Tuesday, February 23, 2010

ภาคสาม ตอนที่ 50

“อีกส่วนหนึ่งที่ครูไม่ได้บอกเธอในตอนนั้นก็คือ... คนเรานั้นมาพบกันเพียงเพื่อการพลัดพราก ถึงแม้จะมีวาสนาต่อกันเพียงใด สุดท้ายก็ยังต้องพรากจากกัน” ครูช่วยเพ่งตามองผม พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ครูว่า... ทำไมมันเป็นยังละครับ” ผมรู้สึกตกใจกับคำพูดของครูช่วย ไอ้นัยก็คนหนึ่งแล้ว เมื่อหวนคิดถึงคนอื่นๆที่ผมรักแล้วในที่สุดทุกคนจะต้องพรากจากผมไปจนหมด... ผมแทบจะยอมรับไม่ได้เลย

“มันเป็นความจริงนะอู ครูจะยกตัวอย่างให้ฟัง” ครูช่วยพูดช้าๆ “เธอดูอย่างครูนี่ไง เธอเคยเรียนกับครู หลังจากนั้นก็ยังได้เจอครูอีกหลายครั้ง ถือว่ามีวาสนาต่อกัน แต่ในที่สุดครูก็ต้องจากเธอไปตลอดกาล... เมื่อครูเดินไปสุดปลายทางของชีวิต”

ผมนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก

“ความตายไงละอู” ครูช่วยพูดต่อ “ไม่มีใครหนีความตายพ้น ครูถึงได้บอกว่าถึงจะมีวาสนาต่อกันเพียงใด สุดท้ายความตายก็ต้องทำให้เราต้องพลัดพรากจากกัน”

วันนี้ครูช่วยเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้พูดเรื่องที่หดหู่จนผมรับแทบไม่ได้ ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมหม่นหมอง

“ถ้าพบกับเพื่อจะพลัดพราก อย่างนั้นสู้ไม่พบจะไม่ดีกว่าหรือครับ” ผมถาม

“ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะอู” ครูช่วยพูดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความปรานี “ที่จริงความตายเป็นของธรรมดาโลกนะ ไม่มีใครที่ไม่ตาย เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกทุกวันเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วทำไมเธอมองความตายจนน่ากลัวยังงั้นล่ะ ทำไมไม่มองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาบ้าง”

ครูช่วยหยุดนิดหนึ่ง จากนั้นพูดต่อ

“ครูเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่าเธอช่างคิด อ่อนไหว ที่ครูพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะต้องการเตือนสติเธอ ไม่ต้องการทำให้เธอเอาแต่เศร้าหรือกลัวกับชีวิต ขณะนี้เธออยู่กับปัจจุบัน อดีตแก้ไขไม่ได้แล้วและอนาคตก็ยังไม่เกิด เธออย่ามัวแต่กลัวอนาคต อย่ามัวแต่เศร้าโศกอยู่กับเรื่องในอดีตจนลืมทำสิ่งที่ควรทำในปัจจุบันไป ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เธอรักและอยู่รอบข้างของเธอจะสิ้นวาสนากับเธอเมื่อใด ปัจจุบันเป็นเวลาที่มีค่ามากนะอู อย่าประมาทกับชีวิตและใช้เวลาในปัจจุบันให้เต็มที่”

ผมรู้สึกคล้ายเข้าใจแต่ก็คล้ายไม่เข้าใจ หัวใจของผมรู้สึกหม่นหมองและหนักอึ้งเมื่อฟังคำพูดของครูช่วย ดูเหมือนครูช่วยจะเข้าใจความรู้สึกของผม ได้ยินครูพูดต่อ

“ตอนครูหนุ่มๆก็สำมะเลเทเมาเอาเรื่องเหมือนกัน ภรรยาของครูตายตอนที่ครูอายุสี่สิบ ตอนนั้นลูกๆก็กำลังเข้าวัยรุ่น ครูเสียใจมากเพราะคิดว่าครูดูแลภรรยาไม่ดีพอ แต่มันก็สายไปแล้ว หลังจากนั้นครูก็ยิ่งกินเหล้าหนัก ลูกๆเมื่อเข้าวัยรุ่นก็มีปัญหา เตลิดจนแทบเสียคน โชคดีที่ต่อมาได้คิดจึงกลับมาตั้งใจดูแลลูกๆ ไม่อย่างนั้นครูก็คงเสียลูกๆไปด้วย” ครูช่วยหยุดไปนิดหนึ่ง เหมือนกำลังทบทวนอดีต “ถึงตอนนี้เธอจะยังเข้าใจไม่ตลอดก็ไม่เป็นไร แต่จำคำพูดของครูเอาไว้ แล้วอีกหน่อยเธอจะค่อยๆเข้าใจได้เอง”

