Friday, August 21, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 15

“อะไรกันน่ะตาอู เป็นอะไรขึ้นมา” คุณป้ายังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ แต่น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจกับกิริยาของผม

“หมาตายแล้วครับ คุณป้าใจร้าย” ผมร้องตะโกนใส่หน้าคุณป้าอีก

คราวนี้ดูเหมือนว่าคุณป้าจะตั้งสติได้แล้ว คุณป้าเดินเข้ามาตบปากผมดังเพียะ

“อย่ามาขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่นะ” คุณป้าเอ็ดตะโร “หมาตายไปตัวนึงแล้วทำไม ทุกวันมันก็มีคนตายหมาตาย เรานี่เนรคุณจริงๆ ป้าเลี้ยงเรามากี่ปีแล้ว แค่เรื่องหมาตายมาขึ้นเสียงใส่ป้า เด็กอะไรทำไมมันร้ายยังงี้นะ”

ว่าแล้วคุณป้าก็เอ็ดตะโรผมเสียงลั่น ผมเองเมื่อถูกเอ็ด สติก็กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้คุณป้าเอ็ดตะโร ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจหนึ่งก็อยากจะเถียงกลับไปบ้าง มันไม่ใช่แค่หมาตายตัวหนึ่ง แต่มันหมายถึงเพื่อนของผม เพื่อนที่ผมทุ่มเทหัวใจรักให้...

เพียงครู่เดียวคุณลุงก็ลงมาจากข้างบนและมาสมทบ เมื่อคุณลุงรู้เรื่องราวจากคุณป้า คุณลุงก็ดุผมและไล่ผมให้ขึ้นไปข้างบนทันที

เมื่อผมเข้าห้องได้ก็ปิดประตูลงกลอน ยืนตัวสั่น... รู้สึกเหมือนกับจะขาดสติไปอีก ทำอะไรไม่ถูก ในหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างประดังกันจนแยกไม่ออก ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด และทั้งกลัว... ผมอดคิดถึงตาลไม่ได้ ตาลก่อนตายตัวของมันก็สั่นเทา มันคงกลัวความตายที่อยู่รออยู่เบื้องหน้า พร้อมทั้งเกลียดโลกอันโหดร้ายใบนี้...

ไม่ไหว ถ้าขืนอยู่ต่อไปคงบ้าตายแน่ ผมคิดในใจ จู่ๆผมก็รู้สึกกลัวบ้านนี้ขึ้นมา อีกสักครู่คุณลุงกับคุณป้าคงต้องตามมาเอาโทษผมที่ทำตัวก้าวร้าวผู้ใหญ่ แค่คิดผมก็สยองแล้ว

หนี! ผมตัดสินใจที่จะหนีไปให้พ้นจากปัญหาเฉพาะหน้านี้ไปก่อน ว่าแล้วผมก็เปลี่ยนจากชุดอยู่บ้านเป็นชุดนักเรียน จากนั้นสะพายเป้แล้ววิ่งลงไปข้างล่างทันที

“อู จะไปไหน” เสียงคุณลุงร้องเรียก ขณะที่ผมลงมาจากชั้นสองและวิ่งออกไปหน้าบ้าน คุณลุงกับคุณป้ายังอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ไอ้เด็กเนรคุณ” เสียงคุณป้าดังลั่นไล่หลัง “หมาตายไปตัวนึงว่าป้าใจร้าย แล้วที่เลี้ยงดูเรากับพี่ชายมาหลายปีน่ะ ทำไมไม่คิดบ้าง” คุณป้าคงจะโกรธผมมาก ผมไม่เคยเห็นคุณป้าเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อนเลย

ผมรีบไขกุญแจประตูเล็ก ก่อนออกไปผมฉวยพลั่วทำสวนอันเล็กที่วางอยู่ข้างประตูหน้าบ้านไปด้วย เมื่อปิดประตูแล้วก็รีบวิ่งจากไปทันที

เมื่อออกพ้นเขตรั้วบ้านมาได้ ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเป็นกอง ตัวก็หยุดสั่น ทำไมบ้านที่เคยอบอุ่นจึงกลับกลายเป็นน่ากลัวขนาดนี้ไปได้ก็ไม่รู้

