Monday, June 22, 2009

ภาคสาม (วัยแสวงหา)

เกริ่นนำ

เรื่อง “ผิดตรงไหน ก็แค่ผู้ชายรักกัน” นี้เป็นภาค ๓ จากเรื่อง “เรื่องของอู” โดยภาคแรก (วัยเด็ก) เป็นเรื่องราวในวัยเด็กของเพื่อนรัก ๓ คน คือ นัย ชัช และอู ขณะเรียนอยู่ชั้นประถม ส่วนภาคสอง (วัยฝัน) เป็นเรื่องราวในลำดับต่อมาเมื่อทั้งหมดต่างเติบโตเป็นวัยรุ่นและเข้าสู่ชั้นมัธยมต้น อันเป็นวัยแห่งความฝันอันสดใส

วัยรุ่นตอนต้นเป็นช่วงเวลาที่จิตใจยังบริสุทธิ์และสดใสแบบเด็กๆ ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีความมุ่งมั่นและความใฝ่ฝัน ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต นัยและอูได้ย้ายออกจากโรงเรียนเดิมมาเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ด้วยกัน และที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ทั้งคู่ต่างเติบโตขึ้น และเปลี่ยนจากความรักฉันเพื่อนในวัยเด็ก กลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งสังคมทั่วไปในยุคนั้นยังไม่เปิดกว้างยอมรับ พร้อมกับความสับสนทางอารมณ์ ความไม่เข้าใจตนเอง และการไม่ยอมรับตนเอง

ในที่สุดแต่ละคนก็ต้องก้าวสู่เส้นทางที่พวกเขาจำเป็นต้องเดิน ไม่ว่าจะอยากเลือกหรือไม่ก็ตาม นัยก้าวเดินผิดพลาดบนเส้นทางชีวิต ทำให้ผู้ปกครองของนัยรู้ความจริงว่านัยเป็นเกย์ และถูกส่งไปเรียนต่อยังต่างประเทศอย่างกะทันหัน ส่วนอูนั้นเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม และได้เรียนรู้ความเจ็บปวดของการพลัดพราก

ภาคสาม (วัยแสวงหา) นี้เป็นเรื่องราวต่อมาเมื่ออูเติบโตขึ้นและตระหนักว่าตนเองเป็นเกย์ อูเติบโตในบริบทของสังคมยุคที่สังคมทั่วไปยังมองรักร่วมเพศเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ในช่วงนั้นเป็นยุคต้นที่เอดส์แพร่ระบาด และคนทั่วไปทั้งหวาดกลัวและรังเกียจโรคนี้ด้วยเห็นเป็นโรคมรณะ และเนื่องจากโรคนี้แพร่กระจายในหมู่ชายรักร่วมเพศ ดังนั้นจึงมีคนบางส่วนจึงเข้าใจไปผิดไปว่าเกย์เป็นต้นตอของการแพร่ของโรคเอดส์ รวมทั้งบางคนก็คิดเลยเถิดไปถึงว่าเกย์ทุกคนในที่สุดต้องจบชีวิตลงด้วยโรคมรณะนี้ ดังนั้นรักร่วมเพศจึงยิ่งกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่ารังเกียจสำหรับคนบางคน

จากบริบทของสังคมดังกล่าว แม้อูจะตระหนักว่าตนเองเป็นเกย์ แต่บางครั้งก็ยากที่จะยอมรับในธรรมชาติของตนเองได้ อูเก็บซ่อนมันเอาไว้ในเงามืดของจิตใจ ไม่ยอมให้ใครเข้ามาพบเห็น ประกอบกับต่อมาอูได้รู้ว่าแท้ที่จริงตนเองเป็นต้นเหตุให้นัยก้าวเดินผิดพลาดในชีวิต จึงถูกติเตียนจากมโนธรรมอย่างรุนแรงตลอดมา อูได้ใช้เวลาในช่วงต่อมาเพื่อการแสวงหา... แสวงหานัยเพื่อนรักที่พลัดพรากจากไป รวมทั้งแสวงหาความหมายของชีวิตและคุณค่าของการดำรงอยู่ เพื่อที่จะดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ พร้อมกับมีสันติสุขในจิตใจ

บุคคล และสถานที่ ที่ปรากฏในเรื่องนี้ ล้วนแต่เป็นการเขียนขึ้นจากจินตนาการทั้งสิ้น มิได้มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้น หากมีบุคคลหรือสถานที่ในเรื่องที่เหมือนหรือคล้ายกับบุคคลหรือสถานที่ที่มีอยู่จริง ขอให้ทราบว่านั่นเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

30 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับอู
ดีใจจังได้ฉลองที่ 1 ของ ภาคใหม่คับ
KTB

Anonymous said...