หลังจากนั้นครูช่วยก็ชวนคุยกันในเรื่องอื่นๆ หลังจากที่กินอาหารเสร็จ ผมกับครูช่วยก็แยกจากกัน

“ถึงเวลาต้องจากกันแล้วนะอู” ครูช่วยพูดยิ้มๆ “ดูซิว่าเราจะยังมีวาสนาได้พบกันอีกไหม”

ทำไมวันนี้ครูพูดแต่เรื่องอะไรแปลกๆนะ ผมฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจเลย

“ครูให้เบอร์โทรศัพท์ผมไว้สิครับ ผมจะได้โทรไปคุยกับครู ผมมาดูหนังสือแถวนี้เกือบทุกวันครับ เมื่อไรที่ครูมาแถวนี้อีก ถ้าผมทราบก็จะมากินราดหน้ากับครู” ผมพูด มีความรู้สึกต้องการท้าทายชะตาชีวิตขึ้นมา ถ้าผมต้องการพบกับครูอีก อะไรจะมาขัดขวางได้

“คราวหลังกินอย่างอื่นบ้างแล้ว” ครูช่วยหัวเราะ “จะกินราดหน้าทำไมทุกครั้ง”

หลังจากนั้นครูก็ให้เบอร์โทรศัพท์แก่ผมซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านลูกชายของครูนั่นเอง และผมก็ลาและแยกจากครูเพื่อกลับหอ

- - -

ดึกแล้ว...

หลังจากที่ผมกลับมาที่หอก็นั่งดูหนังสือต่อ ดูจนถึงเวลาประมาณตีหนึ่ง รู้สึกว่าสายตาล้ามากแล้ว อากาศภายในห้องก็ร้อนอบอ้าว ผมจึงขึ้นไปนั่งรับลมบนชั้นดาดฟ้า

ปกติหลังเที่ยงคืนก็แทบจะไม่มีใครขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าแล้ว ยิ่งตอนตีหนึ่งตีสองนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ผมเดินขึ้นบันไดจากชั้นสี่อย่างเงียบกริบ ในเวลาดึกสงัด หอพักทั้งหอเงียบสนิท แม้เสียงเดินตามปกติก็กลายเป็นเสียงดังกังวาน ผมจึงต้องผ่อนฝีเท้าให้เบาเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของผู้อื่น

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้าผมก็ต้องสะดุ้ง เพราะบนนั้นมีเงาตะคุ่มของใครคนหนึ่งกำลังยืนเอนร่างพิงกำแพงดาดฟ้าซึ่งสูงประมาณเอวอยู่ ร่างนั้นขาวๆไม่สวมเสื้อ ใส่แต่กางเกงบอล ปราดแรกที่เห็นทำให้ผมตกใจจนแทบร้องออกมาเพราะนึกว่าเห็นผี พร้อมทั้งเตรียมจะวิ่งหนีลงไปตั้งหลักที่ชั้นล่าง

แต่เมื่อสายตาเริ่มชินกับแสงสลัว ผมจึงเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่าเงาร่างนั้นเป็นร่างคนจริงๆ เป็นร่างของชายผิวขาวคนหนึ่ง ผมสั้นทรงนักเรียนทำให้ผมคิดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่น ผิวขาวที่ใส่เพียงกางเกงบอลตัวเดียวทำให้ร่างดูสว่างในแสงสลัว

ผมจงใจเดินลงฝีเท้า และก็ได้ผล เงาร่างนั้นดูเหมือนจะได้ยินเสียงผมเดิน จึงหันกลับมาดู... วุฒินั่นเอง

“อ้าว พี่อู ยังไม่นอนอีก” วุฒิทักทายเมื่อเห็นผมเดินมาใกล้พร้อมทั้งหันร่างมา

ผมสำรวจเรือนร่างของวุฒิ ร่างกายของวุฒิกำยำในแบบของวัยรุ่นที่ออกกำลังกาย หัวไหล่หนา หน้าอกมีกล้ามเนื้อแน่น หน้าท้องแบนราบ ขาอ่อนและปลีน่องก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม และที่สำคัญ ที่เป้ากางเกงบอลตัวน้อยนั้นตุงออกมาผิดปกติ ดูท่าเมื่อครู่ตอนก่อนผมมาวุฒิคงกำลังคิดอะไรเพลินอยู่

