จำได้ว่าเมื่อตอนมาอยู่กับคุณอาใหม่ๆ กูกลัวมาก กลัวถูกดุด่า ถูกตีอีก ก็เลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เค้ารัก ทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อไม่ซน อยากให้ทำอะไรกูก็ทำ อยากให้กูเป็นอะไรกูก็เป็น อยากให้ตั้งใจเรียนก็ตั้งใจเรียน คราวนี้ได้ผล เพราะดูเหมือนคุณอาทั้งสองคนจะรักกูและไม่เคยตีกูเลย
ตอนประถมต้นเราอาจไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร มึงอาจจะจำไม่ได้ว่าตอนเข้ามาเรียน ป.๑ ใหม่ๆกูโดนเพื่อนๆแกล้งบ้างเหมือนกัน กูอยากให้เพื่อนๆรักก็เลยทำเหมือนเดิม คือพยายามตามใจเพื่อนๆเสมอ เพื่อนๆก็เลยไม่ค่อยแกล้งกู แต่กูก็ไม่มีใครที่เป็นเพื่อนสนิท ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เรามาสนิทกันตอนประถมปลาย รู้มั้ยว่ากูดีใจขนาดไหนในที่สุดมีเพื่อนสนิทเสียที กูยอมให้มึงกับไอ้ชัชแกล้งด้วยความเต็มใจเพื่อแลกกับมิตรภาพของพวกมึง ไม่รู้ว่ามึงจะเข้าใจหรือเปล่า
ตอนที่กูไปเที่ยวบ้านมึง ได้เห็นครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่ชายที่ดี มันทำให้กูอิจฉามึงมากรู้มั้ย ความรู้สึกของกูมันอธิบายไม่ถูก มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย กูอายเพื่อนๆ โดยเฉพาะอายมึง กูคงเป็นเด็กที่เกิดมาโดยพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด ก็เลยทิ้งกูไป
ตั้งแต่นั้นมากูก็พยายามชดเชยปมด้อยให้ตัวเอง คุณอาอยากให้กูเรียนให้เก่ง สอบเข้า ม.๑ ที่นี่ให้ได้ กูก็พยายามเต็มที่ ความอิจฉาที่มึงมีครอบครัวที่อบอุ่น ทำให้กูอยากเอาชนะมึงในบางด้านเพื่อชดเชยความรู้สึกที่ด้อยกว่ามึง ก็เลยพยายามเรียนให้ชนะมึง พยายามสอบเข้าให้ได้ คุณอาอยากให้กูเป็นสถาปนิก กูก็ตั้งความฝันไว้ว่าจะเป็นสถาปนิกให้ได้ ยิ่งสนิทกับมึงเท่าไร กูก็ยิ่งพยายามชดเชยปมด้อยให้ตัวเองมากขึ้น แต่ก็เพื่อจะได้รู้สึกทัดเทียมกับมึงบ้างแค่นั้นเอง กูไม่ได้ต้องการเอาชนะเพื่อข่มมึงนะอู
ตอนที่เราสอบจะเข้า ม.๑ แล้วมึงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา รู้ไหมว่ากูผิดหวังมากขนาดไหน กูไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะเกรงใจไอ้ชัชมัน แต่ถ้ากูมีสิทธิ์เลือกใครสักคนเพื่อมาเรียนต่อ ม.๑ เป็นเพื่อนกูได้ คนที่กูจะเลือกก็คือมึง
ตอนเรียน ม.๑ เป็นปีที่มีความสุขมาก เราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด โดยเฉพาะวันเสาร์เป็นวันที่กูรอคอยเลยแหละ เพราะจะได้ไปเดินเล่นสยามสแควร์กับมึงสองคน
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดอีกช่วงหนึ่งก็คือเวลาที่เราอยู่ด้วยกันที่บึงน้ำ มันเป็นโลกที่กูชอบมาก ที่นั่นไม่มีใครอื่น ไม่มีใครเด่น ไม่มีใครด้อย มีแต่ความสงบสุข ความรัก และความอบอุ่น หลายต่อหลายครั้งที่กูคิดจะเล่าเรื่องในครอบครัวให้มึงฟัง แต่ก็ไม่กล้าเล่าสักที ใจหนึ่งก็อยากบอกความจริง อีกใจหนึ่งก็กลัวมึงโกรธที่โกหกมาตั้งนาน อีกอย่างหนึ่งก็คงอายด้วยแหละ เพราะมันเป็นปมด้อยของกูมาตลอด
