Thursday, January 3, 2008

ตอนที่ 79

บ่ายวันนั้น ผมรีบโทรศัพท์ไปหาไอ้นัย ผมรอด้วยความกระวนกระวายอยากรู้ผลการสอบมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ที่ยังไม่โทรไปเพราะกะประมาณเวลาเอาว่าให้ไอ้นัยกลับมาถึงบ้านเสียก่อน แม้จะรู้ว่าโอกาสได้มีสูง แต่ตราบใดที่ยังไม่รู้ผลที่เป็นทางการ อย่างไรก็อดกังวลใจไม่ได้

“โหล” เสียงไอ้นัยรับสาย เสียงของมันแจ่มใสมาก แค่ได้ยินมันพูดโหลคำเดียวผมก็รู้แล้วว่ามันสอบได้

“กูได้ป่าว” ผมรีบถาม

“แล้วมึงไม่ถามกูเหรอว่าได้ป่าว” ไอ้นัยพูดเสียงร่างเริง

“เสียงของมึงดีใจซะขนาดนั้น กูไม่ถามหรอก รู้อยู่แล้วว่ามึงได้” ผมตอบ

“โห... ฟังเสียงแค่นี้รู้เลยเหรอ” แล้วไอ้นัยก็หัวเราะฮุฮุ

“นี่ ไม่ต้องมัวโยกโย้ บอกมาเร็วๆ”

“เดี๋ยวก่อน หิวข้าวอะ ขอไปกินข้าวก่อนนะ” เสียงไอ้นัยพูดไปหัวเราะไป วันนี้มันดีใจจนออกนอกหน้าเลย ผมเองก็พลอยดีใจไปด้วย ไม่ได้ยินเสียงแจ่มใสของไอ้นัยมานานแล้ว เพราะว่าช่วงหลังมันมีแต่ความกดดัน

“เดี๋ยวๆ ไม่ต้องเล่นมุขเลย บอกกูมาก่อน” ผมอดหัวเราะในความขี้เล่นของมันไม่ได้

“เสียใจด้วยนะอู...” ไอ้นัยพูดเสียงเศร้า ผมใจหายวูบ

“มึงได้แต่กูไม่ได้ ยังงั้นใช่มั้ย” ผมถอนใจ พยายามข่มความเสียใจเอาไว้ไม่ให้แสดงออก

“เสียใจด้วยที่มึงต้องจากโรงเรียนนี้ไป ฮ่าๆๆ” ไอ้นัยหัวเราะร่วน

“ไอ้เปรต” ผมด่ามัน แต่ใจจริงแล้วรู้สึกดีใจที่รู้ว่ามันมีความสุข มันจะได้ไปพ้นๆจากสภาพที่เลวร้ายเสียที รวมทั้งรู้สึกดีใจด้วยที่ในที่สุดตนเองก็สอบได้ มันเป็นสิ่งที่มีความหมายมากทั้งกับไอ้นัยและผม

หลังจากวางสายจากไอ้นัย ผมก็รีบต่อไปหาเอ๊ดทันที

“เอ๊ด ๆ อูสอบได้แล้วนะ ผลออกมาแล้ว” ผมรีบพูดเมื่อเอ๊ดรับสาย

เอ๊ดเงียบไป

“เอ๊ด ฟังอยู่หรือเปล่า” ผมถาม ไม่แน่ใจว่าสายหลุดหรือเปล่า เพราะเอ๊ดเงียบเหลือเกิน

“ฮื่อ ฟังอยู่” เอ๊ดบอก

“แล้วเรื่องป๋า คุยแล้วว่าไง” ผมถาม

เอ๊ดเงียบไปสักพัก

“ป๋าไม่ยอมนะ ยังไงก็ไม่ให้ย้ายโรงเรียน อูต้องเห็นใจป๋าบ้างนะ ป๋าไม่รู้จะให้อูพักที่ไหน ถ้ามีที่พัก ป๋าก็ไม่ขัดอยู่แล้ว” เอ๊ดพูดอย่างระมัดระวังมาก

“กะอยู่แล้ว ต้องเป็นแบบนี้” ผมพูดด้วยความผิดหวัง ระคนกับความน้อยใจ “แต่ไหนแต่ไร เอ๊ดต้องได้ของที่ดีกว่าอยู่แล้ว อูได้ของเหลือใช้จากเอ๊ดทุกที”

