Thursday, June 25, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 2

ที่โรงเรียน

การที่เอ๊ดสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ถือว่าเอ๊ดประสบความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่ทุ่มเทให้กับการเตรียมตัวสอบมาถึง ๓ ปี ส่วนผมนั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการศึกษาไปอีกขั้นหนึ่งเช่นกัน เพราะสามารถสอบผ่านจนจบชั้นมัธยมต้นและเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมปลายได้ แม้ว่าผลการเรียนลุ่มๆดอนๆก็ตามที

ปีนี้เนื่องจากขนาดตัวของผมใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ผมจึงสามารถใช้เสื้อผ้าบางชุดของปีที่แล้วได้ เสื้อทุกตัวทั้งเก่าและใหม่มีตราโรงเรียนปักด้วยไหมสีอยู่เหนือชื่อย่อโรงเรียนบนหน้าอกเสื้อ ตราโรงเรียนบนเสื้อนี้เป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจและเป็นความใฝ่ฝันของนักเรียนมัธยมต้นทุกคน รวมทั้งของผมด้วยเช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงการเป็นพี่ ม.ปลาย นั่นเอง ในสมัยก่อน ก่อนที่ผมจะเข้ามาเรียนที่นี่ สัญลักษณ์ของนักเรียน ม.ปลายเคยใช้เป็นเข็มกลัดตราโรงเรียน แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นไหมสีปักบนหน้าอกเสื้อแทน

การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีเพียงเครื่องหมายที่ปักเพิ่มบนอกเสื้อเท่านั้น แต่ชีวิตการเรียนทั้งหมดเปลี่ยนไปจากการเรียนในชั้น ม.ต้นมาก เพราะเมื่อเข้าสู่ชั้น ม.ปลาย นักเรียนต้องเลือกแผนการเรียน ซึ่งในตอนที่ผมเรียนก็มีอยู่ ๓ แผนก ได้แก่ สายวิทย์ สายศิลป์ภาษา และสายศิลป์คำนวณ การเรียนในชั้นมัธยมต้นเป็นไปอย่างสบายๆ แต่เมื่อขึ้นชั้นมัธยมปลายแล้วนักเรียนทุกคนต้องเริ่มวางแผนชีวิตเพื่อมุ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัย

ในวันลงทะเบียนเรียนในปีนี้ก็เช่นเดียวกับปีก่อนๆ นั่นคือ มาดูแผ่นประกาศจัดชั้นเรียนว่าใครเรียนอยู่ห้องไหน จากนั้นก็ไปชำระค่าลงทะเบียน หลังจากนั้นก็รอเข้าห้องประชุมเพื่อรับฟังการปฐมนิเทศ แต่ต่างกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ในปีนี้นักเรียนต้องเลือกแผนการเรียนด้วย ซึ่งแผนกวิทย์หรือว่าสายวิทย์มีจำนวนห้องเรียนมากที่สุด คือมีถึงสิบกว่าห้อง ส่วนอีกสองแผนมีเพียงสองสามห้องเท่านั้น นักเรียนส่วนใหญ่มักเลือกเรียนสายวิทย์ เพราะสามารถต่อยอดการเรียนในมหาวิทยาลัยได้หลายคณะ ส่วนพวกที่อ่อนคำนวณก็ต้องเลี่ยงไปเรียนแผนกศิลป์ภาษาเพราะเรียนวิชาคำนวณไม่มาก สำหรับผมนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลือกเรียนสายวิทย์เอาไว้ก่อน

การลงทะเบียนเรียนในปีนี้ดูอึกทึกและวุ่นวายกว่าปีก่อนๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อนๆปิดเทอมกันมานาน ไม่ได้เจอกันหลายเดือน จึงมีเรื่องให้คุยกันมาก และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความตื่นเต้นที่ได้ขึ้นชั้น ม.๔ จึงคุยกันโขมงโฉงเฉง

ขณะที่ผมมุงดูประกาศจัดชั้นเรียนอยู่ ผมก็รู้สึกว่ามีใครมาเขกหัวผมเบาๆ

“ไอ้ห่าตี๋” ผมหันไปมองคนที่เขกหัวผม ตี๋นั่นเอง

“รู้ห้องยัง” ตี๋ถาม

ผมพยักหน้า “ห้อง ๑๕”

“อยู่ชายแดนเลยนะมึง” ตี๋แซว เพราะว่าห้อง ๑๕ เป็นห้องสุดท้ายของชั้น ม.๔ ห้องเรียนอยู่สุดตึกพอดี

