Tuesday, August 28, 2007

ตอนที่ 56

“เฮ้ย ชัช เป็นอะไรไปอ่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

ไอ้ชัชไม่ตอบอะไร เอาแต่สะอื้นฮั่กๆ ความรู้สึกในตอนแรกนั้นยังตั้งตัวไม่ทันครับ เลยยังไม่ค่อยรู้สึกสงสาร แต่รู้สึกตกใจกับไม่เข้าใจมากกว่า

“กูไปทำอะไรให้มึงเสียใจเหรอ” ผมยังไม่เข้าใจก็เลยถามย้ำไปอีก แต่รู้สึกว่าผมจะถามไม่ถูกกาลเทศะกระมังครับ เพราะไอ้ชัชยิ่งสะอื้นหนักเข้าไปใหญ่

ถึงตอนนี้ชักจะเริ่มเข้าใจอะไรๆขึ้นมาบ้างแล้วครับ ก็เด็กอ่ะครับ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจอะไรจริงๆ จู่ๆเพื่อนรักก็มาร้องไห้ต่อหน้า โดยที่ผมคิดว่าตนเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต่อมาก็พอเข้าใจเลาๆว่าผมคงว่ามันแรงเกินไป แล้วมันก็เลยเกิดอาการน้อยใจ

“เฮ้ย กูไม่ได้ตั้งใจนะชัช” ผมพูด “ถ้ากูพูดแรงไปกูขอโทษนะ อ่ะ กูให้มึงเขกหัวก็ได้ เผื่อจะหายโกรธ”

ว่าแล้วก็ก้มหัวให้มัน ตอนนั้นนึกได้โง่ๆแบบนี้จริงๆครับ คิดว่าถ้าผมทำให้มันเจ็บ ก็ให้มันเอาคืน เผื่อความรู้สึกจะดีขึ้นมาบ้าง

ไอ้ชัชยังสะอื้นไม่หยุด และไม่ยอมเขกหัวผม

“ชัช มึงพูดอะไรบ้างดิ กูทำอะไรไม่ถูกแล้ว นะ นะ พูดอะไรบ้างเถอะ” โอย ผมงงจริงๆครับ เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรมันจึงจะหายโกรธและหยุดร้องไห้

“มึงไม่เคยตะคอกกูมาก่อนเลย” ชัชพูดปนสะอื้น

ฮื่อ เรื่องเมื่อเย็นจริงๆด้วย เอ... แล้วผมตะคอกมันไปจริงๆเหรอ ไม่น่าน่ะ คิดว่าแค่พูดเสียงดังหน่อยเท่านั้นเอง

“เอ้อ ... กูไม่ได้ตะคอกมึงสักหน่อย เอ้อ ... แค่พูดดังนิดหน่อยเท่านั้น”

ไอ้ชัชยิ่งสะอื้นหนัก น้ำตาร่วงพรูเปียกอกเสื้อหมด น้ำตามันเยอะมากจริงๆครับ หน้าอกโชกไปหมดเลย มันคงไม่ได้แกล้ง แต่น้อยใจผมจริงๆ

“อ่ะๆๆ กูตะคอกก็ได้ กูผิดเอง ขอโทษนะชัช ขอโทษจริงๆ มึงจะให้อภัยกูได้หรือเปล่า” ผมพูดออดอ้อนกับมัน จำคำพูดมาจากในละครทีวีน่ะครับ ภาษาแบบนี้เด็ก ป.๖ คิดเองเป็นที่ไหน

คราวนี้รู้สึกจะได้ผล เพราะไอ้ชัชสะอื้นเบาลง และเบาลง ผมดูรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนสังเกตเรา ผมก็เอามือมันยกมาเขกหัวตัวผมเอง “อ่ะ ให้มึงลงโทษ”

ได้ผลครับ ไอ้ชัชยิ้มทั้งน้ำตา ไอ้นี่มันลิงหลอกเจ้าอยู่แล้ว เศร้าได้ไม่นานหรอก นิสัยของผมในวัยเด็กค่อนข้างรักเพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนสนิทอย่างไอ้ชัช ไอ้นัย ผมจะแคร์มันสองคนเป็นพิเศษ ปกติมีอะไรก็ยอมมันหมดละครับ ไอ้ชัชก็เหมือนกัน ปกติมันก็ยอมผมเหมือนกัน ดังนั้นสัมพันธภาพระหว่างเราสามคนจึงค่อนข้างแน่นแฟ้น

เมื่อเห็นมันดีขึ้น ผมก็เลยไล่ให้มันไปล้างหน้าเสีย สถานการณ์อันเลวร้างของผมและไอ้ชัชในวันนั้นจึงผ่านไปได้ด้วยดี

- - -

วันรุ่งขึ้น ทุกอย่างก็กลับคืนเหมือนปกติ เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน ผมกับไอ้ชัชออกจากหอไปเรียนด้วยกัน ตอนไปถึงห้องเรียน เห็นไอ้นัยนั่งดูหนังสืออยู่ที่โต๊ะแล้ว หมอนี่มันขยันจริงๆเทอมนี้

เช้าวันนั้น แม้ทุกอย่างจะเป็นปกติ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอดรู้สึกผิดกับไอ้ชัชไม่ได้ ดังนั้นวันนั้นจึงดีกับมันเป็นพิเศษ บางทีก็จับมันมากอดบ้าง แต่ว่ากอดแบบเพื่อนกอดกันนะครับ เราสองคนไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานตอนค่ำให้ไอ้นัยฟัง

“เดี๋ยวพักเที่ยงไปเตะบอลกันกับไอ้พวกห้อง ๖ นะอู ไม่ได้เตะกันมานานแล้ว” ไอ้ชัชพูดขึ้น เสนอรายการบันเทิงประจำวันออกมา ก็อย่างที่บอก มันไม่ได้เตรียมสอบ ดังนั้นวันๆจึงหาเรื่องเล่นสนุกได้อย่างสบายใจ

วันนั้นผมเองก็อยากเอาใจไอ้ชัชเป็นพิเศษ ก็เลยตอบตกลงไป ที่จริงเทอมนั้นผมแทบไม่ได้เล่นอะไรตอนพักเที่ยงเลยเพราะมักนั่งดูหนังสือเป็นเพื่อนไอ้นัย

“นัยไปไหม พักสักวันดิ” ผมชวนไอ้นัย

นัยส่ายหน้า “ไม่อ่ะ ใกล้สอบแล้ว ยังดูไม่ทันเลย”

วันนั้นตอนเที่ยงผมเลยไปเล่นบอลกับไอ้ชัช เล่นจนได้เหงื่อ ใกล้เวลาเข้าเรียน ก็เลยเลิก เมื่อกลับมาถึงห้องเรียน เห็นไอ้นัยนั่งหน้าเครียดดูหนังสืออยู่ ท่าทางมันเงียบจนผิดสังเกต

“เฮ้ นัย ทำไมหน้าเครียดนักวะ” ผมถาม

“สงสัยประจำเดือนมา” ไอ้ชัชสอดแทรกตามเคย

สีหน้าไอ้นัยไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด หน้าเหมือนกับโกรธใครมาสักสิบชาติ แต่ไอ้นัยมันเคยโกรธใครเสียที่ไหน คงเป็นเพราะเครียดกับหนังสือนั่นเอง

“ใจเย็นๆนะนัย มึงเป็นคนเก่งอยู่แล้ว คงสอบเข้าได้น่า ทำยังงี้เกิดบ้าตายไปก่อน แล้วจะไปเรียนได้ไงฟะ” ผมตบไหล่มัน ปล่อยมุขตลกออกไปบ้าง แต่โคตรจะฝืดเลยครับ ไอ้นัยไม่ยอมรับมุข มันยังนิ่งอยู่

“อ่ะๆๆ ไม่กวนแล้ว เชิญท่องต่อไป เดี๋ยวกูไปล้างหน้าก่อนนะ ใกล้เข้าเรียนแล้ว ไปกัน ไอ้ชัช” ว่าแล้วผมก็หยุดการสนทนาเอาไว้เพียงนี้ และเดินไปล้างหน้า กว่าจะเข้ามาก็เข้าเรียนพอดี เลยไม่ได้คุยอะไรกับมันอีกจนเย็น

วันนั้นทั้งวัน ไอ้ชัชติดแจยู่กับผม ที่จริงนึกอยากจะชวนไอ้นัยไปห้องน้ำเหมือนกัน เพราะอารมณ์ของผมยังค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่สลัดไอ้ชัชไม่หลุด อีกอย่าง ไอ้นัยมันหน้าไม่ค่อยดีด้วย ผมเลยไม่ค่อยอยากกวนมัน

หลังจากวันนั้น ผมเกรงใจไอ้ชัชมากขึ้น ไม่อยากเห็นมันร้องไห้อีก ก็เลยไม่ไล่มันกลับหอในตอนเย็น ทั้งๆที่ใจอยากนัดกับไอ้นัยสองคนใจจะขาด ไอ้นัยเองก็เฉยมาก ทั้งเฉย ทั้งเย็น ทั้งเครียด จนผมเองก็ดูไม่ออกว่ามันอยากจะมีอะไรกับผมบ้างไหม ผมเลยต้องอาศัยใช้มือว่าวเอาเองปลดปล่อยอารมณ์

แต่แล้ว วันหนึ่ง หลังจากที่มีเรื่องเคืองกันได้ไม่นาน ไอ้ชัชก็รีบกลับเข้าหอไปก่อน เห็นบอกว่าจะไปดูหนัง มันติดหนังทีวีอะไรสักเรื่องนี่แหละครับ จำไม่ได้แล้ว เลยไม่รอผม อือม์ โอกาสเหมาะเลย

ผมได้โอกาสก็เลยไปสะกิดไอ้นัย

“ไอ้นัย ว่างป่ะ” ผมถาม

“ทำไมเหรอ” ไอ้นัยถาม น้ำเสียงเรียบมาก แบบคนไร้อารมณ์

“ไปเจอกันหน้าห้องน้ำประถมนะ” ผมกระซิบบอกมัน

“ยังดูหนังสือค้างอยู่เลย” ไอ้นัยตอบเสียงเรียบๆอีก ผมชักผิดสังเกต ว่าทำไมมันถึงตอบได้เย็นชานัก ผิดวิสัยของไอ้นัย ผู้ไม่เคยปฏิเสธใคร

