Monday, March 24, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 5

ในปีนี้ ไอ้นัยมาพักอยู่กับผมที่บ้านถึง 5 วัน เราใช้เวลาด้วยกันตลอด เวลาของเราส่วนมากใช้ไปกับที่บ้านและที่บึงน้ำ ตอนเย็นก็ไปเตะบอลกับพวกเด็กแถวบ้าน ปีนี้แต่ละคนดูโตขึ้น เรื่องความเกเรหาเรื่องไอ้นัยนั้นไม่มีอีกแล้ว

และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์นั้นไม่ต้องนับ เพราะว่ามันเยอะจนไม่ได้นับ เราเล่นประตูหลังกันได้เพียงสองวันแรกเท่านั้น ส่วนที่เหลือหลังจากนั้นก็ผลัดกันใช้มือและปาก เพราะว่าแสบก้นจนทนไม่ไหว มีเลือดออกกันทั้งคู่ ไอ้นัยยังอาจจะทนไหว เพราะผมทำมันเบาๆ แต่ผมนั้นทนรับไอ้นัยอีกไม่ไหวแล้ว

เรามีเซ็กซ์กันในช่วงนั้นเยอะมาก วันหนึ่งไม่รู้กี่ครั้ง เท่าที่จะมีอารมณ์ จนวันสุดท้าย เราก็ได้แค่นั่งเล่นกันเฉยๆ เพราะว่าจู๋บวมและถลอกกันทั้งสองคน ของผมนั้นพอเวลาแข็งตัวจะรู้สึกแสบทั้งข้างนอกและข้างใน ใส่กางเกงในก็ไม่ได้เพราะว่าเมื่อโดนกางเกงในรัดแล้วจะเจ็บ

ปิดเทอมปีนั้นนับว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งผมยังจดจำมันได้อย่างตราตรึง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็ตาม แต่ปิดเทอมตอน ป.๖ ต่างจากปิดเทอมตอน ป.๕ อยู่บ้าง ตรงที่ไม่มีไอ้ชัช อีกอย่าง ในแง่ความรู้สึกลึกๆแล้วมันก็มีความแตกต่างกันอยู่ ปีที่แล้วเรายังเป็นเด็กที่โลกมีแต่ความบริสุทธิ์ สดใส แต่มาในปีนี้ เราได้เรียนรู้ถึงความทุกข์ ความกังวล ความไม่สมหวังในชีวิต อันทำให้ผมมองโลกแตกต่างไปจากเมื่อปีที่แล้ว

ห้าวันผ่านไป ในที่สุด ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องจากกัน พ่อพาไอ้นัยกลับกรุงเทพฯโดยมีผมนั่งติดรถไปด้วย พ่อเข้ากรุงเทพฯในครั้งนี้นอกจากจะมาส่งไอ้นัยแล้ว ยังจะมารับเอ๊ดซึ่งสอบเสร็จและปิดเทอมแล้วกลับบ้านไปด้วย

เราไปส่งไอ้นัยกันก่อน ผมพาไอ้นัยไปส่งจนถึงปากประตูบ้าน

“เปิดเทอมเจอกัน” ไอ้นัยบอก พลางจับมือผมบีบแน่น น้อยครั้งนักที่มันจะแสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่วันนี้ถือว่าเป็นข้อยกเว้น

“แล้วกูจะเขียนจดหมายถึงมึง” ผมบอก พลางบีบมือมันแน่นเช่นกัน เรื่องความรู้สึกนั้นไม่ต้องพูดถึง เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

ทุกครั้งที่ผมกลับบ้านตอนปิดเทอม ผมจะรู้สึกสบายและอยากให้ปิดเทอมนานๆ เพราะถึงอย่างไรอยู่บ้านก็สบายกว่าอยู่ที่หอโรงเรียนประจำ แต่ปีนี้ เป็นปีที่ผมเร่งวันเร่งคืน อยากให้ถึงวันเปิดเทอมเร็วๆ เพราะนอกจากจะได้เจอไอ้นัยแล้ว ผมยังจะได้เจอเพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น

