Sunday, August 9, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 12

ค่ำวันนั้น ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากลับมาถึงบ้านได้อย่างไร ผมกลับบ้านโดยอาศัยความเคยชิน แต่ไม่ได้รับรู้กับสภาพแวดล้อมรอบข้างเลย โชคดีที่สามารถถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกรถชนเสียก่อน

วันนั้นผมกลับถึงบ้านช้ากว่าปกติเล็กน้อย คุณลุงและคุณป้าก็ไม่ได้คอยกินอาหาร เมื่อกลับไปถึง ทั้งสองคนกำลังอิ่มพอดี

“วันนี้เป็นอะไรมาช้า ตาอู” คุณป้าทักทายหลังจากที่ผมไหว้ทั้งสองคน

“มีติวกันตอนเย็นนิดหน่อยครับ” ผมอ้อมแอ้มตอบ เมื่อเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว เรื่องติวและเรียนพิเศษสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากบ้านหรือว่ากลับบ้านช้าได้เป็นอย่างดี “เดี๋ยวอูทานต่อเลยครับ อูเก็บโต๊ะให้เอง”

“วันนี้อูดูหงอยไปนะ เป็นอะไรไปอีกล่ะ” คุณป้าทักต่อ ดูเหมือนผู้หญิงจะช่างสังเกตกว่า หรือไม่อย่างนั้นผมก็อาจเก็บอาการไม่ค่อยดีนัก

“ทะเลาะกับเพื่อนมานิดหน่อยครับคุณป้า” ผมตอบ หลายปีที่อยู่ที่นี่ ทำให้ผมพัฒนาคำตอบให้ดีขึ้นกว่าการพูดว่าไม่มีอะไรครับ ถ้ามีสาเหตุอธิบายเสียหน่อย คนฟังก็มักจะพอใจและไม่ซักต่อ

“เพื่อนกันก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง” ดูคุณป้าพอใจกับคำตอบและไม่ติดใจที่จะซักต่อ ส่วนคุณลุงนั้นนั่งฟังเงียบๆ ไม่แสดงความเห็นอะไร

เมื่อทั้งสองคนลุกจากโต๊ะไปแล้ว ผมก็ลงมือกินอาหารเพียงเล็กน้อย ที่จริงไม่หิวเลย แต่ไม่กินก็ไม่ได้เพราะจะผิดสังเกต จึงกินนิดหน่อยพอเป็นพิธี จากนั้นก็เก็บโต๊ะ ล้างจาก แล้วรีบขึ้นห้องนอน

“อูขอขึ้นไปดูหนังสือต่อก่อนนะครับ” ผมแวะไปบอกคุณลุงคุณป้าที่กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ “ช่วงนี้เรียนหนักครับ” ผมอ้างเรื่องเรียนอีก

หลังจากที่ผมทำงานบ้านเสร็จก็รีบขึ้นไปเก็บตัวในห้องนอน ผมหยิบจดหมายของไอ้นัยออกมาเพื่อจะอ่านอีก ผมถือจดหมายอยู่ในมืออยู่นานแต่แล้วก็ไม่กล้าอ่าน จู่ๆผมก็รู้สึกกลัว... กลัวที่จะยอมรับความจริงว่าผมได้ทำร้ายไอ้นัยอย่างไรบ้าง...

ผมปิดไฟที่โคมไฟตั้งโต๊ะ เมื่อดวงไฟดับลง ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจากถนนซอยที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ผมวางจดหมายของไอ้นัยลงและหยิบซองบทเพลงรัก... บทเพลงที่ไม่เคยได้มอบให้ไอ้นัย... ออกมาลูบคลำเล่น สายตาก็เพ่งมองกล่องใส่ทิชชู่รูปหมาที่วางอยู่บนโต๊ะ ความคิดของผมในตอนนั้นสับสนไปหมด

- - -

ที่สนามบินดอนเมือง เวลา ๖.๔๕ น.

ผมวิ่งเข้ามาในตัวอาคารผู้โดยสารขาออก พลางหันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะไปหาไอ้นัยที่ไหน ผมจึงวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

“พี่ครับ ผมจะมาส่งเพื่อน เที่ยวบินหกโมงห้าสิบไปอเมริกา ต้องไปที่ไหนครับ” ผมละล่ำละลักถามพนักงานด้วยความร้อนใจ

พนักงานก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่ได้ชายมามองผมแม้สักนิดเดียว

“พี่ครับ” ผมตะโกนลั่น “พี่”

ไม่ได้ผล พนักงานประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่สนใจผมอยู่ดี

เมื่อสอบถามจากประชาสัมพันธ์ไม่ได้ความใดๆ ผมจึงไม่อยากเสียเวลาถามอีก ผมรีบวิ่งอย่างสะเปะสะปะไปทั่วเพื่อจะหาไอ้นัย

ทันใดนั้นผมก็เห็นเงาหลังของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ยืนหันหลังให้ผมอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เงาหลังนั้นช่างคล้ายไอ้นัยเหลือเกิน โดยไม่รอช้า ผมรีบไปวิ่งไปที่ร่างนั้นทันที

เมื่อเข้าใกล้ ร่างนั้นกลับหายไปในฝูงคน ผมพยายามมองหาอีกครั้ง ก็เห็นร่างนั้นอยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตรและกำลังเดินห่างออกไป

ผมรีบวิ่งตาม เมื่อเข้าไปใกล้จึงแน่ใจว่าเงาหลังที่ผมเห็นนั้นคือไอ้นัยนั่นเอง

“นัย” ผมตะโกนลั่นโดยไม่สนใจใคร “รอก่อน”

ไอ้นัยไม่หันกลับมา แต่กลับเดินหน้าต่อไปอย่างเร่งรีบ ผมรีบวิ่งตามไป แต่วิ่งเท่าไรก็ไม่ทันไอ้นัยเสียที ผมรู้สึกว่าผมกำลังก้าวเท้าซอยอยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้...

“นัย รอด้วย” ผมตะโกนสุดเสียง

เงาร่างนั้นไม่หันมา แต่กลับเดินหายลับไป...

