Sunday, November 18, 2007

ตอนที่ 68

ผมรู้สึกผิดเมื่อได้รู้ความจริง แต่พอรู้สึกผิดในสิ่งที่ได้คิดและได้ทำกับไอ้ชัชไป มันก็ทำให้ผมคิดถึงสิ่งที่ผมทำกับไอ้นัย ว่ามันแย่ยิ่งกว่าที่ทำกับไอ้ชัชเสียอีก ตอนนั้นผมรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ทำอะไรก็ผิดไปเสียทุกอย่าง ผมเริ่มร้องไห้อีก

“ไม่เอานะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว” ไอ้ชัชปลอบผม ไม่พูดเปล่า มันนั่งลงข้างๆผมและเอาแขนโอบผมไว้แน่น เหมือนพี่ปลอบน้อง “มึงไม่เคยขี้แยแบบนี้เลยนี่หว่า”

ผมพยายามกลั้นสะอื้น แต่มันก็ไม่ได้ผล ไอ้ชัชโอบผมไว้แน่น ผมรู้สึกแปลกๆ ผมสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและมิตรภาพที่มันถ่ายทอดมาให้ ซึ่งปกติแม้จะกินนอนอยู่กับมันมานานหลายปี แต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกถึงตัวตนของมันที่อยู่ลึกลงไปข้างใน จากเปลือกนอกที่กวนประสาท ชอบต่อล้อต่อเถียง แต่ลึกลงไปข้างในกลับกลายเป็นคนที่จริงจัง และอบอุ่น

แต่ความรู้สึกนั้นมันปรากฏขึ้นเพียงวูบเดียว แล้วก็หายไป เพราะผมมัวไปพะวงถึงเรื่องของไอ้นัย น่าเสียดายครับ ที่โอกาสถ่ายทอดใจต่อกันของผมกับไอ้ชัชมันช่างสั้น อีกทั้งยังไม่ถูกเวลา ไม่อย่างนั้นอนาคตของเราทั้งสามคนอาจเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบอื่น ที่ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ ...

ไอ้ชัชนั่งปลอบผมอยู่สักพัก จนผมรู้สึกดีขึ้นและหยุดร้องไห้ จากนั้นมันก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมกินอาหาร ผมไม่อยากให้มันเสียน้ำใจก็เลยแข็งใจกินลงไป ทั้งๆที่ตอนนั้นไม่ได้หิวเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้น ผมก็นั่งกระวนกระวายและวิตกกังวล ว่าไอ้นัยเป็นอย่างไร ผมหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน เพราะว่าไม่อยากลงไปเจอหน้าใครที่ชั้นล่าง ไม่อยากตอบคำถามใคร แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมคงหลบซ่อนได้ไม่นาน เพราะอย่างไรอีกเดี๋ยวทุกคนก็ต้องขึ้นมาเข้านอน

“ทำไมมึงไม่ลองโทรไปหาไอ้นัยดูล่ะ ถามมันหน่อยว่าเป็นยังไง” ไอ้ชัชแนะนำ

ที่จริงเรื่องโทรไปนั้นผมก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าสู้กับความจริง ผมละอายต่อไอ้นัย และกลัวที่จะรู้ว่ามันเป็นอะไรมาก แต่ความรู้สึกนี้ไอ้ชัชคงไม่เข้าใจหรอกครับ

ผมนั่งนิ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปโทรศัพท์ จนไอ้ชัชต้องจับมือผมลากออกมาจากเตียง และกึ่งจูงกึ่งลากผมลงไปข้างล่าง ไปยังเครื่องโทรศัพท์

โทรศัพท์หยอดเงินสมัยนั้นมีสองแบบ คือเป็นตู้สีแดง หยอดเหรียญครั้งละ ๑ บาท เป็นเครื่องขององค์การโทรศัพท์ กับมีเครื่องโทรศัพท์บ้านที่ดัดแปลงโดยต่ออุปกรณ์หยอดเหรียญเข้าไป อย่างหลังนี่ต้องหยอดครั้งละ ๓ บาท มักใช้กันตามหอพักหรือว่าตามร้านค้า เพราะว่าเจ้าของเครื่องต้องการเอากำไรจากค่าโทรศัพท์ ในหอของเราก็มีทั้งสองแบบ เพราะเครื่องแบบขององค์การฯที่หยอดบาทเดียวนั้นมีเครื่องเดียว บางทีก็ต้องรอคิวกันนาน

