Saturday, October 24, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 26

ดึกแล้ว...

กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม ฝนที่เทลงมาตั้งแต่หัวค่ำยังไม่หยุด ทำให้อากาศในคืนนั้นเย็นสบาย

โต๊ะทำงานในห้องนี้ตั้งหันหน้าเข้าหาหน้าต่างเช่นเดียวกับที่บ้านคุณลุง ผมปิดไฟในห้องและนั่งปล่อยความคิดให้ล่องลอยเหมือนดังที่เคยทำ ที่บ้านคุณลุงผมสามารถทอดสายตาออกไปในความมืดได้ไกลพอสมควรเพราะด้านตรงข้ามบ้านเป็นที่ดินว่างเปล่า แต่สำหรับที่นี่ เมื่อทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างก็ต้องพบตึกที่ทอดขวางอยู่เพราะว่าด้านตรงข้ามของตึกหลังนี้ก็เป็นตึกแถวเช่นกัน

ตอนมาดูห้องใหม่ๆ ผมชอบที่ห้องนี้มีโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหาหน้าต่างซึ่งสามารถมองออกไปข้างนอกได้ แต่เมื่อได้มาอยู่จริงๆแล้วก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เพราะว่าอะไรๆกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

ผมอดนึกถึงบ้านคุณลุงที่ผมเคยอยู่มาเป็นเวลาสามปีกว่าไม่ได้ เมื่อคิดถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมา ความเหงาก็จู่โจมเข้ามาอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว บรรยากาศอันเย็นเยือกของยามดึกในคืนวันฝนตกทำให้ผมรู้สึกเดียวดายจนจับขั้วหัวใจ...

- - -

วันต่อมา ผมตื่นนอนค่อนข้างสาย เนื่องจากเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน งานผมของในวันนี้ก็คือจัดของต่อ เมื่อมีโต๊ะสามชั้นสำหรับวางของแล้วอะไรๆก็ง่ายขึ้น ผมเอาหนังสือเรียนและของใช้อื่นๆขึ้นมาวางบนโต๊ะจนหมด จัดแยกให้เป็นระเบียบ เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย ยังขาดอยู่ก็เพียงแต่เครื่องใช้บางอย่าง เช่น พัดลม ที่ต้องไปซื้อเอาใหม่เนื่องจากพัดลมเครื่องเดิมที่เคยใช้ที่บ้านคุณลุงผมไม่สามารถเอามาด้วยได้ คิดไปแล้วก็เสียดายเงินเหมือนกัน ของที่ไม่น่าจะต้องซื้อก็ต้องซื้อเพราะไม่สามารถขนมาได้

เนื่องจากเมื่อคืนฝนตก อากาศในตอนเช้าจึงยังเย็นสบาย ดังนั้นผมจึงไม่รีบร้อนที่จะไปซื้อพัดลม เพราะว่าวันนี้ขี้เกียจออกไปไหน เอาไว้เมื่อไรออกไปข้างนอกค่อยซื้อของเข้ามาทีเดียวให้ครบจะดีกว่า

จนถึงเวลาใกล้เที่ยง ความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะว่าพอยามสายอากาศภายในห้องกลับกลายเป็นร้อนอบอ้าว ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าชั้นที่ผมอยู่เป็นชั้นสี่ ข้างบนเป็นดาดฟ้าที่รับแดดตลอดทั้งวัน เมื่อแดดแผดเผาพื้นชั้นดาดฟ้า ความร้อนก็ถ่ายเทลงมายังห้องข้างล่าง

โอย ไม่ไหวแล้ว รีบไปซื้อพัดลมดีกว่า ผมคิดในใจ ห้องนอนของผมที่บ้านคุณลุงแม้จะอยู่ชั้นสอง ข้างบนเป็นหลังคา แต่อากาศในห้องก็ยังไม่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้

ผมเดินลงไปซื้อขันน้ำที่ชั้นล่าง ที่นั่น ผมเห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่

วัยรุ่นคนนี้นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะของพี่พร แสดงว่าคงเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของคุณน้าซึ่งผมยังไม่เคยพบหน้า ป๋องนั่นเอง

ป๋องเป็นคนผิวขาว สีผิวแตกต่างจากแป๋ง เห็นได้ชัดว่าป๋องได้รับสีผิวมาจากทางแม่ เพราะคุณน้าเป็นคนผิวขาว แสดงว่าแป๋งคงได้รับสีผิวมาจากทางพ่อเป็นแน่ ใบหน้าของป๋องเรียวยาว คมคายสู้น้องชายไม่ได้ ดวงตาส่อแววเอาเรื่อง กิริยาตอนคุยโทรศัพท์ก็กระโชกโฮกฮาก รวมแล้วท่าทางค่อนข้างเฮี้ยว แตกต่างจากน้องชายที่ทะลึ่งทะเล้นอย่างสิ้นเชิง

เมื่อป๋องวางสาย ผมก็ไปจ่ายเงินค่าขันน้ำกับป๋อง เราคุยทักทายกันสองสามคำ ป๋องคุยกับผมด้วยท่าทีกวนๆ แข็งๆ นิดหน่อย ดูไปแล้วแป๋งมีนิสัยที่เป็นมิตรกว่ามาก

