Wednesday, December 2, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 34

ผมแยกย้ายจากเวชและพวกในตอนหัวค่ำ กี่โมงก็จำไม่ได้แล้วเพราะว่ายังรู้สึกเวียนหัวและมีอาการคลื่นไส้อยู่

ผมสะพายเป้เดินทอดน่องไปเรื่อยๆจากปากคลองตลาดมุ่งไปยังใต้สะพานพุทธเพื่อไปขึ้นรถเมล์ อากาศฉ่ำฝนของยามค่ำต้นเดือนพฤศจิกายนทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง

ผมจำได้เลือนรางว่าหลังจากอ้วกออกมาแล้วผมก็นอนซมอยู่ที่โซฟานั่นเอง ใครเป็นคนเก็บอ้วกของผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจจะยังคงกองอยู่บนพื้นห้องก็ได้เพราะผมไม่ได้สังเกต

ผมนอนอยู่จนเวชและพวกเล่นสนุ้กเสร็จและกลับผมจึงกลับด้วย การนอนพักไม่ได้ช่วยให้ผมดีขึ้นมากนักเพราะว่าอากาศในห้องสนุ้กอบอวลไปด้วยควันบุหรี่ การนอนดมควันบุหรี่ก็ดีกว่าการสูบบุหรี่เองเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ใจจริงอยากจะออกมาจากห้องสนุ้กนั้นนานแล้ว แต่ครั้นจะขอตัวกลับก่อนก็จะเสียหน้า เพราะเหมือนกับว่าผมแสดงความอ่อนแอออกมา จึงจำเป็นต้องทนอยู่

การอยู่หอพักทำให้ผมไม่ต้องรีบร้อนอะไร อยากกลับเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นผมจึงนั่งเล่นอยู่ที่ท่าน้ำใต้สะพานพุทธอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะขึ้นรถเพื่อให้คลายจากอาการเวียนหัว

รถเมล์สาย ๘ แล่นไปเรื่อยๆ ถนนในยามค่ำคืนแปลกตาออกไปอีกแบบ จนเมื่อมาถึงแถวๆวรจักรรถก็เริ่มติด

ตั้งแต่แยกวรจักร การจราจรคับคั่ง รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ ผมชะโงกหน้าออกไปดู เห็นรถติดยาวเหยียด จนรถข้ามแยกประปาแม้นศรีมาผมจึงได้เห็นว่าสาเหตุที่รถติดนั้นอยู่ที่วัดสระเกศนี่เอง... ใช่แล้ว... งานภูเขาทอง

ในช่วงลอยกระทง วัดสระเกศจะจัดงานภูเขาทองทุกปี งานภูเขาทองนี้กินเวลาหลายวัน มักจัดให้คร่อมวันลอยกระทง และปีนี้ก็เช่นกัน

ที่จริงผมนั่งรถผ่านวัดสระเกศทุกวัน ตั้งแต่ ม.๑ จน ม.๓ ผมผ่านงานภูเขาทองทุกปี แต่เป็นการผ่านบริเวณงานในช่วงเย็น เพราะก่อนหน้านี้ผมกลับบ้านค่ำไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาในช่วงเย็นงานยังไม่มีสีสันเท่าไร แต่พอมาในปีนี้ผมมีโอกาสผ่านงานในเวลากลางคืน จึงได้พบว่างานนี้คึกคักมาก

- - -

สี่ทุ่ม

วันนี้ผมกลับถึงหอพักดึกหน่อย เพราะมัวแต่เสียเวลานั่งเล่นที่ใต้สะพานพุทธกับเสียเวลาตอนที่รถติด ผมพบแป๋งใส่ชุดนอนนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะของพี่พร ผมพยักหน้าทักทายแป๋ง