“นัย เป็นอะไรไปอ่ะ” ผมถาม “ไม่สบาย ปวดหัว เป็นไข้หรือเปล่า หน้าตามึงไม่ดีเลยว่ะ”

Saturday, August 25, 2007

ตอนที่ 55

ไอ้นัยอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนตอบ

“เดี๋ยวอามาแล้วไม่เจอ”

มันก็ไม่ได้ตอบว่าได้หรือไม่ได้ ดังนั้นผมก็เลยโมเมเอาว่ามันไม่ขัดข้องอะไร

“แป๊บเดียว อามาแล้วรอหน่อยคงไม่บ่นอะไรหรอก นะๆ ไม่รู้ล่ะ จะรอเจอ”

ผมหยอดลูกอ้อนเล็กน้อย ว่าแล้วก็เดินหนีมันไป ผมรู้จุดอ่อนของไอ้นัยดีว่าปฏิเสธเพื่อนไม่เป็น ผมเลยมัดมือชกกับมัน ไม่ให้มันมีโอกาสปฏิเสธได้

- - -

เย็นวันนั้น ที่จริงก็ไม่ถึงกับตอนเย็นหรอกครับ แค่บ่ายแก่ๆ หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมก็ทำเนียนนั่งทำการบ้าน ทำโน่น ทำนี่ ไปเรื่อยๆ ปกติผมกับไอ้ชัชจะรอจนถึงเย็น นั่งทำการบ้านเป็นเพื่อนไอ้นัย พออาไอ้นัยมารับแล้วก็ค่อยกลับหอไป แต่บางวันก็ไม่แน่ บางทีอามันมาช้ามาก เราก็ต้องกลับเข้าหอก่อน เพราะมีเวลาจำกัดเอาไว้ บางทีไอ้ชัชอยากดูทีวีรายการโปรด มันก็เข้าไปก่อน ไม่ค่อยแน่นอน ส่วนผมมักอยู่เป็นเพื่อนไอ้นัยจนมันกลับ เพราะติดมัน

วันนี้เป็นวันที่ผมไม่อยากให้ไอ้ชัชอยู่ด้วยเลย แต่มันก็ดันทำการบ้านอยู่เป็นเพื่อน ไม่ยอมไปไหน เหมือนกับจะรู้ว่าผมแอบนัดไอ้นัยเอาไว้ยังงั้นแหละ

“ไอ้ชัช มึงจะเข้าหอก่อนก็ได้นะ กูยังไม่เข้า” ผมรอมันตั้งนาน มันก็ยังไม่เข้าหอสักที จนในที่สุดอดรนทนไม่ได้เลยไล่ให้มันเข้าหอไป ไม่ค่อยเนียนเลยนะครับ

“เออ กูจะเข้าเมื่อไรมันเรื่องของกู ทุกทีมึงไม่เห็นเคยสนใจว่ากูจะเข้าหอตอนไหน วันนี้ทำไมห่วงขึ้นมาวะ” ไอ้ชัชต่อปากต่อคำกวนประสาท

“เรื่องอะไรกูจะต้องห่วงมึง แต่ทุกทีกูเห็นมึงขี้เกียจนั่งท่องหนังสือ ชอบเข้าหอไปก่อน วันนี้เลยแปลกใจ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก เอ้อ... เห็นไอ้นัยมันเครียด เลยจะอยู่เป็นเพื่อนมันหน่อย”

ไอ้นี่ก็ดันจะมาเป็นห่วงเพื่อนเอาตอนนี้เหมือนกัน ช่วงนั้นไอ้นัยหน้าตาไม่ดีเอามากๆเลยครับ ขนาดไอ้ชัชมันยังห่วง ที่ผ่านมาปากมันก็ว่าไม่ห่วงไปยังงั้นเอง แต่ที่จริงไอ้ชัชมันเป็นคนรักเพื่อนฝูงคนหนึ่ง นี่แหละครับ ผลของระบบการศึกษา ทำให้เด็กเครียดกันตั้งแต่อยู่ ป.๖

วันนั้นเป็นวันที่ผมหงุดหงิดไอ้ชัชมาก เพราะมันทำตัวเป็นก้างขวางคอ ที่จริงน่าจะเรียกว่าก้างขวางดอมากกว่า ไอ้นัยก็นั่งอ่านหนังสือ ทำตาปริบๆ มันเก็บอารมณ์ได้เก่งมาก ดูอารมณ์ของมันไม่ออกเลย ส่วนผมนั้นค่อนข้างออกอาการผิดสังเกตอยู่บ้าง

“กูก็อยู่เป็นเพื่อนให้นี่ไง มึงจะเข้าหอไปก็ได้นะ” ผมไล่มันอีก

“เอ๊ะ มึงนี่ยังไงวะไอ้อู วันนี้ทำไมดูสนใจกับกูเสียจริงๆ อ้อ หรือว่าโม้คให้กูบ่อยๆแล้วติดใจ จะรีบเข้าไปโม้คให้กู ยังก่อนๆ ต้องรอดึกๆ ฮ่าๆๆ” ไอ้ชัชพูดไปก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก สะใจที่กัดผมได้

คำพูดของมันนี่แหละครับที่จุดชนวนทะเลาะขึ้นมา ทุกทีผมฟังแล้วก็ไม่พอใจนิดๆอยู่แล้วที่มันชอบเอาผมมาพูดข่มทำนองนี้ แต่ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรออกมา เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันชอบพูดเล่น เพื่อนสนิทกัน แค่นี้ไม่ว่ากัน แต่วันนี้มันอดโมโหไม่ได้จริงๆเพราะหงุดหงิดมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอฟังแล้วก็ของขึ้นทันที

“ไอ้ห่า เมื่อไรมึงจะเลิกพูดแบบนี้เสียทีวะ กูไม่ชอบเลยว่ะ” ผมระเบิดอารมณ์ใส่มันด้วยเสียงตะคอก

ไอ้ชัชกับไอ้นัยหน้าเหวอ เพื่อนๆคนอื่นที่ยังอยู่ในห้องเรียนก็หันมามองว่ามันเรื่องอะไรกัน

“วันนี้มึงเป็นอะไรไปวะอู เอ้าๆ กูขอโทษมึงก็ได้” ไอ้ชัชพูด ถึงมันจะปากไม่ค่อยดี แต่ก็มักยอมผมเสมอ

“ก็กูพูดยังงี้บ่อยๆ ทุกทีไม่เห็นโกรธ” มันยังไม่วายบ่นอุบอิบ

“กูไม่ชอบโว้ย แต่ทุกทีไม่เคยบอกมึง” ผมยังไม่หายโมโห กระแทกเสียงใส่มันอีก

ไอ้ชัชเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยถอย “เออ ยังงั้นกูกลับเข้าหอก่อนดีกว่า ไม่อยากทะเลาะกับมึง ฝากดูไอ้นัยด้วยละกัน”

ว่าแล้วไอ้ชัชก็เก็บกระเป๋าเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีหงอยๆ ผมเห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้ เสียใจเหมือนกันที่ไประเบิดอารมณ์หงุดหงิดใส่มัน เพราะที่จริงมันก็ดีกับผมและไอ้นัยมาโดยตลอด แต่ทำไงได้ละครับ ก็พูดไปแล้ว

“แรงเหมือนกันนะอู” ไอ้นัยพูดสั้นๆ แต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำไป มันทำให้ผมยิ่งจ๋อย

ตอนนั้นงงเหมือนกันครับ ทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็ยังมีอารมณ์อยากเสียวกับไอ้นัย แต่อีกใจหนึ่งก็เซ็งๆไปเพราะบรรยากาศถูกทำลายไปแล้ว กำลังลังเลใจว่าจะทำยังไงต่อไปดี ไอ้นัยก็พูดขึ้นมา

“อามาแล้วอ่ะ”

ห้องเรียนของเราอยู่บนตึก เมื่อมองทะลุระเบียงลงไปจะสามารถเห็นลานจอดรถได้ และที่ลานจอดรถนั่นเอง เห็นรถของอาไอ้นัยจอดนิ่งอยู่

ไอ้นัยเก็บของใส่กระเป๋า “ต้องกลับแล้วอ่ะ” มันพูด

“ฮื่อ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมพูดได้แค่นั้น ตอนนั้นเซ็งในอารมณ์สุดๆ ไม่ได้โกรธใครหรอกครับ ไม่โกรธแม้แต่กับไอ้ชัช แต่รู้สึกเซ็งที่แผนการเล่นเสียวกับไอ้นัยต้องพังทลายลง

ไอ้นัยตบไหล่ผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป

- - -

เย็นวันนั้น หลังจากที่กลับเข้าหอ ผมก็เจอไอ้ชัชนั่งอยู่ในห้องดูทีวี ผมเข้าไปนั่งข้างๆมัน กะว่าจะเอาใจมันเสียหน่อย เลยไปนั่งดูทีวีเป็นเพื่อน ไอ้ชัชหันมามองผมนิดหนึ่ง แล้วก็หันไปดูทีวีต่อไป

ผมนั่งไปได้สักครู่ เห็นไอ้ชัชเฉยๆไม่สนใจ ออกไปในทางซึมๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิด เลยพูดกับมันเบาๆ

“เป็นไรวะชัช นั่งหน้าเป็นตูด”

ผมพยายามพูดตลก แต่คงไม่ค่อยเข้าท่ากับสถานการณ์ตอนนั้นเท่าไร ไอ้ชัชฟังแล้วก็ยั่งนั่งเฉย แต่เพียงพักเดียวผมก็สังเกตเห็นมันตาแดงๆแล้วก็สะอื้นออกมาเบาๆ มันรีบลุกเดินออกจากห้องทีวีไปอย่างรวดเร็ว

ฉิบหายแล้ว ไอ้ชัชร้องไห้นี่หว่า ผมนึกในใจ มันต้องร้องไห้เพราะคับใจเรื่องผมแน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก วันนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ มีแต่เรื่องวุ่นๆ