ผมยังเหลืองานที่ต้องทำอีกอย่างหนึ่ง ผมรีบตรงไปที่พงหญ้าทันที

ที่นั่น ตาลยังนอนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ผมเอาพลั่วทำสวนเล็กๆที่ติดมาด้วยขุดดินตรงพงหญ้า ดินตรงนั้นเป็นดินที่ถมมานานปี จึงค่อนข้างแน่น พลั่วก็เล็ก การขุดจึงกินแรงมาก กว่าจะขุดเป็นหลุมขนาดพอประมาณได้ก็เล่นเอาเหงื่อโซมกาย

ผมวางร่างตาลลงในหลุม จากนั้นก็เอาดินกลบให้แน่น

“หลับให้สบายนะตาล” ผมอธิษฐานด้วยใจอันหดหู่ ไม่มีพิธีรีตองใดๆ... นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมต้องส่งเพื่อนผู้เป็นที่รักไปบนเส้นทางที่เราไม่อาจได้พบกันอีกชั่วชีวิต...

กว่าจะฝังตาลเสร็จ เสื้อนักเรียนสีขาวของผมก็เปื้อนดินโคลนเปรอะไปหมด สองมือก็เต็มไปด้วยดินโคลน ผมทิ้งพลั่วเอาไว้ที่หลุมของตาล กะว่าเย็นนี้ค่อยมาเอากลับไป จากนั้นก็เดินเนื้อตัวเลอะเทอะอย่างนั้นไปยังปากซอยเนื่องจากไม่กล้ากลับเข้าบ้าน

ผมอาศัยห้องน้ำในปั๊มน้ำมันตรงข้ามซอยภาวนาเพื่อล้างมือและแขนที่เลอะเทอะ แต่ดินโคลนที่เปื้อนเสื้อนั้นยิ่งเอาน้ำเช็ดก็ยิ่งเลอะ จนต้องเลิกเช็ด จากนั้นบ้วนปากเล็กน้อย วันนั้นผมไปโรงเรียนทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำและแปรงฟัน ร้านรวงแถวนั้นก็ยังไม่เปิด ได้แต่เอาน้ำบ้วนปาก

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถเมล์ ผมนั่งคิดไปตลอดทาง สมองสับสนไปหมด...

เมื่อคิดถึงเรื่องที่บ้าน แม้ตอนนี้ผมจะยังปลอดภัยอยู่ แต่ตอนเย็นเมื่อกลับไปผมจะเจอกับอะไรบ้าง ไม่กล้าคิดเลยจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องตาล หมาน้อยอายุสั้น ผมก็อดหดหู่ใจไม่ได้ ตาลตายทั้งๆที่ไม่ควรจะต้องตาย ทำไมคนเราคนเราถึงได้ใจร้ายขนาดนี้นะ แม้แต่ชีวิตเล็กๆ กินเนื้อที่เพียงนิดหน่อย ก็ไม่ยอมเมตตา...

ผมหวนคิดถึงตอนที่ส่งตาลจากไป ผมเริ่มคิดถึงเรื่องการจากกันชั่วนิรันดร ตั้งแต่เด็กมา ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ไม่ว่าเพื่อน หรือญาติ หรือใครๆก็ตามที่ผ่านมาในชีวิตผม ผมไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งเราอาจจะต้องจากกันไปชั่วนิรันดร...

ผมอดคิดถึงไอ้นัยไม่ได้ รู้สึกวูบในหัวใจ ผมเคยมั่นใจว่าวาสนาของเรายังไม่สิ้นสุด และเราจะได้พบกันอีก แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้า ความมั่นใจของผมเริ่มคลอนแคลน ผมเริ่มมองชีวิตในอีกด้านหนึ่ง... ชีวิตที่ต้องพรากจากกันชั่วกาลนาน...

- - -

เช้าวันนั้น ผมไปถึงโรงเรียนในสภาพที่มอมแมมไปหมด แม้เหตุการณ์เมื่อเช้าจะกินเวลา แต่เนื่องจากผมตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นผมจึงไม่ถึงกับมาโรงเรียนสาย เพื่อนๆพากันทักและขบขันที่เห็นผมในสภาพเช่นนี้ คงนึกว่าผมไปหกล้มหรือตกท่อที่ไหนมา

ตายละวา วันนี้ต้องส่งการบ้านฟิสิกส์ ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“เฮ้ ยูร ขอดูการบ้านฟิสิกส์หน่อยดิ” ผมพูดกับยูร เพื่อนที่นั่งข้างหน้าผม