หลังจากที่ไอ้นัยกลับไปแล้ว ผมก็ใช้เวลาในวันปิดเทอมส่วนหนึ่งหมดไปกับการเขียนจดหมาย เขียนถึงไอ้นัยกับไอ้ชัชนั่นแหละครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีอะไรทำ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะคิดถึงเพื่อน ผมยังมีความรู้สึกผิดกับไอ้ชัชอยู่ จึงเขียนจดหมายไปหามันค่อนข้างถี่ เล่าโน่นเล่านี่ให้มันฟัง มันเองก็ตอบมาเพียงนิดๆหน่อยๆเหมือนเคย แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้ว่ามันชอบและดีใจที่ผมเขียนไป บางครั้งผมก็ขอพ่อโทรศัพท์ไปหามันบ้าง มันก็คุยจ้อไม่หยุด แถมด้วยการพูดจาแบบยียวนกวนประสาทเช่นเดิม

ผมใช้เวลาอยู่ที่บ้านจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นก็มีเรื่องต้องขึ้นล่องกรุงเทพฯ โรงเรียนจะเปิดเทอมในตอนกลางเดือนพฤษภาคม ดังนั้น ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทั้งพ่อ แม่ เอ๊ด และผมมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างเกี่ยวกับปีการศึกษาใหม่ ตั้งแต่การมอบตัวและลงทะเบียนเรียน ซื้อหนังสือเรียน ซื้อชุดนักเรียนใหม่ ฯลฯ

การเปลี่ยนจากนักเรียนโรงเรียนเอกชนมาเป็นนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลนั้น ทำให้การเตรียมตัวของผมแตกต่างไปจากปีก่อนๆ อย่างเรื่องเสื้อผ้า เสื้อนักเรียนนั้นต้องไปปักหน้าอกแบบใหม่ ที่โรงเรียนเก่านั้นต้องปักชื่อย่อของโรงเรียนพร้อมรหัสประจำตัวนักเรียนด้วยสีแดง ส่วนที่โรงเรียนใหม่นี้ปักเพียงแค่ชื่อย่อของโรงเรียนเท่านั้น และเป็นสีน้ำเงิน

กางเกงก็ต้องไปซื้อใหม่ เพราะว่าเปลี่ยนจากสีน้ำเงินมาเป็นสีดำ แต่เรื่องชุดนักเรียนนั้น ถึงอยู่โรงเรียนเดิมก็ต้องซื้อใหม่ทั้งหมดอยู่ดี เพราะตัวผมสูงขึ้น ชุดนักเรียนเก่าใส่ไม่ค่อยพอดีแล้ว

ส่วนเข็มขัดนั้นเดิมนั้นเป็นเข็มขัดหนังสีดำ หัวเข็มขัดเป็นตราโรงเรียน หัวเข็มขัดอันหนึ่งก็เป็นร้อยบาท แต่ที่โรงเรียนรัฐนี่ใช้เข็มขัดหนังสีดำ หัวเข็มขัดทองเหลืองธรรมดา หาซื้อได้ทั่วไป ทั้งเส้นไม่กี่สิบบาท

เรื่องเสื้อผ้าและเครื่องใช้ต่างๆนี่เอง ทำให้แม่ต้องเข้ากรุงเทพฯมาด้วย เพราะว่าพ่อเลือกซื้อไม่เป็น ต้องให้แม่เป็นคนจัดการ ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นพ่อเป็นคนจัดการ เรื่องอื่นๆที่ว่านั้นมีตั้งแต่มอบตัว ลงทะเบียนเรียน ซื้อหนังสือเรียน รวมทั้งพาผมไปรู้จักกับเพื่อนของพ่อที่เอ๊ดมาพักอาศัยอยู่ด้วย เพราะนับแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะต้องมาพักอยู่ที่นี่

เรื่องการย้ายโรงเรียนของผมเป็นเรื่องที่พ่อค่อนข้างหนักใจ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องโรงเรียน แต่อยู่ที่เรื่องที่พัก ในระหว่างปิดเทอม บางครั้งพ่อก็ยังบ่นถึงเรื่องการที่ผมย้ายโรงเรียนอยู่บ้างเหมือนกัน ว่าอยู่ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องมาย้ายโรงเรียนให้ยุ่งยาก ซึ่งผมเองตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าการที่พ่อฝากเอ๊ดเอาไว้คนหนึ่งแล้ว การฝากผมให้พักอยู่ด้วยอีกสักคนมันจะยุ่งยากตรงไหน ก็เป็นความคิดตามประสาเด็กนั่นแหละครับ