ปูเสื่อรอ พร้อมป๊อปคอร์น

thom

Anonymous said...

เย้ๆๆๆๆๆๆๆ อาอูมาเขียนต่อภาคสามแล้ว ดีใจจังเลยครับ
จะตามอ่านนะครับ

Sea~~!!

Anonymous said...

เยเย้เย ที่สี่

แค่เกริ่นก็บาดใจแล้ว รีบมาต่อไวไวนะค๊าบ

Anonymous said...

อ่านะ

รออยู่ครับ
รีบมาต่อไวๆนะครับ

Anonymous said...

เอาน่ะที่ 6 ก็ยังดี ติด top ten ด้วย
เดี๋ยวกลับไทยจะเดินสายไปตามสถานที่ต่างๆ
เพื่อจะได้บรรยกาศของอู กะ นัยบ้าง

tatawa said...

ขอเป็นสมาชิกใหม่ด้วยคนนะครับอ่านมาตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่เคยโพสต์เลย

Anonymous said...

อะไรเนี่ย แอบเข้ามาดู
คนเยอะมากๆ
T-T เด๊่ยวต้องไปเรียนพิเศษแล้ว อ่านก่อนไปแล้วกัน

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เกริ่นนำสุดยอดมากงับ

"ผิดตรงไหน ก็แค่ผู้ชายรักกัน"

สุดยอดจิงๆงับ อึ้งเลยงับ

จะติดตามอ่านตลอดนะงับ

ขอบคุณงับ

Anonymous said...

(-_-)' ที่1+0 กำ
เสร็จคุณบัตรกรุงไทย

ฺBomber_Boy said...

ดีใจที่อูยังมีเรื่องมาให้พวกเราทุกๆ คนได้อ่านกันนะครับ คิดถึงคุณมากๆ ...

Anonymous said...

ดีคับ น้อง {- _ -}' ที่ 1+0
นาน นาน พี่บัตรกรุงไทยได้ที่ 1 ที นะคับ
อิอิอิ เสร็จผมแล้วหรือคับ
เสร็จเมื่อไหร่กาน
อะอะ พี่ยังไม่ได้ทำรัยนะค้าบบบบ
ก่อแค่เปิดมายังไม่มีใครเข้ามาซักคน
อูดันมาโพสเอาตอน ตี 3 คนเค้านอนหลับกานอะ
น้อง {- _ -}' ที่ 1+0 เข้ามาเอาตอนเกือบ 6 โมงเย็น
ก้อเสร็จผมดิ
55555
ขอโทษนะค้าฟฟฟฟ
แหย่เล่นหนุกๆเท่านั้นเองคัฟ
อย่าโกรธนะ เดี๋ยว อูจะหัวเราะเอา
KTB
KTB ไม่ได้หมายถึงบัตรกรุงไทยนะคัฟ
ถ้าอยากรู้ว่าหมายถึงรัยลองถามอูดิ อูรู้คนเดียวคับ

Anonymous said...

555 พี่บัตรกรุงไทยฮาคับ เสร็จกานแล้วหรอๆ^^

เอ้อ ที่นี่ใช้ภาษาวิบัติได้ไหมคับ ถ้าไม่ได้ผมจะระวังๆเอาไ้ว้ แหะๆ เห็นรณรงศ์กันเรื่องภาษาวิบัติในเด็กดีอ่ะคับ - -

Sea~~!!

Anonymous said...

ยะฮู

ปูเสื่อรอหน้าจอค๊าบ จะเศร้า อย่างไงก็จะรออ่านอีกคัีบ
^^sky^^

Anonymous said...

