Wednesday, June 10, 2009

ภาคสอง ตอนที่ 90

ไอ้นัยย้ายเวลามาเรียนตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง ดังนั้นผมต้องรอมันเป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน ผมรู้สึกใจเต้นระทึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมตื่นเต้นจนรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นเลยทีเดียว

แต่ไหนแต่ไรมา เวลาอยู่กับไอ้นัย ผมมีแต่รู้สึกสบายๆ ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นและตึงเครียดขนาดนี้มาก่อน ผมร้อนรนจนนั่งไม่ติดเก้าอี้

นั่งรอแล้วจะประสาทกิน ไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า ผมคิดในใจ จึงไปเดินเล่นที่สยามสแควร์เพื่อฆ่าเวลาและผ่อนคลายความตึงเครียดของตนเอง ผมวางแผนเอาไว้ว่าเมื่อมอบเพลงให้ไอ้นัยแล้วจะชวนมันมานั่งกินโดนัทที่ร้านเดิม ร้านที่เรามานั่งกินตั้งแต่อยู่ชั้น ม.๑ ... เมื่อนึกถึงร้านโดนัท ผมอดนึกถึงตอนที่ผมคอยบริการไอ้นัยไม่ได้ คุณหนูนัยนั่งกระดิกเท้าที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมก็ซื้อน้ำหวานและโดนัทเอาไปบริการให้ถึงโต๊ะ ใบหน้าของมันในตอนนั้นมีเสน่ห์ สดชื่น และมีความสุข

ก่อนเวลาบ่ายสองโมงเล็กน้อย ผมรีบเดินจากสยามสแควร์กลับเข้าไปในโรงเรียนดนตรีเพื่อดักรอไอ้นัย ผมเดินไปหามันที่ห้องเรียนกีตาร์แต่กลับพบนักเรียนคนอื่นกำลังเรียนอยู่

“นัยไปไหนละครับครู” ผมเคาะประตูแล้วชะโงกหน้าเข้าไปถามครูผู้สอนในห้องเรียน

“นัยเหรอ เพิ่งเลิกเรียนออกไปเมื่อกี้นี้เอง” ครูตอบ “วันนี้จบเร็วเลยเลิกก่อนเวลานิดหน่อย”

โธ่เอ๊ย น่าจะกลับมาเร็วกว่านี้หน่อย ผมนึกโมโหตนเอง พลางรีบวิ่งออกจากโรงเรียนดนตรีเพื่อตามหาไอ้นัย ถ้ามันกลับบ้านเลยผมก็รู้ว่าจะต้องไปดักมันที่ป้ายรถเมล์ป้ายไหน แต่ถ้ามันยังอยู่แถวนี้เพื่อเดินเล่นต่อโอกาสหามันเจอคงมีน้อย เพราะที่สยามสคแวร์คนแน่นมาก

เมื่อยืนอยู่หน้าโรงเรียนดนตรี ผมพยายามสอดส่ายสายตามองหาไอ้นัย ทันใดนั้นผมก็เห็นร่างของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งเดินอยู่บนสะพานลอย ดูไปคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นไอ้นัยแต่ก็เห็นไม่ถนัด

ผมรีบวิ่งไปที่สะพานลอย เมื่อขึ้นไปอยู่บนสะพานลอย ผมเห็นเงาร่างนั้นลงจากสะพานลอยไปแล้วและกำลังเดินอยู่บนทางเท้า... เป็นไอ้นัยจริงๆด้วย

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคยังเข้าข้างผมที่เราสองคนไม่คลาดกัน

ทันใดนั้นผมก็นึกอยากรู้ว่าไอ้นัยกำลังจะเดินไปไหน ในเมื่อเห็นมันแล้วยังไงคงไม่พลัดกันอีก ตามมันไปดูก่อนดีกว่า

ผมเดินตามไอ้นัยไปเรื่อยๆ เห็นไอ้นัยเดินดูของตามร้านค้าริมถนน จากนั้นก็เข้าไปในห้าง แวะดูนั่นดูนี่เรื่อยเปื่อย จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน

ผมขึ้นบันไดเลื่อนตามไปห่างๆ เพราะถ้าตามไปติดๆคงถูกมันเห็น บ่ายวันเสาร์คนแน่นขนัด ผมอาศัยร่างของคนอื่นบังตัวผมเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ไอ้นัยหันมาเห็นเข้า

