Sunday, December 20, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 38

ขณะที่ผมกำลังเดินที่อยู่ที่ทางเดินหน้าห้องนั้นเอง ไอ้กี้เห็นผมก็หยุดรอ

“เป็นไง มึงหัดสนุ้กจะไปแข่งที่ไหนวะ” ไอ้กี้แซวพร้อมทั้งหัวเราะจนตาหยี “อย่างมึงคงต้องตั้งฉายาเป็นอู ศิษย์ถ่อย”

ไอ้กี้ล้อเลียนผมจากนั้นก็เดินหัวเราะจากไป ตอนนั้นต๋อง ศิษย์ฉ่อยกำลังดัง เพราะว่ายังวัยรุ่นอยู่ แต่สามารถไปแข่งขันจนคว้าแชมป์ระดับเอเชียมาได้ ผมฟังฉายาที่มันตั้งให้แล้วอยากจะกระโดดถีบมันเหลือเกินแต่ก็เกรงจะมีเรื่อง ตอนนี้ยิ่งกำลังเดือดร้อนอยู่ จึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มขึ้นอีก

ไอ้กี้เพิ่งเดินจากไปก็มีคนมาโอบไหล่ผมอีก

“ดีมากน้องอู มันต้องยังงี้สิ เลือดสุพรรณ” คนที่โอบนั้นพูดกับผม เป็นไอ้เกรียงนั่นเอง มันโอบเสร็จก็เดินจากไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ

กูไม่ได้เลือดสุพรรณกับมึงสักหน่อย ผมนึกในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

“เฮ้ย ไอ้อู เดี๋ยวก่อน” ไอ้เกรียงเพิ่งจะดินจากไป เวชก็เดินมาประกบและพูดกับผม ทำไมวันนี้จึงมีแต่คนเรียกผมนัก

“กูคุยด้วยหน่อย” เวชพูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับ จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องเรียนไป

ผมเดินตามเข้าไปในห้อง ตอนนั้นเพื่อนๆออกไปกันเกือบหมดแล้ว เวชไล่พวกที่ยังเหลืออยู่ในห้องออกไป จนเหลือแต่ผมกับเวชเพียงสองคน

“มึงทำยังงี้หมายความว่าไง” เวชถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“ทำยังไงวะ” ผมงง

“ก็เรื่องเมื่อเที่ยง” เวชชักเสียงดัง “ก็กูสั่งให้มึงอยู่เฉยๆ แล้วมึงไปหาอาจารย์ทำไม”

ผมยังตั้งตัวไม่ติดกับคำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ผมนิ่งเฉยเพราะว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องบอกสาเหตุความนัยแก่มัน

“ตกลงมึงกลัวไอ้เกรียงมากกว่ากูใช่มั้ย” เวชกระชากเสียงอีกหลังจากที่เห็นผมเงียบ

ผมเริ่มเข้าใจแล้ว เมื่อเที่ยงเวชบอกให้ผมเอาตัวรอด ส่วนไอ้เกรียงไม่ยอมและต้องการให้ทั้งหมดรับผิดด้วยกัน ผมอดเคืองไม่ได้ ผมทำเช่นนี้ก็เพราะมัน แต่มันกลับมองว่าผมกลัวไอ้เกรียง ผมอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ ผมคงคิดเอาเองว่าเวชมีบางส่วนที่คล้ายกับไอ้นัย เพราะว่าถ้ามันคล้ายกันจริง... แม้แต่เพียงบางส่วน มันก็คงไม่คิดกับผมแบบนี้

“กูทำแล้วสบายใจก็ทำ กูตัดสินใจของกูเอง” ผมพูดเสียงแข็งบ้าง

เวชยกเท้าถีบเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆจนล้มเสียงดัง

“กูไม่ชอบคนขัดคำสั่งนะไอ้อู” เวชขู่

ผมรีบถอยออกห่าง ไม่ได้คิดจะมีเรื่องกับไอ้เวชเลย เรื่องที่โต๊ะสนุ้กผมจะถูกลงโทษยังไงบ้างยังไม่รู้ วันนี้ถ้าก่อเรื่องอีกมีหวังต้องกลับต่างจังหวัดโดยเร็วแน่

“กูไม่อยากได้ชื่อว่าทิ้งเพื่อน ถ้ามึงมีโอกาสเอาตัวรอดได้ มึงจะทิ้งเพื่อนมึงหรือเปล่า มึงกลับไปอารมณ์เย็นลงแล้วลองคิดดูอีกทีก็แล้วกัน” ผมพูดทิ้งท้าย จากนั้นรีบเดินออกจากห้องไป เมื่อพ้นหน้าห้อง ผมก็รีบวิ่งลงจากตึกทันที โชคดีที่เวชไม่ได้ตามมาหาเรื่องหรือรั้งผมเอาไว้อีก ผมหวังว่าคำพูดประโยคท้ายของผมคงสะกิดให้มันคิดได้บ้าง

ภายในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ทัศนคติที่ผมมีต่อเวชเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย จากเดิมที่เคยมองว่ามันเป็นเพื่อนที่ขี้เหงา ขาดความอบอุ่น ตอนนี้ผมกลับมองว่ามันเป็นวัยรุ่นที่อารมณ์แปรปรวนและอันตราย

ผมอดคิดถึงคำพูดของอาจารย์วารีไม่ได้ อาจารย์เป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากและอ่านคนได้ชัดเจนกว่าผมมากนัก ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าเรื่องที่อาจารย์ตักเตือนผมนั้นน่าจะเป็นความจริง

คิดแล้วก็อดรู้สึกเซ็งไม่ได้ ทำไมชีวิตผมถึงได้วุ่นวายนัก มีเรื่องไม่ได้หยุดหย่อน ทำไมผมจึงเรียนอย่างราบรื่นเหมือนไอ้กี้หรือเพื่อนคนอื่นๆอีกหลายคนไม่ได้

เดินไปก็คิดไปเรื่อยเปื่อย จนมาหยุดอยู่หน้าสหกรณ์

เมื่อผมเดินเข้าไปในห้อง เห็นรุ่นน้องคนหนึ่งที่อยู่เวรมองหน้าผมแล้วอมยิ้ม ส่วนไอ้บอยกำลังจดอะไรง่วนอยู่

ผมทำเนียนเดินดูนั่นดูนี่ จนไอ้บอยเงยหน้าจากสมุดและเห็นผมเข้า

“เธอกับฉันเล่มใหม่โดนยืมไปแล้วพี่อู” ไอ้บอยแหกปากเสียงดัง

“ไอ้เปรตนี่” ผมดุมัน “พี่ไม่ได้มาหาเธอกับฉันโว้ย”

“อ้าว เหรอ” ไอ้บอยพูด แล้วหัวเราะ ไอ้รุ่นน้องอีกคนอมยิ้มแล้วอมยิ้มอีก จนผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ผมทำเนียนดูหนังสือต่อไปอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง

“ไปล่ะ ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารหน่อยดีกว่า” ผมเปรยกับไอ้บอย

“ว้า” บอยร้อง “ทำไมไม่กินวันที่บอยไม่มีเวรล่ะ จะได้ตามไปกินฟรี”

“พี่รอก็ได้ รีบๆมาล่ะ” ผมพูดกับมันเบาๆ พอได้ยินกันสองคน ไอ้บอยพอได้ยินก็ยิ้มแฉ่ง

- - -

“วันนี้พี่อูเป็นอะไรอะ ดูเครียดๆ” บอยพูดกับผมเมื่อเราพบกันที่โรงอาหาร ผมมารออยู่นานแล้ว เมื่อไม่มีอะไรทำจึงเอาการบ้านมาทำฆ่าเวลา

“ทำไมนายรู้วะ” ผมสงสัย

“ดูหน้าก็รู้ พี่อูดูง่ายจะตาย ดีใจ เสียใจ ปวดขี้ ดูหน้าก็รู้หมด” บอยพูด คำพูดของมันช่างเหมือนกันที่ใครคนหนึ่งเคยพูดกับผม

“หน้าพี่ดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถาม

บอยพยักหน้า “เป็นไรฮะ ธุรกิจร้อยล้านมีปัญหาเหรอ” ไอ้บอยเหน็บแนมผมอีก

“เปล่า ทะเลาะกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะ” ผมพูดอย่างคลุมเครือ ไม่อยากเล่ามาก ผมไม่อยากให้บอยรู้เรื่องที่ผมเข้ากลุ่มเวช ผมอยากให้บอยรู้จักผมในฐานะรุ่นพี่ที่นิสัยดี เรียบร้อย มากกว่า

หลังจากที่บอยซื้อของกินมาแล้ว ผมก็วกเข้าเรื่องสำคัญ

“บอย วันที่ ๔ นี้ตอนค่ำว่างไหม” ผมถาม

“แหม บอยไม่ใช่นักธุรกิจ เลิกเรียนก็ไม่มีอะไรแล้ว” บอยหัวเราะเสียงใส ดูมันชอบเหน็บผมเสียจริง “พี่อูจะชวนไปงานวัดที่ไหนเหรอ”

“นายเที่ยวเป็นแต่งานวัดหรือไง” ผมอดหัวเราะไม่ได้ ผมรู้ดีว่าเมื่อวันก่อนที่บอยไปงานภูเขาทอง มันติดใจมาก “ไปที่อื่นมั่งสิ”