ดูเหมือนว่าผมจะสำรวจเรือนร่างนานเกินไปหน่อยจนวุฒิรู้ตัว วุฒิพยายามจัดเป้ากางเกงให้ดูเรียบร้อยขึ้น แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก ผมรีบเบือนสายตามาที่ใบหน้าของคู่สนทนาแทนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตไปมากยิ่งกว่านี้

“มันร้อน เลยนอนไม่ค่อยหลับ” ผมตอบ เรือนร่างที่เกือบเปลือยของวุฒิมีเพียงกางเกงบอลตัวเล็กๆปกปิดอยู่เพียงตัวเดียวทำให้เป้ากางเกงของผมเริ่มขยายตัวขึ้น ผมรีบไปยืนพิงกำแพงดาดฟ้า ทำทีเป็นชมท้องฟ้าในยามดึก “ดึกมากแล้วทำไมวุฒิยังไม่นอนล่ะ”

“ในห้องก็ร้อนครับ เลยขึ้นมาตากลมหน่อย” วุฒิตอบ พร้อมทั้งหันร่างไปทาบกับกำแพงเช่นกัน

ตั้งแต่วุฒิมาพักที่หอนี้ ผมเจอวุฒิไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินสวนกันแล้วทักทายกัน วุฒิขึ้นมาสังสรรค์กับแก๊งพี่ธิตบ้างแต่น้อยครั้ง อีกทั้งวุฒิยังเป็นวัยรุ่นที่ไม่ค่อยช่างพูด ผมเองก็ค่อนข้างเงียบขรึม ดังนั้นแต่ละครั้งที่เราพบกันจึงไม่ได้คุยกันมากนัก แต่วันนี้เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผมและวุฒิจึงมีโอกาสคุยกันมากขึ้น

เมื่อถามวุฒิว่าอยู่จังหวัดอะไร ทำไมปิดเทอมแล้วจึงยังไม่กลับบ้าน ผมจึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้วุฒิไม่ใช่เด็กต่างจังหวัดแต่ว่าบ้านของวุฒิอยู่แถวนี้นี่เอง วุฒิเล่าว่าที่บ้านกำลังซ่อมแซมบ้านอยู่ ทำให้บ้านคับแคบลงไป จึงขอพ่อแม่ออกมาเช่าหอพักอยู่เอง เหตุผลฟังแล้วก็แปลกๆอยู่ แต่คนเราก็ย่อมมีความลับส่วนตัว ผมจึงไม่ไซร้ไล่เรียงต่อเพื่อไม่ให้วุฒิอึดอัดใจ

“เห็นวุฒิสนิทกับแป๋งนะ” ผมถามด้วยท่าทีเรื่อยๆเหมือนกับคำถามที่คุยกันทั่วไปแต่ที่จริงแล้วผมตั้งใจถาม พลางสายตาก็ชำเลืองสังเกตดูท่าทีของวุฒิ ดูเหมือนวุฒิจะมีท่าทีอึดอัดกับคำถามนี้เพราะเห็นเงียบไปนิดหนึ่ง

“พี่แป๋งช่วยติวให้น่ะครับ” วุฒิตอบด้วยท่าทีอึกอักนิดๆ “ผมเรียนไม่ค่อยดี ได้แต่กีฬา พี่แป๋งเลยช่วยติวให้”

ไอ้แป๋งมันใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นมันมาช่วยติวให้ผมบ้างเลย ผมนึกหัวเราะในใจ ขณะที่คุยกันเป้ากางเกงบอลของวุฒิขยายออกมาจนเห็นได้ชัด จนวุฒิต้องทาบร่างกับกำแพงอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าผละออกมา แต่ว่ามีหรือที่ผมจะไม่สังเกต

เมื่อคุยกันในเรื่องทั่วๆไป ผมก็พบว่าวุฒิไม่ใช่เด็กที่เงียบขรึม วุฒิคุยเก่งพอใช้เลยทีเดียว หลังจากคุยกันได้อีกสักพัก เห็นเป้ากางเกงของวุฒิยังไม่ยอมสงบ ผมรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ภายใน อีกทั้งไม่อยากให้วุฒิลำบากใจจึงขอตัวกลับลงมาข้างล่าง

เมื่อกลับมาที่ห้อง ผมรู้สึกกระสับกระส่าย ภาพเรือนร่างอันกำยำมีกางเกงบอลปกปิดเพียงตัวเดียวของวุฒิรบกวนจิตใจของผม ผมใช้จินตนาการวาดภาพต่อไปถึงส่วนที่ผมมองไม่เห็น...