- - -

“อู อู เป็นอะไรไปน่ะ อู เปิดประตูเร็ว” เสียงใครก็ไม่รู้ตะโกนโหวกเหวก

ผมสะดุ้ง เมื่อผมรู้สึกตัวอีกครั้งผมกลับพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงภายในบ้านนั่นเอง เสื้อนอนของผมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ภาพที่ผมเห็นเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

“อู อู ได้ยินไหม เปิดประตูเร็วเข้า” เสียงโหวกเหวกนั้นยังคงดังอยู่ เป็นเสียงคุณลุงกับคุณป้านั่นเอง

ผมลุกขึ้นจากเตียง รีบไปปลดกลอนและเปิดประตูห้องนอน เมื่อเปิดประตูออกก็พบใบหน้าของคุณลุงและคุณป้าที่แสดงความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นตาอู ทำไมร้องเอะอะลั่นบ้าน” คุณป้ารีบถาม “เป็นอะไรไปหรือเปล่า”

ผมหวนนึกทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พยายามซ่อนอาการสั่นสะท้านเอาไว้ มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“เอ้อ อูคงฝันร้ายน่ะครับ” ผมตอบ ที่จริงผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นความฝัน เพราะมันโลดแล่นอย่างแจ่มชัดราวกับเกิดขึ้นจริงๆ

“ไม่สบายหรือเปล่าอู” คุณลุงพูดพลางเอามือมาแตะที่หน้าผากของผม เกรงว่าผมจะไม่สบายเหมือนครั้งก่อน “หน้าผากก็ไม่ร้อน คงไม่มีไข้”

หลังจากซักไซร้ไล่เรียงผมอยู่สักครู่ ทั้งสองก็สรุปว่าคงเป็นแค่ฝันร้ายธรรมดา ผมคงไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด แต่ก่อนที่จะกลับไปนอน คุณลุงก็ยังกำชับผมไม่ให้ใส่กลอนประตูห้องนอนอีก เผื่อว่ามีอะไรที่ไม่คาดฝันคุณลุงจะได้เข้ามาช่วยได้ทัน

- - -

ผมกลับเข้าไปในห้องนอน เปิดไฟจากโคมไฟที่โต๊ะ นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ ผมเห็นจดหมายของไอ้นัยและซองบทเพลงยังคงวางอยู่ที่โต๊ะ ความทรงจำสุดท้ายของผมนั้นผมจำได้ว่ากำลังลูบคลำซองบทเพลงอยู่ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ผมไปนอนที่เตียงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

ผมหวนนึกถึงความฝันเมื่อครู่แล้วก็อดสะท้านไม่ได้ เหตุการณ์ในฝันนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน...

ผมนั่งละล้าละลังอยู่สักครู่ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี นอนก็นอนไม่กลับ จะนั่งอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกกลัว

ในที่สุดผมก็นึกได้ว่าผมควรทำอะไร ผมหยิบแอโรแกรมออกมาจากเป้ จากนั้นเขียนจดหมายถึงไอ้นัยอีกหนึ่งฉบับ เนื้อความก็คล้ายๆฉบับก่อน ผมจะเขียนจดหมายถึงไอ้นัยอีกฉบับ เผื่อว่าฉบับที่ส่งไปเมื่อวานอาจตกหล่นหรือสูญหายกลางทาง

เอ... แล้วถ้าฉบับนี้เกิดสูญหายด้วยล่ะ ผมคิดขึ้นมาด้วยความกังวล

ถ้ายังงั้นเขียนสักสองฉบับน่าจะดีกว่า ผมเปลี่ยนความคิดอีก จากนั้นผมก็ลงมือเขียนจดหมายเพิ่มอีกฉบับโดยที่เนื้อความใกล้เคียงกัน

ในตอนเช้าวันนั้น ผมนำแอโรแกรมทั้งสองฉบับไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ ฉบับหนึ่งส่งที่ตู้หน้าปากซอยที่บ้าน ส่วนอีกฉบับผมส่งที่ตู้หน้า ปณ.วัดเลียบ เขียนสามฉบับแยกส่งสามที่ ถึงจะสูญหายอย่างไรก็คงต้องถึงมือไอ้นัยสักฉบับเป็นแน่

- - -

เช้าวันนั้นผมมาถึงโรงเรียนค่อนข้างเร็ว เพราะหลังจากที่ตกใจตื่นผมก็ไม่ได้นอนต่ออีก ทำให้ตื่นเร็วกว่าปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ฝันร้ายเมื่อตอนใกล้รุ่งยังรบกวนจิตใจของผมตลอดทั้งเช้า

สถานที่แรกที่ผมแวะเมื่อถึงโรงเรียนไม่ใช่ห้องเรียน แต่เป็นห้องสมุด ผมตรงไปที่ห้องสมุดทันทีโดยไม่ยอมเสียเวลาเอาเป้ไปเก็บที่ห้องก่อน ปริศนาเพลงที่สามของไอ้นัยยังคาใจของผมอยู่ ผมแน่ใจว่ามันต้องการบอกอะไรบางอย่างในเพลงนั้นแน่ๆ

ผมเปิดพจนานุกรมอังกฤษเป็นไทย ฉบับตั้งโต๊ะ ของ สอ เสถบุตร ซึ่งเป็นพจนานุกรมที่นิยมใช้กันมากที่สุดในยุคนั้น เพื่อหาคำว่า aloha oe แต่ก็ไม่พบ คงมีแต่เพียงคำว่า aloha เฉยๆ โดยระบุคำแปลว่า ความรัก, ใช้เป็นคำทักทาย

ไม่เห็นจะเกี่ยวเท่าไรเลย ผมคิดในใจ แต่คำว่า aloha แปลว่าความรักก็ถือว่าพอได้เค้าลางอะไรมาบ้าง

เมื่อเปิดพจนานุกรมไม่ได้เรื่อง ผมจึงลองเปิดสารานุกรมดู ที่โรงเรียนมีสารานุกรมบริทานิกา ใส่ตู้เอาไว้ทั้งชุดมีหลายสิบเล่ม ผมเคยมาเปิดดูรูปเล่น แต่ก็ไม่เคยมาค้นหาอะไรจริงจัง ในยุคนั้นยังไม่มีฉบับซีดีรอมให้ใช้

ในสารานุกรมกล่าวถึงเพลง aloha oe นี้เพียงสั้นๆว่าแต่งโดยราชินีของฮาวาย แต่ก็ไม่มีรายละเอียดอื่นใด... ก็ยังไม่ได้เรื่องอีก