จนถึงชั้นบน คนที่ใช้บันได้เลื่อนเริ่มบางตา ผมตามไอ้นัยไปใกล้ๆไม่ได้แล้ว จึงต้องทิ้งช่วงให้มันขึ้นบันไดเลื่อนลับไปก่อน จากนั้นผมจึงตามขึ้นไป ไม่รู้ว่าไอ้นัยจะขึ้นชั้นบนไปทำไมกัน

เมื่อผมขึ้นไปถึงชั้นบน ไอ้นัยก็หายตัวไปเสียแล้ว!

ผมใจหายวูบ เกรงจะคลาดกันอีก นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่น่าปล่อยให้ไอ้นัยคลาดสายตา มานึกอีกทีที่จริงผมไม่ควรคิดพิเรนทร์สะกดรอยตามไอ้นัยเลย เรียกมันเอาไว้แล้วก็เอาซองบทเพลงให้มันก็สิ้นเรื่อง แต่มานึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ผมเดินตามหาไอ้นัยด้วยความร้อนใจ จากเดินเป็นวิ่ง ผมวิ่งหามันทั้งชั้นนั้นและชั้นใกล้เคียง แต่ก็ไม่เห็นไอ้นัยแม้แต่เงา

ผมยังไม่หมดความพยายาม พยายามเดินหาไอ้นัยต่อไป ถึงอย่างไรมันคงยังอยู่ในตึกนี้แน่

ผมเดินหาจนมาถึงหน้าห้องน้ำแห่งหนึ่ง ห้องน้ำห้องนั้นอยู่ในบริเวณที่เงียบสงัด แทบไม่มีลูกค้าเดินผ่าน ผมชะลอฝีเท้าเพื่อตั้งหลักว่าจะเดินตามหาที่ไหนต่อไปดี

ทันใดนั้นเอง พนักงาน รปภ ในเครื่องแบบสองคน เดินแซงหน้าผมไปและตรงเข้าไปในห้องน้ำชาย ผมเหลือบสายตาเข้าไปดู เห็นในห้องน้ำชายนั้นมี รปภ ในเครื่องแบบอีกคนหนึ่งยืนอยู่ ผมรู้สึกเอะใจ มันเป็นสถานการณ์ที่ผิดสังเกต

ผมชะลอฝีเท้าให้ช้าลงอีก เดินผ่านห้องน้ำอย่างช้าๆ ได้ยินเสียง รปภ คุยกัน

“เนี่ย อยู่ในส้วมห้องนี้แหละ เห็นรองเท้าสี่ข้าง” รปภ คนหนึ่งพูดกับคนที่เหลือ

“เป็นตุ๊ดก็วิตถารพออยู่แล้ว ยังเสือกมาเอากันในห้องน้ำห้างอีก ม่านรูดมีก็ไม่ไป” รปภ อีกคนบ่นดังๆ

ผมได้ยินแต่เสียง แต่ไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปดู จากนั้นทำทีเป็นเดินดูสินค้าแถวๆร้านค้าที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ

“ออกมานะ” เสียง รปภ พูดค่อนข้างดัง พลางได้ยินเสียงตบประตูปังๆ

ผมรู้สึกใจเต้นระทึก นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“ออกมา” เสียงดังเกือบเป็นเสียงตวาด พร้อมทั้งเสียงตบประตูดังยิ่งขึ้น ผมรู้สึกกลัวจนต้องถอยห่างออกจากบริเวณร้านค้าหน้าห้องน้ำ

“อุบาทว์นักนะพวกมึง” เสียง รปภ ดังลอดออกมาอีก จากนั้นก็เป็นเสียงอุทานด้วยความตกใจ “เฮ้ย นี่เด็กนี่หว่า”

ผมรู้สึกสังหรณ์ใจวูบ พริบตานั้นผมรู้สึกว่าตัวหวิวๆ โคลงเคลงคล้ายกับลอยอยู่ในน้ำ มีอาการคล้ายหน้ามืด ภาพรอบตัวกลายเป็นสีเทาไปหมดราวกับตกไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง จู่ๆผมก็รู้สึกหนาวยะเยือก หวาดกลัวขึ้นมาจนตัวสั่น มีความรู้สึกเหมือนกับอับจนสิ้นหนทาง ท้อแท้ และหมดสิ้นความหวัง มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวมาก ผมไม่เคยเผชิญกับความรู้สึกที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต

เพียงครู่เดียวผมก็ตื่นจากภวังค์ แลเห็น รปภ ๓ คนเดินประกบชาย ๒ คนออกมาจากห้องน้ำ คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุไม่เกิน ๓๐ ปี หน้าตาดี แต่งตัวดี ส่วนอีกคนเป็นเด็กวัยรุ่น

ไอ้นัยนั่นเอง!!!

ไอ้นัยหันมาเห็นผมเข้าพอดี เห็นมันอ้าปากคล้ายกับจะอุทานออกมา ทั้งสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ใบหน้าของไอ้นัยซีดเผือด ความรู้สึกอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นในโลกสีเทาเมื่อครู่วูบกลับมาอีก ผมเหมือนกับจะเข้าใจความรู้สึกของไอ้นัยในขณะนั้น ผมยืนตะลึง ทำอะไรไม่ถูก

รปภ พาทั้งสองคนเดินผ่านหน้าผมไป เมื่อผมหายตะลึง ผมรีบเดินตามไปห่างๆ ส่วนไอ้นัยไม่หันมามองผมอีกเลย

ผมควรจะทำอย่างไรดีจึงจะช่วยไอ้นัยได้ ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น ผมคิดอะไรไม่ออก จะไปแย่งตัวไอ้นัยมาคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นทั้งกลัว ทั้งคิดอะไรไม่ออก

รปภ พาทั้งสองคนไปที่จากนั้นกดเรียกลิฟต์ เมื่อทั้งหมดขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ผมเดินไปดูดวงไฟที่ลิฟต์ว่าลิฟต์คันนี้ไปจอดที่ชั้นใด เพื่อจะได้ตามขึ้นไป

ปรากฏว่าลิฟต์จอดหลายชั้น ผมจึงขึ้นลิฟต์ตามไปดูทีละชั้น แต่ก็ไม่พบไอ้นัย ไอ้นัยกับชายหนุ่มอีกคนคงถูกพาเข้าไปคุยภายในห้องที่ไหนสักแห่งแล้วเป็นแน่

ผมเดินพล่าน พยายามคิดว่าคววรทำอย่างไรดี แต่ก็คิดไม่ออก จะโทรไปบอกคุณอาไอ้นัยให้มาช่วยก็ไม่กล้าทำ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อไอ้นัยกันแน่ เรื่องแบบนี้ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองรู้เข้าใครจะทำใจยอมรับได้ ครั้นจะอยู่เฉยๆก็กลัวไอ้นัยจะถูกทำร้าย จะแจ้งตำรวจก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลายยิ่งกว่าเดิม หรือไม่แน่ว่าทาง รปภ จะจับตัวไอ้นัยส่งตำรวจเสียเองก็เป็นได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งตึงเครียด

เมื่อคิดไม่ออก ผมจึงได้แต่เดินตามหาไอ้นัย เผื่อว่าไอ้นัยอาจถูกปล่อยตัวออกมา หรือถ้าผมเห็นมันถูกพาไปโรงพัก ผมอาจตัดสินใจบอกที่บ้านไอ้นัยก็ได้

หลายชั่วโมงผ่านไป ผมพยายามเดินไปเดินมาเผื่อจะพบไอ้นัย แต่ก็ไม่พบ ผมจึงตัดสินใจโทรไปที่บ้านของมัน เผื่อว่ามันจะกลับบ้านไปแล้ว แต่ที่บ้านของไอ้นัยก็ไม่มีคนรับสาย

จนสามทุ่ม ผมเดินอยู่ในตึกจนท้อใจ เดินไปเดินมาโดยไม่หยุดเป็นเวลาหลายชั่วโมง อาหารเย็นก็ยังไม่ได้กิน ทั้งเหนื่อยล้า ทั้งตึงเครียด และทั้งหวาดกลัว ผมรู้สึกถูกกดดันจนอยากจะร้องไห้...

ผมตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่บ้านไอ้นัยอีกครั้ง

“ฮัลโหล” เสียงคุณอาผู้หญิงรับสาย

“คุณอาครับ นัยอยู่ไหมครับ” ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะตอนนั้นกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว แต่ก็พยายามบังคับเสียงอย่างสุดความสามารถ

“นัยเข้านอนไปแล้ว” คุณอาพูดเสียงห้วนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยไอ้นัยก็กลับถึงบ้านไปแล้ว แต่ก็รู้สึกเอะใจเพราะทุกครั้งคุณอาไม่เคยปฏิเสธไม่ให้ผมคุยกับไอ้นัยมาก่อน

ช่างมันเถอะ ผมคิด ตอนนั้นสมองตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก ผมไม่กล้าคุยกับคุณอามาก มีอะไรเอาไว้ค่อยคุยกับไอ้นัยพรุ่งนี้ก็ได้ แม้ตอนนั้นอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้นัยแต่ก็จำใจต้องวางสายไปก่อน

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน” เสียงคุณอาเรียกผมก่อนที่ผมจะวางสาย “วันนี้อูอยู่กับนัยหรือเปล่า”

“เอ้อ...” ผมตะกุกตะกัก “วันนี้ไม่ได้เจอกันเลย มีอะไรหรือครับ”

ผมชักเอะใจว่าคุณอาดูผิดปกติไป หรือว่าคุณอาจะรู้ระแคะระคายว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้บ้าง

“เปล่า ไม่มีหรอก” คุณอาพูดเสียงห้วน “เท่านี้ก่อนนะอู”

- - -

ผมกลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่มกว่า เมื่อไปถึง ในบ้านเปิดไฟสว่างโร่ คุณลุง คุณป้า และเอ๊ด กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่น

“โอย ตายแล้ว ตาอู ไปอยู่ไหนมาเนี่ย เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” คุณป้ารีบถามเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน

แย่ละสิ มัวแต่คิดเรื่องไอ้นัยจนลืมโทรศัพท์บอกทางบ้าน ผมนึกในใจ

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ” ผมตอบ

เท่านั้นเอง พอทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็โดนถล่มอย่างไม่ยั้ง คุณป้าเอะอะด้วยความโมโหเพราะว่าเป็นห่วงผมตลอดทั้งค่ำ จนเกือบจะไปแจ้งความคนหายอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่เคยมีพฤติการณ์กลับบ้านผิดเวลาขนาดนี้โดยไม่บอกล่วงหน้า คุณลุงก็บ่น ไม่ว่าใครจะถามอย่างไรผมก็ไม่ยอมอธิบาย แม้แต่เอ๊ดก็ต่อว่าผมเพราะคิดว่าผมไปเที่ยวเถลไถล ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรจริงๆ ผมไม่อยากโกหกเพราะถ้าถูกจับได้ว่าโกหกเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่ เลยพานนิ่งเสียดีกว่า

ผมยืนเงียบ ปล่อยให้ทุกคนต่อว่าจนพอแก่ใจ ตอนนั้นมันชาไปหมดแล้ว ทั้งสมองและร่างกาย จากนั้นผมก็เดินขึ้นชั้นบนและเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำได้ก็ล็อกกลอน จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา

ผมพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงลอดออกไปนอกห้องน้ำ การร้องไห้โดยพยายามกลั้นเอาไว้นั้นมันช่างเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายสิ้นดี หลังจากเผชิญความกดดันมาตลอดทั้งบ่าย ผมยังมาโดนดุเรื่องกลับบ้านดึกอีก ชีวิตของผมส่วนหนึ่งเสมือนต้องถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในเงามืด จะให้ใครเข้ามารู้มาเห็นไม่ได้ เพราะว่าชีวิตส่วนนั้นเป็นส่วนที่น่ารังเกียจของใครหลายๆคน... จะหวานจะขมก็ต้องทนกล้ำกลืนเอาไว้คนเดียว...