บัตรกรุงไทยนี่ KTC ไม่ใ่ช่เหรอ ต้องแบงค์กรุงไทยมั้ง กร๊ากๆๆ

Anonymous said...

ดีใจจังอูมาเขียนต่อให้แล้ว เกริ่นนำได้กินใจจัง ผมว่าอูน่าจะออก pocket book มั่งนะ แหะ ๆๆๆ ของกาละแมร์ ออกมากัดผู้ชายยังขายดี ลองถ้ามีของเกย์ออกมาละก็ขายดียิ่งกว่าชัวร์ รับรองตีพิมพ์ไม่ทันแน่ ............. MC

Anonymous said...

วันนี้เม้นเข้ามาเยอะจัง หลานๆสามคนมากันพร้อมหน้า แต่ arus ยังต้องไปเรียนพิเศษต่อ

thom จะปูเสื่อรอกินป๊อปมันไม่ค่อยเข้าบรรยากาศ กินข้าวโพดคั่วมันน่าจะเป็นบรรยากาศในโรงหนัง ถ้าปูเสื่อแสดงว่าหนังกลางแปลง กินไหมสวรรค์น่าจะดีกว่า เมื่อก่อนตอนเด็กๆชอบกินมาก ไปงานวัดต้องซื้อกินทุกที

เมื่อคืนโพสต์ดึกหน่อยครับเพราะว่ากลางวันคิดอะไรไม่ออก กลางคืนเงียบๆเหมาะกับการใช้ความคิด คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะตั้งชื่อภาคสามนี้ว่าอย่างไรดี แล้วในที่สุดก็ได้อย่างที่อ่านกัน

เรื่องชื่อ KTB เป็นความลับของเพื่อน เอามาบอกดูจะไม่เหมาะ ให้เจ้าตัวบอกเองดีกว่ากระมัง กรุณารับเผือกร้อนกลับไปนะครับ

คุณที่หก ถ้ากลับจากยุโรปโปรดอย่าลืมของฝากให้หลานๆด้วยครับ ซีดีเพลงเวอลตซ์เพราะๆก็ได้

ภาษาอะไรก็ใช้ได้มั้งหลานทะเล ภาษาพัฒนาไปตามสภาพสังคม วันก่อนอาไปเยี่ยมเพื่อนที่สอนหนังสือ เขากำลังเรียกลูกศิษย์มาด่าเรื่องภาษาวิบัติ เพราะว่าเด็กไปเขียนโน้ตแปะไว้หน้าห้องว่า "มาแล้วไม่พบจาน เด๋วจะมาใหม่" ฟังแล้วก็ขำดี

วันก่อนที่สายลมถามเรื่องบทกวี ขอบคุณ KTB ครับที่ช่วยตอบให้ ผมก็แปลแบบนั้นแหละ แต่ว่าอยากเสริมอีกหน่อย คือโคลงบทนี้

Till a' the seas gang dry, my dear,
And the rocks melt wi' the sun;
And I will luve thee still, my dear,
While the sands o' life shall run.

ต้องตีความทั้งท่อนจึงจะเห็นความไพเราะ ถ้าดูทีละประโยคจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไร บทนี้เปรียบเทียบความรักของชายหนุ่มว่าจะรักตราบจนทะเลเหือดหาย ตราบที่แดดแผดเผาจนก้อนหินหลอมละลาย และตราบจนสิ้นลมหายใจ

ตรงตราบสิ้นลมหายใจนั้นผู้แต่งเปรียบเทียบชีวิตเช่นนาฬิกาทราบ เม็ดทรายที่ร่วงหล่นก็คือชีวิตที่ล่วงเลยไป เม็ดทรายหล่นลงข้างล่างจนหมดก็คือชีวิตดับสูญ ก็คือรักจนกว่าจะสิ้นลมหายใจนั่นเอง

fare-thee-wee คือ farewell แต่เขียนเลียนเสียงแบบติดสำเนียงสก็อต

ที่จริงกวีบทนี้มีข้อถกเถียงกันว่าใครแต่งกันแน่ ทำนองมาจากเพลงพื้นบ้านแน่นอน แต่คำร้องหรือว่าตัวบทกวีนั้นมาจากบทกวีพื้นบ้านหรือว่ารอเบิร์ต เบิรนส์แต่ง ยังไม่มีข้อยุติ ฝ่ายที่เห็นว่าเบิร์นส์แต่งเองก็เอา fare-thee-wee นี่แหละเป็นหลักฐานสนับสนุน เพราะเป็นสไตล์เฉพาะตัวของเบิร์นส์ที่ชอบเขียนเลียนสำเนียงสก็อตใส่ลงใไปในบทกวี อันนี้เป็นเกร็ดเท่าที่พอจำได้ครับ