เมื่อได้ขันน้ำมาแล้ว ผมก็เตรียมตัวอาบน้ำ คราวนี้ใช้วิธีการใหม่ตามที่ได้เห็นมาเมื่อคืน คือนุ่งผ้าเช็ดตัวและเอาของใช้ใส่ขันน้ำแล้วเดินออกจากห้องไป

เมื่ออาบน้ำเสร็จ ผมก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเช่นเดิมและรีบเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับห้อง ห้องน้ำของทุกชั้นอยู่ติดกับบันได เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็สวนกับสาวในวัยทำงานคนหนึ่งจนเกือบชนกัน

“เฮ้ย” ผมอุทานด้วยความตกใจ หญิงสาวคนนั้นก็ดูตกใจเหมือนกัน แต่ดีที่เราไม่ถึงกับชนกัน

“ว้าย” เธออุทานออกมา “จู่ๆโผล่มาตกใจหมดเลย”

“โทษครับพี่ ผมรีบเดินไปหน่อย” ผมพูด

หญิงสาวซึ่งคาดว่าน่าจะพักอยู่ชั้นเดียวกันมองเรือนร่างที่ห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงบางส่วนของผม

“เอ้อ ไม่เป็นไรจ้ะน้อง” หญิงสาวพูด จากนั้นก็เดินไปไขประตูห้องพักที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ห้องของพี่คนนี้อยู่ติดห้องน้ำนี่เอง

ผมอดรู้สึกเขินกับสายตาที่กวาดสำรวจไปทั่วเรือนร่างของผมไม่ได้ ที่จริงผมก็ไม่ใช่เป็นคนขี้อายนัก ตอนที่อยู่โรงเรียนประจำชั้นประถมผมก็แก้ผ้าอาบน้ำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา พอมาเรียนชั้นมัธยม เมื่อถึงชั่วโมงพลศึกษาเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากันในห้องเรียน แต่ทั้งหมดที่ผ่านมาก็เป็นสภาพแวดล้อมที่มีแต่เพื่อนผู้ชาย ผมไม่เคยอยู่ในสภาพเที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เดินอยู่ในตึก แล้วมีหญิงสาวแต่งตัวครบครันมายืนสำรวจเรือนร่างเช่นนี้มาก่อน

ผมรีบเดินกลับเข้าห้องทันที โชคดีที่ไม่พบใครอีกเป็นรายที่สอง

ผมแต่งตัวและออกไปซื้อพัดลมที่ย่านซอยโชคชัย ๔ หรือว่าซอยลาดพร้าว ๕๓ เนื่องจากที่นั่นมีร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่หลายร้าน ซื้อพัดลมมาเครื่องหนึ่ง ราคาเกือบพันบาท ผมเลือกซื้อยี่ห้อที่ราคาสูงหน่อยเพราะว่าเสียงมอเตอร์ค่อนข้างเบา ผมไม่ค่อยชอบพัดลมที่มีเสียงดังเพราะเวลาดูหนังสือแล้วคิดอะไรไม่ออกเลย นอกจากนี้ ผมยังซื้อกระติกน้ำแข็งมาด้วยหนึ่งใบ อากาศภายในห้องร้อนอบอ้าวขนาดนี้ถ้าไม่มีน้ำเย็นคงอยู่ไม่ไหว ในเมื่อไม่มีตู้เย็นก็ต้องใช้กระติกน้ำแข็งนี่แหละ

- - -

วันที่สองของการอยู่หอ เวลาผ่านไปอย่างเงียบเหงาและน่าเบื่อหน่าย บรรยากาศภายในตึกก็ค่อนข้างเงียบเนื่องจากยังไม่เปิดเทอม จึงยังไม่ค่อยมีคนอยู่กัน ยิ่งทำให้อาการเหงาของผมกำเริบหนักยิ่งขึ้น

ผมหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนฟังเพลงจากเครื่องเล่นวอล์กแมนเครื่องเล็ก ทีวีก็ไม่มี หนังสือก็ขี้เกียจอ่าน จะออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน จนถึงเวลาค่ำผมก็ไปกินอาหารที่ร้านเดิมที่กินเมื่อวาน อาหารก็สั่งอย่างเดิม หลังจากนั้นก็กลับมาในห้อง ฟังเพลงอีกหน่อย จากนั้นแม่ก็โทรมา คุยโทรศัพท์กับแม่สักพัก ตอนนั้นเอ๊ดเดินทางไปเชียงใหม่แล้ว ผมจึงไม่ได้คุยกับเอ๊ด เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จก็อาบน้ำและเข้านอน

- - -

วันที่สามของการอยู่หอ

หลังจากที่ผมโงหัวขึ้นมาจากที่นอน ความเบื่อหน่ายก็เข้ามาครอบคลุมผมในทันที นึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตในหอพักจะอับเฉาได้ขนาดนี้ อิสรภาพไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย นี่ถ้าวันนี้ผมยังต้องแกร่วอยู่แต่ในห้องผมคงต้องบ้าตายแน่

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผมก็ควานหาเหรียญห้าบาทมาได้สองสามเหรียญ จากนั้นก็เดินออกจากห้องและลงไปชั้นล่างทันที

เมื่อถึงชั้นล่าง ผมตรงไปที่เครื่องโทรศัพท์และหยอดเงินลงไป จากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์ตามที่เขียนอยู่ในกระดาษชิ้นเล็กๆ