“อาจารย์ครับ ผมอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงนี้ เป็นเพลงของฮาวาย จะหาที่ไหนดีครับ” เมื่อหาข้อมูลที่ต้องการไม่ได้ในห้องสมุดของโรงเรียน ผมจึงปรึกษาบรรณารักษ์ โดยยื่นกระดาษจดชื่อเพลงให้ เนื่องจากผมอ่านชื่อเพลงไม่ออก จึงใช้เขียนเอา เพราะเกรงออกเสียงผิดแล้วจะเข้าใจกันผิด

บรรณารักษ์ดูชื่อเพลงแล้วนิ่งคิดสักครู่

“เพลงฮาวายเหรอ” บรรณารักษ์เปรย แล้วก็ให้คำแนะนำ “ถ้าอย่างนั้นนักเรียนลองไปดูที่ห้องสมุดเอยูเอดีกว่า ที่นั่นมีเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาอยู่เยอะ”

หลังจากนั้นผมก็สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับห้องสมุดเอยูเอและวิธีเดินทางไป ผมตั้งใจว่าจะคลี่คลายความลับในบทเพลงของไอ้นัยให้ได้

- - -

แม้ผมจะมาแต่เช้า แต่ไปเสียเวลาที่ห้องสมุดเสียนาน ดังนั้นกว่าจะมาถึงห้องเรียนก็เกือบได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว

“เฮ้ย ไอ้อู วันนี้มีส่งการบ้านคณิตศาสตร์นะโว้ย” ไอ้กี้พูดกับผม

“การบ้านอะไรวะ” ผมถามอย่างงุนงง

“ก็เมื่อวานตอนที่มึงโดดเรียนไป อาจารย์พิกุลขึ้นบทใหม่พอดี แล้วก็สั่งการบ้านด้วย ส่งวันนี้แหละ” ไอ้กี้อธิบาย

ซวยละสิ บทใหม่เป็นเรื่องอะไรผมยังไม่รู้เลย หนังสือเรียนก็ไม่ได้เอามาเพราะว่าวันนี้ไม่มีคณิตศาสตร์ แล้วจะทำการบ้านส่งได้อย่างไร ปกติอาจารย์มักไม่สั่งให้ส่งการบ้านในวันรุ่งขึ้น แต่ครั้งนี้กลับเร่งให้ส่งเร็ว แล้วก็พอดีเป็นวันที่ผมไม่ได้อยู่เรียนเสียด้วย แต่โชคยังดีอยู่หน่อยคือแม้ผมไม่ได้เอาหนังสือคณิตศาสตร์มา แต่สมุดการบ้านพอดียังติดอยู่ในเป้ ไม่ได้เอาออกไป

“งั้นขอลอกหน่อยดิ” ผมขอไอ้กี้ดื้อๆ

“เฮ้ย ไม่เอา ลอกไปมึงก็ไม่รู้เรื่อง ทำเองดีกว่า” ไอ้กี้ไม่ยอมให้ลอก “มึงไปบอกอาจารย์ว่าไม่สบาย ขอส่งพรุ่งนี้ เค้าก็ยอมอยู่แล้ว”

ผมจ๋อย รู้สึกเสียหน้าเหมือนกันที่ถูกปฏิเสธ ผมอดนึกถึงเพื่อนเก่าไม่ได้ นี่ถ้าเป็นไอ้อ๊อดหรือไอ้แก่ มันคงไม่มีทางปฏิเสธผมเป็นแน่

เมื่อถูกกี้ปฏิเสธ ผมก็ไม่กล้าขอยืมคนอื่นลอกอีก เพราะถ้าถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่สองผมคงเสียหน้าและอับอายเพื่อนมาก ผมจึงออกไปนั่งเล่นที่ทางเดินหน้าห้องเพื่อใช้ความคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี

ผมนั่งที่ทางเดินหน้าห้องอยู่อย่างนั้นจนออดเข้าแถวเคารพธงชาติดังขึ้น พวกนักเรียนทยอยเดินออกจากห้องเพื่อลงไปตั้งแถวที่สนามใหญ่ ผมทำทีเป็นเดินตามเพื่อนๆไป โดยพยายามเดินช้าๆ จากนั้นผมก็แยกจากเพื่อนๆย้อนกลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง

ตอนนั้นไม่มีนักเรียนอยู่ในห้องแล้ว เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เดินลงบันไดไปแล้ว ผมเดินมาที่ประตูห้องเรียนด้านหลังชั้น จากนั้นปิดบานประตูเข้ามา ประตูห้องเรียนมีสองประตู ถ้าปิดประตูที่อยู่ด้านหลังชั้นเสียเวลาคนเดินผ่านไปผ่านมาจะไม่เห็นหลังห้องเลย ทำให้ผมสามารถซ่อนตัวอยู่ในห้องได้อย่างสบาย ยกเว้นว่าจะมีใครเดินตรวจเข้ามาในห้องจึงจะพบเห็นผมได้

ผมรออีกสักครู่เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนลงไปหมดแล้วจริงๆ จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะหน้าชั้นซึ่งเป็นที่วางสมุดการบ้าน

จะเอาใครเป็นต้นฉบับดีหว่า ผมคิดในใจ ไม่เอาของไอ้กี้เพราะลายมือมันไม่ค่อยดี อีกทั้งรู้สึกไม่อยากพึ่งมัน เอาของคนเรียนเก่งดีกว่า

ผมหยิบสมุดการบ้านของพัน พันแม้เรียนเก่งแต่ลายมือก็ไม่ค่อยดี เอาของมอนก็แล้วกัน มอนเป็นเด็กที่ลายมือสวยมาก เป็นระเบียบเรียบร้อย อ่านง่าย อีกทั้งหน้าตาก็น่ารัก ผมชอบนั่งมองมันบ่อยๆ

ผมเอาสมุดการบ้านของไอ้มอนมาลอกที่หลังห้องเรียนโดยไม่ลงไปเข้าแถว กว่าจะเข้าแถวเคารพธงชาติและสวดมนต์กันเสร็จสิ้น ผมก็ลอกการบ้านเสร็จพอดี เพราะการบ้านวันนั้นมีไม่มากนัก

เมื่อผมลอกการบ้านเสร็จก็เอาสมุดการบ้านไปวางในกอง จากนั้นเดินออกจากห้องไปซ่อนตัวอยู่ที่บันไดอีกด้านหนึ่งของตึก เพื่อว่าเพื่อนๆเมื่อเข้ามาจะได้ไม่เห็นว่าผมอยู่ในห้องอยู่แล้ว รอคนเข้าห้องไปแล้วสักครู่จึงเดินตามเข้าไปบ้าง