“อู มาอยู่นี่แล้วต้องทำตัวดีๆนะ ไม่อย่างนั้นเอ๊ดจะเดือดร้อนไปด้วย” เอ๊ดพูดกับผมเกี่ยวกับที่พักใหม่ของผมในกรุงเทพฯ ขณะที่เราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในตอนต้นเดือนพฤษภาคม

“แล้วที่อูทำตัวอย่างนี้มันไม่ดีพอเหรอ” ผมต่อปากต่อคำกับเอ๊ด

เอ๊ดอึ้งไป

“ลุงกับป้าเค้าเป็นคนเจ้าระเบียบน่ะอู” แม่ช่วยพูด

“แล้วทำไมเอ๊ดอยู่ได้ละครับ เอ๊ดอยู่ได้ อูก็ต้องอยู่ได้” ผมยังไม่เข้าใจ

พ่อทำปากจึ๊กจั๊ก คล้ายกับไม่ค่อยสบอารมณ์กับคำพูดของผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้แม่พูดต่อไป

“อยู่น่ะอยู่ได้ แต่อยากให้อูทำตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ ต้องทำตัวแบบพี่เค้า ถึงจะอยู่ได้อย่างสบายใจ” แม่พูด

ตอนนี้ผมยิ่งเริ่มไม่เข้าใจ ว่าความประพฤติของผมไม่เรียบร้อย และแตกต่างจากเอ๊ดตรงไหน แต่วันเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้ว ได้ทำให้ผมเติบโตขึ้น ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าที่บ้านใหม่ของผมนี้ต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ แม้ผมจะยังไม่เข้าใจก็ตาม


<ที่ริมบึงอันสุขสงบ ทิวทัศย์งดงามราวกับภาพวาด>

Saturday, March 15, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 4

ผมพยายามตะกายตัวไปข้างหน้า เพื่อหนีจากท่อนลำของไอ้นัยที่สอดใส่เข้ามาในตัวของผม แต่ไอ้นัยยึดเอวของผมไว้ ผมจึงดิ้นไม่หลุด จำได้ว่าครั้งก่อนๆที่เคยโดนไอ้นัยทำไม่ได้เจ็บเท่าครั้งนี้ คงเป็นเพราะสรีระของมันโตขึ้นตามวัย ที่จริงของไอ้นัยตอนนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร ก็ตามขนาดของเด็กที่กำลังเข้าวัยรุ่น ไม่ใช่ขนาดของผู้ใหญ่ แต่สำหรับกับผมแล้วมันทำให้ผมเจ็บมาก

“ไอ้นัย กูเจ็บ” ผมคราง แต่ไม่ทันเสียแล้ว ไอ้นัยถอนแท่งของมันที่เพิ่งกระแทกเข้ามา แล้วกระแทกซ้ำเข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

คราวนี้ผมถึงกับร้องจ๊ากลั่นสวน เพราะความแสบร้อนเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ “โอ๊ย”

ไอ้นัยเหมือนกับเพิ่งรู้สึกตัว การกระทำของมันเมื่อครู่เหมือนกับไม่ใช่ไอ้นัย แต่เป็นวิญญาณร้ายอะไรสักตนที่มาสิงร่างของมัน ไอ้นัยหยุดแล้วแช่ท่อนลำของมันไว้เฉยๆ ผมอาศัยจังหวะนั้นดิ้นอีกครั้ง ดอของไอ้นัยจึงหลุดจากก้นของผม พอมันหลุดออกมาเท่านั้น ผมรู้สึกว่าก้นโล่งเหลือเกิน

“ขอโทษนะอู ลืมตัวไปหน่อย เจ็บมากไหม” ไอ้นัยถามเบาๆ น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง แต่ทีเมื่อครู่ไม่ยักเป็นห่วง กระแทกได้กระแทกเอา

“ยังไม่ตาย แต่เกือบไป” ผมตอบ “มึงทำเบาๆหน่อยไม่ได้เหรอ แสบฉิบหาย”