ผมรีบเดินตามมันออกไป

“ชัช ชัช เรื่องเมื่อเย็นกูขอโทษนะ” ผมพูดกับมัน “กูพูดกับมึงแรงไป ยังโกรธกูอยู่หรือเปล่า”

ไอ้ชัชฟังแล้วแทนที่จะดีขึ้น กลับสะอื้นฮั่กหนักยิ่งขึ้นไปอีก ผมงงไปหมด ทำอะไรไม่ถูก เพราะเคยทะเลาะกับไอ้ชัชมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นมันร้องไห้สักที

Wednesday, August 22, 2007

ตอนที่ 54

หลังจากที่ผมเริ่มรู้จักการมีเซ็กซ์ด้วยปากอย่างถูกวิธี จนไม่เจ็บเพราะฟันอีก และสามารถถึงจุดสุดยอดด้วยการใช้ปากกับไอ้ชัชได้ ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าการใช้ปากกันนั้นมันสนุกและตื่นเต้นอย่างไร มิน่าล่ะ ในหนังสือถึงได้ชอบเขียนถึงการใช้ปากและท่า 69 กันนัก รวมทั้งเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้พงษ์ถึงชอบให้ไอ้ติ๊กโม้คให้ หลังจากที่แต่ก่อนไม่ค่อยสนใจเลย เพราะทำทีไรก็เจ็บ

ทั้งผมและไอ้ชัชต่างก็เริ่มติดใจกับเกมเซ็กซ์ชนิดใหม่ เพราะดีกว่าชักว่าว แม้จะไม่สนุกเท่ากับการเสียบก้นกัน แต่ตอนอยู่ในหอไม่กล้าเสียบกันหรอกครับ เพราะว่ามันค่อนข้างวุ่นวายเวลาปฏิบัติการ กลัวถูกจับได้แล้วเป็นเรื่องลงข่าวหน้าหนึ่ง

หลังจากนั้น ผมกับไอ้ชัชก็มักมีสนุกกันยามดึกในห้องน้ำบ่อยๆ แต่ก่อนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นผมสะกิดไอ้ชัช แต่หลังๆมานี้กลายเป็นว่าไอ้ชัชมักมาสะกิดผมตอนหัวค่ำ บอกให้กลางคืนอย่าเพิ่งรีบนอน แค่นี้ก็รู้กันแล้วครับว่าหมายความว่าอะไร ผมเองก็ไม่ค่อยขัดมันเสียด้วย เพราะตอนนั้นยังเด็ก แรงขับทางเพศมีอยู่เยอะ ปกติก็ชักว่าวทุกวันอยู่แล้ว กิจกรรมที่ทำกันในช่วงหลังก็มักเป็นการโม้คให้กันและกัน ไม่ค่อยชักว่าวแล้วครับ เบื่อใช้มือ หุหุ

ตอนแรกที่แอบไปมีอะไรกันตอนดึกๆก็กล้าๆกลัวๆแหละครับ แต่พอไปได้สักพัก ไม่ปรากฏว่ามีปัญหาอะไร ก็เลยชักย่ามใจ แต่หลังๆนี่ไม่เคยจ๊ะเอ๋กับไอ้พงษ์อีกเลย ไม่รู้ว่าคนละเวลากัน หรือมันระวังตัวไม่กล้าออกมาแล้วก็ไม่รู้ได้ แต่สรุปว่าทางสะดวกสำหรับผมกับไอ้ชัช

ไอ้ชัชนี่มันก็แปลก มีนิสัยกินในที่ลับแล้วไขในที่แจ้ง เวลาผมมีอะไรกับมัน วันรุ่งขึ้นมันก็ต้องไปเล่าให้ไอ้นัยฟังทุกที ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรของมัน

“ไอ้นัย หิหิ หุหุ” มันหัวเราะ ตอนเจอไอ้นัยในเช้าวันหนึ่ง แล้วพูดเสียงกระซิบ “เมื่อคืนไอ้อูมันโม้คให้กูอีกแล้ว โคตรมันเลย ไอ้อูโม้คเก่งมาก กูเสียวจนขาสั่นเลย” มันว่าเข้าไปโน่น

ไอ้นัยฟังแล้วทำหน้าแปลกๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคิดอะไร แต่ผมเองฟังแล้วรู้สึกเสียฟอร์ม เลยอดไม่ได้ต้องขัดคอมัน

“มึงพูดยังกับว่ากูต้องคอยบริการโม้คให้มึง มันก็ผลัดกันละว้า ทีมึงทำให้กูไม่เห็นพูดมั่ง ลิ้นมึงนุ่ม เสียว สบายดีจริงๆ” ผมคุยข่มมันไปบ้างเพื่อไม่ให้เสียหน้า

ที่จริงเราสามคนสนิทกันมาก รวมทั้งก็เคยมีอะไรด้วยกันมาพร้อมกันทั้งสามคนมาแล้ว ดังนั้นเรื่องเซ็กซ์จึงเรียกได้ว่าเห็นไส้เห็นพุงกันหมด ที่จริงไอ้ชัชเอาเรื่องของผมกับมันมาเล่าให้ไอ้นัยฟัง มันก็ไม่น่าจะอับอายหรือต้องปิดบังอะไร แต่ผมเองกลับรู้สึกเขินๆอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่อยากให้ไอ้ชัชมันเล่าเลย

เนื่องจากเทอมนั้นเป็นเทอมสุดท้ายของ ป.๖ นักเรียนส่วนใหญ่มักไปสมัครสอบเข้า ม.๑ ที่อื่น ดังที่ได้เล่าไปแล้ว ดังนั้นกิจกรรมเล่นสนุกกันในเวลาพักเที่ยงจึงแทบไม่มีเลย ไม่ค่อยมีการเตะฟุตบอล เล่นปิงปอง หรือนั่งจับกลุ่มคุยกันเหมือนเคย มีแต่นั่งว่ากินอาหารเที่ยงเสร็จแล้วกลับไปนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดท่องหนังสืออยู่ที่โต๊ะของตนเองในห้องเรียน

ไอ้นัยดูเอาจริงมาก ยิ่งนานก็ยิ่งดูมันเคร่งเครียดขึ้น จากเดิมที่ชอบตีหน้าตาย เดี๋ยวนี้ดูหน้ามันหมองคล้ำลง จะเรียกว่าหน้าบึ้งก็คงไม่ผิด ดูจะผอมลงด้วย ผมคิดว่าคงเป็นเพราะมันเอาจริงกับการสอบเข้า ม.๑ มาก ผมเองก็ตั้งความหวังไว้เช่นกัน ดังนั้นจึงพยายามดูหนังสืออย่างคร่ำเคร่งเอาจริงเอาจังด้วย

เมื่อเราสองคนคร่ำเคร่งกับการดูหนังสือ ไอ้ชัชเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะมันเองไม่ได้ไปสอบเข้าที่ไหน ก็เลยไม่ต้องท่องหนังสือเตรียมสอบ ชีวิตของมันวันๆก็เลยไม่ค่อยมีอะไรให้เคร่งเครียด แต่ทำไปทำมามันก็เครียดด้วยเหมือนกัน เพราะว่าเวลามันอยากเล่นกับเพื่อนๆ อยากแหย่เพื่อนๆ โดยเฉพาะผมกับไอ้นัย กลับไม่ค่อยมีใครมาเล่นหรือรับมุขกับมัน มันก็เลยมีอาการหงอยๆ ปนหงุดหงิด ชอบหาเรื่องบ่นโววายเอากับผมและไอ้นัยเสมอๆ

แม้ช่วงนั้นผมจะมีอะไรกับไอ้ชัชบ่อยๆ แต่แทนที่ผมจะรู้สึกอิ่มเอมกับรสสวาทของไอ้ชัช ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกว่าผมกำลังโหยหาอะไรบางอย่าง เซ็กซ์กับไอ้ชัชนั้นไม่สามารถเติมเต็มให้แก่อารมณ์และความรู้สึกของผมได้ แต่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ ก็ยังไม่รู้หรอกครับว่าหัวใจตนเองต้องการหรือว่าเรียกร้องอะไรอยู่ รู้เพียงแต่ว่าการมีเซ็กซ์กับไอ้ชัชนั้นมันไม่พอ ไม่ใช่คำตอบ ผมยังขาดอะไรบางอย่างอยู่

ตอนนั้นก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันครับว่าคำตอบที่ผมแสวงหาอยู่คืออะไร มันเหมือนเป็นหมอกควัน เหมือนเป็นเงาที่ปกคลุม รู้สึกได้แต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ค่อยๆเข้าใจว่าผมเองนั้นต้องการอะไร คืนก่อนหน้านั้น ผมกับไอ้ชัชนัดไปโม้คกันดึกๆในห้องน้ำตามเคย แล้ววันรุ่งขึ้น ไอ้ชัชปากสว่างก็เอามาเล่าให้ไอ้นัยฟัง (อีกเช่นเคย) แล้ววันนั้นทั้งวัน ไอ้นัยก็หน้าเคร่งเครียดเอามากๆ ขนาดที่ว่าไม่เคยเห็นมันหน้าเสียหรืออารมณ์ไม่ดีขนาดนั้นมาก่อน คือเคยเห็นมันโกรธนะครับ ตอนไอ้ชัชหลุดคำว่า “แม่ง” กับไอ้นัยไง แต่ว่านั่นมันโกรธแบบเดี๋ยวเดียวหาย นี่ไอ้นัยมันหน้าเครียดทั้งวัน

วันนั้นผมรู้สึกสงสารมันมาก พอตอนเที่ยง หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ ไอ้ชัชก็พยายามไปหาคนเล่นเฮฮาด้วยที่ห้องอื่น ผมกับไอ้นัยก็เลยมีโอกาสได้คุยกันโดยที่ไม่มีไอ้ชัชอยู่ด้วย ผมเดินไปหามันที่โต๊ะ

“เฮ้ นัย นายเป็นไรไปน่ะ” จำได้แม่นว่าวันนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมเรียกมันว่า “นาย” แทนที่จะเรียกว่า “มึง” เพราะวันนั้นดูมันเครียดมาก ผมเลยมีความรู้สึกอ่อนโยนกับมันเป็นพิเศษ แต่พูดเบาๆครับ กลัวคนได้ยิน