ผมร้องไห้อยู่นานพอสมควร จากนั้นก็อาบน้ำและเข้านอนเลย ผมไม่ต้องการให้ใครเห็นดวงตาที่แดงก่ำของผม เสียงคนคุยกันแว่วขึ้นมาจากข้างล่าง ทั้งสามคนคงยังบ่นผมอยู่

ก่อนเข้านอน ผมหยิบซองเพลงรักที่ผมต้องการจะมอบให้ไอ้นัยออกมาลูบคลำเล่น ชีวิตช่างเล่นตลกเสียจริง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงวูบเดียวของผมก่อให้เกิดเรื่องเลวร้ายอย่างที่แก้ไขไม่ได้ นี่ถ้าผมไม่คิดสะกดรอยมัน เรียกมันเอาไว้และส่งเพลงให้มัน เรื่องร้ายๆทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น...

คืนนั้นผมนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายเกือบตลอดคืน คิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันนี้ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้นัย มันเข้าไปทำอะไรกับชายหนุ่มคนนั้นในห้องส้วม รวมทั้งหลังจากถูก รปภ คุมตัวไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับไอ้นัยบ้าง คำถามต่างๆผุดขึ้นมาเต็มสมอง

ตั้งแต่เมื่อกลางวัน ผมมัวแต่เป็นห่วงไอ้นัยที่ถูก รปภ จับตัวไป ใจมัวแต่จดจ่ออยู่แต่ว่าจะช่วยไอ้นัยอย่างไร แต่เมื่อเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ผมก็อดกลับมาคิดไม่ได้ว่า ไอ้นัยทำอย่างนั้นได้อย่างไร แล้วมันเห็นผมเป็นอะไร ความคิดเรื่องไอ้นัยสลับไปมากับความคิดตำหนิตนเองจนเกือบตลอดคืน

- - -

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นนอนสายเล็กน้อยเพราะกว่าจะได้หลับก็เกือบรุ่งสาง ยังดีที่เป็นวันอาทิตย์ ผมไม่ต้องรีบไปโรงเรียน แต่ถึงไม่ต้องไปโรงเรียนผมก็มีงานบ้านที่ต้องทำ

พอตื่นขึ้นมาผมก็คิดถึงไอ้นัยทันที ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะโทรไปหาไอ้นัย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร เอ๊ดก็เดินขึ้นมาตามผมลงไปรับโทรศัพท์ ผมรีบลงไปเพราะคิดว่าเป็นไอ้นัยโทรมา

“นัย เป็นไงบ้าง” ผมยกหูโทรศัพท์พร้อมทักทาย

“อูเหรอ นี่อานะ” เป็นเสียงของคุณอาผู้ชาย

ผมใจหายวูบ ทำไมคุณอาถึงโทรมา

“อามีเรื่องอยากถามอูหน่อย คืออูเห็นนัยเค้ามีพฤติกรรมอะไรแปลกๆบ้างไหม” คุณอาถามแบบไม่อ้อมค้อม

ผมอึ้ง คำถามนี้กะทันหันจนผมตั้งตัวไม่ทัน

“เอ้อ... นัยเค้าก็ปกติดีนี่ครับ” ผมตอบ “แต่ปีนี้เราห่างกันไปครับ ไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน ต่างคนก็มีกิจกรรมในห้องครับ”

ในชั่ววูบนั้นผมคิดได้เพียงคำตอบนี้ ผมก็ไม่แน่ใจตนเองเหมือนกันว่าที่ตอบออกไปเพราะต้องการเอาตัวรอดคนเดียวหรือเพราะต้องการไม่ให้คุณอาระแวงความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองคนกันแน่

หลังจากนั้นคุณอาก็ซักถามอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมของผมและไอ้นัย ผมก็ตอบจริงบ้าง โกหกบ้าง แต่ผมก็ไม่รู้จุดประสงค์ของคุณอาว่าจะถามไปเพื่ออะไร และทำไมจู่ๆถึงได้อยากรู้ในเวลานี้

“ขอผมคุยกับนัยหน่อยนะครับคุณอา” ผมพูดกับคุณอาหลังจากที่โดนสอบปากคำเรียบร้อย

“...” คุณอาเงียบไปครู่หนึ่ง “นัยเค้าไม่ค่อยสบายน่ะ ยังไม่ตื่นเลย เอาไว้ก่อนละกันนะอู เท่านี้ก่อนนะ”

พูดจบคุณอาก็รีบวางสายไป


<ผมเดินตามไอ้นัยไปเรื่อยๆ เห็นไอ้นัยเดินดูของตามร้านค้าริมถนน จากนั้นก็เข้าไปในห้าง แวะดูนั่นดูนี่เรื่อยเปื่อย>

28 comments:

Bomber_Boy said...

