต่ผมมักถูกแบ่งแยกจากเพื่อนฝูงเสมอ และไม่เคยรักหรือถูกรักเลย

ปล.1 ขอโทษด้วยที่เพิ่งจะมาเม้นให้ แต่ยอมรับว่าติดเรื่องนี้แล้ว
ปล.2 ถ้าเรื่องนี้เป็นนิยายจิง อยากให้คุณอูเจอกับคุณนัยอีกจัง เพราะอ่านในปัจฉิมบอกว่าคุณอูไม่เจอคุณนัยอีกเลย ยอมรับว่าจิตตกและเสียน้ำตาแบบเขื่อนแตกเลยพออ่านถึงตอนนี้
ปล.3ไม่รุคุณอูยังรับดูดวงอยุ่มั้ย เด๋วผมจะส่งเมลไปบอกรายละเอียด ขอบคุณล่วงหน้าคับ

Anonymous said...

(^_^)สวัสดีตอนเช้ากิ้กๆลุงได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกแล้ว ผมเฉลยให้คุณbomberนะครับ
130=16 ดังนั้นต่างจากรุ่น130ยี่สิบกว่าปี130-25=105ก็จะเท่ากับลุงชูอายุ=16+25=41ขวบครับ สำหรับลุงอูน่าจะรุ่น90กว่าอะครับน่าจะถูกตามนี้ครับใช่ม่าคุณลุงอูหน้าแดง ผมจะเรียกลุงอาดีกว่า อากู๋

Anonymous said...

ถ้าพี่อูรุ่น 90 กว่าก็เป็นรุ่นพี่พี่ชูอีกอะดิ มันยังไงกันแน่

Anonymous said...

วันก่อน ดร.iz เฉลยไปแล้วคับ 39ขวบ หลานที่1 คำนวณเก่งคับ แต่พอดีอาเรียนเร็ว สมัยนั้นไม่เคร่งครัดเรื่องอายุเวลาเข้าเรียน ป.1 เหมือนยุคหลัง. ส่วนอาอูรุ่น 90 คงเทียบไม่ได้เพราะ รร.อาอูเป็น รร.ในจินตนาการ. แล้วก๋แถวไนติ้งเกลมี รร.ชายล้วน2รร. นะคับหลาน. คงต้องรอข้อมูลจากอาอูเองคับ. แต่เชื่อมขนมกินได้. อาอูไม่บอก. อากู๋ชู

Anonymous said...

วันก่อน ดร.iz เฉลยไปแล้วคับ 39ขวบ หลานที่1 คำนวณเก่งคับ แต่พอดีอาเรียนเร็ว สมัยนั้นไม่เคร่งครัดเรื่องอายุเวลาเข้าเรียน ป.1 เหมือนยุคหลัง. ส่วนอาอูรุ่น 90 คงเทียบไม่ได้เพราะ รร.อาอูเป็น รร.ในจินตนาการ. แล้วก๋แถวไนติ้งเกลมี รร.ชายล้วน2รร. นะคับหลาน. คงต้องรอข้อมูลจากอาอูเองคับ. แต่เชื่อมขนมกินได้. อาอูไม่บอก. อากู๋ชู

Anonymous said...

ถ้าคนเหล็กภาค 1 เข้าตอนพี่อูอยู่ ม.1 พี่อูน่าจะ 107

113

glorynhing said...

อ่า ได้มาลองอ่านคอมเม้นหลายๆอันดู สรุปว่า เรื่องของอาอู (ขอเรียกตามคนอื่นมั่ง ไม่ว่ากันนะครับ ^ ^) นี่เป็นเรื่องจิงใช่มั้ยครับ เพราะผมอ่านแล้วสะเทือนจัยมาก เพื่อนพี่ๆ รบกวนเข้ามาตอบที จากแฟนคลับ หน้าใหม่ครับ

Anonymous said...

เอ้า ใครช่วยตอบน้องเค้าหน่อยดิ

พี่อูเค้าอยู่โรงเรียนไรอ่ะ นับรุ่นกันใหญ่ ว่าจะถามนานแล้ว แถมยังมีวัดจีนอะไรอีกด้วย ไม่เก๊ตเลย วานบอกหน่อยนะค้าบ

wan

glorynhing said...

อ่า ผมรู้ละคับ ว่าเรื่องนี้เท็จจริง เพียงใด จากที่ได้ลอง อ่านคอมเม้นย้อนหลังไปเรื่อยๆ เศร้าตรงที่ ณ ปัจจุบัน อาอูก้อยังไม่เจออานัยเลย T .. T ขอให้ได้เจอในเร็ววันนะครับ เป็นกำลังใจให้ จากเม้นแรกของผม ตอนนี้ผมเหมือนกับอาอูตอนนั้นมากคือ ผมเหมือนกำลังค้นหาตัวเองอยู่ แต่ผมอาจจะโชคร้ายกว่าตรงที่ผมยังไม่เคยรู้สึกรักใครหรือถูกใครรักเลย ช่างเหอะครับ เอาเป็นว่า จะคอยติดตามเรื่องราวต่อ ถ้าหากอาอูจะเขียนเรื่องจนถึงตอนทำงานเลยล่ะก้อ ผมเองก้อคงถึงวัยทำงานละเหมือนกัน (ตอนนี้ก้อเรียนวิศวะปีสุดท้ายละ) ยังไงเรื่องดูดวง วันนี้ผมจะส่งเมลไปหานะครับ ส่วนเรื่องช่องทางการตอบกลับ ไม่รุว่า อาอุจะตอบในบอร์ด หรือเมลกลับนะครับ ยังไงบอกที

ปล.อยากรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนในนี้ glorynhingonline@homail.com เมลผมนะครับ แอดmsn ไว้คุยกันครับ

Anonymous said...