นัยไม่พูดอะไร ทำหน้าเรียบๆ อ่านใจมันไม่ออก นั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ

“นัย เป็นไรไปอ่ะ” ผมถามย้ำอีกเมื่อเห็นมันไม่ตอบ

“ไม่มีอะไรหรอก” ไอ้นัยตอบ “คงเครียดกับหนังสือมั้ง”

ผมก็คิดว่าคงจะเป็นยังงั้นจริงๆ ตอนนั้นใจรู้สึกห่วงไอ้นัยมาก เป็นความรู้สึกที่แปลกๆ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันเพราะไม่เคยเกิดความรู้สึกอย่างนั้นกับใครมาก่อน แม้แต่กับเอ๊ดพี่ชาย หรือกับไอ้ชัช

ผมตบไหล่มันเบาๆ “อย่าเครียดมากนะ ...เป็นห่วง”

ไอ้นัยพอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมา สบสายตาของผมแบบไม่ยอมหลบ แล้วเอามือข้างหนึ่งมาจับแขนผมเอาไว้ “ฮื่อ ขอบใจนะอู”

มือของมันถ่ายทอดความอบอุ่นเข้ามาในตัวของผม ผมรู้สึกเต็มตื้นอย่างประหลาด คล้ายๆกับว่ากำลังจะเจอสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่ แต่ว่ามันก็เป็นความรู้สึกเพียงวูบเดียว จากนั้นก็หายไป ผมคว้าคำตอบนั้นเอาไว้ไม่ทัน

ผมจ้องมองหน้าไอ้นัย วงหน้าเรียว ซูบนิดๆของมัน ไรหนวดเขียวๆ กลิ่นตัวอ่อนๆที่ผมชอบ มันกระตุ้นให้ผมเกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เปิดเทอมมา ผมไม่มีโอกาสมีเซ็กซ์กับไอ้นัยเลย แม้จะมีอะไรกับไอ้ชัชก็ตาม แต่ของแบบนี้มันแทนกันไม่ได้

แค่ไอ้นัยจับแขนผมเอาไว้เท่านั้น ดอของผมก็แข็งทันที

“นัย” ผมกระซิบกับมันเบาๆ “เย็นนี้เลิกเรียนแล้วไปรอที่ห้องน้ำประถมนะ”

Sunday, August 19, 2007

ตอนที่ 53

เมื่อไอ้ชัชมันยอมผมถึงขนาดนี้ แล้วผมจะปฏิเสธมันได้อย่างไร ผมย่อตัวลงแล้วคว้าดอของมันมาอม ดอของมันก็ไม่ได้ใหญ่คับปากอะไร กำลังอมได้สบายๆ เหมือนอมไอติม ก็เพราะมันเพิ่งพ้นวัยเด็กมานั่นเอง

หลายครั้งที่ผ่านมาที่เราเล่นโม้คกัน ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร อมเล่นไปยังงั้นเอง แค่ลองทำตามหนังสือ แต่สำหรับวันนี้ การที่ผมอยู่กับไอ้ชัชสองต่อสองในกลางคืนที่เงียบสงัด มันทำให้ผมเอาใจใส่กับความรู้สึกของการโม้คมากยิ่งกว่าทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกโม้คที่เพิ่งผ่านไป รวมทั้งการโม้คให้คนอื่นอย่างในขณะนี้

ผมดูดๆเลียๆด้วยความรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันเค็มๆแล้วก็มีกลิ่นแปลกๆอย่างนึงล่ะ และอีกอย่างเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ค่อยถูก คือมันเป็นแท่ง ทั้งแข็ง ทั้งหยุ่น ในเวลาเดียวกัน จะว่าไปมันก็น่าอมเล่นดีเหมือนกัน แล้วก็ความรู้สึกที่สามที่มันวันเวียนเข้ามาในหัวผมเป็นระยะๆ นั่นคือ ... นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่นี่??? ยังไม่หมดครับ... แล้วความรู้สึกที่สี่ก็ตามเข้ามาอีก ... นี่ถ้าเป็นไอ้นัยก็ดีน่ะสิ

ผมโม้คให้ไอ้ชัชด้วยความรู้สึกที่สับสน สับสนตัวเอง แม้ความคิดจะสับสน แต่ปากของผมก็ทำงานไปเรื่อยๆ ผมใช้ปากและลิ้นค่อยๆปลิ้นหัวเห็ดของไอ้ชัชออกมาจากเปลือก จากนั้นใช้ลิ้นฉกและวนอยู่ที่รูเปิดและเงี่ยงของมัน เหมือนกับที่มันทำให้ผม ไอ้ชัชซี้ดปากเบาๆพร้อมกับแอ่นตัวไปมา

เพียงครู่เดียวผมก็นู้สึกว่าดอของไอ้ชัชมีอาการเกร็ง จากนั้นก็กระตุก แล้วมันก็พ่นน้ำว่าวเข้ามาในปากของผม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมถูกพ่นน้ำว่าวใส่ปาก รสชาติของน้ำว่าวคาวอย่างน่าพะอืดผะอม ผมพยายามถอนปากออกจากดอของมันเพราะจะอ้วก ตอนนั้นไม่ชอบกลิ่นและรสแบบนี้เลย

ไอ้ชัชเหมือนจะรู้ว่าผมจะพยายามถอนปากออก มันจับหัวของผมยึดไว้แล้วอัดดอของมันลึกเข้ามาอีก ไม่ยอมให้ผมคาย ผมสงสารมัน เพราะคิดว่ามันคงจะเสียวและมีความสุขมาก ไหนๆมันก็ยอมผมทุกอย่าง ผมจะไม่ยอมมันบ้างก็คงเอาเปรียบกันเกินไป ก็เลยยอมเพื่อน ทนๆให้มันปล่อยน้ำว่าวเข้ามาในปากผมจนหมด ไม่ดิ้นอีก

วันนี้ไอ้ชัชน้ำแตกเร็วมาก แค่อมเดี๋ยวๆก็แตกแล้ว อีกทั้งน้ำว่าวไหลออกมามากกว่าทุกครั้ง แต่ก่อนตอนมันยังเด็กๆอยู่นั้น น้ำว่าวมันยังไม่พุ่งครับ แค่หลั่งออกมาเป็นหยดๆ แต่วันนี้ดูเหมือนมันจะพุ่งได้ ผมพยายามอมเอาไว้จะได้บ้วนทิ้งไปทีหลัง แต่ว่ามีบางส่วนฉีดเข้าไปในส่วนลึกของลำคอ จะอมไว้ก็อมไม่อยู่ เลยต้องหลับหูหลับตากลืนมันลงไป กลิ่นรสของมันนี่สุดจะทนเลยครับ เป็นความรู้สึกในตอนนั้น อยากจะถอนดอของมันออกมาอ้วกแต่ก็เกรงใจเพื่อน

สักพักเมื่อเห็นมันหยุดเกร็งแล้ว ผมก็รีบคายของไอ้ชัชออกจากปาก พยายามบ้วนน้ำว่าวของมันออกมาให้มากที่สุด แล้วรีบเปิดประตูห้องส้วมออกเพื่อจะไปบ้วนปากที่ก๊อก ตอนนั้นลืมสังเกตไปเหมือนกันว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาหรือเปล่า นับว่าโชคดีครับที่ไม่มีใครเดินเข้ามา ถ้ามีความลับของเราคงแตก

บ้วนปากได้สักพักจนรู้สึกกลิ่นคาวหมดจากปากไปบ้างแล้ว ไอ้ชัชก็เดินเข้ามาตบหัวผมแล้วกระซิบ

“ขอบใจมากนะอู กินของกูเข้าไปเยอะไหม”

“ไอ้เวร ยังมาถามอีก กลืนลงไปเกือบหมดเลยมั้ง รสชาติโคตรเลย ทีหลังไม่เอาแล้วนะมึง” ผมบ่น

ไอ้ชัชกอดตัวผมไว้เบาๆแบบปลอบใจ มันนี้มันก็แปลกๆครับ ไม่ค่อยกวนเหมือนทุกครั้ง

“น่า ทีกูกินของมึงยังไม่บ่นอะไรสักคำ”

อือม์ ก็จริงของมัน ทีของผมมันยังไม่แสดงอาการรังเกียจขนาดนี้ คิดไปคิดมาผมก็อาจจะทำเกินไปหน่อย พอความคิดเปลี่ยนไป ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอยากอ้วกแล้ว

หลังจากนั้นเราก็รีบออกจากห้องน้ำ พอตอนน้ำยังไม่แตกนี่ความกล้ามีอยู่เยอะครับ ไม่ค่อยกลัวว่าจะโดนใครจับได้สักเท่าไร แต่พอน้ำแตกแล้วนี่สิ รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที อยากจะรีบๆแยกย้ายกันกลับห้องไปเร็วๆ แต่คืนนั้นโชคยังเป็นของเราอยู่ ไม่มีใครมาเห็น

- - -
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเคารพธงชาติและเข้าห้องเรียน เมื่อไอ้ชัชพบไอ้นัย มันรีบลากไอ้นัยไปคุย ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะเล่าเรื่องอะไร ก็เลยไม่ยอมปล่อยให้มันเล่าคนเดียว เดี๋ยวจะเอาผมไปคุยโม้ใส่สีตีไข่ ผมเลยรีบตามไปฟังด้วย

“ฮุๆ รู้มั้ยไอ้นัย เมื่อคืนไอ้อูมันเสร็จกูแล้ว” ไอ้ชัชหัวเราะเลียนเสียงไอ้นัย ท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ

ไอ้นัยทำหน้าเหรอหรา

“เมื่อคืนพวกมึงทำอะไรกันอ่ะ”

“ก็ไอ้อูมันเสียความบริสุทธิ์ให้กูแล้วน่ะสิ” ไอ้ชัชพูดอย่างภาคภูมิใจ เห็นไหมครับ มันเริ่มโม้แบบมั่วๆแล้ว

“ก็ไอ้อูมันเสียความบริสุทธิ์ไปตั้งนานแล้วนี่ มันเอาอะไรมาเสียอีกอ่ะ” ไอ้นัยทำหน้าทะเล้น วันนี้เกิดอารมณ์ดีเช่นกัน รับมุขไอ้ชัชเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผสมโรงแกล้งผมด้วย