มาตามสัญญาเลยนะครับ...คุณอู

Anonymous said...

วันนี้จะมาต่อลงหรือเปล่าครับค้างไว้แค่นี้ผมคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่อยากอ่านต่ออ่ะ

Bomber_Boy said...

มันพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยอ่ะครับ....ตั้งสติได้เมื่อไหร่จะมาใหม่ก็แล้วกัน

Anonymous said...

อ่านแล้วสะเทือนใจจัง เฮ้อ

Anonymous said...

เรื่องราวร้ายขึ้นเรื่อยๆจังอะครับ อ่านแล้วเป็นห่วงทั้งคู่เลย

Anonymous said...

ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า" ช๊อก"
เคยเจอสถาณการณ์แบบนี้เหมือนกันอ่านแล้วใจสั่นมือสั่นเลยครับ!
ความเก่าแต่หนหลังได้ย้อนกับมาให้ผมได้มองเห็นภาพอีกครั้งหนึ่ง......

เข้าใจความรู้สึกของอูและนัยครับ

กู๋

Anonymous said...

ช็อคเหมือนกับครับ คุณอูเขียนได้บีบคั้นอารมณ์มาก ใช่นิยายแน่หรือเปล่าครับเนี่ย มันเหมือนกับเคยเกิดในชีวิตคุณอูมาแล้วจริงๆ (ขอโทษถ้าละลาบละล้วง)

ทำไมโลกถึงได้โหดร้ายแบบนี้นะ

วัน

naja said...

พูดไม่ออก
นัยที่น่ารัก ใส บริสุทธิ์ ในสายตาผมได้เปลี่ยนไปแล้ว
สงสารอู

Anonymous said...

T-T ตอบก่อนอ่านนะครับวันนี้
พรุ่งกลับถึงบ้าน เรียนทั้งวันเลย เหนื่อยมาก

ทานอาหารเ็ย็นเลยนะครับ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เฮ้ออ
อึ้งครับ

มันเรื่องอะไรกันนี่

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือ ไม่อยากให้นัย คิดเลยว่า
อูเป็นคนไปแจ้งตำรวจ

คงไม่ใช่อย่างนั้น ใช่มะคับ

แค่นี้ผมก็แย่อยู่ละ

ken_cup said...

เครียดที่สุดเลยครับ ไม่คิดว่าจะมาแบบนี้ รับไม่ไหวเลย

yo408 said...

บร๊าเจ้า มันช่างซับซ้อนดีแท้ คาดเดาล่วงหน้าไม่ได้เลยนะเนี่ยะ
คาดเดาว่า ฝ่าย รปภ. คงโทรไปบอกคุณอาที่ทำงาน ให้มาเซ็นรับตัวเด็กในปกครองไป พร้อมทั้งแจ้งพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในห้างดังกล่าวแหง๋ๆ

Anonymous said...

พลิกจริงๆ ที่เดาไว้ไม่ถูกเลย

บีบคั้นมาก สงสารนัย และอู สงสารทั้งสองคน
นัย ไม่น่าจะกล้าและทำแบบนั้น
คาดว่าเป็นเพราะเสียใจจากอู
เลยทำเหมือนประชดชีวิต

แล้วความซวยจะมาเยือนอูอีกหรือเปล่า
ทุกครั้งนัย จะชอบโทษอู

มาต่อไวๆนะครับ
อยากรู้มากว่าผลเป็นอย่างไร

thom

Anonymous said...

อ่านมานานแล้วคับ แต่อยากจาบ้าตาย ทามมายช่างโหดร้ายแบบนี้

Anonymous said...

แว๊กๆๆ คอมเม้นได้ด้วย
อาอู๋ครับ คุนเป็นตัวช่วยเสริมกำลังใจอันดับหนึ่งให้ลุกขึ้นมาสู้เมื่อก่อนหน้านี้
ปัจจุบันคุณเป็นตัวบันทอนกำลังใจอันดับหนึ่งเหมือนกันเจอเศร้าๆๆที่เกินบรรยายเข้าไป มันเจ็บแปล๊บๆ
แต่ยังไงก้ออดอ่านไม่ได้
สภาพเดียวกัน กลัวสังคมภายนอกรับรู้ว่าสิ่งที่ผมเป็น
มันไม่ใช้ที่ยอมรับของสังคม อาอู๋ผมอยากได้เมลล์ของอานะครับ จาได้ไว้ปรึกษา หากอาจากรุณานะครับ

Anonymous said...