- - -

ตลอดทั้งสัปดาห์ผมใจจดใจจ่อรอให้ถึงวันเสาร์ เพื่อว่าผมจะได้ไปที่ห้องสมุดเอยูเอ ตั้งแต่ที่ผมได้รับจดหมายจากไอ้นัย หลังจากนั้นมาผมก็เริ่มกลับมามีอาการเรียนไม่รู้เรื่องอีกครั้งหลังจากที่อาการนี้หายไปนาน

ผมไปเรียนเปียโนตอนเช้าตามปกติ วันนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเรียนนัก เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องเพลงของไอ้นัยและห้องสมุดเอยูเอ

“อู” ครูเปียโนของผมเรียก ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์

“ครับครู” ผมขานรับ

“เป็นอะไรไปน่ะ นั่งใจลอย ครูเรียกหลายทีแล้วเพิ่งจะตอบ” ครูเปียโนพูด

“พอดีคิดอะไรนิดหน่อยครับ” ผมตอบ ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ ไหนๆก็ไหนๆ ลองถามครูหน่อยดีกว่า เผื่อจะรู้

“ครูรู้จักเพลงนี้ไหมครับ” ผมเอากระดาษชิ้นเล็กๆที่เขียนชื่อเพลงส่งให้ครูดู

เมื่อครูเห็นชื่อเพลงก็พูดขึ้นทันที “อ๋อ รู้จัก เป็นเพลงอำลาน่ะ”

“ครูว่าอะไรนะครับ” ผมตกใจ รู้สึกสังหรณ์ใจวูบทันที

“เป็นเพลงอำลาจ้ะอู ใช้ตอนร่ำลาจากกัน” ครูตอบ

ฟังเพลง Aloha Oe
<เพลงนี้เป็นเพลงที่ชาวฮาวายรู้จักกันดีทุกคน ชื่อเพลงเป็นภาษาฮาวาย อ่านว่า ‘อะโลฮา โอเอ’ เนื้อเพลงเป็นก็ภาษาฮาวาย มีความหมายเกี่ยวกับการร่ำลาด้วยความรักอาลัย เพลงนี้แต่งโดยราชินีองค์สุดท้ายของฮาวายชื่อ ลิลีอูโอคาลานี (Lili’uokalani) ในปี ค.ศ. ๑๘๗๘ โดยได้แรงบันดาลใจจากการที่เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกอดกันด้วยความรักอย่างสุดซึ้งก่อนที่จะอำลาจากกัน>

30 comments:

Anonymous said...

ขอเป็นที่หนึ่งได้มั้ย เศร้าเหลือเกิน

MNK

Anonymous said...

ชะล่าใจไปหน่อยอ่านจบก่อนแล้วจะเม้น
เลยเป็นที่ สองเลย
ตอนนี้สั้นจัง

thom

yo408 said...

ขอลงชื่อแย่งที่3.มั่ง หลังจากมือตก ตกท๊อปเท็นมานาน

yo408 said...

แหม่ มีทิ้งปมเรื่องเนื้อหาเกียวกับเพลง ที่เป็นการอำลาจากกันด้วยความรัก

ขอเดาว่า จดหมายน่าจะถูกตีกลับทั้งสามฉบับ อิอิ

Anonymous said...

เอ่อ ยังไม่ได้อ่าน แต่มาเม้นก่อน

ยืนยันเจตนารมณ์เดิมไม่ว่ายังไงก้อตาม ให้อาอูเจออานัยในสักวัน สาธุ-/\-

หลานหนิง บ้าได้อีก

Anonymous said...

ไม่ทันอีกแล้ว T-T
ท้้องเสียครับ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

โหลดเพลงฉบับเต็มทั้งสามไว้แล้วครับ
กำลังจัดส่งให้อาอู
ผมได้ฉบับที่ MV มาด้วย อาอูสนใจไหมครับ?

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

โห้ถ้าคอมไม่เดี้ยงจนถึงขั้น format ที่หนึ่งเห็นๆ
พี่อูชอบทิ้งปมอยู่เรื่อยเลย อารมณ์ประมาณว่า
โปรดติดตามตอนต่อไป

IZ

Anonymous said...

เม้นกันแต่เช้าเลย เพลงเศร้าจัง *_* ทำไมนัยต้องบอกลาด้วย

Choo said...

ช่วยอูหาคำแปลเพลง Aloha Oe ตาม link นี้

http://www.huapala.org/Aloha/Aloha_Oe.html

มีแปลเป็น Eng แล้วประวัติของเพลงด้วย

อูจะได้มีเวลา Mo ต่อไวไว 555

ชู

ปล.เป็นกำลังใจอยู่ข้างหลังละกัน

Anonymous said...

เม้นต์ครับ เม้นต์
คราวนี้นิดเดียวจัง
ต้องอ่านตอนต่อไปอีกแล้ว แบบว่าอารมณ์ค้างอะครับ...

^S-U-N-^

dodo said...

มาแว้วววววววว


ไปอ่านดีกว่า




โดโด้

Choo said...

รู้สึกนัยจะมีแววเป็นนักดนตรี ในขณะที่อูก็เป็นนักฟังเพลง เลยหาเพลงที่เข้ากับบรรยากาศในยุค 70 มาฝาก ชื่อเพลง Wish You Were Here ของ Pink Floyd ก่อนยุคอูเล่าไปอีก 10 ปีได้มั๊ง

ขอมอบให้อูกะนัย น้องอู รวมทั้งเผื่อ น้องๆ หลานๆ ฟังด้วยนะครับ ฟังต่อจากเพลงที่อู post ไว้ Aloha Oe น่าจะแปลว่า “Until we meet again” จะได้อารมณ์ต่อเนื่องตาม link นี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=q1moiym6-Nk&feature=related

เนื้อเพลง
So, so you think you can tell
Heaven from Hell,
Blue skys from pain.
Can you tell a green field
From a cold steel rail?
A smile from a veil?
Do you think you can tell?

And did they get you to trade
Your heros for ghosts?
Hot ashes for trees?
Hot air for a cool breeze?
Cold comfort for change?
And did you exchange
A walk on part in the war
For a lead role in a cage?