“ไปไหนล่ะ” บอยถาม

“พี่จะชวนไปดูพลุวันเฉลิมฯที่สนามม้านางเลิ้ง” ผมตอบ

ปกติทุกปีเมื่อใกล้ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งภาครัฐและเอกชนก็จะถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลอง ส่วนหนึ่งของวาระเฉลิมฉลองนี้ทางกองทัพมักนำเอาพลุมาจุดแสดง แต่ในบางปีที่ถือว่าเป็นวาระพิเศษ จะมีพลุจากญี่ปุ่นมาแสดง พลุนี้ทางบริษัทไซโก้ซึ่งเป็นบริษัทขายนาฬิกายี่ห้อไซโก้นั่นเอง คัดเลือกจากชุดการแสดงพลุที่ชนะการประกวดจากญี่ปุ่นและนำมาจัดแสดงในประเทศไทยในโอกาสพิเศษ หลายๆปีจะมีสักที นับเป็นโอกาสที่หาดูได้ยาก และพอดีมาตรงกับในปีนี้

“พี่อยากดูว่ะ ไปดูด้วยกันมั้ย” ผมชวน

“แล้วมีขายอาหาร ขายขนมไหม” บอยถาม

ผมตบหัวมันเบาๆแทนคำตอบ “มันจะห่วงกินไปถึงไหนกันวะ งานพลุโว้ย ไม่ใช่งานวัด”

“อะอะ ไปก็ไป ไม่ได้ห่วงกินซักหน่อย แต่ว่าอยากกิน” บอยอธิบาย พร้อมกับหัวเราะ คุยกับไอ้บอยแล้วอารมณ์ดีขึ้นมาก มันทั้งกวน ทั้งน่ารัก

- - -

หลังจากที่ผมถูกอาจารย์วารีเรียกไปพบ และถูกเวชแสดงความไม่พอใจใส่ มันทำให้ผมคิดมาก คิดไปต่างๆนานา คิดว่าถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องเข้าจะเป็นอย่างไร คิดเสียดายความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อเวช แม้การได้พบและคุยกับบอยจะทำให้ผมสบายใจขึ้น แต่มันก็เหมือนกับการปวดหัวแล้วกินยาแก้ปวด มันช่วยได้แค่ปลายเหตุเท่านั้น เมื่อกลับไปที่หอแล้วผมก็กลับมากลุ้มใจอีก

วันรุ่งขึ้น เวชและพวก รวมทั้งผม ถูกอาจารย์วารีเรียกไปพบอีกครั้งหนึ่ง

“พวกเธอคิดว่าความผิดในครั้งนี้พวกเธอจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง” อาจารย์วารีถามพวกเรา “เวช ลองบอกครูหน่อย เธอคิดว่าโทษของเธอจะขนาดไหน”

เวชก้มหน้านิ่งสักครู่ แล้วก็เงยหน้าขึ้นตอบ “คงไม่ได้แค่เชิญผู้ปกครองมาหรอกครับ เพราะของผมเชิญมาหลายครั้งแล้ว”

อาจารย์วารีพยักหน้า “แล้วเกรียงล่ะ ว่ายังไง”

อาจารย์ให้พวกเราตอบทุกคน แต่ละคนก็ตอบกันไปต่างๆนานา ถูกทำทัณฑ์บนบ้าง ถูกเชิญผู้ปกครองมาบ้าง ฯลฯ ส่วนผมนั้นคิดว่าคงเชิญผู้ปกครองมาพบ

“พวกเธอไม่ได้ทำความผิดเป็นครั้งแรกนะ ยกเว้นอู” อาจารย์พูดกับเวชและคนอื่นๆ จากนั้นก็หันมาทางผม และพูดต่อ “แต่ก็ยังดีอยู่บ้างที่พวกเธอไม่ได้หนีโรงเรียนไปเล่น แค่ไปเล่นตอนหลังเลิกเรียน”

“ส่วนเรื่องกินเหล้าสูบบุหรี่” อาจารย์วารีหยุดนิดหนึ่ง “ที่จริงตอนพวกเธอเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องพวกนี้ก็คงมีและถือเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เธอยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ครูว่ามันยังเร็วเกินไปที่เธอจะไปลองเรื่องพวกนี้”

“ตามหลักแล้วครูควรเชิญผู้ปกครองของพวกเธอมาพบและรายงานพฤติกรรมของนักเรียนให้ผู้ปกครองทราบ การเชิญผู้ปกครองมาไม่ใช่เป็นการฟ้องผู้ปกครอง แต่ว่าเราควรมารับทราบปัญหาร่วมกันเพื่อทางโรงเรียนกับทางบ้านจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียน” อาจารย์วารีอธิบาย “แต่นั่นมันก็หลักการละนะ อย่างเวชครูคิดว่าถ้าเชิญผู้ปกครองมารับทราบปัญหาบ่อยๆก็อาจไม่เป็นผลดีกับตัวของเวชเองเท่าไร”

เวชกับพวกรวมทั้งผมก้มหน้านิ่ง ผมรู้สึกใจระทึกเพราะฟังไปฟังมาก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์จะลงโทษอย่างไร