ยูรหันมามองผมแล้วบุ้ยใบ้ไปทางเวช เป็นความหมายว่าสมุดการบ้านอยู่กับเวช

ระยะหลังผมเริ่มกลับมาเกียจคร้านอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่ค่อยสนใจการเรียน ไม่ค่อยอยากทำการบ้าน กลางคืนก็เอาแต่นั่งเฉยจมอยู่ในความมืด ไม่อยากทำอะไรเลย มันเบื่อหน่ายไปหมด แต่ประสบการณ์ได้สอนให้ผมขี้เกียจอย่างแนบเนียน คือไม่เพื่อนลอกการบ้านดื้อๆ แต่ใช้วิธีหลายๆอย่างผสมกัน เป็นต้นว่าทำมาบางส่วน แล้วเว้นตัวเลขหรือข้อความที่เป็นคำตอบเอาไว้ แล้วมาลอกจากของเพื่อนๆ ทำบ้างเว้นบ้าง แล้วเอาของเพื่อนมาลอกเป็นบางท่อนเอามาผสม และที่หนักที่สุดก็คือไม่ทำมาเลย แล้วมาแอบลอกทั้งหมดในห้องเรียนตอนเคารพธงชาติ ผมต้องใช้หลายวิธีเพื่อไม่ให้เพื่อนๆจับได้ว่าผมกำลังกินแรงเพื่อนอยู่ ซึ่งต่างจากเวชและกลุ่มของมัน กลุ่มนั้นใช้อิทธิพลของนักเรียนนักเลงขอเพื่อนลอกเอาดื้อๆเลย

แต่สำหรับการบ้านครั้งนี้ อาจารย์ได้สั่งมาหลายวันแล้ว และเนื่องจากช่วงหลังผมกลับบ้านเร็วเพื่อมาดูตาล ผมจึงมีเวลาค่อนข้างมากในตอนกลางคืน จึงทำการบ้านมาบ้างบางส่วน เหลือส่วนที่ทำไม่ได้เอาไว้ ตั้งใจว่าจะมาทำหรือลอกเอาในตอนเช้า

เมื่อไม่ได้จากยูร ผมจึงหันมาขอยืมจากไอ้กี้ ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากขอยืมมันนัก แต่ครั้งนี้ผมทำมาแล้วค่อนข้างมาก และเวลาจวนตัว แค่ต้องการลอกนิดหน่อยเท่านั้น จึงไม่คิดว่าไอ้กี้จะรู้

“ไอ้กี้ ขอยืมการบ้านฟิสิกส์ดูหน่อยดิ” ผมพูด

ไอ้กี้หยิบสมุดการบ้านส่งให้ “อย่าลอกนะโว้ย” ไอ้กี้กำชับ จากนั้นมันก็เดินไปคุยเล่นกับเพื่อนที่โต๊ะใกล้ๆกัน

ผมเอาสมุดของไอ้กี้มากาง ดูเทียบกับส่วนที่ผมทำไปบ้างแล้ว แล้วก็แอบลอกบางท่อนที่ผมทำไม่ได้ใส่ลงไปในสมุดการบ้านของผมเอง

“ไอ้เหี้ยอู บอกแล้วว่าอย่าลอก” เสียงไอ้กี้เอะอะ พร้อมทั้งสมุดของไอ้กี้ที่กางอยู่ข้างหน้าผมถูกดึงออกไป “คิดเองสิวะ ไอ้ห่า สมองมึงไม่มีหรือไงวะ” ว่าแล้วไอ้กี้ก็ยึดสมุดการบ้านคืนไป

ปกติเสียงไอ้กี้ก็ไม่เบาอยู่แล้ว เมื่อมันเอะอะจึงยิ่งดังเข้าไปใหญ่ เพื่อนๆหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้กี้มักเอะเอะโวยวายใส่ผมบ่อยๆ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จนผมชินชาเสียแล้ว บางทีก็ไม่ได้คิดอะไร แถมยังแกล้งหัวเราะขำๆ แต่ในวันนี้กลับแตกต่างออกไป

ผมรู้สึกหูอื้อ หน้าชา อับอายเพื่อนเหลือที่จะกล่าว มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหรือทำอะไรดี จึงนั่งตะลึงอยู่อย่างนั้น

เมื่อตั้งสติได้ ผมก็ยังทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี นึกไม่ออกว่าจะพาตัวให้หลุดพ้นจากสภาพอันน่าอับอายนี้ไปได้อย่างไร จะวิ่งหนีออกไปนอกห้องก็ใช่ที่ จะนั่งอยู่เฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดูจะหน้าด้านจนเกินไป

ขณะที่คิดอะไรไม่ออกอยู่นั้นเอง ก็มีสมุดเล่มหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าของผม