“มึงไม่รู้อะไร เมื่อคืนมันโม้คให้กูจนน้ำแตกคาปาก แถมยังกลืนน้ำของกูลงไปจนหมด มันบอกอร่อย ติดใจน้ำของกู”

ไอ้นัยหันมามองหน้าผม ทำสีหน้าแปลกๆที่แปลความหมายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคิดอะไรอยู่

“จริงเหรอ” ไอ้นัยถามผม

ผมรีบตบหัวไอ้ชัชไปหนึ่งที แล้วรีบพูด “มันมั่ว อย่าไปเชื่อมัน”

“มั่วไรฟะ” ไอ้ชัชเถียง “เมื่อคืนมึงโม้คให้กูจนน้ำแตกคาปาก แถมยังกลืนน้ำของกูลงไปจนหมด มันมั่วตรงไหน”

ผมละปวดหัวกับมันจริงๆ ชอบต่อปากต่อคำ แต่คราวนี้ปล่อยผ่านไปไม่ได้ เดี๋ยวเสียฟอร์มของผมหมด

“มึงพูดจริงมั่งไม่จริงมั่ง แล้วเอามาปนกันน่ะสิ”

“แล้วอะไรที่จริงบ้างล่ะ” ไอ้นัยยื่นหน้าเข้ามาถาม มันชักอยากรู้

“ก็...” ผมอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เขินนิดหน่อยเหมือนกันนะเนี่ยเวลาจะเล่าว่าผมถูกไอ้ชัชมันทำอะไรมาบ้าง “ไอ้โม้คกันน่ะเรื่องจริง แต่มันก็ผลัดกันโม้คนั่นแหละ มันพูดยังกับกูไปขอมันโม้ค” ผมพยายามอธิบายให้ไอ้นัยฟัง

“แล้วเรื่องมึงกินน้ำกูลงไปนั่นจริงไหม” ไอ้ชัชรีบถามแทรกเข้ามา

“ก็จริง ...” ผมตอบ

ยังไม่ทันพูดจบ ไอ้ชัชก็รีบสรุป “นั่นไง สรุปแล้วกูก็เล่าความจริง แล้วมันไม่จริงตรงไหน”

เห็นไหมครับ ไอ้ชัชนี่ร้ายจริงๆ มั่วไปได้เรื่อยๆ

“ไอ้เปรต ทีส่วนที่ไม่จริงเสือกไม่เอามาถาม ที่ไม่จริงก็คือ กูไม่ได้บอกว่าน้ำมึงอร่อย แล้วก็ไม่ได้ติดใจด้วยโว้ย” ผมรีบเถียง ต้องรีบพูด กลัวเถียงไม่ทันมันเหมือนกัน

“มึงไม่ได้บอกก็จริง แต่มึงคิดยังงั้นแน่นอน กูรู้” ไอ้ชัชไม่ยอมแพ้ เรื่องต่อปากต่อคำนี่มันถนัด ผมสู้มันไม่ได้หรอกครับ

“เออ ตามใจมึงวะ” ผมชักรำคาญเลยตัดบท

จากนั้นเสียงออดเรียกเคารพธงชาติก็ดังพอดี เป็นอันว่าผมแทบไม่ได้อธิบายอะไรเลย ไอ้ชัชพูดเองเออเองเกือบทั้งหมด จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เพราะวันๆไอ้ชัชมันก็พูดเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าวันนั้นผมคิดผิดอย่างแรงที่ปล่อยให้ไอ้ชัชพูดมั่วโดยที่ผมไม่ได้อธิบายอะไร แถมยังเหมือนยอมรับว่าสิ่งที่ไอ้ชัชเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมดเสียอีก

Sunday, August 12, 2007

ตอนที่ 52

ไอ้ติ๊กนี่หน้าตาก็ใช้ได้อยู่หรอกครับ ขาวๆ แต่ไม่ตี๋ นิสัยก็เรียบร้อย แต่ไม่สนิทกับมันมากนักเพราะว่าเรียนกันคนละห้อง แถมห้องนอนก็คนละห้องกันอีก

ผมอดจินตนาการไปไม่ได้ว่าไอ้สองคนนี้มันทำอะไรกันบ้างตอนอยู่ในห้องส้วม ไอ้ติ๊กคงปรนเปรอสวาทให้ไอ้พงษ์เต็มที่ด้วยการโม้ค ไอ้พงษ์เองก็คงน้ำแตกคาปากไอ้ติ๊ก แล้วไอ้พงษ์มันจะโม้คให้ไอ้ติ๊กบ้างไหม นี่ถ้าผมถูกไอ้นัยโม้คให้บ้างจะเป็นอย่างไร ไม่เอา โม้คแล้วเจ็บดอ ฟันของไอ้นัยชอบมาโดน เอาตูดมันดีกว่า ฯลฯ แค่นึกก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างรุนแรง

ผมยืนรออยู่ในห้องน้ำสักพัก ฉี่ไม่ออกหรอกครับ ดอมันแข็งไปหมดจะให้ฉี่ออกได้ยังไง กะจะรอสักครู่แล้วจะย้อนกลับไปตามไอ้ชัช ป่านนี้มันคงรอผมอยู่ในห้องนอน

ยังไม่ทันจะเดินออกไปตาม ไอ้ชัชก็โผล่เข้ามาในห้องน้ำพอดี ไอ้ชัชเดินเบามาก ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของมันตอนเดินมาเลย

“ออกมาทำไมวะ กูบอกให้รออยู่เฉยๆ” ผมกระซิบดุมันเมื่อเห็นมันไม่ทำตามที่ผมบอก

“ตีนอยู่กับตัวกู กูอยากเดินก็เดินออกมา” ไอ้ชัชลอยหน้าลอยตาทำหน้าทะเล้น ผมเลยตบหัวมันเบาๆไปหนึ่งที ชอบกวนดีนัก “ก็กูอยากรู้นี่หว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น มึงถึงได้ต้องทำตัวลับๆล่อ” มันพูดต่อ

ผมเลยเล่าให้ไอ้ชัชฟังสั้นๆถึงเรื่องที่ได้ประสบมา ไม่อยากเล่ายาวเพราะเสียงคุยกันมันดังไปไกลพอควรในยามดึกสงัดเช่นนี้แม้จะเป็นการกระซิบกันก็ตาม เมื่อเล่าจบผมก็ผลักมันเบาๆ

“เข้าไปเถอะ เร็วๆ” ผมพยักพเยิดให้มันเข้าไปในห้องส้วม แล้วเราทั้งคู่ก็ผลุบหายเข้าไปในห้องส้วมห้องหนึ่ง

เมื่ออยู่ในห้องส้วม ผมกับไอ้ชัชถอดกางเกงและกางเกงในออกแบบคนรู้งาน ตอนนั้นผมมีอารมณ์มากควยไอ้ชัชก็แข็งเด่เหมือนกัน สงสัยว่าคืนนี้เกิดอารมณ์มากด้วยเหมือนกัน

ผมจับเอวไอ้ชัชมาประกบกับเอวของผมแล้วส่ายเอวไปมา ดอของเราสองคนเสียดสีกันไปมา โดยเฉพาะส่วนหัวที่โผล่พ้นหนังหุ้มปลาย เมื่อเสียดสีกันแล้วเสียวสุดๆ แต่ก็เสียวแบบแห้งๆแหละครับ พอเสียดสีนานๆเข้าก็กลายเป็นแสบเพราะไม่มีอะไรหล่อลื่น

ผมจับดอของเราสองคนมากำร่วมกันแล้วชักว่าว ท่าจัดท่าชักดีๆจะไม่ค่อยแสบเท่าไร ท่านี้ก็ให้ความเสียวได้ดีมาก ผมชอบครับเพราะว่าชักคนเดียวแต่เสียวได้สองคน ผมชอบชักท่านี้กับไอ้นัย ก่อนหน้านี้ใช้ท่านี้กับไอ้ชัชไม่ได้เพราะว่าถ้าจะชักว่าวแบบนี้ได้ขนาดของดอต้องใกล้ๆกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่ถนัด แล้วของไอ้ชัชเมื่อก่อนมันยังเด็กอยู่ ก็เลยเล็กหน่อย จับแล้วไม่ถนัดมือ แต่ปีนี้ดอมันโตเร็วมากครับ จากเบอร์เอสกลายมาเป็นเบอร์เอ็ม ทำไปทำมาขนาดใกล้เคียงกับของผมกับไอ้นัยแล้ว เลยชักท่านี้กับมันได้

เมื่อนึกถึงไอ้พงษ์กับไอ้ติ๊กแล้วก็ยิ่งเกิดอารมณ์ อยากเล่นตูดไอ้ชัชเหลือเกิน เสียดายที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย น้ำลายเอามาใช้หล่อลื่นนี่ไม่เคยใช้เลยครับ เพราะไม่ค่อยชอบ รู้สึกมันสกปรกยังไงชอบกล

ชักไปชักมาก็แสบอีก ในที่สุดผมเลยบอกกับไอ้ชัช “เฮ้ย โม้คให้กูหน่อยดิ”

ก็อย่างที่เคยบอก เดิมทีผมไม่ค่อยประทับใจกับการโม้คเท่าไร เพราะว่าตอนที่เราสามคนเล่นท่านี้กัน ฟันมักจะโดนทำให้รู้สึกเจ็บ เลยไม่คิดว่ามันสนุกอะไรนัก แต่เมื่อผมได้ยินเสียงไอ้พงษ์กับไอ้ติ๊กโม้คกัน มันทำให้ผมเกิดอยากลองขึ้นมาอีก

ไอ้ชัชมองหน้าผม คล้ายๆกับจะถามว่าเอาแน่เหรอ ผมเลยเข้าใจว่ามันลังเลเพราะกลัวสกปรก

“เอาน่า เพิ่งอาบน้ำมา กูฟอกสบู่อย่างดีเลย ไม่สกปรกหรอก ช่วยหน่อยนะ” ผมชักแม่น้ำมาหว่านล้อมมัน แล้วหยอดลูกอ้อนแถมท้าย