ตอนเด็กๆมันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ หนังสือเรียนก็ใช้ของที่เอ๊ดเรียนไปแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ของเอ๊ดทั้งหมด คงใช้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เสื้อผ้าก็ใช้ของเอ๊ด เพราะพ่อกับแม่บอกว่าเราโตเร็วทั้งสองคน ถ้าซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ทั้งสองคนจะสิ้นเปลืองมาก ดังนั้นผมจึงต้องคอยรับช่วงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆจากพี่ชายอยู่เสมอ ปกติก็ไม่ค่อยได้น้อยใจอะไรมากนัก เพราะว่าอยู่หอ บางทีมันก็ไม่ค่อยได้คิด ถ้าอยู่ที่บ้านก็คงคิดมากหน่อย แต่มาคราวนี้ผมน้อยใจจริงๆ

“อย่าคิดแบบนั้นดิ” เอ๊ดห้าม แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้คิด

“หรือว่ามันไม่จริงล่ะ เอ๊ดตอบมาสิ” ผมย้อนถาม

เอ๊ดเงียบไปอีก

“ตกลงที่บอกว่าถ้ามีที่พัก ป๋าจะไม่ขัด นี่ใครพูด เอ๊ดพูดเองหรือว่าป๋าพูด” ผมถาม

“ป๋าพูด” เอ๊ดตอบ

“แน่ใจนะว่าป๋าพูด ไม่ใช่เอ๊ดพูดปลอบใจ” ผมถามย้ำ

“ฮื่อ” เอ๊ดยืนยัน

“ยังงั้นอูจะหาที่อยู่ของอูเอง ถ้าหาได้ อย่าผิดคำพูดล่ะ” ผมพูดเพื่อผูกมัด ที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผูกมัดใคร ผูกมัดเอ๊ดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเอ๊ดเองก็จัดการอะไรไม่ได้

วันนั้นเป็นวันที่ผมว้าวุ่นใจมาก ไหนจะเรื่องไอ้ชัช แล้วยังมาเรื่องของตนเองอีก ผมนั่งคิดมาตั้งแต่บ่าย แต่ก็ยังคิดหาวิธีที่จะทำให้ได้ไปเรียนไม่ได้ คิดดูแล้วโอกาสได้ไปเรียนที่ใหม่แทบจะไม่มี เด็กที่ไม่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วจะไปเรียนโรงเรียนไปกลับได้ยังไง

ผมนั่งคิดหาหนทางในเรื่องนี้ตั้งแต่บ่าย โดยไม่ได้ปรึกษาอะไรกับไอ้ชัชเลย เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แสลงใจมัน อีกทั้งเพิ่งประกาศตัดสัมพันธ์กันมาหมาดๆ แต่ตอนนั้นอยากมีใครที่สนิทสนมมาคุยด้วยจริงๆ

ผมนั่งจมอยู่กับความคิดคนเดียว ไม่ได้สนใจไอ้ชัชเลย วันนั้นทั้งวันไม่ได้สังเกตเลยว่ามันอยู่ที่ไหน หรือว่าทำอะไร จนตกกลางคืน เมื่อถึงเวลาเข้านอน หลังจากที่ผมเปลี่ยนชุดนอน ก็มานั่งที่เตียงของตนเอง ตอนนั้นไฟในห้องนอนยังไม่ดับ ไอ้ชัชนอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่ผมเห็นมันกลิ้งไปกลิ้งมา คงยังไม่หลับ

ผมสังเกตว่าที่หัวเตียงของผมมันมีอะไรหายไปสักอย่าง คิดไปคิดมา ... กล่องใส่กระดาษทิชชู่รูปหมานั่นเองที่หายไป

“เอ... กล่องใส่ทิชชู่หายไปไหนหว่า” ผมถามเพื่อนที่อยู่เตียงติดกับผม ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่ง ไม่ใช่ไอ้ชัช ไอ้นี่ก็ยังไม่หลับเหมือนกัน

มันทำบุ้ยใบ้ไปที่เตียงของไอ้ชัช เป็นความหมายว่าไอ้ชัชเอาไป

เท่านั้นเอง ผมก็โมโหขึ้นมา หันไปพูดกับไอ้ชัชทันที

“มึงเอากล่องทิชชู่ของกูไปเหรอ” ผมถาม

“นั่นมันของกูโว้ย” มันตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความ

“ให้แล้วเอาคืน มีอย่างที่ไหนวะ” ผมกระชากเสียงใส่มัน “ใครทำก็หมาแล้ว”

“เออ กูเอาไปให้หมาใช้ ยังดีกว่าเอามาให้มึงใช้ เพราะมึงมันเลว เข้าใจไหม” ไอ้ชัชด่าผมบ้างอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้

6 comments:

Anonymous said...