“เอ้า ดูนี่ดีกว่า อย่าไปดูของแม่งเลย ไอ้ขี้งก” เสียงดังอยู่ข้างซ้ายของผม เสียงของเวชนั่นเอง

สมุดที่วางอยู่ข้างหน้าของผมคือสมุดการบ้านฟิสิกส์ของเวช

“ของกูใช้ได้ เพราะต้นฉบับคือไอ้ยูร” เวชพูดพลางหัวเราะ บรรยากาศดูผ่อนคลายลงนิดหน่อยเมื่อเวชหัวเราะ “แต่ก่อนมึงช่วยกู ให้การบ้านกูลอก วันนี้ให้กูตอบแทนมึงบ้าง ไอ้เพื่อนเหี้ยๆมึงไม่ต้องไปลอกแม่งหรอก”

ไอ้กี้เมื่อเห็นไอ้เวชออกหน้าก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อไป เอาสมุดการบ้านไปส่งที่โต๊ะหน้าห้อง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยรีบลอกการบ้านจากไอ้เวช ลายมือของมันสวยและเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่น้อยเลยทีเดียว ผมลอกผิดๆถูกๆแต่ก็ไม่สนใจให้มากความแล้ว อยากลอกให้เสร็จๆแล้วรีบหนีออกจากห้องไปเพื่อให้พ้นจากสภาพที่น่าอับอายนี้

- - -

วันนั้นเป็นวันที่ผมอยากให้กลางวันทอดออกไปนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่ใช่เพราะว่าผมขยันเรียน ที่จริงอยู่ในห้องเรียนก็อับอายเพื่อน แต่เป็นเพราะว่าผมกลัวที่จะต้องกลับบ้านนั่นเอง

แต่วันเวลาก็ให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน ดังนั้นในที่สุด เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็จำใจต้องกลับบ้าน

ผมใจระทึกไปตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าผมจะเจออะไรบ้าง อาจจะโดนด่า หรืออาจจะโดนตบปากอีกก็ได้ คิดแล้วก็เจ็บใจ พ่อกับแม่แม้จะเคยตีผม แต่ก็ไม่เคยตบปากผมเลย คุณป้าเป็นใคร ถึงกับมาตบปากผม

แต่มาคิดอีกที แล้วผมเป็นใครล่ะ ก็แค่ไปอาศัยเขาอยู่ ทำตัวดีเขาก็รัก ทำตัวไม่ดีเขาก็เกลียด ที่จริงคุณป้าก็พูดถูก ถ้าคุณป้าใจร้ายจริงคงไม่เลี้ยงดูผมกับเอ๊ดมาตั้งหลายปี ผมผิดเองที่ไปอาศัยเขาอยู่ ก็เลยช่วยอะไรตาลไม่ได้... ผมผิดเองที่ใจร้อน เอาแต่เอะอะ ไอ้นัยก็ยังเตือนมาในจดหมายแต่ผมก็ยังไม่ฟัง แล้วก็มีเรื่องจนได้

ผมคิดถึงไอ้นัย... ชีวิตของมันก็คงเป็นแบบนี้ คนที่ต้องอาศัยใบบุญของผู้อื่น ใครจะแกล้งอย่างไรก็ต้องทน ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรักคนนี้มากขึ้น ยิ่งเข้าใจมันมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ผิด คนที่ผิดก็คือผมนั่นเอง... เพราะถ้าผมไม่บีบคั้นมัน ผมก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ให้มันพึ่งพิงทางใจได้บ้าง แต่นี่ผมกลับ... เสียงของมโนธรรมเริ่มติเตียนผมอีก

ผมนั่งฟุ้งซ่านมาตลอดทางด้วยความรู้สึกผิด ผมผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำผิดต่อไอ้นัยยังไม่พอ ยังมาทำผิดต่อคุณป้าอีก... ในชีวิตผมทำอะไรที่ถูกต้องน้อยครั้งมาก มันน้อยจนนับไม่ถูก... คิดไปเรื่อย จนในที่สุด รถเมล์ก็ถึงจุดหมาย...

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะถึงอย่างไรผมก็คงหนีผลแห่งการกระทำของตนเองไปไม่ได้

ผมเดินเข้าซอยด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น ผมอดนึกถึงไอ้นัยอีกไม่ได้ ในวันที่คุณอามารับไอ้นัยกลับบ้าน ไอ้นัยก็คงกลัวแทบตายเหมือนกัน ในเมื่อมันผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ ผมก็ต้องผ่านไปให้ได้เหมือนกัน

ผมเดินผ่านหลุมที่ฝังตาล หยิบพลั่วเล็กที่ซ่อนเอาไว้ออกมา คืนนี้ผมคงโดนหนักแน่ๆ ไม่แน่ว่าว่าผมอาจจะต้องตามไปสมทบกับตาลก็ได้...


