Tuesday, July 21, 2009

ภาคสาม ตอนที่ 8

ห้องชายแดนของเราเป็นห้องที่ได้ชื่อว่าวุ่นวายอลเวงที่สุดในระดับชั้น ม.๔ เพราะว่านักเรียนในห้องนี้สร้างวีรกรรมเอาไว้สารพัด ทั้งหนีเรียน ไม่สนใจการเรียน ก้าวร้าวและล้อเลียนอาจารย์ ทำงานแบบขอไปที ฯลฯ อาจารย์แต่ละคนถึงกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา อาจารย์ทุกคนต่างพูดตรงกันว่าโชคดีที่ได้อาจารย์วารีเป็นอาจารย์ประจำชั้น เพราะถ้าเป็นคนอื่นนักเรียนคงไม่เกรงใจเท่านี้

น่าแปลกที่นักเรียนที่แรงกลับไม่ได้มีแต่กลุ่มเด็กเกอย่างเวชและเกรียง แต่กลุ่มเด็กเรียนดีอย่างกลุ่มไอ้เฉาก็แรงด้วยเหมือนกัน ทั้งโดดเรียนและไม่สนใจการเรียนพอๆกับกลุ่มไอ้เวช เรียกว่าพื้นเพต่างกันแต่พฤติกรรมเดียวกัน

สำหรับเด็กเกนั้นโดยปกติก็ไม่เอาใจใส่การเรียนอยู่แล้ว แต่การที่เด็กเก่งไม่เอาใจใส่การเรียนนั้นสาเหตุสำคัญก็มาจากระบบการสอบเอนทรานซ์นั่นเอง

ระบบการเข้ามหาวิทยาลัยในยุคก่อนต่างจากในยุคนี้ค่อนข้างมาก ตลอดเวลาหลายสิบปีของระบบอุดมศึกษาไทยได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมามาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในรอบสิบปีมานี้ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากจนยากจะตามได้ทัน

ในอดีต ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๔ การเข้ามหาวิทยาลัยนั้นใช้ระบบแต่ละมหาวิทยาลัยต่างคัดเลือกเอง ซึ่งสร้างความลำบากให้แก่นักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาก ดังนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จึงเริ่มมีการคัดนักเรียนเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยโดยการสอบแบบรวมศูนย์ขึ้นมา ซึ่งก็คือระบบการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยหรือที่เรียกว่า การสอบเอนทรานซ์ นั่นเอง

ในยุค พ.ศ. ๒๕๐๔ มีมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งที่เข้าร่วมในการสอบเอนทรานซ์นี้ ได้แก่ จุฬาฯ เกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ ขณะนั้นคณะแพทยศาสตร์ล้วนแต่สังกัดมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ (มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในยุคนั้นประกอบด้วย คณะแพทย์ศาสตร์มี ๓ คณะ คือคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ ฯลฯ แต่ในเวลาต่อมามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโดยโอนคณะบางคณะไปสังกัดมหาวิทยาลัยต่างๆ และตัวมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เองกลายเป็นมหาวิทยาลัยมหิดล) ต่อมาก็มีมหาวิทยาลัยต่างๆที่เข้ามาร่วมในการสอบเอนทรานซ์เพิ่มเติมขึ้นอีก

มาจนถึงในขณะที่ผมเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเป็นการสอบเอนทรานซ์ในระบบเดิม เพียงแต่ว่าในสมัยของผมมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมในการสอบเอนทรานซ์ ๑๓ มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล เกษตรศาสตร์ ศิลปากร พระจอมเกล้าลาดกระบัง พระจอมเกล้าธนบุรี พระนครเหนือ ศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา เชียงใหม่ ขอนแก่น และแม่โจ้ จำนวนนักเรียนที่สมัครสอบในระบบเอนทรานซ์กลางในสมัยผมก็ประมาณหนึ่งแสนต้นๆ ในขณะที่ที่นั่งในมหาวิทยาลัยทั้ง ๑๓ แห่งมีรวมกันประมาณ ๓๐,๐๐๐ ที่ หากสอบเอนทรานซ์ไม่ได้ก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิด หรือมหาวิทยาลัยเอกชน หรือไม่ก็ไปเรียนวิทยาลัยครู (ชื่อในตอนนั้น ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฏ)

