ห้องนี้เป็นห้องที่รวมคนเก่งจากห้องอื่นมาไว้หลายคน มีที่หนึ่งของห้องจากตอน ม.๓ ก็สองคนแล้ว นอกจากนั้นยังมีระดับที่สองและที่สามของห้องอีกหลายคน
พัน เด็กที่เกรดเฉลี่ยสะสมของม.ต้นดีที่สุดในห้อง ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้น พันเป็นเด็กผิวขาว หน้าตี๋ ใส่แว่นหนาเตอะ แม้จะได้ที่หนึ่ง แต่นิสัยของพันกลับไม่ได้เป็นเด็กเคร่งขรึมตามมาดเด็กเรียนทั่วไป ตรงกันข้าม พันเป็นเด็กที่ร่างเริง แถมลามกสัปดนไม่เบาเลยทีเดียว ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กที่ได้ที่หนึ่งของห้องจะลามกได้ขนาดนี้ เรื่องที่พันไม่ถนัดเอาเลยก็คือเรื่องกีฬา เพราะแว่นสายตาหนาเตอะเป็นอุปสรรค จะเล่นกีฬาอะไรก็ไม่สะดวก
มอน นายนพมาศประจำปีที่แล้ว แม้จะมีชื่อเสียงจากเวทีประกวด แต่ที่จริงแล้วมอนก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากคนหนึ่ง ผลการสอบได้เกรดเป็นลำดับหนึ่งถึงสามของห้องตลอดมา มอนมีใบหน้ารูปไข่ ขาว ทั้งสวยและทั้งหล่อในใบหน้าเดียวกัน ประกอบกับบุคลิกนิ่มๆ รูปกายขนาดกะทัดรัด ทำให้รู้สึกว่ามอนเป็นเด็กที่น่ารักมาก ทำให้ผมชอบมองดูมอนอยู่เสมอ เวลานั่งเรียน มอนจะนั่งอยู่ข้างหน้าเยื้องไปทางขวา ทำให้ผมแอบมองใบหน้าด้านข้างของมอนได้อย่างสบายโดยที่มอนไม่รู้ตัวเลย
แม้แต่ไอ้กี้ เพื่อนโต๊ะติดกันของผม ก็เป็นเด็กที่เรียนดีคนหนึ่ง เกรดของมันสามกว่าๆ ดีกว่าผมมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจว่าถึงอย่างไรปีนี้ผมก็มีที่พึ่ง และก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้เป็นที่พึ่งของผมตลอดสามปีเพราะต่อไปเราจะไม่มีการคละห้องเรียนกันอีก
สำหรับพวกตัวแสบตัวจี๊ดที่นั่งกันอยู่ที่หลังห้องด้านริมหน้าต่างก็มีกันอยู่หลายคนที่เดียว หัวโจกของกลุ่มคือเวช ซึ่งนั่งทางด้านซ้ายของผมนี่เอง เวชเป็นเด็กที่ค่อนข้างก้าวร้าว ชอบแสดงออกด้วยการทำตัวเป็นผู้นำกลุ่ม เมื่อเป็นผู้นำของทั้งห้องไม่ได้ก็ขอเป็นผู้นำกลุ่มเด็กเกก็ยังดี เวชมักเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนๆและอาจารย์ด้วยการตั้งกองแซวอาจารย์ผู้สอนในวิชาต่างๆอยู่เสมอ
นอกจากเวชแล้วยังมีเด็กเกระดับรองหัวโจกอีกคน นั่นก็คือไอ้เกรียง เกรียงเป็นเด็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อตอน ม.๔ ไม่รู้ว่าเข้ามาได้อย่างไรเหมือนกัน ภารกิจหลักในชั้นเรียนของมันก็คือเป็นรองหัวหน้าแก๊ง ช่วยเวชแซวอาจารย์