<บ้านของคุณลุงและคุณป้าที่ผมอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปี เป็นบ้านรุ่นเก่า มีโรงรถอยู่ข้างตัวบ้าน ด้านหน้ามีสนามหญ้าซึ่งปลูกต้นไม้ไว้หลายสิบต้น>

28 comments:

Anonymous said...

ขอที่1ละกันนะครับ เด๊ะค่อยอ่าน

Unknown said...

โหยผมนี่นะ รีบขึ้นแท่นจนลืม ลงชื่อเลยแหะๆๆ ครั้งแรกนะเนี่ยที่เป็นเม้นแรก ยังเศร้าได้อีกนะครับ

ว่าแต่เห็นว่าอาจะไปตจว. แล้วเมื่อไหร่จะกลับละครับ

หลานหนิง

Anonymous said...

(^_^)ที่1 ลุงอูอุตส่าหืมาลงให้ก่อนไปทำตจวละซิครับขอบพระคุณครับลุง กี้เพื่อนลุงนี่ใจแคบหรือหวังดีกันแน่นะ ลุงอูช่วงเย็นก็พากันไปนั่งทำการบ้านกับเพื่อนสิครับ ผมอยากอ่านเรื่องน้องบอยแล้วอะครับ หดหู่มาซะหลายตอนแล้ว ขอให้ลุงอูเที่ยวหนุกหนานนะค้าบ

Anonymous said...

พลาดได้ไงเนี่ยะ รีบลงชื่อก่อน

IZ

Anonymous said...

ติดตามอ่านมานานแล้วขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆให้ฟังครับ
อ่านนิสัยใจคอตัวละครที่ชื่อ อู แล้ว รู้สึกเหมือนเป็นคนราศีเมถุนพิกล ขอให้พี่อูมีความสุขในชีวิตครับ

Pink Blood

Anonymous said...

ที่เท่าไรผมคงไม่สนใจ
แต่เมื่อได้อ่านแล้ว..ใช้เวลากับสิ่งที่คุณอูเขียน.

มัน..มัน..จุกอยู่ในอก

แล้วก็เศร้าเหลือเกิน..

ผมคิดถึงนัย มาก มาย.

Lonely..man

Anonymous said...

จะว่าไปพี่อูเป็นคนราศีไหนหว่า
อิอิ เป็นโจทย์ที่ดีเลยทีเดียว
แต่จะให้ฟันธงว่าราศีไหนเนี่ยะผมไม่กล้าฟันนะ
เพราะว่ายังมีอิทธิพลของดาวเคราะห์กุมลัคน์
ตนุเศษ ตนุลัคน์ไปสถิตย์ี่ที่เรือนของดาวไหนและมีดาวเจ้าเรือนเป็นอะไร ดาวนตนุเศษ ตนุลัคน์มีตำแหน่งแค่ไหน

ไอแซด@เริ่มหัดดูดวง

Anonymous said...

^_^ ผมทักเรื่องราศีเพราะตัวละครชื่อ อู นิสัยเหมือนเพื่อนสนิทผมอ่ะครับ รวมถึงคนที่ผมรักและคนรอบตัวผมเป็นคนเดือนนี้เยอะเหลือเกิน เลยอ่านแล้วแอบเอาไปแซวเพื่อนบ่อยๆกะพอจะเข้าใจคนที่เรากำลังง้อเค้าอยู่ได้ดีขึ้นอ่ะครับ

Pink Blood

Anonymous said...

ยังเศร้าต่อเนื่อง......

รอลุ้นครับว่า...จะโดน อะไรบ้าง

+ p +

naja said...

เครียดจังเลยนะครับพี่
อายุแค่นั้นแต่กลับมีความเครียดสะสมมากมายขนาดนี้

เศร้า และอึดอัดใจแทนจริงๆ

Anonymous said...

ไม่ทันอีกแล้ว...

หลาน Arus ของอาอู

yo408 said...