เมื่อเปรียบเทียบกับในยุคปัจจุบัน นักเรียนที่สมัครในระบบแอดมิชชันกลางก็มีประมาณหนึ่งแสนต้นๆเช่นเดียวกัน แต่มีมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนบางแห่งให้เลือกได้มากถึง ๙๔ สถาบัน ๗๘๘ คณะ/วิชา มีที่นั่งที่รับได้รวมกันถึง ๘๐,๐๐๐ ที่ ดังนั้นในภาพรวมแล้วสภาพการแข่งขันของยุคที่ผมต้องเข้ามหาวิทยาลัยดูจะมีมากกว่า

การสอบเอนทรานซ์ในสมัยของผมและก่อนหน้านั้น สำหรับสายวิทย์ มีการสอบเพียง ๕ วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ (มีชื่อเรียกว่า อังกฤษ กข) และวิชาสามัญ ๑ (สังคมกับภาษาไทย) ซึ่งวิชาสามัญ ๑ นี้เพิ่งบรรจุเข้ามาในการสอบเอนทรานซ์รุ่นปีการศึกษา ๒๕๒๖ ก่อนหน้านั้นยังไม่มี

นอกจากวิชาหลักทั้งห้าแล้วก็ยังมีวิชาชีววิทยา สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าคณะด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ และวิชาเฉพาะ เช่น ถ้าต้องการเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ต้องสอบวิชาความถนัดทางวิศวกรรม ถ้าต้องการเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ก้ต้องสอบวิชาความถนัดทางสถาปัตย์ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อรวมแล้วนักเรียนที่เรียนสายวิทย์และต้องการสอบเอนทรานซ์ในคณะที่อยู่ในสายวิทย์ก็มักสอบไม่เกิน ๗ วิชา

และเนื่องจากแนวคิดของการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยก็คือการ ‘คัดเลือก’ ไม่ใช่การวัดผลสัมฤทธิ์ ดังนั้นข้อสอบคัดเลือกจึงเป็นข้อสอบที่ยาก ผู้ที่เก่งกว่าเท่านั้นจึงจะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ผู้ที่ออกข้อสอบก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่อาจารย์ระดับมัธยม ดังนั้นเนื้อหาที่นำมาออกในข้อสอบเอนทรานซ์จึงมักจะยากกว่าที่เรียนมา ด้วยเหตุนี้เอง นักเรียนชั้นมัธยมปลายซึ่งตั้งเข็มทิศชีวิตมุ่งเข้าสู่มหาวิทยาลัยจึงมุ่งเรียนและติวแต่วิชาห้าหกวิชาที่ว่ามานี้อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจวิชาอื่นๆ วิชาอื่นๆขอแค่สอบผ่านจนจบได้ก็พอ

และสำหรับวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่สอนในโรงเรียนเองนั้นเป็นไปตามหลักสูตรของ สสวท (พวกเรามักล้อกันว่า สสวท ย่อมาจาก สถาบันส่งเสริมการสอนวรรณคดีไทย) ซึ่งมีเนื้อหาที่เน้นการทดลองและการทำความเข้าใจในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่มีโจทย์คำนวณค่อนข้างน้อย ซึ่งก็ไม่สอดคล้องกับแนวของข้อสอบเอนทรานซ์ที่เน้นการทำโจทย์คำนวณ ดังนั้นนักเรียนจึงมักมองวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่สอนในโรงเรียนว่าไม่ตรงหรือไม่เพียงพอ ต้องดิ้นรนไปติวกับโรงเรียนกวดวิชานอกโรงเรียน ยกเว้นวิชาชีววิทยาที่ไม่ค่อยนิยมกวดวิชากันมากนัก เพราะคิดว่าเป็นวิชาท่องจำ และที่สอนให้ห้องเรียนก็ใกล้เคียงพอสมควรแล้ว