คงยังจำกันได้นะครับ ว่าตอน ป.๖ นั้นที่บ้านไอ้นัยติดตั้งโทรศัพท์แล้ว ผมมีเบอร์ของมันเพราะเคยโทรไปคุย แต่ไม่ค่อยบ่อยเพราะว่าเกรงใจคุณอาของมัน

โชคดีที่ตอนนั้นเครื่องโทรศัพท์ว่าง ไอ้ชัชก็จัดแจงเจ้ากี้เจ้าการ หยอดเหรียญ ต่อโทรศัพท์ให้ผมเสร็จ เมื่อหยอดเหรียญกดเบอร์เรียบร้อยมันก็ยัดหูโทรศัพท์ใส่มือผม

“ฮัลโหล” เสียงเด็กๆ ใสๆ จากปลายสายข้างโน้นทักทายขึ้น เสียงไอ้นัยนั่นเอง

“นัย หวัดดีอ่ะ” ผมพูด

เสียงทางด้านโน้นเงียบไปชั่วครู่

“ฮื่อ” เสียงไอ้นัยพูด

ผมอึดอัด ไม่รู้จะพูดอะไรดี ไอ้ชัชคงสงสาร หรือว่าทนรำคาญไม่ไหวก็ไม่แน่ใจ มันเลยต้องบอกบทให้

“ก็ถามมันไปสิว่าเป็นยังไงบ้าง” ไอ้ชัชกระซิบ แต่เสียงกระซิบของมันก็ดังพอสมควร ผมคิดว่าไอ้นัยคงได้ยิน

“มึงพูดให้กูหน่อยละกัน นะ” ผมเอาหูโทรศัพท์ยัดใส่มือไอ้ชัช ตอนนั้นผมเสียศูนย์อย่างมาก คิดอะไรไม่ออกเลย

ไอ้ชัชยัดหูโทรศัพท์คืนมาใส่ในมือผม

“คุยเองสิวะ” ไอ้ชัชพูด “กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ” แน่ะ มันยังอดสอนผมไม่ได้ แต่ก็จริงอย่างที่มันว่านั่นแหละครับ พอผมกลัวขึ้นมา ผมก็พยายามหนีความจริง

ผมก็เลยคุยซักถามว่าไอ้นัยเป็นยังไงบ้าง มันก็ตอบว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง

“โดนคุณอาดุหรือเหล่า” ผมถาม

ไอ้นัยอึ้งไปนิดหนึ่ง “ เปล่าอ่ะ”

“พรุ่งนี้กูต้องกลับบ้านแล้ว แต่อดห่วงมึงไม่ได้ กลัวมึงเป็นอะไรมาก กลัวมึงโดนว่าด้วย” ผมพูดได้เพียงนี้ก็ต้องสะอึกสะอื้นออกมาอีก “กูขอโทษนะนัย มึงโกรธกูไหม”

ผมถามอะไรออกมาโง่ๆ ก่อเรื่องขนาดนี้จะไม่ให้โกรธได้ยังไง แต่ก็ถามไปอย่างนั้นเอง พยายามหลอกตัวเอง

“ไม่รู้ดิ” ไอ้นัยพูดเสียงครุ่นคิด “ไม่โกรธมั้ง”

ผมพูดต่อไปไม่ไหว เพราะว่ามันจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ จึงยัดหูโทรศัพท์ให้ไอ้ชัชแล้วตัวผมเองก็หลบไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่ข้างๆ

หลังจากนั้น ไอ้ชัชก็คุยกับไอ้นัยอีกสักครู่ โดยที่ผมไม่ได้ไปสนใจฟัง เพราะว่ามัวแต่คิดสับสนอยู่ จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปเพราะว่าเวลาหมด

คืนนั้นผมนอนตาค้างอยู่เป็นนาน จนกระทั่งหลับไป ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตนเองที่เป็นต้นเหตุทำร้ายเพื่อนที่ผมสนิทด้วยที่สุด

หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันหยุด พ่อของผม รวมทั้งพ่อของไอ้ชัช ต่างก็มารับเราเพื่อกลับไปบ้านต่างจังหวัดชั่วคราว เนื่องจากทางโรงเรียนหยุดเนื่องในวันปีใหม่ให้หลายวัน ผมเดินทางกลับบ้านด้วยจิตใจที่เศร้าหมองเพราะคิดถึงแต่เรื่องของไอ้นัย และเป็นห่วงมัน ตลอดเวลาที่อยู่บ้านต่างจังหวัด ผมขออนุญาตพ่อเพื่อโทรไปหาไอ้นัยทุกวัน โดยหลอกพ่อว่าไอ้นัยมันไม่สบายตอนสิ้นปีพอดี เลยเป็นห่วงมัน ซึ่งพ่อก็ไม่ว่าอะไร ตอนนั้นค่าโทรศัพท์ทางไกลแพงมากครับ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยอยากโทรกัน ดังนั้นจึงได้แค่ทักทายและคุยกันสั้นๆ แต่เมื่อรู้ว่ามันค่อยๆดีขึ้นแล้ว ผมก็ค่อยสบายใจขึ้น ส่วนไอ้ชัชนั้น ผมไม่ได้โทรไปหามันเลย
- - -

หลังจากหยุดไปประมาณ ๔-๕ วัน เมื่อเปิดเรียนอีกครั้งก็กลายเป็นปี พ.ศ. ใหม่ไปแล้ว นักเรียนทุกคนต่างมีสีหน้าสดใส และคุยกันเสียงขรมถึงกิจกรรมที่ได้ทำเมื่อตอนปีใหม่ บางคนก็เล่าถึงเรื่องไปเที่ยว บางคนก็เล่าเรื่องงานเลี้ยงปีใหม่ที่พ่อแม่จัดขึ้น ส่วนผมนั้น เมื่อได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่วันนี้ก็รีบมาแต่เช้าเพราะอยากเจอไอ้นัย

รอไม่นานนัก ก็เห็นไอ้นัยถือกระเป๋านักเรียนเดินเข้ามาในห้อง วันนี้ไอ้นัยดูสดใส เสื้อผ้าขาวสะอาด หวีผมเป๋เสียเรียบแปร้ ผิดกับสภาพในวันก่อนที่มอมแมมอย่างสิ้นเชิง

แต่ก่อนที่ผมจะพูดคุยอะไรกับไอ้นัย ไอ้ชิดมาจากไหนก็ไม่รู้ มันโฉบเข้ามาคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้นัย

3 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ อู ที่มาต่อตอนที่ 68 ให้ครับ อ่านกำลังเพลินๆ เริ่มวิตกอีกแล้วครับ ตอนท้ายที่ไอ้ชิดมาขวางกลางระหว่างนัยกับอู ไม่รู้มันจะมาไม้ไหนอีก เฮ่อ.....
ถ้าว่างแล้วรีบมาต่อนะครับ
คิดถึงครับ
กร ครับ

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับอู สำหรับตอนที่ 68
เก่งมากครับสำหรับการที่ลงท้ายจบตอนด้วย
"suspense" คือการทำให้ผู้อ่านกระหายใคร่ตืด
ตามตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อใคร่รู้ว่าต่อไปเหตุการณจะเป็นอย่างไร นั่นคือเทคนิคตวามสามารถของการเล่า
เรื่องของผู้เล่า ที่จะทำให้ผู้อ่าน รอคอยตอนต่อไป
อย่ากระวนกระวายใจ อยูไม่เป็นสุข ตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่ตอนใหม่จะมา จะเข้ามเปิดเนทดูทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ ครั้ง ทุกคนจะหายใจเข้าออก เป็น อู อู อู มา มา มา
แล้ว แล้ว แล้ว ยัง ยัง ยัง อูมาแล้วยัง 555555
เข้าใจทำนะอู ให้คนคิดถึงอู ตลอดเวลา
เมื่อไหร่น้า..อูจะมา
อูขอวานช่วยเตะตูดไอ้ชิดแทนผมทีดิ
ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ
จะรอตอนต่อไปครับ ด้วยใจจดจ่อ
ขอบคุณอีกครั้งครับ
สำหรับคนน่ารักอย่างอู
ที่ไม่ทิ้งพวกเราไป
KTB

Anonymous said...

รอตอนนี้นานเลยคับ
ขอบคุณอู ที่มาต่อให้นะคับ
เป็นอย่างไรงานคงยุ่งสิคับ
เป็นกำลังใจให้น่ะคับ