“อะ อะ ได้ๆ คราวนี้ทำเบาๆ” ไอ้นัยทำน้ำเสียงประจบ มันคงรู้ว่าผมเจ็บมากจริงๆเลยทำเอาใจ

ว่าแล้วไอ้นัยก็ชโลมออยล์ใส่ท่อนลำของมันอีก จากนั้นก็บรรจงสอดมันเข้ามาในก้นของผมช้าๆ

ไอ้นัยซอยเบาๆได้แค่ไม่กี่ที มันก็เผลอตัวซอยแบบกระแทกแรงๆอีก มาถึงตอนนี้ก้นของผมเริ่มปรับตัวได้แล้ว จึงรู้สึกเจ็บไม่มาก อีกอย่าง ผมพยายามทนด้วยละครับ อยากให้มันมีความสุข

ไอ้นัยซอยใส่ก้นของผมอย่างรุนแรง เพียงครู่เดียว ไอ้นัยก็กระแทกดอของมันเข้ามาจนสุดลำ แล้วถอนหายใจดังเฮือก เพียงแค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าน้ำของมันกำลังจะแตก จากนั้น ผมก็รู้สึกว่าดอของมันที่อยู่ในก้นของผมกระตุกเป็นจังหวะหลายทีติดๆกัน แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆฉีดพุ่งอยู่ในก้น

ไอ้นัยยืนแช่อยู่ในท่านั้นสักครู่ แล้วมันก็ถอนดอของมันออกไป

“เสียวจัง” ไอ้นัยพูด ของของมันยังแข็งผงาด ไม่อ่อนตัวลงแม้แต่น้อย ส่วนปลายมีน้ำว่าวยืดย้อยลงมา

“เออ มึงเสียว แต่กูเกือบตาย” ผมบ่นอุบอิบ ยังดีนะที่มันน้ำแตกไว ขืนแตกช้าผมคงตายแน่

ไอ้นัยทำหน้าทะเล้นเป็นทีขอโทษขอโพย

“มึงไม่ต้องทำหน้าทะเล้น ตานี้ถึงทีกูแล้ว” ผมพูด พลางหยิบขวดออยล์มาเปิดฝาออก แล้วเทออยล์มาชโลมที่ท่อนลำของผม “โก้งโค้งลง” ผมสั่ง

ไอ้นัยโก้งโค้งหันก้นให้ผมแต่โดยดี ผมเอานิ้วที่ชุ่มไปด้วยออยล์ค่อยๆสอดเข้าไปในถ้ำของไอ้นัย

ผมชักนิ้วเข้าออกได้สักครู่ คราวนี้ก็เริ่มเอาของจริงเสียบเข้าไปแทน ไอ้นัยดิ้นเล็กน้อย คงรู้สึกเจ็บเหมือนกัน แต่ผมทำมันไม่แรง คงเจ็บไม่มากเท่าไร

ผมซอยท่อนลำภายในก้นของไอ้นัยอย่างช้า จากนั้นเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น แต่ถึงจะเร็ว แต่ก็นิ่มนวล ไม่ได้กระแทกกระทั้นแบบรุนแรงเหมือนไอ้นัย

ความเสียวทวีขึ้นเป็นลำดับ ผมชอบดูภาพตอนที่ท่อนลำของผมผลุบเข้าผลุบออกในถ้ำโพรงสีชมพูของไอ้นัย มันให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน

ซอยเพียงครู่เดียว ผมก็รู้สึกเสียวและเกร็งไปทั่วร่างกาย แล้วผมก็หลั่งน้ำออกมาในก้นของไอ้นัย

หลังจากน้ำแตกแล้ว ผมรู้สึกเหมือนกับยังไม่อิ่ม ผมซอยท่อนลำของผมต่อไปเรื่อยๆ เบาๆ การซอยตอนน้ำแตกไปแล้วนี่มันค่อนข้างลื่นสบาย แตกต่างไปจากตอนที่ยังไม่แตกที่จะรู้สึกฝืดนิดๆ

ผมสังเกตเห็นว่าไอ้นัยโก้งโค้งอยู่เฉยๆ คงไม่รู้เจ็บอะไร ผมจึงซอยต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้ซอยอยู่นานพอสมควร และแล้ว ความเสียวค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำจะแตกอีกรอบ

ผมซอยเร็วขึ้น เร็วขึ้น แล้วในที่สุด น้ำของผมก็แตกออกมาอีกครั้ง...