ตั้งแต่กูมาอยู่กับคุณอา แม่ไม่ค่อยได้ติดต่อมาบ่อยนัก แม่ใช้ชีวิตอยู่กับแฟนอีกหลายคน ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ตอนที่เราอยู่ ม.๒ เทอมต้น ช่วงนั้นแม่อยู่ในกรุงเทพฯนี่เอง แต่เราก็ไม่ค่อยติดต่อกันเท่าไร เพราะคิดว่าเค้าก็มีครอบครัวของเค้า กูก็มีครอบครัวของกู
จู่ๆแม่ก็บอกว่าแม่กับแฟนจะย้ายไปอยู่อเมริกาเพราะไปลงทุนเปิดร้านอาหารที่นั่น มันทำให้รู้สึกวูบเหมือนกันนะ กูเสียใจมาก เพราะอะไรก็รู้สิ กูว่าเค้าก็ไม่รักกู แต่ทำไมพอจะจากไปกูกลับรู้สึกไม่อยากให้เค้าไปเลย ตอนนั้นแหละที่กูเริ่มรู้สึกสับสนกับชีวิต
ตอนนั้นเองที่กูได้รู้จักกับพี่เต้ หลังจากที่กูช่วยงานพี่เต้ได้สักพัก กูรู้สึกว่าคนนี้แหละคือพี่ชายที่กูเคยฝันอยากจะมีตั้งแต่เด็ก พี่เต้ดีกับกูมากเหมือนที่พี่เอ๊ดดีกับมึง มึงมีพี่ชายได้ ถ้ากูมีสักคนก็คงไม่ผิดใช่ไหมอู แต่กูรู้สึกว่ามึงไม่ค่อยพอใจพี่เต้เลย
แม่เดินทางไปอเมริกาตอนที่เราปิดเทอมกลางของ ม.๒ ตอนนั้นกูเสียใจมาก ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันคล้ายกับว่าแม่ไม่ได้สนใจไยดีหรือรักกูเลยแม้แต่น้อย อยากไปไหนก็ไป อยากทิ้งก็ทิ้ง ไม่เคยคิดห่วงกูเลย อยากระบายกับมึงนะ เคยคิดว่าถ้าได้ระบายให้มึงฟังแล้วคงสบายใจขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเหตุผลอย่างที่ว่า คือไม่รู้จะเริ่มต้นบอกอย่างไร
ตอนนั้นแหละที่กูเริ่มพยายามหาคำตอบว่าความรักคืออะไรกันแน่ พอได้ไปอ่านเรื่อง ๒๓ นิยาย เล่มที่มึงเคยเห็นนั่นแหละ ในนั้นบอกว่าพระเจ้าคือความรัก กูก็เลยสนใจอยากศึกษาศาสนาคริสต์ ทั้งที่เราก็จบมาจากโรงเรียนคาทอลิกมาก่อน แต่ก็ยังไม่ได้พบคำตอบอะไร
ช่วงนั้นกูรู้สึกว่าพี่เต้ชดเชยความรู้สึกให้กูได้บ้าง มันเหมือนกับว่าแม่จากไป แต่กูยังมีพี่ชายเหลืออยู่ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่กูมีกับพี่เต้ไม่ได้เหมือนที่มีกับมึง กูไม่เคยคิดว่าพี่เต้สำคัญกว่ามึงเลยนะอู มึงต่างหากที่เป็นคนที่สำคัญที่สุด แต่ดูเหมือนมึงจะไม่เข้าใจ และไม่ชอบพี่เต้เอาเลย หรือว่ากูทำผิดพลาดไปก็ไม่รู้สิ แต่ตั้งแต่พี่เต้เข้ามา กูรู้สึกว่ามึงดีกับกูน้อยลง
แล้วจู่ๆพี่เต้ก็หายไป มึงคงไม่รู้ว่ากูเสียใจมากขนาดไหน แม่ก็ไป พี่ชายก็ไป ตอนนั้นกูรู้สึกว่ามีแต่มึงคนเดียวที่อยู่กับกูมาตลอด แต่ก็กลายเป็นว่าระหว่างเรายังมีอะไรที่คาใจกันอยู่ เราแทบไม่พูดกันเลย กูแอบเสียใจเสมอ อยากให้มึงดีกับกูเหมือนก่อน แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนเทอมปลายกูรู้สึกเคว้งคว้างมากเลย เพราะไม่ว่าแม่ มึง พี่เต้ ต่างก็ทอดทิ้งกูไปหมด