นอกจากเวชและเกรียง ที่เป็นระดับหัวโจกแล้วก็ยังมีเด็กเกอีกสามสี่คนซึ่งคอยเป็นลูกสมุนให้สองคนนี้
- - -
ผมเดินไปดูห้องสหกรณ์ส่งเสริมการอ่านที่ผมเคยทำงานอยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากที่เปิดเรียนไปได้ระยะหนึ่งสหกรณ์ก็เริ่มเปิดทำการ เมื่อผมเข้าไปที่นั่น ผมก็พบว่าภายในเวลาเพียงชั่วปีเดียวที่ผมห่างหายไป ผู้คนที่ผมรู้จักล้วนแล้วแต่หายหน้าไปจนหมด
พี่มั่วก็จบออกไปแล้ว พี่เอ้กับพี่หมีปีนี้ก็อยู่ชั้น ม.๖ ทั้งคู่ต่างก็มัวยุ่งกับการเตรียมสอบเอนทรานซ์ ไม่ได้ขึ้นมาทำงานที่นี่แล้วเช่นกัน พวกที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันล้วนแต่เป็นพี่ ม.๕ ที่ผมไม่รู้จัก นอกนั้นก็เป็น ม.๔, ม.๓ และ ม.๒ ที่ผมไม่รู้จักสักคน
ผมอดสะท้อนใจไม่ได้ ภายในเวลาเพียงปีเดียว สหกรณ์ที่ผมเคยรักและผูกพันเปลี่ยนแปลงไปได้มากถึงเพียงนี้ จากสถานที่ที่เคยมีเพื่อนและพี่ๆที่คุ้นเคยและอบอุ่น สถานที่ซึ่งผมกับไอ้นัยเคยใช้วันเวลาร่วมกัน แต่ในวันนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่ผมเป็นคนแปลกหน้าไป
“พี่จะเช่าอะไรดีครับ การ์ตูนใหม่ๆก็มีครับ” น้อง ม.ต้นซี่งทำหน้าที่คอยบริการลูกค้ากล่าวทักทายเมื่อเห็นผมยืนเคว้งอยู่ น้องคนนี้หน้าตาคมคาย แจ่มใส ตอนรับด้วยอัธยาศัยอันดี มันทำให้ผมอดนึกถึงไอ้นัยไม่ได้ ทั้งผมและนัยต่างก็เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน... แต่วันนี้ทั้งผมและไอ้นัยต่างก็เติบโตขึ้น และต่างก็ต้องเดินไปตามเส้นทางที่ชะตาลิขิตเอาไว้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อผมมองดูหน้าของรุ่นน้องคนนี้ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมเห็นอดีตของตนเองและไอ้นัยมาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นเอง
“น้องชั้นอะไรน่ะ มาทำงานที่นี่นานหรือยัง” ผมถาม
“ม.๒ แล้วครับ เข้ามาทำตั้งแต่เทอมสอง ปีที่แล้ว” เด็กรุ่นน้องตอบด้วยเสียงแจ่มใส
“ขอพี่ดูทั่วๆก่อนละกัน” ผมบอก
น้องปล่อยให้ผมดูการ์ตูนและนิตยสารตามสบาย เนื่องจากผมไม่ติดการ์ตูนญี่ปุ่น จึงไม่ค่อยสนใจกับชั้นหนังสือการ์ตูนนัก ผมดูนิตสารไปเรื่อยๆ
นิตยสารที่อยู่ในชั้นก็เป็นนิตยสารหัวเดิมๆ เช่น แพรวสุดสัปดาห์ แพรว ฯลฯ นิตยสารแนวนี้เป็นแนวผู้ใหญ่หน่อย เอาไว้บริการอาจารย์ กับพวกแนววัยรุ่น เช่น เธอกับฉัน วัยหวาน ฯลฯ เอาไว้บริการพวกนักเรียนด้วยกัน แต่ผมเริ่มให้ความสนใจกับนิตยสารบางเล่มที่มีภาพปกเป็นนายแบบหน้าตาดี