เข้าปาล์มไม่ได้แฮะ รบกวนใครช่วยเข้าไปแจ้งอัปเดตในกระทู้ปาล์มให้หน่อยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าคร้าบ

อู

Anonymous said...

บอร์ดปาล์มเข้าได้แล้วครับอู
มันล่มบ่อยจัง
แต่เวลามันล่มนะซักวันสองวันมันก้อเข้าได้ใหม่ครับ

มาคุยเรื่องของเราดีกว่าครับ
ขอบคุณมากครับอูสำหรับตอนที่ 79
รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ 5555
ปีใหม่นี่ไฟแรงดีมากนะครับ

ตอนนี้ค่อยหายใจสะดวกหน่อย
นัยกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วค่อยมีชีวิตชีวาหน่อย
ถ้าจะให้ผมทายนะแต่อาจจะผิดก้อได้
ยังงัยก้อจะลองขอทายดู
คืดว่าอูคงได้ไปเรียนโรงเรียนใหม่
และได้ไปพักที่บ้านอาของนัย
อานัยคงอนุญาตเพราะว่านัยจะได้มีเพื่อนมาอยู่ด้วย
จะได้ไม่เหงา
สังเกตุว่าอานัยจะรักนัยมาก
ดูจากตอนมันซึมๆ อามันยังถามอูเลยว่านัยมันเป็นอะไร
ช่วยถามมันหน่อยดิ

ยังงัยก้อยังสงสารไอ้ชัชมันนะ
ผมว่ายังงัยอูก้อลดธิฐิหน่อย
คิดว่ายังงัยมันก้อรักอูนะ
ที่พฤติกรรมไอ้ชัชมันเป็นอย่งนี้
เพราะมันผิดหวังวาอูไม่รักมัน
มันคงรู้นะว่าอูรักไอ้นัยไม่รักมัน
ปลอบใจมันหน่อยดิ
ยังงัยก้อเพื่อนรักกันนะครับ
นึกถึงเวลาชักว่าวเอากันกับมันมั่งดิ
5555555
โอเคครับ
ขอบคุณมากนะครับ
ยังงัยก้อเป็นกำลังใจให้อูเสมอ
และจะรอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อครับ
วันนี้สบายใจจังเลย นัยมันอารมณ์ดีแล้ว
อดอีกนิดจะได้ไปให้พ้นจากไอ้เหี้ยชิดซะที
KTB

Anonymous said...

งั้นก็เหลือประเด็นเดียวแล้วสินะว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ไหม

อยู่กับอาจารย์ที่เกษียณ หรืออยู่กับนัยดีน๊า~~~
ถ้าอยู่กับนัยก็เหมือนแต่งเข้าบ้านเลยเนอะ
แต่ถ้าจากโครงเรื่องอาจารย์มีภาษีกว่าแฮะ

หรือว่าจะฝันสลาย...

ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้สงสารชัช...
อาจเป็นเพราะผมเป็นคนบ้าที่ชอบอยู่กับความจริงมั้ง

Arus

Anonymous said...

อาจารย์เกษียณไหนครับ ในเรื่องไม่เห็นบอกเลยว่านัยจะไปอยู่กับอาจารย์

Anonymous said...

จากที่พี่อูเล่า มีแววว่าหวยจะออกที่อาจารย์นะครับเนี่ย

ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะเปนทางอื่นก็ได้

เรื่องชัช เรื่องปกติของเด็กวัยนั้นแหละครับ ทั้งอูทั้งชัช ไม่มีไรแปลกหรอกครับ ตอนผมก็คล้ายๆ กันแหละ แค่ไม่ได้ทะเลาะกัน เพราะอยากใช้เวลาที่มีให้มีความสุขมากที่สุด เศร้ามากๆ เลยอ่ะครับ กลับไปนึกถึงเรื่องนั้นทีไร

shoPr

Anonymous said...

ตอนที่ผ่านมาไม่นานมานี้ (ผมจำเลขตอนไม่ได้)
อูได้ไปขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่เกษียณแล้ว
ในบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่งน่ะครับ

Arus