น่าแปลกที่ทุกครั้งไอ้ชัชมักจะต้องต่อความยาวสาวความยืด ต้องกวนประสาทจนพอใจก่อน แต่คราวนี้มันไม่พูดอะไรสักคำ ทรุดตัวลงจับดอของผมใส่เข้าปากอย่างว่าง่าย

ไอ้ชัชอมๆ ดูดๆ แรกๆผมก็เจ็บนิดหน่อย เพราะฟันมันชอบมาโดน โดยเฉพาะเวลาฟันโดนส่วนหัวที่เปิดพ้นหนังหุ้ม มันจะเจ็บเอาการเลยทีเดียว แต่ความเงี่ยนมีมากทำให้ผมทนเจ็บ

สักพักเดียว ความเจ็บก็หายไป ดูไอ้ชัชจะเรียนรู้ได้รวดเร็วมาก แต่ก่อนโม้คกันกี่ครั้งก็เจ็บทุกที ในความรู้สึกของผมการอมโดยไม่ให้ฟันไปโดนนั้นยากอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเวลาผมอมให้ไอ้สองตัวนี่มันก็บ่น แต่ในครั้งนี้ไอ้ชัชกลับเรียนรู้การโม้คที่ถูกวิธีได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่เจ็บแล้วความเสียวสบายก็เข้ามาแทนที่ ผมเพิ่งรู้ความจริงเดี๋ยวนี้เองว่าการโม้คนั้นมันเสียวและสนุกอย่างไร

ไอ้ชัชอมๆดูดๆสักพัก แล้วมันก็เริ่มเอาลิ้นมาตวัดเลียส่วนหัวและส่วนเงี่ยงของผม มันถอกหนังหุ้มปลายของผมไปจนสุด แล้วละเลงลิ้นอย่างไม่ยั้ง ผมเสียวจนตัวงอ ต้องถอนดอออกจากปากมัน ไอ้ชัชที่นั่งยองๆอยู่เงยหน้ามามองผม ทำหน้าเหรอหรา นึกว่าผมเจ็บ

“เสียวเหลือเกินไอ้ชัช มึงไปฝึกมาจากไหนวะโม้คโคตรเก่งเลย” ผมก้มหน้าไปกระซิบถามมัน

ไอ้ชัชยิ้มแป้นเมื่อได้ยินคำชม มันไม่ตอบแต่คว้าดอของผมใส่ปากอมต่อ วันนี้ดูท่าทางมันเต็มอกเต็มใจทำให้ผมดีเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แสงสลัวๆในห้องส้วมทำให้ผมพอมองเห็นว่าขณะที่มันโม้คให้ผมอยู่นั้นดอของมันเองก็แข็งเด่อยู่ตลอดเวลา

ไอ้ชัชโม้คให้ผมได้เพียงไม่นาน ผมก็เสียวมากจนน้ำใกล้แตก ปกติผมก็แตกเร็วอยู่แล้ว ยิ่งถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยเสียงจากคู่ของไอ้พงษ์ ประกอบกับลีลาลิ้นของไอ้ชัช เพียงเดี๋ยวเดียวอารมณ์ของผมก็ใกล้ระเบิด

ผมทำท่าบอกไอ้ชัชว่าน้ำกำลังจะแตก ปกติพวกเราไม่เคยน้ำแตกในปากกัน ดังนั้นผมก็นึกว่าจะเอาออกมาแตกข้างนอก นึกว่ามันจะคายดอของผมออกจากปาก ที่ไหนได้ มันกลับทั้งดูดทั้งเลียเร็วยิ่งขึ้น ผมบอกมันอีกว่าน้ำกำลังจะแตก มันก็ไม่สนใจ

เอาวะ มึงไม่สนใจก็ขอแตกในปากมึงละกัน อย่ามาว่ากัน ผมนึกในใจ ว่าแล้วผมก็ถึงจุดสุดยอด ฉีดน้ำเข้าไปในปากไอ้ชัชไม่รู้กี่ระลอก เพราะวันนั้นเสียวมาก ยิ่งรู้สึกว่าผมกำลังจะปล่อยน้ำแตกคาปากไอ้ชัช ยิ่งทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก

ไอ้ชัชเมื่อโดนผมพ่นน้ำเข้าไปถึงกับสำลักพรวด รีบถอนดอของผมออกจากปาก แต่ตอนนั้นน้ำของผมยังแตกไม่หมด ส่วนที่เหลือก็เลยกลายเป็นพ่นใส่หน้ามันแทน ผมเห็นหน้าไอ้ชัชเปื้อนไปด้วยน้ำว่าวของผมซึ่งเป็นภาพที่แปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน กลิ่นคาวน้ำว่าวเต็มห้องส้วม ผมยังจำภาพและความรู้สึกของวันนั้นได้ดี มันเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

ไอ้ชัชบ้วนน้ำว่าวส่วนที่เหลือค้างอยู่ในปากออกมา แล้วก็เอาหยิบทิชชู่จากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดหน้า ผมยังนึกในใจว่าเดี๋ยวมันคงบ่นผมจนหูชาแน่ะเพราะทำหน้ามันเลอะเทอะ แถมยังพ่นน้ำว่าวในปากมันอีก แต่น่าแปลก ไอ้ชัชไม่บ่นอะไรสักคำ

พอมันเช็ดหน้าเสร็จ มันกดหัวผมลง แล้วกระซิบกับผมเบาๆ

“โม้คให้กูมั่งนะอู”

Sunday, August 5, 2007

ตอนที่ 51

“เอาน่า อย่าถามมาก คอยหน่อยละกัน” ผมบอก พลางเขกหัวมันไปหนึ่งที

“เงี่ยนขึ้นมาล่ะสิ” มันพูดหน้าตาเฉย ผมเขกหัวมันอีกที

“มึงรู้แล้วไม่ต้องพูดได้ไหมวะ เสียงมึงดังยังกับลำโพง” ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ ในบางเวลาน่ะ ตอนนั้นคนอยู่ในห้องหนังสือกันเยอะ ไอ้ชัชยังเสือกแหกปากออกมา

“มึงเขกหัวกูไปสองทีแล้วนะ เดี๋ยวกูเยี่ยวรดที่นอน ไอ้ห่า...” มันด่า

ผมได้ฟังแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “กูไม่เห็นมึงเยี่ยวรดที่นอนเสียที มีแต่น้ำแตกรดที่นอน”

ว่าแล้วผมก็รีบเดินหนีมันไป เพราะขืนอยู่ต่อมันก็ต้องต่อความยาวสาวความยืด กวนประสาทไม่รู้จบ

- - -

คืนนั้น ผมรู้สึกเกิดอารมณ์อย่างมาก นั่งดอแข็งตลอดทั้งหัวค่ำเลย อยากให้ถึงเวลาดึกเร็วๆ แต่ในมโนภาพนั้นไม่ได้นึกถึงไอ้ชัชเลยนะครับ นึกถึงแต่ไอ้นัย ยิ่งนึกยิ่งมีอารมณ์ เสียดายที่มีอะไรกับมันไม่ได้ ว่าแล้วก็นึกย้อนไปถึงประสบการณ์ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา มันช่างเป็นความทรงจำที่หอมหวานเสียจริงๆ

ประมาณเกือบๆสามทุ่ม เด็กนักเรียนทุกคนก็เข้านอนกันจนหมด ผมนอนกระสับกระส่ายอยากให้ดึกเร็วๆ กะว่าสักประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน น่าจะกำลังดี หากรอดึกกว่านั้นผมก็คงตื่นไม่ไหวเหมือนกัน

ประมาณ ๕ ทุ่ม ทุกอย่างเงียบสงัด ผมรอจนไม่อยากรอต่อไปแล้ว ลุกจากที่นอนไปสะกิดไอ้ชัช แล้วจับมันชักว่าวเพื่อให้มันตื่นไวๆ เทอมนี้ก็เหมือนเดิม ผมนอนเตียงติดกับไอ้ชัช

“เฮ้ย ตื่นได้แล้ว” ผมเรียกมันที่ข้างหู

มันมุดหัวเข้าไปใต้หมอนแล้วเอาหมอนปิดหู ผมรู้นิสัยมันดี ถ้าหลับแล้วเรียกยาก ก็เลยใช้ชักว่าวปลุกมันแทน ชักได้ไม่นาน ดอของมันก็แข็ง ผมเอานิ้วคลึงที่หัวเปิดของมันเพื่อให้มันเสียวจนนอนไม่ไหว

เป็นไปตามคาด นอนเอาหมอนปิดหูได้พักเดียวก็ต้องยกหมอนออก แล้วหันหน้ามากระซิบกับผม

“กวนใจจริงนะมึง”

“หรือมึงไม่อยากวะ ไอ้หอก ทำเป็นเล่นตัว” เนื่องจากปากของผมอยู่ใกล้หูของมัน เลยขบใบหูมันไปเบาและซุกไซร้ตามใบหู ทำเล่นไปยังงั้นแหละครับ ไม่ได้คิดโรแมนติกอะไรกับมันเลยตอนนั้น อยากให้มันจักกระจี๋และตื่นมากกว่า

แต่ปรากฏว่าไอ้ชัชซู้ดปากเบาๆพลางลุกขึ้นมานั่ง แล้วกระซิบเบาๆ “มึงเดินไปห้องน้ำก่อนไป เดี๋ยวกูตามไป อย่าเดินไปด้วยกัน อ้อ ทิชชู่นะ อย่าลืมอีก” แน่ะ คราวนี้มันรอบคอบเสียด้วยครับ กำชับมาเสียยาว โดนไซร้ใบหูเท่านั้นหายง่วงเลย

ผมจึงลุกจากเตียง เดินควยโด่ไปเข้าห้องน้ำ

เนื่องจากตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว และทั้งตึกเงียบสงัด ดังนั้นแม้แต่เสียงเบาๆก็จะได้ยินไปไกล ดังนั้นตอนเดินไปห้องน้ำผมจึงเดินแบบย่องเพื่อไม่ให้มีเสียงฝีเท้า ไม่อยากทำเสียงอะไรให้ใครตื่นโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเป็นปกติ การเดินเข้าห้องน้ำเวลาดึกจะได้ยินเสียงฝีเท้าไปไกล