How I wish, how I wish you were here.
We're just two lost souls
Swimming in a fish bowl,
Year after year,
Running over the same old ground.
What have we found?
The same old fears.
Wish you were here.
Wish You Were Here is a concept album by Pink Floyd released on Harvest Records in the United Kingdom and Columbia Records in the United States. It was recorded at Abbey Road Studios between January and July 1975 and released on 15 September 1975. The album is regarded as one of Pink Floyd's greatest albums and was ranked 209 on Rolling Stone's 500 Greatest Albums of All Time list. Its lyrics, written by Roger Waters, concerned the music industry, and questioned the market-oriented record companies' lack of understanding and interest for musicians. The album also pays tribute to Syd Barrett, Pink Floyd's former guitarist and chief songwriter, especially with "Shine On You Crazy Diamond" and the title track itself.

เป็นกำลังใจครับ

ชู
ปล. ว่าแต่เห็นพี่คนหนึ่งใน Blog แวบๆ เรียนมหาวิทยาลัย ปี 252X หายไปไหนแล้วครับ

Anonymous said...

ทำผมเศร้าได้อีกน่ะพี่อู

t1000

Anonymous said...

จริงๆตอนนี้ผมพยายามหลีกเหลี่ยงการอ่านเรื่องเศร้านะครับ แต่ด้วยความที่ตามติดเรื่องนี้มาตลอด ขอบอกเลยว่ามันรู้สึกได้ถึงความอ้างว้าง ยิ่งตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดี ก็ได้อารมณ์เศร้ามากขึ้นไปอีก
Federick

Anonymous said...

(^_^)ที่1ของปี ลุงนัยคงบอกลาเพราะอารมณ์น้อยใจผิดหวังประมาณนี้นะครับลุงนี่แสดงว่าแคร์ลุงมากเลยสินะอาจต้องการให้ลุงไปมีชีวิตที่ไม่มีเขาแล้วนะครับ ผมคิดว่างั้นนะครับ ไปฟังเพลงของลุงชูและลุงอูมาแล้วครับ ซึมจังเลยครับเอาเพลงของพี่ป๊อดไปเพิ่มความเศร้าของพี่ๆอีกเพลงเอาให้เหงาตายกันไปเลยhttp://www.youtube.com/watch?v=l0rh0xj_R1shttp://www.youtube.com/watch?v=l0rh0xj_R1s

naja said...

อย่าหาว่าผมมองโลกในแง่ร้ายเลยนะครับ
ผมว่าจดหมาย 2 ฉบับนั้นคงส่งไม่ถึงมือพี่นัยหรอก

เพราะว่าถ้าจดหมายเหล่านั้นสามารถส่งถึงมือพี่นัยแล้วหล่ะก้อ ซองบทเพลงรักของพี่อูคงถูกส่งไปให้พี่นัยนานแล้ว คงไม่ค้างอยู่กับพี่อูจนเก่าเหลืองกรอบเหมือนที่พี่อูเคยบอก

ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ยิ่งปวดใจ

Bomber_Boy said...

พี่อูชอบแกล้งเพื่อน แกล้งน้อง แกล้งหลานๆ อ่ะ กำลังมันเลย จบซะละ

เหมาะแล้วละครับที่จะเป็นนักเขียน เขียนเรื่องแบบนี้ให้พวกเราอ่านกัน

พยายามจะทำใจไม่ให้อินไปกับเนื้อเรื่องมาก ไม่งั้นเศร้าอีก จิตตก เหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ หงอยไปหลายวันเลยเมื่อตอนที่ภาคสองใกล้จบ จะพยายามทำใจไม่ให้จิตตกเหมือนครั้งที่แล้ว

สู้..สู้
__________
Bomber_Boy

Anonymous said...

ไม่หายไปไหนหรอกครับ ผมก็คอยเข้ามาดูมาอ่านเหมือนกัน แต่เนื่องจากอ่านแล้วมันขาดคอน ไม่เหมือนช่วงแรกที่อ่านตั้งแต่ภาค 1 ถึง ภาค 3 มันต่อเนื่องและอยากติดตามไปเรื่อยๆ ก็เห็นใจคนเขียนครับ ขอชมว่าเขียนเรื่องให้ชวนติดตามเก่งมากครับ จะเป็นกำลังใจให้ เขียนออกมาต่อๆไปครับ
ment 42

Anonymous said...

ไม่นึกเลยว่าผมจะเป็นผู้อาวุโสไปสะแล้ว ยังติดตามเรื่องของอูอยู่ครับไม่ได้ไปไหน แต่ไม่ได้mentsตอนที่ 11 เพราะมัวยุ่งงานอยู่ และก็อยากดูพวกน้องๆ หลานๆ mentsกันอ่านแล้วก็สนุกดีแถมบางที่คุณชู ยังมาช่วยวิเคราะห์วิจารณ์อีก ถือว่ามีประโยชน์ในอีกแง่มุมหนึ่งเหมือนกัน
ments 42

Anonymous said...

ทะเลหายแฮะ ไม่โผล่หลายวันแล้ว

Anonymous said...

แหะๆ พอดีคอมโดนไวรัสกิน ต้องล้างเครื่องเหมือนของพี่ IZ เลยอ่ะครับ โดนไป 2 เครื่องเลย นี่ต้องใช้เครื่องสำรองของสำรองT^T ผมว่าบางทีอาจจะเปนอย่างที่พี่najaพูดไว้อ่ะ เพราะจะว่าไปถ้าไปส่งมืออานัย อาอูก้คงส่งเพลงไปให้อานัยแล้ว ยังไงก้ตามผมยังอยากให้ยังไงๆจดหมายก้ถึงมืออานัยนะครับ อุส่ามีโอกาสได้คุยกันผ่านจดหมาย ผมยังไม่อยากให้โอกาสนี้หลุดไป ขอให้โชคดีนะครับ

อาอูครับ ขอบคุณมากจริงๆที่มาดูดวงให้ ดูไม่ดีเลยลัดคิวพี่ๆที่เค้ารอทางเมลมาตั้งนาน ขอโทดด้วยนะครับ แต่ผมแปลกใจว่าอาอูรุได้ไงว่าเพื่อนที่ผมทะเลาะไม่ใช่เพื่อนธรรมดา ไพ่ยิปซีหรอคับ - -

สุขสันต์วันแม่ล่วงหน้านะครับ ^^ พอดีผมว่าพรุ่งนี้ผมคงเข้ามาไม่ได้อ่ะ กลัวจะไม่ได้พิม เลยเข้ามาอวยพรไว้ก่อนเลย ผมรักแม่มากนะครับ

in the heat of summer sunshine
I kiss you and nobody needs to know

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

วิ่งตามหาหัวใจตัวเองอีกแล้ว

ห่างกันขนาดนี้ อย่าทำให้มันเจ็บปวดมากกว่านี้เลยคับพี่อู
มาให้กำลังใจค๊าบๆ
^^sky^^

Anonymous said...