“เฮ้ อู เมื่อหัวค่ำแม่นายโทรมาแน่ะ” แป๋งทักทายพร้อมกับรายงาน

“เหรอ ฝากบอกอะไรไว้หรือเปล่า” ผมถาม

“ไม่ได้ฝากบอกอะไร เราบอกว่านายกลับค่ำหน่อยเพราะมัวดูดบุหรี่หลังโรงเรียน” แป๋งพูดหน้าตาเฉย

“เฮ้ย” ผมร้อง “ทำไมพูดงี้วะ ฉิบหายดิ”

“โห หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลย อ้อ นายก็เป็นไก่อยู่แล้วนี่หว่า” แป๋งหัวเราะอารมณ์ดี “ล้อเล่นน่า ใครจะกล้าบอกล่ะ”

“โว้ย ตกใจหมด” ผมบ่น

แป๋งยื่นหน้ามาใกล้ใบหน้าของผม ทำจมูกฟุดฟิด

“ไหนบอกไม่ได้สูบบุหรี่ แค่ดูเพื่อนสูบไง” แป๋งถามด้วยเสียงคาดคั้น “นายพูดทีกลิ่นบุหรี่ก็โชยออกมา”

ผมหวนนึกไปถึงไอ้คุณจิยอดนักสืบ ไอ้แป๋งนี่พอจะเป็นนักสืบได้อยู่เหมือนกัน ท่าทางมันตั้งใจจะขุดคุ้ยผมให้ได้ แต่ด้วยท่าทีที่ขี้เล่นและเป็นมิตร ประกอบกับรู้จักกันมาสักพักหนึ่งแล้ว แถมยังเคยมีอะไรกันมานิดหน่อย จึงทำให้ผมรู้ว่าแป๋งไม่ได้คิดร้ายอะไร

“เอ้อ เพิ่งหัดน่ะ” ผมยอมรับ “เมาฉิบหายเลย”

แป๋งหัวเราะ “อีกหน่อยก็ชินไปเอง เด็กหัดใหม่ก็งี้แหละ”

ว่าแล้วแป๋งก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ พรุ่งนี้นายไปเที่ยวงานลอยกระทงด้วยกันไหม พวกพี่ธิตจะไปสวนสยามกัน พี่เค้าจะชวนนายด้วยแต่ยังไม่เจอนาย”

ผมสนใจขึ้นมาทันที ในสมัยนั้นเทศกาลลอยกระทงที่สวนสยามเป็นที่นิยมกันมาก ผมยังไม่เคยไปสักที หลังจากถามแป๋งจึงได้ความว่าพี่ธิต ปั้น และคนอื่นๆในแก๊งของพี่ธิต รวมทั้งแป๋งด้วย จะไปเที่ยวงานลอยกระทงที่สวนสยามกันในตอนหัวค่ำแล้วกลับเอาตอนหลังเที่ยงคืน หรืออาจจะใกล้รุ่งก็ยังได้ เพราะว่าวันถัดไปเป็นวันเสาร์ ไม่ต้องห่วงเรื่องไปเรียนหรือว่าไปทำงานสาย

“ไปด้วยๆ” ผมรับคำอย่างง่ายดาย

- - -

“เฮ้ เวช ไหนต้นฉบับล่ะ” ผมพูดกับเวชในตอนเช้าวั่นรุ่งขึ้นเมื่อเราพบกันที่ห้องเรียน ต้นฉบับที่ว่าก็หมายถึงต้นฉบับการบ้านนั่นเอง

“ตกลงนี่ใครจะไถการบ้านใครกันแน่วะเนี่ย” เวชกะพริบตา มองหน้าผม “เมื่อก่อนกูขอมึงลอกประจำ เดี๋ยวนี้มึงมาขอกูลอก”

“เอาน่า แบ่งๆกัน” ผมพูด “ดิ ขอต้นฉบับหน่อย”