แย่จัง คราวนี้ตกท๊อปเทน มัวแต่นั่งงมโข่งกับเจ้าโปรแกรม spybot อยู่ หาทางจะทำยังไงไม่ให้โปรแกรมมันออโต้รันตอนเปิดเครื่อง กดหยุดมันทำงาน มันก็ไม่ยอมคายวินโดวส์คืนซะงั้น ต้องกดรีสตาร์ทถึงได้ หาทางตั้งค่าก็ไม่ถูก ขนาดปรับภาษาเป็นภาษาไทย ยังมึนตึ๊บ แถมยังกินเมโมรี่เครื่องบานตะไท เห้อ เซ็ง ยัยพี่สาวดันไปกด FW mail เลยได้ Adware มาเป็นของขวัญ เด้งป๊อบอัพตลอดเวลาใช้ IE FFไม่ชอบใช้ เห้อ จะหาทางตั้งค่าได้ไหมเนี่ยะ คอนก็เก่า แรมก็น้อย

Anonymous said...

ลบ Spybot ไปแล้ว = ="
ถ้ายังมีอยู่จะช่วยดูให้แท้ๆเชียว
กำลังรีบทานาหารเช้า ล้วออกไปเรียนพิเศษ...
เข้าเรียน08.00 ตอนนี้07.43แล้วยังทานไม่เสร็จเลย
T-T อาอูไม่ปลุกหลานอ่ะ
พรุ่งนี้จะตื่นทันไหมเนี่ย เรียนเช้าอีกเหมือนกัน

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

อย่างไรแล้ว ป้าก็ทำแรงมาก การตบนี่ถือว่าไม่ให้เกียรติอย่างแรงเลย จะตี ก็ตีไป สู้ๆ น่ะคับ เป็นกำลังใจให้
^^sky^^

dodo said...

มาแว้ววววววววววววววววววววว

ไปอ่านก่อนนะครัฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

(คุณ อู ครัฟ เพื่อนๆ ผม บอก ว่า เรื่อง สนุกมากครัฟ เลี่มติดกันแล้วละครัฟ )

LAOS FAN CLUB

โดโด้ครัฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

Anonymous said...

โดโด้ทำไมอ่าน เขียนภาษาไทยคล่องอ่ะ
เป็นคนประเทศลาว แต่ว่าเก่งจริงๆ
หรือว่าเคยมาเรียนที่เมืองไทยครับ

IC

Anonymous said...

ตอกบัตร

Anonymous said...

อาอูได้โดนไล่ออกจากบ้านแหงๆเลย ทำไมคุณป้าโหดอย่างนี้อ่ะ - - อาอูหนีไปเลยครับ ไปขอยุกะเพื่อนคนไหนซักคนก้ได้ ขืนยุต่อมีหวังบ้านแตก สงสารเจ้าหมาน้อยอ่ะ อาอูอุส่าได้เพื่อนแล้วแท้ๆ มันดันจากไป คุณป้าไม่เข้าใจความรุสึกอาอูเลย

ไม่รุพระอาทิตย์จะได้สอบความถนัดในการเรียนรึป่าว เราสอบไปวันจันทร์ที่แล้วอ่ะ พุ่งนี้ผลก้ออกแล้ว เน่าแหงๆเลย - -

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

dodo said...

อ๋อ ที่ผมเขียนภาษาไทย เก่งอะหรอ สงสัย คงเก่งตอนเล่งเกมส์ AUDITION มั๊ง อีกอย่างชอบอ่านนิยายเชั่น HARRY POTTER ภาษาไทย นะครับ คุฌ IC มันก็เลยเก่งไปเองนะ


โดโด้

Choo said...

ขาโจ๋อูเป็นเด็กใจร้อน วู่วาม จริงๆ ครับ เห็นด้วยอย่างแรง คุณป้านอกจากเจ้าระเบียบแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ที่เคร่งครัดในเรื่องของการมีสัมมาคารวะด้วย ผู้ปกครองสมัย 20-30 ปีก่อนส่วนใหญ่มักเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ถือว่าเป็นรุ่นย่า รุ่นยายแล้วครับ คาดว่างานนี้ขาโจ๋อูโดนหนักแน่ๆ อย่างไรก็ตามไม่ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร หลังจากนั้นคุณลุงและโดยเฉพาะคุณป้าก็คงเสียใจและรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองไม่น้อย เพราะอีกด้านหนึ่งของการที่ขาโจ๋น๊อตหลุด ก็มาจากความอ่อนโยนในจิตใจ เพียงแต่แข็งกระด้างในการแสดงออกเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเท่านั้น