ดังนั้นเรื่องการที่นักเรียนโดดเรียน ไม่สนใจวิชาเรียนในห้อง ขอแค่สอบผ่านก็พอ และไปกวดวิชาอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับนักเรียนมัธยมปลายในชั้น ม.๕ และ ม.๖ พวกอาจารย์ก็ทราบดีแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ได้แต่ทำใจ แต่สำหรับห้องของผมนั้นเริ่มออกอาการดังว่ามาตั้งแต่ ม.๔ เลยทีเดียว โดยมีผู้นำคือกลุ่มไอ้เฉา กลุ่มนี้มีหัวก้าวหน้า ต้องการเรียนจบและสอบเอนทรานซ์ให้ได้ภายในสองปี แทนที่จะเป็นสามปี บวกกับมีการเกาะกลุ่มและการวางแผนการติวที่ดี กลุ่มนี้จึงแทบไม่สนใจการเรียนในห้องเอาเลย แถมยังมีเพื่อนๆเอาอย่างและขยายกลุ่มออกไปอีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้จึงกลายเป็นแนวร่วมของกลุ่มเวชและเกรียงไปโดยปริยาย

สำหรับผมนั้น ในตอนต้นเทอมผมก็ไม่ค่อยสนใจกลุ่มไอ้เฉาเท่าไรนัก เพราะว่าตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องการสอบเอนทรานซ์และการตั้งเข็มชีวิตว่าจะเรียนคณะอะไร รวมทั้งไม่ได้คิดเรื่องกวดวิชาและเรื่องเรียนสองปีจบด้วย แต่ต่อมาเมื่อเห็นกลุ่มของไอ้เฉามีความเข้มแข็งและมีเพื่อนๆตามอย่างมากขึ้น กระแสของกลุ่มนี้จึงค่อนข้างแรง แม้แต่ไอ้กี้และไอ้ยูรก็เป็นไปด้วย ผมก็เลยเริ่มสนใจเรื่องเอนทรานซ์และการกวดวิชาขึ้นมาบ้าง และมักฟังพวกมันคุยกันเสมอ

- - -

บางครั้งเมื่อผมมมีเวลาว่าง ผมก็มักไปที่สหกรณ์เพื่อไปดูหนังสือการ์ตูนและนิตยสาร ที่จริงผมไม่ค่อยได้สนใจที่จะเช่าอะไรมาอ่านมากนัก เพียงแต่ว่าบางครั้งก็รู้สึกอยากไปที่นั่นเท่านั้นเอง เพราะว่าอดีตบางส่วนของผมอยู่ที่นั่น... ในวันที่ยังมีไอ้นัยอยู่ด้วย

“หวัดดีพี่” เสียงแจ๋วๆทักทายผม ไอ้น้องบอยนั่นเอง “วันนี้เช่าอะไรดีฮะ หรือว่าจะดูเฉยๆ”

ในวันนั้นมีสตาฟอยู่ในห้องหลายคน แต่คนที่มาตอนรับผมคือบอยเจ้าเก่า

“เห็นหน้าพี่ก็เริ่มกวนเลยนะเอ็ง” ผมดุมัน “นี่ทั้งสหกรณ์ไม่มีคนอื่นต้อนรับลูกค้าเลยหรือไง พี่มาทีไรเจอแต่หน้าเอ็งทุกที”

บอยยิ้มแฉ่ง แววตาแจ่มใส “ก็มีอยู่หรอกพี่ แต่ผมแย่งเค้าทำน่ะ”

“ขยันเว้ยเฮ้ย” ผมอดชมมันไม่ได้ ท่าทางมันกระตือรือร้นดีจริงๆ “แล้วเอ็งไม่ไปเล่นไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างเหรอ เอาแต่มาหมกอยู่ในนี้”

“อยู่นี่หนุกดีพี่ ได้เจอคนเยอะ ไม่เหงาอะ” บอยพูด ว่าแล้วมันก็พูดเหมือนกับนึกขึ้นมาได้ “เอ้อ พี่ ชื่อไรอะ ยังไม่รู้ชื่อพี่เลย”

“ชื่อพี่ก็อยู่ในบัตรสมาชิก เอ็งก็เห็นอยู่ทุกที” ผมกวนมันบ้าง

ไอ้น้องบอยอ้าปาก ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ “โห ผมหมายถึงชื่อเล่นหรอกครับ นี่พี่เรียนมาถึง ม.ปลายได้ไงเนี่ย แค่นี้ไม่เข้าใจ”

“หนอย บังอาจต่อปากต่อคำ” ผมดุมัน พลางเอามือเบิ๊ดกะโหลกมันเบาๆ

บอยย่นคอเหมือนกับจะหลบมือผม แต่ก็หลบไม่พ้น “โอ๊ยพี่ อย่าตีหัวดิ”