หลังจากน้ำแตก ไอ้นัยก็รีบถอนก้นของมันออกจากดอของผมทันที

“แสบจัง” ไอ้นัยบ่นอุบ “มึงจะล้างแค้นกูละสิ ทำเสียนาน”

“เปล่าโว้ย จะไปล้างแค้นมึงทำไม แต่ก้นมึงน่าเอาต่างหาก” ผมตอบ

แหย่กันไป แหย่กันมาเล็กน้อย จากนั้น เราทั้งสองก็ลงไปล้างตัวในน้ำ แล้วขึ้นมานั่งเล่นที่ริมบึง ตอนนั้นพระอาทิตย์อยู่เหนือหัวแล้ว น่าจะประมาณเที่ยง ที่บอกว่าประมาณเพราะว่าไม่ได้ใส่นาฬิกามากันทั้งสองคน ผมเริ่มรู้สึกหิว

“กินข้าวกันดีกว่า” ผมชวน

จากนั้นเราก็นั่งแก้ผ้ากินข้าวกัน โดยใช้กางเกงขาสั้นรองก้นเอาไว้ เพราะหากนั่งลงบนหญ้าเลยจะคันก้น

ขณะที่นั่งกินข้าวกันนั้น ผมก็มีโอกาสดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของไอ้นัยแบบเต็มๆ รู้สึกว่าในช่วงเทอมปลายที่ผ่านมานั้น ร่างกายของไอ้นัยเติบโตขึ้นอีก ดูมันมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ซึ่งในระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียนผมสังเกตไม่พบ อาจเป็นเพราะมีเสื้อผ้าปิดอยู่เลยดูไม่ออกก็ได้ ดอของไอ้นัยสงบนิ่งอยู่ในพงหญ้าสีดำ หนังหุ้มของมันร่นเข้าไปมากแล้ว ส่วนหัวเปิดออกมาจากหนังหุ้มปลายได้ประมาณครึ่งหัว

และที่สำคัญ พงหญ้าของไอ้นัยดูดกดำยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันเริ่มยาวและหยิกจนเป็นพุ่มหนาพอควร

“มึงโตขึ้นเยอะเลยนะ ตอนเรียนอยู่ด้วยกันไม่ยักสังเกต” ผมทัก

“มึงก็โตขึ้น ปีนี้มึงสูงเร็วกว่ากูอีก” ไอ้นัยบอกผม จริงสินะ ผมก็คงโตขึ้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาจไม่ได้สังเกตตนเอง ไอ้ชัชก็คงโตขึ้นเช่นเดียวกัน

“โตขึ้นมึงอยากเป็นอะไรวะ” ผมถาม

“ก็อย่างที่บอก อยากเป็นสถาปนิกเหมือนอย่างอากู” ไอ้นัยตอบ “แล้วมึงล่ะ”

“ไม่รู้สิ” ผมพูด “เคยอยากเป็นหลายอย่าง กระเป๋ารถเมล์ คนขับแท็กซี่ ครู นักวิทยาศาสตร์...”

“แล้วตอนนี้...” ไอ้นัยถามต่อ

“ตอนนี้ไม่รู้แล้วล่ะ” ผมตอบ “รู้แต่ว่าไม่อยากทำกิจการแบบป๋า”

ความคิดเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของผมตอนนั้นยังไม่ชัดนัก รู้แต่เพียงว่าไม่อยากอยู่บ้านต่างจังหวัด แล้วทำกิจการค้าขายแบบพ่อ ต่างกับไอ้นัยที่ตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ค่อนข้างชัดเจน ที่อยากเจริญรอยตามอย่างผู้ใหญ่ในบ้านของมัน

“แค่เรื่องย้ายโรงเรียนนี่กูก็ไม่เคยคิดมาก่อน ถ้ามึงไม่สอบ กูก็คงไม่ได้คิดไปไหน” ผมพูดต่อ