ลืมบอกชื่อ ผมชื่อน้อยคับ อาอูคับอย่าลืมนะคับ

ขอเมล์อาให้ผมด้วย

Anonymous said...

อึ้งง่ะ

เป็นไปได้ไง ทำไมนัยทำแบบนี้

แล้วจะมาลงที่อูอีกหรือเปล่าเนี๊ยะ

เครียดแทนอูจริงๆครับ

พี said...

กดดัน...

นึกว่าจะได้บอกรักแบบโรแมนติก มามีไคลแม็กส์อีกนะ คุณอู แต่น่าสงสารนัยนะ ทางบ้านถ้าจะรู้เรื่องแล้ว อาจต้องทำอะไรกับนัยสักอย่างเช่นให้ไปเรียนที่อื่น ไม่อยากเดาเลย นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณอูกับนัยต้องเหลือเพียงความทรงจำ รออ่านต่อตอนจบดีกว่า.....

เฮ้อ....จะอวสานแล้ว

พี

Anonymous said...

คาดไม่ถึง เดาไมู่ถูกเลย

เข้ามาต่อเร็วๆนะคับ รออ่านด้วยใจระทึก

Anonymous said...

1. อาอูช่วยเปิด mail ของ gmail ก็ได้
ให้หลานนานุหลาน ติดต่อคุยกับอาอูนะครับ

2. เมื่อวานคิดตั้งแต่อ่านจบ กลัวว่าอานัยโดน
สั่งย้ายโรงเรียนจังเลย...

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ตลอดวันนี้ที่ทำงานอยู่ขอบอกอูเลยครับว่าเป็นอีกครั้งที่จิตตก แม้ว่าตลอดเวลาผมจะทำเป็นร่าเริงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเพื่อนที่ทำอดแซวไม่ได้ว่าดีใจเรื่องอะไร ผมก็ได้แต่ยิ้มสู้เข้าไว้เป็นการคิดบวกเพื่อให้จิตใจตัวเองแข็มแข็งแต่ความจริงแล้วผมกลับโคตรเศร้าและก็ความเหงามันก็มาเยือนผมอีกครั้งจนได้........

เมื่อคืนกว่าผมจะหลับได้ก็ต้องหาอะไรทำก่อนนอนไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ โดยเฉพาะอย่างหลังปกติพอหัวถึงหมอนจับหนังสือมาอ่านได้ไม่กี่หน้าก็หลับแล้วเมื่อคืนกลับไม่เป็นแบบนั้น พอผมหลับตาภาพเหตุการณ์ของอูกับนัยมันก็เข้ามาผสมปนเปกับภาพเก่าของผมที่ผมพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกที่สุดไม่อยากจะนำมาคิดแต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะจิตใต้สำนึกของผมคอยสั่งการตลอดเวลา... มันคือความจริง.....มันผ่านเข้ามาแล้วก็ไป.....และผมอยู่กับมันได้.....

ผมไม่ได้โทษอูนะครับว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเศร้าได้ขนาดนี้และก็ไม่ต้องขอโทษด้วยเช่นกันผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเรื่องราวของอูถึงได้มีอธิพลต่อผมมากขนาดนี้ติดตามอ่านมาตลอด 2ปีกว่าๆเกือบ 3ปี ทำยังไงได้ละครับ.....เรามันชอบอูกับนัยเข้าให้แล้วงัย .....
คนรักกันย่อมให้อภัยกันได้อยู่แล้วจริงหรือเปล่าครับ อู

**ถ้าเป็นไปได้ขอภาคพิเศษได้มั้ยครับจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้แล้วแต่อูอยากจะเขียนนึกอยากเล่าอะไรเล่ามาเลยมีคนอ่านแน่นอน....ผมคนหนึ่งละขอสัญญาว่าเข้าใช้เน็ตทุกครั้งจะเข้ามาที่บล๊อกนี้ก่อนเป็นอันดับแรกเลย....อย่าทิ้งคนอ่านไปเลยน๊าาา

กู๋

Anonymous said...