เรื่องทำหนังหรือรวมเล่มนั้นมีผู้แนะนำมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ก็ขอบคุณครับที่ชื่นชม ถ้าเป็นหนังหรือหนังสือก็คงถูกจัดให้เป็นเรตเอ็กซ์ คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ใครจะเอาไปทำ แต่ถ้าไม่คำนึงถึงเรตหนัง ผมก็คิดว่าคงไม่ให้ใครเอาไปทำดีกว่าครับ เก็บไว้ในบล็อกอย่างนี้ดีกว่า มันเหมือนกับเอาบ้านไปขาย ขายแล้วชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไป ทำไม่ลงครับ บ้านหลังนี้มีความหมายเกินไป เพราะมันไม่ได้เป็นแค่บ้าน แต่มันเป็นครอบครัว คนรู้จักน้อยก็ไม่เป็นไรครับ เป็นครอบครัวเล็กๆที่อบอุ่นดีกว่า

ใครถามอะไรมาไม่ทราบผมตอบครบไหม ถ้าตอบไม่ครบทวงมานะครับ บางทีผมก็หลงๆ ตอบข้ามบ้าง ลืมตอบบ้าง

อู

Anonymous said...

ทำไมคุณอูรู้ได้ไงว่าผมอยู่ยุโรปอ่ะ
นั่งทางในหรือครับ หรือว่า มีพรายกระซิบบอก


เอาเป็นว่าผมใช้ชื่อนี้ล่ะกาน

IZ

Anonymous said...

อยากบอกอูว่า.....ดีใจครับที่มาลงเรื่องต่อ

สำหรับผมแล้วแล้วเรื่องของอูมันไม่ใช่นิยายหรอกครับ
ทุกคำพูดทุกประโยคที่อูได้เขียนและถ่ายทอดลงไปนั้น
ผมอ่านไปโดยไม่ต้องใช้จินตนาการเลย ผมรู้สึกถึงอารมณ์
เข้าใจและสัมผัสมันได้ ผิดกับนิยายเรื่องอื่นๆที่ผมได้อ่าน
ผมต้องสร้างจินตนาการขึ้นมาและบางทีก็ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของนิยายเรื่องนั้นได้เลย........
อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ...อู ผู้เขียนเรื่องนี้ครับ
ยอดเยี่ยมมากครับที่ได้ถ่ายทอดชีวิต ความรักของผู้ชาย
ธรรมดาๆคนหนึ่งให้ผมและเพื่อนๆหลายคนได้ศึกษาและเข้าใจเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ผมได้เก็บเอาไว้ในใจตลอดเวลาเป็นสิบปี..ไม่สามารถปรึกษาใครได้หรือมีใครคอยชี้แนะนำทาง เพราะสภาพทางสังคมอย่างที่เราๆเข้าใจกันยิ่งเป็นครอบครัวคนจีนด้วยแล้วไม่ต้องพูดกันเลย
แต่อย่างน้อยเรื่องของอูมันก็ทำให้ผมได้เข้าใจเมื่อลองมองย้อนไปในวัยเด็กจนถึงปัจจุบันว่าความรู้สึกนึกคิดของผมไม่ได้ผิดแปลกและโดดเดี่ยวอีกต่อไป...
ขอบคุณอูมากครับจากใจจริง

กู๋

naja said...

มารอนะครับ

แต่รู้สึกแปลกๆ ที่ตอนนี้ไม่มีนัยแล้ว

เหมือนขาดอะไรไปซักอย่างนึง

ภาคแรก มีกัน 3 เสือ

ภาค 2 มีเพียงเรา

ภาคนี้อูฉายเดี่ยว

แต่เอาเถอะ เป็นของธรรมดาโลกนะครับ

ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดไป

เป็นกำลังใจให้นะครับ

ken_cup said...