“แล้วมึงว่ามึงคิดผิดหรือคิดถูกล่ะ” ไอ้นัยถาม

“ไม่รู้ดิ” ผมตอบ ปกติผมเป็นคนที่ชัดเจน แต่ไอ้นัยเป็นคนที่ไม่มีอะไรชัดเจน อะไรก็ได้ แต่ว่าวันนี้เราสองคนกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ผมรู้สึกว่าตัวผมเองไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง... แม้แต่ความรู้สึกที่มีต่อไอ้นัย ผมก็รู้สึกไม่ชัดเจน


<เส้นทางภายในสวนที่ร่มครึ้ม มีแสงแดดลอดเข้ามาได้เป็นบางช่วงเท่านั้น เราต้องขี่จักรยานผ่านสวนนี้ไปช่วงใหญ่จึงจะถึงบึงน้ำ บนเส้นทางเต็มไปด้วยใบไม้แห้ง เวลาขี่จักรยาน ล้อจะบดกับใบไม้แห้งเสียงดังกรอบแกรบไปตลอดทาง>

Thursday, March 13, 2008

ภาคสอง ตอนที่ 3

คืนแรกของการกลับบ้าน ผมกับไอ้นัยนอนหลับเป็นตาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ตอนปิดเทอมนี่รู้สึกเป็นอิสระมาก ไม่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่ต้องเรียนหนังสือ ไม่ต้องมีการบ้าน ฯลฯ แต่ว่าไม่ต้องตื่นแต่เช้านี่จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ใช่คนตื่นสาย ตั้งแต่เด็กจนโต ปกติจะตื่นนอนไม่เกินแปดโมงเช้า ยกเว้นตอนไม่สบายเท่านั้น ส่วนไอ้นัยนั้นมันบอกว่าไม่แน่นอน สิบโมงเช้าก็เคยตื่น แต่ยังไม่ถึงกับไปตื่นเอาตอนเที่ยง

หลังจากกินอาหารเช้ากันแล้ว ผมก็ขอให้แม่เตรียมข้าวกล่องสำหรับมื้อเที่ยงไว้ให้ด้วย เพราะกะว่าจะไม่กลับมากินอาหารเที่ยงที่บ้าน กล่องข้าวในตอนนั้นก็เป็นกล่องทัปเปอร์แวร์ ไม่ได้ใช้ปิ่นโตเพราะว่าเกะกะ แต่ปิ่นโตก็ยังมีคนใช้กันอยู่

ไอ้นัยอยากขี่จักรยาน ผมจึงพาไอ้นัยออกไปขี่จักรยานเล่น ก็ขี่ไปตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปจากถนนใหญ่ ขี่เล่นแถวถนนใหญ่ไม่ได้ เพราะว่าอันตราย พ่อสั่งห้าม เนื่องจากถนนใหญ่ตามต่างจังหวัดมีแต่รถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงทั้งนั้น รถบรรทุกก็มาก

ผมพาไอ้นัยขี่จักรยานเล่นอยู่พักใหญ่ ขี่ไปก็ทักทายกับเพื่อนวัยเดียวกันในหมู่บ้าน ไอ้ทิวกับพวกของมันก็ปิดเทอมกันแล้ว เจอยัยตุ้มหรืออีตุ้มด้วย เจอกันหนนี้ดูมันโตเป็นสาวขึ้นมาก เด็กๆส่วนใหญ่กำลังช่วยงานที่บ้านกันอยู่ หลายบ้านกำลังวุ่นวายกับการเก็บเกี่ยว ในตอนต้นเดือนมีนาคม ท้องนาจากที่เคยชอุ่มและเขียวขจี กลายมาเป็นสีทองอร่าม สวยไปอีกแบบ แต่ว่าความสวยนี้คงอยู่ได้ไม่นาน และต่อไปก็จะกลายมาเป็นสีดำแห้งแล้งจากการเผาตอซังหลังการเก็บเกี่ยวในที่สุด

ขี่จักรยานเล่นกันจนเหนื่อย ที่หมายสุดท้ายของเราในวันนี้ก็คือบึงน้ำ โลกส่วนตัวของเราสองคน

เราวางแผนกันว่าจะมากินอาหารเที่ยงกันที่นี่ และนั่งเล่นกันจนเย็น จะว่าไปก็เหมือนกับการปิกนิก แต่ไม่อยากเรียกว่าปิกนิกเพราะฟังดูหรูเกินไป ไอ้นัยมาอยู่ที่นี่เพียงสองสามวันเท่านั้น ดังนั้นจึงผมอยากใช้เวลากับมันในโลกส่วนตัวของเราให้มากหน่อย