“เฮ้ย” ผมร้องตกใจเมื่อปะทะกับร่างขาวเนียนของวุฒิขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำและวุฒิก็กำลังเดินผ่านเพื่อลงบันไดไปข้างล่างพอดี วุฒิเดินเงียบมากจนผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย

“ตกใจหมดเลยพี่อู” วุฒิพูด “ผมเห็นห้องน้ำเงียบสนิท นึกว่าไม่มีใครอยู่เสียอีก”

- - -

ช่วงที่อยู่หอพักตอนปิดเทอมในปีนั้น วันทั้งวันผมเอาแต่ดูหนังสือ ไม่ไปติว ไม่ติดต่อกับเพื่อน แม้ผมจะไปดูหนังสือที่ห้องสมุดรวมทั้งไปกินอาหารที่ตามศูนย์อาหารในห้างซึ่งมีคนมากมาย แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าผมได้พบปะกับใคร นับว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง มีเพียงคนในครอบครัวกับบอยเท่านั้นที่ผมติดต่อด้วย

การอยู่กับตัวเองแม้ทำให้รู้สึกสงบและมีสมาธิในการอ่านสือ แต่ถ้าอยู่กับตัวเองจนเกินพอดีแล้วก็กลับกลายเป็นเก็บกดและทำให้รู้สึกฟุ้งซ่านไปได้เหมือนกัน

เวลาใกล้เปิดเทอมเข้ามาทุกทีแล้วแต่ว่าผมยังดูหนังสือเรียนชั้น ม.๕ ไม่ทันตามเป้า ความเคร่งเครียดบวกกับความวิตกกังวลทำให้ผมฝันร้ายบ่อยขึ้น ฝันร้ายแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องเดิมๆ

ทุกเช้า ผมจะออกจากหอพักประมาณ ๙ โมงเช้า จากนั้นเดินไปขึ้นรถที่ป้ายตรงข้ามซอยภาวนา หลายปีมานี้ผมเดินมาขึ้นรถที่นี่ทุกวันจนติดเป็นนิสัย แม้เป็นเวลาปิดเทอมผมก็ยังไม่เปลี่ยนป้ายขึ้น

ที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามซอยภาวนาจะมีแผงหนังสืออยู่ร้านหนึ่ง แผงหนังสือนี้อยู่ข้างโรงรับจำนำ ปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่แต่ว่าในปัจจุบันมีหนังสือพิมพ์และนิตยสารน้อยลงไปมากกว่าตอนที่ผมเรียนมัธยม

นิตยสารกลุ่มหนึ่งที่ผมชอบโฉบเฉี่ยวมาดูที่ร้านนี้ก็คือนิตยสารที่มีภาพเปลือยของชาย ก็คือพวกมิถุนานี่เอง เมื่อผมเรียนอยู่ชั้น ม.๑ เมื่อต้องมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายนี้ ผมก็เห็นหนังสือมิถุนาใส่ซองพลาสติกวางขายคู่กับร้านนี้มาตลอด ภาพนายแบบหน้าปกจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

จำได้ว่าตอนอยู่ชั้น ม.๑ นั้นผมเห็นหนังสือมิถุนาวางขายอยู่เพียงฉบับเดียว หลังจากนั้นมา ตอนที่ผมเรียนชั้น ม.๒ ก็มีหนังสือแนวเดียวกันแต่หัวอื่นทยอยออกมา ตั้งแต่มรกต นีออน มิดเวย์ ฯลฯ จนในปัจจุบันมีนิตยสารแนวนี้วางอยู่มากมายหลายหัวจนผมจำชื่อได้ไม่หมด แต่ผมก็ได้แต่เพียงโฉบผ่านที่หน้าร้านและเหลือบมองดูหน้าปกที่มีนายแบบชายถ่ายแบบโชว์เรือนร่างเพียงแว่บเล็กๆ อย่าว่าแต่จะซื้อเลย แม้จะดูหน้าปกยังไม่กล้าดูนานเนื่องจากคนขายเป็นหญิงอีกทั้งตรงนั้นเป็นป้ายรถเมล์ มีคนมายืนดูหนังสือพิมพ์อยู่ตลอดเวลา

การได้เหลือบมองเรือนร่างของนายแบบเป็นสีสันเล็กๆน้อยๆอย่างหนึ่งในชีวิตวัยรุ่น แต่พอมาถึงตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าการเหลือบมองภาพหน้าปกนั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว ผมอยากอ่านเนื้อหาและดูรูปที่อยู่ในหนังสือนั้น!