ผมชะงัก คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ภาพเก่าๆไหลเข้ามาในห้วงคำนึงของผม เด็กที่ยืนตรงหน้าเหมือนกับไม่ใช่ไอ้น้องบอย แต่เป็นอีกคนหนึ่ง... คนที่ผมอยากพบเป็นที่สุด

“เดี๋ยวสมองเสื่อมหมด” บอยพูดต่อ

แม้เหตุผลของมันจะไม่ใช่เรื่องฉี่รดที่นอน แต่มันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร

“พี่ ยืนอึ้งเลย ผมล้อเล่น” เสียงใสๆของบอยกระชากผมให้ตื่นจากภวังค์

“พี่ชื่ออู” ผมบอกชื่อเล่นของตนเอง

“พี่อู” บอยเรียก ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทุกครั้งที่ผมเห็นบอย ผมเห็นแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของมัน มันทำให้ผมอดรู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้นไปด้วยไม่ได้

“เห็นผมทุกที เบื่อเหรอพี่ ผมเห็นพี่ทุกทียังไม่เบื่อเลย” ไอ้น้องบอยเริ่มกวนอีก

“ทำไมเอ็งถึงได้กวนขนาดนี้วะ” ผมดุมันอีก แต่ในใจรู้สึกเอ็นดูมัน

“ไม่รู้ดิ” บอยตอบหน้าตาย “ผมเห็นพี่แล้วก็นึกอยากกวนขึ้นมาอะ”

จำได้ว่าตอนเด็กๆผมเคยอยากมีน้อง เพราะผมเองเป็นลูกคนเล็ก เวลาเห็นเพื่อนแถวบ้านมีน้อง ต้องดูแลน้อง รวมทั้งเล่นสนุกกับน้องและแกล้งน้องได้ ทำให้ผมรู้สึกอยากมีน้องบ้าง แต่ความรู้สึกนี้ก็เบาบางลงไปตั้งแต่สนิทกับไอ้นัย ผมเอาเวลาไปใส่ใจมันจนลืมคิดเรื่องการมีน้องไป แต่มาถึงวันนี้... ในวันที่ไม่มีไอ้นัย เมื่อผมเห็นความแจ่มใสน่ารักของบอย ความรู้สึกอยากมีน้องชายสักคนก็คุกรุ่นขึ้นมาอีก

- - -

“ไอ้อู ยังไม่ไปเอาจดหมายมาอีกเหรอ” ไอ้นนทักผมขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องเรียนในตอนพักเที่ยงของวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ขณะนั้นมันเพิ่งขึ้นตึกมา

แมนและนนที่เมื่อตอนต้นเทอมเพื่อนๆตั้งฉายาให้ว่า แบล็กแอนด์ไวต์ คล้ายยี่ห้อวิสกี้ แต่หลังจากผ่านมาจนถึงกลางเทอมก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากเพื่อนๆให้เป็น จอมมารดำขาว จากผลงานอำเพื่อนๆอย่างสะบั้นหั่นแหลกของมันทั้งสองคน

“ไปเอามาตั้งนานแล้ว” ผมอำมันกลับบ้าง

“เอามากะผีอะไร เมื่อกี้กูยังเห็นอยู่เลย” ไอ้นนพูด

ผมสังเกตเห็นในกระเป๋าเสื้อของมันมีซองจดหมายที่ถูกฉีกปากซองแล้วฉบับหนึ่ง ผมชักเริ่มเอะใจ

“มึงไปเอาจดหมายมาเหรอ” ผมถาม

“เออดิ กูไปเอาทุกเดือนแหละ ธนาณัติจากทางบ้านน่ะ” นนตอบ

สมัยนั้นถ้าเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดและพ่อแม่ต้องการส่งเงินรายเดือนมาให้มักใช้วิธีส่งเป็นไปรษณีย์ธนาณัติ โดยส่งใบธนาณัติซึ่งมีค่าเท่ากับตั๋วแลกเงินมาทางจดหมาย ผู้รับก็เอาใบนั้นไปขึ้นเงิน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ การโอนเงินทางบัญชีธนาคารยังไม่เป็นที่นิยมกัน

“แล้วทำไมเค้าไม่เอาจดหมายมาส่งให้ที่ห้องเรียนวะ” ผมถามด้วยความสงสัย ผมเข้าใจเอาว่าถ้ามีจดหมายมาถึงนักเรียน ทางโรงเรียนก็น่าจะนำมาส่งให้ที่ห้องเรียน