เจ็บปวดมากคับอ่านตอนนี้
เป็นผมคงทำไรไม่ถูกแน่ๆ ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองรัก
จะมาทำไรแบบนี้
จิตตกมากมาย แต่สรุปแล้วก็คงใกล้จะจบแล้วสิคับ
อย่างไรแล้วจะจบแบบเจ็บปวดหรืออะไรก็แล้วแต่
เรื่องจิง มันก็ความจริงอยู่เสมอ เป็นกำลังใจให้คับผม
^^sky^^

Anonymous said...

อยากรู้จังว่าเพลงรักที่มอบให้นัยเขียนไว้ว่ายังไง หวานซึ้งขนาดไหน พี่อูเอามาให้ฟังบ้างได้ป่าว ขอฟังหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้าคัฟ

Anonymous said...

อ่านคอมเม้นด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่เพราะว่าโดนต่อว่า แต่เพราะว่าผมเป็นเหตุให้คนอื่นไม่สบายใจ บางคนจิตตก บางคนนอนไม่หลับ ฯลฯ

ที่จริงตอนผมเขียนช่วงท้ายนี้ก็เศร้าอยู่หลายสัปดาห์ เพราะชะตาชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยคิดฝันเอาไว้ แต่ทำไงได้ครับ นี่เป็นชะตา

เรื่องที่อยู่อีเมลให้ไว้ในหน้าแรกแล้วไงหลาน arus => u_nakrub@hotmail.com จำเป็นต้องเป็น gmail ไหม ถ้าต้องการอาก็จะไปเปิด gmail มาให้

หลานที่หนึ่งหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ ติดหวัดโดนปิดโรงเรียนไปหรือเปล่า

เรื่องเนื้อเพลงขอคิดดูก่อนครับ ที่ไม่ได้เอามาลงเพราะว่าอาย เรื่องอื่นเล่าแล้วยังไม่อายเท่าไร แต่เนื้อเพลงนี่เขินแฮะ

เรื่องใกล้จบแล้ว อีกนิดเดียว ผมยังไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเรื่องละกันครับ ไปทราบเอาพร้อมๆกันตอนจบดีกว่า

กู๋สบายใจขึ้นบ้างหรือยังครับ เป็นห่วงจัง ผมมีความหวังในตัวนัยอยู่อย่างหนึ่ง รวมทั้งจะสรุปเรื่องตี๋ให้ฟังด้วย อ่านตอนจบแล้วอาจรู้สึกดีขึ้นครับ

อู

Anonymous said...

ครั้งหนึ่งป้าก็เคยเจอเรื่องแบบเดียวกับนัย
พ่อแม่ของป้าก็ดุด่าป้ามากมาย ป้าก็ได้แต่เก็บตัว
ในมุมเงียบ จนทำใจได้ก็ออกมา แต่ก็พยายามไม่
เจอหน้ากับท่านทั้งสอง
มาถึงวันนี้ป้าคงได้แต่ทำใจ
ให้กำลังใจเด็กสองคนนี้ต่อ

คุณอูเล่าได้สะเทือนใจจริงๆ
ป้าขวัญ

Anonymous said...

เฮ้อ........

นัยเปลี่ยนไปมากจริงๆ

อุตสาห์ลุ้นให้ happy ending นะ

แต่ก็ดูท่าว่าคงยากเสียแล้ว

วุฒ

Bomber_Boy said...

ไม่อยากพูดอะไรมากครับ พูดมากก็กลัวคุณอูไม่สบายใจอีก ก็มันค่อนข้างกระแทกอารม์คนอ่านอยู่ทีเดียว

ยังไงก็จะรออ่านตอนจบนะครับ ไม่อยากคาดเดาอะไรอีกแล้ว เพราะเดาไปไม่เคยถูกเลย

ชีวิตมักเล่นตลกกับคนเราเสมอ....ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย เอ.....ว่าแต่เกี่ยวไรกับตี๋ด้วยละนี่ย??? พระเอกออกมาตอนจบหรอ

Anonymous said...

รออ่านต่อครับ