เวชหยิบการบ้านของมันเองมาให้ผม สมุดการบ้านของมันเขียนด้วยลายมือค่อนข้างเรียบร้อย ต่างจากนิสัยของมันที่ผมเห็นโดยสิ้นเชิง ผมไม่แน่ใจว่ามันทำเองหรือว่าลอกของคนอื่นมา แต่ใครทำผมก็ไม่สนใจ ขอให้มีให้ลอกก็ใช้ได้

ในระหว่างวัน การเรียนการสอนทำได้ไม่เต็มที่นักเพราะที่โรงเรียนมีการจัดงานลอยกระทงในตอนเย็น นักเรียนแต่ละห้องก็จะมีกิจกรรมที่ต้องทำ เช่น ทำกระทงประกวด บางคนก็เตรียมขบวนแห่ บางคนก็เตรียมการแสดง ฯลฯ ส่วนผมเองไม่ได้ร่วมอะไรเลยสักอย่าง รวมทั้งไม่ได้คิดจะอยู่ร่วมงานที่โรงเรียนในตอนเย็นด้วย เพราะว่าผมตั้งใจจะไปเที่ยวงานลอยกระทงที่สวนสยามในตอนค่ำ

ผมนั่งเรียนอย่างใจลอย คิดถึงเรื่องเมื่อวาน คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย เหลือบดูจอมมารดำขาว เห็นทั้งสองคนนั่งเรียนไปก็ลูบขาอ่อนกันไปที่ใต้โต๊ะ มองเฉียงไปหน่อยก็จะเห็นใบหน้าหวานๆจากด้านข้างของมอน เฉียงไปอีกนิดก็เห็นไอ้เฉาและเพื่อนๆในกลุ่มติว

ผมเห็นเชาวน์กำลังแอบดูหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ใต้โต๊ะ มันไม่ใช่หนังสือโป๊ แต่ว่ามันเป็นตำราเรียนเล่มหนา ข้างในมีแต่ภาษาอังกฤษและภาพเต็มไปหมด ทีแรกก็ดูไม่ออกว่าเป็นวิชาอะไร จนดูไปได้สักพักก็เห็นหน้าปก เห็นเขียนเอาไว้ว่า Physics ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะเอาตำราวิชาฟิสิกส์เป็นภาษาอังกฤษมาอ่านทำไม

ผมนั่งเรียนอย่างไม่ค่อยตั้งใจไปจนถึงพักเที่ยง จากนั้นก็รีบตรงไปยังสหกรณ์ วันนั้นผมตั้งใจว่าจะกลับหอเร็วหน่อยเพราะตอนค่ำจะไปลอยกระทงกับพวกพี่ธิต จึงมาสหกรณ์ตอนเที่ยงแทน

ตอนนั้นบอยไม่อยู่ในห้อง ผมทำเนียนเดินดูหนังสือสักพัก จากนั้นก็เดินไปดูตารางเวร เมื่อรู้ว่าวันนี้ตอนเที่ยงไม่ใช่เวรของไอ้บอย ผมก็เดินออกมาจากสหกรณ์

จ๋อย... วันนี้คงไม่ได้เจอไอ้บอยแล้ว อยากเห็นหน้ามันจัง...

“เดินหาเศษตังค์เหรอพี่” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น

“อ้าว บอย” ผมอุทานออกมา

“เดินก้มหน้าหาเศษเงินอยู่นั่นแหละ เกือบจะชนบอยเข้าแล้ว หาได้กี่บาทแล้วล่ะ” ไอ้น้องบอยหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมทั้งเริ่มกวนประสาท

“ไปอยู่ไหนมาวะ” ผมถาม “นึกว่าวันนี้ไม่เข้าสหกรณ์เสียอีก”

“โน่น บอยไปทางโน้นมา” น้องบอยบุ้ยปากไปทางตึกเรียนที่อยู่ห่างออกไป นั่นตึก ม.๓ ม.๔ นี่นา