“ครั้งนี้ครูจะทำเพียงแค่ตักเตือนพวกเธอ อยากให้พวกเธอเพลาๆเรื่องพวกนี้ลง เพราะยังไม่เหมาะกับวัย เอาไว้โตอีกหน่อยครูก็คงไม่ห้ามแล้วล่ะ” อาจารย์วารีสรุป

ผมรู้สึกทั้งดีใจ โล่งใจ และแปลกใจระคนกัน มันเหมือนกับรอดจากสถานการณ์อันคับขันมาได้อย่างหวุดหวิด ผมคิดว่าทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกับผม

“ไม่ลงโทษอะไรเลยเหรอครับ” เวชถามย้ำ

“ไม่มีจ้ะ ครูไม่ลงโทษพวกเธอ” อาจารย์วารียืนยัน “แต่ครูอยากขออะไรจากพวกเธอสักอย่าง”

อาจารย์หยุดไปนิดหนึ่ง จากนั้นพูดต่อ

“ครูดูผลการเรียนเทอมที่แล้วของพวกเธอแล้ว แต่ละคนเกรดไม่ค่อยดีกันเลย ที่ครูอยากจะขอจากพวกเธอก็คือทำเกรดในเทอมนี้ให้ได้เกิน ๒.๕ พวกเธอจะทำอะไรเพื่อครูสักเรื่องได้ไหม”

เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงมาก่อนว่าอาจารย์วารีจะใช้วิธีการเช่นนี้ คิดว่าเวชคงคาดไม่ถึงเช่นกัน สิ่งที่อาจารย์ทำเป็นความปรารถนาดีต่อลูกศิษย์อย่างแท้จริง

“ว่ายังไง ทำให้ครูได้ไหม” อาจารย์วารีถามย้ำ

“ผมจะพยายามครับอาจารย์” ผมรับปาก ไม่กล้าบอกว่าจะทำได้เหมือนกัน เพราะว่าผมไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไร “ผมจะพยายามเต็มที่ ผมสัญญาครับ”

จากนั้นเวชและพวกก็รับปากอาจารย์เช่นกัน ผมรู้สึกโล่งอก ตลอดเวลาที่ผมเรียนกับอาจารย์ ไม่เคยเห็นว่าอาจารย์นิยมทำโทษลูกศิษย์เลย ยิ่งวิธีรุนแรงยิ่งไม่เคยใช้ นักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่าที่จบออกไป มีไม่น้อยที่เรียกอาจารย์ว่า ‘แม่’

- - -

วันที่ ๔ ธันวาคม

เมื่อหมดเรื่องร้าย ไม่มีอะไรต้องกังวล ผมจึงพร้อมที่จะไปดูพลุญี่ปุ่นด้วยความสบายใจ

วันนี้เป็นวันที่ผมเฝ้ารอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากดูพลุ เพราะได้ยินกิตติศัพท์ถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่กว่าการแสดงพลุทั่วไป อีกส่วนหนึ่งก็คือผมจะได้ไปเที่ยวกับไอ้บอยอีก

ช่วงหลังดูบอยเองก็ให้ความสนิทสนมกับผมมาก เราแหย่และปล่อยมุขกันสนุก จนในที่สุดผมอดคิดไม่ได้ว่าบอยเป็นแบบเดียวกับที่ผมเป็นอยู่หรือไม่

เดิมทีผมไม่เคยสงสัยเรื่องนี้เลย เพราะไม่ได้สนใจ ผมมองแค่ว่ามันเป็นรุ่นน้องที่น่ารัก อารมณ์ดี ผมคุยด้วยแล้วสบายใจ ก็เท่านั้นเอง แต่แล้วทำไมช่วงหลังผมจึงสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมาก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน

นักเรียนที่เป็นเกย์ในตอนนั้นผมว่าดูกันยากอยู่เหมือนกัน เพราะสังคมในยุคนั้นยังไม่ยอมรับ ดังนั้นแต่ละคนก็ต้องวางตัวให้เป็นปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่างจากในปัจจุบันที่สังคมในเมืองใหญ่เปิดกว้างมาก หลายๆคนไม่ปิดบังเพื่อนๆเลยว่าตนเองเป็นเกย์

ผมนัดกับบอยที่โรงอาหารตอนห้าโมงเย็น วันนั้นโรงอาหารเงียบเชียบ ร้านค้าปิดกันหมดแล้ว คงเป็นเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด

“ไปโว้ย รีบไปกัน” ผมรีบพูดกับบอยเมื่อเราพบหน้ากัน

“จะรีบไปไหนกันพี่อู พลุแสดงสองทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งห้าโมงเอง” บอยบ่นที่โดนผมเร่ง

“ก็พี่อ่านหนังสือพิมพ์ เค้าบอกให้ไปจับจองทำเลแต่เนิ่นๆ ถ้าไปช้าเดี๋ยวได้ที่ไม่ดี” ผมอธิบาย “รีบไปเดี๋ยวจะได้แวะหาที่อะไรอร่อยๆกินกันก่อนด้วยไง”