“จะบ้าเหรอ ใครจะมาคอยส่งให้มึง นักเรียนมีตั้งหลายพันคน” ไอ้นนหัวเราะ “ต้องไปเอาเองที่ห้องธุรการทุกคนแหละ รีบไปเอาเถอะ จดหมายจากเมืองนอกซะด้วยนะมึง”

“หา... อะไรนะ” ผมละล่ำละลักถาม รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล “แล้วทำไมมึงไม่เอามาให้กูด้วยล่ะ”

ผมซักมันต่อ เพราะยังไม่วางใจสนิท เกรงจะถูกมันอำ

“ซองจดหมายมีภาษาฝรั่ง ซองมาจากเมืองนอก หยิบมาให้ไม่ได้เพราะถ้ามีเงินข้างในเดี๋ยวคนจะหาว่ากูขโมย” นนตอบ “ที่จริงกูเห็นจดหมายพวกนี้มานานแล้วนะโว้ย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักมึง”

ผมรีบผุดลุกขึ้นทันที “ไอ้ห่า ทำไมเพิ่งมาบอกวะ” ผมด่ามัน

“ไอ้เวร” ไอ้นนด่ากลับ “ก็กูบอกมึงตั้งเดือนแล้วมึงเสือกไม่ไปเอาเอง”

ประโยคหลังผมได้ยินเพียงแว่วๆเพราะว่ากว่ามันจะพูดจบผมก็วิ่งลงบันไดตึกไปแล้ว...


<ภาพมอส ปฏิภาณ เมื่อตอนเข้าวงการถ่ายแบบไม่นาน ตอนที่ผมเรียน ม.ปลาย มอสยังเป็นวัยรุ่น ม.ต้นอยู่>

ดาวน์โหลดเพลง รักแท้ (แต่รอให้รวยก่อน) ผลงานยุคแรกๆของชมพู ฟรุตตี้ เป็นเพลงแนวตลก ฟังแล้วขำๆดี เพลงนี้หาฟังได้ค่อนข้างยาก

25 comments:

naja said...

น่าจะเป็นจดหมายของพี่นัยแน่เลย

ผมน่าจะอ่อนกว่าพี่อูซัก 3-4 นะครับ เพระาผมอ่อนกว่ามอส อ้อม ประมาณ 2 ปี

เรียกพี่อูเลยแล้วกัน อิอิ

Anonymous said...

มารายงานตัวแล้วครับ
ทำสอบได้คะแนนเต็มหลายวิชาเลยครับ!!

หลาน Arus ของอาอู

yo408 said...

ที่3
รอบนี้ได้ที่3บ่อยแฮะ เลยรีบมาแย่งไว้ก่อน

Anonymous said...

โอ ข่าวแรกจากอานัย?
หรือจะเป็นเพียงสายลมพัดผ่าน...

หลาน Arus ของอาอู

Anonymous said...

เวอร์

Anonymous said...

(^_^) สอบเพิ่งเสร็จไปเมื่อวานครับ ตานี้ล่ะจะแอบไปดูหนังที่ไม่ใช่สือสักหน่อยหุหุ แฮรี่ พอตเตอร์นี่ก็เฉยๆผมไม่ใช่สาวก ดูหม่ำดีไหมเห็นว่าฮา มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์นี่แสดงว่าแต่ก่อนมีเรียนหมอ3แห่งเองสินะครับลุงหมอ

yo408 said...

อ่า มีจดหมายภาษาปะกิตด้วย แฮะๆ อยากรู้ใครส่งมา

Anonymous said...

อยากเดาว่าเป็นนัย แต่กลัวว่าคุณอูจะหักมุมอีก เดาผิดประจำเลย

nai said...

ผมอายุมากกว่า มอส สัก 3-4 ปี อายุน่าใกล้เคียงคุณอู

Anonymous said...

มารายงานตัวทุกๆตอนครับพี่อู

เจอน้อง arus แล้ว น้องทะเลกะลุงชูยังไม่มาครับ

IZ

Choo said...

มารายงานตัวครับ อู น้องๆ หลานๆ

น้อง IZ เหมือนอยู่ต่างประเทศ เรียน ป.เอก อยู่ เป็นไง เรียนยากไหม ผมนึกภาพการเรียนจนจบถึง ดร.ไม่ออก อธิบายให้รู้บ้าง อยู่ ปท.ไหน สาขาอะไร

หลานทะเล อายุยังน้อยเรียนไป เล่นไปก่อน อย่าเพิ่งมีความรักอะไรกับเค้าตอนนี้ ชีวิตยังมีอะไรน่าสนใจกว่าเรื่องนี้อีกมาก เชื่อลุง

ชอบชื่อ "หลาน Arus ของอาอู" ดูหนิดหนมและเป็นกันเองดีกับอู แอบตาร้อนเล็กๆ ปีนี้เอ็นซ์ติดคณะที่ตั้งใจไว้นะครับ อวยพรล่วงหน้ากันก่อนแต่ต้นปีเลย ใกล้ๆ กลัวลืม

Nai ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก post มาบ่อยหรือเปล่าครับ ตกใจชื่อ นัย อายุก็ใกล้เคียง อู งั้นคุณเป็นคนเดียวกับนัยในเรื่องที่อ่านอยุ่เปล่าเนี้ย...เฉลยมาด้วย..ขี้เกียจคิดเอง กลัวผิดหวัง

น้องที่ 1 ชวดที่ 1 มาหลายตอนแล้วนะครับ รีบๆ หน่อย

น้องอูไม่ว่ากันนะครับ ทักทายแฟนคลับอูเสียยาวววว ช่วงนี้อูงานน่าจะเยอะมากๆ ถ้าเครียดๆ ก็หาที่พักผ่อนบ้างนะครับ อ่านที่อูเขียน รู้สึกว่าอูล้าๆ อยู่ในที่ เหมือนคิดไม่ค่อยแล่น หรือเปล่าครับ

ว่าแต่ซอยไนติ้งเกลเนี้ย ไปมาหรือยัง 555

เป็นกำลังใจให้ครับ ดูแลสุขภาพด้วย

ชู

ปล.กลับไปอ่านภาคแรก อูนี้หื่นมากๆ ผมเรียนเป็นรุ่นพี่ 3 รุ่น แต่อายุอาจเท่ากัน แต่ประสบการณ์ sex อาจเป็นรุ่นพี่ผมหลายปีทีเดียว

Anonymous said...

ก็เรื่อยๆนะครับลุงชู
แต่ว่าเรียนมาจนถึงขนาดนี้ได้เนี่ยะ
ต้องให้ความดีความชอบกับคุณแม่ผมครับ
ที่คอยดูแลผมเป็นอย่างดี
แต่ความลำบากเนี่ยะก็ตอนหาทุนเรียนต่อครับ
แล้วก็ต้องทำเกรดให้ได้ตามที่เค้ากำหนดว่าสามารถมาเรียนต่อได้

IZ

Anonymous said...

พี่ชูเพิ่งได้อ่านภาคแรกหรือครับ ที่พี่คอมเมนต์ไม่รู้ว่าจะถือเป็นคำชมหรือคำติดี ผมถือว่าชมไว้ก่อนก็แล้วกันครับ ผมไม่ได้กลับไปโรงเรียนเก่าในซอยข้างไนติงเกลนานแล้วละครับ เพราะเป็นพวกตกสำรวจ ไม่มีรายชื่อในหนังสือรุ่น ใครมีอะไรกันเลยไม่เรียก เลยไม่ค่อยรู้ว่าพรรคพวกทำอะไรกันบ้าง เหตุที่ทำไมตกสำรวจพออ่านไปจะทราบครับ

ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยครับ แถมมีปัญหาเรื่องปวดตาอยู่บ้าง เพราะว่าดูจอต่อเนื่องนานเกินไป เลยต้องพักบ้าง

เรื่องจดหมายนั้นตอนนี้เสียงแบ่งออกเป็นสองทาง ส่วนหนึ่งคิดว่าเป้นจดหมายจากนัย อีกส่วนหนึ่งคิดว่าผมจะหักมุมอีก เอาเป็นว่ารออ่านตอนหน้าก็แล้วกันครับ จะได้รู้ว่าจอมมารดำอำหรือเรื่องจริง

ดีใจกับหลาน arus ด้วยที่สอบได้คะแนนดี ช่วงนี้หลานๆคงสอบกลางภาคกันอยู่ ขอให้หลานๆทุกคนได้คะแนนสอบดีๆสมตามความเพียรของแต่ละคนครับ

หลานที่หนึ่งไปดูหนังอะไรล่ะ อย่าลืมชวนลุงบ้าง ชวนพี่ IZ บ้างก็ได้

เห็นหลายๆคนหายไป กู๋ กร KTB เด็กหลัง รร เก่า ฯลฯ หวังว่าคงสบายดีกันทุกคนครับ

อู

Anonymous said...

