Saturday, November 8, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 33

หลังจากที่ไปเรียนกีตาร์เป็นครั้งแรก ไอ้นัยก็เริ่มมีอาการเห่อกีตาร์ วันๆเอาแต่คุยเรื่องกีตาร์ ตอนเย็นก็จะรีบกลับบ้านไปซ้อมกีตาร์ จนผมหมั่นไส้ แต่อีกดด้านหนึ่ง ขนาดคนที่พูดน้อยแบบไอ้นัยกลายมาเป็นคนที่คุยจ้อได้ การดนตรีคงมีอะไรที่น่าสนุกและน่าสนใจเป็นแน่

สมองอันเฉียบแหลมของผมคิดต่อไปอีก ว่าถ้าผมได้เรียนดนตรีแบบไอ้นัยบ้าง มันก็คงเป็นข้ออ้างให้ผมได้ออกนอกบ้านในวันเสาร์ เพราะทุกวันนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ได้แต่นั่งจ่อมอยู่ในบ้าน เบื่อจะแย่

ไม่รอช้า ผมรีบโทรศัพท์ติดต่อแหล่งเงินทุนของผมทันที

“ป๋าๆ คิดถึงป๋าจัง” ผมกรอกใส่กระบอกโทรศัพท์เมื่อรู้ว่าผู้รับสายเป็นใคร

“จะขออะไรล่ะสิ” พ่อดักคอ

“ทำไมป๋ารู้ล่ะ อิอิ” ไม่ชอบคนรู้ทันเลย

“อูมาแบบนี้ทีไรก็มีเรื่องไม่อะไรก็อะไรสักอย่าง แบบนี้ทุกที” พ่อของผมนี่รู้ใจผมจริงๆ

“คืออูอยากเรียนกีตาร์น่ะ” ผมพูดเข้าเป้าเลย เพราะว่าเสียดายค่าโทรศัพท์

“จะเรียนไปทำไมกัน” พ่อถาม

“กูท่าทางจะสนุกดีอ่ะป๋า อีกอย่าง ไม่แน่อีกหน่อยอาจใช้เป็นอาชีพได้” ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า ว่าไปโน่น เพิ่ง ม.๑ เอง มองเสียไกล

“โฮ้ย ถ้าคิดแบบนั้นไม่ต้องเรียนหรอก อาชีพเต้นกินรำกิน มีแต่ไส้แห้ง” พ่อพูด

พ่อผมกับอาไอ้นัย แม้อายุจะต่างกันไม่มาก แต่มุมมองต่อโลกนั้นต่างกันมาก อาไอ้นัยจะทันสมัยและมองการณ์ไกลกว่า พ่อของผมก็คิดแบบคนทั่วไป เพราะในตอนนั้น การเป็นนักแสดง นักร้อง นักดนตรี ยังถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงและมีรายได้น้อยอยู่ ต่างจากสมัยนี้ที่เป็นอาชีพที่มีโอกาสทำเงินได้อย่างมหาศาลถ้าหน้าตาดีหน่อย

“น่า นะ นะ ป๋า อูอยากเรียน” ผมเห็นว่าการชักแม่น้ำทั้งห้าไม่มีประโยชน์แล้ว เลยตื๊อเอาดื้อๆ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก

“เท่าไรล่ะ” พ่อถาม วันนั้นพ่อคงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเปิดโอกาสให้ผมตื๊อ ไม่ถึงกับตัดรอนแบบสิ้นเยื่อใย

“ก็...” ผมอึ้งไป คิดถึงราคากีตาร์แล้วก็ไม่กล้าบอก แต่ถ้าไม่พูดก็คงอด

“ค่าเรียนเดือนละประมาณ 1,200 บาท” ผมพูด

“ฮื่อ แพงไม่ใช่เล่น” พ่อพูด ตามประสาคนไม่อยากจ่ายตังค์

“ยังมีอีกอ่ะป๋า” ผมพยายามค่อยๆบอก “มีค่ากีตาร์อีก ราคาตัวหนึ่งก็สองหมื่นกว่าบาท”