พอพูดถึงเรื่องกินของอร่อย ไอ้บอยก็หยุดบ่นทันที

“ดีๆ งั้นรีบไปกัน”

ผมพาบอยขึ้นรถเมล์ไปลงที่เสาชิงช้าก่อน จำได้จากตอนที่มาติวฟรีว่าแถวนี้มีของกินให้เลือกมากมาย แล้วก็ไม่ผิดหวัง ตรงถนนดินสอ หน้าศาลาว่าการ กทม มีร้านขายอาหารหลายร้าน ลูกค้าคึกคัก มีร้านที่ขายขนมปังสังขยาด้วย ท่าทางน่าอร่อย

เมื่อได้กินของอร่อยอีกทั้งยังเป็นของฟรี ไอ้น้องบอยก็อารมณ์ดี ผมจะลากไปไหนก็ไม่ขัดแล้วเพราะความอิ่ม ผมจึงพานั่งรถสาย ๙๖ ที่ผ่านแถวนั้นเพื่อไปยังสนามม้านางเลิ้ง

รถเมล์ไปได้เรื่อยๆจนเลยผ่านฟ้าไปได้ช่วงหนึ่ง ถึงประมาณตลาดนางเลิ้ง รถก็ติดหนึบ รออยู่นานก็ยังไม่ขยับ แลเห็นคนลงจากรถโดยสารและเดินมุ่งหน้าไปทางสนามม้าเป็นกลุ่มใหญ่ ผมกับบอยจึงลงเดินบ้าง

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. เลยนิดหน่อย เราใช้เวลาเดินสักพัก ผ่านตลาดนางเลิ้ง เมื่อมาจนถึงแยกนางเลิ้งก็เห็นฝูงชนแน่นขนัดกำลังทยอยเบียดเสียดเข้าประตูสนามม้า

“โห แล้วมันจะดูไหวเหรอเนี่ย คนเยอะขนาดนี้ ดูข้างนอกเถอะพี่อู ยืนตรงนี้ก็ยังเห็นชัด” บอยพูด ดูจะท้อกับผู้คนอันล้นหลาม

“เข้าไปหน่อยน่าบอย พี่อยากดูใกล้ๆ” ผมพูด

บอยงอแงนิดหน่อย แต่แล้วก็ไม่ขัด พยายามเดินเบียดผู้คนเข้าไปกับผม จนเมื่อผ่านเข้าประตูสนามม้าไปจึงเห็นสภาพภายใน เห็นคนเต็มรอบๆสนาม ตรงจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นมุมมองที่ดีก็จะมีขาตั้งกล้องวางเรียงรายอยู่ เห็นคนมาจับจองที่เพื่อถ่ายภาพกันเยอะมาก

ผมกับบอยไหลไปเรื่อยๆ คราวนี้ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว เพราะว่าฝืนกระแสคนที่พาให้ไหลไปไม่ได้ ผมจับมือบอยเอาไว้เพื่อจะได้ไม่พลัดกัน

ผมจงใจจับมือบอยโดยกุมมือบอยเสียแน่น ไม่ได้จับเพียงหลวมๆ อีกทั้งยังกุมอยู่เป็นเวลานาน เพราะอยากจะรู้ว่าบอยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ปรากฏว่าบอยก็กุมมือผมไว้แน่นเช่นกัน ไม่ได้ทีท่าทีต้องการสะบัดออกแต่อย่างใด

ผมรู้สึกว่าความอบอุ่นจากมือของบอยแผ่ซ่านเข้ามาในใจของผม ผมรู้สึกอยากกุมมือบอยไว้ในสภาพเช่นนี้ไปนานๆ


<การแสดงพลุไซโก้ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลุไซโก้นี้ไม่ได้จัดทุกปี จะจัดเฉพาะในวาระพิเศษเท่านั้น และการแสดงพลุแต่ละชุดก็พิเศษด้วยเช่นกัน เพราะว่าเป็นการรวบรวมชุดการแสดงพลุระดับรางวัลมาแสดง ล่าสุดจัดแสดงในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ นับเป็นครั้งที่ ๖>


<พลุที่ระเบิดออกมาแล้วเป็นรูปแมวโดราเอมอนกลางอากาศ จะเห็นว่าพลุไซโก้นั้นไม่ธรรมดา>

28 comments:

Anonymous said...

ที่หนึ่ง ๆๆๆๆ
ที่หนึ่ง ๆๆๆๆ
ที่หนึ่ง ๆๆๆๆ
ที่หนึ่ง ๆๆๆๆ
Rose

Anonymous said...

นึกว่าจะปล่อยเราเรอเก้อ ซะละ
Rose

Anonymous said...

โหยพี่อู แอบจับมือบอยด้วย

IC

Anonymous said...

ได้ 4 ก็ยังดี

แบงค์ครับ

Anonymous said...

ติด top 10 อีกแว้วว

หลังจากที่เ้ฝ้าดูอยู่ทั้งวัน

วันนี้รู้สึกอบอุ่นมากครับ
ผมเองเพิ่งเสียเพื่อนไปคนนึงด้วยโรคหัวใจเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา เลยตอนนี้รู้ืสึกเหงาๆอ่ะครับ

ไงก็ขอให้ตอนหน้ายังคงมีความอบอุ่นอยู่อย่างนี้ต่อไปนะครับอาอู

อาร์ม

naja said...

เนียนโคตร!

แอบจับมือน้องบอย


นับถือๆๆ

Anonymous said...

มารักอาอูกันเถอะ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

รุ่นพี่โรงเรียนผมก็พึ่งเสียไปเช่นกันครับ
กำลังถ่าย MV ดีดกีต้าร์แล้วก็หมดสติไป
คิดถึงพี่เขาจัง อายุพึ่ง 23-24 เอง
เคยกระโดดเล่นกับผมสมัยเขายังเด็กด้วย

ถ้าอาเวชเขาเข้าใจอาอู อาอูคงได้เพื่อนดีๆ
คนนึงของชีวิต ถ้าเขาไม่เข้าใจก็เกรงจัง
ส่วนอาเกรียงจะมาปั่นป่วนชีวิตแน่เลยจากท่าที

ผมคิดว่าที่อาจารย์วารีไม่ลงโทณน่าจะเป็น
เพราะอาอูส่วนหนึ่งเสียมาก

หลาน Arus ของอาอู

Choo said...

เข้ามาปลื้ม ประทับใจ ศรัทธา เลื่อมใสคุณครูวารีก่อนครับ ขอกราบคารวะคุณครูผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม

อูอาจทำน้องบอยเสียเด็กก็งานนี้แหละ เล่นจับมือไม่ปล่อยเลย นานวันจะจับอะไรต่อเนี้ย...ไม่อยากคิดเลย

คิดว่าเวชจะได้คิดบ้างแหละครับ ดูเวชก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เด็กวัยรุ่นก็เลือดร้อน อยากเอาชนะหรือให้พ่อแม่ยอมรับ สนใจ

มาให้กำลังใจนายอูเช่นเดิม

ชู

Anonymous said...

ลุ้นว่าน้องบอยจะมีใจให้หรือเปล่า
อิจฉาเด็กสมัยนี้ที่สังคมเริ่มยอมรับบ้าง
ถึงจะไม่ทั้งหมดแต่ก็ดีกว่าแต่ก่อน

thom

Anonymous said...

ได้ที่ 11 เลขสวยตามหลักคนจีน ผมอ่านตอนนี้แล้วก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้จริงๆครับ เพราะว่าผมเจอคนที่ผมชอบแล้วๆเมื่อไม่กีชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง โอ้ยตอนนี้จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยครับ
Oliver

Anonymous said...

อาอูค้าบบบบบบบบบบบบ

จะลีลาไปถึงไหน

รักก็บอกไม่รักก็บอก

วัยรุ่นเซ็งงงงงง

tangkwa said...

แฮ่ม มาไม่ทัน

13 ก็ยังดี

หวัดดีค่ะพี่อู

แตงค่ะ

พี said...

ใกล้จะปีใหม่แล้ว ความสุขของอูกำลังมาเยือน...

น่าอิจฉานะ ...

ตอนหน้าคงไม่เครียดนะ จะได้ ต่อเนื่อง

ตอนนี้ผมก็กำลังเครียดกับงานนิดหน่อย วันเสาร์นี้ก็เสร็จแล้ว..เตรียมหยุดปีใหม่ ...เฮ...

แต่วันนี้และคงอีกหลายวันล่ะ ที่กำลังวุ่นวาย เซอร์เวย์หาของขวัญให้ใครบางคน ที่จะมีวันคล้ายวันเกิดวันที่ 2 เดือนหน้า แม้ว่าจะรู้ว่า ทำหรือให้ไปแล้ว คงไม่มีผลอะไร เพราะเขาก็คบกับแฟน(หญิง)เขาอยู่ แต่อยากให้นะ...

คนที่มีความรัก น่าจะเข้าใจนะ..

+ p +

Anonymous said...

รายงานดัวด้วยคนค๊าบ

ว่าแต่น้องบอยจะเป็นรักครั้งใหม่หรือเปล่าค๊าบเนี่ย
^^sky^^

All about Rose said...

เห็นด้วยสมัยครูที่ป็นด้วยชีวิตจิตใจ มีน้อย
โชคดีที่เราเกิดก่อน คุณครูมีจิตวิญาณอย่างเต็มเปี่ยม
สมัยนี้ สอนพิเศษลูกเดียว
ทำไงได้เงินเดือนครูมันคงน้อยเกินไปจริง เพื่อความอยู่รอด
บ่น ซะยืดยาว สงสัยต้องเจอกันปีหน้านะคะ คุณ อู

Rose

Anonymous said...

วันนี้คุณกุหลาบชิงที่หนึ่งได้เสียด้วย รับปากไว้แล้วก็ต้องพยายามรักษาคำพูดครับ

ยังไม่ต้องเจอตอนปีใหม่หรอกครับ เจอกันก่อนสิ้นปีก็ได้ มาตัดเค้ก ฉลองคริสต์มาส เคานต์ดาวน์ อะไรต่ออะไรกันก่อน

เสียใจกับหลานรุสด้วยที่เสียรุ่นพี่ไป และเสียใจกับอาร์มด้วย เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียครับ เพราะอาก็ผ่านความสูญเสียมามากมายหลายเรื่องเช่นกัน ขอเป็นเพื่อนเหงากับอาร์มด้วยคน เหงาหลายคนจะได้ไม่อ้างว้างเกินไป

สำหรับในเรื่อง อีกไม่นาน อาจะได้พบกับคนผู้หนึ่งซึ่งอาไม่ได้พบมานาน และคนคนนั้นได้ช่วยให้อาเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น พูดแบบนี้หนิงก็จะมาเบื่ออาได้อีก คอยอ่านต่อไปดีกว่าครับ ลองทายดูว่าคนคนนั้นเป็นใคร

ไอ้บอยกินเก่งชมัด เด็กกำลังโต เกือบล่มจมเพราะมันหลายหนแล้ว แต่ก็เต็มใจเลี้ยงมัน เพราะถ้าไม่ดูแลมัน มันจะชอบบ่นว่าพี่อูไม่รู้จักหน้าที่อีกแล้ว

พลุปีนั้นสวยงามมากครับ โดยเฉพาะสวยงามเป็นพิเศษเมื่อดูกับคนที่มีความหมายต่อเรา แต่มันสวยแบบเศร้าๆ เพราะใครบางคนก็ไม่ได้มาอยู่ดูกับเรา

เรื่องบอยต้องค่อยๆดู ใจร้อนไม่ได้ครับ ไม่รู้ว่ามันเป็นไหม ทำพลาดก็เสียน้องชายไปเลย วัยรุ่นอย่าเพิ่งเซ็ง

ครูวารีนั้นเป็นครูที่มีทัศนคติที่ดีต่อนักเรียนทุกคน แม้ครูในสมัยนั้นที่มีครูที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอยู่มากก็ตาม แต่ใช่ว่าครูทุกคนที่นักเรียนจะยอมรับถึงขนาดเรียกว่าแม่ครับ

เป็นกำลังใจให้พี ให้แล้วสบายใจก็ใช้ได้ และอย่าลืมเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาในชีวิตด้วยครับ

ดีใจหมู่นี่ที่เห็นแบงค์กับฟ้าบ่อยๆ ขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนต์ อย่าหนีไปไหนอีกนะครับ

พี่ 42 มาๆหายๆ ทะเลก็หาย หลานที่หนึ่งก็ยังไม่มา รายหลังไม่เคยช้าขนาดนี้เลย ชักห่วงแล้วสิ

อู

Anonymous said...

ติดตามงานเขียนคุณอูมาพักนึงแล้วหล่ะ มันมีทุกรสชาติเลย ทั้งสนุก เศร้า ทะลึ่ง โรแมนติก และก้อทำให้เราเข้าใจเกย์มากขึ้นด้วย ว่าคืออะไร แต่ก่อนความรู้สึกเกี่ยวกับความรักของเกย์ เหมือนกับเป็นรักหลังม่านไม้ไผ่ ลี้ลับ ซ่อนเร้น ทั้งวันคิดแต่เรื่องอย่างว่า แต่หลังจากอ่านเรื่องราวคุณอูแล้ว ทำให้รู้สัจธรรมชีวิตมากขึ้น ว่าไม่มีใครมีชีวิตเหมือนกันทุกอย่าง การที่เหมารวมเรียกพวกที่เราไม่รู้จักว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการดูถูกความเป็นมนุษย์ของปัจเจกบุคคลมากเลย ต้องขออภัยในความเข้าใจผิดสมัยก่อนด้วยค่ะ ยังแอบเปรียบเทียบกับตัวเองเลย (คาดว่าเราคงรุ่นราวคราวเดียวกัน) ว่าสมัยเรียนช่างจืดชืด เป็นเด็กเรียนจริงๆ ไม่รู้เดียงสาเล้ย ไม่รู้เรื่องราวชาวบ้านว่าเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง
จะติดตามงานคุณอูต่อไปนะคะ
เด็กแว่น (ไม่ใช่แว๊น)

nai said...