“ไปตึกนั้นทำไมน่ะ” ผมสงสัย

“ก็ไปหาพี่อูนั่นแหละ แต่พี่ไม่อยู่แล้ว” บอยตอบ

“หาพี่” ผมทวนคำ รู้สึกสงสัย ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจ ไอ้บอยมันก็คงนึกถึงผมบ้างเหมือนกัน “มีอะไรเหรอ ถ้ายืมเงินไม่คุยนะ”

“ไม่ยืมหรอก รู้แล้วว่าพี่อูงก” บอยเหน็บ พร้อมทั้งทำหน้ากวน “พี่อูรู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร”

“รู้ดิ” ผมตอบ “วันลอยกระทงไง”

“บอยอยากไปลอยกระทงอะ พี่อูไม่คิดพาบอยไปลอยกระทงที่ไหนเลยเหรอ” บอยถามดื้อๆ

จริงสินะ ทำไมผมถึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เอ... หรือว่าผมไม่กล้าคิดกันแน่ ตอนไอ้นัยอยู่ ผมยังไม่เคยไปลอยกระทงที่ไหนกับมันเลย

ไอ้นัยอีกแล้ว ไม่เอา ไม่คิด...

“พี่อู” บอยตะโกนกรอกหูผม “โธ่เอ๊ย คุยๆกันอยู่ ใจลอยอีกแล้ว”

“เอ้อ... อ้า...” ผมอึกอัก นึกได้ว่าวันนี้มีนัดกับแป๋งและพวกพี่ธิต ใจหนึ่งก็อยากไปกับบอย แต่ก็รู้สึกกังวลลึกๆอยู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก อีกใจก็ไม่อยากผิดคำพูดกับแป๋งและพวก คำชวนแบบตรงไปตรงมาและกะทันหันของบอยทำให้ผมตั้งตัวไม่ติด

“น่า น่า ชวนบอยหน่อยดิ บอยอยากไป” บอยอ้อนอีก อย่างนี้ก็มีด้วย

“แล้วทำไมไม่ชวนคนอื่นล่ะ” ผมเลียบเคียงถาม อยากรู้เหตุผลที่บอยเจาะจงชวนผม เพื่อนฝูงรุ่นมันก็มีเยอะแยะทำไมไม่ชวน

บอยยิ้มแป้น “ก็ไปกับคนอื่นต้องเสียเงิน ไปกับพี่อูไม่ต้องเสียเงินไง”

ผมคิดนิดหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้

“เอาวะ ไปก็ไป” ผมตอบ “งั้นสี่โมงเลิกเรียนแล้วไปเจอกันที่โรงอาหาร”

- - -

บ่ายวันนั้น ผมตัดสินใจเปลี่ยนแผนการ จากเดิมที่เลิกเรียนแล้วจะรีบกลับเพื่อไปงานลอยกระทงที่สวนสยาม ผมจะพาบอยไปลอยกระทงแทน

ผมโทรศัพท์ไปบอกพี่พรที่หอพัก ฝากให้ช่วยบอกแป๋งและพี่ธิตด้วยว่าผมไปด้วยไม่ได้เนื่องจากติดงานลอยกระทงที่โรงเรียน

ผมกับบอยเจอกันที่โรงอาหาร จากนั้นก็กินอาหารรองท้องเล็กน้อย แล้วก็ไปดูประกวดกระทงและนายนพมาศของโรงเรียนกัน เราอยู่ในโรงเรียนจนเวลาประมาณหกโมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มพลบแล้ว

“เอ้า จะไปลอยที่ไหนดี” ผมถาม ที่จริงก็มีอยู่ที่เดียวคือที่ใต้สะพานพุทธ ถามไปยังงั้นเอง