“ฮัลโหล” เสียงทางโน้นรับสาย เป็นเสียงผู้หญิง จากน้ำเสียงคงอยู่ในวัยกลางคน

“สวัสดีครับ ขอสายบอยหน่อยครับ” ผมพูด

ได้ยินเสียงทางโน้นบอกว่ารอเดี๋ยวนะ และเพียงครู่เดียว ผมก็ได้ยินเสียงที่แจ่มใสรื่นเริงอันคุ้นหูจากปลายสายด้านโน้น

“ฮัลโหล” เสียงบอยทัก

“บอยเหรอ” ผมพูด “จำเสียงได้ป่าว”

“ใครวะ” บอยพูดพลางหัวเราะ “พูดแค่นี้ใครจะไปจำได้วะ รู้แต่ว่าไม่ใช่หมา เพราะว่าหมาพูดไม่ได้”

ไม่ใช่หมาสะดุ้ง ว่าแล้วก็ด่ากลับไป “ไอ้เวร อย่าให้เจอหน้านะ ไม่งั้นเอ็งโดนเตะแน่”

“อ้าว พี่อูเหรอ โทษนะพี่ นึกว่าเพื่อนอะ” เสียงไอ้น้องบอยหัวเราะร่วน จากนั้นก็ตัดพ้อ “สัปดาห์หน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว พี่อูเพิ่งจะโทรมา บอยคอยตั้งแต่ปิดเทอมใหม่ๆ คอยจนเซ็งแล้ว”

“โทษทีโว้ย ปิดเทอมนี้พี่ยุ่งๆน่ะ” ผมตอบ

“โห เรียนแค่ ม.๔ พูดยังกะนักธุรกิจพันล้านอีกแล้ว” ไอ้บอยเหน็บผมอีก

“ว่าจะชวนไปเลี้ยงสักหน่อย แต่เอ็งกวนตีนนัก ไม่ชวนดีกว่า” ผมพูด

คราวนี้ไอ้บอยเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นประจบประแจงทันที

“โห พี่อูใจดี จะพาบอยไปเลี้ยงที่ไหนเหรอ อะอะ ไม่กวนแล้วคร้าบ” บอยพูด

เงาร่างของไอ้นัยวูบเข้ามาในความคิดของผม น้ำเสียงประจบแบบนี้ไม่ได้แปลกหูผมเลย ไอ้นัยมักใช้น้ำเสียงเช่นนี้เวลาต้องการเอาใจหรือง้อผม และพร้อมกับเงาร่างของไอ้นัย ความเจ็บปวดก็แล่นตามมา ผมพยายามสลัดไอ้นัยออกไปจากความคิด

“อยากไปกินที่สยามสแควร์มั้ย เอ็งเคยบอกว่าอยากไปเดินเที่ยวไม่ใช่เหรอ” ผมพูด

“สยามเหรอ เจ๋งเลย ไปดิพี่” เสียงบอยแสดงความดีใจ “เมื่อไรดีล่ะ”

บอยบอกว่าตอนกลางวันต้องไปกับพ่อ ตั้งแต่บ่ายก็ว่าง

“งั้นกินข้าวเย็นกันก็ได้ ดีไหม” ผมออกความคิด ได้กินอาหารเย็นกับใครสักคนก็น่าจะดี ตอนค่ำจะได้ไม่เหงียบเหงาเหมือนเมื่อสองวันที่ผ่านมา “ว่าแต่เอ็งกลับบ้านค่ำได้ป่าว”

“กลับดึกยังได้เลยพี่” บอยคุยโว “บอยโตแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน กลับบ้านค่ำไม่ได้”

“ไอ้เวรนี่ กัดพี่อีกแล้ว” ผมด่ามัน ได้ยินเสียงไอ้บอยหัวเราะฮิฮะชอบใจ

- - -

เรานัดเจอกันที่หน้าโรงหนังสกาลา เวลาบ่ายสามโมง ซึ่งเป็นสถานที่ที่สะดวกที่สุด ในยุคนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นการโทรตามหาตัวกันหรือว่าโทรกันไปโทรกันมาจนกว่าจะพบตัวกันนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่เพจเจอร์ก็ยังไม่มี การนัดกันในยุคนั้นต้องนัดแนะกันล่วงหน้าให้ชัดเจนทางโทรศัพท์บ้าน ถ้าพูดกันไม่ละเอียดแล้วหากันไม่เจอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมนัดที่โรงหนังสกาลาเพราะว่าสถานที่ไม่ใหญ่นัก หากันง่าย ถ้านัดที่มาบุญครองอาจจะหากันได้ยาก

การนัดกับไอ้บอยในวันนั้นเป็นการนัดที่ผมทำใจไม่ถูกจริงๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกดีเพราะจะได้มีอะไรทำให้หายเซ็ง รวมทั้งไอ้บอยเองก็นิสัยดี อาการกวนของมันทำให้ผมรู้สึกรื่นเริงขึ้นอย่างน่าประหลาด แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าไม่ควรไป แต่ว่าเพราะอะไรผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน แต่เมื่อชั่งใจแล้ว ผมเลือกที่จะไปเที่ยวกับไอ้บอยมากกว่า