ผมไม่ค่อยชอบการจัดชั้นเรียนใหม่ทุกปีอย่างที่ใช้กันอยู่ เพราะเสียดายเพื่อนๆที่เพิ่งจะสนิทกันก็ต้องจากกันไปเสียแล้ว แต่สำหรับตี๋แล้วระบบนี้ดูจะเป็นเรื่องดีแก่มันเพราะทำให้มันลืมบาดแผลในอดีตไปได้เร็วขึ้น อีกทั้งเพื่อนใหม่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวเก่าๆของมัน

เราหลบมายืนคุยกันสักครู่ ตี๋ในวันนี้ดูสูงขึ้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมมองดูเสื้อนักเรียนของมัน คงเป็นเสื้อที่ใช้มานานพอสมควรแล้ว คอเสื้อเปื่อยเป็นขุย รองเท้าก็เป็นรองเท้าคู่เก่า เพียงแต่ยังไม่มีรูที่นิ้วก้อย สิ่งที่ใหม่เพียงอย่างเดียวในตัวมันน่าจะเป็นไหมสีที่ปักเป็นรูปตราโรงเรียนบนอกเสื้อ ผมอดสะท้อนใจไม่ได้ ชีวิตของคนเราช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

“เป็นไงบ้างวะ” ผมถาม

“ก็เรื่อยๆ” ตี๋ตอบ “ไอ้นัยล่ะ เป็นไงบ้าง”

“ป่านนี้อยู่เมืองนอก คงสบายไปแล้ว” ผมตอบเลี่ยงๆ ไอ้ตี๋นี่ก็แปลก เพื่อนของผมตั้งมากมายมีให้ถามถึงก็ไม่ถาม เจาะจงถามถึงแต่ไอ้นัย ผมไม่แน่ใจว่ามันคิดอย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมและไอ้นัย แต่ถึงอย่างไรตี๋ก็เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ ถึงมันจะรู้อะไร หรือว่าคิดอย่างไร มันก็เป็นเพื่อนที่ดีของผมเสมอมา

เราสนทนากันเล็กน้อย จากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปทักทายเพื่อนคนอื่นๆ จากนั้นเมื่อได้เวลาก็เข้าไปนั่งในหอประชุมของโรงเรียนเพื่อรอฟังการปฐมนิเทศ

การปฐมนิเทศในปีนี้ดูจริงจังและแตกต่างกว่าทุกปีที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนรวมทั้งคณาจารย์ต่างก็ขึ้นมาพูดถึงความสำคัญของการเรียนในระดับมัธยมปลาย เพราะมันเป็นบันได้ที่จะก้าวไปสู่มหาวิทยาลัย แต่ละคนต้องสร้างบันไดเพื่อทอดนำไปสู่ความสำเร็จในระดับมหาวิทยาลัยด้วยตนเอง และพยายามเน้นให้ทุกคนกระตือรือร้นและขวนขวายหาความรู้ให้มากที่สุด จะใช้พฤติกรรมการเรียนแบบเรื่อยๆสบายๆเหมือนเมื่อตอนมัธยมต้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

นอกจากนี้ นักเรียนในระดับ ม.ปลายจะไม่มีการจัดชั้นเรียนใหม่อีก นั่นหมายความว่า เพื่อนที่ร่วมห้องในชั้น ม.๔ ก็จะเป็นเพื่อนร่วมห้องตลอดไปจนจบ ม.๖ ทั้งนี้ เพราะว่าการเรียนในระดับ ม.ปลายจะเน้นให้นักเรียนมีการจับกลุ่มกันและพึ่งพากันในกลุ่มในการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าคละนักเรียนกันใหม่ทุกปีเหมือนในระดับ ม.ต้นจะทำให้นักเรียนเกาะกลุ่มกันได้ยาก

สำหรับผม การเปลี่ยนแปลงไม่เพียงเกิดขึ้นในชีวิตการเรียนเท่านั้น แต่ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตส่วนตัวด้วย เพราะเมื่อเอ๊ดจากไป ผมก็ได้ครอบครองห้องนอนในบ้านที่กรุงเทพฯแต่เพียงผู้เดียว จะว่าดีก็ดีตรงที่อิสระและเป็นส่วนตัวดี แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีเพราะว่าเหงาอย่างแรง นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือผมต้องทำงานบ้านในส่วนของเอ๊ดด้วย ซึ่งนั่นเท่ากับว่าผมต้องทำงานบ้านเท่ากับคนสองคน ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการ

- - -

วันเปิดเทอม

ในที่สุด วันแรกของชั้นมัธยม ๔ ของผมก็มาถึง ผมแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมลออ ออกจากไปขึ้นรถเมล์ตั้งแต่เช้ามืด

เมื่อมาถึงป้ายรถเมล์ผมก็ต้องชะงัก ในความขมุกขมัวของยามเช้า ผมเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยในชุดนักเรียนยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์และหันข้างให้ผม เงาร่างนั้นยังไม่ขึ้นไปบนรถเมล์ เหมือนกับรอใครบางคนอยู่

“ไอ้นัย!” ผมอุทาน พลางวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ

เมื่อเข้าไปใกล้ นักเรียนคนนั้นก็เดินขึ้นรถเมล์ไป อุปาทานทำให้ผมเห็นนักเรียนโรงเรียนอื่นเป็นไอ้นัย

ผมถอนใจด้วยความสะทกสะท้อน ที่ป้ายรถเมล์ยามเช้าตรู่ทำให้ผมอดคิดถึงไอ้นัยไม่ได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่ได้กลับบ้านต่างจังหวัดไปอยู่กับครอบครัว สภาพจิตใจของผมดีขึ้นมาก ผมกลับมาร่าเริงได้ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ผมคิดถึงไอ้นัย ผมมักจินตนาการอยู่เสมอว่าไอ้นัยคงกำลังทำนั่นทำนี่อยู่ อย่างเมื่อวันที่ผมไปลงทะเบียนและปฐมนิเทศ ผมก็คิดไปว่าไอ้นัยก็คงขึ้นชั้นมัธยมปลาย และต้องเรียนอย่างหนักเมื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆด้วยเช่นกัน หรืออย่างตอนผมไปเรียนเปียโน ผมก็คิดไปว่าไอ้นัยก็คงกำลังเรียนกีตาร์อยู่ที่โน่นเหมือนกัน

- - -

เปิดเทอมวันนั้นรถติดมาก แม้ผมจะออกจากบ้านแต่เช้า แต่กว่าจะถึงโรงเรียนก็ใกล้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว

ผมรีบตรงไปที่ห้องเรียนเพื่อจับจองที่นั่ง ห้องเรียนของชั้น ม.๔ ก็อยู่ตึกเดียวกับ ม.๓ เพียงแต่อยู่ชั้นบน ม.๓ อยู่สองชั้นข้างล่าง ส่วน ม.๔ อยู่สองชั้นข้างบน ห้องเรียนของผมนั้นอยู่สุดทางเดินของชั้นบนสุด

ปกตินักเรียนตัวสูงจะนั่งหลังชั้น ตั้งแต่ชั้น ม.๒ เป็นต้นมา จะเป็นที่รู้กันว่าด้านหลังของชั้นเรียนส่วนที่อยู่ใกล้หน้าต่างจะเป็นที่สิงสถิตของพวกนักเรียนเกๆ ส่วนพวกที่ตั้งใจเรียนแต่ตัวสูงจะนั่งหลังชั้นด้านใกล้ประตู เพราะไม่อยากอยู่ใกล้พวกนักเรียนเก ส่วนหลังชั้นตรงกลางๆระหว่างสองกลุ่มนั้นก็จะเป็นพวกตัวสูงและยังไงก็ได้

ปีที่แล้วผมได้นั่งค่อนไปทางด้านใกล้ประตู ซึ่งผมชอบมาก เพราะทำให้ผมสามารถมองเห็นไอ้นัยเวลามันเดินผ่านไปมาได้ สำหรับปีนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจับจองด้านใกล้ประตูอีก

เมื่อผมไปถึงห้องเรียน นักเรียนส่วนใหญ่จับจองโต๊ะกันไปแล้ว ตัวเล็กก็จับจองข้างหน้า ตัวสูงก็จับจองข้างหลัง ตามธรรมเนียม โต๊ะหลังชั้นถูกจับจองไปเกือบหมด มีโต๊ะเหลืออยู่ตัวเดียวซึ่งค่อนไปทางด้านหน้าต่าง

เอาวะ นั่งตรงนี้ก็ได้ ผมคิด พลางเดินไปวางเป้ตรงโต๊ะเรียนแถวหลังสุดซึ่งเหลือว่างเพียงโต๊ะเดียว เพิ่งจะวางเป้ เสียงออดเรียกตั้งแถวเคารพธงชาติก็ดังขึ้น

หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อย เมื่อกลับเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้งผมก็ได้เห็นหน้าเพื่อนทุกคน ผมมีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันในชั้น ม.๑, ม.๒ และ ม.๓ อย่างละนิดอย่างละหน่อย ส่วนที่เหลือแม้ไม่เคยเรียนด้วยกันแต่ก็คุ้นๆหน้า แต่ก็มีบางคนที่แปลกหน้าราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน

เพื่อนโต๊ะติดกันของผมปีนี้อยู่ด้านขวามือของผม เป็นเด็กผิวเหลือง คือไม่ขาว ออกไปทางผิวเหลืองมากกว่า รูปร่างผอมสูง แต่ดูแข็งแรง ไม่ใช่ผอมบาง ใบหน้าตี๋ๆ รูปไข่ ตาชั้นเดียว เวลาหัวเราะเกือบแยกไม่ออกว่ากำลังลืมตาหรือว่าหลับตาอยู่ มันแนะนำตัวว่าชื่อกี้

“อะไรกี้วะ” ผมถาม

“คุกกี้โว้ย” มันตอบเสียงดัง กี้เป็นคนเสียงดัง เอะอะโวยวาย ลักษณะเป็นคนตรงโผงผางแต่ไม่ใช่คนเกกมะเหรก

มึงเนี่ยนะคุกกี้ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป หน้าตี๋ขนาดนี้ผมว่ามันน่าจะมาจากสุกี้หรือว่าเก๋ากี้อะไรทำนองนั้นมากกว่า

ห้องเรียนผมอยู่ชายแดน ที่นั่งของผมก็อยู่ชายแดนเช่นกัน เพราะว่าโต๊ะเรียนด้านซ้ายมือของผมทั้งหมดเป็นพวกกลุ่มเด็กเกที่ไม่ค่อยสนใจการเรียนมาอยู่รวมกัน

ผมมารู้ภายหลังว่าห้องเรียนของผมนั้นเป็นห้องพิเศษ พวกอาจารย์แอบเรียกกันว่าเป็นห้องรวมดาว เพราะว่ามีดาวเด่นหลายคนมารวมกัน มีทั้งเด็กเรียนเก่งระดับที่หนึ่งของห้องอื่นอยู่ ๒ คน มีทั้งนายนพมาศจากชั้น ม.๓ ที่รวมความหล่อและความสวยเอาไว้ในคนคนเดียวกัน มีนักกีฬาดาวเด่นของโรงเรียน มีเด็กเกเรระดับหัวโจก และมีนักเรียนเข้าใหม่ที่มาจากโรงเรียนอื่น รวมเบ็ดเสร็จอยู่ในห้องเดียวกัน

เหตุที่โรงเรียนของเราต้องรับเด็กนักเรียนใหม่เข้ามาเรียนในระดับชั้น ม.๔ ก็เพื่อทดแทนเด็กนักเรียนที่ออกไปตอนจบชั้น ม.๓ เนื่องจากมีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งที่สอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้และลาออกไป

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรียนถึงชั้น ม.๓ ก็จะมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ต้องการสอบเข้าไปเรียนต่อในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมฯ ทั้งนี้เพราะเป็นความเชื่อในยุคนั้นว่าหากเรียนที่โรงเรียนเตรียมฯจะสอบเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ง่ายขึ้น ดังนั้นนักเรียนที่มุ่งมั่นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆก็จะมีส่วนหนึ่งไปสอบเข้าโรงเรียนซึ่งติดแต่เข็มพระเกี้ยวสีทองบนเสื้อแต่ไม่ปักอักษรย่อของโรงเรียนแห่งนี้

สำหรับผมนั้น เมื่อตอนที่อยู่ชั้น ม.๓ ผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้เพราะไม่ได้คิดย้ายโรงเรียนไปไหน เหตุผลประการที่สำคัญที่สุดก็คือไอ้นัยไม่เคยคิดย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่นนั่นเอง

- - -

หลังจากที่คณาจารย์ให้โอวาทและสร้างกำลังใจให้แก่พวกนักเรียนด้วยการปฐมนิเทศแล้ว ทำให้พวกเรารู้สึกกระตือรือร้นต่อการเรียนในชั้น ม.๔ มากขึ้น รูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา เราต้องย้ายไปเรียนอีกตึกหนึ่ง ไม่ได้เรียนในห้องเรียนประจำของเรา ห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของพวก ม.ปลาย ที่ต้องจัดแยกออกไปก็เนื่องจากต้องมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์และมีการทำการทดลองไปด้วยในขณะที่เรียนนั่นเอง