ผมย่องอย่างเงียบกริบมาจนถึงห้องน้ำ พลันก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันอยู่ในห้องน้ำ แต่ไม่ยักเห็นตัวใคร ผมจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

ไม่ใช่ผีที่ไหนหรอกครับ เสียงคนคุยกันจริงๆ มันดังลอดออกมาจากห้องส้วมสำหรับอึนั่นเอง แต่ไม่รู้หรอกครับว่ามันดังมาจากส้วมห้องไหน เพราะปกติประตูมันจะปิดแม้ไม่มีใครอยู่ก็ตาม ทุกบานก็เลยปิดเหมือนกันหมด

“เร็วๆ จะแตกแล้ว โอ๊ย......” เสียงในห้องส้วมดังขึ้นมาจนได้ยินชัด นึกว่าใคร เสียงไอ้พงษ์เจ้าเก่านั่นเอง มันคงน้ำใกล้แตกเต็มที เลยหลุดปากส่งเสียงดังออกมา นี่แสดงว่ามันคงพาคู่ขาลึกลับของมันมาโม้คในห้องน้ำอีกแล้ว ดวงของผมสมพงษ์กับมันเสียจริง ชอบเจอกับมันตอนดึกๆ

เอาไงดีหว่า ถ้ามันเจอผมคงไม่ดีแน่ ผมเลยเดินย่องกลับเข้าห้องนอนไปก่อน ก่อนที่มันจะออกมาพบเข้า ระหว่างทางเดินกลับเข้าห้องนอน เจอไอ้ชัชเดินสวนออกมาพอดี ผมเลยลากมันกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยกัน มันเองก็งงๆว่าผมเดินกลับมาทำไม

ผมรีบเอามือปิดปากมันก่อนที่มันจะพูดอะไร เพราะรู้ดีว่ามันชอบพูดเสียงดัง

“เข้าห้องก่อน มีคน เงียบๆเอาไว้” ผมกระซิบ

ตอนนั้นแม้อยู่ในห้องนอน แต่ถ้าตั้งใจฟังก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้ ทีแรกตั้งใจจะหลบให้ไอ้พงษ์มันเข้าห้องไปก่อนแล้วอีกสักพักเราค่อยออกไป แต่แล้ว ความคิดอยากรู้อยากเห็นก็เข้ามาแทนที่ ถ้าเดินออกไปตอนนี้ จะสวนกับไอ้พงษ์ตรงทางเดินพอดี แล้วปริศนาเรื่องคู่ขาลึกลับของมันก็จะถูกคลี่คลาย

เด็กน่ะครับ ก็อยากรู้อยากเห็น ผมจึงกระซิบบอกไอ้ชัช “อยู่นี่ก่อน กูออกไปก่อน เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง ห้ามออกไปตอนนี้นะ”

ว่าแล้วผมก็เดินออกจากห้องนอนทันที

ผมแกล้งเดินงัวเงียเมาขี้ตา (แต่ไม่รู้ว่าทำได้เหมือนหรือเปล่า) ทำทีจะไปฉี่ แล้วก็สวนกับไอ้พงษ์และคู่ขาลึกลับจริงๆ !!!

ไอ้พงษ์นี่มันไม่เนียนเลยครับ ดันเดินคู่กันมาจากห้องน้ำทั้งสองคน ขนาดผมกับไอ้ชัชยังต้องทำเนียนเดินแยกกัน คู่ขาของมันก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเด็ก ป.๖ ห้องนอนเดียวกันกับไอ้พงษ์นั่นเอง ชื่อไอ้ติ๊ก ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะไอ้ติ๊กนั้นไม่เคยร่วมกลุ่มชักว่าวหมู่กับไอ้พงษ์เลย ท่าทางก็ออกจะเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่รู้เป็นยังไงถึงได้เสร็จไอ้พงษ์ไปได้ เดิมทีผมเดาเอาไว้ว่าน่าจะเป็นคนใดคนหนึ่งในกลุ่มชักว่าวหมู่ในห้องอาบน้ำของไอ้พงษ์

ไอ้พงษ์และไอ้ติ๊กเมื่อสวนกับผมมันชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจไม่ทักทาย ก้มหน้าก้มตาเดินไปห้องน้ำ คิดว่าไอ้พงษ์คงไม่ระแวงว่าผมรู้ความลับของมันหรอกครับ เพราะมันไม่รู้ว่าผมไปห้องน้ำมาแล้วรอบหนึ่งและได้ยินเสียงเสียวของมัน

Saturday, August 4, 2007

ตอนที่ 50

ป. ๖ เทอมปลายนี้เป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผมมากมาย เทอมนั้นเองที่ผมเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม นมเริ่มแข็งเป็นไตและรู้สึกเจ็บ ที่จริงเริ่มรู้สึกเจ็บตั้งแต่ตอนใกล้เปิดเทอมแล้ว แต่ว่าหัวนมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้ผิดสังเกต แต่พอเปิดเทอมไปแล้วอาการก็เริ่มเด่นชัดขึ้น หัวนมแข็งเป็นไตเบ้อเริ่มเลย ตอนนี้แหละครับที่กรรมเริ่มสนองผมแบบทันตา พอเพื่อนๆในหอเห็นเข้าตอนอาบน้ำก็เอาไปพูดต่อ หลังจากนั้นเอง เพื่อนๆก็รู้กันหมดและผมก็ถูกแกล้งจับนมเหมือนที่ผมเคยแกล้งคนอื่น

ไอ้ชัชจอมกวนนั้นสนุกกับการแกล้งบีบนมของผมเป็นอย่างยิ่ง มันแกล้งผมหนักกว่าทุกคนเพราะสนิทกัน ทั้งตอนอยู่ในชั้นเรียนและตอนอยู่ในหอ จนบางทีผมเองก็อดเคืองมันไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันจะกวนประสาทไปถึงไหน

ส่วนไอ้นัยนั้นก็แกล้งผมบ้างนิดหน่อย ไม่ค่อยเยอะครับ เพราะปกติไอ้นัยไม่เคยแกล้งใคร มีแต่โดนเพื่อนๆแกล้งเสียมากกว่า แต่การที่มันแกล้งผมนี่เองทำให้ผมเกิดความรู้สึกดีๆอย่างประหลาด ลองคิดดูสิครับ ผมเป็นคนเดียวที่โดนมันแกล้ง มันช่างเป็นความรู้สึกที่พิเศษยากจะอธิบายได้ ผมเองก็รู้สึกแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมเวลาโดนไอ้ชัชหรือเพื่อนๆคนอื่นแกล้งจับนม มันจึงรู้สึกแตกต่างกันกับตอนที่ถูกไอ้นัยแกล้ง

นอกจากเรื่องนมแตกพานแล้ว เทอมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเกิดขึ้นกับผมอีกหลายอย่าง อย่างเรื่องเสียงนี่ฟังไม่ได้เลย เสียงแตกเหมือนเสียงเป็ด มันแย่จนผมเองยังรู้สึกรำคาญเสียงของตัวเองเลย นอกจากนั้นสิวก็ขึ้นเยอะ นี่ก็ทำให้ผมรำคาญเหมือนกันเพราะว่าเจ็บ น่าอิจฉาไอ้นัย เพราะว่าตอนมันเป็นหนุ่มเรื่องเสียงนี่แค่เปลี่ยนเป็นทุ้มขึ้น ใหญ่ขึ้น แต่ไม่แหบน่าเกลียดแบบเป็ด เรื่องสิวนี่ก็ไม่เยอะ ไอ้นัยเท่าเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดๆจะเป็นเรื่องรูปร่าง ความสูงมากกว่า

ส่วนไอ้ชัชนั้นเทอมนั้นนมก็ยังไม่แตกพานครับ ไม่รู้ว่าไปแตกเอาตนไหนเหมือนกัน เพราะว่าอยู่ด้วยกันจบจบ ป.๖ ก็ยังไม่เห็นอะไร แต่ว่าเรื่องเสียงนี่แหบพร่า เปลี่ยนไปเหมือนกัน เรื่องสิวก็ยังไม่ค่อยมาก มีผมนี่แหละสิวเยอะ แต่ยังไม่ถึงกับสิวเขรอะหน้าเยินนะครับ หน้าตายังพอดูได้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากอีกอย่างคือหมอยครับ อิอิ มันทั้งงอกยาวและทั้งหยิกขึ้น เวลาอาบน้ำแล้วโดนเพื่อนทักเรื่องนี้ยิ่งรู้สึกภูมิใจ เพราะมันเหมือนเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าผมโตแล้ว

นอกจากความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ก็เป็นสิ่งที่ผมสังเกตตัวเองได้ รู้สึกว่าเทอมนี้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดอแข็งเกือบตลอดวัน โดยเฉพาะเวลาเข้าใกล้ไอ้นัย ยิ่งไปกว่านั้น ยังรู้สึก “ติด” ไอ้นัยมากขึ้น เวลาพักกลางวันผมจะอยู่กับมันตลอด แน่นอน อยู่กับไอ้ชัชด้วยครับ เราสามคนไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกระหว่างผมกับไอ้ชัช และผมกับไอ้นัย ยิ่งนานมันก็ยิ่งแตกต่างกันออกไป ในเทอมนี้ เวลาผมอยู่ใกล้ไอ้นัยผมจะเกิดอารมณ์เพศขึ้นมาอย่างมาก ซึ่งกับไอ้ชัชนั้นผมไม่เกิดอารมณ์อะไรแบบนั้นเลย คือหมายถึงว่ากับไอ้ชัชนั้นผมกับมันเวลามีอะไรกันก็เกิดอารมณ์นะครับ แต่ว่าถ้าเป็นเวลาอยู่ในห้องเรียนหรือนั่งกินข้าวด้วยกัน ผมก็จะเฉยๆ ไม่เกิดความรู้สึกทางเพศอะไรกับมัน คือความรู้สึกก็เหมือนเดิมเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา

แต่กับไอ้นัยแล้วมันแตกต่างออกไป เวลาที่ผมอยู่ใกล้ไอ้นัย ไม่ว่าเวลาอยู่ในห้องเรียนหรือเวลาพัก ผมจะรู้สึกว่าไอ้กลิ่นตัวอ่อนๆจากไอ้นัยอยู่ตลอดเวลา กลิ่นนั้นแหละครับที่ทำให้ผมเกิดอารมณ์อย่างมาก อยู่ใกล้ไอ้นัยแล้วควยแข็งทุกที ขนาดกลางคืนยังเอามันไปฝันเลยครับ แต่เรื่องเอามันไปฝันนี่ตอนนั้นไม่ได้บอกใครครับ ทั้งไอ้นัย ไอ้ชัช ไม่ได้เล่าให้มันฟังเลย

ไหนๆก็เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองแล้ว ก็ขอเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของไอ้นัยกับไอ้ชัชในสายตาของผมด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมเล่าแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ยุติธรรมกับมันทั้งสองคน

ไอ้นัยนั้นก็อย่างที่ได้เคยเล่าไปบ้างแล้ว ในตอน ป.๖ เทอมปลายนั้น มันดูขรึมขึ้น หน้าตาที่ดูอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสตลอดวัน ก็กลายเป็นยิ้มบ้าง แต่ในบางเวลาก็ทำหน้านิ่งๆ คือไม่ได้ถึงกับหน้างอหรือดูอารมณ์เสีย แต่ก็พอดูออกได้ว่าความอารมณ์ดีของมันนั้นดูน้อยลงไป แต่นิสัยอื่นๆนั้นก็ดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไร ยังยอมเพื่อนตลอด ไม่มีปากมีเสียง ก็ยังไงยังงั้น เป็นเหมือนเดิม

นอกจากนี้แล้วที่เปลี่ยนไปก็คือหน้าตาครับ หน้าตามันดูหล่อขึ้น อาจเป็นเพราะทรงผมด้วยกระมังครับ พอไว้ผมยาวหน่อยก็เลยดูดี สุ้มเสียงก็ไม่แหลมแบบเด็กๆ แต่กลายเป็นทุ้มๆ แตกๆหน่อยๆ ไรหนวดเหนือริมฝีกปากเขียวเข้มยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือผมรู้สึกว่ามันมีกลิ่นตัวอ่อนๆโชยอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกได้กลิ่นตัวมันทั้งวันจริงๆ ไม่ใช่กลิ่นเหม็นหรือกลิ่นเต่านะครับ แต่เป็นกลิ่นหอมอ่อนคล้ายๆกลิ่นสบู่หรือกลิ่นน้ำหอม แต่ถ้าเป็นกลิ่นสบู่จริงมันจะติดตัวไปจนถึงบ่ายได้ยังไง และกลิ่นสบู่อะไรจะเย้ายวนใจได้ขนาดนั้น กลิ่นนี้แหละครับที่ทำให้ผมรู้สึกเกิดอารมณ์เพศกับมันเกือบตลอดเวลา

ส่วนไอ้ชัชนั้นก็ดูโตขึ้นครับ หน้าตาเปลี่ยนเป็นดูดีขึ้น แต่ก่อนหน้าเหมือนลิง ท่าทางก็เหมือนลิง แต่ตอนนี้ดูคล้ายคนมากขึ้น เรื่องของเรื่องก็น่าจะเป็นเพราะว่ามันไว้ผมยาวแบบรองทรงหวีเป๋แล้วเลยดูดีขึ้นนั่นเอง คือก่อนหน้านั้นพวกเราตัดผมเกรียนทรงนักเรียนหรือว่าทรงลานบินกันตลอด เพราะเป็นระเบียบของโรงเรียน มีเทอมนี้ละครับที่มีแฟชั่นตัดผมรองทรงหวีเป๋ขึ้นมา ใครเอามาเผยแพร่ก็ไม่ทราบได้ รู้แต่ว่าพอมีคนหนึ่งไว้ทรงนี้ คนอื่นๆเห็นแล้วดีก็เอาอย่าง จนกลายเป็นแฟชั่นของชั้น ป.๖ ทั้งระดับเลย ไม่ใช่แค่เฉพาะห้องของผม ซึ่งตอนแรกก็กลัวโดนตีเหมือนกัน แต่หลังๆเห็นครูและอาจารย์ใหญ่เฉยๆ ไม่พูดอะไร ก็เลยไว้ผมรองทรงกันสนุก

พูดเรื่องครูตีนี่ สมัยผมยังมีการตีนักเรียนอยู่ นอกจากโดนครูประจำชั้นตีแล้ว ในตอนเย็นวันศุกร์จะมีการชำระบัญชีกันเป็นประจำ กล่าวคือ อาจารย์ใหญ่จะถือสมุดบัญชีเดินไปตามห้องเรียนต่างๆ สมุดเล่มนั้นมีบันทึกรายการความผิดของนักเรียนเอาไว้ ใครมาสาย ใครทำผิดระเบียบ ใครชกต่อยกับเพื่อน ฯลฯ อาจารย์ใหญ่จะถือสมุดนี้เดินไปตามห้องต่างๆพร้อมกับไม้เรียว แล้วเอาไม้เรียวอันโตหวดก้นเด็ก พวกเราเรียกสมุดบัญชีเล่มนั้นว่าบัญชีหนังหมา แบบในพิภพมัจจุราชไงครับ พญามัจจุราชจะมีสุวรรณกับสุวานคอยบันทึกความดีความชั่วของมนุษย์ แต่บันทึกของอาจารย์ใหญ่นี่เป็นบัญชีหนังหมาของสุวาน บันทึกแต่ความชั่วอย่างเดียว ใครชั่วมากก็โดนไม้เรียวตีตูด

ความเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นที่สำคัญของไอ้ชัชก็คือเรื่องหมอยครับ เรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของเด็กหอตอนประถมปลายก็คือเรื่องหมอยนี่แหละครับ เพราะว่าเวลาอาบน้ำต้องแก้ผ้าอาบ ใครขึ้นแล้ว ใครยังไม่ขึ้น เพื่อนๆจะรู้กันหมด ใครที่ขึ้นแล้วแม้จะโดนเพื่อนล้อ แต่ส่วนใหญ่ก็มักภาคภูมิใจ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนุ่ม ของไอ้ชัชนี่ก็เพิ่งเริ่มขึ้นเอาตอน ป.๖ เทอมปลายนี่แหละครับ ล้อคนอื่นดีนัก คราวนี้ถึงคราวตัวเองแล้วโดนล้อบ้างแล้ว

- - -
หลังจากที่เปิดเทอมไปได้ไม่นาน ผมก็เริ่มมีปัญหากับตัวเอง ... จะพูดว่าอย่างไรดีละครับ... มันก็คือเรื่องอารมณ์ทางเพศนั่นแหละ ที่มันมีมากเสียเหลือเกิน และที่ไม่ธรรมดาก็คือ มันไม่ใช่อารมณ์เพศแบบว่าชักว่าวก็หาย แต่ว่าผมอยากมีเซ็กซ์กับไอ้นัย! ใจผมคอยนึกถึงแต่ความประทับใจและรสชาติที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนที่ผมมีเซ็กซ์กับไอ้นัย ... ตอนที่ได้เปิดความความสุทธิ์ของไอ้นัยเป็นครั้งแรก...

ความสุขที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นประทับอยู่ในความทรงจำของผมอย่างลึกล้ำ ผมอยากมีโอกาสแบบนั้นอีกจัง อยากมีทุกวันเลย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไอ้นัยเป็นนักเรียนไปกลับ แต่ถึงแม้จะเป็นนักเรียนประจำ การจะทำอะไรกันในห้องน้ำตอนกลางคืนมันก็ค่อนข้างยากอยู่ดี

เมื่อผมไม่ได้ทำอะไรกับไอ้นัย มวยแทนสำหรับผมก็คือไอ้ชัชนั่นเอง...

ที่จริงตั้งแต่เปิดเทอมปลายมา ผมชักว่าวตอนอาบน้ำทุกวันเลย ตั้งแต่มีเรื่องชักว่าวหมู่กับไอ้พงษ์มา หลังจากนั้นมาการชักว่าวในเวลาอาบน้ำของพวกนักเรียนประจำหอ ป.๖ ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดามาก ตกค่ำผมก็แก้ผ้าอาบน้ำ ชักว่าวกันตรงที่อาบน้ำทุกวันไม่มีเว้นเลย ตอนนั้นจำได้แม่นเพราะทำสถิติเอาไว้ อิอิ ตลอดเทอมชักว่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลยครับ ถ้ามีใครชักว่าวด้วยก็ชักว่าวแข่งกัน วันไหนถ้าเจอไอ้พงษ์อาบน้ำเวลาเดียวกันพอดีก็สนุกหน่อย (บางทีผมก็ดักรออาบน้ำพร้อมกับมัน แต่หลังๆก็ชักเฉยๆแล้วครับ ขี้เกียจดูของมันแล้วเพราะว่าหุ่นมันไม่ค่อยน่าสนใจ ลีลาดีอย่างเดียว อีกอย่าง น้ำว่าวมันกลิ่นเหม็นมาก หลังๆนี่ยิ่งเหม็น จนผมอยากจะอ้วก) แต่ถ้าไม่มีใครชักด้วยผมก็ชักว่าวโชว์เดี่ยวมันเสียเลย แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้ชักว่าวคนเดียวหรอกครับ อย่างน้อยถ้าอาบกับไอ้ชัช มันต้องชักแข่งกับผมเสมอ

แต่ก็ดังที่บอก ว่าเทอมนี้ผมเองรู้สึกตัวได้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายอย่าง แต่ก่อนพอมีอารมณ์ ชักว่าวในห้องน้ำแล้วก็หาย แต่เดี๋ยวนี้ พอชักว่าวเสร็จแล้วมันกลับยังรู้สึกเหมือนกับกินแล้วยังไม่อิ่ม การชักว่าวเฉยๆมันยังไม่สามารถเติมเต็มอารมณ์ผมได้

“ไอ้ชัช คืนนี้อย่านอนเร็วนะ” ผมสะกิดบอกไอ้ชัชในห้องอ่านหนังสือในตอนค่ำวันหนึ่ง

“อะไรอีกล่ะ” มันย้อนถาม แต่ถามกวนๆไปอย่างนั้นเอง ที่จริงมันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร