Friday, July 31, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 10

ไหนๆก็เล่ามาแล้ว ขอเล่าให้หมดเลยก็แล้วกัน

จำได้ว่าเมื่อตอนมาอยู่กับคุณอาใหม่ๆ กูกลัวมาก กลัวถูกดุด่า ถูกตีอีก ก็เลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เค้ารัก ทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อไม่ซน อยากให้ทำอะไรกูก็ทำ อยากให้กูเป็นอะไรกูก็เป็น อยากให้ตั้งใจเรียนก็ตั้งใจเรียน คราวนี้ได้ผล เพราะดูเหมือนคุณอาทั้งสองคนจะรักกูและไม่เคยตีกูเลย

ตอนประถมต้นเราอาจไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร มึงอาจจะจำไม่ได้ว่าตอนเข้ามาเรียน ป.๑ ใหม่ๆกูโดนเพื่อนๆแกล้งบ้างเหมือนกัน กูอยากให้เพื่อนๆรักก็เลยทำเหมือนเดิม คือพยายามตามใจเพื่อนๆเสมอ เพื่อนๆก็เลยไม่ค่อยแกล้งกู แต่กูก็ไม่มีใครที่เป็นเพื่อนสนิท ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

เรามาสนิทกันตอนประถมปลาย รู้มั้ยว่ากูดีใจขนาดไหนในที่สุดมีเพื่อนสนิทเสียที กูยอมให้มึงกับไอ้ชัชแกล้งด้วยความเต็มใจเพื่อแลกกับมิตรภาพของพวกมึง ไม่รู้ว่ามึงจะเข้าใจหรือเปล่า

ตอนที่กูไปเที่ยวบ้านมึง ได้เห็นครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่ชายที่ดี มันทำให้กูอิจฉามึงมากรู้มั้ย ความรู้สึกของกูมันอธิบายไม่ถูก มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย กูอายเพื่อนๆ โดยเฉพาะอายมึง กูคงเป็นเด็กที่เกิดมาโดยพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด ก็เลยทิ้งกูไป

ตั้งแต่นั้นมากูก็พยายามชดเชยปมด้อยให้ตัวเอง คุณอาอยากให้กูเรียนให้เก่ง สอบเข้า ม.๑ ที่นี่ให้ได้ กูก็พยายามเต็มที่ ความอิจฉาที่มึงมีครอบครัวที่อบอุ่น ทำให้กูอยากเอาชนะมึงในบางด้านเพื่อชดเชยความรู้สึกที่ด้อยกว่ามึง ก็เลยพยายามเรียนให้ชนะมึง พยายามสอบเข้าให้ได้ คุณอาอยากให้กูเป็นสถาปนิก กูก็ตั้งความฝันไว้ว่าจะเป็นสถาปนิกให้ได้ ยิ่งสนิทกับมึงเท่าไร กูก็ยิ่งพยายามชดเชยปมด้อยให้ตัวเองมากขึ้น แต่ก็เพื่อจะได้รู้สึกทัดเทียมกับมึงบ้างแค่นั้นเอง กูไม่ได้ต้องการเอาชนะเพื่อข่มมึงนะอู

ตอนที่เราสอบจะเข้า ม.๑ แล้วมึงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา รู้ไหมว่ากูผิดหวังมากขนาดไหน กูไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะเกรงใจไอ้ชัชมัน แต่ถ้ากูมีสิทธิ์เลือกใครสักคนเพื่อมาเรียนต่อ ม.๑ เป็นเพื่อนกูได้ คนที่กูจะเลือกก็คือมึง

ตอนเรียน ม.๑ เป็นปีที่มีความสุขมาก เราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด โดยเฉพาะวันเสาร์เป็นวันที่กูรอคอยเลยแหละ เพราะจะได้ไปเดินเล่นสยามสแควร์กับมึงสองคน

ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดอีกช่วงหนึ่งก็คือเวลาที่เราอยู่ด้วยกันที่บึงน้ำ มันเป็นโลกที่กูชอบมาก ที่นั่นไม่มีใครอื่น ไม่มีใครเด่น ไม่มีใครด้อย มีแต่ความสงบสุข ความรัก และความอบอุ่น หลายต่อหลายครั้งที่กูคิดจะเล่าเรื่องในครอบครัวให้มึงฟัง แต่ก็ไม่กล้าเล่าสักที ใจหนึ่งก็อยากบอกความจริง อีกใจหนึ่งก็กลัวมึงโกรธที่โกหกมาตั้งนาน อีกอย่างหนึ่งก็คงอายด้วยแหละ เพราะมันเป็นปมด้อยของกูมาตลอด

ตั้งแต่กูมาอยู่กับคุณอา แม่ไม่ค่อยได้ติดต่อมาบ่อยนัก แม่ใช้ชีวิตอยู่กับแฟนอีกหลายคน ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ตอนที่เราอยู่ ม.๒ เทอมต้น ช่วงนั้นแม่อยู่ในกรุงเทพฯนี่เอง แต่เราก็ไม่ค่อยติดต่อกันเท่าไร เพราะคิดว่าเค้าก็มีครอบครัวของเค้า กูก็มีครอบครัวของกู

จู่ๆแม่ก็บอกว่าแม่กับแฟนจะย้ายไปอยู่อเมริกาเพราะไปลงทุนเปิดร้านอาหารที่นั่น มันทำให้รู้สึกวูบเหมือนกันนะ กูเสียใจมาก เพราะอะไรก็รู้สิ กูว่าเค้าก็ไม่รักกู แต่ทำไมพอจะจากไปกูกลับรู้สึกไม่อยากให้เค้าไปเลย ตอนนั้นแหละที่กูเริ่มรู้สึกสับสนกับชีวิต

ตอนนั้นเองที่กูได้รู้จักกับพี่เต้ หลังจากที่กูช่วยงานพี่เต้ได้สักพัก กูรู้สึกว่าคนนี้แหละคือพี่ชายที่กูเคยฝันอยากจะมีตั้งแต่เด็ก พี่เต้ดีกับกูมากเหมือนที่พี่เอ๊ดดีกับมึง มึงมีพี่ชายได้ ถ้ากูมีสักคนก็คงไม่ผิดใช่ไหมอู แต่กูรู้สึกว่ามึงไม่ค่อยพอใจพี่เต้เลย

แม่เดินทางไปอเมริกาตอนที่เราปิดเทอมกลางของ ม.๒ ตอนนั้นกูเสียใจมาก ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันคล้ายกับว่าแม่ไม่ได้สนใจไยดีหรือรักกูเลยแม้แต่น้อย อยากไปไหนก็ไป อยากทิ้งก็ทิ้ง ไม่เคยคิดห่วงกูเลย อยากระบายกับมึงนะ เคยคิดว่าถ้าได้ระบายให้มึงฟังแล้วคงสบายใจขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเหตุผลอย่างที่ว่า คือไม่รู้จะเริ่มต้นบอกอย่างไร

ตอนนั้นแหละที่กูเริ่มพยายามหาคำตอบว่าความรักคืออะไรกันแน่ พอได้ไปอ่านเรื่อง ๒๓ นิยาย เล่มที่มึงเคยเห็นนั่นแหละ ในนั้นบอกว่าพระเจ้าคือความรัก กูก็เลยสนใจอยากศึกษาศาสนาคริสต์ ทั้งที่เราก็จบมาจากโรงเรียนคาทอลิกมาก่อน แต่ก็ยังไม่ได้พบคำตอบอะไร

ช่วงนั้นกูรู้สึกว่าพี่เต้ชดเชยความรู้สึกให้กูได้บ้าง มันเหมือนกับว่าแม่จากไป แต่กูยังมีพี่ชายเหลืออยู่ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่กูมีกับพี่เต้ไม่ได้เหมือนที่มีกับมึง กูไม่เคยคิดว่าพี่เต้สำคัญกว่ามึงเลยนะอู มึงต่างหากที่เป็นคนที่สำคัญที่สุด แต่ดูเหมือนมึงจะไม่เข้าใจ และไม่ชอบพี่เต้เอาเลย หรือว่ากูทำผิดพลาดไปก็ไม่รู้สิ แต่ตั้งแต่พี่เต้เข้ามา กูรู้สึกว่ามึงดีกับกูน้อยลง

แล้วจู่ๆพี่เต้ก็หายไป มึงคงไม่รู้ว่ากูเสียใจมากขนาดไหน แม่ก็ไป พี่ชายก็ไป ตอนนั้นกูรู้สึกว่ามีแต่มึงคนเดียวที่อยู่กับกูมาตลอด แต่ก็กลายเป็นว่าระหว่างเรายังมีอะไรที่คาใจกันอยู่ เราแทบไม่พูดกันเลย กูแอบเสียใจเสมอ อยากให้มึงดีกับกูเหมือนก่อน แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนเทอมปลายกูรู้สึกเคว้งคว้างมากเลย เพราะไม่ว่าแม่ มึง พี่เต้ ต่างก็ทอดทิ้งกูไปหมด

กูยังมีเรื่องที่กูโกหกมึงอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือตอนปิดเทอมปลาย ม.๒ กูเห็นมึงโกรธกูไม่หายสักที และไม่เห็นมึงชวนกูไปเที่ยวบ้านมึงตอนปิดเทอมเหมือนทุกปี ที่จริงกูอยากไปนะ อยากให้มึงชวน แต่มึงไม่ชวนสักที กูก็เลยโกหกว่าพี่เต้ชวนไปเที่ยว เพราะอยากให้มึงรู้สึกว่าต้องรีบชวนกู แต่กูคงคิดผิดไป ถึงตอนนั้นก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ปิดเทอมปีนั้นก็เลยได้แต่อยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน

ตอนปิดเทอมใหญ่ ม.๒ แม่โทรมาคุยและเล่าแผนการว่าจะให้กูไปอยู่และไปเรียนที่นั่นด้วย ตอนนั้นตกใจมาก กูไม่ต้องการไป กูไม่อยากไปไหน ที่มีคุณอา มีมึง ทุกคนที่กูรักอยู่ที่เมืองไทยหมด มันก็แปลก ตอนที่แม่ไปก็คิดว่าเค้าทิ้งกู แต่พอจะเอากูไปอยู่ด้วยกูกลับไม่อยากไป

กูบอกให้คุณอาช่วยพูดกับแม่ หลังจากนั้นคุณอาก็บอกว่าคุณอาก้าวก่ายไม่ได้ เป็นเรื่องระหว่างแม่กับลูก กูทั้งผิดหวังและเสียใจมาก นี่น่ะหรือที่พวกเค้าบอกว่ารักกู ไม่เห็นปกป้องกูเลย ใครจะมาพากูไปไหนก็ปล่อยให้พาไป ไม่เคยถามกูเลยว่ากูอยากไปไหม

ปิดเทอมนั้นกูเซ็งชีวิตมาก มึงก็ไม่อยู่ กูก็เลยไปคบเพื่อนแถวนั้น มันก็สอนให้กูสูบบุหรี่ แล้วต่อมาก็กัญชา ตอนที่มึงมาเจอกูนั้นกูเพิ่งสูบบุหรี่ไปไม่กี่ครั้ง ส่วนกัญชาก็เพิ่งสูบไปครั้งนั้นครั้งที่สองเอง พอมึงมาเจอเข้ามึงก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ด่ากูอย่างเดียว กูก็เลยหลุดปากพูดไม่ดีออกไป

หลังจากนั้นกูก็เสียมึงไปอีกคน คนที่กูคิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนั้นกูคิดว่าชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีใครที่รักกู ไม่มีใครปกป้อง มีแต่คนที่คิดขับไล่ไสส่ง ก็เลยอยากทำอะไรให้มันสะใจบ้าง กูอยากประชดคุณอา อยากประชดมึง อยากประชดทุกๆคน โดยทำเรื่องเหี้ยๆอย่างที่มึงเห็น ที่จริงยังมีเรื่องเหี้ยๆของกูอีกหลายเรื่อง แต่ไม่เล่าละกัน แค่นี้มึงก็เกลียดกูมากพอแล้ว ไม่อยากให้เกลียดมากไปกว่านี้อีก

ตอนที่ รปภ จับกูได้ในห้องน้ำ ความรู้สึกแรกที่กูโดนจับกูคิดถึงมึง คิดว่าถ้ามึงรู้เรื่องเข้าแล้วจะคิดยังไง จะโกรธและเกลียดกูมากขนาดไหน คิดไม่ออกเลยจริงๆ ความรู้สึกต่อมาก็คือถ้าคุณอารู้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แล้วพอกูออกมาจากห้องน้ำ กูก็ได้เจอมึง ตอนนั้นกูตกใจมาก ทั้งกลัว ทั้งตกใจ เสียใจ และก็สะใจ สมน้ำหน้าตัวเอง ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมดจนแยกไม่ออก

กูถูก รปภ จับไปสอบปากคำที่ห้อง เค้าให้เลือกว่าจะให้ส่งตำรวจหรือเชิญผู้ปกครองมา ในที่สุดกูก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง เพราะถ้าเรื่องถึงตำรวจ ยังไงคุณอาก็ต้องรู้อยู่ดี หลังจากนั้นกูก็ให้เบอร์ที่บ้านไป แล้วคุณอาก็มารับกูกลับไป

คุณอาทั้งสองคนร้องไห้ใหญ่ แล้วก็ทะเลาะกันเอง ต่างก็โทษกันว่าเลี้ยงกูไม่ดี กูถึงได้วิปริตแบบนี้ ภาพนั้นสะเทือนใจที่สุด คำว่าวิปริตนี่...จะบอกยังไงดีล่ะ มันยิ่งกว่าบาดหัวใจ มันบาดลึกเข้าไปถึงวิญญาณเลย คุณอาตบหน้ากู เป็นครั้งแรกที่กูถูกคุณอาตี แม้กายจะเจ็บ แต่หัวใจมันเจ็บยิ่งกว่า แต่จะโทษใครได้ กูทำเองทั้งนั้น กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับผลใช่ไหม

หลังจากนั้นไม่นาน คุณอาก็ตัดสินใจส่งตัวกูให้ไปเรียนต่อเมืองนอกตามแผนการของแม่ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเสียอีก เดิมจะให้กูเรียนจนจบ ม.๓ เสียก่อน แล้วคุณอาก็คุมตัวกูยังกับนักโทษ ไม่ให้กูติดต่อใครเลย เค้าสงสัยไปหมดว่าเพื่อนๆเป็นสาเหตุที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะเค้าสงสัยมึงมากที่สุด

อู กูยังมีเรื่องโกหกมึงอีกเรื่องนึง เห็นไหมว่ากูเป็นเด็กขี้โกหก ถ้าจมูกยาวได้ป่านนี้คงยาวมากแล้ว

อีกเรื่องที่กูโกหกก็คือ จดหมายสองฉบับก่อนกูบอกว่ากูสบายดีน่ะ กูคิดว่ามึงเป็นห่วงกู กลัวจะไม่สบายใจ ก็เลยบอกไปยังงั้น แต่ตอนนี้คงไม่ต้องปิดบังอะไรแล้วมั้ง

กูถูกจับส่งมาเรียนในโรงเรียนประจำ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะให้กูมาเรียนที่อเมริกาทำไม ถ้าเค้าอยากให้กูอยู่ใกล้ๆก็คงให้กูไปอยู่โรงเรียนไปกลับมากกว่า แต่นี่กลับส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ แต่ก่อนกูเคยอยากอยู่โรงเรียนประจำเพราะจะได้อยู่กับมึง แต่ไม่ใช่แบบนี้ อยู่ที่นี่โคตรเลวร้ายเลย มาใหม่ๆภาษาไม่กระดิก ต้องมาหัดภาษาก่อน ยังไม่รู้เลยว่าเรียนภาษานานเท่าไร เมื่อเรียนภาษาจนใช้ได้แล้วต่อไปก็ต้องไปเรียน ม.๓ ใหม่ ต้องเสียเวลาเรียนซ้ำชั้นไปอีกหนึ่งปี

อยู่ที่นี่ใหม่ๆเหมือนตกนรก อาหารก็ไม่คุ้น อากาศก็ไม่คุ้น ภาษาก็ยังใช้ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี มีแค่กีตาร์เป็นเพื่อน การรังแกกันที่นี่ก็มีบ้าง แต่กูยังไม่เจออะไรแรงๆ แต่แค่นี้ก็แย่แล้ว คิดถึงบ้าน คิดถึงมึงมาก ถ้ากูตาย ยังไงก็ขอให้เอาศพกูกลับเมืองไทยด้วยละกัน ไม่อยากฝังที่นี่หรอก

อู มึงรู้ไหมว่ากูประทับใจมึงมากที่สุดตอนไหน มึงคงทายไม่ถูก ตอนกบฎ ๙ กันยาไง เช้าวันนั้นตอนที่กูเข้าไปหามึงในซอย มึงวิ่งหน้าตาตื่นออกมาลากกูเข้าไปในบ้าน หน้าตามึงขำมากเลยรู้ไหม เพราะมึงทำยังกับว่าเค้ายิงกันที่หน้าปากซอย แต่กูขำไม่ออก เพราะสีหน้าของมึงบอกกูหมดทุกอย่าง กูไม่เคยเห็นใครที่จริงใจและห่วงใยกูขนาดนี้มาก่อน กูดีใจที่ได้เล่นเพลง A Lover’s Concerto ให้มึงฟังนะอู

เรื่องที่เราจะปลูกบ้านอยู่ติดกัน เห็นจะมีโอกาสเลือนรางเต็มที แต่ถ้ามึงยังอยากให้เป็นยังงั้นอยู่... ช่างมันเถอะ เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว จะคิดไปทำไม


<ผมเอาจดหมายทั้งสามฉบับออกมาจากห้องธุรการ พลางคิดว่าจะหาที่สงบๆที่ไหนอ่านดี... ห้องสมุดก็แล้วกัน... เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องสมุดทันที ผมเดินเข้าไปด้านในของห้องสมุด เลือกมุมสงบที่มีคนน้อยที่ไอ้นัยเคยนั่งอ่านหนังสือ>

54 comments:

Anonymous said...

เฮ้ มา เม้นก่อน คนแรก อีกแล้ว ดีใจนะครับ ที่อูมาเขียนให้อ่านต่อ ไปอ่านก่อนนะ

Anonymous said...

ลืมลงชื่อ อ่ะ Mc เองนะอู

Anonymous said...

... ผมพลาดไปแล้ว ถ้ารีบกว่านี้อีกนิด ก็ได้ที่หนึ่งแล้ว

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ไปเรียนพึ่งกลับถึงบ้าน 22.06 ครับ ถ้าเข้ามาดู
เป็นอย่างแรกก็ทันคนแรกแล้วเชียว T-T

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ไม่เป็นไรนะหลาน arus ยังไงก็ได้ที่สองแล้ว คราวหน้าลองดูใหม่อีกทีครับ

อาอูของหลาน Arus

Anonymous said...

โอ๊ยนึกว่าจะทันที่หนึ่งบ้าง
แต่ว่ามาเป็นที่คนที่สามก็ยังดี
ชีวิตพี่นัยน่าสงสารจริงๆครับ
การไปอยู่ต่างประเทศเนี่ยะ
ขนาดผมแก่แล้วยังมาครั้งแรก
น้ำตาตกเลย เพราะว่ามาถึงสองวันแรก
ไม่สบายต้องอยู่ในห้อง ออกไปไหนไม่ได้
เพราะว่าหนาวมาก จะกินอะไรก็ยังไม่คุ้น
ข้าวสารก็ยังไม่ กินแต่ขนมปังกะนม และผลไม้
นั่งอยู่ดีๆน้ำตาไหลเลยครับ
เข้าใจพี่นัยข้อนี้เลย


IZ

Anonymous said...

ไม่มีไรจะพูด
จะร้องไห้...
อาอูเขียนกลับไปเรวๆเลยนะครับ

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

เพิ่งเหนคอมเม้นพี่ IZ ผมว่าไม่ไปแล้วดีกว่า
ดูจากอานัยกะพี่แล้วดูเปนสิ่งที่ท่าจะมากเกินไปสำหรับผม คงรับไม่ไหวหรอก

Sea~~!!

Anonymous said...

เฮ้อ สงสารนัยจัง ทำไมมันถึงได้เศร้ายังงี้นะ

Anonymous said...

(-_-) หม่นสุดๆเลยครับลุง วันนี้ง่วงมากมายรดเป็นพิษ ลงอูเล่าได้สุดยอดเลยผมคิดอยู่เหมือนกันว่าคงเป็นเพื่อนของคุณอาที่ลุงนัยไปอยู่ด้วย เป็นแม่นี่เองก่อนนั่นนึกว่าขอมาเลี้ยงซะอีกครับ วันนี้ต้องบอกฝันดีนะลุงไปนอนล่ะครับ

Bomer_Boy said...

จบตอนแล้วหรอครับ ...มาต่อไวๆ เถอะ แต่ไม่เป็นไรเพราะว่าสุดสัปดาห์นี้ไม่อยู่ครับ กว่าจะกลับมาตอนใหม่ก็คงมาลงพอดี (ต้องกลับบ้านนอกน่ะครับ แล้วจะเที่ยวเผื่อ พี่อู พี่ชู น้องๆ เพื่อนๆ ทุกคนนะครับ)

คอมเมนต์ไว้ตอนที่แล้วว่า พี่อูน่าจะมีมิตติ้ง อูสตอรี่ ไม่รู้ว่าพี่อูจะว่ายังไงบ้าง
__________
เด็กวางระเบิด

Anonymous said...

อ่านแล้วผมจะร้องไห้ครับ ทำไมชีวิตคนเรามันเศร้าได้ขนาดนี้ เรื่องที่ผมได้แต่รักเขาข้างเดียวมาแล้วหลายครั้ง ยังสู้เรื่องคุณอูไม่ได้เลยครับ
Federick (พึ่ง comment เป็นครั้งแรกหลังจากที่อ่านมาจนครบ)ยิ่งพอรู้ว่าไมคุณนัยในเรื่องนี้ยิ่งเศร้าหนัก ถ้าคุณอูอยากเจอคุณในอีกให้ลองตั้งจิตอธิษฐานในทุกๆวันดูนะครับ (สอดคล้องกับหนังสือที่ฝรั่งเขียนชื่อ The Secret)ผมอยากให้คนที่พลัดพรากจากกันไปได้เจอกันอีก เพราะความห่างไกลกันมันช่างทรมานจริงๆ
ป.ล.คุณอูอายุเท่าไหร่แล้วครับผมจะได้แทนตัวเองถูกเพราะตอนนี้ผมอายุ 22 ปีครับ และนี่อีเมล์ผมนะครับเพื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน successfully.kelly4@gmail.com

Anonymous said...

มาอ่านอีกรอบครับ เป็นตอนที่ผมชอบมากตอนหนึ่ง ผมชอบอ่านซ้ำๆเวลาชอบตอนไหนอ่ะครับ คราวนี้น้ำตาไหลออกมาเลย 55 เพิ่งทะเลาะกะเพื่อนมาด้วย แปลกดี เวลาเกิดเรื่องร้ายๆหรืออะไรที่มันไม่ดีๆในชีวิตเรานี่มันมาทีนึงเปนคลื่นสึนามิเลยแหะ มีใครเปนเหมือนผมไหม สงสารอานัยจังครับ อ่านแล้วซึม

Sea~~!!

Anonymous said...

จดหมายยังไม่จบสินะครับ

ตอนนี้รับรองได้เลยว่าเป็นประวัติการณ์มากกว่าตอนที่แล้ว
อีกแน่ๆ เลย T-T
ถ้าบอกว่าเป็นหนังก็คงเป็น Climax ของเรื่องเลย
ที่มาบอกรักอาอู คงเพราะรู้สึกว่า พอลงตอนนี้
อาอูคงต้องการความรักแน่ๆ เลย ต้องการมากๆด้วย
ไม่แน่อาจพิมพ์ไปคิดไป คงไม่ร้องไห้มั้ง เพราะร้องมา
พอแล้ว แต่คงคิดเรื่องบ้านที่ปลูกติดกันอยู่แน่ๆ

ประเด็นที่ผมอยากรู้ก็คือ อาอูได้ที่อยู่ของอานัยใน
ขณะนั้นไหมครับ? เพราะค่อนข้างสับสน แล้ว
อานัยไปอยู่รัฐไหนเหรอครับ? ผมคิดว่าคงบอกได้
กระมัง เพราะว่าเก่ามากแล้ว และไม่ใช่ไทย ไม่คุ้น
เคยเสียด้วย

รักอาอูนะครับ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ปกติไม่เคยคอมเม้นท์ที่ไหนที่จะทำให้คนรู้
ว่าตัวผมเป็นอะไร
ที่นี่เป็นที่แรก และอาจจะเป็นที่เดียว
ที่ผมจะเข้ามาคอมเม้นท์
คอมเม้นท์นี้จึงขออนุญาตระบายความรู้สึกยาวๆเลยนะครับ

ผมเพิ่งเริ่มอ่านเรื่องนี้เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว
โดยไปเจอเรื่องนี้มาจากเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง
แล้วรู้สึกถูกใจเนื้อหาและลีลาการเล่าเรื่อง
จึงตามหาสถานที่ที่จะมีเรื่องของอูให้อ่านต่อ
แล้วก็มาเจอที่นี่เข้า

ช่วงแรกๆที่ผมอ่าน
ผมคิดว่านี่เป็นนิยายธรรมดาทั่วๆไป
เพียงแต่มีวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจ
แต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ และเริ่มมีเนื้อหา drama เข้ามา
มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิด
อีกทั้งยังต้องตามติดชนิดหยุดไม่ได้
ไม่ว่าผมจะตั้งใจหยุดอ่านเพียงใด
ผมก็ต้องล้มเลิกไป เพราะเรื่องที่อยู่ตรงหน้า
ทำให้ผมลุ้นระทึกไปกับสถานการณ์ทั้งหลาย

ผมอ่านเรื่องนี้ไปจนตี 5
ทั้งๆที่รู้ว่า วันถัดมาผมจะมีสอบ
รวมถึงสัปดาห์นี้จะมีสอบตลอดสัปดาห์

ผมมีความสุขมากกับการได้เห็นชีวิตของอูและนัยมีความสุขในเรื่อง
แม้เมื่อมาถึงช่วงที่ทุกข์เศร้าจากความไม่เข้าใจกัน
ผมก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย
และยิ่งตระหนักถึงความทุกข์ของทั้งสองคน
จนหวังและเอาใจช่วยสองคนนี้อยู่ตลอด
คิดว่าในที่สุด สองคนนี้คงได้สมหวังกัน

แต่แล้วผมก็คิดผิด
เมื่อผมอ่านจบภาค 2
ผมรู้สึกสะดุ้งกับเหตุการณ์ทุกอย่างในช่วงจบ
จะว่าตั้งแต่ช่วงตอนที่ 90 แล้วก็ได้
ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าเรื่องนี้จะจบแบบนี้
มันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเราเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเรื่องมิตรภาพ ความรัก
เรื่องใดก็ดูสมหวังได้ยากทั้งสิ้น

ผมไม่เคยอ่านเรื่องอะไรแล้วรู้สึกเศร้าได้ขนาดนี้
ภาพที่สะท้อนออกมาจากเรื่อง
มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิตตัวเอง
มันสะท้อนสังคมว่าสังคมมองกลุ่มคนที่เรียกว่าเกย์เช่นไร
แม้ปัจจุบันสังคมอาจเปิดกว้างกับเรื่องนี้มากขึ้น
แต่ก็ยังไม่ได้เปิดกว้างอย่างแท้จริง
เพราะในสังคมการทำงาน
ยังคงมีหลายอาชีพที่หากมีคนรู้ว่าเป็นเกย์
ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในการทำอาชีพนั้น

ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวผม
ความรู้สึกลึกๆบอกผมว่า
ผมอยากให้ชีวิตของอูและนัยหยุดเวลาไว้แค่จบภาค 1
ผมไม่น่ารับรู้เรื่องราวความโหดร้ายของชีวิตในภาค 2 เลย

แต่แล้ว ผมก็ตัดสินใจอ่านภาค 3 ต่อ
แม้จะทราบเรื่องแล้วก็ตามว่านัยกับอูจะไม่ได้เจอกันอีก
แต่ผมก็ยังแอบหวังลึกๆว่ามันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
ผมยังแอบคาดหวังอยู่เสมอว่าสักวันนึงอูกับนัยจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกันอีกครั้ง
ถ้ามันจะเป็นตอนจบแบบใหม่ของเรื่องนี้ได้

ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ผมขอขอบคุณอาอู (ขออนุญาตเรียกนะครับ)
ที่อุตส่าห์นำเรื่องราวสุขเศร้าเคล้าน้ำตา มาให้ได้อ่าน
ผมมีความสุขมากกับการติดตามเรื่องของอูและนัย
หวังว่าจะได้พบนัยอยู่เรื่อยๆ
คิดถึงนัยในเรื่องราวกับตนเองเป็นอูไปแล้ว (แหะๆ)

ขอบคุณนะครับ

S.Silver

ปล.ว่างๆช่วยเฉลยเรื่องเสื้อไซส์ M กับ ไซส์ L ที่นัยซื้อไปเมื่อนานมาแล้วด้วยนะครับ งงมากมาย

Anonymous said...

ได้รู้ถึงความในในมุม ของนัย มิน่าถึงชื่อนัย
เศร้าจัง ยอมตามใจ ทุกอย่างเพื่อจะได้ไม่อยู่ตังคนเดียว

สงสารนับจัง เป็นเด็กที่ขาดมากๆ
สุดท้ายเหมือนจะได้ พยายามจะรักษา
แต่พอทำอะไรก็ดูผิดไปหมด
เป็นผลมาจากการไม่เปิดใจคุยกันท้งสองคน

อยากรู้จังนัย ปัจจุบันจะเป็นอย่างไร

thom

yo408 said...

คราวนี้มือตก กระเด็นไปซะไกล ตกท๊อปเท็นซะแล้วววว

เพิ่งนึกออก ตอนนี้อินเตอร์เนทกว้างไกล ลองเอาชื่อจริงของนัยใส่ชอง search ของ google หรือยังครับ ผมมักหาคนสนิทเก่าๆที่ห่างหายไปด้วยวิธีแบบนี้บ่อยๆ 30% ที่ได้ผลและหาเจอ แต่ก็มีถึง 70% ทีเดียวที่หาไม่เจอ เพราะบางรายชื่อของเว็บ มักประกาศในรูปแบบไฟล์ pdf ที่ google ไม่สามารถเก็บรายชื่อเหล่านี้ลงฐาน data base ทำให้การสืบค้นไม่เจอ

Anonymous said...

(^_^)อรุณสวัสดิ์ค้าบบ ลุงใส่ชื่อตอนผิดด้วยนี่ภาคสามแล้วครับ เมื่อกี๊ไปดูเม้นเก่ามาให้ครับตอนจบภาค1มีคนเม้น37ครั้งภาค2มี74ผมคนแรก555+ตอนที่แล้วมี56น่าจะได้ที่2มั้งครับ ตอนนี้ลุงมีเพื่อนใหม่อีกแล้วกิ้กๆๆ

naja said...

ยิ่งอ่านแล้วยิ่งคิดถึงนัยจังเลยครับ เสียดายนะครับ ที่พี่อูเคยบอกว่าไม่เจอนัยอีกเลย เศร้าอ่ะ

dodo said...

เย้ มาแล้วววววววววววววววววววววววววววววว

dodo said...

ชอบคุงคัฟ พี่ anonymous ที่ชม พี่นี่ คงติดตามเรื่องนี้มานานพอดูละชิ แต่ผมนี่ชิเพิ่งเรี่มอ่านเมื่อ 2อาทิดที่แล้วเอง (นอนอ่านในมือถือที่บ้าน ตั้งแต่ 7โมงเช้า ยัน ตี4 ) สงสัยทั้งประเทศลาวคงมีแต่ผมเท่านั้นละครัฟที่อ่าน ยังไงก็ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครัฟ ผมชื่อ โดโด้ อยู่ นะครหลวงเวียงจัน ประเทศ ลาวคัฟ ยินดีที่ได้รู้จักน๊า
dodo_hukder@hotmail.com

Pingsuke said...

สวัสดีทุกคนครับ ผมเพิ่งอ่านเรื่องนี้ได้ไม่นานครับ อ่านใกล้จะจบแล้วครับ (ตอนนี้ถึงตอนที่ 2 ภาค 3) แต่อยากมาพูดคุยกับทุกคนในที่นี้ก่อนนะครับ

แนะนำตัวก่อนนะครับ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ม.3 ครับ

เพิ่งอ่านภาค 2 จบ ทำใจไม่ได้อะครับ เศร้ามาก เศร้าตรงที่นัยยังไม่ได้พบกับอูอีกจนจบมหาลัย เคยคิดว่าหากเป็นเรื่องจริงคงเศร้าน่าดู เมื่ออ่านแรกๆ ยังไม่ได้อ่านคอมเม้นต์ครับ คิดอยู่ว่าเป็นนิยายในอินเตอร์เน็ตที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยครับ เพราะใช้ภาษาที่ดีมากๆ ใช้เลขไทย คำผิดก็น้อย จนผมคิดว่าเป็นคนรุ่นใหม่นี่ใช้ภาษาไทยบนอินเตอร์เน็ตได้ดีที่สุดเลย แต่อ่านไปอ่านมาก็ไม่แน่ใจแล้วครับว่าผู้แต่งอยู่ในวัยไหนกันแน่ ก็มีเรื่องในประวัติศาสตร์ให้ผมได้ศึกษาซะขนาดนั้น

เมื่อเริ่มภาคใหม่ ก็ต้องมีบอกว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใดๆ ทั้งสิ้น แรกๆ ผมก็เข้าใจอย่างนั้น แต่อ่านไปอ่านมาชักไม่แน่ใจ เพราะมันชัดเจน เกินกว่าที่จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น โดยอาศัยความทรงจำของผู้แต่ง ถึงแม้ผู้แต่งจะมีความจำดีเพียงใด แต่ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดเกินกว่าจะเป็นนิยาย ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่ เหตุการณ์ หรือบุคคลใดๆ เลย หากสมมติขึ้นมาที้งหมดจริงๆ คงเก่งมากเหมือนกับโยโคมิโซะ เซชิ ปรมาจารย์นิยายสืบสวนสอบสวนญี่ปุ่นที่ผมหลงใหลมากๆ เลย

ผมไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าเรื่องที่ผมอ่านอยู่นั้นเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้น ทุกคน ทั้งอู นัย และชัช หรือแม้แต่บุคคลอื่นๆ และสถานที่ต่างๆ ในเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น มันกลายเป็นตัวตนและมีรูปร่างอยู่ในหัวของผมเสมอ ทุกคำพูด ถ้อยคำ วาทะที่เกิดขึ้น ผมยังคิดว่าเป็นถ้อยคำที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตเสมอ บางเนื้อความผมชอบมาก มันเป็นภาษาที่สวยหรูที่สุดในบรรดานิยายรัก ที่ผมเคยอ่าน หลายอย่างทำให้ผมคิดว่า ใช่แล้ว! นี่ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น แต่บางอย่างผู้แต่งก็เพิ่มเติมเข้าไป จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวที่น่าอ่านขึ้นมา ผมอยากให้ทุกอย่างในเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง เพราะอย่างน้อยจะได้เป็นข้อยืนยันว่า ความรักระหว่างชายกับชาย มันก็งดงามได้ เหมือนชายกับหญิง อาจจะลึกซึ้งกว่าด้วยซ้ำ และที่สำคัญ มันได้เคยเกิดขึ้นจริงเป็นแผ่นดินไทย และโลกใบนี้แล้ว หากมันเป็นจริงผมจะได้เลิกกังวลใจ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยสงสัยตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของผม แล้วความรักแบบนั้นมันจะสวยงามอย่างชายหญิงได้ไหม ถึงมันมีจริงมันคงถูกบีบบังคับให้อยู่ในกรอบแคบๆ เป็นความกดดันที่น่ากลัวที่สุด กับสภาพสังคมในปัจจุบัน ในที่สุดผมก็ได้คำตอบ และกำลังใจ เพราะมันไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียวที่ต้องทนอยู่ในสภาพอย่างนี้ เราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร แต่เราก็มีความสุขอย่างที่เราเป็นไม่ใช่หรือ...

ผมรักทุกคน ทุกที่ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ จนบางครั้ง ผมเผลอคดิว่าผมก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ บางครั้งก็คิดว่าตัวเองเป็นอู เพราะมันช่างคล้ายกับผมเลย ตอนนี้อูอายุใกล้เคียงกับผม เคยอยู่ในชั้นเดียวกับผม หากอูเป็นเพื่อนผมก็ดีสินะ

ผมไม่เคยเข้าใจพวกที่ติดนิยายเลย ว่ามันจะอะไรกันนักกันหนา ก็แค่นิยายเรื่องเดียวทำไมต้องติดกันงอมแงม บางคนถึงกับร้องไห้ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว เพราะผมในตอนนี้ก็กำลังอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากคนพวกนั้นเลย

มาถึงตอนนี้ผมอ่านคอมเม้นต์ บางคนเรียก อา ลุง หรือน้องอู แล้วก็กำลังช่วยกันเอาใจให้ตามหานัยให้พบ มาถึงตอนนี้ ผมก็เริ่มมั่นใจแล้วล่ะว่า มันเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นจริง ผมดีใจที่เป็นเรื่องจริงดังที่ได้บอกเหตุผลไปแล้ว แต่ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพราะมันคงเป็นเรื่องจริงที่เศร้าและขมขื่นกับทุกคนทั้งในเรื่อง และคนที่อ่านมากมาย

ตอนนี้ความเข้าใจของผม เป็นแบบที่ได้บอกไปนะครับ หากมีตรงไหนที่ผมเข้าใจผิดก็ขอให้ทุกคนช่วยบอกกันด้วยนะครับ บางเรื่องผมไม่รู้เพราะอายุคงไม่มาก แถมไม่ได้อยู่ที่ กทม.อีกด้วย หวังว่านี่คงเป็นอีกชุมชนหนึ่งของผม เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตนะครับ

*ปล. ผมตรวจทานอยู่นาน และเลือกใช้ภาษาดีๆ เพราะเห็นแก่คุณ (ลุง หรือ น้า ไม่รู้ครับ ช่วยบอกที)อู (ตัวจริง) ที่อุตส่าห์ใช้ภาษาดีๆ มาตลอด

*ปล.๒ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เล่นคอมฯ บ่อยนะครับ เดี๋ยวแม่ว่า (อิอิ) บางทีผมจึงอาจตอบ คห. ช้าไปหน่อย

*ปล.๓ โอ้โห! ผมกลับขึ้นไปอ่าน นี่ผมพิมพ์มาได้ไงเนี่ยยาวขนาดนี้ บางช่วงบอกได้เลยว่า น้ำเน่าว่ะ กรูเขียน(พิมพ์)ไปได้ไงวะ(โทษครับ หยาบไปหน่อย อิอิ)แบบนี้ผมไม่เคยเขียนที่ไหนมาก่อนเลย ผมเขียนได้เฉพาะที่นี่นะครับเนี่ย คงเพราะเห็นคุณ (ลุง หรือ น้า ไม่รู้ครับ ช่วยบอกที)อู (ตัวจริง)แน่ๆ เลย ที่ให้ผมเขียนได้ขนาดนี้ โอ้วววว

ไปก่อนนะคร้าบบบบบบบ (พี่ๆ น้าๆ ทุกคน)

Pingsuke said...

เรื่องนี้ มีคนอ่านเท่าไหร่ได้ครับ ผมเคยหาโดยกูเกิ้ลดู พบว่าคำว่า "ไอ้อู" มีผู้ค้นหาแล้วเกือบ 750000 ครั้ง และก็ปรากฎผลการค้นหาอยู่ในหน้าแรก และอันดับแรกของกูเกิ้ล ตกใจมากครับ มีคนอ่านเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย และก็น่าจะมีผู้หญิงอ่าอยู่ด้วย แต่ไม่กล้าแสดง คห. คิดแล้วก็เขินนิดหน่อยอะ เพราะแรกๆ เป็นอีโรติก มีเรื่องเซ็กส์ของชายกับชายด้วย..

Anonymous said...

ลุงชูมีอาชีพเปนหมอดูป่าวอ่ะ โคดแม่นเลย ให้พี่ iz มาฝึกด้วยสิครับ หลักจากจบคอร์สอาอู ใช่ครับ ผมกะจะเรียนสายศิลป์ อยากเรียนมากๆด้วย ลุงนี่แม่นจริง มาเหนตอนนี้ทีไรซึมทุกทีเลย

Pingsuke นายมีเพื่อนแล้วล่ะ 55 เราก้ยุ ม.3 อ่ะ

Sea~~!!

Anonymous said...

น้องทะเล มาพาดพิงถึงพี่ด้วยเหรอ
เอาวัน เดือน ปีเกิดและเวลาเกิดมาสิ
พี่จะดูให้ 55 (แย่งลูกค้าพี่อูแล้ว)


IZ

Anonymous said...

คอมเมนต์ในครั้งนี้ทำให้ผู้อ่านอีกหลายๅคนเผยโฉมออกมา อาทิ หลานเงิน โดโด้ Federick และพิงสุเกะ ขอขอบคุณสำหรับความเห็นครับ สำหรับโดโด้ใช้ภาษาไทยได้ดีมากเลย ทั้งอ่านและเขียนได้ เก่งจัง

พิงสุเกะเขียนคอมเมนต์ได้ดีมาก สามารถอ่านจับประเด็นในเรื่องได้ดี อีกทั้งนำเสนอความคิดได้แจ่มชัด แม้แต่เรื่องที่เป็นนามธรรม มีการสื่อสารที่ดี แบบนี้เอาดีด้านภาษาต่างประเทศได้ด้วย เดาเอาว่านิ้วน่าจะเรียวยาว

อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่แตกต่างอะไรหรอกครับ ช้างเผือกมาจากในป่าใหญ่ ไม่ได้มาจากในกรุง หลานทะเลก็ไม่ได้เรียนในกรุงเทพฯเหมือนกัน

ตอบหลานทะเล คนเราพอมีเคราะห์ มันจะมาเป็นชุด ไม่ได้มาเรื่องเดียว เท่าที่อาสังเกตเป็นแบบนั้นจริงๆ ดวงหลานจะเป็นอย่างไรรอพี่ IZ ครับ หลานทะเลาะกับเพื่อนก็อย่าให้เป็นอย่างอา บางเรื่องหลานต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่บางเรื่องหลานก็เรียนรู้จากความผิดของคนอื่นๆได้โดยที่ไม่ต้องทำผิดเอง

หลานที่หนึ่ง อาพิมพชื่อภาคผิดจริงๆด้วย ขอบคุณที่ท้วง แก้ไปแล้วครับ

ขอบคุณหลาน arus มากที่เป็นกำลังใจให้อา ดูหลานจะอ่านใจอาออกได้เยอะทีเดียว ตอนนี้ก็หม่นๆอยู่เหมือนกัน เขียนเองแล้วก็กลับไปแอ่านที่ตนเองเขียน อ่านแล้วอ่านอีก เรื่องเมืองของอานัยนั้น มันเป็นนิยายครับ เมืองไหนก็คงไม่แตกต่างกันนัก แต่ถ้าหลานอยากรู้ อาสมมติแบบนิยายให้ก็แล้วกันครับว่าไปอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ อันเป็นเมื่องด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาครับ ที่อยู่ของอานัยก็อยู่ที่ซองจดหมายนั่นเอง

เรื่องนี้น่าจะยังมีคนอ่านไม่มาก แค่มากกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องยอดนิยมอะไรหรอกครับ ส่วนจะมีผู้หญิงอ่านหรือไม่นี่ไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยเห็นคอมเมนต์จากผู้อ่านที่เป็นหญิงเลย

ความคิดเรื่องมีตติ้งนั้น ถ้าจะจัดมีตติ้งกันในหมู่ผู้อ่านก็น่ายินดีครับ เป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหลาย แต่สำหรับผมนั้นนิสัยส่วนตัวก็เป็นดังที่รู้กัน คืออูนั้นเป็นคนรักสันโดษและเก็บตัวครับ ขออาสาเป็นเพื่อนในบล็อกดีกว่าครับ

จดหมายของนัยยังไม่จบ เรื่องเสื้อยืดรออ่านตอนหน้าครับ

อู

Anonymous said...

ลืมตอบที่ติด IZ เอาไว้

เรื่องการเรียนโหราศาสตร์นั้นเรียนจากครูดีกว่าครับ เพราะโหราศาสตร์ที่มีในเมืองไทยมีหลายกิ่ง เริ่มตั้งแต่กิ่งสิบลัคนา แล้วก็ถ้าเป็นกิ่งลัคนาเดียว สำหรับกิ่งลัคนาเดียวก็ยังมีแขนงออกไปอีก เป็นแขนงโหราศาสตร์สากล แขนงโหราศาสตร์ไทย แขนงโหราศาสตร์ภารตะ ฯลฯ

สำหรับแขนงโหราศาสตร์ไทยยังแยกย่อยไปอีก เช่น สายเรือนชะตาสัมพันธ์ สายดาวลอย ส่วนแขนงอื่นก็มีแยกย่อยเช่นกัน

เหล่านี้แต่ละสำนักจะมีแนวทางและเคล็ดเฉพาะสำนักไปอีก ดังนั้นหากจะศึกษาโดยการอ่านตำราจะไม่รู้ที่มาที่ไปว่าสาระเหล่านั้นมาจากกิ่งไหน แขนงไหน สาขาไหน ทำให้ตีกันวุ่น อ่านแล้วก็งงและนำไปใช้ไม่ได้

นอกจากนี้ก็มีโหราศาสตร์ตะวันตก คือ ยูเรเนียน

นอกจากโหราศาสตร์แล้ว ยังมีวิชาการพยากรณ์อื่นๆอีก เช่น เลขเจ็ดตัว ซึ่งก็มีหลายสาย ไม่น้อยกว่า ๕ สาย ไพ่ยิปซี โหราศาสตร์จีนโป๊ยยี่สี่เถียว ฯลฯ อีกมากมาย

สนใจอะไรก็หาครูเรียนดีกว่าครับ หากยังไม่รีบกลับจากยุโรป เรียนยูเรเนียนจากที่นั่นก็ได้ ต้นตำรับมาจากเยอรมัน ใกล้ๆน้องนั่นเอง

อู

Anonymous said...

พออ่านจากที่คุณอูบอกว่าคุณอูเป็นคนรักสันโดษและชอบเก็บตัว แต่เท่าที่ผมอ่านนิยายมาจนถึงตอนปัจจุบัน สิ่งที่ผมอยากจะถามก็คือ ที่คุณอูกลายเป็นคนสันโดษและเก็บตัวเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณนัยรึเปล่าครับ เพราะผมสังเกตว่าคุณอูเริ่มมีอะไรที่เปลี่ยนไปหลายอย่างหลังจากที่คุณอูไปอเมริกาแล้ว ถ้าผมถามละลาบละล้วงมากเกินไปขอโทษด้วยนะครับ
Federick

Anonymous said...

อาอูกะลุงชูนี่ท่าจาเก่งเรื่องโหราศาสตร์แหะ ลุงชูก้เดาถูกว่าผมจะเรียนอะไร อาอูก้รุด้วยว่าผมไม่ได้เรียนในกรุงเทพ รุกันได้ไงครับเนี่ย เก่งกานจิงๆ ลุงชูยังไม่มาเลยแหะ- -

เรื่องทะเลาะกับเพื่อนก็ช่างมันเถอะครับ ผมว่าอีกสักพักก็ค่อยๆดีกันเอง เพียงแต่ผมกัวว่าจะเปนแบบอาอูกับอานัยเท่านั้นเอง แต่คงไม่เปนแบบนั้นหรอกครับ

ปล.ขอทิ้งเพลงนิดนึงนะ ตรงใจดีครับ เหนแล้วคิดถึงวันเก่าๆ

Remember the first day when I saw your face.
Remember the first day when you smiled at me.

Sea~~!!

พี said...

อืม....ได้อ่านจดหมายของนัยต่อแล้ว.....รู้สึกเศร้าแทนนัยมากๆเลย เข้าใจคนขาดทั้งพ่อพ่อ+แม่มากๆเลย และอูคงรู้สึกเศร้ามากๆเลย ที่ไปๆมาๆ ตัวเองมัวแต่มีทิฐิ งอน คิดไปเอง...ไม่ยอมทำความเข้าใจนัย ปล่อยให้นัยต้อง ว้าเหว่อยู่คนเดียว...

นี่ละมัง ที่คุณอูเคยบอกครั้งนึงในตอนไหนจำไม่ได้แล้ว.. ว่า ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต และคงเป็นสาเหตุที่ทำให้อูต้องโทษตัวเอง เป็นคนที่ไม่เข้าสังคม ต้องรักสันโดษและเก็บตัวอยู่ในขณะนี้

แต่ก็เป็นการเดานะครับ...จะรออ่านตอนต่อไปครับ

ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นแบบผมหรือปล่าว เวลาผมอ่าน ผมก็จะจินตนาการว่าตัวผมป็นอู และคนที่เราชอบก็คือนัย ตามอูไปด้วย
เวลานัยทำอะไรไม่ดี (ซึ่งในเรื่องแทบไม่มีเรื่องที่นัยทำไม่ดีต่ออูเลยเพราะอูเล่าแต่เรื่องที่ดีของนัยเพื่อให้คนหลงรักนัย) เราก็ไม่เคยโกรธนัยเลย แต่ถ้าอูทำไม่ดี ไม่ถูกใจ เราก็จะรู้สึกบ่นๆอู (แบบเบาๆนะ บางครั้งว่าโง่..ด้วย) ว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ น่าจะทำแบบนี้ แต่ก็ทั้งที่รู้นะว่า เราหลงใหลไปในสำนวนการเขียนของนักเขียนชั้นดีคนนึงแล้วล่ะ
ไม่รู้จะต่ออะไร ไว้รออ่านตอนต่อไปดีกว่า

พี

ปล.ตอนนี้มีน้องใหม่เข้ามาตอบคอมเม้นต์ยาวๆ 2 คน ที่คุณอูตอบไปแล้ว
แต่ผมสังเกตุ ว่าคนที่ 2 ที่ใช้ชื่อ พิงสุเกะ ที่แนะนำตัวว่าอยู่แค่ ม.3 แต่ สำนวนการพิมพ์ ผม ว่าดีมากเลยและยังให้เกียรติคนอ่านด้วยการตรวจทานคำให้ถูกต้องด้วย ดูแล้วคงเป้นหนอนหนังสือคนนึงด้วย เกรดวิชาภาษาไทยคงจะได้ 4 หรือ 3 แน่นอน ก็หวังว่าจะเป็นนักเขียนมือใหม่มือดีคนนึงมาประดับวงการ ให้เราๆ ชาวบอร์ดได้อ่านกันบ้างนะครับ

ยุ่น said...

อ่านตอนนี้เสร็จแล้ว
ทำให้นึกถึงตัวเอกในนิยายอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
ฟัก --- คำพิพากษา

อารมณ์ที่เคยได้รับจากการอ่านชีวิตของฟัก
ในคำพิพากษา กลับมาอีกครั้ง เมื่อได้อ่าน
จดหมายของนัย

ดู...คล้ายๆกัน
ชีวิตของคนๆหนึ่งถูกพิพากษาจากคนรอบข้าง
เศร้าใจจังครับ

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ

Anonymous said...

ขอบคุณครับพี่อู
สำหรับความรู้ทางด้านโหราศาสตร์
ถ้าดูเก่งแล้วจะดูให้พี่อูนะ อิอิอิ
แต่ตอนนี้ให้น้องทะเลมาเป็นหนูทดลองก่อน

IZ

Choo said...

ตอนนี้เข้ามาช้าเพราะอ่านเม้นต์เพลินไปหน่อย ก่อนอื่นยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนสมาชิกใหม่ของอูก่อน รู้สึกมีคนรักนัยกะอูมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนแสดงความคิดเห็นกันยาวๆ รวมถึงมีคนบอกความรู้สึกต่างๆ ที่มีต่อทั้งนัยและอูมากขึ้น โดยเฉพาะหลาน arus ของอาอู บอกรักอาอูทุกครั้งที่มีโอกาสเลย น่ารักดีครับ

หลานทะเลครับ ลุงไม่รู้เรื่องโหราศาสตร์เลยครับ ที่ลุงอูเขียนอธิบายให้ว่าที่ด๊อกเตอร์ IZ ลุงอ่านไปอ้าปากหวอไปครับ ที่ทายหลานไปก็ดูจากลักษณะการเขียนการแสดงออกของหลานนะครับ

น้องอูครับ ดูเหมือนไม่ค่อยมีเพื่อนๆ เชื่อว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งล้วนๆ ก็พฤติกรรมของอูคนเขียนกับอูตัวละครเหมือนกันซะขนาดนี้ นอกจากสันโดษเก็บตัวตามที่อูบอกเองแล้ว หลายครั้งยัง “กล่าวโทษหรือตำหนิตัวเอง” อย่างมากด้วย ผมอยากเชื่อครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งล้วนๆ เพราะผมไม่อยากนึกภาพตอนที่อูอ่านจดหมายของนัยฉบับนี้ว่า อูจะต้องอยู่ในสภาพเช่นไร ผมขอใช้คำว่า “พล่าน” ทั้งภายในและภายนอกเลย (คำนี้โบราณไปหรือเปล่า หลานๆ อาจไม่เข้าใจ) และไม่อยากคิดว่าตอนที่อูกำลังเขียนนิยายเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนต่อจากนี้ อูจะต้องปรับอารมณ์ความรู้สึกขนาดไหน ผมว่ามันไม่ง่ายเลย เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยนะครับ

นอกจากนี้ผมรู้สึกว่าลักษณะของน้องอูบางครั้งเหมือนเปิดเผยแต่ก็ปิดบัง เหมือนปิดบังแต่ก็เปิดเผย เหมือนกลัวๆ กล้าๆ อะไรบางอย่าง อยากบอกอูว่าไม่อยากให้อูเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่ออูเองนะครับ 555 (ไม่ได้ตำหนินะครับ คิดอย่างไรก็สื่อสารไปแบบนั้น)

ผมชอบคำกล่าวของอู ที่เคยบอกว่า “ใช้เวลาเนิ่นนานในการหาความหมายของชีวิตและการดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ ศักดิ์ศรี” ทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้เวลาเนิ่นนานฯ จึงตัดสินใจที่เข้ามาป่วนเปี้ยนในบล็อกนี้ โดยคิดว่าตัวผมเองน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้เขียนหรือผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งตอนนี้ผมรู้สึกว่าผู้อ่านส่วนหนึ่งอายุยังน้อย การได้เรียนรู้ประสบการณ์จากนิยายฯ แบบ shortcut น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องหาประสบการณ์จากความผิดพลาดฯ แล้วต้องมานั่งเสียใจชั่วชีวิตเหมือนอูเหมือนผมอยู่ในขณะนี้ จึงขออนุญาตน้องอูในการวิจารณ์งานเขียนในอีกแง่มุมหนึ่ง เพื่อเป็นมุมสะท้อนให้น้องๆ หลานๆ ได้เรียนรู้หลายๆ มิติ ตามความคาดหวังหนึ่งของอูที่สรุปไว้ “อูหวังให้เรื่องราวของอูและนัย เป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนดำเนินชีวิตอย่างมีสติ” ซึ่งก็คือข้อสุดท้ายที่ผมจะทาย แต่ไม่ได้เฉลยไว้ตอนที่แล้ว แต่หากอูคิดว่ามันจะทำให้อรรถรสของนิยายเรื่องนี้ลดน้อยถอยลงไปก็บอกกันนะครับ

ขอวิจารณ์ดังนี้

นัย ไม่ได้ขาดความรักครับ แต่ขาดความอบอุ่น นัยมาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่อาผู้ชายและอาผู้หญิงที่เลี้ยงดูนัยมาก็รักนัยไม่น้อย สังเกตจากแทบไม่เคยดุด่า ตีหรือทำโทษใดๆ เลี้ยงดูนัยอย่างดีมาตั้งแต่ ป.1- ม.3 เกือบ 9 ปี แต่ที่ไม่ได้รับนัยเป็นลูก อาจเนื่องจากรู้ว่าสักวันแม่ของนัยต้องมารับนัยกลับคืนไป รู้ว่าจริงๆ แม่ของนัยก็รักนัยไม่น้อยเช่นกัน และจากสาเหตุทั้ง 2 นี้ทำให้อาทั้ง 2 ไม่กล้าที่จะแสดงความรักที่มีต่อนัยมากเท่าไรนัก อีกทั้งนัยเองลึกๆ ขอโหยหาความรักจากแม่อยู่ไม่น้อย จึงแสดงออกในลักษณะอาวรณ์ที่แม่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ และการที่นัยถูกส่งไปต่างประเทศ อย่างน้อยนัยก็ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตร ถึงแม้นัยจะบอกว่าแม่ส่งไปอยู่โรงเรียนประจำก็ตาม ผมยังเชื่อว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอครับ และนัยไม่ได้ขาดรากฐานของชีวิต

แต่นัยขาดความอบอุ่น ซึ่งความอบอุ่นนำมาซึ่งความงอกงามในจิตใจ นัยจึงมีบุคลิกเฉยๆ ไม่แสดงความรู้สึกหรือแสดงความรู้สึกไม่เป็น ไม่แปลกหรอกหากหลายๆ เรื่องราว ทำให้อูคิดไปอีกอย่าง เกิดความไม่เข้าใจกัน และเมื่อทั้งคู่อายุยังน้อย ต่างคนต่างทิฐิมานะ ขาดการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ก็ยิ่งปานปลาย

ความรักเป็นเหมือนยาทิพย์ที่ทำให้เราเอิบอิ่มมีความสุข แต่ความรักก็เป็นยาพิษหากไม่เข้าใจมันอย่างท่องแท้ ดังนั้นไม่ว่าความรักจะเป็นแบบไหน รักที่ยั้งยืนต้องประกอบด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจ ถึงแม้รักของนัยกะอูต่างคนต่างรักอีกฝ่ายไม่น้อย แต่ก็ขาด 2 สิ่งที่กล่าวมา หวังว่าน้องๆ หลานๆ ที่กำลังมีความรัก ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสื่อสารสร้างเสริมความเข้าใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ นะครับ บอกรักวันนะนิด จิตแจ่มใส

ก่อนจบ กลับมาให้กำลังใจน้องอู รักอูเพิ่มขึ้นนะครับ

แอบเห็นปีที่แล้วทั้งปีอูเขียนไป 55 ตอน ปีนี้ 7 เดือนเขียนไปแล้ว 55 ตอน อย่าหักโหมมากนะครับ

ชู

ปล. ผมยังคงเป็นคนเดียวที่เรียกน้องอูหรือเปล่าครับ หากมีพี่คนอื่นๆ ช่วยส่งเสียงด้วยครับ 555

Anonymous said...

เศร้าสุดๆกับชีวิตนัย

ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ

fanclub คุณอู comment ยาวๆทั้งนั้น

ผม comment สั้นๆคงไม่เป็นไรนะครับ 555

วุฒ

dodo said...

ดูให้ผมหน่อยดิ ได้มิครัฟ ^ ^

(ผมมะมีเพื่อนคุยเลย เหงาจัง )

โดโด้

Anonymous said...

โดโด้จะให้ดูอะไรให้เหรอ หมายถึงให้พี่อูดูดวงให้หรือเปล่าอ่ะ

Anonymous said...

หลังจากอ่านตำรามาพักใหญ่ๆ
(แอบอ่านไม่ให้พี่อูรู้ อิอิอิ)
ก็พอจะดูได้บ้างแล้วครับพี่อู
เดี๋ยวลองให้น้องทะเล หรือไม่ก็โดโด้เป็นเหยื่อก่อน
555

IZ@หมอดู ไม่ใช่หมอเดา

Choo said...

คุณหมอ IZ ดูให้บ้างดิ
ผมจะอยู่อีกกี่ปี อีกซัก 40ปีไหวไม๊
เกิด ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ปีจอ

หรือว่าดูให้เฉพาะเด็กๆ คับ 555

ชู

Anonymous said...

ให้พี่ IZ ดูให้แบบลุงชูดีกว่าครับ 55 ผมจะยุได้อีกซักกี่ปีอ่ะ แล้วต้องการข้อมูลอะไรบ้างครับ วันเกิด หรือสถานที่เกิด อะไรก็ได้ครับ ช่วยบอกที
ผมเกิด 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 ครับ ที่เกิดนี่ไม่รุโรงบาลอะไรครับ โทดที

อาอูมาบอกหน่อยสิครับ รุได้ไงว่าผมเปนคนต่างจังหวัด เรื่องนี้อยากรุมากเลย

Sea~~!!

Anonymous said...

ผมอ่านเริ่องของอูจบทั้ง 3 ภาคแล้วผมแน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดเขียนจากเค้าโครงเรื่องจริง บวกกับการเขียนเสริมเพื่อให้อรรถรสอีกนิดหน่อย อ่านแล้วนึกถึงภาพในอดีตที่เคยผ่านมาในสมัยที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งในขณะนั้น การยอมรับเกี่ยวกับพฤติกรรมชายรักชายยังไม่เป็นที่ยอมรับกันสักเท่าไรตามที่คุณอูได้บอกไว้ ผมเกือบลืมไปแล้วว่าในช่วงที่เป็นวัยรุ่นมีอะไรบ้างที่ผ่านมาในชีวิต เพราะมันผ่านมาหลาวยปีแล้ว แต่พอมาอ่านเรื่องนี้เข้า ทำให้คิดย้อนถึงเหตุการณ์เก่าๆ ขึ้นมาอีก ผมไม่เคยติดนิยายหรือเรื่องเล่าต่างๆ แต่พออ่านเรื่องนี้แล้ว ชวนให้ติดตามและเข้าใจจิตใจของอูดี อยากรู้เรื่องตอนต่อๆไป ว่าจะเป็นอย่างไร

Anonymous said...

ตอนนี้คอมเมนต์กันยาวๆหลายคนทีเดียว คอมเมนต์สั้นหรือยาวก็ขอขอบคุณครับ

ขอบคุณพี่ชูครับที่แสดงความเห็นเพิ่มเติม ก็ดีเหมือนกันครับ ผมเป็นผู้เล่า พี่ชูและเพื่อนๆ น้องๆ หลานๆ คอยคอมเมนต์ ไม่เงียบเหงาดี ที่จริงผมบอกไปแล้วว่าเขียนมาหลายปี เขียนไปทำไม ใจจริงก็อยากทราบความเห็นของผู้ที่ติดตามอ่านมาเป็นเวลานานปีเหมือนกันว่าอ่านทำไมตั้งหลายปี

ที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือกลับไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นนิยาย แม้กระทั่งที่แสดงความเห็นในกระทู้บอร์ดปาล์มหลายคนก็ไม่ค่อยเชื่อเช่นกัน

ก็เอาเป็นว่าคิดข้างไหนสบายใจก็คิดข้างนั้นก็แล้วกันครับ เพราะบางคนอ่านแล้วไม่สบายใจหรือเศร้าหมอง ถ้าเข้าใจว่าเป็นนิยายก็จะได้ไม่เศร้ามาก ที่จริงมันก็เป็นนิยายนั่นแหละครับ สถานที่ สถาบัน บุคคล ต่างๆไม่มีอยู่จริง

นิสัยผมตัวจริงกับนิสัยอูในเรื่อง ผู้ที่ตามอ่านมาหลายปีอาจจะทราบได้ไม่ยากว่าเหมือนกันหรือแตกต่างกัน อ่านไปเรื่อยๆก็จะทราบ เพราะคุยกันมาหลายปีผมก็รู้ตัวว่าหลายอย่างก็เริ่มหลุดๆออกมา ปิดไม่ค่อยจะอยู่แล้ว

เรื่องนิสัยรักสันโดษนั้นเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ ม.๑ ตอนมีเรื่องกับไอ้โหนกและไอ้อ้วนครับ หลังจากนั้นก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของนิสัย เหตุการณ์ตอน ม.๔ นี้ก็มีส่วนครับ อ่านอีกสักหน่อยจะทราบ

IZ งานเข้าเสียแล้ว มีคนมาขอรับบริการ พี่เองยังค้างอีเมลดูดวงอีกหลายราย ยังไม่ได้ตอบเลย

ตอบหลานทะเล จะบอกความลับให้ว่าอาดูด้วยไพ่ยิปซีครับ ได้รูปเด็กถือเหรียญ เลยทายว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด

อู

Anonymous said...

คุณอูครับ ขณะนี้ผมคิดว่าคุณอูกำลังpostอยู่ ใจจริงแล้วอยากรู้จักคุณอุเหมือนกัน ฃ่วงที่ผมเรียนมหาลัยประมาณปี 20-25 คุณอูอยู่ ม.4 ปี 24 ดังนั้นในฃ่วงเวลาดังกล่าวผมก็ยังคงเรียนอยู่เช่นกันและตามที่คุณถ่ายรูปมาให้ดูเห็นแล้วนึกถึงวันเก่าๆจริงๆ ขอเบอร์โทรก็ได้ถ้าไม่รังเกียจ

Choo said...

ผมตอบก่อนละกันครับอู โทษฐานเป็นคนเปิดประเด็น

ผมอ่านมาเป็นปีเพราะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าได้เติบโตมาพร้อมกับตัวละคร อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่เติบโตใกล้ๆ กัน สถานที่ก็ใกล้เคียง ภาษาที่ใช้เป็นภาษาง่ายๆ แต่กินใจ มีหลายประโยคที่ผมจดจำและประทับใจ การเล่าเรื่องน่าสนใจติดตาม ทำให้ตัวละครเกือบทุกตัวเหมือนมีชีวิตจริง ซึ่งผมว่ายากนะที่ผู้อ่านอ่านแล้วเหมือนเรื่องจริงได้ขนาดนี้ ดังนั้นผมคิดว่าอูมีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนกว่านักเขียนมืออาชีพเลย

นอกจากนี้ด้านความรู้สึก ผมรู้สึกผูกพันกับบอร์ดนี้
อูในละครมีอะไรคล้ายผมหลายอย่าง นัยก็เลยกลายเป็นตัวแทนของคนบางคน แต่ความจริงไม่มีใครแทนใครได้หรอกครับ

ขอโทษด้วยครับ หากสิ่งที่ผมเขียนทำให้อูขุ่นมัวไปบ้าง ไม่ถือโทษโกรธกันนะครับ ใจจริงอยากให้อูยิ้มเท่านั้นเอง

ชู

Anonymous said...

พี่อูท่าทางจะดูเป็นหลายอย่างนะ
ผมถนัดดูแบบโหราศาสตร์ไทยครับ
ขอวันเดือนปีเกิด เวลาตกฝาก แล้วก็สถานที่เกิด(จังหวัดที่เกิด) แค่นี้ล่ะครับ
พี่ชูข้อมูลไม่ครบ ไม่กล้าเดาว่าปีจอนี่ปีไหน เดี๋ยววนอายุไปอีหลายรอบ เดาว่าพี่ชู อายุ 39 น่าจะประมาณนี้
เวลาเกิดไม่มีครับ
ส่วนน้องทะเล เวลาเกิดยังไม่มีครับ จังหวัดที่เกิดด้วย


IZ@งานเข้า

Anonymous said...

อ๋อ ลืมบอกอีกนิดครับว่าเค้าห้ามทายอายุครับ

ทายสมพงศ์เมียผัวว่าชั่วดี
ทายชีวีวิบัติตัดชันษา
ทายคุณโทษทารกทาริกา
ครูโหราท่านห้ามคำทำนาย

ตามนี้ห้ามทายครับ

IZ

Choo said...

เจ๋งมากคุณหมด IZ
ทายอายุถูกด้วย ไปเรียนที่ไหนมาเนี้ย

เวลาเกิดจำไม่ได้อ่ะ เกิดนานแล้วลืมแล้ว
3 อย่างที่ห้ามทาย พี่อูกระซิบบอกมาใช่เปล่า

555 ขำขำ

ชู

Anonymous said...

เย.... พี่ชูเสียตำแหน่งผู้อาวุโสอันดับ 1 ให้กะพี่เม้นที่ 42 ไปซะแร้ว

^_^

Anonymous said...

พี่อูไม่ได้บอกนะ
เรียนรู้มานะครับ
ระดับนี้แล้ว

IZ@หัวไว

dodo said...

เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ
เช๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Anonymous said...

เอ้อ งั้นให้พี่ IZ ช่วยดูให้หน่อยสิครับว่า ผมกับเพื่อนที่ทะเลาะกันนั้นจะคืนดีกันเมื่อไร เปนไงล่ะๆ ยากล่ะสิๆ 55 เหนพิมว่าระดับนี้แล้วแสดงว่าฝีมือน่ากลัวว! ผมเกิดตอนเที่ยงคืนคับ ที่ จ.นครปฐม คงไม่ต้องให้ผมไปหาอะไรเกี่ยวกับมันนะคับ พอดีลืมไปหมดแล้ว ขี้เกียดหา นี่แค่อยากรุเฉยๆ ไม่งั้นอาอูช่วยดูไพ่ยิปซีให้หน่อยก้ได้คับ อาแม่นมากๆเลย ฝีมือเยี่ยม แต่งนิยายก้เก่ง เปนหมอดูได้อีกตะหาก

ดีใจจังเลย ตั้งแต่พรุ่งนี้ถึงวันศุกร์ผมไม่ต้องเรียนครับ กีฬาสี 55 แน่นอน วันดีมีชัยอย่างนี้มันต้องโดด!!

Sea~~!!

Anonymous said...

เที่ยงคืนพอดีหรือเที่ยงคืนกี่นาที่ครับน้องทะเล

แล้วโดโด้เซ็งอะไรครับ



IZ

Anonymous said...

ตอบพี่ IZ ครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้แจ้งอย่างละเอียดเนื่องจากว่า เวลาเกิดของผมนั้นใกล้เคียงเที่ยงคืนมากครับ จึงคิดว่าไม่น่าจะส่งผลอะไร ผมเกิดตอนเที่ยงคืน 1 นาทีครับ

Sea~~!!

Anonymous said...

เศร้าอะ
^^sky^^

Anonymous said...

http://www.youtube.com/watch?v=TYWsctWe8J8
ขอบคุณมากๆ ครับที่มีสองตอนนี้ ผมร้องแล้วร้องอีก ผมเฝ้ารอคำตอบมานาน ผมเอง มันก็สมาชิกใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากมาย ขอโทษที่ก่อความวุ่นวาย
หลายวันที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอค้นหาตัวเอง ผมเจอแต่เรื่องเลวร้าย ทั้งบาดแผลทางร่างกายและทางจิตใจ ตอนนี้
ผมพบยาแล้วว ผมหวังว่า เวลานี้ ซึ่งเป็นวันใหม่นี้ สิ่งดีๆกำลังจะก้าวเข้ามา ขอบคุณคุณอูอีกครั้ง
ผมยังไม่รู้จะเรียกคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนมัธยมปลาย งั้นคงต้องเรียกว่า อา ใช่มั้ยครับ
ป่าน