กูยังมีเรื่องที่กูโกหกมึงอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือตอนปิดเทอมปลาย ม.๒ กูเห็นมึงโกรธกูไม่หายสักที และไม่เห็นมึงชวนกูไปเที่ยวบ้านมึงตอนปิดเทอมเหมือนทุกปี ที่จริงกูอยากไปนะ อยากให้มึงชวน แต่มึงไม่ชวนสักที กูก็เลยโกหกว่าพี่เต้ชวนไปเที่ยว เพราะอยากให้มึงรู้สึกว่าต้องรีบชวนกู แต่กูคงคิดผิดไป ถึงตอนนั้นก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ปิดเทอมปีนั้นก็เลยได้แต่อยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน
ตอนปิดเทอมใหญ่ ม.๒ แม่โทรมาคุยและเล่าแผนการว่าจะให้กูไปอยู่และไปเรียนที่นั่นด้วย ตอนนั้นตกใจมาก กูไม่ต้องการไป กูไม่อยากไปไหน ที่มีคุณอา มีมึง ทุกคนที่กูรักอยู่ที่เมืองไทยหมด มันก็แปลก ตอนที่แม่ไปก็คิดว่าเค้าทิ้งกู แต่พอจะเอากูไปอยู่ด้วยกูกลับไม่อยากไป
กูบอกให้คุณอาช่วยพูดกับแม่ หลังจากนั้นคุณอาก็บอกว่าคุณอาก้าวก่ายไม่ได้ เป็นเรื่องระหว่างแม่กับลูก กูทั้งผิดหวังและเสียใจมาก นี่น่ะหรือที่พวกเค้าบอกว่ารักกู ไม่เห็นปกป้องกูเลย ใครจะมาพากูไปไหนก็ปล่อยให้พาไป ไม่เคยถามกูเลยว่ากูอยากไปไหม
ปิดเทอมนั้นกูเซ็งชีวิตมาก มึงก็ไม่อยู่ กูก็เลยไปคบเพื่อนแถวนั้น มันก็สอนให้กูสูบบุหรี่ แล้วต่อมาก็กัญชา ตอนที่มึงมาเจอกูนั้นกูเพิ่งสูบบุหรี่ไปไม่กี่ครั้ง ส่วนกัญชาก็เพิ่งสูบไปครั้งนั้นครั้งที่สองเอง พอมึงมาเจอเข้ามึงก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ด่ากูอย่างเดียว กูก็เลยหลุดปากพูดไม่ดีออกไป
หลังจากนั้นกูก็เสียมึงไปอีกคน คนที่กูคิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนั้นกูคิดว่าชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีใครที่รักกู ไม่มีใครปกป้อง มีแต่คนที่คิดขับไล่ไสส่ง ก็เลยอยากทำอะไรให้มันสะใจบ้าง กูอยากประชดคุณอา อยากประชดมึง อยากประชดทุกๆคน โดยทำเรื่องเหี้ยๆอย่างที่มึงเห็น ที่จริงยังมีเรื่องเหี้ยๆของกูอีกหลายเรื่อง แต่ไม่เล่าละกัน แค่นี้มึงก็เกลียดกูมากพอแล้ว ไม่อยากให้เกลียดมากไปกว่านี้อีก
ตอนที่ รปภ จับกูได้ในห้องน้ำ ความรู้สึกแรกที่กูโดนจับกูคิดถึงมึง คิดว่าถ้ามึงรู้เรื่องเข้าแล้วจะคิดยังไง จะโกรธและเกลียดกูมากขนาดไหน คิดไม่ออกเลยจริงๆ ความรู้สึกต่อมาก็คือถ้าคุณอารู้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แล้วพอกูออกมาจากห้องน้ำ กูก็ได้เจอมึง ตอนนั้นกูตกใจมาก ทั้งกลัว ทั้งตกใจ เสียใจ และก็สะใจ สมน้ำหน้าตัวเอง ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมดจนแยกไม่ออก
กูถูก รปภ จับไปสอบปากคำที่ห้อง เค้าให้เลือกว่าจะให้ส่งตำรวจหรือเชิญผู้ปกครองมา ในที่สุดกูก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง เพราะถ้าเรื่องถึงตำรวจ ยังไงคุณอาก็ต้องรู้อยู่ดี หลังจากนั้นกูก็ให้เบอร์ที่บ้านไป แล้วคุณอาก็มารับกูกลับไป