จะซื้อก็ไม่กล้าซื้อ เพราะว่าคนขายเห็นผมขึ้นรถที่ป้ายนี้ตั้งแต่เด็กจนวัยรุ่น และยังคงต้องมาขึ้นรถที่นี่อีกไม่รู้ว่ากี่ปี ไม่อยากให้คนขายรู้ว่าผมไม่ปกติ ไม่อย่างนั้นต่อไปคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อยากอ่านก็อยากอ่าน

ที่จริงแผงหนังสือตรงปากซอยภาวนาก็มี แต่ร้านนั้นก็มีสภาพไม่แตกต่างจากร้านนี้เท่าไรนัก นั่นคือ คนขายเป็นหญิง อีกทั้งมีลูกค้ายืนอยู่หน้าแผงตลอดเวลา แถมร้านนี้ยังเป็นร้านที่คุณป้าซื้อนิตยสารเป็นประจำเสียอีกด้วย

สามเล่มยี่สิบ สามเล่มยี่สิบ ข้อความนี้ลอยขึ้นมาในหัวผม ทำให้ผมได้ความคิดขึ้นมา



<แผงหนังสือตรงข้ามซอยภาวนา ขายมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กจนเดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่แต่ว่านิตยสารน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนจะมีนิตยสารเกย์วางโชว์อยู่ในตะแกรงที่ห้อยอยู่ข้างบน ผมชอบเดินโฉบแล้วก็เหลือบดู ไม่กล้าดูนานกลัวว่าคนจะสังเกตออก>

31 comments:

Anonymous said...

ดีครับ พี่อู

ผมก้อติดตามเรื่อยๆ นะครับ ตอนนี้ให้แง่คิดดีครับ

ไก่

Anonymous said...

หะๆๆๆ

ตอนนี้หวิวๆ พอให้หยิวเล่นนะครับ

(ชอบบทของครูช่วยจัง ทำให้คิดถึงคุณพ่อขายาว)

อาอูกับอาชูยืนใกล้ๆกันหน่อย เด๋วขอรวบมากอดทีเดียว

หลานหนิง

Anonymous said...

..แปะจองที่3ก่อนแล้วกันค่ะ..

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

แย่แล้วมารักสาย เพราะอาบน้ำสระผม

T-T

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

)^_^(ที่เท่าไรไม่รู้แล้วแต่วาสนา เมื่อเย็นมาหาแล้วไม่เจอสงสัยยังไม่มีวาสนา ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้ที่1อีกมั้ย งั้นต้องทำวันนี้ให้ดีด้วยการขอบคู้นลุงครับขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณตอนนี้มาไวสงสัยหวีผมเสร็จแล้วหรือว่าปิดเทอมเหมือนกันครับ เอ้ๆๆ ช่วงกลางเรื่องมันหายไปน่าลุง อยู่ๆก็มาหน้าห้องน้ำเลยผมงงม่าเข้าใจมาตอบด้วยเดะหุหุ รู้นะคิดไรอยุ่ถ้า100ก็ได้15เล่มเลยสิครับผมว่า200นะ30เล่มจะเอาไปให้เช่าที่สหกรณเน้อ ถูกมั้ยครับ ลุงๆน้องบอยได้เกรดเท่าไรคงไม่มีปัญหามั้ง ลุ้นการสอบของลุงอูกันต่อไป

Anonymous said...

หวัดดีครับอ่านมา 3 ปีแล้วแต่ไม่เคยเม้นเลย วันนี้มาเม้นเพราะผมจำได้ว่าเริ่มอ่านเรื่องนี้ประมาณม.3 ตอนนี้จะขึ้นม.6แล้วอยู่ในสถานการณ์เดียวกับอาอูในเรื่องตอนนี้เลยครับ คือต้องอ่านหนังสืออย่างหนักและเลือกทางเดินในชีวิตเหมือนกัน หวังว่าจะได้ติดตามเรื่องนี้จนผมทำงานเลยนะครับ
น้ำเงินครับ

Anonymous said...

ทำไมกลางตอนตัดฉากฉับจังเลยครับ

ช่วยเสริมให้เข้าใจทีว่าหลังเดินชนเป็นอย่างไร
แก้เนื้อหาในตอนก็ได้ครับ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ตอนนี้ เป็นคนที่เจ็ด
มาเป็นกำลังใจให้นะคับ
ตอนผมสมัยเด็กๆ ไม่เห็นมีเรื่องตื่นเต้นแบบนี้มังเลย
เป็นเด็กเรียบร้อยมากๆ อยู่ในโอวาทของพ่อแม่
เสียดายชีวิตตอนนั้นเหมือนกัน เป็นช่วงชีวิตที่เรียบง่าย
เรื่องตื่นเต้นที่จำได้ ก็มีแค่ จูบครั้งแรก ก็ตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
รออ่านตอนต่อไปคับ

กัน

Anonymous said...

ไม่ใช่ที่เจ็ด เป็นที่แปด

อยากเจอ นัยจังเลย ไม่รู้นัยเป็นอย่างไรบ้าง
อู จะไม่เล่าถึงนัยมังเลยรึคับ รักครั้งแรก จะไม่สมหวังมังเลยรึคับ สังสัยจะเหมือนผม

กัน

Choo said...

เจอ เพื่อ พลัดพลาก

คำง่ายๆ ครับ แต่...ยาก

เอาเพลงยอมจำนนฟ้าดิน ของ โบวี่ แต่เป็น MV-City Chorus เข้าบรรยากาศมาฝากครับ

http://www.youtube.com/watch?v=-EboUzvtoPI

นายอู ได้สามเล่มยี่สิบที่แผงจตุจักรมา แบ่งให้ดูด้วยนะ เดี๋ยวช่วยออกตังค์สิบบาท นะ นะ

ชู

Anonymous said...

ตกลง ได้โจีะ กับวุฒิไหม
เหมือนตัดออกไป
หรือว่าคิดไปเอง
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่อง..... เลย
ชักคิดถึง อุอุอุ


thom

Anonymous said...

ตกลง ได้โจีะ กับวุฒิไหม
เหมือนตัดออกไป
หรือว่าคิดไปเอง
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่อง..... เลย
ชักคิดถึง อุอุอุ


thom

Anonymous said...

ตกลง ได้โจีะ กับวุฒิไหม
เหมือนตัดออกไป
หรือว่าคิดไปเอง
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่อง..... เลย
ชักคิดถึง อุอุอุ


thom

Anonymous said...

เมื่อกลับมาที่ห้อง ผมรู้สึกกระสับกระส่าย ภาพเรือนร่างอันกำยำมีกางเกงบอลปกปิดเพียงตัวเดียวของวุฒิรบกวนจิตใจของผม ผมใช้จินตนาการวาดภาพต่อไปถึงส่วนที่ผมมองไม่เห็น...
ต่อจากนี้ทำอะไรหรือเปล่า น้องๆ หลานๆ อยากรู้บอกด้วยซิ(แซวเล่นนะ)แต่ดูแล้วน่าจะอยากรู้จริงๆนะ
ไม่ต้องอานสาวลาดพร้าวหรอกปูนนี้แล้ว จะได้กระชุ่มกระชวย
ments42

Anonymous said...

ที่จริงก็บอกอยู่แล้วเป็นนัยๆครับพี่

ก็ผมเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเงียบๆแล้วจะให้เข้าไปทำอะไรละครับ

ไม่ได้ไปโจ๊ะกับวุฒิหรอกครับ นั่นเด็กของไอ้แป๋งมัน

อู

Choo said...

เพลงยอมจำนนฟ้าดิน อีกเวอร์ชั่น ร้องโดย หญิง ธิติกานต์ MV แนว K pop & gay

http://www.youtube.com/watch?v=7BKv_sgn0n4

ชู

ปล. นายอูหลบเข้าห้องน้ำ ไม่ชวนนะ จำไว้

Anonymous said...