ขาโจ๋อูในช่วงมัธยมปลายดูเหมือนจะมีปัญหาการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนพอสมควรทีเดียว มีลักษณะตัวใครตัวมันอยู่มาก ต่างจากชีวิตวัยรุ่นทั่วไปที่จะมีการรวมกลุ่มรวมแก็งส์มากกว่านี้ หรือเพราะอูไม่คบใคร หรือไม่มีใครคบอูครับ (ขอแซวหน่อย)

จริงๆ เรื่องเพื่อนกับเรื่องความรัก มันแยกกันนะ แต่ก็เข้าใจด้วยวัยแค่นั้น มันคงแบ่งแยกลำบากเหมือนกันที่จะไม่นำเรื่องหนึ่งไปผูกโยงกับอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นทุกเรื่องขาโจ๋อูจึงนำมาผูกกับเรื่องของนัยได้ตลอด หรือที่เขาเรียกว่าทุกลมหายใจเข้าออก มันคืออาการอย่างนี้เอง และเชื่อว่าในช่วงต่อไปอีกเป็นปี ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นขาโจ๋จะนำมาคิดเพื่อตำหนิตัวเองในเรื่องของนัยได้ตลอดเวลา

ในมุมกลับกันหากนัยรู้ว่าจดหมายฉบับนี้จะนำความทุกข์ใจมาให้อูขนาดนี้ นัยก็คงเสียใจมากเช่นกัน คงตำหนิตัวเอง เหมือนที่ขาโจ๋ทำอยู่ตอนนี้ บางครั้งคำกล่าวที่ว่า “ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด” ยังสามารถนำมาใช้เพื่อให้หลายๆ อย่างคลี่คลายได้เหมือนกันนะ

เขียนมากไปเดี๋ยวเพิ่มความเครียดเปล่าๆ เลยหาเพลง “หัวใจ” ของ Big Ass มาฝากครับ ความหมายดีครับ เพื่อเป็นกำลังใจครับ

http://www.youtube.com/watch?v=j80VynUMvBw

ว่าแต่เรื่องการจากกันชั่วนิรันดร หรือ การจากกันอย่างยาวนาน ถ้ามีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ

แต่อย่างน้อยตอนนี้อูก็ทำสิ่งที่ถูกต้องคือ การเขียนเรื่องนี้ทั้งภาค 1,2 โดยเฉพาะเขียนภาคสามต่อให้พวกเราได้อ่าน 555

ชู

ปล. IZ กับ IC คนเดียวกันหรือเปล่าครับ เด็กวางระเบิดหายไปครับ

Unknown said...

^
^
^

ว้าวๆๆๆๆ

มาคราวนี้อาชูนำเพลงวัยสะรุ่นมาฝากให้พวกเราฟังด้วยแหละ

ก่อนหน้านี้เห็นมีแต่เพลงวัยชรา 555+

แอบแซวอาชู

หลานหนิง

Anonymous said...

เพิ่งกลับมาครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ของทุกคน วันก่อนรีบโพสต์ก่อนไป

คนเราก้ต่างนิสัยกัน กี้ก็มีนิสัยของมัน อย่างโชคนี่ไม่ให้ใครดูการบ้านเลย เพราะหวงวิชา กลังคนอื่นจะได้คะแนนเกินหน้าเกินตา แต่กี้นี่มันคงมีอะไรของมัน อย่างอาเองตอนเรียนเรื่องลอกการบ้านมองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนสอบถ้าให้ส่งฝิ่นก็ไม่ทำเหมือนกัน เป็นเรื่องต่างคนต่างความคิด ที่จริงกี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่ปากไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง

เพื่อนสนิทในห้องก็พอมีครับ แต่ว่าน้อย บรรยากาศในยุคนั้นในห้องยังแบ่งเป็นกลุ่ม จะสนิทกันเองในกลุ่มมากกว่าเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม ของอาก็มีสนิทกันก็คือโต๊ะที่เรียนวิทยาศาสตร์ด้วยกัน ส่วนกลุ่มไอ้เฉาก็สนิทพอประมาณ แต่ไม่มากนักเพราะไม่ได้ไปติวกับพวกนั้น เดี๋ยวต่อไปก็จะเล่าครับ

เรื่องโดนป้าตบก็สมควรอยู่หรอกครับ ไปทำเสียยังงั้น หลังจากนั้นที่บ้านคุณลุงก็วุ่นวายมาก เรื่องหนีออกจากบ้านนั้นก็น่าคิดอยู่ ต้องตามดูกันต่อไป