นก่อนลืมทักทายพี่ ment 42 ต้องขอโทษด้วยครับ เห็นทีพี่จะมีอาวุโสสูงกว่าพี่ชูจริงๆด้วย พี่ชูคงโล่งใจ ส่วนผมนั้นก็เบาใจไปนานแล้ว

ต้องขอบคุณน้องฟ้าด้วยครับ ระยะหลังนี่มีผู้อ่านใหม่ๆเข้ามาเยอะทีเดียว ที่แท้เป็นผลงานของน้องฟ้านี่เอง เมื่อเดือนที่แล้วมีผู้เข้ามาอ่าน 17,680 คน ช่วงนี้ทำลายสถิติทุกเดือน ปีที่แล้วยังมีแค่เดือนละ 3000-4000 คนเอง

ขอบคุณพี่ชูสำหรับเนื้อเพลง Aloha Oe และเพลง you were here ตอนต่อไปจะมีเวอร์ชันที่เล่นด้วยเครื่องดนตรียูคัลลิลลีของฮาวายด้วย หวานๆเศร้าๆครับ

ขอบคุณหลานที่หนึ่ง หลาน arus สำหรับเพลง

ช่วงนี้ผมโดนต่อว่าจนงอมไปเลย ว่าทำไมเรื่องถึงได้เศร้าอย่างนี้ ก็ชีวิตเป็นอย่างนี้นี่ครับ ไม่ทราบจะทำอย่างไรเหมือนกัน ถ้าใครที่ตอนนี้มีอารมณ์โศกเป็นพื้นอยู่แล้ว อย่างเช่น T1000 หลานหนิง Frederick ฯลฯ ที่จริงอยากบอกว่าให้หยุดอ่านไปก่อนดีไหมครับ สบายใจแล้วค่อยมาไล่อ่านภายหลังก็ยังได้

มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากขอ รบกวน โดยเฉพาะรุ่นพี่ๆ อาๆ สักหน่อย คือตอนนี้เว็บบล็อกนี้มีผู้อ่านมากขึ้น หลายคนก็คิดว่าอบอุ่นเหมือนเป็นบ้าน น้องๆหลานๆหลายคนเข้ามาพร้อมกับปัญหาในชีวิต

ก็พอดีกับได้เห็นพี่ๆอาๆหลายคนช่วยพูดคุยกับหลานๆ ผมเองอ่านแล้วยังรู้สึกดีเลย ดังนั้นผมเชื่อว่าตัวน้องๆหลานๆเองก็คงรู้สึกดีขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่นหลานทะเล ก็มีญาติๆหลายคนช่วยกันดูแล น่าอบอุ่น ฯลฯ ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่าพี่ๆอาๆในนี้ก็มีหลายคน น่าจะเป็นเพื่อนพูดคุยคลายทุกข์ให้น้องๆหลานๆได้ไม่มากก็น้อย อันที่จริงทุกข์นั้นถ้าจะคิดกันจริงๆ ก็ผมเป็นต้นเหตุนั่นเองครับ ถ้าไม่อ่านเรื่องเศร้าแล้วก็คงจิตไม่ตกกัน

โดโด้นี่ใช้ภาษาไทยคล่องเชียว ได้กี่ภาษาครับ อังกฤษได้ด้วยอยู่แล้ว แต่ฝรั่งเศสด้วยหรือเปล่า

เรื่องจดหมายถึงนัยหรือเปล่าต้องคอยอ่านต่อไปครับ หลายคนคงรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่คงต้องดูต่อไปว่าชีวิตจะพลิกผันไปอย่างไรบ้าง

กรหายไปนาน หวังว่าคงยังอ่านอยู่

อู

Choo said...

ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่ment42 ผมขอยกตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดใน blog ให้พี่ ช่วยเป็นกำลังใจให้คุณอูต่อไปเรื่อยๆ ด้วยกันนะครับ คนเยอะดี...blog จะได้ไม่เหงา

น้อง iz กับหลานทะเล เครื่องคอมฯ เสียพร้อมๆ กันเนี้ย สงสัยส่งอะไรที่ไม่ค่อยดีให้กันหรือเปล่า นี้ละโทษฐานไม่ส่งมาให้พี่ให้ลุง scan ก่อน 555

วันนี้วันแม่ หลานหลายๆ คนคงไปบอกรักแม่มาแล้ว หลานทะเลบอกรักแม่ใน blog วานนี้ แล้วแม่จะได้ยินหรือครับ หรือแค่ซ้อมก่อนแล้ววันนี้บอกจริง ใช่ป่ะครับ ส่วนหลานที่1 คงยังไม่เหงาตายนะครับ หลังจากฟังเพลงแล้วอินไปหมด

เมื่อคืนเข้ามาอ่านก่อนนอน อูบอกให้พี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยดูแลหลานๆ แต่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าอูอยากให้ช่วยอะไรบ้าง พอมาอ่านอีกทีตอนเช้า รู้สึกว่าข้อความเปลี่ยนไป เพิ่งรู้นะเนี้ย นอกจากจะเป็นนักเขียน เป็นหมอดู ยังเป็นนักมายากลด้วย เก่งหลายอย่างเหลือเกิน มีอย่างเดียวที่ไม่ได้เรื่องคือ หานัยไม่เจอ อย่าคิดมากครับ แค่แซวเล่น ล้อเล่นหน่อยเดียว แหะ แหะ

ตอนนี้มีแฟนคลับมากขึ้น น่ายินดีนะครับ คนมันจะดังนะ อะไรก็ห้ามไม่อยู่หรอก 555 น่าเห็นใจจริงๆ ก็แฟนคลับมาก ใครๆ ก็อยากจะคุยด้วย มีอะไรก็อยากจะเล่าให้อูฟัง มีปัญหาเลยบอกให้อูช่วยแก้ไข ยิ่งเป็นพ่อหมอด้วย หัวบันไดมันถึงไม่แห้งไง ผมว่าเปิด twitter ได้แล้วมั๊ง ดู Dern ขึ้นไปอีก ถ้าเป็นสมัยก่อนไปแข่งกับพี่ศิราณีได้เลย ผมก็อยากจะช่วยอะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีใครแทนใครได้ไง ก็แฟนคลับเค้าอยากคุยกับอู แล้วคนอื่นมาตอบแทนมันจะใช่หรือครับ อารมณ์จะค้างเอานะครับ เอางี้ละกัน ผมปราวณาตัวช่วยแบ่งเบาตามที่จะทำได้ละกัน