ขอบคุณครับที่พี่ไม่ทิ้ง(ผม)พวกเราไปแม้ต่อจากนี้จะไม่มีนัยน่ะแต่ผมก็ยังอยากรู้ต่อไป แต่อดคิดถึงไม่ได้เนอะขอบคุณอีกครั้งครับผม

Anonymous said...

ผมติดตามอ่านเรื่องราว(นิยาย)ของคุณอู กับเพื่อนทั้ง ชัช และนัย เป็นเวลาปีกว่าๆ รู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นส่วนหนึ่งในบทนิยาย หรือเป็นเพื่อนกับคุณอูมาตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเพราะมีอะไรคล้ายๆ คุณอู อายุใกล้เคียงกัน บริบทต่างๆ ที่คุณอูเล่า ผมคาดว่าคุณอูน่าจะอายุน้อยกว่าผมประมาณ 2-3 ปี ผ่านประสบการณ์ความรักมาคล้ายๆ กัน ผมเชือว่าสิ่งที่คุณอูเล่า เป็นนิยายกึ่งเรื่องจริง ที่คุณอูพยายามสือสารให้เพือนๆ เข้าใจ เพราะมันปะปนไปด้วยความรู้สึก มิใช่จินตนาการ แต่หากผมเข้าใจผิด ก็ขอโทษคุณอูและทุกคนใน Board นี้ แต่หากผมเข้าใจไม่ผิด ขอเป็นกำลังใจคนหนึ่งของคุณอู ให้พบกับความรักความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบในอนาคต ขอป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณอูคนหนึ่งละกัน เพราะจากการอ่านนิยายของคุณอู รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่ง ได้เติบโตมาพร้อมๆ คุณอู

อนึ่ง การ post ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ขอสวัสดีทุกๆ คนทั้ง คุณอู (วันหน้าขออนุญาติเรียกน้องอู คงเป็นคนแรกที่เรียก เป็น อาอู ลุงอู มานาน เป็นน้องอูบ้างนะครับ) หลานคุณอูทุกๆ คน จะติดตามภาค 3 ต่อไปครับ

ไม่อนุญาติให้เรียก น้องอู บอกด้วยครับ จะได้เปลี่ยนเป็นคุณอูตามเดิม

ชู

Anonymous said...

ตอบ IZ นะครับ

ถ้าผมบอกว่ารู้เพราะจับยามสามตาจะเชื่อไหม

ที่จริงเป็นเรื่องเข้าใจผิด วันนั้นผมอ่านเม้นต์ของคุณแล้วเห็นเขียนไว้ว่า "ไว้กลับจากยุโรปเมื่อไร" เลยทักไปแบบนั้น แต่พอไปดูอีกที กลับไม่มีคำว่ายุโรป แสดงว่าผมคงเอาไปปนเปกับข้อความอื่น เลยกลายเป็นแม่นโดยบังเอิญ ถ้าแม่นขนาดนั้นผมเอาไปจับยามซื้อหวยดีกว่า สงสัยรวย

ภาคนี้ถึงไม่มีนัยแต่ก็จะมีคนอื่นๆเข้ามาในชีวิต ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกครับ จะบอกดีไหมว่า โตแล้วจีบสาว ขนมจีบขายออกด้วย

ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชูครับ ขอบคุณที่มาเม้น เจิมตอนแรกของภาคสาม เรียกน้องก็เก๋ดีครับ เป็นลุงเป็นอามานานแล้วเหมือนกัน หรือจะเรียกอูเฉยๆก็ได้ จะได้พิมพ์สั้นๆ

ว่าแต่พี่ชูคงไม่ใช่พี่ในสหกรณ์หรือพี่เต้ปลอมตัวมาใช่ไหม

เรื่องนี้เป็นนิยายล้วนๆครับ ทุกคนและทุกสถานที่ล้วนแต่สมมติเอา เพราะเด็กอย่างอูอยู่ที่ไหนก็ทำสถาบันเขาเสื่อมเสียมัวหมอง

อู

Anonymous said...