เท่านั้นเอง พ่อก็ร้องจ๊าก “โอย แพงยังงี้ ไม่ต้องไปเรียนหรอก ไม่ไหว ซื้อมาแล้วเกิดไม่เรียน เงินสองหมื่นก็สูญเปล่า ค่าเล่าเรียนยังไม่เท่าไร”

“แต่ที่จริงดนตรีก็มีประโยชน์นะป๋า สุนทรภู่ยังบอกเลยว่าอันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป” ผมพยายามชักจูงแบบข้างๆคูๆ เพราะพอพ่อร้องจ๊าก ผมก็นึกอะไรไม่ออกแล้ว

“เออ งั้นอูก็ไปเรียนเป่าปี่ละกัน ปี่อันหนึ่งคงไม่แพงขนาดนี้” พ่อชักเริ่มตีรวนบ้าง

เป็นอันว่าการเจรจากับแหล่งเงินทุนของผมในวันนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า ผมจึงเอาพ่อไปบ่นให้เอ๊ดฟัง

“ป๋าคงคิดถูกแล้วมั้ง” เอ๊ดพูด พี่ชายคนนี้ไม่เข้าข้างกันเสียเลย

“มันจะถูกได้ยังไง” ผมเถียง

“ก็ถ้าอูไม่เอาจริง เรียนแล้วเบื่อก็ทิ้ง กีตาร์ตั้งสองหมื่นจะเอาไปทำอะไร แขวนเสื้อยังไม่ได้เลย” เอ๊ดพูด

คติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกดูท่าจะไม่ประสบผลในครั้งนี้ เพราะผมเพียรพยายามตื๊ออยู่หลายวัน แต่ก็ไม่สำเร็จ เอ๊ดเองก็ไม่เห็นด้วย จึงไม่ยอมช่วยสนับสนุนให้ผม ผมจึงเอาไปบ่นให้ไอ้นัยฟัง

“ป๋านี่ขี้เหนียวจริงๆ” ผมบ่น แต่ไม่มองตัวเองว่าขอเกินเลยไปหรือเปล่า

ไอ้นัยหัวเราะฮุฮุ “เรียนดนตรีน่ะไม่มีเครื่องดนตรีไม่ได้หรอก เพราะเรียนแล้วต้องเอามาฝึกต่อที่บ้าน มึงมาเล่นกีตาร์กูก็ได้” ไอ้นัยเสนอ ใจดีจริงๆ ไอ้นัยไม่หวงของเลย

ผมได้ประเด็นใหม่เพื่อเอาไปต่อรอง แต่พ่อก็ไม่เอาด้วยอยู่ดี

“ไม่เอา เกรงใจนัยเค้า เกรงใจอาเค้าด้วย ทำแบบนี้เท่ากับไปรบกวนเค้า” พ่อปฏิเสธอีก

คราวนี้เห็นทีจะไม่ได้เรียนแน่แล้ว ที่จริงตอนนั้นความอยากเรียนดนตรีมันก็ไม่มากนักหรอกครับ แต่เรื่องของเรื่องคือผมไม่อยากอยู่บ้านมากกว่า อีกอย่าง อยากมีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆไอ้นัยด้วย เพราะตั้งแต่มาเรียนที่นี่ อยู่กันคนละห้อง แม้เราจะเจอกันทุกวันตอนนั่งรถเมล์ แต่มันก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เรียนด้วยกัน มีกิจกรรมทำด้วยกันทั้งวัน คิดๆดู แผนการของผมดูจะต้องลงทุนมากเกินไปจริงๆ