เป็นว่าผมจะเข้ามาชวนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลานๆ คุยกันไปเรื่อยๆ ใครมีอะไรทุกข์ใจ หรือมีปัญหาอะไรที่พอเล่าได้ ไม่ว่าเรื่องเรียน ทำงาน เรื่องแฟน เรื่องความรัก ผมพร้อมช่วยน้องอูตอบ ตามประสบการณ์ที่มีละกัน อายุก็ไม่น้อย เรียนมาก็มาก ผิดหวังสมหวังมาพอสมควร น่าจะมีประโยชน์ช่วยเพื่อนได้บ้างก็ตอนนี้แหละ แต่อยากไรอูก็ต้องเข้ามา post ตอบแฟนคลับ ห้ามหายไปเลย

E-mail ผม Ar.choo.krub@gmail.com ยินดีปรึกษาปัญหา เล่าสู่กันฟัง แต่ที่ช่วยไม่ได้แน่ๆ คือผมดูดวงไม่เป็นนะครับ ทั้งนี้หากอูจะให้ช่วยอะไรมากกว่านี้ก็ยินดีนะครับ

นอกจากนี้อยากเชิญชวนเพื่อนๆ น้องๆ ไม่ว่า IZ, เด็กวางระเบิด และเพื่อนคนอื่นๆ มาช่วยอูดูแลน้องๆหลานๆ กันคนละไม้ละมือ หากมีผลบุญใดๆเกิดขึ้นมาบ้าง ก็ขอให้อูกะนัยได้พบกันในเร็ววันละกัน

ชู Ar.choo.krub@gmail.com

ปล. จะได้เรื่องได้ราวหรือออออออ

Anonymous said...

พี่อาชูหาว่าผมส่งอะไรให้น้องทะเลเหรอ
ไม่ได้ส่งอะไรให้กันเลย เมลล์น้องทะเลยังไม่มีเลย
อีกอย่างผมคงไม่ทำให้น้องเค้าเสียเด็กหรอกครับ
พอดีคอมผมมีปัญหา ไม่ได้โดนไวรัสนะ
ช่วงนี้อาจจะหายไปเพราะค่อนข้างยุ่งนะครับ


IZ

Anonymous said...

ขอบคุณพี่ชูมากครับ ที่พี่เขียนมาก็คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกนั่นแหละครับ แต่ว่าเมื่อคืนง่วงนอนมาก เขียนแล้วตอนเช้าอ่านอีกที ตัวเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน เลยลบแล้วเขียนใหม่ไงครับ ไม่ได้เล่นกล

วันนี้นั่งจัดของ ของรกมาก หารูปเก่าๆไปด้วยในตัว ไม่ได้ไปที่ไหนกับเขา ไปไหนคนก็แน่น ร้านอาหารคนก็แน่น ขอไปวันอื่นดีกว่าครับ ดังที่ทราบในเรื่องว่าอูเป็นคนขวางโลกมาแต่เด็กแล้ว ทำอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน

ที่จริงเรื่องที่โพสต์ไปเมื่อวานก็มีที่มาที่ไปอยู่เหมือนกัน ปัจจุบันเป็นผลมาจากอดีต อีกหน่อยคงได้เล่าครับ

อู

Anonymous said...

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลุงๆ อาๆ ทุกท่านครับผม สุขสันต์วันแม่นะครับ ขอให้แม่ๆ ของทุกคนสุขภาพแข็งแร็ง และอยู่กับทุกคนไปอีกนานๆ นะคับ ส่วนท่านใด ที่ คุณแม่ไม่อยู่แล้วก้อขอให้มีความสุขแล้วกันครับ อาจจะช้าไปหน่อย เพราะกลับไประลึกถึงพระคุณแม่มา (อิอิ ที่จิงตังค์หมด 555+ โอ้ว่าแม่จ๋า ลุกคิดถึงค่าขนมมมม) เลยเพิ่งจากลับมา ได้เหนเม้นท์ อาอู ด้วย รู้สึกป๊อป ขึ้นอีกนะครับเนี่ย

เรื่องเมลที่ผมส่งไปถึงแนวคิดในการ....ของผม อาคงจะไม่ใส่จัยละมั้งคับ อาถึงได้เงียบๆไป โดยไม่ได้มีเมลกลับมา งั้นผมจะหมายความว่าอาคงจะไม่พอใจที่ผมคิดแบบนั้น งั้นก้อไม่เปนไรคับ ผมจะไม่พูดถึงมันอีก ส่วนเรื่องดูดวงนั้นเด๋วผมจะส่งรายละเอียดไปให้ อุส่าอ้อนแม่ซื้อเลยนะเนี่ย โทรศัพท์ถ่ายรูปเนี่ย บอกต้องใช้ทำงาน (เลือกเอาแบบถ่ายชัดๆเปนหลักโดยไม่ได้ใส่จัยฟังก์ชั่นอื่นเลย)แต่จิงๆค้องการส่ง...ไปให้อาอูเปนผลพลอยได้ที่ตั้งใจจะเอา หุหุ

ส่วนที่อาอูต้องการจะให้ผมลองเลิกอ่านเพราะว่าช่วงนี้มีอารมณ์ โศกเคร้า เป็นพื้นฐานอะไรที่อาว่านั้น จิงๆ ผมไม่ได้มีอารมณืที่ว่ามาก่อนหรอก แต่มันมาจากการอ่านเรื่องของอาติดต่อกันถี่ๆ มากกว่า แต่อันนี้ไม่ใช่ความผิดใครครับ มันผิดที่ผมอ่อนแอเอง และถ้าจะให้เลิกอ่านสักพัก ผมว่าผมคงทำไม่ได้หรอกครับ อารมณ์มันคงเหมือนกับการหยิบเอาหนังเรื่องดาวพระศุกร์ บ้านทรายทอง หรือจำเลยรักมาทำใหม่ ทั้งที่รู้ว่ามันเศร้า ทั้งที่รุ้ว่าสุดท้ายจะจบลงยังไง แต่หนังที่ดีมันก้อยังคงมีมนตร์สะกดให้ติดตามดูจนจบอยู่ดีนั่นละครับ ดังนั้น ถ้าจะห้ามให้อ่านเรื่องของอาอูนัน ยากส์ ห้าๆๆ ดังนั้นอาทำได้อย่างเดียว คือ มองดูหลานหนิงคนนี้หดหูหลังอ่านจบตอนต่อๆไป หรือ อาก้อลงเรื่องให้เร็วๆกว่านี้ สิครับ^ ^