ปล.

เอาเพลงรักแท้มาเพิ่มให้ในตอน ๘ นี้ แวะเข้าไปดาวน์โหลดกันได้ครับ

อู

Anonymous said...

(-_^)ขอบคุณลุงชูครับเดาว่าลุงนี่รุ่นน้อยกว่า100นะสิครับ ลุงอูผมไปฟังเพลงมาแล้วชอบเพลงตอนที่แล้วมากกว่าครับ แต่ผมใช้เชื่อมโยงดูแล้วหรือว่าหมายถึงคนที่นั่งข้างลุงมี กี้ แมน นน เหมาหมด555+ พรุ่งนี้มีศิริราชโรดโชว์ที่รร.ด้วยบายครับ

พี said...

มา.....อ่านแล้วครับ...หลังจาก ห่างแสงสีและเทคโนฯ ไปซะ 1เดือน ไปหมกตัวที่สตูลมา
ตอนที่ 8 แล้ว อ่านทันแล้วครับ....
จะตามติดเหมือนเดิมครับ คุณอู
ตอนนี้มี รูปมอส ด้วย ชื่อผม เป็นชื่อตัวละครวันเสาร์ที่มอสเล่น ดังมากๆ ... 3หน่ม3มุม ...พวกผมและเพื่อน ก็เอามาตั้งชื่อกัน จน กลายเป็น นิกเนมที่ผมใช้มาจนปัจจุบัน

พี

Choo said...

หลานที่1 คิดว่าลุงจบที่ไหนเหรอคับ รู้สึกว่าปัจจุบันเค้าเปลี่ยนวิธีนับรุ่นแล้ว ลุงก็เลยงงๆ นับเอาเองละกัน จบม.6 ปี2530 เขียนไปรู้สึกตัวว่าแก่ม๊ากกกก..หลานยังไม่เกิดชัวร์

อูครับ..ผมเข้ามาเริ่มอ่านตอนภาคสอง ภาคแรกไม่ได้สนใจอ่านเพราะเห็นเป็นช่วงวัยเด็ก ขอโทษที..คิดว่าน่าจะเป็นแบบเล่นเป่ากบ ทอยเส้น วิ่งไล่จับ โปลิสจับขโมย เตะฟุตบอล แต่ที่ไหนได้ โอโห อื้อหือ ก็ใครจะไปคิดละ ตอนผมอยู่ประถม ยังเป็นเด็กน้อย ยังไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่างเลย โน้นกว่าจะรู้ สนใจเรื่อง sex เข้าไปปลายๆ ม.2แล้ว เรื่องนี้ยกให้อูเป็นรุ่นพี่เลย 555

นับแล้ว ผม ม.2 อูในเรื่องฯ ก็ ป.5 โตพร้อมกัน ก็เลยสรุปว่าอายุน่าจะเท่าๆ กัน แต่อูคนเขียนเดาไม่ถูกคับ แต่ไม่น่าจะทิ้งกันเท่าไร ก็เลยขอสมัครเป็นเพื่อนเลยละกัน (จีบกันดื้อๆ อย่างนี้เลย)

อ้าว มัวแต่เขียนอยู่ ไปทำงานต่อดีก๊า

ชู

Anonymous said...

พี่ชูรู้จักอูน้อยไปเสียแล้วขอรับ ภาคหนึ่งน่ะอ่านกันตัวซีดแล้วซีดอีก ภาคสองน่ะเบาลงไปเยอะเลย ฮุฮุ ยังไงภาคสามอย่าตัดออกไปหมดนะอู ขอไว้บ้างก็ยังดี

จากคนที่คุณไม่รู้ว่าใคร

Anonymous said...

นัยรึเปล่า ลุ้นตัวโก่งงงงงงงง



OK.

Anonymous said...