555..อูเค้าไม่ได้อายหรอกค่ะพี่ments42
เค้าละไว้ให้ทำความเข้าใจเอาเองมากกว่า..
อันนี้ก็แล้วแต่จะจินตนาการเพริศแพร้วกันไปนะคะ..
อีกอย่างบรรดาFCสาวๆของอูคงย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรกมาแล้วทุกคน..จึงไม่สมควรที่จะอาย อิ อิ

สนับสนุนและเห็นด้วยกับคำพูดของครูช่วยทุกคำเลยค่ะ
คนเราต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด..
อ่านแล้วนึกถึงหนังสือเรื่องThe Presentของนานมีบุ๊คส์ฯ
ทำทุกวันให้ดีที่สุดน่าจะโอเคแล้ว..

คนลาดพร้าว

Anonymous said...

สวัสดีครับ ทุกๆคน

ผมหายหน้าไปนาน ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ แค่ไปทำตัวเปนเดกขยันยุพักนึงแค่นั้นเอง มีข่าวดีมาบอกด้วย ผมสอบติิดแล้วนะครับ(<<<ดีใจสุดๆๆ!!) ถ้าดูตามพรที่อาอูให้ก้แสดงว่าผมขยันใช้ได้เลยนะครับ อิอิ พอสอบติดแล้วก้ใช้ชีวิตเรื่อบเปื่อยเหมือนปกติ สอบปลายภาคตอนนี้ตกไป 3 แล้วครับ = = เพราะหยุดอ่านหนังสือหลังจากสอบติด

ผมชอบคำพูดของครูช่วยจังเลย มันทำให้นึกถึงชีวิตของผม คิดไปอีกทีก็รุสึกใจหาย ผมจะไปที่อื่นนั่นหมายความว่าผมจะไม่ได้เจอเพื่อนๆแล้ว เราอาจจะนัดเจอกันนานๆครั้ง แต่ความสัมพันธ์ก็คงไม่เหมือนเดิม

คิดถึงทุกคนotครับ ไม่ได้คุยเล่นกับคนในบอร์ดนี้เลย ช่วงนี้มันยุ่งมากจิงๆนะT^T

-แล้วไว้ผมจะเข้ามาใหม่นะครับ ขอฝากไรนิดนึง
We've only just begun to live.
White lace and promises.
A kiss for luck and we're on our way.
Before the rising sun,we fly...
So many roads to choose.
We start out walking and learn to run...
And yes!We've only just begun

ปล.รักอาอูครับ และขอบคุณที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

หลานๆ แถวนี้หื่นกันเยอะครับ
ขอเป็นตัวแทน ยื่นคำร้องให้ศาล
เปิดเผยข้อมูลซุกไว้ด้วยครับ
ข้อมูลนี้ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ควรเปิดเผยนะครับ

หลาน Arus ของอาอู

nai said...

จริงๆแล้ว อู บอกว่า บอกเป็นนัยนัย
คนชื่อนัยก็ยังงงงงนะครับ ว่าบอกเป็นนัยนัยแปลว่าอะไร

เข้าไปสงบจิตใจในห้องน้ำสงสัยเข้าไปสวดมนต์แน่แน่เลยครับ แล้วลืมชวนพี่ชูด้วย

อู พักนี้เขียนอะไรออกมาก็ถูกคอมเมนต์น่าดู ไม่เป็นไรครับ เราเป็นกำลังใจให้นายเอง (กลัวน้อยใจ แล้วจะไม่มีคนเขียนต่อ)

สาธุ
นัย
อ้อ สามเล่มยี่สิบ ขอเล่มนะ ไม่ช่วยออกตังหรอก

Anonymous said...

หัวหมอเสียด้วย

ใช้เสร็จแล้วก็ซุกเก็บ ก็ถูกแล้วนี่ จะเปิดรับลมเอาไว้ทำไมล่ะ

เมื่อเช้าเขียนสั้นๆ ว่าจะตอบหลาน arus ในตอนบ่าย ที่จริงไม่ได้เขียนตกหล่นอะไร จงใจละเอาไว้ให้จินตนาการต่อเอาเอง เพราะว่าตอนนั้นมือเปื้อน เล่า (พิมพ์) ไม่สะดวก

ไม่ได้มีอะไรกะวุิฒิหรอก แต่กำลังคิดว่าจะจัดการกับน้องบอยยังไงต่อดีมากกว่า ต่อไปจะพาบอยไปเที่ยวสวนลุม ขอไปอ่านสามเล่มยี่สิบแล้ววางแผนก่อน

ไม่เห็นหลานทะเลเสียนาน อาดีใจด้วยที่สอบติดด้วยความสามารถ คงไม่ได้จุดธูปแบบหลานบางคนหรอกนะ