สงสัยพี่อู จะทำเกินหน้าที่ซะแล้ว บอยแค่บอกว่า พี่อูไม่รู้จักหน้าที่บ่อยๆ พี่อูก็เลยทำเกินหน้าที่ซะแล้ว
จับมือกันแน่นขนาดนั้น ดีนะที่คนมากไม่งั้นถูกสงสัยแน่แน่
แล้วพี่อูจะชวนน้องบอยเรียน กศน.หรือเปล่านี่

รอคนที่รักจริง รอคนไม่ทิ้งกัน
รอคนในฝันฉันยังไม่เจอ
เมื่อคืนมีคนหนึ่ง ในคืนนี้มีอีกคนหนึ่ง
ที่เขา เข้ามาก็เหมือนเคย ก็เลยต้องเหงาต่อไป
บางส่วนของเพลง หรอกฟัน ไม่ไช่สิ หรอกฝัน ของเคลิ้ม


ปล .กศน.แปลว่า การศึกษานอกลู่นอกทาง

วboyย

Anonymous said...

โอ้! อาชัชของผมจะกลับมาเข้าโรงอีกรอบแล้ว

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

ชัชจะรีเทิร์นเหรอ

ขอทายว่าตี๋ดีกว่า

Anonymous said...

อิอิ

ผมอ่านครบทุตอนแล้วครับ

แต่ก้อมะค่อยได้คอมเม้น

ถ้าให้เลือกอ่านแฮรี่พอตเตอร์ กับรักวัยใสหัวใจใหนาย

เจเคก้อแพ้ครับ เม้นเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ

ชอบมากมาย

น้อย ส.ฎ

boy_aof_za said...

เสร็จแน่ น้องบอย อิอิ อย่าปล่อยไปนะครับคุณอู อิอิ ลุ้นๆๆ
เป็นคนที่เท่าไหร่ไม่สนและ ขอเป็นคนที่ไม้เม้นก็พอและ อิอิ

boy_aof_za said...

อ๋อลืมบอกไป มารายงานตัว ผมก็ชื่อบอยนะครับ อิอิ

Anonymous said...

ขอบคุณคุณเด็กแว่นที่เข้ามาทักทายครับ แต่ละคนก็มีลีลาชีวิตที่แตกต่างกัน ชีวิตเรื่อยๆก็น่าอิจฉานะครับ คนที่ชีวิตวุ่นวายก็อยากได้ชีวิตที่สงบราบรื่นบ้าง แล้วเข้ามาุคุยกันบ่อยๆ ในนี้มีหลายรุ่นครับ รุ่นใกล้ๆผมก็มี รุ่นน้อง รุ่นหลาน ก็มี แต่ยังสงสัยอยู่ว่ารุ่น 50+ จะมีหรือเปล่า

เลยทำให้รู้ว่าบล็อกนี้มีผู้หญิงติดตามอ่านด้วย

น้อยกับบอย หวังว่าคงเข้ามาทักทายกันอีก ชิงที่หนึ่งน่ะเล่นกันขำๆครับ ไม่ได้จริงจังอะไร

ทำไมชื่อบอยหลายคนจัง วboyย แล้วยังมี บอย เฉยๆอีก ไม่เห็นมีใครชื่ออูบ้างเลย

อู

Anonymous said...

ตอนต่อไปจะเป็นของขวัญปีใหม่หรือเปล่าครับ อาอู

อาร์ม

Anonymous said...

ยังไม่หายไปไหนหรอกครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปเชียงรายมาอากาศกำลังดี ช่วงนี้เลยไม่มีเวลามาคุย แต่ก็ยังติดตามอยู่และให้กำลังใจตลอด ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้ เพื่อนๆ และน้องๆ มีความสุขและขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาโดยเฉพาะคนที่เรารัก
อ่านเรื่องของอูแล้วความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยผ่านมามันทำให้นึกถึงในอดีตยิ่งตอนนี้เป็นหน้าหนาวยิ่งมีความรู้สึกนั้นชัดเจนมากขึ้น
แล้วจดหมายของนัยที่รอคอยจะมีการตอบมาไหม นึกถึงนัยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
mery christmas ด้วยนะครับทุกคน
ments42

Anonymous said...

)^_^(ที่28 ขอบคุณค้าบบลุงเม้นถึงด้วย เอแต่ผมไม่ได้ที่1นีน่าหุหุ ยังไงก็เหมาว่าใช่แล้วกันดีใจที่ห่วงค้าบบเป็นปลื้ม merry x mas นะครับลุง xนี่ย่อมาจากchristหรือครับ ได้ยินแต่เพลงคริสตมาสที่ห้างผมขอให้บ้างเอาเพลงนีละกันhttp://www.youtube.com/watch?v=DXr7sx9aHgg เห็นมันเพราะดี โอ้ยปลิ้นเลยได้อ่านตั้ง2ตอน เอ้าเหมือนกันเลยครับสอบฟิสิกส์วันสุดท้ายเห้ออ... สงสัยลุงอูจะมีเรื่องกับเกรียงหรือว่าเวชหว่า อ้าวๆๆๆๆนี่เม้นของตอน39นี่ลืมไปผมย้อนกลับมาอ่านเม้นของตอนนี้เอิ้กๆเดี๋ยวลุงไม่เห็นละมั้งเนี่ยพิมพตั้งเยอะแล้ว