ผมเล่าให้ไอ้นัยฟัง ขณะจะถอดใจยอมแพ้อยู่แล้ว ไอ้นัยก็แนะนำว่าให้ไปเรียนเปียโนแทน

“มึงบอกว่าเปียโนยิ่งแพงกว่ากีตาร์อีก แล้วจะเรียนเข้าไปได้ยังไง” ผมงง

ไอ้นัยเลยอธิบายให้ฟังว่า ถ้าเรียนกีตาร์ต้องมีเครื่องดนตรีของตนเอง แต่ถ้าเรียนเปียโน ที่โรงเรียนดนตรีมีเปียโนให้ใช้ฝึกซ้อมได้ ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าเปียโนเป็นเครื่องดนตรีที่มีราคาสูง ผู้ปกครองอาจไม่มีกำลังซื้อกันทุกคน ดังนั้นทางโรงเรียนจึงจัดเปียโนเอาไว้ให้ฝึกซ้อมที่โรงเรียน

“ไอ้เวร แล้วก็ไม่บอกแต่แรก” ผมดุมัน พูดไปยังงั้นเองแหละครับ ที่จริงขอบใจมันมากกว่า ที่อุตส่าห์ช่วยออกความคิด

ผมกลับมามีความหวังอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนี้จริง ปัญหาก็อยู่แค่ที่ค่าเรียนเท่านั้น

ผมกลับไปตื๊อพ่ออีกครั้ง คราวนี้ต่อรองแบบทุ่มสุดตัว

“ถ้าป๋าให้อูเรียนนะ ป๋าช่วยอูออกแค่เดือนละหกร้อยก็พอ อีกหกร้อยอูจะประหยัดเบี้ยเลี้ยงออกเอง” ผมเสนอ ตอนนั้นได้เบี้ยเลี้ยงหรือว่าค่าขนมเดือนละสองพันห้า ผมไม่ค่อยได้ใช้อะไรหรอก มีเงินเหลือเก็บพอสมควร ที่จริง ถึงจะออกค่าเรียนเองเดือนละพันสอง ผมก็พอจะประหยัดจนเรียนได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ต้องให้พ่อเป็นคนออกหน้าเจรจากับคุณลุง เพราะถ้าจะออกนอกบ้านวันเสาร์ก็ต้องให้คุณลุงคุณป้าอนุญาตด้วย

ข้อเสนอนี้สร้างความทึ่งแก่พ่อของผมพอสมควร

“เอาขนาดนั้นเลยเหรอ” พ่อพูด

เมื่อพ่อเห็นความตั้งใจจริงของผม ประกอบกับใช้เงินไม่มากนัก จึงตกลงให้ผมลองเรียนดู แล้วก็รับภาระเจรจากับคุณลุงคุณป้าให้ แต่ก็ไม่วายบ่นว่าผมวุ่นวายตามเคย คุณลุงคุณป้าเองไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะไม่เห็นว่าเรียนแล้วจะมีประโยชน์อะไร คงคิดคล้ายๆพ่อของผม แต่ว่าในเมื่อเป็นความประสงค์ของพ่อที่จะให้ผมเรียน ซึ่งที่จริงคือความประสงค์ของผมเองนั่นแหละ ทั้งสองก็เลยไม่ว่าอะไร เป็นอันว่าผมจะมีเวลาในวันเสาร์ที่สามารถใช้เวลาได้อย่างอิสระนอกบ้าน เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวัน


<กีตาร์คลาสสิกกับกีตาร์ทั่วไป ที่จริงแล้วจัดว่าเป็นกีตาร์อะคูสติก(acoustic guitar)ทั้งคู่ เพราะเนื้อเสียงและคุณภาพเสียงต่างก็เกิดจากการดีดสายให้เกิดเสียงแล้วเสียงเข้าไปก้องอยู่ในโพรงในตัวกีตาร์ กีตาร์คลาสสิกนั้นมีรูปทรงภายนอกแตกต่างจากกีตาร์ทั่วไปอยู่บ้าง แต่ผู้ที่ไม่ได้สนใจเรื่องกีตาร์อาจแยกออกได้ยาก ความแตกต่างที่พอจะเห็นได้ชัดเจนก็คือ กีตาร์คลาสสิกจะมีคอกว้างกว่ากีตาร์ธรรมดา และสายที่ใช้ก็เป็นสายไนลอน ส่วนกีตาร์ธรรมดานั้นคอจะแคบกว่าและใช้สายเหล็ก