นอกจากห้องเรียนวิทยาศาสตร์แล้ว ห้องอีกห้องหนึ่งที่จัดมีไว้สำหรับบริการนักเรียนชั้น ม.ปลาย ได้แก่ ห้องแนะแนว ที่จริงห้องแนะแนวนี้ระดับชั้นไหนจะมาขอรับการปรึกษาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่นักเรียน ม.ต้น จะไม่ค่อยมาใช้ และถึงแม้ว่าห้องแนะแนวจะมีไว้สำหรับชั้น ม.ปลาย ก็ตาม แต่จากที่ผมสังเกต นักเรียนที่เข้าไปขอรับการปรึกษาก็น้อยเต็มที ห้องพยาบาลดูจะยังมีนักเรียนไปใช้มากกว่าเสียอีก

สำหรับผมนั้น ชั้นเรียนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ๆ และเป้าหมายในชีวิตใหม่ๆ ได้ทำให้ผมมีความกระตือรือร้นมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเรียนในชั้น ม.๒ และ ม.๓ ของผมค่อนข้างจะลุ่มๆดอนๆ ทำให้ผมต้องพึ่งเพื่อนอยู่เสมอในเรื่องการบ้านและรายงาน พอมาถึงชั้น ม.๔ นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกขี้เกียจทำงานอยู่บ้างเพราะความที่เคยพึ่งผู้อื่นมานานนั่นเอง

ฟังเพลง สายชล
ฟังเพลง สายชล (สำรอง)
ฟังเพลง นกกับรถ


<อัลบั้มชุด สายชล ผลงานของจันทีนย์ อุนากูล (ชื่อ และสกุลในขณะนั้น ปัจจุบันคือ จันทนีย์ (อูนากูล) พงศ์ประยูร) วางตลาดในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นผลงานเพลงที่โด่งดังมากในยุคนั้นและอีกหลายปีต่อมา ได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากยอดขายสูงสุดในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ผลงานเด่นในอัลบั้ม ได้แก่ เพลงสายชล, ลองรัก, เธอ, นกกับรถ ฯลฯ คนที่ไม่เคยผิดหวังในเรื่องความรักฟังแล้วอาจไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับผมยามที่อยู่ริมบึงน้ำและนึกถึงเพลงนี้จะรู้สึกเศร้าและอ้างว้างมาก>

26 comments:

Anonymous said...

(^_^) ที่1
จอง

Anonymous said...

สงสัยจะโชคดี เข้ามาคนแรก

คุณอูเก็บรายละเอียดได้เยี่ยมมากเลย นึกภาพออกเลยว่า รร.อะไร ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เหมือนกันครับ แต่เพลงจบที่แนะนำน่าจะคนละสมัยหรือเปล่าครับ ผมพยายามจับผิดอูอยู่ 555 ล้อเล่นครับ

ถ้าเดาไม่ผิด ไม่ 107 ก็ 108 หรือเปล่า ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบครับ แต่อยากรู้

ให้กำลังใจในการเขียนต่อไปครับ

ชู

Anonymous said...

^
^
ผมขอโทษครับลุงชู รู้สึกผิดเลยครับ
แหะๆๆ ผมยกให้ลุงที่1นะครับ ผมว่าลุงอูน่าจะไม่ถึง100 ไม่ได้หมายถึงอายุนะครับก้ากๆๆๆห่างกันตั้ง23ปิ ผมฟังเพลงจากอิ่มเอมเพราะดีเพลงที่3 ขอให้ลุงแล้วกัน หุหุ
จริงถ้าไม่ปักชื่อจะเท่มากนะลุง แบบเห็นแล้วรู้เลย หรือไม่ปักแต่ตัวหนอนแล้วติดเข็มก็ดี ไปละชั่วชีวิตข้าไม่ลืม สมัลุงสอบติดกันเยอะไหมครับ

Anonymous said...

หลานที่หนึ่ง ตกลงครั้งนี้จะให้นับเป็นครั้งที่ 31 หรือเปล่า

นี่ไงหลาน ได้พบญาติที่ทำไม้ดอกแล้วไง แต่ลุงไม่เกี่ยวด้วยครับ เพราะว่าโรงเรียนของลุงเป็นโรงเรียนในจินตนาการ ไม่มีอยู่จริง

นึกอยู่นานว่าค้างตอบอะไรใครเอาไว้บ้าง เท่าที่จำได้ก็คือคำถามของหลานทะเล ว่ารู้ได้ไงว่าหลานเป็นคนช่างคิดช่างฝัน อ่านเม้นที่เขียนก็ดูไม่ออกว่าช่างคิดช่างฝันอย่างไร ข้อนี้วันก่อนลืมตอบไป