นิตยสารเธอกับฉันและวัยหวานเป็นนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังในยุคของผม ว่ากันว่าพวกนักเรียนหญิงจะนิยมชมชอบนิตยสารที่ว่านี้มากกว่านักเรียนชาย แต่เนื่องจากพี่มั่วเคยลองเอามาแล้ววัยรุ่นชายก็มาเช่าไปอ่านเหมือนกัน เพราะเนื้อหาข้างในก็มีเกี่ยวข้องกับวัยรุ่นทั้งหญิงและชาย ไม่ได้เจาะจงขายเฉพาะเด็กผู้หญิง พี่มั่วก็เลยซื้อมาด้วยเสมอ บางทีผมและไอ้นัยก็เคยไปซื้อนิตยสารเหล่านี้มา แต่ไม่เคยสนใจมันเลย
ดาราหรือว่านายแบบชายที่นักเรียนหญิงกรี๊ดในสมัยนั้นก็มีอยู่หลายคน อย่างเช่น พี่นิว อธิป ทองจินดา พี่ต้อม พลวัฒน์ มนูประเสริฐ สองคนนี้มักขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นอยู่เสมอๆ ผมพลิกดูนิตยสารต่างๆในห้องโดยให้ความสนใจกับนายแบบชายหน้าตาดีมากกว่านางแบบสาวๆสวยๆ
“พี่จะเช่าเล่มนี้เหรอ” น้อง ม.ต้นคนเดิมเข้ามาชวนผมคุยอีก มันมองดูนิตยสารเธอกับฉันที่ผมถืออยู่ในมือแล้วก็มองไหมสีที่ปักอยู่บนอกเสื้อ จากนั้นก็อมยิ้ม
“ถามทำไมเหรอ” ผมถามกลับ ไอ้น้องคนนี้มันน่ารักดี ช่างเจรจากับลูกค้า ดูมันคล่องแคล่วกว่าผมในตอนนั้นเสียอีก
“ก็มันนิตยสารเของด็ก ม.ต้นอะพี่” ไอ้น้องพูดพลางอมยิ้มอีก
“มันเขียนบอกไว้ตรงไหนวะน้อง” ผมรีบวางนิตยสารลง ชักรู้สึกอยากเขกหัวไอ้น้องคนนี้เสียแล้ว
“ก็ไม่มีเขียนบอกตรงไหนหรอกพี่” คราวนี้น้องไม่อมยิ้มแล้ว แต่ยิ้มแฉ่งเห็นฟันขาว “แต่เห็นพี่ๆเค้าไม่เช่ากันนี่ มีแต่เด็ก ม.ต้นมาเช่า”
“พูดกวนนัก เดี๋ยวเตะเสียเลย” ผมพูดยิ้มๆ “ชื่ออะไรวะ”
“บอยครับ” ไอ้น้องตอบ “พี่หน้าตาใจดี ไม่เตะผมหรอก” รู้จักประจบรุ่นพี่เสียอีก
ผมลงมาจากสหกรณ์มือเปล่า ไม่ได้เช่าอะไรติดมือมาเลย ที่จริงก็ไม่ได้คิดมาเช่าอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่อยากมาดูสถานที่ที่ผมและไอ้นัยเคยทำงานอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง การได้เจอบอยทำให้ผมนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาและคิดถึงไอ้นัยอีก หัวใจของผมเริ่มปั่นป่วนดั่งระลอกคลื่นอีกครั้งหลังจากที่ได้พยายามทำใจมาแล้วเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี

<นิตยสารเธอกับฉัน นิตยสารวัยรุ่นที่โด่งดังในยุคนั้น ปัจจุบันก็ยังตีพิมพ์และวางจำหน่ายอยู่ ภาพนี้เป็นนิตยสารในปี พ.ศ. ๒๕๒๘ หน้าปกเป็นภาพของ นิว อธิป ทองจินดา ดาราวัยรุ่นยอดนิยมในช่วงนั้น พี่นิวเสียชีวิตในปี ๒๕๓๐ จากอุบัติเหตุรถยนต์ ตอนเสียชีวิตอายุประมาณ ๒๓ ปี>

<อธิป ทองจินดา ถ่ายแบบในนิตยสารฉบับอื่นๆในยุคเดียวกัน>