นอกจากนี้ เทคนิคการเล่นของกีตาร์คลาสสิกก็ต่างจากกีตาร์ธรรมดา เพราะกีตาร์ธรรมดานั้นใช้เล่นเพื่อคลอไปกับแนวทำนองหลัก ส่วนกีตาร์คลาสสิกนั้นสามารถเล่นแนวทำนองหลักได้

ในภาพ ด้านซ้ายมือเป็นกีตาร์คลาสสิก ส่วนด้านขวามือเป็นกีตาร์ทั่วไป>

7 comments:

Anonymous said...

หัดเล่นกีต้าร์มา 1 ปี ผมยังเล่นไม่เก่งเลย
อยากจะไปหัดเปียนโนเหมือนกัน
แต่เก็บตังซื้อก่อน แพงเหมือนกัน
แต่ตั้งใจไว้แล้ว ยังไงก้อจะเรียนให้ได้
เรียนตอนแก่ คงไม่น่าเกลียด

แบงค์

... ในที่สุดก้อได้เมนท์คนแรก คริ คริ ...

Anonymous said...

มารักอาอูแล้วครับ

หลาน Arus

Anonymous said...

ตอนนี้อ่านแล้วสบายๆ ครับ ตกลงว่าอูได้เรียนเปียโนหรือกีตาร์ครับ แล้วถ้าเรียนเปียโนก้อต้องเรียนคนละห้องกะนัยอีกดิครับ หรือว่าเรียนรวมกันเลย ผมว่าตอนเรียนดนตรี อู ต้องมีไรเด็ดๆมาเล่าอีกแน่เลย จะคอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
เป็นกำลังใจเหมือนเดิมครับ
กร ครับ

Anonymous said...

นึกว่าตอนนี้จะไม่มีภาพประกอบซะแล้ว!!!
เห็นกีตาร์แล้วนึกถึงไอ้ตัวเก่งที่บ้านจัง......

กุ๊กกู๋

Anonymous said...

ตกลงผมเรียนเปียโนครับ สถานการณ์มันพาไป ยังไงก็ดีกว่าอยู่บ้านจับเจ่า

ถ้าแบงค์จะเรียนเปียโนเพื่อความเพลิดเพลิน พักผ่อนหย่อนใจ เลืิอกเปียโนจีนหรือเปียโนมือสองก็ได้ ถูกๆก็มี คีย์เปียโนจะแข็งหน่อย ใช้กำลังนิ้วเยอะ สำหรับคนหัดตอนดตไม่เป็นไร แต่ถ้าจะให้เด็กหัดก็ไม่ควร เดี๋ยวนิ้วเสีย จะทำให้พัฒนาไปได้ไม่ไกล

หรือเดี๋ยวนี้มีเปียโนดิจิทัล คุณภาพเสียงดีมาก ราคาไม่แพง ก็ใช้ได้เหมือนกัน ประหยัดเนื้อที่ ไม่หนวกหูด้วย เหมาะสำหรับคอนโด ดีไปอีกแบบ

หลาน Arus หายป่วยแล้วเหรอ หยุดไปหลายวันแล้วเรียนทันเพื่อนหรือเปล่า

Anonymous said...

คุณกุ๊กกู๋เล่นกีตาร์คลาสสิกหรือครับ ตอนนี้ยังเล่นอยู่หรือเปล่า

Anonymous said...

ป่วยเดือนกันยายน-ตุลาคมครับ
ช่วงปิดเทอมไม่น่ากลัวหรอก

แต่ปีหน้าอาจจะต้องไปลงเรียนพิเศษ
ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมวันเสาร์ทั้งวัน T-T
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนตอนเย็นจันทร์-ศุกร์
อ่ะครับ

หลาน Arus ของอาอู