แม่นมากจริงๆครับคุณอู
ตอนแรกผมจะพิมพ์อย่างนั้นแหละ
ว่า ไว้กลับจากยุโรปเมื่อไหร่ แต่ลบทิ้งไป
แม่นๆแบบนี้คงดูดวงแม่น

ระวิ ภุมมะ ทั้งโสรา ปัจจะแก่ลัคนา พุธเก้า
..........

IZ

Anonymous said...

-_-" ไม่โกรธครับลุง

Anonymous said...

ไหมสวรรค์ก็ได้ แต่ช่วยสั่งปลาหมึกปิ้งให้ด้วย แถวบนๆนะ

ทำหน้งก็ดี ประมาณ รักแห่งสยาม + เฟรนด์ชิบ
ให้มะเดี่ยวสร้าง ถ้าจะดี
รักแห่งสยาม ฉากม้าหินเร้นลับ
ทำเอาคนดูช๊อคไปทั้งโรง
ถ้าเอาเรื่องนี้มาสร้าง ไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเป็นไง 555

รักแห่งสยาม คนส่วนใหญ่ยังบอกเป็นหนังเกย์
ทั้งที่ มีเรื่องความรักในครอบครัว มาผสมน้ำหนักเท่ากันและกว่านายทุนจะให้ มะเดี่ยวทำก็ตั้ง 4 ปี
ทำแล้วได้กล่้องบาน แต่ตังไม่ค่อยได้เท่าไหร่
แต่เรื่องอู ตัดฉากอีโรทิคออก ต่อให้เป็นมะเดี่ยวคงจะหานายทุนยาก

จริงๆเหตุผลที่อยากให้เป็นหนัง จะได้ออกไปได้กว้าง เพื่อนัยจะได้ดู

ลองหาใน google แล้วผลเป็นไงบ้างหนอ

thom

Anonymous said...

ดีใจจังที่คุณอูยังมาเขียนต่อ ขอบคุณมาก
ชุมชนนี้ก็จะยังมีชีวิตต่อไปได้อีก
ผมเห็็นด้วยกับคุณกู๋ ผมว่าพวกเราเหมือนผจญภัยไปกับคุณอู ติดตามกันไป ไม่ใช่เพียงแค่อ่านเรื่องแต่ง
แฟนๆหลายคนยังลุ้นให้ตามหาไอ้นัยอยู่นะครับ

บอย

Anonymous said...

ง่า ผมหายไปนาน ตอนนี้กลับมาแว้วคร้าบบบ
มาทันภาคสามพอดีเยย อยากให้ตามหานัยเจอ
จางเยยอ่ะ จาเจอมั้ยน้อ แล้วจะเปงไงต่อ
อยากรู้ง่ะ

ม่อน

rose said...

อยากให้เจอนัย
ถ้าเป็นชีวิตจริงหล่ะก้อ ลองพยายามหาดูนะคะ
ณู้สึกว่ามันติดค้างอ่ะค่ะ
เริ่มอ่านวันเสาร์อ่านจบเมื่อวานนี้เอง

Rose

Wat_kung said...

ดีครับคุณอู อ่านมาได้ซักพักแล้ว
เป็นแฟนด้วยอีกคน

.
.
.
ขอเม้นนิดนึงคับ
ภาคแรกเป็นอะไรที่อ่านแล้วยิ้มไม่หุบมาก
อ่านแล้วมีความสุขครับ

ภาคสองเป็นอะไรที่ค่อนข้างสับสน
เชียร์นัยกะอูอยู่ตลอดเลยคับ

แต่อ่านตอบท้ายๆแล้วค่อนข้างรับได้ยาก
ไม่น่าเลยครับ อ่านแล้วรู้สึกผิดหวังอย่างมาก(แทนนัยและอู)แต่ก็ช่วยไม่ได้

อยากรู้ว่าสองคนจะได้เจอกันอีกมั้ย

ภาคสาม ก็เป็นการผจญโลกที่ไม่มีนัยของอู
ตัวละครแสดงออกถึงการเจริญเติบโตทางอารมณ์
ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ผมคิดนะ

มาต่อไวไวนะคับ รีดเดอร์คนนี้จะรอ