ผมไม่ได้ราศีมิถุนครับ จากประสบการณ์ของผม คนทุกราศีก็มีการกระจายของเค้าหน้า ส่วนสูง และนิสัย ไปต่างๆกัน หมายความว่าเท่าที่เห็นมา คนทุกราศีก็มีทุกเค้าหน้า มมีทุกความสูง และมีทุกนิสัยครับ ราศีตุลย์ขี้โกงก็มี ราศีกุมภ์ใจเย็นก็มี ฯลฯ

หลาน arus กินข้าวไปเล่นเน้ตไปด้วยแน่เลย ถึงกินไม่เสร็จสักที แล้ววันนั้นไปเรียนทันไหม เสียดายที่ไม่ได้ไปส่งหลานเรียนพิเศษ

spybot ไม่ได้ใช้เหมือนกันครับ เลยไม่รู้จะช่วยยังไง ใช้แต่ของ avg กับ avira

อู

Anonymous said...

หุหุหุ...

Pink Blood

nai said...

ไปทำบุญต่างจังหวัดมาครับ ตอนนี้น่าจะผ่านมาสัก 20 กว่าปีเห็นจะได้ ผมมีคำถามนิดหน่อย(ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ)

อยากทราบว่าปัจจุบันคุณลุงคุณป้าทั้งสองท่านเป็นอย่างไรบ้าง ยังแข้งแรง สบายดีหรือเปล่า

ส่วนที่ อู บอกว่าแค่เห็นชื่อผมก็รู้สึกอบอุ่น ขอบคุณมากครับ จริงๆ ที่เรื่มอ่านเรื่องของอู ก็เพราะมีตัวละคร ชื่อ วินัย หรือไอ้นัย ซึ่งมีชื่อเดียวกับผม อ่านแล้วก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนกัน

nai

Anonymous said...

คนเดียวกันครับพี่ชู
ช่วงนี้ผมอยากจะบ้า อยากกลับไทยมากๆ
คิดถึงบ้านครับ

IC

Choo said...

ใจเย็นๆ ครับน้อง IC อุปสรรคมีไว้ฟันผ่า ไม่ได้มีไว้ยอมแพ้นะครับ

สงสัยเครียดเรื่องทำ Thesis หรือเปล่า ถ้าเรื่องนี้หาอะไรทำเพลินๆ แก้เครียดก่อนแล้วค่อยกลับมาคิดทำใหม่ หากเครียดอยู่อย่างนี้ จะคิด Idea ใหม่ๆ ไม่ออกหรอกครับ

แต่หากอกหัก ต้องหาคนดามครับ คิดซะว่า เค้าไม่คู่ควรกับเรา

แต่หากคิดถึงบ้าน ก็คิดเสียว่า เรายังโชคดีที่ได้มีโอกาสมาเรียนเมืองนอก มีคนมากมายอยากไปเรียนแต่ไม่มีโอกาสไป ชีวิตวัย 30 มีแค่ปีเดียว ปีหน้าก็ 31 แล้ว ต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าที่สุด

ผมก็ทำได้แค่ปลอบใจ ให้กำลังใจ หวังว่าน้อง IZ จะรู้สึกดีขึ้นเร็ววันนะครับ สู้สู้

พี่คงช่วยอะไรไม่ได้เท่าไร ทำได้แต่ส่งกำลังใจมาให้ เลยฝากเพลงที่ดังๆ ตอน IZ วัยรุ่นมาฝาก เพลง “อย่ายอมแพ้” ของอ้อม สุนิสา จาก kita back to the futue Concert

http://www.youtube.com/watch?v=MUirWWtLa94

เป็นกำลังใจให้ IZ และทุกคนที่กำลังท้อแท้ครับ

พี่ชู

ปล. อู รู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นชื่อ คุณนัย รู้สึกอบอุ่นเมื่ออ่านนิยายฯ (จะเรียก พี่ หรือ น้อง หรือ นัย เฉยๆ ดีครับ) ผมรู้สึกดีใจ มีความสุข ที่อูกะนัยได้คุยกัน ถึงแม้จะคนละนัยก็ตาม (หรือว่ามี เฮ ครับ)

Anonymous said...

เอาล่ะดิ นัยไหนกันละเนี่ย หรือว่าฝันของอาอูจะเป็นจริง ตัวละครจะหลุดออกมานอกจอ

งานนี้มีลุ้นแล้วท่านผู้ชม อานัยเผยตัวออกมาอีกหน่อยดิครับ หลานๆขอร้องงงงง

breeze (นานๆเม้นที)

Anonymous said...

Thank you for your great suggestion krub P' Choo.

IC