คอมเมนต์เยอะจัง

นับรุ่นอะไรครับ ผมไม่ทราบเลย คงเป็นเรื่องของโรงเรียนที่อยู่ไกลออกไปทางสะพานพุทธกระมังครับ

วันนี้เข้ามาสะสางอีเมลดูดวง บางคนค้างเอาไว้ตั้งนาน

ตอบหลาน glorynhing ชื่ออ่านยาก เรื่องดูดวง เขียนมาทางอีเมลก็ตอบทางอีเมลครับ ถ้าถามในนี้ก็ตอบในนี้ แต่บางเรื่องก็อาจไม่เหมาะจะตอบในนี้ คงต้องดูกันอีกทีครับ

ไม่เห็นน้องฟ้านานแล้ว กู๋ ม่อน ด้วย ช่วงก่อนมีเสือภูเขา หายไปเหมือนกัน เด็กหลัง รร (เก่า) น่าจะคงยังอ่านอยู่

ดีใจที่เห็น KTB อีกครับ ไม่ช่วยดูแลหลาน arus ให้บ้างเลย โดนหลานต่อว่าแล้ว หลานกำลังลำบากมากเลยในหน้าฝน

อู


อู

Anonymous said...

(*_*) ตอบแทนลุงอูได้ไหมครับ โรงเรียนนี่ลุงเขาสมมตินะครับ ลุงเขารักรรใครับเลยไม่อยากให้มีชื่อเพราะตอนที่อยู่ลุงเขาไม่ได้สร้างชื่อเสียงอะไรมากมายแค่ได้เหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วล่ะกิ้กๆ ผมก็เลยสมมติว่าลุงเป็นศิษย์พี่รุ่นลุงนะครับ และลุงอูก็เป็นน้องลุงชูครับเพราะชช้างเกิดก่อนออ่าง จบข่าว

glorynhing said...

ตอบลุงอู ผมชื่อ หนิงครับ อันนี้อ่านว่า"กลอรี่หนิง" ส่วนที่มาของชื่อและรายละเอียดเกี่ยวกับการดูดวงผมได้ส่งไปทางเมลแล้ว ยาวยืดเลยทีเดียวเชียวนะตัวเทอ
ขอฝากตัวเป็นสมาชิกด้วยคนนะครับ

หลานหนิงสมาชิกใหม่

Anonymous said...

เห็นมั้ยคับ
มีคนจับผิดเรื่องที่อาอูแต่งอีกแล้ว ๕๕+
ผมว่าใครก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับว่านี่เป็นเรื่องแต่ง
ผมเองก็ยังไม่คิดเลยคับ

^S-U-N^

^S-U-N^ said...

ผมว่าหลายคนที่เพิ่งมาคอมเม้นต์ยังไม่รู้เลยอะคับ
ว่าจะคอมเม้นต์เป็นนิรนามได้ยังไง
ทีจิงแล้ว มันอยู่ข้างล่างอะครับ
ตอนแรกผมเองก็ไปสมัครสมาชิกเหมือนกัน
บอกๆ ไว้ก่อนคับ
น่าจะมีอีกหลายคนที่ไม่รู้

Anonymous said...

หวาดดีคับพี่อู
หลังจากผมหายไปนานเลยคับ
ยุ่งๆ กับเรื่องเรียน กะงานใหม่ ปวดหัวนิดหน่อย
เลยไม่ได้อ่านเลย ตามอ่านอยู่หลายตอนเลยคับกว่าจะตามทัน ดีใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คับ มากมาย
พระเอกผมกลับมาแล้ว แตี่ยัีงไม่รู้ว่าจะกลับมาแบบถาวรไหม
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผมยังเชียรพี่นัยเสมอคับ เค้ามีตัวตนสำหรับผมเสมอคับ มาเป็นกำลัีงใจให้พี่เสมอน่ะคับ
ยิ่งอ่านเรื่องของพี่ ยิ่งไม่กล้าเอาเรื่องของตัวเองให้พี่อ่านเลย รู้สึกเลยว่าผมยังห่างชั้นกับพี่มากๆ เลยคับ ตามอ่านต่อไปน่ะคับ เป็นกำลังใจต่อไปคับ

ปล. ตอนนี้ผมแนะนำเพื่อนให้อ่านเรื่องของพี่หลายคนเลย มีแต่คนชอบทั้งนั้นเลย จะไม่ชอบได้ไง ผมยังตามอ่านสะสามปีกว่าเลย อิอิ

^^sky^^

Anonymous said...

comment ตอนนี้ ทะลุ 50 แล้ว

thom

Anonymous said...

น้องทะเลเค้าก้อมีเพื่อนรุ่นเค้าแฮะ ในบล็อกนี้ ละมีครัยอยู่วัยใกล้จบแบบผมมั่งมั้ยเนี่ย งุงิ กะลังหาเพื่อนแก้เซ็งอยุ่

หลานหนิง สมาชิกใหม่

Anonymous said...

http://www.youtube.com/watch?v=rH8LENhz5Ig
ผมยังคงร้องไห้เหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะเศร้าเสียใจ
แต่เพราะความสุข และคำตอบที่ได้ มันทำให้ความรู้สึกทั้งหมดพรั่งพรูออกมา
ป่าน