ที่จิงตอนนี้ผมเริ่มดีขึ้นมาละคับ ว่าควรทำยังไงดี ช่วงนี้จิตใจฟุ้งซ่านมาก (โดยเป็นผลมาจากการอ่านเรื่องของอาอูส่วนหนึ่ง) ซึ่งท่านก้อเลยให้ผมลอง นั่งสมาธิดู ห้าๆ วันละ5-15นาที ก้อพอแล้วคับ สำหรับมนุษย์ปุถุชน ที่ยังต้องทำมาหากินอยู่ เพราะการนั่งนานๆเป็นชม.นั้น สำหรับคนที่ฝึกจิตมาไม่พอ จะไม่ไดก้อะไรเลย แถมเลือดไม่เดิน เสียสุขภาพปล่าวๆ หรือถ้าจิดคุณมีกำลังพอ แต่ระลึกถึงสิ่งที่ไม่ได้ทำให้จิตสงบ เช่นอยากเหนนั่นเหนนี่ อาจจะทำให้เราถึงขั้นเสียสติเป็นบ้าเชียวนะครับซึ่งแม่ผมท่านก้อเตือนมาว่า ให้ระวังตรงจุดนี้ด้วย ผมเลยเอามาเล่าสู่กันฟัง ให้เพื่อนๆ พี่ๆ ลุงๆ อาๆ ลองไปทำดูเวลาโดนอาอุแกล้งให้จิตใจหดหูห่อเหี่ยว (หุหุหุ) ส่วนใครคิดจะเริ่มต้นนั้น ง่ายๆครับ นั่งตามสบายไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิ(แตท่าขัดสมาธิเป็นท่านั่งที่พระพุทธเจ้าท่านทรงคิดค้นเอาไว้แล้วว่าเป็นท่าที่สบายที่สุดครับ) จากนั้นหลับตา เลิกคิดถึงทุกสิ่ง กำหนดลมหายใจครับ แล้วระลึกถึง พุทโธๆ อย่างเพิ่งระลึกยุบหนอพองหนอนะคับ เพราะ ว่ายุบหนอพองหนอมันช้า ไม่ทันจิตใจหรือลมหายใจของเราหรอกครับ การจับจิตใจของเรานั้น ยากยิ่งกว่าการไล่จับลิงแสมอีกนะคับ (หุหุหุ ยืมคำแม่มา) ดังนั้นสำหรับมือใหม่หักสงบจิตอย่างเราๆ นั้น พุทโธดีที่สุด โดยช่วงแรกๆ การไล่จับจิตของเราอาจะได้ระลึกพุทโ รัวแบบ แรพของโจอี้บอยเลยก้อได้ครับ ถ้าจิตเราฟุ้งซ่านมากๆ ต่อมาเมื่อเรารู้สึกเจ็บ เหน็บกิน อะไรเช่นนี้อย่าเพิ่งท้อครับ นั่นแสดงว่า เรากำลังฝึกจิตมาถึงระดับ2แล้วตะหาก โฮะๆ เมื่อเรารู้สึกเจ็บ เหน็บ ตรงไหน ให้จิตเราระลึกถึงอวัยวะส่วนนั้น แล้วระลึก เจ็บหนอๆ ท่านว่า จะช่วยบรรเทาได้ครับ สำหรับผม ยังไม่ถึงระดับ2 อะไรนี่หรอก เพราะว่ายังอยู่ในช่วงที่ต้องคิดไรอีกเยอะ ดังนั้นแค่การนั่งหลับตาภาวนาพุทโธๆ ก้อเพียงพอที่จะระงับความฟุ้งซ่านได้พอสมควรละคับ แต่สำหรับท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ลองmsn หรือเมลมาหาผมก้อได้ครับ glorynhingonline@hotmail.com ยินดี ถ้าคำถามไหนเกินภูมิรู้ของผม ก้อรบกวนให้รอสักหน่อย ผมจะบองปรึกษาจากแม่ผมดู เพราะแม่ผมเคยไปปฏิบัติมา ร่วมหลายๆปี จนได้เป็นผู้สอนผู้มาปฏิบัติใหม่

ส่วนอาชู นี่ สงสัย ผมคงต้องไปสมัครเป็นหลานของอาแล้วละคับ ช่วงนี้รู้สึกเหมือนโดนอาอูตัดหาง (หุหุ) ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ คนอื่น ถ้าสนใจแอดเมลมาแต่ไม่อยากคุยเรื่องฝึกสมาธิก้อได้นะครับ ยินดีเป็นเพื่อนกับทุกคนครับ

สุดท้ายนี้ มายืนยันเจตนารมณ์ ขอให้อาอูเจอกับอานัยในเรววัน สาทุ-/\-
หลานหนิง

Choo said...

น้อง IZ รีบแก้ตัว เอ้ย ออกตัวเลยนะครับ ไม่ได้ว่าอะไร แซวเล่นๆ ครับ ขำขำ

ว่าแต่ยุ่งๆ เนี้ยรีบทำ thesis หรือเปล่าครับ เรียน Ph.D. เนี้ย มันคงยากน่าดู

ผมก็มีมหาวิทยาลัยหนึ่งในเมืองไทยนี้แหละมาเชิญไปเรียน Ph.D.แต่ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญญาเรียน กลัวหัวล้านเพราะเครียด ถ้าต้องทำ thesis ไปด้วย ทำงานไปด้วย ไม่ไหวแน่นอน ไปเรียนภาษาให้พัฒนาขึ้นไปอีกดีกว่า โลกธุรกิจจะได้กว้างขึ้น ไม่เครียดด้วย

take care krub

ชู

Choo said...

ตัด comment เป็น 2 ส่วน จะดันให้ได้ 30 comments

your welcome ครับอู ยินดีครับยินดี แต่มาทิ้งท้ายว่า "ปัจจุบันเป็นผลมาจากอดีต อีกหน่อยคงได้เล่าครับ" ทำไมเนี้ย อยากรู้ขึ้นมาตะหงิดๆ เลย

ส่วนน้องหนิง ใจเย็นๆ ครับ ต้องรอคิวนะครับ ตอนนี้อาอูกำลังขึ้นหม้อ hot สุดๆ

ชู