คุณอาทั้งสองคนร้องไห้ใหญ่ แล้วก็ทะเลาะกันเอง ต่างก็โทษกันว่าเลี้ยงกูไม่ดี กูถึงได้วิปริตแบบนี้ ภาพนั้นสะเทือนใจที่สุด คำว่าวิปริตนี่...จะบอกยังไงดีล่ะ มันยิ่งกว่าบาดหัวใจ มันบาดลึกเข้าไปถึงวิญญาณเลย คุณอาตบหน้ากู เป็นครั้งแรกที่กูถูกคุณอาตี แม้กายจะเจ็บ แต่หัวใจมันเจ็บยิ่งกว่า แต่จะโทษใครได้ กูทำเองทั้งนั้น กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับผลใช่ไหม
หลังจากนั้นไม่นาน คุณอาก็ตัดสินใจส่งตัวกูให้ไปเรียนต่อเมืองนอกตามแผนการของแม่ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเสียอีก เดิมจะให้กูเรียนจนจบ ม.๓ เสียก่อน แล้วคุณอาก็คุมตัวกูยังกับนักโทษ ไม่ให้กูติดต่อใครเลย เค้าสงสัยไปหมดว่าเพื่อนๆเป็นสาเหตุที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะเค้าสงสัยมึงมากที่สุด
อู กูยังมีเรื่องโกหกมึงอีกเรื่องนึง เห็นไหมว่ากูเป็นเด็กขี้โกหก ถ้าจมูกยาวได้ป่านนี้คงยาวมากแล้ว
อีกเรื่องที่กูโกหกก็คือ จดหมายสองฉบับก่อนกูบอกว่ากูสบายดีน่ะ กูคิดว่ามึงเป็นห่วงกู กลัวจะไม่สบายใจ ก็เลยบอกไปยังงั้น แต่ตอนนี้คงไม่ต้องปิดบังอะไรแล้วมั้ง
กูถูกจับส่งมาเรียนในโรงเรียนประจำ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะให้กูมาเรียนที่อเมริกาทำไม ถ้าเค้าอยากให้กูอยู่ใกล้ๆก็คงให้กูไปอยู่โรงเรียนไปกลับมากกว่า แต่นี่กลับส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ แต่ก่อนกูเคยอยากอยู่โรงเรียนประจำเพราะจะได้อยู่กับมึง แต่ไม่ใช่แบบนี้ อยู่ที่นี่โคตรเลวร้ายเลย มาใหม่ๆภาษาไม่กระดิก ต้องมาหัดภาษาก่อน ยังไม่รู้เลยว่าเรียนภาษานานเท่าไร เมื่อเรียนภาษาจนใช้ได้แล้วต่อไปก็ต้องไปเรียน ม.๓ ใหม่ ต้องเสียเวลาเรียนซ้ำชั้นไปอีกหนึ่งปี
อยู่ที่นี่ใหม่ๆเหมือนตกนรก อาหารก็ไม่คุ้น อากาศก็ไม่คุ้น ภาษาก็ยังใช้ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี มีแค่กีตาร์เป็นเพื่อน การรังแกกันที่นี่ก็มีบ้าง แต่กูยังไม่เจออะไรแรงๆ แต่แค่นี้ก็แย่แล้ว คิดถึงบ้าน คิดถึงมึงมาก ถ้ากูตาย ยังไงก็ขอให้เอาศพกูกลับเมืองไทยด้วยละกัน ไม่อยากฝังที่นี่หรอก
อู มึงรู้ไหมว่ากูประทับใจมึงมากที่สุดตอนไหน มึงคงทายไม่ถูก ตอนกบฎ ๙ กันยาไง เช้าวันนั้นตอนที่กูเข้าไปหามึงในซอย มึงวิ่งหน้าตาตื่นออกมาลากกูเข้าไปในบ้าน หน้าตามึงขำมากเลยรู้ไหม เพราะมึงทำยังกับว่าเค้ายิงกันที่หน้าปากซอย แต่กูขำไม่ออก เพราะสีหน้าของมึงบอกกูหมดทุกอย่าง กูไม่เคยเห็นใครที่จริงใจและห่วงใยกูขนาดนี้มาก่อน กูดีใจที่ได้เล่นเพลง A Lover’s Concerto ให้มึงฟังนะอู
เรื่องที่เราจะปลูกบ้านอยู่ติดกัน เห็นจะมีโอกาสเลือนรางเต็มที แต่ถ้ามึงยังอยากให้เป็นยังงั้นอยู่... ช่างมันเถอะ เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว จะคิดไปทำไม

<ผมเอาจดหมายทั้งสามฉบับออกมาจากห้องธุรการ พลางคิดว่าจะหาที่สงบๆที่ไหนอ่านดี... ห้องสมุดก็แล้วกัน... เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องสมุดทันที ผมเดินเข้าไปด้านในของห้องสมุด เลือกมุมสงบที่มีคนน้อยที่ไอ้นัยเคยนั่งอ่านหนังสือ>