เมื่อผมไปถึงสถานที่นัดหมาย ผมก็พบไอ้บอยยืนยิ้มแฉ่งรออยู่แล้ว บอยอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีน ตามสมัยนิยมของวัยรุ่น ผมของบอยไม่ได้ตัดเกรียนเหมือนตอนเปิดเรียน ช่วงเวลาปิดเทอมผมของมันยาวขึ้นจนพอหวีเป๋ได้แล้ว ยิ่งทำให้ใบหน้าของมันดูน่ารักยิ่งขึ้น

เมื่อไอ้บอยเห็นผมก็ยกมือไหว้

“หวัดดีพี่” บอยพูด

“เฮ้ย” ผมรีบรับไหว้แทบไม่ทัน ปกติเห็นแต่ความกวนของมัน ไม่เคยเห็นมันมีมารยาทดีขนาดนี้มาก่อน “คืนนี้ฝนตกหนักแน่ พี่รีบกลับก่อนดีกว่า”

“อ้าว เพิ่งมาทำไมจะรีบไป” บอยงงกับคำพูดของผม

“ก็อยู่ดีๆเอ็งก็ไหว้พี่ สงสัยจะต้องเกิดอาเพศแน่เลย” ผมอธิบาย

ไอ้บอยหัวเราะจนตาหยี “โธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร ก็พี่อูเป็นรุ่นพี่บอยตั้งสองรุ่น เจอรุ่นพี่ก็ต้องไห้วดิ ไม่ไหว้เดี๋ยวพี่อูก็บ่นว่าไม่มีมารยาทอีก เฮ้อ รุ่นพี่คนนี้เอาใจยากจริง” บอยอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่วายแว้งกัดผม

เมื่อเราเจอกันตอนบ่ายสามโมง จะกินอาหารเย็นก็เร็วเกินไป บอยบอกว่าที่บ้านเลี้ยงแบบปล่อยและให้พึ่งตนเอง เคยกลับบ้านสามทุ่ม ที่บ้านไม่ว่าอะไร ดังนั้นวันนี้จึงใช้เวลาได้ตามสบาย

“ดูหนังสักเรื่องมั้ยพี่อู” บอยชวน “ออกจากโรงหนังแล้วค่อยกินข้าว”

ก็ดีเหมือนกัน เราเลยดูโปรแกรมหนังกัน จำไม่ค่อยได้แล้วว่าดูหนังเรื่องอะไรกัน น่าจะเป็น Superman 4 หรือ Predetor หรือหนังฮ่องกง เชือด เชือดนิ่มๆ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง

หลังจากที่หนังฉายจบ เราออกจากโรงหนังมาก็ประมาณหนึ่งทุ่ม ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ผมก็ยืนเก้ๆกังๆ คิดว่าจะพาไอ้บอยไปกินอาหารที่ไหนดี ร้านที่ผมรู้จักและเคยเข้าไปกินก็มีไม่มากนัก อย่างร้านสเต๊กไฮไลท์นี่ก็พอได้ แต่นึกไปอีกทีก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างไรชอบกลที่จะพาบอยไปกินที่ร้านนี้

“คิดนานจัง บอยหิวแล้ว” บอยพูด พร้อมกับทำหน้านิ่ว มันคงหิวจริงๆ

ในที่สุดผมก็พามันไปกินที่ร้านสเต๊กไฮไลท์ เพราะว่านึกร้านอื่นไม่ออกเหมือนกัน อีกอย่างก็คือร้านส่วนใหญ่แพงๆทั้งนั้น มีร้านนี้ราคาย่อมเยาหน่อย วันนี้ผมเลี้ยงไอ้บอยตลอดรายการ ถ้ากินแพงนักมีหวังล่มจม

ขณะที่กินอาหารกับบอย ในบางขณะ ผมถึงกับเผลอคิดไปว่ากำลังกินอาหารอยู่กับไอ้นัย ไม่ใช่ไอ้บอย เพราะร้านนี้เป็นร้านที่ไอ้นัยชอบ ครั้งแรกที่ไอ้นัยกับผมมากินอาหารที่นี่คือวันที่คุณอาไอ้นัยซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าบ้าน ไอ้นัยพาผมเดินไปจนทั่วสยามสแควร์ก่อนที่จะมาลงเอยที่ร้านนี้ ผมยังจำภาพที่มันนั่งกระดิกเท้าเป็นคุณหนูพลางดูเมนูอาหารได้อย่างติดตา... แม้ไอ้นัยจะไม่เหมือนกับไอ้บอย แต่ยิ่งนานผมก็ยิ่งรู้สึกว่าไอ้บอยมีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกับไอ้นัย

- - -

ผมกลับถึงหอประมาณสามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม เป็นครั้งแรกที่ผมกลับบ้านดึกขนาดนั้น ประสบการณ์ที่สยามสแควร์กับไอ้บอยเมื่อตอนเย็นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ใจหนึ่งก็มีความสุข อีกใจหนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกกึ่งดีกึ่งร้ายเช่นนี้ทำให้ผมรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

ที่ชั้นสี่ในคืนวันนั้นเงียบเชียบ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและนุ่งผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ เมื่อผมอาบน้ำเสร็จและออกมาจากห้องน้ำ ผมก็มองเห็นเงาตะคุ่มๆของใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องของผม