มาแล้วครับ ช้าไปนิดนึง - - พอดีช่วงนี้มีเรื่องชวนเหนื่อยใจเยอะเลยขอไปพักซักหน่อย ความจริงนั่งคุยกับตัวเองนี่เปนสิ่งที่ดีเหมือนกันนะครับ(เหมือนคนบ้าเลย 55)

อยากรุจังว่าจดหมายเปนของใคร อาจจะของอานัยก้อได้นะครับ ถ้าเปนอานัยจิงนี่ผมจะดีใจมากๆเลย

ดูเหมือนพี่ Arus อันดับจะดีแล้วนะครับ ดีใจด้วย พี่ที่ 1 กะพี่ Arus ก้อดูจะสอบได้คะแนนดีๆกานทั้งนั้นเลย อิจฉาๆ 55

ปล.ขอบคุณครับที่มาเขียนต้อให้

Sea~~!!

Anonymous said...

มีปากเสียง ขุ่นข้องหมองใจมาล่ะสิหลานทะเล คุยกับตัวเองไม่บ้าหรอกเพราะบางทีเราก็ต้องการเวลาเพื่อสำรวจตนเอง เหนื่อยนักก็พักเสียบ้างดีแล้วหลาน ช่วงนี้อาก็เหนื่อยใจเหมือนกัน t1000 ก็น่าสงสัยว่าจะเหนื่อย ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า

พีมีเรื่องเดินทางจริงด้วย แล้วเรื่องหัวใจเป็นไงบ้างครับ

พี่ชูนะพี่ชู เป่ากบ ทอยเส้น ไล่จับ แล้วจะมีคนอ่านเหรอครับพี่

คิดถึงแบงค์ ม่อน ฟ้า thom เด็กวางระเบิด และอีกหลายๆคนครับ ไม่ค่อยได้เห็นคอมเมนต์ หวังว่าคงสบายดี

อู

Anonymous said...

เดี๋ยวต้องไม่ค่อยคอมเม้นท์บ้าง
พี่อูจะได้คิดถึง 555 น้องทะเลเป็นอะไรไปเนี่ยะ
หัวใจหว้าวุ่น?

IZ

Bomber_boy said...

ขอบคุณนะครับพี่อู ที่คิดถึงผมด้วย น่าประทับใจจริงๆ ได้เข้ามาอ่านตลอดแหละครับแต่ว่าบางทีก็ยุ่งจริงๆ ผมว่าเมื่อก่อนผมไม่เห็นจะยุ่งขนาดนี้เลย อยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง จะได้มีเวลาว่างมากกว่านี้

จากที่อ่านมาหลังๆนี่รู้สึกว่าสาระมีมากเลยทีเดียวนึกว่าเป็นบล็อกวิชาการซะอีกนะเนี่ย... แต่มันก็ได้รำลึกความหลังดีนะครับ แถมได้ความรู้เพิ่มอีกต่างหาก เพราะว่าเรื่องบางเรื่องนี่ผมก็ไม่รู้จริงๆ นะ

ปล.คิดถึงพี่อู และทุกคนนะครับ

ยุ่น said...

ตัวจริง...มาปรากฏตัวแล้ว จริงป่ะเนี่ยะ

คุณ nai หรือคุณ คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร
ช่วยเฉลยหน่อยซิครับ please....
ลุ้นตัวโก่งงงงงงงงงงงงง กันเลยทีเดียว
ฮุฮุ --- เสียงหัวเราะมาก่อนก็ได้

ขอบคุณครับ คุณอู

ยุ่นครับ --ฝันที่เป็นจริง(ซักที)

INo said...

มาเม้นที่นี้ไว้ก่อนดีกว่า

ผมเพิ่งมาอ่านน่ะครับ เลยไปเม้นไว้นู้นเมื่อปี07-08มั้ง พี่อูคงไม่เหนหรอกเนาะ เลยมาเม้นให้ที่นี่ ผมจะได้คุยกับพี่ได้ โหะๆ

(ส่วนด้านล่างนี้ เขียนให้พี่อูหรืออื้นๆแอดมาหาเท่านั้นล่ะครับ ถ้าไม่ต้องการแอดมาหา ก้อไม่ต้องอ่านแล้วกัน่ะ)
สะใจคร้าบบบบบบบบบบบบบ ไม่รู้แหะว่าจะคุยกับพี่อูตรงๆได้ยังไง ที่ผมเม้นอยู่นี้ก้อไม่รูพี่จะได้อ่านมั้งหรือป่าว ถ้ามีใครสามารถติดต่อพี่อูได้ ช่วยบอกให้หน่อยนะครับlogitecd@hotmail.com