อ่านเรื่องราวของพี่สาวลาดพร้าวแล้วน่ารักดีครับ ถ้าไม่ใช่เกย์ว่าจะขออนุญาตจีบเสียหน่อย ร้านหนังสือตรงข้ามซอยภาวนา ที่อยู่ข้างโรงรับจำนำ พี่เคยสังเกตไหม ตอนนี้ก็ยังอยู่ครับ

ที่ครูช่วยสอนนั้นพูดง่ายแต่ว่าทำยากครับ แต่ก็ค่อยๆพยายามเรียนรู้ บางครั้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันถูกผิดหรือ มันใช่หรือไม่ใช่กันแน่ กว่าจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็สามสิบกว่าเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเข้าใจได้ลึกซึ้งเพียงพอแล้ว ไม่ง่ายเลยครับ

อู

Anonymous said...

ปล่อยให้โดนรุมอยู่ตั้งนานเพิ่งจะโผล่มา แถมยังดูหนังสือแล้วไม่ช่วยออกเงินอีก เฮ้อ กรรม... กลับไปสวดมนต์ในห้องน้ำต่อดีกว่า พี่ชูเข้ามาเร็ว อย่าช้า เดี๋ยวใครเห็นเข้า

อู

Anonymous said...

ผมสอบเสร็จวันที่ 15 มีนาคมครับ
แล้วนัดกันที่แสมสารนะครับอย่าลืมล่ะ(ฮา)
เข้า Mail ไปดูนิดสิครับ ส่งไปหาพร้อมๆ
กันที่พิมพ์ในนี้

หลาน Arus ของอาอู

nai said...

คนเขารักหรอก เขาเลยรุมเอาละ ไม่ต้องช่วยก็ได้
ขอดูฟรีนิดหน่อยก็บ่นแล้ว ไปสวดมนต์คนด้วยซิ

Anonymous said...

ดีใจกับซีด้วยนะครับ ที่สอบติดแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นรั้วเหลืองแดงอ่ะเปล่า ถ้าใช่ก็ดีจะได้ร่วมสถาบันเดียวกัน
ป.ล.รักอาอูนะครับ คอยติดตามต่อว่าใครจะเสร็จอาอูเป็นรายต่อไป อิอิ
Federick

Choo said...

อ้าว อู นัย เข้ามาสวดมนต์

แล้วจะร้องซี๊ด ร้องซ๊าด ทำไม

ผมเสียสมาธิหมด ก็เข้าใจนะว่าไม่ได้เจอกันนาน

แต่ควรเกรงใจกันบ้าง สวดมนต์ไม่รู้เรื่องเลย

ชู

Choo said...

ลืมไป ดีใจกับหลานทะเลด้วยนะครับ

"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้นครับ"

ชู

Anonymous said...

อย่างไงเนี่ยพี่อู เล่าถึงขึ้นบนดาดฟ้าดีๆ แล้วทำไมตัดตอนไปแผงหนังสือได้ไง เลยไม่รู้เลยว่าบนดาดฟ้ามีอะไรๆๆๆ

^^sky^^

Anonymous said...

)^_^( ไปเที่ยวที่ไหนครับ ดีใจกับคุณทเลด้วยขอให้เจอแต่เพื่อนดี มีแอบแซวด้วยนะลุงจริงๆแล้วผมก็ขยันนะลุง แต่จุดธูปแล้วก็สอบเข้าได้ทุกทีนะเออจิงๆผมไม่กดดันอะไรถ้าไม่ติดก็อยู่ที่เก่า แต่เอาเข้าจริงมันก็ลุ้นอยากได้นะครับหุหุ

Anonymous said...

มาบอกรักอาอูเช่นเดิมครับ

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ

น้อส ส.ฎ.

Anonymous said...

เอ่อ คงมีการเข้าใจผิดอะไรรึป่วคับ พี่เฟด
ที่ผมสอบติดน่ะ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยหรอกครับ เพราะผมเพิ่งจะยุ ม.3 เอง ผมหมายถึงสอบติด ม.4 นะ = =

ปล.สอบติดเพราะขยัน ทำให้ฉลาดขึ้นมาประมาณ 2 เดือน แล้วกลับมาโง่เหมือนเดิม แบบที่อาชูกะอาอูเขียนไว้แหละครับว่า ความพยายามยุที่ไหนความสำเร็จยุที่นั่น >>>ไม่ได้จุดธูปนะครับ

Sea~~!!