<สภาพห้องเช่า เป็นห้องขนาดประมาณ ๘-๙ ตารางเมตร พื้นห้องปูเสื่อน้ำมันซึ่งเก่ามากแล้ว เฟอร์นิเจอร์ที่มีมีให้ก็เพียงโต๊ะทำงาน เตียง และตู้เสื้อผ้าเล็กๆ อย่างอื่นๆต้องหามาเองทั้งหมด แต่ที่ถูกใจก็คือเป็นห้องหน้าสุดซึ่งจะมีหน้าต่างมากกว่าห้องอื่นๆในชั้นเดียวกัน ในภาพเห็นเป็นห้องโล่งๆเพราะตู้ เตียง โต๊ะกองอยู่อีกด้านหนึ่งระหว่างกำลังจัดห้อง ในภาพห้องดูเหมือนใหญ่แต่ที่จริงไม่ใหญ่>

33 comments:

Anonymous said...

ใครฟะ ? ไอ้น้องบอยหรือพี่ผู้หญิง อีก 5 วัน
คงรู้

Anonymous said...

แป๋งหรือพี่ผู้หญิง

จะเสียตัวหรือเปล่า

Anonymous said...

แป๋งหรือพี่ผู้หญิง

จะเสียตัวหรือเปล่า

thom

Anonymous said...

มารอถึงหน้าห้อง
อูผ้าขนหนูผืนเดียวซะด้วย

เสร็จชัว

Anonymous said...

พี่ผู้หญิงคนนี้คือ คนที่เกือบชนกันกับอู

Anonymous said...

แว๊บๆ แอบมาหาอาอู

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

มั่นใจว่าเป็นลุงป๋อง ไม่ก็อาแป๋งแน่ๆเลยครับ

อาอูเลี้ยงต๊อยเป็นอาบอยด้วย >.<
เมื่อไหร่มะม่วงจะสุกจนเด็ดชิมหนอ?

หลาน Arus ขออาอู

Anonymous said...

เวลาอ่านเรื่องนี้ทีไร แล้วมีอะไรแปลกๆ
คนมักชอบคิดว่าจะมีการเสียตัวเกิดขึ้นนะครับ...
ผมก็คิดเหมือนกัน 555

แต่เข้าใจความรู้สึกเลยครับ
ที่เวลาอยู่กับบอยแล้วคิดถึงนัย...
ไม่ใช่ว่าเราจะหาคนมาแทนที่
แต่เรากลัวว่าคนอื่นจะมาแทนที่มากกว่า

แบงค์ครับ

Anonymous said...

อ่านมาตั้งนานเพิ่งได้โอกาศคอมเม้นท์
อยากบอกว่าเรื่องเหล่านี้คล้ายๆ กับชีวิตผมเลย
อ่านแล้วเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละคร มากยิ่งขึ้น

Anonymous said...

เดากันไปเถอะถ้าใตรทายถูกน่าจะมีการแจกรางวัสด้วยจะดีไหมนี่
ments42

Anonymous said...

กั๊กเอาไว้อีกแล้วๆๆๆๆๆ ขอทายว่าเป็นหญิงสาวคนนั้น แล้วพี่อูก็จะถูกลวนลาม

รีบมาเฉลยนะครับ

Nai said...

ความรู้สึกว่า บอย กับ นัย มีอะไรที่คล้ายกัน จริง ๆ แล้ว ผมพิสูจน์ ได้นะ อู

ลองพิมพ์ คำว่า วินัย โดยใช้ แป้น ภาษาอังกฤษ ดูซิครับ จะได้ รู้คำตอบ

เป็นความลับ ของคนชื่อวินัยอะ


นัย

Anonymous said...

(^_^)ที่13 เพิ่งกลับมาครับลุง
^
^
^
จริงด้วยครับ คุณนัยนี่เล่นกีต้าเป็นไหมครับ แล้วนับถือศาสนาอะไร ชอบกินอาหารอะไรครับ
ลุงอูมีใจจริงๆด้วย แถมยังเป็นห่วงความรู้สึกของน้องบอยอีกกลัวว่าตัวเองจะทำผิดให้น้องบอยเสียใจเหมือนลุงนัยใช่ม้า ยังงี้ผมเชียรน้องบอยสุดตัว ก้ากๆๆชอบจังไม่ใช่หมาเพราะหมาพูดไม่ได้โดนนนซะ เงาที่เห็นผมขอเดาว่าเป็น...ของลุงนั่นแล่ะ จริงๆ...เป็นห่วงลุงอูมากนะครับ เอออให้ลุงเดาบ้างดิว่าผมนึกถึงใครกิ้กๆ อยากอ่าต่อแล้วอะค้าบบบ ขอบพระคุณลุงอูอย่างสูง

Anonymous said...

ลองพิมพ์แป้น "วินัย" ดูแล้ว เฉียบมาก คิดได้ไงเนี่ย ขอคารวะจริงๆ คุณอูจงใจให้น้องบอยชื่อบอยเพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับ ขอถามหน่อย

Anonymous said...

โอ...ตอนนี้เซอร์ไพรสเยอะจัง

ทั้งน้องบอยที่แอบเชียร์กลับมามีบทบาท

ทั้งความลับของวินัย

ทั้งหญิงสาวปริศนา ที่ดูจะไม่มียทบาท

แต่อาอูก้เขียนถึง

ตื่นเต้นดีจัง ไม่ขอทายดีกว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยกล้าคาดเดาอะไร

กลัวผิด...หวัง

เห็นเรื่องความลับของคนชื่อวินัยแล้วเลยนึกสนุก

เอาคำใบ้จากนิยายที่เขียนมาทายบ้าง

ลองเล่นกันสนุกๆนะครับ ทายถูกเอารางวัลเป็นตัวและหัวใจผมไปละกัน 555+

เอาล่ะมาดูรหัสลับกัน

March BUtRe in English

ลองถอดรหัสออกมา จะได้เป็นเลข4ตัวคร้าบ

เล่นสนุกๆครับ แต่ถ้าไม่ชอบกันยังไง เด๋วอีก5ตอนมาเฉลยละกันครับ อิอิ

คำใบ้ คนที่ลึกซึ้งถึงบทเพลง จะไขคำใบออกคับ

เล่นสนุกๆครับ คิดว่าคงไม่มีผลต่อบล๊อกอาอูนะครับ

หรือคนอื่นว่าไง ติกันมาได้นะครับ หลานยังอ่อนต่อโลกนัก

เห็นบล๊อกเงียบๆช่วงนี้ น้องๆหายหน้า ลุงๆเร่งงาน

หลานๆเลยหาไรทำให้คึกคักกันหน่อย

หลานหนิงค้าบ

พี said...

มารายงานตัวครับ....

รออ่านที่คุณอูกั๊ก...ไว้ก่อน

+ PEE +

Anonymous said...

ผมเกรงว่า อาอูจะกังวลว่าผู้หญิงคนนี้จะจับได้เมื่อมี
สัมพันธ์ทางเพศกับพี่/อา/ลุงคนไหนสักคนมากกว่าครับ
แล้วเป็นแรงกดดันอาอูทำให้อาอูเครียดจนทำอะไร
ไม่ถูก และอาจป่วย

หลาน Arus ของอาอู

naja said...

แหม อีกแล้วนะ ยั่วให้อยาก(รู้)แล้วจากไป


ตกลงใครน๊า มายืนรอหน้าห้องพี่อู

yo408 said...

แว่บนึงคิดว่าน่าจะเป็นพี่ผู้หญิง

แต่อีกแว่บนึง คิดว่าต้องเป็นใครสักคนในครอบครัวที่เป็นผู้ดูแลตึก เอาโน๊ตที่แม่อูฝากไว้ขึ้นมาส่งแน่ๆ เพราะคืนนี้อูไม่ได้อยู่คุยโทรศัพท์กับแม่ที่โทรมาที่หอทุกคืนแน่นอน

Anonymous said...

(^_^)อรุณสวัสดิ์ครับ สงสัยจะเป็นหวัดซะแล้วเราเจ็บคอตอนเช้าลุงอูจัดยาให้หน่อยสัก2ตอนก็น่าจะหายครับ สงสัยลุงอูจะไปเที่ยวมั้งครับได้หยุด3วันนี่น่า อยากดูซุปเปอร์แมน4ที่ลุงบอกซะแล้ว ตอนล่าสุดนี่ซุปเปอร์แมนมีลูกแล้วนะครับแต่นางเอกไม่เห็นสวยเลย เที่ยวให้สนุกนะครับลุง

Anonymous said...

http://www.oknation.net/blog/area/2009/07/13/entry-1# เดินทางได้แล้วนะลุง(^_^)

Anonymous said...

หลานที่หนึ่งตื่นเช้าจัง

ลุงไม่ได้ไปไหนครับ หยุดสามวันนี้ก็อยู่บ้าน วันทำงานก็ออกข้างนอกทุกวัน วันหยุดเลยขอขี้เกียจอยู่ที่บ้านที่กว่าครับ แต่อันที่จริงข้างนอกรถไม่ค่อยติด จะไปไหนก็สบายดีเหมือนกัน

อีกอย่าง เดือนหน้าลุงมีเดินทางไป ตจว อยู่แล้ว ช่วงนั้นคงมีโอกาสได้แวะเที่ยวบ้าง

ว่าแต่หลานไปไหนหรือเปล่า คงกินเจอยู่ละสิ

เจ็บคอถ้าไม่มากก็ทนๆเอาดีกว่า กินสมุนไพรฟ้าทลายโจรก็ได้ ไม่ถึงกับหายแต่ก็ช่วยบรรเทา ถ้าเจ็บคอมากทรมานก็ไปหาหมอดีกว่าครับ

ที่จริงชีวิตของลุงเริ่มออกเดินทางแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ ม.๔ นี่แหละ แต่เป็นการเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต ไม่ใช่การเดินทางเพื่อตามหาใคร ตอนนั้นหัวใจยังไม่ได้สัมพัทธ์กับใครอีก ดังนั้นจึงยังเปรียบกันไม่ได้ว่าใครช้าใครเร็ว แต่ในตอนต่อๆไปหัวใจของลุงจะไปสัมพัทธ์กับใครหรือเปล่านี่ต้องให้หลานคอยเอาใจช่วย

ใครมายืนหน้าห้องตอนหน้าก็คงรู้ครับ งานนี้มีเสียวอย่างที่คาดกันเอาไว้

หลานที่หนึ่งให้ลุงเดาว่าหลานคิดถึงใคร หลานคงคิดถึงป๋องมั้ง ถ้าคิดถึงแป๋งอาจจะง่ายเกินไปหน่อย อย่างหลานคงพยายามคิดอะไรที่ซับซ้อน ฌแลยด้วยละกัน ส่วนที่ลุงทำไมยังเลือกอยู่แถวลาดพร้าว ติดคำตอบหลานไว้หลายตอนแล้ว ตอนหน้าจะบอกครับ

มุขของนัยนี่นึกไม่ถึงจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจตั้งชื่อบอยเพราะแป้นคีย์บอร์ดครับ เป็นเรื่องบังเอิญ

แบงค์ นาจา กับต้อม หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหวังว่าคงสบายดี ส่วนโยยังเห็นประจำ หลานหนิงก็ด้วย ขอบคุณที่ติดตามครับ อาทิตย์ไม่ค่อยเห็นหน้าแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ ท้องฟ้า สายลม แสงแดดก็ไม่อยู่ อยู่แต่หลานทะเล เอารูปสวยๆมาฝากอาอีก อาชอบชุด 360 มาก

พี่ 42 นานๆมาที แต่คิดถึงพี่มากกว่าคนอื่นเพราะ... ไม่บอกดีกว่า

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน หลาน arus ต้องรักษาสุขภาพด้วย ฝนไม่ตกแล้ว ช่วงนี้อาคงไม่ต้องรับส่งหลานไปเรียนพิเศษ

อ้อ ยินดีต้อนรับ kimberly ครับ

ทักทายไม่ครบถ้วนขออภัยด้วยนะครับ บางทีก็หลงๆไป

อู

Anonymous said...

ตะแน่ว..ไม่ต้องททำซึมเลยนะครับลุงก็รู้ว่าผมนึกถึงใคร ไม่บอกหรอกว่าแต่ผมขอยา2ตอนนะครับจัดมาดิไม่งั้นหายไม่ทัน28นะครับหุหุ เกมของคุณหลานหนิงผมคิดไม่ออก ใบ้อีกหน่อยดิ แล้วไอ้คำว่า BUtRe ทำไมมีตัวใหญ่ 3ตัวเดาแล้วกัน1301
5526

Choo said...

ตอนนี้มารายงานตัวช้าครับ อูลืมพี่คนนี้เสียแล้ว จะน้อยใจดีไหมครับ แต่อย่าเลยแก่แล้วไม่น่าเอ็นดูเท่าเด็กๆ รังแต่จะหัวล้านเปล่าๆ

ตอนหน้ามีเสียวเหรอครับ ลืมแล้วว่าอาการเป็นอย่างไร รู้สึกภาค 3 เป็นหนังชีวิตตลอด คิดว่าจะไม่มีซะแล้ว

คิดว่ามีเสียวกับพี่ผู้หญิงที่ขโมยดูรูปร่างอู เมื่อวันก่อนแน่ๆ เลย น้องแป๋งถึงจะขี้เล่นแต่ไม่น่าจะหื่นขนาดนั้นครับ น้องป๋องก็ขี้เก๊กเกินไป....ผิดอีกแหละ ไม่รู้จะทายทำไม

คนชื่อนัยที่อยู่แถวๆ นี้ ทำอะไรแปลกๆ ให้สงสัยอยู่เรื่อยเลยนะครับ ว่าจะหายสงสัยอยู่แล้วเชียว ตกลงมุขน้องบอย นัยเป็นคนคิดให้อูหรือเปล่า หรือว่าช่วยกันคิด ล้ำลึกเกินจินตนาการครับ

จะว่าไปน้องบอยก็น่ารักดีนะอู ผมเชียร์ 1เสียงครับ ต้องอยู่กับปัจจุบัน อดีตคิดไปมีแต่ให้เศร้าหมอง

เป็นกำลังใจให้นายอู

ชู

ปล.โจทย์ของหลานหนิงยากเกินไป คิดไม่ออกครับ

Anonymous said...

ลืมพี่ชูจริงๆด้วย แล้วก็ลืมนัยด้วย สารภาพเอาไว้เลย เพราะคาดว่านัยคงเข้ามาต่อว่าเช่นกัน ป๋มผิดไปแล้วครับ

คำถามของหลานหนิงพี่ไม่น่าทายออก ยกเว้นพี่จะเล่นหวย เพราะคนที่จะทายได้มักเป็นพวกชอบตีใบ้หวยเก่งๆ สำหรับผมไม่มีหัวด้านนี้ครับ ทายปัญหาเชาวน์ไม่ออกสักข้อ ขอยอมแพ้

อู

Anonymous said...

อู เข้าใจหยอดจริงๆ ระวัง คุณชูจะน้อยใจไปมากกว่านี้นะ ผมเองไม่ค่อยได้เม็นท์มาแต่ติดตามเรื่องอยู่ตลอด ยังเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ครับ
ments42

Anonymous said...

ทำไมปิดเทอมนี้เงียบกันจังนะครับ

ช่วงนี้ยิ่งเซงๆ เบื่อๆ เครียดๆ เหงาๆ

กับการรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่

แต่ก้อนะ ช่างเถอะครับ

ว่าแต่ช่วงนี้อาอูดูอารมณ์ดีและคึกคักกว่าเมื่อก่อนนะครับ

มีเรื่องอะไรดีๆอ้ะเป่า

อย่าลืมเหล้ากับโซดา เอ๊ยย เล่าสู่กันฟังนะคร้าบบ

หลานหนุงหนิง

ปล.ใครมีวิธีทำให้เวลาเดินไวขึ้นจากปกติมั่ง อยากให้อาทิตย์นี้ผ่านไปไวๆจัง

Anonymous said...

ฮืออ พี่หนิงยังปิดเทอมยุอีกหรอ ดีจังT^T

ผมเปิดเทอมวันนี้วันแรกคับ ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ อยากให้แบบ ไปโรงเรียนโดยที่ได้เจอเพื่อน เล่นกะเพื่อนแล้วไม่ต้องเรียนอ่ะ - - ท่าทางจะเปนไปไม่ได้เนอะ แต่ก้ช่วยไม่ได้คับ อาชีพของเดกทุกๆคนก้คือนักเรียน เหมือนที่ผู้ใหญ่ก้มีอาชีพของแต่ละคน รับผิดอบในหน้าที่การงานของตัวเอง ปิดเทอมปีนี้ก้ดีคับ มีความสุขดี แต่เปิดเทอมไวไปหน่อยนะ - -"

แหม่ อาอูเล่นท้ายไว้ด้วย ตอนหน้ามีเสียว 55 ผมเดาว่าต้องเปนคุณพี่แป๋งแน่ๆเลย

ดีใจที่อาๆลุงๆชอบกันครับ รูป 360 นั่น ความจิงที่อื่นก้มีนะคับ ผมโพสไว้ต่อจากปารีสน่ะ แต่เข้าไปดูยุ่งยากหน่อย แต่ละอันก้สวยจิงๆ อยากรุมากเลยว่าทำได้ยังไง

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต่อให้

Sea~~!!

Nai said...

คึกคักขึ้นทันตาเห็นเลยครับ เห็นว่า blog ของอู เงียบๆมาหลายตอน ก็เลย ส่งความลับให้ดูนิดหน่อยครับ จะได้คึกคักขึ้น
พี่ชูนอกจากขี้ใจน้อย ยังขี้สงสัยอีกครับ

หลาน (^_^)ที่13 ถามนัยว่านับถือศาสนาอะไร ตอนนี้ศาสนาคริตร์ครับ เล่นกีตาร์เป็นตั้งแต่ ม.1 ชอบกินสเต็กซ์ครับ ตอนนี้ชอบกินสเต็กซ์ปลา เพราะว่าเป็นน้องพี่ชูไม่กี่ปี

ปล.พี่ชูถ้าจะให้อูไม่ลืม ต้องแทนตัวเองว่า หลานชู และ ลองเรียกอูว่า อาอู หรือ ลุงอู รับรองไม่มีลืม

;boyp

Anonymous said...

อานัยข้างบนอารมณ์ดีอีกคนแล้ว อาอูก็อารมณ์ดี วองคนนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ เอิ๊กๆ

Anonymous said...

อย่าอิจฉาไปเลยน้องที่1

ถึงพี่จะเปิดช้ากว่าเราแค่อาทิตย์เดียว

แต่กว่าพี่จะปิดได้ เหนื่อยใจมาก

แต่อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าโปรเจคจบที่ยังคงเป็นสเปิร์มอยู่

ไม่มีทีท่าว่าจะคลอด ที่กำลังรอพี่อยู่เทอมหน้า

เห้อออ เรื่องมันเศร้า เล่าแล้วsad พูดแล้วbad

จะมีใครซวยเท่าผมได้มั้ยเนี่ย

ทั้ง unlucky in luv and unlucky in game

หลานหนิง

Anonymous said...

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆที่ได้อ่านนะครับ
รู้สึกชอบและประทับใจมากครับ
ตามอ่านจนทันแล้ว
ก็ขอติดตามทุกความรักที่เกิดขึ้นกับอูนะครับ
แต่อยากลำเอียงให้นัยมากหน่อยกับคนที่มีช่วงเวลาของชีวิตที่ผูกพันกันนะครับอยากให้รักกันมากๆแม้ไม่ได้อยู่ใกล้กันแต่อยากให้เข้าใจกันถนอมความรู้สึกดีๆของกันและกันไว้ครับ
โดยส่วนตัวชอบนัยมากครับมีรูปแบบของเด็กที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ส่วนอูก็....ต้องบอกว่าเป็นรูปแบบของเด็กที่พัฒนาการปกติครับค่อยๆเติบโต
เป็นกำลังใจให้นัยและอูนะครับ
เป็นความผูกพันที่สมควรแก่ความรู้สึกดีๆที่ไม่อยากให้หายไปครับ
ขอบคุณผู้แต่ง...
ขอบคุณอูและนัยนะครับ
^___^

Choo said...

ชอบเม้นต์ข้างบนครับ กินใจดี

ไปลอกคำตอบหลานหนิงมาแล้วครับ

เฉลย 3712 คิดได้ยังไงครับ มุขนี้ อายังแอบไปอ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ขอมาเม้นต์ที่นี้ละกันนะหลานรัก

อาชู

ปล.จะมาเป็นหลานชูของอาอูแล้วละ โอ้...ทำใจไม่ได้อ่ะน้อง