ที่จริงอาก็ดูจากหลายๆอย่างประกอบกัน ยกตัวอย่างง่ายๆก็จากนิกเนมที่หลานตั้งนั่นแหละก็พอบอกบุคลิกเจ้าของชื่อได้ คนที่ตั้งชื่อเกี่ยวกับฟ้า เกี่ยวกับทะเล มักมีแนวโน้มช่างคิดช่างฝัน แต่คนที่ชื่อทะเลมักอ่อนไหวกว่า และคนที่ชื่อฟ้ามักกระตือรือร้น กระฉับกระเฉงกว่าครับ

เด็กวางระเบิดสบายใจหรือยังครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ได้ต้องการทำร้ายจิตใจใครเลย คิดว่าเรื่องนี้คงไปกระทบอดีตเข้าเลยทำให้รู้สึกแย่ แต่ยังไงก็ผ่านไปแล้วครับ ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป

พี่ชูครับ เพลงชุดนี้ออกปี ๒๕๒๔ ก่อนหน้าผมเข้ามัธยมหลายปีก็จริง แต่ยังพอหาซื้อได้ครับ ไม่ได้ผิดยุคเพราะว่าผมชอบฟังเพลงเก่าๆ ครับ ยุคผมเรียนมัธยมจริงๆก็เป็นพวกนกแลรุ่นแรก xyz พี่ตู่นันทิดา ฯลฯ วันหลังจะเอานกแลมาให้ฟังกันครับ

อู

Anonymous said...

คราวนี้top 5 :)

thom

Anonymous said...

ลบก็ดีครับลุง555+ เขาจะได้โชคดี
จากหลานทรยศ

Anonymous said...

อืมม อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยครับ
ปีนี้ก็เป็นปีที่สำคัญของผมเหมือนกันเพราะปีนี้ผมต้องสอบเข้าม.4 ก็อยากให้ติดที่รร.ดีๆน่ะครับ แต่ก็เสียดายเพราะถ้าเกิดติดแล้วไปก็ต้องจากเพื่อน ความตริงอยู่ต่อก็ดีนะครับ เพราะผมสนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้มาก ไม่อยากจากกันเลย

อาอูนี่ดูคนเก่งจริงๆ ขนาดชื่อที่ใช้เม้นอยากอ่านได้ ยอดครับยอด^^

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

naja said...

เหมือนกันเลย ตอนจบมอสาม ก็ติดเพื่อน จนไม่ยอมไปสอบเตรียม โดนแม่บ่นพอสมควร

Bomber_Boy said...

หวนระลึกถึงอดีตจริงๆ นี่ถ้าไม่มาอ่านก็คงไม่ได้กลับมาคิดถึงวันวานว่าเราเคยทำอะไรไว้บ้าง คิดไปคิดมาก็ยิ้มอยู่คนเดียว

แต่ว่าคุณอูคงไม่มาว่าผมว่าเป็นคนชอบหาเรื่องคนนะครับ (ก็ Bomber_Boy นี่นา) ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนดีมากมายไรนัก แต่ก็ไม่หาเรื่องใครนะ

yo408 said...

ต่างจากม.ปลายของผมนะ ชั้นผมเรียนสายวิทย์ แต่มีแค่ห้องเดียว คือ4/1 เป็นรร.ที่ไม่เด่นการเรียนไม่ดี ใครเลือกเข้าห้องวิทย์ถือได้ว่าฆ่าตัวตาย ทั้งห้องมีแค่20กว่าคนเกือบ30 แต่ก็ทำให้รู้จักกันดี 2ใน3ส่วนเป็นคนที่จบม.3ที่เดิม ที่เหลือคือเด็กเข้าใหม่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหา รร.อื่นเข้าไม่ได้ รึไม่ก็ย้ายมาอยู่กับญาติใกล้รร.เพราะบางรร.ต่างจังหวัดมีสอนแค่ถึงม.3ในตอนนั้นนะ

ตอนแรกผมก็จะไม่ได้เรียนต่อม.ปลายแล้วหล่ะ แม่จะให้แต่สอบเข้ารร.ทหารตลอดเลย ตั้งแต่จบป.6จะเข้าเข้านักเรียนดุริยางค์ ก็ไม่ชอบอ่ะเลยไม่ไปสอบ ก็ทำให้ท่านผิดหวังพอดู บวกกับสอบเข้ารร.ดังไม่ได้อีก ทั้งที่ประถมเข้ารร.ดังได้แล้วแต่ผลการเรียนและผลสอบไม่พอจะให้ต่อระดับมัธยมได้ ต้องไปอยู่รร.ปลายแถวที่เค้าส่งไป ยุคนั้นเป็นรร.พี่รร.น้อง ใครไปอยู่รร.น้องแล้วผลการเรียนดี จะได้รับการพิจารณาให้ต่อม.ปลายที่รร.พี่ได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบ ทำให้แม่ยอมให้ไปอยู่รร.ปลายแถว แถมทำให้ผิดหวังซ้ำ เพราะท่านจะให้เรียนวิทย์-คณิต แต่เราดันไปบอกอาจารย์ว่าจะเอา สังคม-อังกฤษ โอว์ อยู่1/4เลย ห้อง1คณิต-วิทย์ ห้อง2,3 คณิต-อังกฤษ

Anonymous said...

อ้าวคราวนี้พลาด top ten ได้ที่ 11 ก็ดีมีหนึ่งสองตัว คุณอูดีผมก็เคยเกือบเรียนที่ รร.นี้อ่ะครับ
เสียดายจริงที่ไม่ได้เป็นรุ่นน้องของคุณอู


IZ

Anonymous said...

ต้องขอโทษหลานที่1ด้วย ลุงมาใหม่เลยไม่รู้ธรรมเนียม ขออภัย ลุงขอเป็นลำดับ 2ตามสิทธิละกัน จะได้นับได้เยอะๆ ว่าแต่ลุงอูกับหลานที่1 นับเพื่อลุ้นอะไรกัน

ลุงน้องอูรีบโยนเผือกร้อนคืนเลยนะครับ ไหนๆก็ไหนๆ จินตนาการว่ามาช่วยหลานๆ ปลูกไม้ดอกที่สวนฯ ก็ได้นะ คนอะไรจินตนาการได้เหมือนจริงขนาดนี้

ว่าแต่อูมีเก็บสะสมเพลงของ ชาตรี คีรีบูน ดิอินโนเซ็นต์ ด้วยหรือเปล่า พี่จะไปหาได้ที่ไหน แนะนำด้วยครับ แบบ original นะครับ...ขอมากไปเปล่า

ขออาลัยกับการจากไปของ Micheal Jackson และ Farah Foresett หลานๆ ยุคใหม่บางคนอาจไม่รู้จัก

ดูๆ ไปบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นนะครับ เริ่มอิจฉาลุงอู อาอูของหลานๆ ซะแล้ว

ชู

Anonymous said...

อ้าว ลุงชูครับ Micheal Jackson ไปซะแล้วหรอครับ เพิ่งรุนะเนี่ย เสียดายนักเต้นไปอีกคน อดีตราชาเพลงป๊อป(ป๊อปรึป่าวหว่า - -) เอ้อ แล้วFarah Foresett นี่เป็นใครหรอครับ ไม่รุจักอ่ะ พอดีเพลงสากลนี่ผมฟังแต่สมัยใหม่ สมัยก่อนๆนี่ฟังแต่The Carpenter กะ The Cranberries อ่ะคับ

Sea~~!!

Anonymous said...

Farah Foresett เป็น 1ใน3 นางเอกในการแสดง นางฟ้าชาลี ในยุคแรกๆ น่าจะประมาณปี 2520ถึง5 เกือบ 30ปีแล้วนะครับหลาน รู้จักซิแปลก แต่คิดว่าลุงอูของหลานคงรู้จักแน่นอน

สำหรับลุง รู้สึกตัวว่าเป็นหนุ่มแล้วก็เรื่องนี้แหละ..แฮะแฮะ

ชู

Anonymous said...

(^_^)ที่1ของเรื่อง ร้อน เมื่อย
ลุงชูไม่มีธรรมเนียมอะไรหรอกครับ

Anonymous said...

วันนี้มาฟังเพลงนกกับรถ ลุงอูจะบอกว่าอย่าถามว่าทำไมฉันเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับเพลงสนุกดี มาแล้วการ์ตูนที่ผมอยากให้ดูชื่อ 5 centimeters per second มีเฉลยมาให้ด้วยที่ผมดูบ้านเพื่อนมันพูดญี่ปุ่นซับไทย สีสวยดีแต่พอมาอ่านตามเว็บแล้วมันโดน ใครที่อกหักจะหายเศร้าเลยนะครับ

http://cinnamoroll.exteen.com/20080318/byousoku-5-centimeters
http://www.hoheho.net/index.php?showtopic=265&st=0

ยุ่น said...

คิดถึงนัยจัง

ขอบคุณครับ คุณอู

Anonymous said...

คิดถึงแผงเทปที่สะพานเหล็ก

กระถาง...

Anonymous said...

หุหุ
เข้ามาให้กำลังใจพี่อู อย่างเดียวคับ
ฟังๆ คนแก่คุยกันก็มันส์ดี
นานๆ จะไ้ด้เป็นน้องสักทีค๊าบ
รอตอนต่อไปค๊าบพี่อู

^^sky^^

Anonymous said...

มารายงานตัวแล้วครับ

หลาน Arus ของอาอู

MAX said...

หวัดดีคับ ลุงอู

ผมก็ไปสอบเตรียมมา แต่ก็... ไม่ได้ อิอิ

แต่อีก 1 วัน ก็ต้องสอบวิทยา มหาวิทยาลัยข้างๆ เตรียมแล้วครับ

MAX

Anonymous said...

นางฟ้าชาร์ลีภาคที่ผมดูนี่อันใหม่คับ ที่เหล่านางฟ้าคือ คาเมรอน ดิแอซ กะ ดรูว์ แบร์รี่มอร์แสดง อีกคนจำไม่ได้คับ อะไรลูๆอ่ะ- -

อาอูหายไปไหนหว่า - -?

Sea~~!!

Anonymous said...

(-_-)' ไม่สบายรึเปล่าครับลุง สงสัยงานเข้า 2วันนี้ฝนตกอากาศมัวๆแต่ก็ไม่ร้อนดี วันศุกร์ขอฝนอีกนะจะได้ไม่เรียนจั้ดแถว 555+

Anonymous said...

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องเดินทาง ไม่มีเน็ตใช้ครับ เพิ่งจะกลับมา

ตอบพี่ชู เพลงเก่าๆผมมีบางเพลง แต่เป็น mp3 เช่น คีรีบูน ฟรุ้ตตี้ จรัญ มโนเพชร คาราบาว พี่แจ้ เฉลียง ชาตรีคงไม่มีครับ ถ้าแนวเพื่อชีวิตอาจจะมีเพลงของโฮปบ้างนิดหน่อย

ถ้าจะหาเพลงต้นฉบับผมไม่แน่ใจครับ เพราะว่าอันที่จริงผลงานบางชิ้นก็มีคนเอามาทำรีมาสเตอร์ เพียงแต่ว่าผมไม่ได้ติดตามเลยไม่มีรายละเอียด เอาไว้ถ้าทราบแล้วจะเข้ามาบอกอีกทีครับ

ตอน ม.ปลาย ชีวิตบ้าบอมาก ทำอะไรแปลกๆหลายอย่าง รวมทั้งหัดฟังเพลงคลาสสิก หัดดูคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิก หัดดูโขนและละครเวที นอกจากนี้ก็ยังมีหัดกินเหล้า หัดสูบ หัดเล่นสนุ้ก ฯลฯ แต่ไม่เคยติดเพื่อนคนไหน แม้แต่ตี๋ ถึงจะสนิทกัน แต่แม้ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเดือนก็ไม่รู้สึกอะไร ที่รู้สึกผูกพันมากก็มีเพียงคนเดียว แต่เมื่อเป็นอดีตไปแล้ว ตอน ม.ปลายก็ไม่ได้ผูกพันกับใครมากขนาดนั้นอีก ชีวิตก็แปลกๆ เหมือนกับติดเพื่อน แต่ก็เหมือนกับว่าไม่ติดเพื่อน

หลาน arus คราวนี้มาสาย คงยุ่งล่ะสิ หน้าฝนระวังเป็นหวัดอีก

หลานทะเลฟัง carpenter นี่เข้าขั้นทีเดียว ขั้นต่อไปน่าจะลองฟังวงสุนทราภรณ์ดู เรื่องติดเพื่อนอันที่จริงเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น แต่ถึงแม้จะแยกจากกันไป ถ้ามีวาสนาต่อกันในที่สุดก็จะได้มาพบกันอีก อาเชื่ออย่างนั้นครับ

การ์ตูนยังไม่ได้ดูเลยนะหลาน เพราะเพิ่งกลับมา แต่ก็ขอบคุณมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ดู

ม่อนไปอยู่ไหนมาน่ะ ไม่เห็นเสียนาน อย่าลืมเล่าให้ฟังบ้าง

max สอบเรียบร้อยดีใช่ไหม จบเสียที ยินดีด้วยครับ

อู

Anonymous said...

ระวังยังไงด้ครับ เพราะเป็นแล้วอ่ะ...
กำลังเครียดว่าจะต้องเป็นประธานรุ่นไหม = ="
อาจจะต้องเป็นสินะ...

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

Pls visit http://www.pisutshop.com/webboard_detail.asp?TopicID=1639
Patpol