“ก็ไปสะพานพุทธนี่แหละ ใกล้ดี” บอยตอบ ตรงตามคาด

เราสองคนเดินออกจากโรงเรียนผ่านลานหน้าสะพานพุทธซึ่งในวันนั้นคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คน รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าขายกระทง กระทงที่ขายที่ลานมีอยู่ประปรายไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่จะไปเรียงรายกันอยู่ที่ตลิ่งใต้สะพานพุทธ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีตลาดกลางคืนเหมือนในปัจจุบัน

ในยุคนั้นยังไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมนัก กระทงในยุคนั้นจึงเป็นกระทงที่ทำจากโฟมและผ้าไนลอนหลากสี กระทงใบตองแทบไม่เห็น ส่วนกระทงขนมปังในตอนนั้นคงยังไม่มีหรือมีก็ไม่แพร่หลาย

ผมและบอยหยุดยืนดูกระทงที่แผงขายกระทงรายหนึ่ง กระทงมีหลายราคา ตั้งแต่สิบสิบบาทขึ้นไปจนหลายสิบบาท แล้วแต่ขนาดและความประนีตสวยงาม กระทงสิบบาทนี่คงเป็นราคาสำหรับนักเรียนประถม เพราะว่ากระทงอันเล็กนิดเดียว แถมยังเรียบง่ายสุดๆ

“นายเอาใบไหน” ผมถามบอย

“เอาใบนี้ สวยดี” บอยชี้ไปที่กระทงใบหนึ่ง ขนาดใหญ่พอสมควร ดูท่าคงหลายเงินอยู่

“พี่เอาใบนี้ละกัน” ผมเลือกระทงที่ราคาถูกที่สุดเพราะลอยไปแล้วก็หมดไป ไม่อยากซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น ส่วนของบอยก็ตามใจมันเพราะเห็นว่ามันอยากได้

“จะลอยทำไมให้มากมายตั้งสองใบ เสียเงินเปล่าๆ หุ้นกันก็ได้พี่อู ลอยใบเดียวกันนี่แหละ” บอยเสนอ

ผมอึ้ง เรื่องประหยัดที่จริงเป็นเรื่องดี แต่ความหมายของการลอยกระทงใบเดียวกันนี่สิ บอยอาจจะไม่ได้คิดเพราะว่ายังเด็กอยู่ คงลอยเพราะความสนุกสนาน แต่ผมสิคิด... ลอยกระทงใบเดียวกันสำหรับผมมันไม่ได้หมายถึงการหุ้นเงินกัน แต่มันหมายถึงการเป็นหุ้นส่วนชีวิตของกันและกัน... ผมไม่มีโอกาสได้ลอยกระทงใบเดียวกันกับไอ้นัยเลยสักครั้ง... อย่าว่าแต่ลอยกระทงใบเดียวกันเลย จะไปลอยกระทงด้วยกันก็ยังไม่เคย


<ในยุคนั้นยังไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมนัก กระทงในยุคนั้นจึงเป็นกระทงที่ทำจากโฟมและผ้าไนลอนหลากสี กระทงใบตองแทบไม่เห็น ส่วนกระทงขนมปังในตอนนั้นคงยังไม่มีหรือมีก็น้อยมาก>


<ในวันลอยกระทง ริมฝั่งแม่น้ำโดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานมักเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ไปลอยกระทง>

22 comments:

Choo said...

มาตอกบัตรก่อนครับ

ชู

Choo said...

มาตอกบัตรก่อนครับ

ชู

Anonymous said...

โอม จงรักกัน รักกันแล้ว
นัยจงกลับมา เชเมโจจั้ย

ฮ่า ๆ

วิน

Anonymous said...

แอบดีใจกับคู่นี้ (หรือเปล่า?)

ความหวังของผู้อ่านใกล้ความเป็นจริง หุหุ

อ่านตอนนี้นึกถึงงานลอยกระทงปีนี้ที่ผ่านมา

ไม่รู้ว่าคนที่ได้ลอยด้วยกันจะอยู่ที่ไหน

แต่จำเอาไว้...

...ว่า กูคิดถึงมึง

หลานหนิง

Anonymous said...

บอยตกกระทง
แป๋งตกกระป๋อง

thom

Anonymous said...

สุดท้ายอูก็เลือกบอย
ยังงี้แป๋งของผมก็เสียใจแย่สิครับ
แล้วพี่นัยอีกง่ะ เฮ้อ อูนี่ร้ายจริงๆ

Anonymous said...

เร้วทันใจคนอ่านตามคำเรียกร้องจริงๆ
ments42

Anonymous said...

แป๋งทะเล้นได้ใจดีจริงๆ ชอบแป๋งง่ะ

ถ้าพี่อูไม่เอายกให้ผมนะ

Anonymous said...

)^_^(ที่9 ลุงอูเตรียมตัวไปเที่ยวรึป่าวยังงี้ปีใหม่ก็มไม่ได้อ่านนะซิครับ กิ้กๆโดนน้องบอยบอกความในใจซะแล้ว ดีดี ลุงอูตกลงคู่หูอำนี่มันยังไงครับงานนี้ต้องสืบดูหน่อยแล้วน่าสงสัย
แล้วลอยกระทงเสร็จไปไหนต่อคับอิอิขอบคู้นนค้าบบมาต่ออีกนะอยากรู้ๆ

All about Rose said...

รอ....ร้อ.......รอ
ติดนิยาย งอมแงม
ไม่อยากให้เปลี่ยน ใจ จากนัยอ่ะ

nai said...

หายไป 3 ตอน เห็นพี่ชูได้ที่ 1 หลายครั้งแล้ว ชักสงสัยเหมือนกันนะนี่

อยากเปิดเพลงคนไม่รักดีให้ฟังจัง หรือใช้สำนวน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองดีน้า

นัย

Anonymous said...

คอมหลานเสีย ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 T-T
ตอนนี้มีคนให้ยืมมาใช้ทำการบ้าน T-T วันที่ 5 ธันวาคม พี่ที่จะซ่อมให้ ถึงว่างด้วยสิ

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

วินทายเกือบถูก ที่จริงตอนต่อไปจะเป้นแบบนี้

อูชอบบอย แต่ยังไม่แป๋ง แป๋งเลยเป็นตัวอิจฉา พยายามทำตัวตีสนิทและกีดกันบอย พยายามให้ร้ายบอยทุกอย่าง ซึ่งอูก็ชักคล้อยตาม สภาพเลยกลายเป็นรักสามเส้า

หลังจากนั้นนัยก็กลับมา เลยกลายเป็นรักสี่เส้า ยุ่งเข้าไปอีก ชิงรักหักสวาทกันวุ่นวาย สุดท้ายอูก็ต้องเลือกทางออกดังนี้

๑. เลือกคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว
๒. เลือกคนหนึ่งเป็นแฟนตัวจริง ที่เหลือเป็นกิ๊ก
๓. อูหนีไปบวช

ตามนี้เลยครับ

อู

Choo said...

แล้วออกฉายช่อง7เมื่อไรบอกด้วยนะอู

ต้องเปลี่ยนแนวดึงเรตติ้งเสียเลย

ชู

Choo said...

แล้วออกฉายช่อง7เมื่อไรบอกด้วยนะอู

ต้องเปลี่ยนแนวดึงเรตติ้งเสียเลย

ชู

Anonymous said...

ทำไมเรื่องพี่อูเน่าเงี้ย

Anonymous said...

ถ้าเปนอย่างที่อาอูพูดไว้ละก้ ผมเลือกข้อ 1.คับ และที่จะให้เลือกก้คือ แน่นอน

อานัยยยยยยยยยยยยยยยย คับ
ห้ามเลือกคนอื่นนะT^T เลือกคนอื่นโกดด้วยๆๆๆ

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

)^_^(เม้นข้างบนนี่ลุงอูจริงอะป่าว ลุงอูเขียนไม่ค่อยผิดอ่านง่ายนี่น่าผมไม่เชื่อหรอก อยาอ่านต่อแล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้านะค้าบบลุง

Anonymous said...

คนที่ลงท้ายชื่อว่าว่าอูนะ คืออาอูจริงๆรึเปล่าครับ เพราะคนอ่านเนี่ยเขาลุ้นกันอยู่นะครับ อาอูตัวจริงกลับมาตอบเร็วๆนะครับ
Oliver

Anonymous said...

คนที่ลงท้ายชื่อว่าว่าอูนะ คืออาอูจริงๆรึเปล่าครับ เพราะคนอ่านเนี่ยเขาลุ้นกันอยู่นะครับ อาอูตัวจริงกลับมาตอบเร็วๆนะครับ
Oliver

Anonymous said...

ที่เขียนไว้ข้างบนน่ะตัวจริงครับ แต่รีบพิมพ์ไม่มีเวลาทวน เลยมีที่ผิด แล้วก็โดนพี่ชูและคอมเมนต์หลังๆหาว่าน้ำเน่าเสียอีก ไม่ฉายช่อง ๗ ไปฉายช่อง ๓ ก็ได้ครับ

ลืมตอบหลานที่หนึ่งไปว่าจอมมารดำขาวพฤติการณ์น่าสงสัยจริงๆ แต่อาศัยว่ามันเนียน ทีเล่นทีจริง ฮาไปเรื่อย แถมยังชอบอำ เพื่อนๆบางคนอาจคิดว่ามันแกล้งทำเป็นเกย์เพื่อเอาฮา แต่อาว่าคู่นี้แปลกๆ หลังๆก็พยายามสังเกตอยู่เหมือนกัน อีกหน่อยคงได้ข้อมูลเพิ่ม

อู

พี said...

ตอนนี้มาช้าไปเดือนนึงนะ ถ้ามาช่วงลอยกระทงปีนี้ คงโรแมนติกมากกว่านี้ แต่ก็ยังชื่นใจ+ดีใจนะ ที่อูตัดสินใจไปกับบอย จริงๆน่าจะไปสวนสยามกับพี่ๆ เพื่อนที่หอ แล้วพาบอยไปด้วยเป็นการเปิดตัว อ้าว...เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดสิ ไปกัน 2 คนดีแล้ว

ที่ผมหมายถึง บรรยายลักษณะตอนมีอะไรกัน ใต้ร่มผ้านะครับ แต่อาจยังไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าใช้มือ ก็เลยบอกมานิดหน่อย แต่ถ้ามีมากกว่านี้ก้พรรณามามากๆหน่อยนะครับเช่นผิวพรรณ หัวนมสีอะไร ฯลฯ ไม่รู้ขอมากไปรึเปล่า ถ้ามากไปก็จะกลายเป็นแนวเอ็กซ์ เป็นแนวนี้ก็กำลังพอดี ชักสับสน..?..!


ไว้รอตอนหน้าดีกว่ามั้ง หลังลอยกระทงจะไปต่อที่ไหนกันนะ จะเหมือนสมัยนี้หรือเปล่าที่นับวันลอยกระทงเป็นวันเสียตัวของคู่ที่รักกัน

วันนี้น้องๆแถวบ้านไปเที่ยวภูหินร่องกล้ากัน กลับวันจันทร์ ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปกี่คน น่าจะเกิน 10 คน ชวนผมไปด้วย อยากไปเหมือนกัน วันจันทร์ก็ลางานได้ แต่...ห่างๆกันแบบที่ผ่านมา น่าจะดีแล้ว แล้วไม่รู้เค้าพาแฟนไปด้วยหรือเปล่า ถามเพื่อนๆเขา ก้ยังบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน

อยู่บ้าน พักผ่อนวันหยุด มาอ่านเรื่องของอู บอยและแป๋งดีกว่า...

+ P +