เราขี่จักรยานผ่านเข้าสู่สวนที่ร่มครึ้ม ล้อขักรยานบดใบไม้แห้งส่งเสียงดังกรอบแกรบไปตลอดทาง และแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงบึงน้ำอีกครั้งหนึ่ง

อากาศวันนี้แจ่มใส ไม่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนเหมือนเมื่อเย็นวาน ลมพัดเย็นสบาย เป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์

“โอ๊ย ขี่จนเมื่อยตูดไปหมดเลย” ไอ้นัยบ่นอุบเมื่อจอดจักรยานเสร็จเรียบร้อย

“มึงเป็นคนอยากขี่เอง ไม่ต้องบ่น” ผมพูด แต่ที่จริงมันก็น่าเมื่อยอยู่หรอก เพราะว่าขี่จักรยานตั้งสองชั่วโมงกว่า ผมเองทั้งเมื่อยขา ทั้งเจ็บก้น

“สงสัยก้นพองแน่เลย” ไอ้นัยบ่นอีก

“ไหน กูดูให้ว่าพองหรือเปล่า” ผมบอก พร้อมทั้งปลดตะขอกางเกงของไอ้นัย ไอ้นัยขยับตัวหนี

“จะทำไรอ่ะ” ไอ้นัยถาม

“อ้าว ก็จะถอดกางเกงดูก้นให้มึงไง” ผมตอบ

“ไม่ต้องหรอก กูบ่นไปยังงั้นเอง” ไอ้นัยปฏิเสธ แล้วเอามือจับขอบกางเกงไว้

“มานี่เลย ไม่ต้องเรื่องมาก บอกว่าจะดูให้ก็ดูให้ดิ” ผมไม่ยอม ขยับเข้าไปใกล้มัน จะแก้กางเกงมันอีก

ไอ้นัยไม่ยอม ขยับจะหนีอีก คราวนี้ผมเลยกอดเอวมันเอาไว้

“จะหนีไปไหนล่ะ” ผมพูดเบาๆข้างหูมัน แล้วก็ขบใบหูมันอย่างแผ่วเบา

ไอ้นัยหัวเราะกิ๊ก ตัวอ่อนระทวย คงจะจักกระจี้ ผมได้จังหวะเลยปลดตะขอกางเกงของมันออก แล้วรูดกางเกงของมันลง ผมรู้ดีว่าที่จริงไอ้นัยมันดิ้นไปยังงั้นเอง เพราะปกติมันเป็นคนที่ตามใจคนอื่นอยู่แล้ว

วันนี้ไอ้นัยไม่ได้ใส่กางเกงใน เมื่อรูดกางเกงของมันลง ก้นที่ขาวและเต่งตึง และท่อนลำที่แข็งชูชันก็ปรากฏแก่สายตา

“ควยลุกแต่เช้าเลยนะ” ผมแหย่มัน

“นี่จะเที่ยงแล้ว” ไอ้นัยแย้ง





เมื่อไม่ได้ใส่กางเกง ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อ ผมจึงจับมันถอดเสื้ออกเสียด้วย จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วเราทั้งสองก็ลงไปว่ายน้ำเล่นในบึง แม้ว่าอากาศวันนี้จะเย็นสบาย แต่การขี่จักรยานทำให้เรามีเหงื่อออกและรู้สึกเหนอะหนะ

หลังจากว่ายน้ำเล่นได้สักครู่ เราก็ขึ้นมานั่งพักผ่อนที่ริมบึง ขณะที่นั่งอยู่ เห็นดอของไอ้นัยยังแข็งชูชันไม่ยอมสงบ หนังหุ้มปลายร่นมาถึงคอหยัก เผยให้เห็นถึงหัวเห็ดที่แดงก่ำ แสดงว่าไอ้นัยกำลังมีอารมณ์เต็มที่ ผมจึงเอื้อมมือไปรูดให้มัน

ไอ้นัยจับมือผมเอาไว้ ไม่ยอมให้รูด

“ไม่เอา เมื่อวานมึงติดกูอยู่นะอู” ไอ้นัยพูดทวงสัญญา

ผมรู้ดีว่ามันต้องการอะไร

“จะทำอะไรก็ตามใจมึงดิ” ผมบอก ผมรู้ดีว่าวันนี้ยังไงคงต้องเจ็บตัวแน่

“งั้นหยิบออยล์มาหน่อยดิ” ไอ้นัยขอเบบี้ออยล์จากผม

“ไม่ได้เอามา งั้นเอาไว้เป็นพรุ่งนี้ละกันนะ” ผมพูด พยายามจะเอาตัวรอดจากการเจ็บตัวในครั้งนี้

“ไม่ต้องเลย กูเห็นมึงหยิบใส่กระเป๋ากางเกงมา” ไอ้นัยดักคอ ที่จริงวันนี้ผมก็หยิบเอาเบบี้ออยล์ขวดเล็กออกมาด้วยแหละครับ ซื้อเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่หอ แต่คิดว่าวันนี้จะเอามาใช้กับมันมากกว่า ไม่ได้คิดให้มันเอามาใช้กับผม

เมื่อเลี่ยงไม่พ้น จึงจำใจเดินไปล้วงออยล์ในกระเป๋ากางเกงที่ถอดกองไว้เอามาส่งให้มัน ที่จริงผมไม่ค่อยชอบโดนมันเสียบเท่าไร ชอบเสียบมันมากกว่า เพราะว่าไอ้นัยมันทำค่อนข้างแรง โดนไอ้ชัชเสียบยังไม่ค่อยเจ็บ แต่โดนไอ้นัยนี่เจ็บก้นมาก แต่ก็อย่างว่า เพื่อนกันก็ไม่ควรเอาเปรียบกัน เมื่อมันยอมผม ผมก็จำเป็นต้องยอมมัน

“คุกเข่าหน่อยดิ แล้วก้มตัว” ไอ้นัยสั่งผม

ผมทำตาม พยายามหันมามองด้านหลัง เห็นไอ้นัยกำลังชโลมออยล์กับดอของตนเอง ท่อนลำของมันเป็นประกายมันเลื่อม สักพักมันก็ดันท่อนของมันเข้ามาในก้นของผม

ผมรู้สึกแสบร้อนที่ก้น เหมือนกับถูกเหล็กร้อนๆนาบ ผมขยับก้นหนี

“เฮ้ย เบาหน่อยหน่อยดิ เจ็บจัง เอานิ้วเข้ามาก่อนละกัน” ผมบอกไอ้นัย

ไอ้นัยจึงเอานิ้วชี้ชโลมออยล์ แล้วส่งเข้ามาในถ้ำของผมก่อน มันล้วงไปมาจนสุดนิ้ว พอมีสิ่งหล่อลื่นเข้ามาหน่อย ผมก็รู้สึกดีขึ้น

เมื่อใช้นิ้วนำไปแล้ว ไอ้นัยก็ดันดอของมันเข้ามาอีก คราวนี้เข้ามาได้หน่อยหนึ่ง ผมเจ็บน้อยลงบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกคับและเจ็บอยู่ดี ผมพยายามดิ้นอีก

“โอ๊ย ทาออยล์อีกหน่อยเถอะ” ผมร้องบอกไอ้นัย แต่ช้าไปเสียแล้ว ไอ้นัยจับเอวผมเอาไว้แน่นแล้วเสือกท่อนลำของมันพรวดเข้ามา ทีเดียวมิดด้าม

“โอ๊ย” ผมร้อง ถ้าส่องกระจกอยู่คงจะเห็นว่าตัวเองกำลังทำตาเหลือก รู้สึกเหมือนใครเอาเหล็กร้อนแท่งยาวๆยัดเข้ามาในก้น มันทั้งแสบ ทั้งทรมาน ผมไม่ค่อยอยากโดนไอ้นัยเสียบก็เพราะเหตุนี้เอง เพราะว่าไอ้นัยเวลามันทำค่อนข้างโหด ชอบเสือกเข้ามาทีเดียวมิดด้าม อันต่างจากนิสัยภายนอกที่ดูอ่อนและตามใจทุกคนของมัน


<ทางเข้าสวน อันเป็นปากทางเข้าสู่บึงน้ำซึ่งเป็นโลกส่วนตัวของผม>